เมื่อโจวเพ่ยหยินพูดออกมา โจวชิ้งและจ้าวเหม่ยฟ่งสองแม่ลูกต่างก็มีสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัยและตั้งคำถามพลางมองไปที่ “ลูกเขยทองคำ” ของพวกเธอสีหน้าของหลิวหาวเต็มไปด้วยความวิตกกังวลทำไมตอนที่เขาเห็นหลิงเอ๋อร์อยู่ข้างๆเย่เฟิง สิ่งแรกที่ทำคือ "เตือน" หลิงเอ๋อร์ว่าอย่าไปเย่เฟิงหลอกเพราะเขาเองก็เป็นแบบนั้นแหละวันนี้ที่พาโจวชิ้งและครอบครัวสามคนมาที่นี่ก็เพื่อหลอกโจวชิ้งและแม่เธอเท่านั้นเขารู้ว่าโจวชิ้งและครอบครัวเป็นพวกความทะเยอทะยานและใส่ใจเรื่องชื่อเสียง จึงพาพวกเขามาทำเป็นดูๆวิลล่าถ้าไม่มีเรื่องของเย่เฟิงก็คงไม่มีอะไร หลังจากดูบ้านก็คิดจะบอกว่ากลับไปปรึกษากันก่อน แล้วก็ปล่อยให้เรื่องมันจบลงไปแบบนั้นหลิวหาว แม้เป็นลูกคนรวยก็จริง แต่ทรัพย์สินของพ่อเขามีเพียงหลักร้อยล้านเท่านั้น ส่วนลูกชายอย่างเขาเองก็มีเงินในมือไม่มากนักวิลล่าหลังใหญ่ราคาหลักร้อยล้าน เขาจะซื้อยังไงไหวทว่าตอนนี้หลังจากเกิดเรื่องเย่เฟิงมากระตุ้นแล้ว ครอบครัวโจวชิ้งก็ไม่สามารถปล่อยผ่านได้พนักงานขายที่พาชมบ้านตลอดบ่าย ในใจก็โกรธและไม่พอใจมากจนไม่ไว้หน้าหลิวหาวแม้แต่น้อยทันใดนั้นหลิวหาวก็รู้สึกเหมือนตัวเขานั้นอ
ถ้าลูกสาวเธอไม่หย่ากับเย่เฟิงก็คงจะได้อยู่ในวิลล่าหลังใหญ่นี่แล้วใช่ไหมนะ?……เย่เฟิงไม่รู้ฉากดราม่าของครอบครัวโจวชิ้ง เดาว่าถ้ารู้เข้าก็คงจะหัวเราะเยาะน่าดูเมื่อดูเวลาเห็นว่าก็ผ่านไปสักระยะหนึ่งแล้ว เขาก็ออกจากสวนจักรพรรดิ์ก่อนอื่นเขาพาหลิงเอ๋อร์กลับมาส่งที่บ้านตระกูลซ่ง ก่อนจะไปรับนั่วนั่วที่โรงเรียนอนุบาลหลีเอียนทำงานขยันขันแข็งมาก ทุกวันถ้าไม่หกโมงเย็นไม่ออกจากบริษัทเลยถือโอกาสนี้พาสาวน้อยกลับบ้านเช่าบ้านเดิมก่อนเขาเอาสิ่งของที่จะไม่ทิ้งมาใส่ไว้บนรถ รอเอาไปที่บ้านใหม่“พ่อคะ เราจะย้ายบ้านกันเหรอคะ?”นั่วนั่วมองไปที่เย่เฟิงก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงเด็กน้อยดวงตากลมโตกระพริบตามองบ้านเช่าหลังนี้ ดูเหมือนจะลังเลเล็กน้อยถึงแม้มันจะดูโทรมๆ แต่สำหรับเด็กคนนี้มันคือบ้าน“ใช่แล้ว พ่อพานั่วนั่วไปอยู่ห้องใหญ่ๆกว้างๆดีไหม? ดีกว่าที่นี่หลายเท่าเลยแหละ”เย่เฟิงอุ้มนั่วนั่วขึ้นมาและพูดอย่างรักใคร่นั่วนั่วพยักหน้า:“ค่ะ!”ขณะที่พูด เด็กน้อยก็ยกแขนของเธอเข้ากอดคอเย่เฟิงแน่น:“พ่อคะ แม่ไม่ต้องการนั่วนั่วแล้วใช่ไหมคะ นั่วนั่วรู้ นั่วนั่วเหลือแค่พ่อแล้ว นั่วนั่วรักพ่อนะคะ ขอแค่มีพ่ออยู่
ดวงตาสวยของหลีเอียนจ้องมองไปเย่เฟิงด้วยสีหน้าสีหน้าดุในบางสถานการณ์จมูกของผู้หญิงนั้นมีไวต่อการจับกลิ่นไม่ต่างจากเครื่องตรวจวัดที่รุ่นใหม่เลยหลิงเอ๋อร์ที่นั่งเบาะข้างคนขับนั้น กลิ่นน้ำหอมจากตัวเธอถูกประธานสาวจับได้ในทันทีเย่เฟิงใจแป้วที่ถูกเธอถามเข้า เขาส่งเสียง "เอ่อ" ออกมาอย่างไรก็ตาม เขาก็พยักหน้ารับและตอบตามตรงไปว่า: “เพื่อนผมคนหนึ่งมานั่งน่ะ”หลีเอียนทำเสียงฮึ่มในลำคอ ในใจรู้สึกไม่พอใจและโกรธอย่างไม่มีเหตุผลแต่เพราะท่าทีเฉยๆของเย่เฟิง กลับทำให้เธอที่รู้สึกโกรธและไม่พอใจอยู่นั้นไม่รู้จะเริ่มพูดอะไรดีเธอ……ทําไมถึงโกรธล่ะ?หรือว่าจะ...กับตานี่เป็นไปได้ไง? ต้องเป็นเพราะเขาไม่ขออนุญาติเธอก่อนให้คนออื่นมานั่งรถเธอแน่อีกอย่างเธอกับเขาเป็นเพียงสามีภรรยาในนาม คิดแล้ว……ไม่มีสิทธิ์จะไปถามชีวิตส่วนตัวกันและกันหลีเอียนหันไปมองนั่วนั่วแวบหนึ่ง เห็นแก่เด็ก เธอจึงไม่ได้ถามอะไรเรื่องนี้อีกหลีเอียนทำเสียงฮึ่มในลำคอแล้วพูดว่า: “นี่เป็นรถฉัน ถ้าฉันไม่อนุญาต คุณมีสิทธิ์อะไรมาให้คนอื่นนั่ง? ครั้งหน้าระวังด้วย!”เย่เฟิงพยักหน้าหงึกหงัก :“ขอโทษครับ! แต่ว่า……”เขาพูดพลางมองใบหน้าด้
เย่เฟิงถึงกับอ้าปากค้างไปชั่วขณะ ทำหน้าเหมือนคนโง่..."นี่ มองพอยัง? มองพอแล้วก็ขับรถไปสิ"หลีเอียนทั้งเขินและรำคาญที่ถูกเขาจ้องแบบนั้น เธอมองค้อนเขาไปหนึ่งที"คิกคิกคิก……คุณป้าสวยมาก! พ่อคือตือโป้ยก่าย ตือโป้ยก่าย คิกคิกคิก……"นั่วนั่วที่นั่งอยู่ด้านหลัง ปรบมือหัวเราะชอบใจเย่เฟิงได้สติอีกครั้ง เขาทำหน้างงขึ้นมาทันที:"ตือโป้ยก่ายอะไร? ลูกไปเรียนมาจากไหน?""พี่หยวนหยวน! เธอบอกว่าพ่อคือตือโป้ยก่าย"เด็กสาวพูดอย่างถูกอกถูกใจเย่เฟิงได้ยินก็นึกถึงหลานสาวตัวน้อยของซ่งเหล่าเย๋ เป็นเด็กน่ารักที่แปลกประหลาดพอตัวเด็กบ้านั่นเรียนโรงเรียนอนุบาลร่วมกับนั่วนั่ว ชอบสอนอะไรไม่ดีให้ลูกสาวเขา!……พริบตาเดียวก็ผ่านมาหลายวันไม่กี่วันที่ผ่านมาเย่เฟิงก็พานั่วนั่วเข้ามาอยู่ที่สวนจักรพรรดิ์ แถมยังจ้างพี่เลี้ยงอีกวันหยุดสัปดาห์เด็กสาวเองไม่ได้มีเย่เฟิงอยู่ข้างๆได้ตลอดเวลา จึงต้องมีใครสักคนคอยดูเธอในช่วงเวลานี้ หลีเอียนได้สั่งให้ฝ่ายการผลิตของบริษัทจัดทำตัวอย่างของยาสี่ชนิดนี้ออกมาแล้วระหว่างนี้ประธานสาวสวยนั้นเข้ามาตรวจสอบด้วยตัวเองเพื่อให้แน่ใจว่าคุณภาพของตัวอย่างยาเป็นไปตามที่คาดหวังและ
"ประธานเหรินนี่มันเรื่องอะไรกันแน่? เขาเสนออะไรให้คุณคะ ฉันก็ให้ได้เหมือนกัน!"หลีเอียนกัดฟันถาม "ประธานหลี! พอเถอะครับ อย่าทําให้ผมอึดอัดเลย"เหรินลี่ชวิ๋นส่ายหัวพร้อมยิ้มอย่างขมขื่น"คุณหนูหลี เงื่อนไขนี้คุณทำไม่ได้แน่ครับ! ฮึฮึ!"ทนายลวี ชายสวมแว่นตาทองนี่พูดด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย"เงื่อนไขคืออะไรกันแน่ ลองบอกมาสิ?"หลีเอียนพูดอย่างโกรธเคืองทนายลวีตบที่ไหล่เหรินลี่ชวิ๋นแล้วพูดว่า: "ลูกชายเถ้าแก่เหรินเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรัง และตอนนี้เข้าสู่ระยะวิกฤติแล้ว! แม้แต่โรงพยาบาลเอกชนยังช่วยไม่ได้! แต่คุณชายฉู่ช่วยชีวิตเด็กคนนั้นได้! คุณคิดว่าเถ้าแก่เหรินจะฟังใครล่ะ?"เหรินลี่ชวิ๋นถอนหายใจแรงก่อนจะกล่าวกับหลีเอียนด้วยรอยยิ้มลำบากใจ: "ประธานหลี ขอโทษจริงๆครับ! แม้ครั้งก่อนเหลี่ยงเหลี่ยงลูกชายของผมถูกพิษแต่รอดมาได้นั้น ทว่าโรคกลับทรุดลงอย่างรวดเร็ว จนตอนนี้เข้าสู่ระยะวิกฤติผมไม่สามารถทนดูลุกชายผมตายได้ ทนายลวีช่วยติดต่อกับผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์จีนท่านหนึ่ง ซึ่งมียาเทวดาในมือ รับประกันว่าสามารถรักษาอาการได้แม้ในระยะวิกฤติก็สามารถช่วยให้เหลี่ยงเหลี่ยงมีชีว
แม้ว่าเย่เฟิงจะช่วยชีวิตลูกชายของเขาเมื่อครั้งก่อน แต่ผลงานโดดเด่นเพียงครั้งเดียว เห็นได้ชัดว่าไม่สามารถทำให้เหรินลี่ชวิ๋นเชื่อได้ถ้าให้เทียบ แน่นอนว่าเขาจะเลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงมายาวนานอยู่แล้วทั้งยังท่าทีที่แสดงออกมาของเย่เฟิงและหลีเอียนในตอนนี้ จากสายตาของเหรินลี่ชวิ๋นรู้สึกว่าคงยอมทำทุกอย่างไม่เลือกวิธีอยู่หน่อยๆเอ๋ เขามียาเทวดา คุณก็มีด้วยงั้นสินะ?เพื่อให้ผมเซ็นสัญญากับพวกคุณแล้ว คุณเคยเห็นชีวิตลูกผมอยู่ในสายตาบ้างไหม?ผมจะเชื่อใจพวกคุณได้ยังไงกันหลีเอียนเห็นแววตาต่อต้านในดวงตาของเหรินลี่ชวิ๋น สีหน้าผิดหวังเธอก็เผยออกมาทันทีเวลานี้ทนายลวีก็ได้รับสายสายหนึ่ง ฟังปลายสายพูดไม่กี่ประโยค ก็เดินมายื่นให้หลีเอียน"คุณหนูหลีสายจากคุณชายฉู่ครับ มีอะไรจะให้คุณฟัง"ทนายลวีดันแว่นตาทองขึ้นก่อนจะพูดอย่างไม่แยแสหลีเอียนรับมันมาก่อนจะกัดฟันพูด:"ฉู่เทียนหลง!""ฮึ หลีเอ๋อร์ เป็นอะไรเหรอนี่คือ? โกรธมากเลยสิ?"อีกด้านของโทรศัพท์มีเสียงขี้เล่นดังจากปลายสาย"ฉู่เทียนหลง ไอ้สารเลวน่ารังเกียจ! ยังเป็นผู้ชายอยู่หรือเปล่า ถึงใช้วิธีสกปรก! ให้ฉันพนันกับตระกูลอย่างยุติธรรมส
เย่เฟิงที่กําลังจะดึงหลีเอียนออกไปนั้น ตอนนี้กลับหยุดเมื่อเห็นว่าทนายลวีเปิดประตูห้องวีไอพีด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขาต้อนรับคนที่อยู่ด้านนอกให้เข้ามาเหรินลี่ชวิ๋นนั้นยิ่งกว่าอีก เขารีบวิ่งไปหาพร้อมโค้งคำนับ"หมอซุนหมอเทวดา คุณมาแล้ว! เชิญ เชิญนั่งเลยครับ!"อีกฝ่ายคือแพทย์แผนจีนที่มีชื่อเสียงมายาวนาน และชีวิตลูกชายเขาก็ต้องพึ่งหมอคนนี้ ดังนั้นที่เหรินลี่ชวิ๋นเคารพแบบนี้ก็เข้าใจได้ไม่ยากเห็นเหรินลี่ชวิ๋นกับทนายลวียืนซ้ายคนขวาคน ล้อมแพทย์แผนจีนผู้มีชื่อเสียงคนนี้ ถึงขั้นเบียดเย่เฟิงและหลีเอียนออกเพื่อเดินเข้าข้างใน"ไปกันเถอะ จะบากหน้าอยู่ที่นี่ไปทำไม?"หลีเอียนดึงแขนเย่เฟิงแล้วพูดอย่างเหน็บแนม"ไม่เป็นไร รอเดี๋ยว"เย่เฟิงส่ายหัว นั่นทำให้ประธานสาวสวยคนนี้เกิดความสงสัยในแววตาเธอตานี่เมื่อกี้ยังจะรีบไปอยู่เลย ตอนนี้กลับไม่รีบซะงั้น?ในตอนนี้ ซุนกว่างซานถูกเชิญนั่งอย่างเคารพ เหรินลี่ชวิ๋นกับทนายลวีประกบซ้ายขวา เอ่ยคำเยินยอไม่ขาดสาย"หมอซุนหมอเทวดา คุณนี่ยอดแพทย์แผนจีนอันดับหนึ่งของเยียนเซียจริงๆ!""ถูกๆ! มะเร็งเม็ดเลือดขาวเข้าขั้นวิกฤต ทั้งโลกอับจนไร้ทางรักษา คุณกลั
เพล้ง!เอ๋……ทว่าทันทีที่พูดจบ ซุนกว่างซานก็ปัดน้ำชาที่เหรินลี่ชวิ๋นส่งให้ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มตัวน้ำชาร้อนๆ กระเด็นไปโดนตัวและใบหน้าเหรินลี่ชวิ๋นทันทีเหรินลี่ชวิ๋นดูงงงวยและไม่กล้าโกรธ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมซุนหมอเทวดาเป็นอะไรไปณ เวลานี้ซุนกว่างซานก็รีบเดินไปหยุดตรงหน้าเย่เฟิง เขาก้มตัวเล็กน้อยและโค้งคำนับให้เย่เฟิงท่าทางราวกับนักเรียนที่ได้เจออาจารย์ตัวเองเสียอย่างงั้น"หมอเทวดาเย่ คุณมาทำอะไรที่นี่ครับ?"เห็นแบบนี้เหรินลี่ชวิ๋นก็เช็ดน้ำชาบนใบหน้า รู้สึกกระตุกวูบในใจอย่างอดไม่ได้ดวงตาของทนายลวีเบิกกว้าง เขานี่โง่นักนี่มันเรื่องอะไรกันแพทย์แผนจีนที่มีชื่อเสียงไปทั่วประเทศ ทำไมถึงเคารพต่อคนหนุ่มสาวแบบนี้กัน?"ยาที่ผมให้คุณไป คุณจะใช้กับลูกชายเถ้าแก่เหรินงั้นเหรอ? "เย่เฟิงถามเรียบๆ"นี่… ใช่ครับ! ทนายลวีติดต่อมาหาผมเมื่อวาน บอกว่ามีผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวระยะวิกฤต แล้วถามว่าผมสามารถรักษาได้ไหม พอดีกับที่หมอเทวดาเย่เพิ่งให้ยาตัวใหม่กับผมมาหลายตัว ผมก็เลย…"ซุนกว่างซานอธิบายเขาฟังจากที่ทนายลวีกับเหรินลี่ชวิ๋นพูดเมื่อครู่ก็พาเดาเรื่องต่างๆได้บ้าง"ผมไม่ยินยอมจะไ
กลางดึกคืนนั้น เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นดังขึ้นในคฤหาสน์ส่วนตัวของตระกูลเฉา “ฮือ...ฮือๆ...”ในคฤหาสน์ส่วนตัวของตระกูลเฉา เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นดังขึ้ ฟังดูน่าขนลุกเฉาเริ่นและเฉาเหนียนผู้เป็นพ่อยืนอยู่ในห้องด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตกใจและสงสัย เบื้องหน้าของทั้งสองคือคุณนายเฉา ที่นั่งอยู่บนพื้นห้องในสภาพเสียสติ ร้องไห้ไม่หยุด แถมยังใช้กรรไกรตัดผ้าปูที่นอนจนขาดเป็นเส้นๆ “นี่มันอะไรกัน? ที่รัก คุณเป็นอะไรไป?”เฉาเหนียนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่สะท้านไปด้วยความหวาดกลัว การที่คนข้างกายลุกขึ้นมากลางดึกและเริ่มแสดงพฤติกรรมแปลกประหลาดเช่นนี้ ย่อมทำให้ใครก็ต้องขนลุก ส่วนคุณนายเฉาไม่เพียงแต่แค่ร้องไห้เท่านั้น แต่ยังดูเสียสติด้วยเธอร้องไห้ไปด้วยถือกรรไกรไปด้วย พร้อมกับตัดผ้าปูเป็นเส้นๆแต่ไม่ว่าจะเรียกหรือถามอย่างไร คุณนายเฉาก็ไม่มีทีท่าว่าจะตอบ ไม่ว่าเฉาเหนียนและลูกชายเฉาเริ่นจะเรียกเธอยังไง เธอก็ไม่ตอบสนองคล้ายเป็นคนเสียสติ“พ่อ...หรือว่าแม่จะโดนของ?”เฉาเริ่นถามด้วยน้ำเสียงหวาดกลัวและเต็มไปด้วยความสับสน “เร็วเข้า! เรียกอาจารย์คงมาดูหน่อย!”เฉาเหนียนรีบร้อนสั่งลูกชาย
ถงซวี่เย่ยิ้มพลางถาม เฉาเริ่นหน้าตึงขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะพูดกับเย่เฟิงด้วยน้ำเสียงไม่เต็มใจนัก “ขอบใจ!” เย่เฟิงได้ยินแล้วก็ยิ้มเยาะเล็กน้อย พลางถามกลับ “ขอบคุณยังไงล่ะ?” เขาไม่ได้ติดเรื่องช่วยคนอื่น แต่ติดเรื่องช่วยเหลือคนอื่นแล้ว อีกฝ่ายยังแสดงท่าทีไม่รู้บุญคุณอีกดังนั้น เขาเองก็ไม่ไว้หน้าเฉาเริ่นเช่นกัน!เมื่อได้ยินดังนั้น เฉาเริ่นถึงกับชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะขมวดคิ้วถามกลับด้วยสีหน้าไม่พอใจ “แล้วนายอยากให้ขอบคุณยังไง? จะเอาเงินรึไง?” ในน้ำเสียงของเขาแฝงด้วยความเย้ยหยันอย่างเห็นได้ชัด!แต่เย่เฟิงกลับพยักหน้าตอบหน้าตาย “เอาสิ! ขอสัก 90 ล้านแล้วกัน”ได้ยินดังนั้น เฉาเริ่นเบิกตากว้าง มองเย่เฟิงด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธจัด ถงซวี่เย่เองก็อึ้งไปเหมือนกัน ไม่คิดว่าเย่เฟิงจะพูดเอาเงินตรงๆ แบบนี้ “นายนี่กล้าดีจริงๆ นะ ยังจะ 90 ล้านอีก? นี่นายจนจนคลั่งไปแล้วใช่ไหม? หรือว่าคุณหนูใหญ่หลีไม่ให้เงินใช้?” เฉาเริ่นพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย “ถ้าเกิดอุบัติเหตุในไซต์งานนี้ นายต้องจ่ายค่าชดเชยไปเท่าไหร่? ไหนจะค่าเสียหายจากการหยุดงาน และผลกระทบในแง่ลบต่อชื่อเสียงบริษัทอีก? บร
“ถ้าขุดเจออะไรสกปรกจริงๆ ฉันจะกินมันเข้าไปเลย!”อาจารย์คงพูดด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม แสดงออกถึงความเชื่อมั่นในฝีมือของตัวเอง “เล่นใหญ่ขนาดนี้เชียว?”เย่เฟิงส่ายหัวพลางถอนหายใจ รถขุดเริ่มทำงานตามจุดที่เย่เฟิงชี้ไว้ขณะที่เย่เฟิงยืนดูอยู่ข้างๆ ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ถงซวี่เย่เองก็มีสีหน้าเคร่งเครียด ดวงตาจับจ้องไม่กะพริบส่วนเฉาเริ่นกับอาจารย์คงยืนกอดอกอยู่ไม่ไกลนัก ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเยาะ ไม่กี่นาทีต่อมา ก็ขุดลึกลงไปได้สี่ถึงห้าเมตร แต่กลับพบเพียงก้อนหินรกๆ เท่านั้น“ตลกจริงๆ! ไอ้ที่นายบอกมันอยู่ไหนล่ะ? ไม่รู้รึไงว่าฉันมีชื่อเสียงขนาดไหนในวงการฮวงจุ้ย กล้ามาสงสัยในฝีมือฉันเนี่ยนะ? ไอ้หนุ่ม จ่ายค่าเสียหายมาเลย ฉันไม่เอาเยอะ สักห้าล้านพอ!”อาจารย์คงพูดด้วยความภูมิใจ “คุณเย่ ถ้าคุณไม่มีเงินจ่าย ก็ขอโทษอาจารย์คงซะ เดี๋ยวผมจะช่วยพูดให้ แล้วปล่อยให้เรื่องนี้จบๆ ไปอย่ากลับไปขอเงินคุณหลีเลยนะ แบบนั้นมันไม่ดี” เฉาเริ่นพูดพลางเย้ยหยัน “คุณชายเฉา จะขุดต่อไหมครับ?”คนงานของเขาเอียงศีรษะออกมาถาม“ขุดต่อไป!” เย่เฟิงพูดเสียงเรียบ ไม่สนใจคำพูดของอาจารย์คงและเฉาเริ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนท้ายที่เย่เฟิงพูดเชิงเย้ยหยันด้วยแก้วเหล้านั้น ทำให้เฉาเริ่นยิ่งรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก “ผมเรียกพี่เย่มาช่วยดูฮวงจุ้ยหน่อยน่ะ” ถงซวี่เย่พูดด้วยรอยยิ้ม พอได้ยินเช่นนั้น เฉาเริ่นก็ขมวดคิ้วทันที “คุณชายถง เรื่องงานก่อสร้างนี่ปล่อยให้ตระกูลเฉาของเราจัดการเถอะ คุณไม่ต้องกังวลหรอก!”“ผมคอยดูสักหน่อยดีกว่า” ถงซวี่เย่ตอบ “คุณชายถง คุณไม่เชื่อใจผมแล้วเหรอ?”เฉาเริ่นพูดด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย ขณะนั้นเอง ชายชราที่ดูมีลักษณะคล้ายคนมีวิชาในชุดกี่เพ้าเหลืองก็แค่นเสียงดังอย่างไม่พอใจ เฉาเริ่นแนะนำถงซวี่เย่ว่า “นี่คืออาจารย์คง ท่านเป็นอาจารย์ฮวงจุ้ยชื่อดังแห่งหยุนเฉิง ก่อนเริ่มงานก่อสร้างอะไรที่บ้านผมก็มักจะเชิญท่านอาจารย์คงมาดูให้เสมอ มีอาจารย์คงอยู่ตรงนี้แล้ว ไม่จำเป็นต้องเชิญใครที่ไม่ได้เรื่องมาดูอีกหรอกคุณชายถง คุณพาคุณเย่กลับไปเถอะ”พูดจบ เฉาเริ่นก็หันไปมองเย่เฟิงด้วยสายตาเหยียดหยามพร้อมโบกมือไล่ อาจารย์คงพยักหน้าเล็กน้อยก่อนพูดด้วยความหยิ่งยโส “ผมตรวจดูที่นี่แล้ว ฮวงจุ้ยดีมาก มีแสงแห่งโชคลาภปกคลุม สามารถเริ่มงานก่อสร้างอย่างสบายใจได้เลยพลังชั่ว
เมื่อได้ยินหลีเทียนกังพูดเช่นนี้ หลี่เยว่ผิงก็ฉายแววดีใจออกมาหลีถิงกลับเผยสีหน้าตกใจ “พ่อคะ ไม่…ไม่จริงหรอกใช่ไหมคะ? พ่อเองก็อยาก…”หลีเทียนกังขรึมหน้าลง แล้วจ้องหลีถิงเขม็ง “ถิงถิง แกอย่าพูดออกไปมั่วซั่วล่ะ! ถ้าย่าของแกตาย นั่นก็เพราะหลีเอียนกับไอ้หน้าขาวแซ่เย่! เข้าใจไหม?”หลีถิงตัวสะดุ้ง แล้วพยักหน้าด้วยความหวาดกลัว “เข้า…เข้าใจแล้วค่ะ!”วินาทีต่อมา หลีเทียนกังพลันสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกดโทรหาเบอร์หนึ่งในฐานะที่เป็น ‘คุณชายรอง’ ของตระกูลหลี อำนาจของเขาในตระกูลย่อมมีคนสนิทคนหนึ่งอยู่แล้ว“หลีปา จัดการหมอหลี่ที่มาดูอาการผู้อาวุโสวันนี้ซะ! จัดการให้สะอาดล่ะ!”หลังจากวางสาย หลีเทียนกังแค่นเสียงเย็นชาไปทีหนึ่งก่อนจะกล่าวเสียงขรึมว่า “เรื่องนี้จะต้องหาแพทย์แผนจีนที่เก่งกาจคนหนึ่ง และต้องทำแบบเงียบๆ ไร้ร่องรอยด้วย!”หลี่เยว่ผิงกล่าวด้วยสายตาเป็นประกาย “จริงสิคะที่รัก ฉันได้ยินมาว่าหมอเทวดาจู้จากโม๋ตูคนนั้นมาที่หยุนเฉิงแล้ว ไม่กี่วันก่อนยังมารักษาที่คลินิกจู้คังด้วย หรือว่า…จะหาเขาดี?”คลินิกจู้คังที่หมอเทวดาจู้คนนี้ก่อตั้งขึ้นเป็นคลินิกลูกโซ่ ตอนนี้มีคลินิกย่อยอยู่ทั่วประเทศแล้ว
ส่วนสถานการณ์ของเจ้าสามและเจ้าสี่ไม่ชัดเจนนักผู้อาวุโสหลีหน้าเสียต่อหน้าหลีเอียนและเย่เฟิงมานักต่อนัก สุดท้ายยังต้องยอมจำนนอย่างน่าอับอายอีกเธอในตอนนี้ไม่ถูกกับครอบครัวลูกชายคนโตเลยแม้แต่นิด!ดังนั้นเธอย่อมต้องสนับสนุนคนที่ไม่ถูกกับอีกฝ่ายเช่นเดียวกันอยู่แล้วซึ่งคนคนนั้น ก็มีเพียงหลีเทียนกัง ลูกชายคนรองเท่านั้น…หลังจากที่กลับจากคฤหาสน์ตระกูลหลี ทันทีที่หลีเทียนกังขึ้นรถไป หลี่เยว่ผิวและหลีถิงที่รออยู่บนรถก่อนแล้วก็เอ่ยถามอย่างรอไม่ไหว“ที่รัก ผู้อาวุโสเป็นยังไงบ้าง? ใกล้จะไม่ไหวแล้วใช่ไหม?”ภรรยาคนนี้ทำหน้าตั้งตารอ“พ่อคะ พ่อต้องทำให้ย่าเขียนพินัยกรรมมอบหุ้นส่วนทั้งหมดให้พ่อก่อนที่ท่านจะตายนะคะ!”หลีถิงเองก็ทำหน้าโลภมากหลีเทียนกังแค่นเสียงเย็นชา แล้วโบกมืออย่างอารมณ์เสีย “คิดอะไรอยู่น่ะ? ผู้อาวุโสยังไม่ตายเร็วๆ นี้หรอก หมอบอกว่าแค่พักผ่อนดีๆ รักษาอาการป่วยให้ดี ก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง!”เมื่อได้ยินดังนั้น หลี่เยว่ผิงและหลีถิงก็เผยสีหน้าผิดหวังออกมาหลีเทียนกังเห็นดังนั้น ก็กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่ดีว่า “แต่ผมขู่ผู้อาวุโสไป ให้ท่านรู้สึกว่าตัวเองเหลือเวลาอีกไม่มากแล้วแล
เมื่อเห็นท่าทางของลูกชายคนรอง ผู้อาวุโสหลีก็รู้สึกไม่ดี!ท่าทีของอีกฝ่าย ทำให้เธอรู้สึกเหมือนว่าตนใกล้จะตายแล้วอย่างไรอย่างนั้น"เป็นอะไรกันแน่? บอกมา!"ผู้อาวุโสหลีถามเสียงเข้ม สีหน้ายิ่งแดงก่ำกว่าเดิมพร้อมไอเป็นครั้งคราว"แม่ ไม่มีอะไรจริงๆ แม่พักผ่อนให้สบายเถอะ"หลีเทียนกังพยายามปลอบแต่ผู้อาวุโสหลียังจับตาดูลูกชายอยู่ครู่หนึ่งก่อนถอนหายใจ "เฮ้อ…ฉันเองก็อายุมากแล้ว ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็ไม่แปลก! เพียงแต่…ฉันไม่ยอม!"เธอพูดพลางตบโต๊ะด้วยความโกรธหลังจากใช้ชีวิตอย่างเด็ดเดี่ยวมาตลอด สุดท้ายเธอกลับพ่ายแพ้ให้กับหลานสาวตัวเอง จนถึงขั้นเสียบริษัทยาไปทั้งหมดความรู้สึกนี้ยากที่จะทำใจยอมรับได้ แม้จะเป็นวาระสุดท้ายก็ตาม!"แม่ครับ ผมจะช่วยกู้ศักดิ์ศรีกลับมาให้แม่เอง!"หลีเทียนกังกัดฟันและกล่าวด้วยน้ำเสียงเคียดแค้นครั้งนี้ไม่ใช่การแสร้งทำ!เมื่อคิดๆ ดูแล้ว ครอบครัวเขาหน้าด้านหน้าทนไปขอหลีเอียน แต่กลับถูกขับไล้ออกมาอย่างไร้เยื่อใย ในใจเขาเองก็รู้สึกอับอายและโกรธมากเช่นกัน"แม่ ถึงแม้เราจะเสียเปรียบเรื่องบริษัทยา แต่เราสามารถหาวิธีอื่นจัดการครอบครัวพี่ใหญ่ได้นี่ครับ!หลีหย่วนยังไงก็
“ราคาสูง? สูงแค่ไหน?”เย่เฟิงขมวดคิ้วถาม“ยกตัวอย่างเช่น ยาหนึ่งเม็ดจากตระกูลนี้ ราคาก็สูงถึงหลักสิบล้าน ส่วนทักษะวิชาการต่อสู้บางเล่มอาจทะลุไปถึงร้อยล้านเลย...”หลีหยวนเล่าความเป็นมาของตระกูลกู่นี้ให้เย่เฟิงฟังตระกูลกู่เป็นตระกูลที่เงียบสงบและไม่เผยตัวต่อสาธารณะ แต่ก็แข็งแกร่งมากพวกเขาไม่ทำธุรกิจข้างนอก แต่ก็ร่ำรวยมหาศาลลำพังแค่งานประมูลหนึ่งครั้ง ก็สามารถทำรายได้ถึงหลายพันหลายหมื่นล้านแล้วยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลนี้ยังเต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญฝีมือสูงที่สามารถรับงานต่างๆ ได้ แต่ค่าจ้างก็แพงมากเช่นกันแน่นอนว่าความสามารถของยอดฝีมือที่ส่งไปนั้น ก็เก่งกาจมากเช่นกันเฉินจิงเทียนที่ได้ชื่อว่าเป็นนักสู้อันดับหนึ่งในมณฑลเจียง ยังอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้เชี่ยวชาญบางคนในตระกูลนี้ด้วยซ้ำ เพียงแค่พวกเขาไม่เปิดเผยตัวเท่านั้นหลังจากที่หลีหย่วนพูดจบแล้ว เย่เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและรู้สึกหนักใจตระกูลกู่จะมีผู้เชี่ยวชาญหรือยอดฝีมืออะไรไม่เกี่ยวกับเขา สิ่งที่เขาต้องการคือของประมูลราคาสูงลิ่วที่หลีหย่วนพูดถึงตามที่หลีหย่วนกล่าว ราคาของหยกพลังวิญญาณนั่น เผลอๆ อาจสูงถึงร้อยล้านเลยก็ได้
ใช่แล้ว หลีเอียนรู้เรื่องจี้หยกรูปมังกรของเย่เฟิงตอนที่เย่เฟิงโดนรถของเธอชนแล้วกระเด็นไป ตอนนั้นเขากำจี้หยกชิ้นนั้นไว้แน่น หลีเอียนจึงจำมันได้ขึ้นใจอีกทั้งตอนที่เย่อินเสวียนหยิบภาพวาดออกมา หลีเอียนเองก็สงสัยอยู่ในใจ แต่ไม่ได้แสดงออกมาเมื่อได้ยินคำขู่ของหลีเอียน สีหน้าของเย่เฟิงก็เปลี่ยนไปทันที แววตาของเขาแฝงด้วยความเย็นชา “คุณกำลังขู่ผมอยู่เหรอ?”หลีเอียนที่เห็นสายตาเย็นชาของเย่เฟิง ก็หยุดชะงักไปเล็กน้อย ในใจเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและความไม่พอใจ เธอจ้องมองเขาอย่างน้อยใจ“ใช่ ฉันขู่คุณ แล้วจะทำไม? ยังจะกล้าขัดคำสั่งฉันไหม?”เย่เฟิงถอนหายใจเล็กน้อย รู้สึกปั่นป่วนในใจเมื่อเห็นท่าทางของเธอ สุดท้ายเขาก็ยอมจำนน“โอเคๆ ผมจะทำตามที่คุณบอก โอเคไหม คุณภรรยาผู้ยิ่งใหญ่ของผม...แต่คุณต้องช่วยผมเก็บเรื่องนี้เป็นความลับนะ”หลีเอียนจ้องเขาด้วยสายตาไม่พอใจแล้วพูดขึ้น “ก็ต้องดูพฤติกรรมของคุณแล้ว”“ผมว่าผมก็ทำตัวดีมาตลอดนะ”“แย่สุดๆ!”หลีเอียนกัดฟันและพูดออกมาด้วยใบหน้าที่เย็นชาทำให้เย่เฟิงได้แต่นั่งหน้าหมอง พร้อมคิดในใจว่า(ผู้หญิง เหอะๆ…เปลี่ยนอารมณ์ง่ายเหมือนเปลี่ยนหน้าหนังสือเลย!