หลังจากจัดการลูกสมุนของเว่ยเสี่ยวตง และซัดคึนไปทีหนึ่ง เย่เฟิงก็พาหลิงเอ๋อร์ออกจากหมู่บ้านฮั่วหู“คิดไม่ถึงว่าคุณจะเก่งกังฟูขนาดนี้!อาจารย์คุณคือใครล่ะ?”หลิงเอ๋อร์ถามพร้อมดวงตาสวยที่เปล่งประกาย“ผมไม่มีอาจารย์หรอก เรียนด้วยตนเองน่ะ!”เย่เฟิงยิ้มได้ยินแบบนี้ หลิงเอ๋อร์ก็กลอกตามองบนอย่างอดไม่ได้: “เจ๋งนี่!”เดิมทีเธอก็มีหน้าตาที่งดงามและน่ารักอยู่แล้ว ขนาดกลอกตามองบนยังสวยมีเสน่ห์หาที่เปรียบ เย่เฟิงที่เห็นนั้นก็แอบใจสั่น หลังจากนั้น พวกเขาทั้งสองก็เปลี่ยนร้านอาหารเพื่อกินข้าว หลิงเอ๋อร์เอ่ยถามขึ้นเรื่องของปู่เธอ ครั้งก่อนเย่เฟิงเคยพูดว่า “เป่ยเหล่า เดือนหน้ายังต้องรักษาอีกครั้งถึงจะหายดี” ครั้งนี้เธอนัดหมายเวลาที่แน่นอนสำหรับคุณปู่ไว้แล้วขณะรับประทานอาหารไปได้ไม่เท่าไหร่ เย่เฟิงก็ได้รับโทรศัพท์“คุณเย่หรือเปล่าครับ ผมเป็นคนของใต้เท้ามู่ เรื่องวิลล่าที่สวนจักรพรรดิ์ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ โฉลดกับกุญแจอีกสักครู่ผมจะส่งไปให้นะครับ ไม่ทราบว่าช่วงบ่ายสะดวกมาเจอกันไหมครับ?”อีกฝ่ายเอ่ยถามอย่างสุภาพแม้ว่าท่าทีของมู่จ้านที่มีต่อเย่เฟิงจะเปลี่ยนไป แต่สิ่งที่สัญญาไว้ไม
ทันใดนั้นพนักงานขายอสังหาริมทรัพย์หญิงคนหนึ่งก็เดินออกมาจากสำนักงานขาย และพูดอย่างสุภาพว่า:"ทั้งสองท่านมาดูวิลล่าใช่ไหมคะ?”ไม่พูดคงไม่ได้ว่าพนักงานขายผู้หญิงที่นี่นั้นล้วนเป็นสาวงามที่หาจับยากยังไงวิลล่าที่สวนจักรพรรดิ์นี่ก็มีราคาเริ่มต้นหลายสิบล้านถึงพันล้านบาท สามารถซื้อบ้านที่นี่ได้นั้นต่างก็เป็นคนที่ร่ำรวยจริงๆทั้งนั้นจะต้อนรับลูกค้าระดับนี้ทั้งที จะเอาคนไม่สวยมาได้ยังไงเมื่อพนักงานขายเห็นว่าเย่เฟิงนั้นขับเบนท์ลีย์มา ท่าทีของเธอก็เป็นมิตรอย่างเห็นได้ชัด เธอคิดว่าเย่เฟงคงเป็นลูกชายของคนรวยคนหนึ่งแม้ว่าเขาจะแต่งตัวค่อนข้างธรรมดา แต่ในปัจจุบันคนรวยที่ใช้ชีวิตเรียบง่ายก็มีมากมายอีกทั้งหลิงเอ๋อร์ที่อยู่ข้างเย่เฟิงนั้นก็งดงามเสียจนพนักงานขายรู้สึกต้อยต่ำไปเลยข้างกายมีสาวงามระดับนี้อยู่จะมาธรรมดาๆได้ไงกัน?“ผมมีบ้านที่นี้แล้วครับ แค่ยังไม่ได้เข้าอยู่ วันนี้แค่มาดูเฉยๆ! คุณไปจัดการงานตัวเองเถอะ”เย่เฟิงอธิบายด้วยรอยยิ้ม“โอ้ งั้นเชิญคุณชายตามสบายเลยนะคะ”เมื่อพนักงานขายได้ยินเช่นนี้ แววตาผิดหวังของเธอก็ฉายแววขึ้นมาอ๋อ……ที่แท้เขาก็มีบ้านที่นี่แล้วไม่งั้นนะถ้าขายวิลล่าไ
เย่เฟิงยืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่พูดอะไรสักคำ เขาขี้เกียจจะพูดไร้สาระกับพวกนี้หลิงเอ๋อร์ที่ได้ยินคำเย้ยหยันจากจ้าวเหม่ยฟ่งและโจวชิ้งก็อดไม่ได้ที่จะถาม “เย่เฟิง พวกเขาคือใครเหรอ?”“ไม่รู้จัก ไม่ต้องสนใจหรอก”เย่เฟิงพูดอย่างสงบท่าทีของเขาทำให้โจวชิ้งกัดฟันด้วยความโกรธบนโลกนี้ การถูกดูหมิ่นที่แรงที่สุดไม่ใช่การด่าทออย่างรุนแรง แต่เป็นการถูกมองข้ามโดยสิ้นเชิงท่าทีที่เย่เฟิงมองข้ามเธอนั้นทำให้โจวชิ้งรู้สึกบิดเบี้ยวอยู่ในใจไอ้คนจนที่รับเป็นลูกเขยปลอมคนอื่นจะสิทธิ์อะไรมาเมินเธอกัน?“ฮ่าฮ่า... ไม่รู้จักเหรอ? หรือว่าไม่กล้ารับว่ารู้จักฉัน? กลัวว่าฉันจะเผยความจริงจนคุณขายหน้าต่อหน้าสาวสวยคนนี้สิท่า?”โจวชิ้งโกรธจนหัวเราะออกมา เธอชี้ไปที่จมูกของเย่เฟิงหลิวหาวยิ้มเยาะและพูดว่า: “ไอ้จน! ก็คิดว่าจะแน่ ที่ไหนได้ไปขายตัวไปเป็นหมาให้คุณหนูใหญ่ของตระกูลหลี่ ฮ่าฮ่าฮ่า…”หลิวหาวพูดพลางมองไปที่หลิงเอ๋อร์: “คนสวย เขาพาคุณมานี่คงไม่ใช่หลอกว่าจะซื้อวิลล่านี่ให้หรอกใช่ไหม? อย่าไปเชื่อเขาเลย เขาก็แค่คนจนๆ! ถ้าไม่ใช่เพราะผมพาภรรยาและครอบครัวมาซื้อวิลล่าแล้วบังเอิญเจอกันพอดี คุณคงโดนหลอกไปแล้ว!”หลิวห
พนักงานขายเบ้ปากและพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเยาะเย้ย“ฮ่า……ตลกชิบหายเลย! เขามีวิลล่าที่นี่แล้วงั้นเหรอ? โกหกซะไม่เกรงใจพื้นเพตัวเองเลยนะ!”โจวชิ้งพูดอย่างหัวเราะเยาะ“มิน่าล่ะถึงคบกับสาวงามได้เยอะแยะแบบนี้ ช่างกล้าพูดคำใหญ่คำโตจริงๆ”หลิวหาวหัวเราะลั่นจ้าวเหม่ยฟ่งขยับกำไลทองดำเธอก่อนจะชี้ไปที่เย่เฟิง: “งั้นบอกมาสิ ว่าวิลล่าหลังไหนของแก?”“นั่นสิขอเราเขาไปนั่งชมหน่อยได้ไหม?”โจวเพ่ยหยินยิ้มเยาะและมองเย่เฟิงราวกับกำลังดูหนังตลกเย่เฟิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“พวกคุณคู่ควรจะได้เข้าเหรอ?”“แกพูดอะไรนะ? ไอ้ยาจกนี่ ถูกถอดหน้ากากแล้ว ยังดื้อรั้ปากแข็งอยู่อีกเหรอ? ถ้ามีปัญญาก็บอกมาสิว่าหลังไหนของแก!”โจวชิ้งด่าออกมา“จริงค่ะวิลล่าไหนของคุณเหรอคะ? ดิฉันรู้จักเจ้าของวิลล่าทุกคนที่นี่ แต่คุณฉันไม่คุ้นเลยจริงๆ”พนักงานขายเอ่ยอย่างขบขัน “เย่เฟิง คุณบอกพวกเขาไปจะได้หุบปากกันสักที !”หลิงเอ๋อร์เชื่อมั่นในตัวเย่เฟิง เมื่อได้ยินคนเหล่านี้เยาะเย้ยเย่เฟิง จู่ๆ เธอก็โกรธขึ้นมาเล็กน้อยเย่เฟิงยักไหล่:“ก็ได้! เขตเอ วิลล่าเลขที่ศูนย์ศูนย์หนึ่ง!”เมื่อพูดจบ พนักงานขายก็ตกตะลึงอยู่ครู่หน
“ผมไม่เป็นไรครับไม่ทราบว่าท่านคือ……”เย่เฟิงโบกไม้โบกมือว่าเขานั้นไม่เป็นไร ก่อนจะเอ่ยถามอย่างสุภาพชายหนุ่มในชุดทหารท่าทีใช้ได้ยิ้มและพูดกับเย่เฟิงอย่างให้เกียรติ: "ผมเป็นผู้ช่วยท่านผู้บังคัญบัญชามู่ครับ คุณเย่เรียกผมเสี่ยวไช่ก็พอครับ!"“ที่แท้ก็ผู้ช่วยผู้บังคับบัญชาไช่นี่เอง รบกวนด้วยครับ!”เย่เฟิงยิ้มผู้ช่วยผู้บังคับบัญชาไช่ส่งเสียงว่าไม่ลำบากใดๆ ก่อนจะพูดอย่างกระตือรือร้น: “ไปเถอะครับ ผมพาคุณเย่ไปดูวิลล่าเองครับ”หลังจากที่มีคนมอบวิลล่าหลังนี้ให้กับท่านผู้บัญชาการมู่ พวกเรื่องยุ่งเหยิงต่างๆ ก็เป็นหน้าที่ผู้ช่วยผู้บังคับบัญชาไช่ เรียกได้ว่าเขาคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดีพูดจบ เขาก็มองยามเหล่าน้ันด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะโบกมือให้ทหารที่ยืนอยู่: "ปล่อยพวกมันไป ก็แค่พวกหมาไม่เจียมตัวแค่นั้น"หลังจากนั้นเขาก็พาเย่เฟิงและหลิงเอ๋อร์เข้าสวนจักรพรรดิ์ไปจนมาถึงเขตเอ วิลล่าที่หนึ่ง!ทำเลของวิลล่าหลังนี้สูงที่สุดในย่านวิลล่านี้ ให้ความรู้สึกเหมือนกับมองเห็นภูเขาทั้งหมดจากมุมสูงมีสวนสไตล์สวนหลวงซูโจว รวมทั้งสระว่ายน้ำและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ครบครัน!!ทั้งยังตกแต่งเรียบร้อย พร้อมให้เข
“ได้ งั้นเข้าไปดูกัน! ไปดูบ้านกันดีกว่า”หลิวหาวกะพริบตาสองสามครั้ง ก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วยต่อมาไม่นาน กลุ่มคนที่เดินตามหลังเย่เฟิงอยู่ไม่ไกลไม่ใกล้นั้นก็เหลือบตาไปเห็นเย่เฟิงที่เดินเข้าวิลล่าหรูหลังใหญ่นั่น“นี่……วิลล่าที่หนึ่ง เขตเอจริงด้วย! ใต้เท้ามู่ยกวิลล่านี่ให้คุณเย่จริงงั้นเหรอ?”เปลือกตาพนักงานขายกระตุกทันทีเมื่อได้ยินดังนี้ โจวชิ้งและที่เหลือก็เผยสีหน้าตกใจอยู่ครู่หนึ่งไม่อยากเชื่อ คิดสงสัย อิจฉา ริษยา……“หรือว่าไอ้ยาจกนี่จะพัฒนาแล้ว?”จ้าวเหม่ยฟ่งพึมพําออกมาสีหน้าของโจวชิ้งนั้นแย่แค่ไหนไม่ต้องพูดถึง หลังจากจ้องมองไปที่วิลล่าหรูหลังนั้นอยู่นาน สายตาของเธอก็หันไปที่หลิวหาว“สามี ฉันก็อยากได้วิลล่า! ฉันอยากได้วิลล่าที่นี่! ซื้อให้ฉันได้ไหม……”“ใช่! คนอื่นให้มามีอะไรให้น่ายินดี ต้องซื้อเองสิถึงจะเจ๋งจริง!”โจวเพ่ยหยินพูดด้วยเสียงเย็นชา พร้อมท่าทีราวกับคนกินองุ่นไม่เป็นแต่เที่ยวบอกองุ่นนั้นเปรี้ยว“คุณผู้ชายคะ เรามาเดินๆดูกันดีไหมคะ?”พนักงานขายมองไปที่หลิวหาวด้วยดวงตาที่สดใสราวกับว่าได้เห็นค่าคอมมิชชั่นหลักล้านพนักงานขายคาดหวังจากเย่เฟิงไม่ได้แล้ว เธอจึงเอาควา
เมื่อโจวเพ่ยหยินพูดออกมา โจวชิ้งและจ้าวเหม่ยฟ่งสองแม่ลูกต่างก็มีสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัยและตั้งคำถามพลางมองไปที่ “ลูกเขยทองคำ” ของพวกเธอสีหน้าของหลิวหาวเต็มไปด้วยความวิตกกังวลทำไมตอนที่เขาเห็นหลิงเอ๋อร์อยู่ข้างๆเย่เฟิง สิ่งแรกที่ทำคือ "เตือน" หลิงเอ๋อร์ว่าอย่าไปเย่เฟิงหลอกเพราะเขาเองก็เป็นแบบนั้นแหละวันนี้ที่พาโจวชิ้งและครอบครัวสามคนมาที่นี่ก็เพื่อหลอกโจวชิ้งและแม่เธอเท่านั้นเขารู้ว่าโจวชิ้งและครอบครัวเป็นพวกความทะเยอทะยานและใส่ใจเรื่องชื่อเสียง จึงพาพวกเขามาทำเป็นดูๆวิลล่าถ้าไม่มีเรื่องของเย่เฟิงก็คงไม่มีอะไร หลังจากดูบ้านก็คิดจะบอกว่ากลับไปปรึกษากันก่อน แล้วก็ปล่อยให้เรื่องมันจบลงไปแบบนั้นหลิวหาว แม้เป็นลูกคนรวยก็จริง แต่ทรัพย์สินของพ่อเขามีเพียงหลักร้อยล้านเท่านั้น ส่วนลูกชายอย่างเขาเองก็มีเงินในมือไม่มากนักวิลล่าหลังใหญ่ราคาหลักร้อยล้าน เขาจะซื้อยังไงไหวทว่าตอนนี้หลังจากเกิดเรื่องเย่เฟิงมากระตุ้นแล้ว ครอบครัวโจวชิ้งก็ไม่สามารถปล่อยผ่านได้พนักงานขายที่พาชมบ้านตลอดบ่าย ในใจก็โกรธและไม่พอใจมากจนไม่ไว้หน้าหลิวหาวแม้แต่น้อยทันใดนั้นหลิวหาวก็รู้สึกเหมือนตัวเขานั้นอ
ถ้าลูกสาวเธอไม่หย่ากับเย่เฟิงก็คงจะได้อยู่ในวิลล่าหลังใหญ่นี่แล้วใช่ไหมนะ?……เย่เฟิงไม่รู้ฉากดราม่าของครอบครัวโจวชิ้ง เดาว่าถ้ารู้เข้าก็คงจะหัวเราะเยาะน่าดูเมื่อดูเวลาเห็นว่าก็ผ่านไปสักระยะหนึ่งแล้ว เขาก็ออกจากสวนจักรพรรดิ์ก่อนอื่นเขาพาหลิงเอ๋อร์กลับมาส่งที่บ้านตระกูลซ่ง ก่อนจะไปรับนั่วนั่วที่โรงเรียนอนุบาลหลีเอียนทำงานขยันขันแข็งมาก ทุกวันถ้าไม่หกโมงเย็นไม่ออกจากบริษัทเลยถือโอกาสนี้พาสาวน้อยกลับบ้านเช่าบ้านเดิมก่อนเขาเอาสิ่งของที่จะไม่ทิ้งมาใส่ไว้บนรถ รอเอาไปที่บ้านใหม่“พ่อคะ เราจะย้ายบ้านกันเหรอคะ?”นั่วนั่วมองไปที่เย่เฟิงก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงเด็กน้อยดวงตากลมโตกระพริบตามองบ้านเช่าหลังนี้ ดูเหมือนจะลังเลเล็กน้อยถึงแม้มันจะดูโทรมๆ แต่สำหรับเด็กคนนี้มันคือบ้าน“ใช่แล้ว พ่อพานั่วนั่วไปอยู่ห้องใหญ่ๆกว้างๆดีไหม? ดีกว่าที่นี่หลายเท่าเลยแหละ”เย่เฟิงอุ้มนั่วนั่วขึ้นมาและพูดอย่างรักใคร่นั่วนั่วพยักหน้า:“ค่ะ!”ขณะที่พูด เด็กน้อยก็ยกแขนของเธอเข้ากอดคอเย่เฟิงแน่น:“พ่อคะ แม่ไม่ต้องการนั่วนั่วแล้วใช่ไหมคะ นั่วนั่วรู้ นั่วนั่วเหลือแค่พ่อแล้ว นั่วนั่วรักพ่อนะคะ ขอแค่มีพ่ออยู่
ผลวิจัยไบโอเทคของหยุนเจิงในครั้งนี้ ดูเหมือนจะเป็นความสำเร็จที่ก้าวล้ำอย่างมากเพราะหลังจากที่ทาคุโนะ ซากิ และโอดะ ชินเก็นปรากฏตัว ในระหว่างการคุ้มกันนักโทษครั้งนี้ ก็ได้มีนักรบฝีมือเยี่ยมจากประเทศญี่ปุ่นกลุ่มใหญ่อีกกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวขึ้นเพื่อจู่โจมหน่วยควบคุมตัวการต่อสู้ที่ดุเดือดปะทุขึ้นในภูเขาอย่างฉับพลันเสียงปืน เสียงตะโกน และเสียงกรีดร้องดังขึ้นไม่หยุด!หน่วยปฏิบัติการดาบมังกรและทหารเขตรักษาความปลอดภัย ต่อสู้กับศัตรูจากต่างแดนอย่างดุเดือดในขณะเดียวกัน ในอีกทิศทางหนึ่งเย่เฟิงเหมือนสัตว์ร้ายที่ถูกกักขังมานาน และตอนนี้มันได้ปลดปล่อยพลังออกมาอย่างเต็มที่ แทบจะรอก่อให้เกิดพายุครั้งใหญ่ไม่ไหวแล้วอย่างไรอย่างนั้น!เขาเพียงลำพังสามารถฆ่านินจาที่ใช้วิชาดินกลุ่มหนึ่งจนหมดสิ้น ก่อนจะพุ่งเข้าสู่กลุ่มนักรบซามูไรที่ถือดาบและโล่“บากะ!”“ฆ่ามัน!”“หั่นมันเป็นชิ้นๆ!”เหล่าซามูไรจากประเทศญี่ปุ่นชะงักไปครู่หนึ่ง เมื่อเห็นชายคนเดียวพุ่งเข้ามาจากนั้นสีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนเป็นดุดัน เต็มไปด้วยความกระหายเลือดในเสี้ยววินาที ดาบซามูไรมากกว่าสิบเล่มฟันผ่านอากาศ พุ่งใส่เย่เฟิงอย่างรวดเร็ว
กลุ่มนักรบในชุดดำ โผล่ออกมาจากทุกทิศทาง!พวกเขามือถือดาบซามูไรในมือและโล่กันกระสุนอีกข้าง ค่อยๆ บีบวงล้อมเข้ามา ปิดล้อมค่ายพักชั่วคราวไว้แน่นบรรยากาศรอบบริเวณเต็มไปด้วยความมุ่งร้ายและกลิ่นอายสังหาร!“ศัตรูบุก! เตรียมพร้อมสู้!”“คุ้มกันเสิ่นจี่! ห้ามให้มีข้อผิดพลาดเด็ดขาด!”สีหน้าของฉินเจิ้นเปลี่ยนพลางตะโกนเสียงดังปัง! ปัง! ปัง!ต้องยอมรับว่าหน่วยปฏิบัติการดาบมังกรมีความสามารถในการรบที่ยอดเยี่ยม พวกเขาตอบสนองได้รวดเร็วทันทีเสียงปืนเริ่มดังขึ้น!ลั่วกันหยุนและเหล่าทหารเขตรักษาความปลอดภัยก็เข้าสู่สถานะเตรียมรบอย่างรวดเร็วการปะทะที่ดุเดือดเริ่มต้นขึ้นโดยไม่มีคำพูดใดๆในขณะเดียวกัน เย่เฟิงพุ่งเข้าหานักรบในชุดดำกลุ่มหนึ่งดวงตาสีแดงก่ำของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ ความเศร้า... และความตื่นเต้นเล็กน้อย“ขอบใจพวกแกมากที่โผล่มาในเวลานี้!”เย่เฟิงแสยะยิ้มอย่างน่ากลัว พลังสังหารที่พุ่งออกมาจากตัวเขาเข้มข้นจนทำให้บรรยากาศรอบข้างเย็นยะเยือกตูม!ในชั่วพริบตา หมัดของเขาซัดใส่นินจาคนหนึ่งอีกฝ่ายเพิ่งจะยกดาบขึ้นเตรียมรับมือ แต่แรงมหาศาลจากหมัดของเย่เฟิงพุ่งใส่หน้าอกจนเขาลอยกระเด็นออกไป
“ขอบคุณเธอและอาจารย์ของเธอมากที่พยายามช่วยพวกเขาในตอนนั้น!”“ฉันต้องขอโทษสำหรับการกระทำของฉันเมื่อกี้ด้วย”เสียงของเย่เฟิงเต็มไปด้วยความหม่นหมอง หลังจากพูดจบ เขาก็หันหลังเดินออกจากหุบเขาโดยไม่เหลียวกลับมามอง"ฟู่ว..."หลานเขอซีมองเขาเดินจากไป แล้วถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอกเธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตัดสินใจรักษาระยะห่าง แล้วเดินตามเย่เฟิงกลับไปยังค่ายพักชั่วคราวในใจเธอรู้สึกโชคดี ที่เย่เฟิงไม่ได้เสียสติจนฆ่าเธอในตอนนั้นเมื่อเห็นเย่เฟิงสวมสร้อยหยกไว้ที่คอ หลานเขอซีเองก็ไม่กล้าขอคืนเธอคิดว่า ชายหญิงที่ตายไปนั้นคงมีความสัมพันธ์พิเศษกับเขาบางทีอาจเป็นญาติสายตรงก็ได้!แน่นอนว่า หลานเขอซีไม่มีความกล้าพอที่จะถามเย่เฟิงเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอรู้ดีว่าตอนนี้เขาไม่ควรได้รับการกระตุ้นเพิ่มอีกแต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าใจเรื่องนี้เมื่อเย่เฟิงเดินกลับมาที่ค่ายพักด้วยสีหน้าเย็นชา เสียงหัวเราะเยาะก็ดังขึ้นทันที“โอ้ กลับมาแล้วเหรอ?”“ทำไมสีหน้าตาดูไม่ดีเลยล่ะ! หรือว่าโดนฉางหูตบหน้าไปหลายที? ฮ่าๆๆ...”สมาชิกหน่วยดาบมังกรคนหนึ่งพูดขึ้น พร้อมหัวเราะเยาะเมื่อเห็นเย่เฟิงเดินกลับมาในสภาพอารมณ
เย่เฟิงคว้าหัวไหล่ของหลานเขอซีไว้แน่น "พิธีฝังศพแห่งฟ้า? ทำไมต้องพิธีฝังศพแห่งฟ้า? ทำไม? พวกเธอมีสิทธิ์อะไรที่จะจัดการศพของพวกเขาแบบนั้น? ฮะ?"พิธีฝังศพแห่งฟ้า?ถ้างั้นพ่อแม่ของเขาก็คงไม่เหลือแม้กระดูกแล้วน่ะสิ!!หลานเขอซีมองเย่เฟิงที่ดูเหมือนจะเสียสติ หัวใจของเธอเต้นระรัว กลัวว่าเขาจะฆ่าเธอในทันที"ในวัฒนธรรมของพวกเราพิธีฝังศพแห่งฟ้า คือการให้เกียรติอันสูงสุดแก่ผู้เสียชีวิต มันหมายถึงการที่วิญญาณไม่มีวันสูญสิ้น และจะวนเวียนในวัฏจักรของการเกิดใหม่""อาจารย์ของฉันทำด้วยความหวังดี!"เย่เฟิงจ้องมองหลานเขอซีโดยไม่พูดอะไรเป็นเวลานาน ในที่สุดเขาก็ปล่อยเธอออกจากมือตุบ!ร่างของเย่เฟิงเซเล็กน้อย ก่อนจะทรุดเข่าลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรงพ่อแม่ของเขา...ตายแล้วเหรอ?ได้ยังไงกัน? ตายได้ยังไงกัน?หลายปีที่ผ่านมา เย่เฟิงยังคงมีความหวังเล็กๆ ว่าพ่อแม่ของเขาอาจยังมีชีวิตอยู่ แม้ว่าความหวังนั้นจะริบหรี่เพียงใดแต่เมื่อได้ยินคำตอบนี้จากปากของหลานเขอซี เย่เฟิงก็เหมือนถูกไฟฟ้าช็อตสามสิบล้านโวลด์รู้สึกว่าความหวังหลายปีมานี้ได้พังทลายลงในชั่วพริบตายิ่งไปกว่านั้น จากที่หลานเขอซีเล่า พ่อแม่ของ
หลานเขอซีสัมผัสได้ถึงอารมณ์ของเย่เฟิงในตอนนี้ ใบหน้าของเธอเปลี่ยนไปทันทีผู้ชายที่เมื่อครู่ยังทำตัวสนิทสนม พูดจาเล่นหัว เหมือนสุนัขตัวเล็กๆ ตอนนี้กลับกลายเป็นหมาป่าดุร้ายตัวหนึ่ง!"นายเป็นบ้าอะไร? ทำไมฉันต้องบอกนายด้วย?"หลานเขอซีขมวดคิ้ว ถามกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชาปัง!สิ้นเสียง เย่เฟิงกระทืบเท้ากับพื้น ก่อนพุ่งเข้าหาหลานเขอซีหลานเขอซีหน้าซีดเผือด เธอชูนิ้วขึ้นทำท่าดาบ แล้วโจมตีไปที่หน้าอกของเย่เฟิงในชั่วพริบตา พลังระดับแปรสภาพขั้นต้นของเธอปะทุออกมาเต็มที่ การโจมตีของเธอรุนแรงและรวดเร็วแม้แต่นิ้วมือของเธอที่พุ่งผ่านอากาศยังส่งเสียงหวีดหวิวแต่เย่เฟิงกลับมองการโจมตีของเธอด้วยสายตาไม่ยี่หระเพี๊ยะ!เสียงฝ่ามือดังขึ้น เย่เฟิงฟาดมือตบการโจมตีของหลานเขอซีออกไปอย่างง่ายดายจากนั้นมือใหญ่ของเขาก็คว้าคอของหลานเขอซี และยกตัวเธอขึ้นจากพื้น"สร้อยหยกเส้นนี้มาจากไหน?""บอกมา! ไม่อย่างนั้น ฉันจะทำให้เธอมีชีวิตอยู่ไม่สู้ตาย!!"เย่เฟิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาและเต็มไปด้วยความน่ากลัวใบหน้าสวยของหลานเขอซีเริ่มแดงก่ำจากการขาดอากาศ เธอมองเย่เฟิงด้วยความตกใจและหวาดกลัวเย่เฟิงในตอนนี้ไร้
หลานเขอซีเข้ามาเป็นสมาชิกของหน่วยปฏิบัติการดาบมังกรด้วยวิธีนี้เธอมาจากสำนักลึกลับที่ชื่อสำนักก๋าเจียในเขตฉาง ซึ่งมีวิถีการฝึกฝนเฉพาะตัวแม้จะร่วมเดินทางไปกับทหาร เธอก็ไม่เคยละทิ้งการฝึกฝนตอนนี้ ในบรรยากาศของภูเขาที่สงบและบริสุทธิ์ หลานเขอซีหาที่นั่งเงียบๆ เพื่อทำสมาธิเส้นผมยาวของเธอสยายลงเบาๆ ให้ความรู้สึกสง่างามและบริสุทธิ์ใบหน้าด้านข้างที่งดงามดุจภาพวาดของเธอ ทำให้ใครเห็นก็หลงใหลแต่ในวินาทีต่อมา คิ้วของหลานเขอซีก็ขมวดเข้าหากัน สายตาเย็นชาจ้องมองไปยังทิศทางหนึ่ง"น่ารำคาญจริงๆ!"หลานเขอซีลุกขึ้นยืน มองเย่เฟิงที่เดินตามมา เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาเธอคิดว่าเย่เฟิงเป็นแค่ผู้ชายเจ้าชู้ที่หวังลวนลามเธอแต่ครั้งนี้ ใบหน้าของเย่เฟิงไร้ซึ่งรอยยิ้มเหมือนตอนที่เข้ามาทักสายตาของเขากลับดูแข็งกร้าว เย็นชา และจ้องมองเธออย่างไม่ลดละเย่เฟิงเดินตรงไปที่หลานเขอซี โดยไม่พูดอะไร เขายื่นมือไปคว้าที่คอเสื้อของเธอทันทีเพี๊ยะ!เสียงฝ่ามือดังขึ้นอย่างชัดเจนหลานเขอซีตบหน้าเย่เฟิงเต็มแรงเธอยกมือขึ้นปิดคอเสื้อของตัวเอง สายตาเต็มไปด้วยความโกรธ และแฝงไปด้วยความดุดัน"ไอ้เลว!""แกกล้าดี
“ให้ช่วยไหม?”หลังจากที่มาถึง เย่เฟิงก็ถามฉางหูยิ้มๆหลานเขอซีหรือก็คือฉางหูอึ้งไปสักพัก แล้วหันไปมองค้อนใส่เย่เฟิงพลางส่ายหัวอย่างไร้อารมณ์ “ไม่ต้อง!”เบื้องลึกสายตาของเธอแฝงไปด้วยความรำคาญรู้สึกแย่ต่อพฤติกรรมเข้ามาทักทายแบบนี้ของเย่เฟิง“เธอชื่ออะไร? ได้ข่าวว่ามาจากเขตฉางเหรอ? มาจากสำนักไหนล่ะ?”เย่เฟิงกลับไม่สนใจ เอ่ยถามด้วยสีหน้า ‘ไร้ยางอาย’“ไม่มีอะไรต้องบอกนาย!”หลานเขอซีขมวดคิ้ว กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาขณะนั้นเอง ฉินเจิ้นนำทีมสมาชิกหน่วยปฏิบัติการดาบมังกรเดินเข้ามาด้วยใบหน้าเคร่งเครียด“ไอ้เย่ ทำอะไรน่ะ?”ฉินเจิ้นตบไหล่เย่เฟิงอย่างแรง และถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจแม่งเอ๊ย! กล้ามาจีบฉางหูงั้นเหรอ?สมแล้วที่เป็นคนนอก ไม่มีมารยาท!สายตาของเหล่าสมาชิกหน่วยปฏิบัติการดาบมังกรที่มองเย่เฟิง เต็มไปด้วยความไม่พอใจและดูถูกเหมือนพวกเขากำลังมองคนเจ้าชู้ที่ไม่มีอะไรดีไปกว่าผู้ชายลามก“ก็แค่พูดคุยกันในฐานะเพื่อนร่วมทีม มันผิดตรงไหน? ฉันได้ยินมาว่าฉางหูเป็นสมาชิกเสริมเหมือนกัน เราก็ถือว่ามีพรหมลิขิตต่อกัน จริงไหม?”เย่เฟิงพูดพร้อมรอยยิ้ม“พรหมลิขิต? แม่งพูดได้ไม่อายปาก!”“ฉันจ
“จะไม่สังเกตได้ยังไง? หน้าตาพอใช้ได้ที่ไหน นั่นมันเป็นทหารหญิงที่สวยที่สุดตั้งแต่ที่ผมเคยเจอแล้ว!”ลั่วกันหยุนกล่าวยิ้มร้ายเจี่ยงเจิ้ง และจางเฉิงเฟิงเองก็ดวงตาเป็นประกายเมื่อพูดถึงผู้หญิงคนนั้นทหารเขตรักษาความปลอดภัยที่อยู่บนรถอีกคันหนึ่งเองก็วิจารณ์กันพลันทุกคนล้วนเป็นผู้ชาย อยู่แต่ในกองทัพทั้งวัน เดือนหนึ่งไม่ได้เห็นสาวสวยแม้แต่คนเดียวบางครั้งแค่เห็นแม่หมู ก็ยังรู้สึกสวยงามตระการตาเลย อย่าว่าแต่เห็นสาวสวยขนาดนี้เลย“ผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนจะเป็นเจ้าหน้าที่ภายนอกของหน่วยปฏิบัติการดาบมังกรเหมือนคุณเย่ด้วย!”“สวยจริงๆ ชื่ออะไรน่ะ?”“ชื่ออะไรไม่รู้ แต่ได้ยินคนที่หน่วยนั้นเรียกเธอว่าฉางหู น่าจะเป็นชื่อในวงการ ดูเหมือนว่าเธอจะมาจากเขตฉาง!”“ใช่ๆ! ว่ากันว่ามาจากสำนักไหนสักแห่งของเขตฉาง ดูลึกลับดี!”เมื่อได้ฟังเรื่องเหล่านี้ โดยเฉพาะตอนที่ได้ยินว่าอีกฝ่ายมาจากเขตฉางแล้ว เย่เฟิงก็หูผึ่งทันทีเริ่มรู้สึกสนใจในตัวฉางหูแห่งหน่วยปฏิบัติการดาบมังกรสำหรับเย่เฟิงแล้ว เขตฉางหูถือเป็นความเจ็บปวดอย่างหนึ่ง แต่ก็เป็นความหวังอันเล็กน้อย!เมื่อตนอายุสิบแปดปี พ่อแม่ของตนได้หายตัวไปอย่างไร้ร
"ทำไม? ยังไม่ยอมอีกเหรอ?"เย่เฟิงเลิกคิ้วถาม เมื่อเห็นสายตาอาฆาตของฉินเจิ้นฉินเจิ้นแค่นเสียงเย็นชา "แค่พวกนักสู้เท่านั้น! ฉันยอมรับว่าแกมีพลังฝีมือเหนือกว่าฉัน แต่ถ้าต้องสู้กันเอาชีวิต คนที่จะตายต้องเป็นแก!""อ้อ? จริงเหรอ?"เย่เฟิงยิ้มเยาะฉินเจิ้นกัดฟัน "ไอ้หนุ่ม บนสนามรบจริงๆ พลังฝีมือไม่ได้สำคัญขนาดนั้นความสามารถทางการทหารต่างหากที่เป็นกุญแจสำคัญ!แกจะเก่งแค่ไหน แต่ฉันใช้สไนเปอร์จากระยะพันเมตรก็จัดการแกได้กำปั้นและเท้าของแกไม่มีวันสัมผัสตัวฉันได้เลยแม้แต่น้อย!พลังฝีมือของแก จะไปสู้อาวุธหนักยุคใหม่ได้หรือเปล่า? จะต้านรถถัง ปืนใหญ่ หรือเครื่องบินได้ไหม?"เมื่อพูดจบ เหล่าสมาชิกหน่วยดาบมังกรต่างพากันสนับสนุน"ใช่! พวกศิลปะการต่อสู้นั่นไม่มีอะไรหรอก!""ถ้าเอาจริงในสนามรบ หัวหน้าเรายิงหมอนั่นดับได้ในพริบตาแล้ว""สิ่งที่เราฝึกทุกวันคือการต่อสู้ทางทหาร นั่นแหละของจริง!""กำปั้นกับเท้า แค่เรื่องเล่นๆ เท่านั้น!"เย่เฟิงยิ้มเล็กน้อยก่อนพยักหน้า "ใช่ ฉันยอมรับว่าในเรื่องเอาชีวิตรอด พวกแกเก่งกว่า ฉันชื่นชมพวกแกในฐานะทหารผู้ปกป้องประเทศ"คำพูดของเย่เฟิงทำให้ฉินเจิ้นถึงกับชะงั