เย่เฟิงยืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่พูดอะไรสักคำ เขาขี้เกียจจะพูดไร้สาระกับพวกนี้หลิงเอ๋อร์ที่ได้ยินคำเย้ยหยันจากจ้าวเหม่ยฟ่งและโจวชิ้งก็อดไม่ได้ที่จะถาม “เย่เฟิง พวกเขาคือใครเหรอ?”“ไม่รู้จัก ไม่ต้องสนใจหรอก”เย่เฟิงพูดอย่างสงบท่าทีของเขาทำให้โจวชิ้งกัดฟันด้วยความโกรธบนโลกนี้ การถูกดูหมิ่นที่แรงที่สุดไม่ใช่การด่าทออย่างรุนแรง แต่เป็นการถูกมองข้ามโดยสิ้นเชิงท่าทีที่เย่เฟิงมองข้ามเธอนั้นทำให้โจวชิ้งรู้สึกบิดเบี้ยวอยู่ในใจไอ้คนจนที่รับเป็นลูกเขยปลอมคนอื่นจะสิทธิ์อะไรมาเมินเธอกัน?“ฮ่าฮ่า... ไม่รู้จักเหรอ? หรือว่าไม่กล้ารับว่ารู้จักฉัน? กลัวว่าฉันจะเผยความจริงจนคุณขายหน้าต่อหน้าสาวสวยคนนี้สิท่า?”โจวชิ้งโกรธจนหัวเราะออกมา เธอชี้ไปที่จมูกของเย่เฟิงหลิวหาวยิ้มเยาะและพูดว่า: “ไอ้จน! ก็คิดว่าจะแน่ ที่ไหนได้ไปขายตัวไปเป็นหมาให้คุณหนูใหญ่ของตระกูลหลี่ ฮ่าฮ่าฮ่า…”หลิวหาวพูดพลางมองไปที่หลิงเอ๋อร์: “คนสวย เขาพาคุณมานี่คงไม่ใช่หลอกว่าจะซื้อวิลล่านี่ให้หรอกใช่ไหม? อย่าไปเชื่อเขาเลย เขาก็แค่คนจนๆ! ถ้าไม่ใช่เพราะผมพาภรรยาและครอบครัวมาซื้อวิลล่าแล้วบังเอิญเจอกันพอดี คุณคงโดนหลอกไปแล้ว!”หลิวห
พนักงานขายเบ้ปากและพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเยาะเย้ย“ฮ่า……ตลกชิบหายเลย! เขามีวิลล่าที่นี่แล้วงั้นเหรอ? โกหกซะไม่เกรงใจพื้นเพตัวเองเลยนะ!”โจวชิ้งพูดอย่างหัวเราะเยาะ“มิน่าล่ะถึงคบกับสาวงามได้เยอะแยะแบบนี้ ช่างกล้าพูดคำใหญ่คำโตจริงๆ”หลิวหาวหัวเราะลั่นจ้าวเหม่ยฟ่งขยับกำไลทองดำเธอก่อนจะชี้ไปที่เย่เฟิง: “งั้นบอกมาสิ ว่าวิลล่าหลังไหนของแก?”“นั่นสิขอเราเขาไปนั่งชมหน่อยได้ไหม?”โจวเพ่ยหยินยิ้มเยาะและมองเย่เฟิงราวกับกำลังดูหนังตลกเย่เฟิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“พวกคุณคู่ควรจะได้เข้าเหรอ?”“แกพูดอะไรนะ? ไอ้ยาจกนี่ ถูกถอดหน้ากากแล้ว ยังดื้อรั้ปากแข็งอยู่อีกเหรอ? ถ้ามีปัญญาก็บอกมาสิว่าหลังไหนของแก!”โจวชิ้งด่าออกมา“จริงค่ะวิลล่าไหนของคุณเหรอคะ? ดิฉันรู้จักเจ้าของวิลล่าทุกคนที่นี่ แต่คุณฉันไม่คุ้นเลยจริงๆ”พนักงานขายเอ่ยอย่างขบขัน “เย่เฟิง คุณบอกพวกเขาไปจะได้หุบปากกันสักที !”หลิงเอ๋อร์เชื่อมั่นในตัวเย่เฟิง เมื่อได้ยินคนเหล่านี้เยาะเย้ยเย่เฟิง จู่ๆ เธอก็โกรธขึ้นมาเล็กน้อยเย่เฟิงยักไหล่:“ก็ได้! เขตเอ วิลล่าเลขที่ศูนย์ศูนย์หนึ่ง!”เมื่อพูดจบ พนักงานขายก็ตกตะลึงอยู่ครู่หน
“ผมไม่เป็นไรครับไม่ทราบว่าท่านคือ……”เย่เฟิงโบกไม้โบกมือว่าเขานั้นไม่เป็นไร ก่อนจะเอ่ยถามอย่างสุภาพชายหนุ่มในชุดทหารท่าทีใช้ได้ยิ้มและพูดกับเย่เฟิงอย่างให้เกียรติ: "ผมเป็นผู้ช่วยท่านผู้บังคัญบัญชามู่ครับ คุณเย่เรียกผมเสี่ยวไช่ก็พอครับ!"“ที่แท้ก็ผู้ช่วยผู้บังคับบัญชาไช่นี่เอง รบกวนด้วยครับ!”เย่เฟิงยิ้มผู้ช่วยผู้บังคับบัญชาไช่ส่งเสียงว่าไม่ลำบากใดๆ ก่อนจะพูดอย่างกระตือรือร้น: “ไปเถอะครับ ผมพาคุณเย่ไปดูวิลล่าเองครับ”หลังจากที่มีคนมอบวิลล่าหลังนี้ให้กับท่านผู้บัญชาการมู่ พวกเรื่องยุ่งเหยิงต่างๆ ก็เป็นหน้าที่ผู้ช่วยผู้บังคับบัญชาไช่ เรียกได้ว่าเขาคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดีพูดจบ เขาก็มองยามเหล่าน้ันด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะโบกมือให้ทหารที่ยืนอยู่: "ปล่อยพวกมันไป ก็แค่พวกหมาไม่เจียมตัวแค่นั้น"หลังจากนั้นเขาก็พาเย่เฟิงและหลิงเอ๋อร์เข้าสวนจักรพรรดิ์ไปจนมาถึงเขตเอ วิลล่าที่หนึ่ง!ทำเลของวิลล่าหลังนี้สูงที่สุดในย่านวิลล่านี้ ให้ความรู้สึกเหมือนกับมองเห็นภูเขาทั้งหมดจากมุมสูงมีสวนสไตล์สวนหลวงซูโจว รวมทั้งสระว่ายน้ำและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ครบครัน!!ทั้งยังตกแต่งเรียบร้อย พร้อมให้เข
“ได้ งั้นเข้าไปดูกัน! ไปดูบ้านกันดีกว่า”หลิวหาวกะพริบตาสองสามครั้ง ก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วยต่อมาไม่นาน กลุ่มคนที่เดินตามหลังเย่เฟิงอยู่ไม่ไกลไม่ใกล้นั้นก็เหลือบตาไปเห็นเย่เฟิงที่เดินเข้าวิลล่าหรูหลังใหญ่นั่น“นี่……วิลล่าที่หนึ่ง เขตเอจริงด้วย! ใต้เท้ามู่ยกวิลล่านี่ให้คุณเย่จริงงั้นเหรอ?”เปลือกตาพนักงานขายกระตุกทันทีเมื่อได้ยินดังนี้ โจวชิ้งและที่เหลือก็เผยสีหน้าตกใจอยู่ครู่หนึ่งไม่อยากเชื่อ คิดสงสัย อิจฉา ริษยา……“หรือว่าไอ้ยาจกนี่จะพัฒนาแล้ว?”จ้าวเหม่ยฟ่งพึมพําออกมาสีหน้าของโจวชิ้งนั้นแย่แค่ไหนไม่ต้องพูดถึง หลังจากจ้องมองไปที่วิลล่าหรูหลังนั้นอยู่นาน สายตาของเธอก็หันไปที่หลิวหาว“สามี ฉันก็อยากได้วิลล่า! ฉันอยากได้วิลล่าที่นี่! ซื้อให้ฉันได้ไหม……”“ใช่! คนอื่นให้มามีอะไรให้น่ายินดี ต้องซื้อเองสิถึงจะเจ๋งจริง!”โจวเพ่ยหยินพูดด้วยเสียงเย็นชา พร้อมท่าทีราวกับคนกินองุ่นไม่เป็นแต่เที่ยวบอกองุ่นนั้นเปรี้ยว“คุณผู้ชายคะ เรามาเดินๆดูกันดีไหมคะ?”พนักงานขายมองไปที่หลิวหาวด้วยดวงตาที่สดใสราวกับว่าได้เห็นค่าคอมมิชชั่นหลักล้านพนักงานขายคาดหวังจากเย่เฟิงไม่ได้แล้ว เธอจึงเอาควา
เมื่อโจวเพ่ยหยินพูดออกมา โจวชิ้งและจ้าวเหม่ยฟ่งสองแม่ลูกต่างก็มีสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัยและตั้งคำถามพลางมองไปที่ “ลูกเขยทองคำ” ของพวกเธอสีหน้าของหลิวหาวเต็มไปด้วยความวิตกกังวลทำไมตอนที่เขาเห็นหลิงเอ๋อร์อยู่ข้างๆเย่เฟิง สิ่งแรกที่ทำคือ "เตือน" หลิงเอ๋อร์ว่าอย่าไปเย่เฟิงหลอกเพราะเขาเองก็เป็นแบบนั้นแหละวันนี้ที่พาโจวชิ้งและครอบครัวสามคนมาที่นี่ก็เพื่อหลอกโจวชิ้งและแม่เธอเท่านั้นเขารู้ว่าโจวชิ้งและครอบครัวเป็นพวกความทะเยอทะยานและใส่ใจเรื่องชื่อเสียง จึงพาพวกเขามาทำเป็นดูๆวิลล่าถ้าไม่มีเรื่องของเย่เฟิงก็คงไม่มีอะไร หลังจากดูบ้านก็คิดจะบอกว่ากลับไปปรึกษากันก่อน แล้วก็ปล่อยให้เรื่องมันจบลงไปแบบนั้นหลิวหาว แม้เป็นลูกคนรวยก็จริง แต่ทรัพย์สินของพ่อเขามีเพียงหลักร้อยล้านเท่านั้น ส่วนลูกชายอย่างเขาเองก็มีเงินในมือไม่มากนักวิลล่าหลังใหญ่ราคาหลักร้อยล้าน เขาจะซื้อยังไงไหวทว่าตอนนี้หลังจากเกิดเรื่องเย่เฟิงมากระตุ้นแล้ว ครอบครัวโจวชิ้งก็ไม่สามารถปล่อยผ่านได้พนักงานขายที่พาชมบ้านตลอดบ่าย ในใจก็โกรธและไม่พอใจมากจนไม่ไว้หน้าหลิวหาวแม้แต่น้อยทันใดนั้นหลิวหาวก็รู้สึกเหมือนตัวเขานั้นอ
ถ้าลูกสาวเธอไม่หย่ากับเย่เฟิงก็คงจะได้อยู่ในวิลล่าหลังใหญ่นี่แล้วใช่ไหมนะ?……เย่เฟิงไม่รู้ฉากดราม่าของครอบครัวโจวชิ้ง เดาว่าถ้ารู้เข้าก็คงจะหัวเราะเยาะน่าดูเมื่อดูเวลาเห็นว่าก็ผ่านไปสักระยะหนึ่งแล้ว เขาก็ออกจากสวนจักรพรรดิ์ก่อนอื่นเขาพาหลิงเอ๋อร์กลับมาส่งที่บ้านตระกูลซ่ง ก่อนจะไปรับนั่วนั่วที่โรงเรียนอนุบาลหลีเอียนทำงานขยันขันแข็งมาก ทุกวันถ้าไม่หกโมงเย็นไม่ออกจากบริษัทเลยถือโอกาสนี้พาสาวน้อยกลับบ้านเช่าบ้านเดิมก่อนเขาเอาสิ่งของที่จะไม่ทิ้งมาใส่ไว้บนรถ รอเอาไปที่บ้านใหม่“พ่อคะ เราจะย้ายบ้านกันเหรอคะ?”นั่วนั่วมองไปที่เย่เฟิงก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงเด็กน้อยดวงตากลมโตกระพริบตามองบ้านเช่าหลังนี้ ดูเหมือนจะลังเลเล็กน้อยถึงแม้มันจะดูโทรมๆ แต่สำหรับเด็กคนนี้มันคือบ้าน“ใช่แล้ว พ่อพานั่วนั่วไปอยู่ห้องใหญ่ๆกว้างๆดีไหม? ดีกว่าที่นี่หลายเท่าเลยแหละ”เย่เฟิงอุ้มนั่วนั่วขึ้นมาและพูดอย่างรักใคร่นั่วนั่วพยักหน้า:“ค่ะ!”ขณะที่พูด เด็กน้อยก็ยกแขนของเธอเข้ากอดคอเย่เฟิงแน่น:“พ่อคะ แม่ไม่ต้องการนั่วนั่วแล้วใช่ไหมคะ นั่วนั่วรู้ นั่วนั่วเหลือแค่พ่อแล้ว นั่วนั่วรักพ่อนะคะ ขอแค่มีพ่ออยู่
ดวงตาสวยของหลีเอียนจ้องมองไปเย่เฟิงด้วยสีหน้าสีหน้าดุในบางสถานการณ์จมูกของผู้หญิงนั้นมีไวต่อการจับกลิ่นไม่ต่างจากเครื่องตรวจวัดที่รุ่นใหม่เลยหลิงเอ๋อร์ที่นั่งเบาะข้างคนขับนั้น กลิ่นน้ำหอมจากตัวเธอถูกประธานสาวจับได้ในทันทีเย่เฟิงใจแป้วที่ถูกเธอถามเข้า เขาส่งเสียง "เอ่อ" ออกมาอย่างไรก็ตาม เขาก็พยักหน้ารับและตอบตามตรงไปว่า: “เพื่อนผมคนหนึ่งมานั่งน่ะ”หลีเอียนทำเสียงฮึ่มในลำคอ ในใจรู้สึกไม่พอใจและโกรธอย่างไม่มีเหตุผลแต่เพราะท่าทีเฉยๆของเย่เฟิง กลับทำให้เธอที่รู้สึกโกรธและไม่พอใจอยู่นั้นไม่รู้จะเริ่มพูดอะไรดีเธอ……ทําไมถึงโกรธล่ะ?หรือว่าจะ...กับตานี่เป็นไปได้ไง? ต้องเป็นเพราะเขาไม่ขออนุญาติเธอก่อนให้คนออื่นมานั่งรถเธอแน่อีกอย่างเธอกับเขาเป็นเพียงสามีภรรยาในนาม คิดแล้ว……ไม่มีสิทธิ์จะไปถามชีวิตส่วนตัวกันและกันหลีเอียนหันไปมองนั่วนั่วแวบหนึ่ง เห็นแก่เด็ก เธอจึงไม่ได้ถามอะไรเรื่องนี้อีกหลีเอียนทำเสียงฮึ่มในลำคอแล้วพูดว่า: “นี่เป็นรถฉัน ถ้าฉันไม่อนุญาต คุณมีสิทธิ์อะไรมาให้คนอื่นนั่ง? ครั้งหน้าระวังด้วย!”เย่เฟิงพยักหน้าหงึกหงัก :“ขอโทษครับ! แต่ว่า……”เขาพูดพลางมองใบหน้าด้
เย่เฟิงถึงกับอ้าปากค้างไปชั่วขณะ ทำหน้าเหมือนคนโง่..."นี่ มองพอยัง? มองพอแล้วก็ขับรถไปสิ"หลีเอียนทั้งเขินและรำคาญที่ถูกเขาจ้องแบบนั้น เธอมองค้อนเขาไปหนึ่งที"คิกคิกคิก……คุณป้าสวยมาก! พ่อคือตือโป้ยก่าย ตือโป้ยก่าย คิกคิกคิก……"นั่วนั่วที่นั่งอยู่ด้านหลัง ปรบมือหัวเราะชอบใจเย่เฟิงได้สติอีกครั้ง เขาทำหน้างงขึ้นมาทันที:"ตือโป้ยก่ายอะไร? ลูกไปเรียนมาจากไหน?""พี่หยวนหยวน! เธอบอกว่าพ่อคือตือโป้ยก่าย"เด็กสาวพูดอย่างถูกอกถูกใจเย่เฟิงได้ยินก็นึกถึงหลานสาวตัวน้อยของซ่งเหล่าเย๋ เป็นเด็กน่ารักที่แปลกประหลาดพอตัวเด็กบ้านั่นเรียนโรงเรียนอนุบาลร่วมกับนั่วนั่ว ชอบสอนอะไรไม่ดีให้ลูกสาวเขา!……พริบตาเดียวก็ผ่านมาหลายวันไม่กี่วันที่ผ่านมาเย่เฟิงก็พานั่วนั่วเข้ามาอยู่ที่สวนจักรพรรดิ์ แถมยังจ้างพี่เลี้ยงอีกวันหยุดสัปดาห์เด็กสาวเองไม่ได้มีเย่เฟิงอยู่ข้างๆได้ตลอดเวลา จึงต้องมีใครสักคนคอยดูเธอในช่วงเวลานี้ หลีเอียนได้สั่งให้ฝ่ายการผลิตของบริษัทจัดทำตัวอย่างของยาสี่ชนิดนี้ออกมาแล้วระหว่างนี้ประธานสาวสวยนั้นเข้ามาตรวจสอบด้วยตัวเองเพื่อให้แน่ใจว่าคุณภาพของตัวอย่างยาเป็นไปตามที่คาดหวังและ