เย่เฟิงที่กําลังจะดึงหลีเอียนออกไปนั้น ตอนนี้กลับหยุดเมื่อเห็นว่าทนายลวีเปิดประตูห้องวีไอพีด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขาต้อนรับคนที่อยู่ด้านนอกให้เข้ามาเหรินลี่ชวิ๋นนั้นยิ่งกว่าอีก เขารีบวิ่งไปหาพร้อมโค้งคำนับ"หมอซุนหมอเทวดา คุณมาแล้ว! เชิญ เชิญนั่งเลยครับ!"อีกฝ่ายคือแพทย์แผนจีนที่มีชื่อเสียงมายาวนาน และชีวิตลูกชายเขาก็ต้องพึ่งหมอคนนี้ ดังนั้นที่เหรินลี่ชวิ๋นเคารพแบบนี้ก็เข้าใจได้ไม่ยากเห็นเหรินลี่ชวิ๋นกับทนายลวียืนซ้ายคนขวาคน ล้อมแพทย์แผนจีนผู้มีชื่อเสียงคนนี้ ถึงขั้นเบียดเย่เฟิงและหลีเอียนออกเพื่อเดินเข้าข้างใน"ไปกันเถอะ จะบากหน้าอยู่ที่นี่ไปทำไม?"หลีเอียนดึงแขนเย่เฟิงแล้วพูดอย่างเหน็บแนม"ไม่เป็นไร รอเดี๋ยว"เย่เฟิงส่ายหัว นั่นทำให้ประธานสาวสวยคนนี้เกิดความสงสัยในแววตาเธอตานี่เมื่อกี้ยังจะรีบไปอยู่เลย ตอนนี้กลับไม่รีบซะงั้น?ในตอนนี้ ซุนกว่างซานถูกเชิญนั่งอย่างเคารพ เหรินลี่ชวิ๋นกับทนายลวีประกบซ้ายขวา เอ่ยคำเยินยอไม่ขาดสาย"หมอซุนหมอเทวดา คุณนี่ยอดแพทย์แผนจีนอันดับหนึ่งของเยียนเซียจริงๆ!""ถูกๆ! มะเร็งเม็ดเลือดขาวเข้าขั้นวิกฤต ทั้งโลกอับจนไร้ทางรักษา คุณกลั
เพล้ง!เอ๋……ทว่าทันทีที่พูดจบ ซุนกว่างซานก็ปัดน้ำชาที่เหรินลี่ชวิ๋นส่งให้ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มตัวน้ำชาร้อนๆ กระเด็นไปโดนตัวและใบหน้าเหรินลี่ชวิ๋นทันทีเหรินลี่ชวิ๋นดูงงงวยและไม่กล้าโกรธ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมซุนหมอเทวดาเป็นอะไรไปณ เวลานี้ซุนกว่างซานก็รีบเดินไปหยุดตรงหน้าเย่เฟิง เขาก้มตัวเล็กน้อยและโค้งคำนับให้เย่เฟิงท่าทางราวกับนักเรียนที่ได้เจออาจารย์ตัวเองเสียอย่างงั้น"หมอเทวดาเย่ คุณมาทำอะไรที่นี่ครับ?"เห็นแบบนี้เหรินลี่ชวิ๋นก็เช็ดน้ำชาบนใบหน้า รู้สึกกระตุกวูบในใจอย่างอดไม่ได้ดวงตาของทนายลวีเบิกกว้าง เขานี่โง่นักนี่มันเรื่องอะไรกันแพทย์แผนจีนที่มีชื่อเสียงไปทั่วประเทศ ทำไมถึงเคารพต่อคนหนุ่มสาวแบบนี้กัน?"ยาที่ผมให้คุณไป คุณจะใช้กับลูกชายเถ้าแก่เหรินงั้นเหรอ? "เย่เฟิงถามเรียบๆ"นี่… ใช่ครับ! ทนายลวีติดต่อมาหาผมเมื่อวาน บอกว่ามีผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวระยะวิกฤต แล้วถามว่าผมสามารถรักษาได้ไหม พอดีกับที่หมอเทวดาเย่เพิ่งให้ยาตัวใหม่กับผมมาหลายตัว ผมก็เลย…"ซุนกว่างซานอธิบายเขาฟังจากที่ทนายลวีกับเหรินลี่ชวิ๋นพูดเมื่อครู่ก็พาเดาเรื่องต่างๆได้บ้าง"ผมไม่ยินยอมจะไ
เมื่อเหรินลี่ชวิ๋นได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างไม่เป็นธรรมชาติเขารู้ว่าเย่เฟิงกําลังเยาะเย้ยเขา แต่เพื่อลูกชายเขาเลยยอมทำเรื่องหน้าอายนี่"คุณเย่ ประธานหลี, ผมรู้ตัวว่าผิดไปแล้วจริงๆ ผมรับรองว่าครั้งนี้เราจะร่วมมือกันอย่างจริงใจ เห็นแก่ลูกผมที่ยังเด็กอยู่เถอะ คุณเย่ใจดีมีเมตตายิ่ง ช่วยลูกชายผมด้วยเถอะ!"ผมขอร้อง!ขอแค่ช่วยลูกสาวได้ เงื่อนไขอะไรผมก็รับได้ทั้งนั้น "เหรินลี่ชวิ๋นคุกเข่าลงบนพื้น ก้มหัวโขกลงไปเหมือนกับตำกระเทียม พร้อมทั้งน้ำมูกน้ำตาไหลพรากไปมาเขาร้องไห้จริง ๆ เมื่อคิดได้ว่าลูกอาจจะจะต้องตายเพราะความโง่เขลาของเขา เหรินลี่ชวิ๋นเริ่มคิดอยากตายในใจหลีเอียนดึงแขนเย่เฟิงเบา ๆ เห็นเขาอยู่ในสภาพแบบนี้ก็รู้สึกเห็นใจ เธอพูดเสียงเบาๆ: "เย่เฟิง พอเถอะ ถ้าเขายินดีร่วมมือ ก็อย่าทำให้เรื่องมันเลวร้ายเกินไปเลย"เย่เฟิงแอบบอกว่าคุณนี่ใจอ่อน ก่อนจะส่ายหัวแล้วหยิบกระเป๋าเอกสารแล้วดึงสัญญาออกมาหลีเอียนวันนี้ตั้งใจจะมาทำการเซ็นสัญญากับเหรินลี่ชวิ๋น ดังนั้นเธอจึงนำเอกสารสัญญามาด้วย"ราคาวัตถุดิบยาดูเหมือนจะสูงไปหน่อย"เย่เฟิงพูดพึมพําเมื่อได้ยินคำพูดนี้ เหรินลี่ชว
สุนัขที่ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก เขารีบหนีออกจากห้องอย่างตื่นตระหนกดวงตาคู่สวยของประธานสาวคนสวย หันไปมองทางเย่เฟิง รอยยิ้มที่น่าหลงใหลปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่งดงามของเธอถ้าบอกว่าฉู่เทียนหลงคือเมฆดำที่ห่อหุ้มเธอ งั้นเย่เฟิงเหมือนแสงแดดที่สองผ่านเมฆดํานั้นเข้ามาวินาทีถัดมา เย่เฟิงรู้สึกถึงกลิ่นหอมละมุนพัดผ่านหน้าเขา พร้อมกับสัมผัสอ่อนโยนที่แตะใบหน้าเขา"คุณดีจังเลย!"ในช่วงเวลานั้น หลีเอียนยิ้มสวยและมีเสน่ห์จนไม่อาจอธิบายได้เหมือนกับเด็กหญิงตัวน้อยที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความภูมิใจหลังจากที่ได้ระบายความรู้สึกออกไปเย่เฟิงส่งเสียง "เอ่อ" พร้อมกลอกตามองบนอย่างอดไม่ได้นี่หลีเอียนจูบเขาเหรอ?แม่ง! เขาไม่รู้สึกอะไรเลยนะ นี่จูบเสร็จแล้วเหรอ?ผู้หญิงคนนี้ไม่จริงใจเอาเสียเลยไม่กี่นาทีต่อมา……เย่เฟิงยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งไปที่หน้าเหรินลี่ชวิ๋น: "สิ่งนี้ที่ผมเรียกว่า 'หญ้าไขกระดูกมังกร' ถ้ามีมันผมสามารถรักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวได้ คุณมีสิ่งนี้อยู่ในมือหรือเปล่า?"เย่เฟิงวาดภาพสมบัติฟ้าดินอย่างหญ้าไขกระดูกมังกรตามที่เขาจำได้ออกมา เพื่อให้เหรินลี่ชวิ๋นตรวจดูในฐานะที่เขาเป็นผู้ค้าส่งวัต
เย่เฟิงแน่นอนว่าจะไม่สามารถช่วยรักษาอาการป่วยของลูกชายเหรินลี่ชวิ๋นได้ด้วยตนเอง แต่มีตัวอย่างยาที่มีประสิทธิภาพสูงตัวใหม่ออกมา แม้แต่ซุนกว่างซานก็ยังสามารถควบคุมโรคเขาได้ดังนั้นเขาจึงขับรถตามที่หลีเอียนชี้ทาง เพื่อพาเธอมุ่งหน้าไปบ้านเก่าตระกูลหลี ระหว่างทาง โทรศัพท์มือถือหลีเอียนก็สั่นขึ้นมา เป็นข้อความจากน้องชายเธอ หลีหย่วน"พี่ อย่าพาพี่เขยกลับมา! พี่เขยไปทำร้ายลูกชายของเว่ยเหล่าหู่ พวกเขาพาคนมาขอให้เราส่งตัวพี่เขยไป! คุณย่าจะส่งตัวพี่เขยให้พวกเขา!"เมื่อเห็นข้อความนี้สีหน้าของหลีเอียนก็เปลี่ยนเป็นกังวลและโกรธทันที"จอด เราจะไม่กลับไป!"หลีเอียนรีบพูด"มีอะไรเหรอ"เย่เฟิงเลิกคิ้วหลีเอียนยื่นโทรศัพท์ไปให้เย่เฟิงดู หลังเห็นข้อความที่หลีหย่วนส่งมาแล้ว"ควรไปก็ต้องไป เรื่องที่ผมก่อ ไม่ต้องให้คนอื่นมารับแทน "เย่เฟิงพูดด้วยน้ําเสียงที่ทุ้มลึกณ เวลานี้ที่บ้านเก่าตระกูลหลีเมื่อผู้อาวุโสหลีพูดออกมาแบบนี้ เว่ยเสี่ยวตงก็ยิ้มหัวเราะออกมาอย่างพอใจ"ฮ่าฮ่า งั้นก็ดี! ข้าน้อยขอขอบคุณผู้อาวุโส!"ชายที่อยู่ข้างๆเว่ยเสี่ยวตงก็พูดอย่างยิ้มๆ:"ผู้อาวุโสนับว่ามีเหตุผลยิ่งนัก!"เขาคือม
เมื่อพูดจบ สวีเพ่ยเพ่ย แม่ของหลีเอียนก็หัวเราะอย่างเย็นชา: "ใครมาก็ส่งตัวให้เขาไปหมดแบบนี้เรียกพิจารณาภาพรวมแล้วเหรอ? จะตีหมายังต้องดูเจ้าของ เย่เฟิงนั่นไม่ว่ายังไง ในทางทฤษฎีก็เป็นลูกเขยตระกูลหลี" พี่สะใภ้ น้องสะใภ้มักไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่เมื่อผู้อาวุโสพูดสวีเพ่ยเพ่ยเองก็ไม่กล้าเอ่ยอะไร แต่เธอจะไม่ยอมให้กับครอบครัวลุงรองแน่ต่อจากนั้น ความเห็นของสมาชิกตระกูลหลีที่อยู่ในที่เกิดเหตุก็เริ่มมีความเห็นแตกต่างกันเรื่องเกี่ยวกับว่าจะส่งตัวเย่เฟิงออกไปหรือไม่นั้น ทั้งสองฝ่ายต่างยึดมั่นในความคิดเห็นของตนเอง!ถึงแม้ว่านอกจากหลีหย่วน แม้กระทั่งพ่อแม่หลีเอียนก็ไม่นับเย่เฟิงเป็นคนในครอบครัวไม่มองเป็นคนเสียด้วยซ้ำแต่อย่างว่าแหละ จะตีหมาก็ต้องดูเจ้าของการส่งตัวคนออกไปแบบนี้ อาจทำให้บางคนรู้สึกว่ามันทำให้ชื่อเสียงของตระกูลหลีเสียหาย ราวกับว่าตระกูลหลีกลัวเว่ยเหล่าหู่โดยเฉพาะหลีหย่วน เขาแสดงท่าทีคัดค้านการส่งตัวคนหัวชนฝา ถึงขนาดพูดออกมาเลยว่า ถ้าตระกูลหลีไม่ปกป้องเย่เฟิง เขาก็จะปกป้องเย่เฟิงเองในฐานะคุณชายหลี"อาเจียง เหล่าหยู พาคนมารอที่ประตูบ้านเก่าตระกูลหลี!"ในที่สุด คุณชายหลีก
หลังจากที่เย่เฟิงและหลีเอียนเข้าไปในบ้านตระกูลเก่า ทันใดนั้นพวกเขาก็เห็นร่างของคนสองคนต่อสู้กันอย่างดุเดือดในลานกว้างทุกคนในตระกูลหลีและฝ่ายเว่ยเสี่ยวตงนั่งแยกกันอยู่คนละฝั่งเพื่อชมการต่อสู้ผู้ที่ต่อสู้กับเฮยจินกังคือหลีอู่ ปรมาจารย์ผู้คุ้มกันจากตระกูลหลีเขาผู้นี้เป็นเด็กกำพร้า ถูกตระกูลหลีรับมาเลี้ยงและฝึกฝนตั้งแต่วัยเยาว์ ดังนั้นไม่ใช่แค่ใช้นามสกุลหลีเท่านั้น แต่เขายังมีความภักดีต่อตระกูลหลีอย่างแท้จริงหลีอู่ก็เป็นปรมาจารย์ระดับพลังมืดทมิฬเช่นกัน ตอนนี้เขากำลังสู้กับเฮยจินกังอย่างสูสีเมื่อเห็นหลีเอียนและอีกคนมาถึง ทุกคนต่างก็หันมามองทันทีพร้อมกัน"ไอลูกหมานี่แกยังกล้าโผล่มาอีก!"เมื่อศัตรูพบกัน ใบหน้าของเว่ยเสี่ยวตงเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวเมื่อเห็นเย่เฟิง เขาพูดด้วยความโกรธจัดสมาชิกตระกูลหลีคนอื่นๆ ก็หันมามองเย่เฟิงเช่นกันนอกจากหลีหย่วนและครอบครัวของลุงรอง รวมทั้งพ่อแม่ของหลีเอียน นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้พบเย่เฟิงตัวจริงหลีเทียนหยางและสวีเพ่ยเพ่ยมองไปที่ เย่เฟิงด้วยสีหน้าเย็นชาและไม่พอใจ แสดงท่าทางดูถูกอย่างเปิดเผยแม้ว่าจะไม่เห็นด้วยกับการส่งตัว แต่ก็ไม่ได้หมายควา
เมื่อพูดจบ หลีเอียนยังไม่ได้พูดอะไรต่อ หลีเทียนหยางก็เย้ยหยันทันที: "ไอ้คนไร้ค่าไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง แกคิดว่าตระกูลหลีจะปกป้องแกจริงๆ หรือ? มันก็แค่โอกาสที่เราต่อรองมาได้กับหลีหย่วนเท่านั้น"เย่เฟิงส่งเสียง 'อืม' แล้วหันไปมองหลีเอียนจากนั้นหลีเอียนจึงนึกขึ้นได้และแนะนำ: "นี่พ่อฉัน และนี่คือแม่ฉัน'"เย่เฟิงยิ้ม ก่อนก้มตัวลงและเอ่ย:"ขอบคุณครับ คุณพ่อคุณแม่!""ใครแม่แก? อย่ามาทำตัวสนิทสนม เราแค่ไม่อยากเสียหน้าตระกูลหลีและทำให้คนอื่นคิดว่าเรากลัวเว่ยเหล่าหู่"สวีเพ่ยเพ่ยแม่ยายในนามจู่ๆ ก็เลิกคิ้วและพูดด้วยความโกรธ"คุณแม่ คุณดูยังเด็กและสวยมาก ผมคิดว่าคุณเป็นน้องสาวของหลีเอ๋อร์เสียอีก! ไม่น่าแปลกใจเลยที่คุณให้กำเนิดผู้หญิงที่สวยอบ่างภรรยาผมได้""เย่เฟิงไม่ได้โกรธและพูดด้วยรอยยิ้มเมื่อได้ยินเช่นนั้น สวีเพ่ยเพ่ยก็ตกใจไปชั่วขณะและจ้องมองเย่เฟิงอย่างโกรธเคือง แต่ในใจกลับอดไม่ได้ที่จะรู้สึกพอใจเล็กน้อยไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ไม่ชอบได้ยินคนอื่นชมว่าเธอยังสาวและสวย"ไอเจ้านี่พูดจากะล่อน!"หลีเทียนหยางทำหน้าเย็นชาและดุเย่เฟิงไปหนึ่งประโยค"อย่างไรก็ตาม เขาอดไม่ได้ที่จะมองเย่เฟิงอีกสองส
กลางดึกคืนนั้น เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นดังขึ้นในคฤหาสน์ส่วนตัวของตระกูลเฉา “ฮือ...ฮือๆ...”ในคฤหาสน์ส่วนตัวของตระกูลเฉา เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นดังขึ้ ฟังดูน่าขนลุกเฉาเริ่นและเฉาเหนียนผู้เป็นพ่อยืนอยู่ในห้องด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตกใจและสงสัย เบื้องหน้าของทั้งสองคือคุณนายเฉา ที่นั่งอยู่บนพื้นห้องในสภาพเสียสติ ร้องไห้ไม่หยุด แถมยังใช้กรรไกรตัดผ้าปูที่นอนจนขาดเป็นเส้นๆ “นี่มันอะไรกัน? ที่รัก คุณเป็นอะไรไป?”เฉาเหนียนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่สะท้านไปด้วยความหวาดกลัว การที่คนข้างกายลุกขึ้นมากลางดึกและเริ่มแสดงพฤติกรรมแปลกประหลาดเช่นนี้ ย่อมทำให้ใครก็ต้องขนลุก ส่วนคุณนายเฉาไม่เพียงแต่แค่ร้องไห้เท่านั้น แต่ยังดูเสียสติด้วยเธอร้องไห้ไปด้วยถือกรรไกรไปด้วย พร้อมกับตัดผ้าปูเป็นเส้นๆแต่ไม่ว่าจะเรียกหรือถามอย่างไร คุณนายเฉาก็ไม่มีทีท่าว่าจะตอบ ไม่ว่าเฉาเหนียนและลูกชายเฉาเริ่นจะเรียกเธอยังไง เธอก็ไม่ตอบสนองคล้ายเป็นคนเสียสติ“พ่อ...หรือว่าแม่จะโดนของ?”เฉาเริ่นถามด้วยน้ำเสียงหวาดกลัวและเต็มไปด้วยความสับสน “เร็วเข้า! เรียกอาจารย์คงมาดูหน่อย!”เฉาเหนียนรีบร้อนสั่งลูกชาย
ถงซวี่เย่ยิ้มพลางถาม เฉาเริ่นหน้าตึงขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะพูดกับเย่เฟิงด้วยน้ำเสียงไม่เต็มใจนัก “ขอบใจ!” เย่เฟิงได้ยินแล้วก็ยิ้มเยาะเล็กน้อย พลางถามกลับ “ขอบคุณยังไงล่ะ?” เขาไม่ได้ติดเรื่องช่วยคนอื่น แต่ติดเรื่องช่วยเหลือคนอื่นแล้ว อีกฝ่ายยังแสดงท่าทีไม่รู้บุญคุณอีกดังนั้น เขาเองก็ไม่ไว้หน้าเฉาเริ่นเช่นกัน!เมื่อได้ยินดังนั้น เฉาเริ่นถึงกับชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะขมวดคิ้วถามกลับด้วยสีหน้าไม่พอใจ “แล้วนายอยากให้ขอบคุณยังไง? จะเอาเงินรึไง?” ในน้ำเสียงของเขาแฝงด้วยความเย้ยหยันอย่างเห็นได้ชัด!แต่เย่เฟิงกลับพยักหน้าตอบหน้าตาย “เอาสิ! ขอสัก 90 ล้านแล้วกัน”ได้ยินดังนั้น เฉาเริ่นเบิกตากว้าง มองเย่เฟิงด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธจัด ถงซวี่เย่เองก็อึ้งไปเหมือนกัน ไม่คิดว่าเย่เฟิงจะพูดเอาเงินตรงๆ แบบนี้ “นายนี่กล้าดีจริงๆ นะ ยังจะ 90 ล้านอีก? นี่นายจนจนคลั่งไปแล้วใช่ไหม? หรือว่าคุณหนูใหญ่หลีไม่ให้เงินใช้?” เฉาเริ่นพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย “ถ้าเกิดอุบัติเหตุในไซต์งานนี้ นายต้องจ่ายค่าชดเชยไปเท่าไหร่? ไหนจะค่าเสียหายจากการหยุดงาน และผลกระทบในแง่ลบต่อชื่อเสียงบริษัทอีก? บร
“ถ้าขุดเจออะไรสกปรกจริงๆ ฉันจะกินมันเข้าไปเลย!”อาจารย์คงพูดด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม แสดงออกถึงความเชื่อมั่นในฝีมือของตัวเอง “เล่นใหญ่ขนาดนี้เชียว?”เย่เฟิงส่ายหัวพลางถอนหายใจ รถขุดเริ่มทำงานตามจุดที่เย่เฟิงชี้ไว้ขณะที่เย่เฟิงยืนดูอยู่ข้างๆ ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ถงซวี่เย่เองก็มีสีหน้าเคร่งเครียด ดวงตาจับจ้องไม่กะพริบส่วนเฉาเริ่นกับอาจารย์คงยืนกอดอกอยู่ไม่ไกลนัก ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเยาะ ไม่กี่นาทีต่อมา ก็ขุดลึกลงไปได้สี่ถึงห้าเมตร แต่กลับพบเพียงก้อนหินรกๆ เท่านั้น“ตลกจริงๆ! ไอ้ที่นายบอกมันอยู่ไหนล่ะ? ไม่รู้รึไงว่าฉันมีชื่อเสียงขนาดไหนในวงการฮวงจุ้ย กล้ามาสงสัยในฝีมือฉันเนี่ยนะ? ไอ้หนุ่ม จ่ายค่าเสียหายมาเลย ฉันไม่เอาเยอะ สักห้าล้านพอ!”อาจารย์คงพูดด้วยความภูมิใจ “คุณเย่ ถ้าคุณไม่มีเงินจ่าย ก็ขอโทษอาจารย์คงซะ เดี๋ยวผมจะช่วยพูดให้ แล้วปล่อยให้เรื่องนี้จบๆ ไปอย่ากลับไปขอเงินคุณหลีเลยนะ แบบนั้นมันไม่ดี” เฉาเริ่นพูดพลางเย้ยหยัน “คุณชายเฉา จะขุดต่อไหมครับ?”คนงานของเขาเอียงศีรษะออกมาถาม“ขุดต่อไป!” เย่เฟิงพูดเสียงเรียบ ไม่สนใจคำพูดของอาจารย์คงและเฉาเริ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนท้ายที่เย่เฟิงพูดเชิงเย้ยหยันด้วยแก้วเหล้านั้น ทำให้เฉาเริ่นยิ่งรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก “ผมเรียกพี่เย่มาช่วยดูฮวงจุ้ยหน่อยน่ะ” ถงซวี่เย่พูดด้วยรอยยิ้ม พอได้ยินเช่นนั้น เฉาเริ่นก็ขมวดคิ้วทันที “คุณชายถง เรื่องงานก่อสร้างนี่ปล่อยให้ตระกูลเฉาของเราจัดการเถอะ คุณไม่ต้องกังวลหรอก!”“ผมคอยดูสักหน่อยดีกว่า” ถงซวี่เย่ตอบ “คุณชายถง คุณไม่เชื่อใจผมแล้วเหรอ?”เฉาเริ่นพูดด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย ขณะนั้นเอง ชายชราที่ดูมีลักษณะคล้ายคนมีวิชาในชุดกี่เพ้าเหลืองก็แค่นเสียงดังอย่างไม่พอใจ เฉาเริ่นแนะนำถงซวี่เย่ว่า “นี่คืออาจารย์คง ท่านเป็นอาจารย์ฮวงจุ้ยชื่อดังแห่งหยุนเฉิง ก่อนเริ่มงานก่อสร้างอะไรที่บ้านผมก็มักจะเชิญท่านอาจารย์คงมาดูให้เสมอ มีอาจารย์คงอยู่ตรงนี้แล้ว ไม่จำเป็นต้องเชิญใครที่ไม่ได้เรื่องมาดูอีกหรอกคุณชายถง คุณพาคุณเย่กลับไปเถอะ”พูดจบ เฉาเริ่นก็หันไปมองเย่เฟิงด้วยสายตาเหยียดหยามพร้อมโบกมือไล่ อาจารย์คงพยักหน้าเล็กน้อยก่อนพูดด้วยความหยิ่งยโส “ผมตรวจดูที่นี่แล้ว ฮวงจุ้ยดีมาก มีแสงแห่งโชคลาภปกคลุม สามารถเริ่มงานก่อสร้างอย่างสบายใจได้เลยพลังชั่ว
เมื่อได้ยินหลีเทียนกังพูดเช่นนี้ หลี่เยว่ผิงก็ฉายแววดีใจออกมาหลีถิงกลับเผยสีหน้าตกใจ “พ่อคะ ไม่…ไม่จริงหรอกใช่ไหมคะ? พ่อเองก็อยาก…”หลีเทียนกังขรึมหน้าลง แล้วจ้องหลีถิงเขม็ง “ถิงถิง แกอย่าพูดออกไปมั่วซั่วล่ะ! ถ้าย่าของแกตาย นั่นก็เพราะหลีเอียนกับไอ้หน้าขาวแซ่เย่! เข้าใจไหม?”หลีถิงตัวสะดุ้ง แล้วพยักหน้าด้วยความหวาดกลัว “เข้า…เข้าใจแล้วค่ะ!”วินาทีต่อมา หลีเทียนกังพลันสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกดโทรหาเบอร์หนึ่งในฐานะที่เป็น ‘คุณชายรอง’ ของตระกูลหลี อำนาจของเขาในตระกูลย่อมมีคนสนิทคนหนึ่งอยู่แล้ว“หลีปา จัดการหมอหลี่ที่มาดูอาการผู้อาวุโสวันนี้ซะ! จัดการให้สะอาดล่ะ!”หลังจากวางสาย หลีเทียนกังแค่นเสียงเย็นชาไปทีหนึ่งก่อนจะกล่าวเสียงขรึมว่า “เรื่องนี้จะต้องหาแพทย์แผนจีนที่เก่งกาจคนหนึ่ง และต้องทำแบบเงียบๆ ไร้ร่องรอยด้วย!”หลี่เยว่ผิงกล่าวด้วยสายตาเป็นประกาย “จริงสิคะที่รัก ฉันได้ยินมาว่าหมอเทวดาจู้จากโม๋ตูคนนั้นมาที่หยุนเฉิงแล้ว ไม่กี่วันก่อนยังมารักษาที่คลินิกจู้คังด้วย หรือว่า…จะหาเขาดี?”คลินิกจู้คังที่หมอเทวดาจู้คนนี้ก่อตั้งขึ้นเป็นคลินิกลูกโซ่ ตอนนี้มีคลินิกย่อยอยู่ทั่วประเทศแล้ว
ส่วนสถานการณ์ของเจ้าสามและเจ้าสี่ไม่ชัดเจนนักผู้อาวุโสหลีหน้าเสียต่อหน้าหลีเอียนและเย่เฟิงมานักต่อนัก สุดท้ายยังต้องยอมจำนนอย่างน่าอับอายอีกเธอในตอนนี้ไม่ถูกกับครอบครัวลูกชายคนโตเลยแม้แต่นิด!ดังนั้นเธอย่อมต้องสนับสนุนคนที่ไม่ถูกกับอีกฝ่ายเช่นเดียวกันอยู่แล้วซึ่งคนคนนั้น ก็มีเพียงหลีเทียนกัง ลูกชายคนรองเท่านั้น…หลังจากที่กลับจากคฤหาสน์ตระกูลหลี ทันทีที่หลีเทียนกังขึ้นรถไป หลี่เยว่ผิวและหลีถิงที่รออยู่บนรถก่อนแล้วก็เอ่ยถามอย่างรอไม่ไหว“ที่รัก ผู้อาวุโสเป็นยังไงบ้าง? ใกล้จะไม่ไหวแล้วใช่ไหม?”ภรรยาคนนี้ทำหน้าตั้งตารอ“พ่อคะ พ่อต้องทำให้ย่าเขียนพินัยกรรมมอบหุ้นส่วนทั้งหมดให้พ่อก่อนที่ท่านจะตายนะคะ!”หลีถิงเองก็ทำหน้าโลภมากหลีเทียนกังแค่นเสียงเย็นชา แล้วโบกมืออย่างอารมณ์เสีย “คิดอะไรอยู่น่ะ? ผู้อาวุโสยังไม่ตายเร็วๆ นี้หรอก หมอบอกว่าแค่พักผ่อนดีๆ รักษาอาการป่วยให้ดี ก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง!”เมื่อได้ยินดังนั้น หลี่เยว่ผิงและหลีถิงก็เผยสีหน้าผิดหวังออกมาหลีเทียนกังเห็นดังนั้น ก็กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่ดีว่า “แต่ผมขู่ผู้อาวุโสไป ให้ท่านรู้สึกว่าตัวเองเหลือเวลาอีกไม่มากแล้วแล
เมื่อเห็นท่าทางของลูกชายคนรอง ผู้อาวุโสหลีก็รู้สึกไม่ดี!ท่าทีของอีกฝ่าย ทำให้เธอรู้สึกเหมือนว่าตนใกล้จะตายแล้วอย่างไรอย่างนั้น"เป็นอะไรกันแน่? บอกมา!"ผู้อาวุโสหลีถามเสียงเข้ม สีหน้ายิ่งแดงก่ำกว่าเดิมพร้อมไอเป็นครั้งคราว"แม่ ไม่มีอะไรจริงๆ แม่พักผ่อนให้สบายเถอะ"หลีเทียนกังพยายามปลอบแต่ผู้อาวุโสหลียังจับตาดูลูกชายอยู่ครู่หนึ่งก่อนถอนหายใจ "เฮ้อ…ฉันเองก็อายุมากแล้ว ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็ไม่แปลก! เพียงแต่…ฉันไม่ยอม!"เธอพูดพลางตบโต๊ะด้วยความโกรธหลังจากใช้ชีวิตอย่างเด็ดเดี่ยวมาตลอด สุดท้ายเธอกลับพ่ายแพ้ให้กับหลานสาวตัวเอง จนถึงขั้นเสียบริษัทยาไปทั้งหมดความรู้สึกนี้ยากที่จะทำใจยอมรับได้ แม้จะเป็นวาระสุดท้ายก็ตาม!"แม่ครับ ผมจะช่วยกู้ศักดิ์ศรีกลับมาให้แม่เอง!"หลีเทียนกังกัดฟันและกล่าวด้วยน้ำเสียงเคียดแค้นครั้งนี้ไม่ใช่การแสร้งทำ!เมื่อคิดๆ ดูแล้ว ครอบครัวเขาหน้าด้านหน้าทนไปขอหลีเอียน แต่กลับถูกขับไล้ออกมาอย่างไร้เยื่อใย ในใจเขาเองก็รู้สึกอับอายและโกรธมากเช่นกัน"แม่ ถึงแม้เราจะเสียเปรียบเรื่องบริษัทยา แต่เราสามารถหาวิธีอื่นจัดการครอบครัวพี่ใหญ่ได้นี่ครับ!หลีหย่วนยังไงก็
“ราคาสูง? สูงแค่ไหน?”เย่เฟิงขมวดคิ้วถาม“ยกตัวอย่างเช่น ยาหนึ่งเม็ดจากตระกูลนี้ ราคาก็สูงถึงหลักสิบล้าน ส่วนทักษะวิชาการต่อสู้บางเล่มอาจทะลุไปถึงร้อยล้านเลย...”หลีหยวนเล่าความเป็นมาของตระกูลกู่นี้ให้เย่เฟิงฟังตระกูลกู่เป็นตระกูลที่เงียบสงบและไม่เผยตัวต่อสาธารณะ แต่ก็แข็งแกร่งมากพวกเขาไม่ทำธุรกิจข้างนอก แต่ก็ร่ำรวยมหาศาลลำพังแค่งานประมูลหนึ่งครั้ง ก็สามารถทำรายได้ถึงหลายพันหลายหมื่นล้านแล้วยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลนี้ยังเต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญฝีมือสูงที่สามารถรับงานต่างๆ ได้ แต่ค่าจ้างก็แพงมากเช่นกันแน่นอนว่าความสามารถของยอดฝีมือที่ส่งไปนั้น ก็เก่งกาจมากเช่นกันเฉินจิงเทียนที่ได้ชื่อว่าเป็นนักสู้อันดับหนึ่งในมณฑลเจียง ยังอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้เชี่ยวชาญบางคนในตระกูลนี้ด้วยซ้ำ เพียงแค่พวกเขาไม่เปิดเผยตัวเท่านั้นหลังจากที่หลีหย่วนพูดจบแล้ว เย่เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและรู้สึกหนักใจตระกูลกู่จะมีผู้เชี่ยวชาญหรือยอดฝีมืออะไรไม่เกี่ยวกับเขา สิ่งที่เขาต้องการคือของประมูลราคาสูงลิ่วที่หลีหย่วนพูดถึงตามที่หลีหย่วนกล่าว ราคาของหยกพลังวิญญาณนั่น เผลอๆ อาจสูงถึงร้อยล้านเลยก็ได้
ใช่แล้ว หลีเอียนรู้เรื่องจี้หยกรูปมังกรของเย่เฟิงตอนที่เย่เฟิงโดนรถของเธอชนแล้วกระเด็นไป ตอนนั้นเขากำจี้หยกชิ้นนั้นไว้แน่น หลีเอียนจึงจำมันได้ขึ้นใจอีกทั้งตอนที่เย่อินเสวียนหยิบภาพวาดออกมา หลีเอียนเองก็สงสัยอยู่ในใจ แต่ไม่ได้แสดงออกมาเมื่อได้ยินคำขู่ของหลีเอียน สีหน้าของเย่เฟิงก็เปลี่ยนไปทันที แววตาของเขาแฝงด้วยความเย็นชา “คุณกำลังขู่ผมอยู่เหรอ?”หลีเอียนที่เห็นสายตาเย็นชาของเย่เฟิง ก็หยุดชะงักไปเล็กน้อย ในใจเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและความไม่พอใจ เธอจ้องมองเขาอย่างน้อยใจ“ใช่ ฉันขู่คุณ แล้วจะทำไม? ยังจะกล้าขัดคำสั่งฉันไหม?”เย่เฟิงถอนหายใจเล็กน้อย รู้สึกปั่นป่วนในใจเมื่อเห็นท่าทางของเธอ สุดท้ายเขาก็ยอมจำนน“โอเคๆ ผมจะทำตามที่คุณบอก โอเคไหม คุณภรรยาผู้ยิ่งใหญ่ของผม...แต่คุณต้องช่วยผมเก็บเรื่องนี้เป็นความลับนะ”หลีเอียนจ้องเขาด้วยสายตาไม่พอใจแล้วพูดขึ้น “ก็ต้องดูพฤติกรรมของคุณแล้ว”“ผมว่าผมก็ทำตัวดีมาตลอดนะ”“แย่สุดๆ!”หลีเอียนกัดฟันและพูดออกมาด้วยใบหน้าที่เย็นชาทำให้เย่เฟิงได้แต่นั่งหน้าหมอง พร้อมคิดในใจว่า(ผู้หญิง เหอะๆ…เปลี่ยนอารมณ์ง่ายเหมือนเปลี่ยนหน้าหนังสือเลย!