สุนัขที่ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก เขารีบหนีออกจากห้องอย่างตื่นตระหนกดวงตาคู่สวยของประธานสาวคนสวย หันไปมองทางเย่เฟิง รอยยิ้มที่น่าหลงใหลปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่งดงามของเธอถ้าบอกว่าฉู่เทียนหลงคือเมฆดำที่ห่อหุ้มเธอ งั้นเย่เฟิงเหมือนแสงแดดที่สองผ่านเมฆดํานั้นเข้ามาวินาทีถัดมา เย่เฟิงรู้สึกถึงกลิ่นหอมละมุนพัดผ่านหน้าเขา พร้อมกับสัมผัสอ่อนโยนที่แตะใบหน้าเขา"คุณดีจังเลย!"ในช่วงเวลานั้น หลีเอียนยิ้มสวยและมีเสน่ห์จนไม่อาจอธิบายได้เหมือนกับเด็กหญิงตัวน้อยที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความภูมิใจหลังจากที่ได้ระบายความรู้สึกออกไปเย่เฟิงส่งเสียง "เอ่อ" พร้อมกลอกตามองบนอย่างอดไม่ได้นี่หลีเอียนจูบเขาเหรอ?แม่ง! เขาไม่รู้สึกอะไรเลยนะ นี่จูบเสร็จแล้วเหรอ?ผู้หญิงคนนี้ไม่จริงใจเอาเสียเลยไม่กี่นาทีต่อมา……เย่เฟิงยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งไปที่หน้าเหรินลี่ชวิ๋น: "สิ่งนี้ที่ผมเรียกว่า 'หญ้าไขกระดูกมังกร' ถ้ามีมันผมสามารถรักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวได้ คุณมีสิ่งนี้อยู่ในมือหรือเปล่า?"เย่เฟิงวาดภาพสมบัติฟ้าดินอย่างหญ้าไขกระดูกมังกรตามที่เขาจำได้ออกมา เพื่อให้เหรินลี่ชวิ๋นตรวจดูในฐานะที่เขาเป็นผู้ค้าส่งวัต
เย่เฟิงแน่นอนว่าจะไม่สามารถช่วยรักษาอาการป่วยของลูกชายเหรินลี่ชวิ๋นได้ด้วยตนเอง แต่มีตัวอย่างยาที่มีประสิทธิภาพสูงตัวใหม่ออกมา แม้แต่ซุนกว่างซานก็ยังสามารถควบคุมโรคเขาได้ดังนั้นเขาจึงขับรถตามที่หลีเอียนชี้ทาง เพื่อพาเธอมุ่งหน้าไปบ้านเก่าตระกูลหลี ระหว่างทาง โทรศัพท์มือถือหลีเอียนก็สั่นขึ้นมา เป็นข้อความจากน้องชายเธอ หลีหย่วน"พี่ อย่าพาพี่เขยกลับมา! พี่เขยไปทำร้ายลูกชายของเว่ยเหล่าหู่ พวกเขาพาคนมาขอให้เราส่งตัวพี่เขยไป! คุณย่าจะส่งตัวพี่เขยให้พวกเขา!"เมื่อเห็นข้อความนี้สีหน้าของหลีเอียนก็เปลี่ยนเป็นกังวลและโกรธทันที"จอด เราจะไม่กลับไป!"หลีเอียนรีบพูด"มีอะไรเหรอ"เย่เฟิงเลิกคิ้วหลีเอียนยื่นโทรศัพท์ไปให้เย่เฟิงดู หลังเห็นข้อความที่หลีหย่วนส่งมาแล้ว"ควรไปก็ต้องไป เรื่องที่ผมก่อ ไม่ต้องให้คนอื่นมารับแทน "เย่เฟิงพูดด้วยน้ําเสียงที่ทุ้มลึกณ เวลานี้ที่บ้านเก่าตระกูลหลีเมื่อผู้อาวุโสหลีพูดออกมาแบบนี้ เว่ยเสี่ยวตงก็ยิ้มหัวเราะออกมาอย่างพอใจ"ฮ่าฮ่า งั้นก็ดี! ข้าน้อยขอขอบคุณผู้อาวุโส!"ชายที่อยู่ข้างๆเว่ยเสี่ยวตงก็พูดอย่างยิ้มๆ:"ผู้อาวุโสนับว่ามีเหตุผลยิ่งนัก!"เขาคือม
เมื่อพูดจบ สวีเพ่ยเพ่ย แม่ของหลีเอียนก็หัวเราะอย่างเย็นชา: "ใครมาก็ส่งตัวให้เขาไปหมดแบบนี้เรียกพิจารณาภาพรวมแล้วเหรอ? จะตีหมายังต้องดูเจ้าของ เย่เฟิงนั่นไม่ว่ายังไง ในทางทฤษฎีก็เป็นลูกเขยตระกูลหลี" พี่สะใภ้ น้องสะใภ้มักไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่เมื่อผู้อาวุโสพูดสวีเพ่ยเพ่ยเองก็ไม่กล้าเอ่ยอะไร แต่เธอจะไม่ยอมให้กับครอบครัวลุงรองแน่ต่อจากนั้น ความเห็นของสมาชิกตระกูลหลีที่อยู่ในที่เกิดเหตุก็เริ่มมีความเห็นแตกต่างกันเรื่องเกี่ยวกับว่าจะส่งตัวเย่เฟิงออกไปหรือไม่นั้น ทั้งสองฝ่ายต่างยึดมั่นในความคิดเห็นของตนเอง!ถึงแม้ว่านอกจากหลีหย่วน แม้กระทั่งพ่อแม่หลีเอียนก็ไม่นับเย่เฟิงเป็นคนในครอบครัวไม่มองเป็นคนเสียด้วยซ้ำแต่อย่างว่าแหละ จะตีหมาก็ต้องดูเจ้าของการส่งตัวคนออกไปแบบนี้ อาจทำให้บางคนรู้สึกว่ามันทำให้ชื่อเสียงของตระกูลหลีเสียหาย ราวกับว่าตระกูลหลีกลัวเว่ยเหล่าหู่โดยเฉพาะหลีหย่วน เขาแสดงท่าทีคัดค้านการส่งตัวคนหัวชนฝา ถึงขนาดพูดออกมาเลยว่า ถ้าตระกูลหลีไม่ปกป้องเย่เฟิง เขาก็จะปกป้องเย่เฟิงเองในฐานะคุณชายหลี"อาเจียง เหล่าหยู พาคนมารอที่ประตูบ้านเก่าตระกูลหลี!"ในที่สุด คุณชายหลีก
หลังจากที่เย่เฟิงและหลีเอียนเข้าไปในบ้านตระกูลเก่า ทันใดนั้นพวกเขาก็เห็นร่างของคนสองคนต่อสู้กันอย่างดุเดือดในลานกว้างทุกคนในตระกูลหลีและฝ่ายเว่ยเสี่ยวตงนั่งแยกกันอยู่คนละฝั่งเพื่อชมการต่อสู้ผู้ที่ต่อสู้กับเฮยจินกังคือหลีอู่ ปรมาจารย์ผู้คุ้มกันจากตระกูลหลีเขาผู้นี้เป็นเด็กกำพร้า ถูกตระกูลหลีรับมาเลี้ยงและฝึกฝนตั้งแต่วัยเยาว์ ดังนั้นไม่ใช่แค่ใช้นามสกุลหลีเท่านั้น แต่เขายังมีความภักดีต่อตระกูลหลีอย่างแท้จริงหลีอู่ก็เป็นปรมาจารย์ระดับพลังมืดทมิฬเช่นกัน ตอนนี้เขากำลังสู้กับเฮยจินกังอย่างสูสีเมื่อเห็นหลีเอียนและอีกคนมาถึง ทุกคนต่างก็หันมามองทันทีพร้อมกัน"ไอลูกหมานี่แกยังกล้าโผล่มาอีก!"เมื่อศัตรูพบกัน ใบหน้าของเว่ยเสี่ยวตงเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวเมื่อเห็นเย่เฟิง เขาพูดด้วยความโกรธจัดสมาชิกตระกูลหลีคนอื่นๆ ก็หันมามองเย่เฟิงเช่นกันนอกจากหลีหย่วนและครอบครัวของลุงรอง รวมทั้งพ่อแม่ของหลีเอียน นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้พบเย่เฟิงตัวจริงหลีเทียนหยางและสวีเพ่ยเพ่ยมองไปที่ เย่เฟิงด้วยสีหน้าเย็นชาและไม่พอใจ แสดงท่าทางดูถูกอย่างเปิดเผยแม้ว่าจะไม่เห็นด้วยกับการส่งตัว แต่ก็ไม่ได้หมายควา
เมื่อพูดจบ หลีเอียนยังไม่ได้พูดอะไรต่อ หลีเทียนหยางก็เย้ยหยันทันที: "ไอ้คนไร้ค่าไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง แกคิดว่าตระกูลหลีจะปกป้องแกจริงๆ หรือ? มันก็แค่โอกาสที่เราต่อรองมาได้กับหลีหย่วนเท่านั้น"เย่เฟิงส่งเสียง 'อืม' แล้วหันไปมองหลีเอียนจากนั้นหลีเอียนจึงนึกขึ้นได้และแนะนำ: "นี่พ่อฉัน และนี่คือแม่ฉัน'"เย่เฟิงยิ้ม ก่อนก้มตัวลงและเอ่ย:"ขอบคุณครับ คุณพ่อคุณแม่!""ใครแม่แก? อย่ามาทำตัวสนิทสนม เราแค่ไม่อยากเสียหน้าตระกูลหลีและทำให้คนอื่นคิดว่าเรากลัวเว่ยเหล่าหู่"สวีเพ่ยเพ่ยแม่ยายในนามจู่ๆ ก็เลิกคิ้วและพูดด้วยความโกรธ"คุณแม่ คุณดูยังเด็กและสวยมาก ผมคิดว่าคุณเป็นน้องสาวของหลีเอ๋อร์เสียอีก! ไม่น่าแปลกใจเลยที่คุณให้กำเนิดผู้หญิงที่สวยอบ่างภรรยาผมได้""เย่เฟิงไม่ได้โกรธและพูดด้วยรอยยิ้มเมื่อได้ยินเช่นนั้น สวีเพ่ยเพ่ยก็ตกใจไปชั่วขณะและจ้องมองเย่เฟิงอย่างโกรธเคือง แต่ในใจกลับอดไม่ได้ที่จะรู้สึกพอใจเล็กน้อยไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ไม่ชอบได้ยินคนอื่นชมว่าเธอยังสาวและสวย"ไอเจ้านี่พูดจากะล่อน!"หลีเทียนหยางทำหน้าเย็นชาและดุเย่เฟิงไปหนึ่งประโยค"อย่างไรก็ตาม เขาอดไม่ได้ที่จะมองเย่เฟิงอีกสองส
เว่ยเสี่ยวตงได้ยินคำพูดนี้ ก็หันไปมองเย่เฟิงด้วยท่าทางเย็นชาและเยาะเย้ย ก่อนพยักหน้าและพูดว่า: "ดี งั้นฉันจะเห็นแก่หน้าผู้อาวุโสสักหน่อยแล้วกัน""เมื่อคิดว่าตนจะสามารถทำให้เย่ฟงคุกเข่าตบหน้าตัวเองได้ องค์ชายคนนี้ก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก อย่างมากวันนี้ได้แค่เย้ยเขาแรงๆก็ยังดี แล้วค่อยหาโอกาสจัดการเขาในภายหลัง"แบบนี้ก็ไม่เลว!""ดีที่ผู้อาวุโสช่างเฉลียวฉลาด!""แบบนี้ทั้งไม่ทำให้ชื่อเสียงตระกูลหลีของเราถูกกระทบ แต่ยังหลีกเลี่ยงการเป็นศัตรูเว่ยเหล่าหู่ได้โดยสิ้นเชิง!" "ใช่ เพราะสุดท้ายคนที่คุกเข่าตบหน้าตัวเอง ก็เป็นหนุ่มหน้าละอ่อนคนหนึ่ง!""ทุกคนรู้ว่านั่นมันเป็นแค่สุนัขตัวหนึ่งเท่านั้น สุนัขของตระกูลหลีเราไปกัดคุณชายเว่ย เราแค่ให้สุนัขตัวนั้นขอโทษยอมรับผิด แต่ไม่ได้ส่งตัวคนไป นี่ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าตระกูลหลีของเราแข็งแกร่งพอสมควรแล้ว! ทุกคนในครอบครัวหลีพูดคุยกันอย่างเซ็งแซ่ คราวนี้ไม่มีใครคัดค้านการตัดสินใจของผู้อาวุโสเลยหลีเทียนหยางและสวีเพ่ยเพ่ยสบตากันหนึ่งครั้ง และก็ไม่ได้พูดอะไรอีกต่อไป"ไอ้หมานี่ ทำไมยังไม่คุกเข่าและขอโทษอีก?" หลีถิงเร่งเร้าเย่เฟิง ดวงตาของเธอเต็มไป
ผัวะ! ผัวะ!พร้อมกับเสียงดังสองครั้ง หลีอู่และเฮยจินกังที่ยืนอยู่ที่นั่นกลับถูกเตะกระเด็นออกไปทีละคนในช่วงเวลานั้น สถานที่ทั้งหมดก็เงียบลงทันทีเสียงหัวเราะเยาะที่ดังไม่หยุดเมื่อครู่หยุดลงทันที ทุกคนต่างเบิกตากว้างและใบหน้าอึ้งตลึง"อะไรนะ?"ทั้งสองท่านผู้มีพลังมืดทมิฬกลับถูกไอ้หนุ่มไก่อ่อนเตะปลิวออกไปได้?ตึง! ตึง! ตึง!เท่านั้นหลีอู่ถูกเตะให้ลอยไปไกลสิบกว่ามเมตรก่อนจะตกลงพื้น และถอยไปหลายก้าวกว่าจะยืนได้ก่อนที่วินาทีถัดมา เขาจะครางออกมาเบาๆ และพ่นเลือดคั่งออกมาฉากนี้ทําให้ทุกคนตกตะลึงเพียงแค่ลูกเตะเดียวจากเย่เฟิงกลับทำให้หลีอู่ได้รับบาดเจ็บ??นี่……เป็นไปได้อย่างไร?ทุกคนในตระกูลหลีตกตะลึงจนหน้าเปลี่ยนสี"แก……แกไอไก่อ่อน ลุงอู่ต่อสู้กับคนอื่นช่วยแก แต่แกกลับทำร้ายเขา?"หลังจากตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง หลีถิงก็ตำหนิด้วยความโกรธ "ช่างเป็นสุนัขที่จิตใจเหี้ยมโหดเสียจริง!"ป้ารองหลี่เยว่ผิง ก็แสดงความโกรธตามไปด้วย"ลุงเฮย! ลุงเฮย เป็นอะไรมากไหม?""ลุงเฮย! ค่อยๆลุก!""อย่าทำผมตกใจสิ!"แต่ในขณะนั้น เสียงกรีดร้องด้วยความตกใจและหวาดกลัวดังมาจากอีกด้านหนึ่งเมื่อหันไปมองตาม
เว่ยเสี่ยวตงและลูกน้องของเขาแบกร่างของเฮยจินกังออกจากบ้านเก่าตระกูลหลีอย่างทุลักทุเล แม้แต่ก่อนจะจากไป พวกเขาก็ยังไม่กล้าที่จะแสดงความเกลียดชังและความเคียดแค้นที่มีต่อเย่เฟิงออกมาเลย"โอ้โห! พี่เขย พี่มีพลังระดับไหนกัน? นั่นมันเป็นปรมาจารย์ระดับพลังมืดทมิฬเลยนะ คุณเตะออกไปแค่สองครั้ง คนหนึ่งตาย อีกคนบาดเจ็บ??"หลีหย่วนในตอนนี้ยังคงตกตะลึงไม่หยุดคุณชายหลีผู้หยิ่งผยองคนนี้ หลังจากที่เย่เฟิงรักษามู่ซินเฟย นางฟ้าของเขาได้สำเร็จ ทัศนคติที่มีต่อพี่เขยคนนี้ก็เรียกได้ว่าเปลี่ยนไปแบบ ร้อยแปดสิบองศา ในตอนนี้ เขายิ่งแสดงท่าทางนับถือชื่นชมอย่างเห็นได้ชัด ราวกับเป็นน้องชายที่นอบน้อมคนหนึ่งขณะที่คนอื่นในตระกูลหลียังคงตกอยู่ในความตกตะลึงอย่างหนัก พวกเขาพูดกันอยู่เสมอว่าเย่เฟิงไอหนุ่มหน้าหล่อคนนี้ รอดชีวิตมาได้ก็เพราะเกาะบารมีตระกูลหลี แต่ผลลัพธ์กลับเป็นอย่างไร? ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลหลีสู้กับเฮยจินกังตั้งนานก็ยังตัดสินแพ้ชนะไม่ได้ แต่เย่เฟิงกลับเตะเพียงครั้งเดียวก็ฆ่าเฮยจินกังได้...แบบนี้แล้วยังจำเป็นต้องพึ่งพาตระกูลหลีเพื่อเอาชีวิตรอดจริงหรือ??ทันใดนั้นหลังจากที่ผู้อาว
เย่เฟิงพูดอย่างเย่อหยิ่ง!ตัวเขาที่ยืนอยู่กับที่ เปล่งรัศมีอันดุเดือดออกมา!กู่เฉินเช็ดเลือดจากมุมปากของเขาและมองไปที่เย่เฟิงด้วยความหวาดกลัว: “เจ้าหนู เจ้าเป็นใครกันแน่? อาจารย์ของเจ้าคือใคร? แล้วมาจากตระกูลหรือสำนักไหน?”กู่เฉินคิดเพียงว่าเย่เฟิงก็อาจมาจากตระกูลหรือสำนึกวิชายุทธ์โบราณที่ทรงพลังเช่นกัน!ไม่อย่างนั้น ปรมาจารย์หนุ่มที่มีระดับพลังเป็นถึงระดับพื้นฐานลมปราณจะปรากฏตัวในโลกมนุษย์นี่ได้ยังไง?เมื่อได้ยินแบบนั้น ดวงตาของเย่เฟิงก็เผยแววประหลาดใจอาจารย์ของเขาเหรอ?เขามีอาจารย์ที่ไหนกัน? แล้วก็ไม่มีตระกูลหรือสำนักอะไรทั้งนั้นแต่ว่า คำถามของอีกฝ่ายทำให้เย่เฟิงหัวใจเต้นแรงด้วยความแข็งแกร่งของเขาในปัจจุบัน เขายังต่อกรกับตระกูลกู่มากไม่ได้ และเย่เฟิงยังไม่ต้องการที่สร้างความแค้นกับตระกูลกู่ในตอนนี้ปีกของเขายังแข็งไม่พอ รอบกายก็ยังมีเส้นสายไม่มากพอ ฉะนั้น การสร้างศัตรูไปทั่วทุกที่จึงไม่ใช่เรื่องฉลาดยิ่งไปกว่านั้น อีกฝ่ายเป็นไปได้ว่ายังมีบุคคลที่เป็นถึงระดับสร้างแก่นลมปราณอยู่ด้วยเมื่อคิดได้แบบนั้น เย่เฟิงก็ส่งเสียงฮึในลำคอ ก่อนที่เขาจะตอบแบบลึกซึ้งจนคาดเดาไม่ถูก: “อย
ตระกูลกู่มีจอมยุทธ์และความรู้มากมาย สมาชิกในตระกูลกู่ต่างก็อาศัยอิทธิพลของตระกูล ทำตัวเผด็จการจจนติดเป็นนิสัยแต่มาตอนนี้ ทั้งคู่กลับเจอปัญหาจากเย่เฟิง ใจของพวกเขาย่อมโมโหเป็นธรรมดา“เจ้ายังต้องการหยกวิญญาณอยู่หรือเปล่า?”กู่เฉินแสยะยิ้มเย็นชาเพียงกระพริบตา ร่างของเขาก็มายืนอยู่ตรงหน้าเย่เฟิงพร้อมพูดด้วยท่าทางชั่วร้าย “เจ้าหนู ถ้าวันนี้เจ้าไม่มอบสูตรยามา เจ้าก็ไม่มีวันได้ออกไปจากที่นี่!”กู่เหมิงเองก็เข้ามายืนอยู่ด้านหลังเย่เฟิง ทั้งสองคนตัดขาดทางหนีถอยของเย่เฟิง!เย่เฟิงถามอย่างเย็นชา: “หมายความว่ายังไง คิดจะบังคับผมหรือไง?”“ไสหัวไป!”เย่เฟิงตะโกนเสียงดัง จากนั้นจึงก้าวต่อไปอีกครั้ง“เจ้ามันรนหาที่ตาย!”กู่เฉินกัดฟันและก่นด่า ต่อมาเขาก็วาดมือเข้าใส่เย่เฟิงร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลัง ความแข็งแกร่งระดับปรมาจารย์ถูกแสดงออกมา เขาคิดจะบังคับให้เย่เฟิงอยู่ต่อด้วยการใช้กำลังกู่เหมิงเองก็ปล่อยหมัดเข้าใส่เย่เฟิงจากทางด้านหลังพร้อมเสียงดังสนั่น!เขาเคยต่อสู้กับเย่เฟิงมาก่อนในโรงพยาบาล ทว่าตอนนั้นเขาเสียเปรียบแค่เล็กน้อยเท่านั้นแต่กู่เหมิงคิดเพียงแต่ว่าตัวเขาประมาท ไม่คิดว่าคว
เย่เฟิงเหลือบมองกู่เหมิงและถามเบา ๆ : “ทำไมถึงพูดอย่างนั้น?”“วันนั้นในโรงพยาบาล หลี่ชื่อที่อยู่ข้างกายคุณกู่ ก็คือคนที่ขายยาเม็ด! แล้วเขาก็เป็นของคุณ คุณชายเย่ คุณจะไม่ปฏิเสธใช่มั้ย?”ดวงตาของกู่เหมิงเป็นประกาย ขณะที่จ้องมองไปที่เย่เฟิงและถามในเวลานี้ ชายชราผู้เย่อหยิ่งโบกมือและพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด: “กู่เหมิง เลิกพูดจาอ้อมค้อมสักที!”ขณะที่ชายชราพูด เขาก็มองเย่เฟิงและพูดด้วยสีหน้าแข็งกร้าว: “เจ้าหนู เราจะไม่พูดเรื่องไร้สาระกับเจ้าอีก บอกสูตรและวิธีการกลั่นยาเม็ดหยางหยวนตันมาเถอะ ตระกูลกู่จะซื้อสูตรนั่น!”ชายชราคนนี้นามว่ากู่เฉิน และเขาเป็นหมอกลั่นยาเม็ดจากตระกูลกู่ นอกจากนี้เขายังเป็นจอมยุทธ์ระดับปรมาจารย์ด้วยสถานะของเขาในตระกูลกู่นั้นเหนือกว่าหรือเทียบเท่ากับผู้อาวุโสของตระกูล และเขาได้รับความเคารพจากผู้อื่นมานานหลายปีแล้วด้วยเหตุนี้ เขาจึงได้สั่งสมนิสัยหยิ่งผยองและค่อนข้างแข็งกระด้างเวลาติดต่อกับผู้อื่นหลังจากพูดจบ เย่เฟิงก็มองไปที่ชายชรากู่เฉินด้วยท่าทางหยอกล้อ“ตระกูลกู่จะซื้อเหรอ? แล้วพวกคุณตั้งใจว่าจะจ่ายให้ผมยังไงล่ะ?”กู่เฉินส่งเสียงฮึและตอบว่า: “คุณต้องการหยก
จนกระทั่งเจ้าตัวเล็กเดินเข้าห้องเรียน เขาถึงหันหลังกลับและจากไปนับตั้งแต่นั่วนั่วป่วยครั้งที่แล้ว เย่เฟิงก็ให้ความสำคัญกับทุกช่วงเวลาแห่งความสุขของนั่วนั่วมากยิ่งขึ้น และจะบันทึกทุกรายละเอียดในชีวิตของเธอเป็นครั้งคราวอันที่จริงในใจของเขารู้สึกกลัวอยู่บ้างจริงๆ!กลัวว่าจะไม่สามารถถอนคำสาปของนั่วนั่วได้ กลัวว่าจะจะต่อกรกับตระกูลเย่เก่าแก่ได้ไม่ทันลูกสาวของเขาจะอายุครบเจ็ดขวบ!เย่เฟิงคิดกับตัวเอง: เย่อินเสวียนบอกว่าผู้ที่ได้รับสืบทอดจี้หยกรูปมังกร จะสามารถไปยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกได้!ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เขาน่าจะเป็นคนที่ได้รับสืบทอดจี้หยกนั่นเย่เฟิงยังจำได้ว่า ตอนที่เขาหมดสติไปครั้งแรก มีเสียงหนึ่งดังขึ้นในสมองของเขาแต่เสียงนั่นก็ไม่เคยปรากฏอีกเลย!ในร่างกายของเขา คงไม่ได้มีจิตวิญญาณอื่นอยู่ด้วยหรอกใช่มั้ย?“รุ่นพี่! รุ่นพี่? ได้ยินผมมั้ย?”ขณะกำลังคิด เย่เฟิงก็เรียกใครคนนั้นขึ้นมาในใจ เขาอยากพยายามสื่อสารกับอีกฝ่ายทว่า ในสมองของเขากลับไร้เสียงตอบรับใด ๆ...เย่เฟิงแอบสงสัยว่าเขาคิดมากเกินไปหรือเปล่า เขาจึงส่ายหัวและเตรียมที่จะขึ้นรถและออกไป“คุณชายเย่ รอช้าก่อน!”ในขณะ
ใบหน้าของลู่ไฉ่หยุนเผยความร้ายกาจออกมาชั่วขณะ เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจเย่เฟิงจริงๆ!เฉาเหนียนถอนหายใจและหันไปพูดกับภรรยาของเขา: “ไฉ่หยุน เราให้เงินกับเย่เฟิงไปดีกว่านะ ถึงยังไงเมื่อก่อนเราก็รับปากเขาไว้แล้ว! ถ้าไม่ใช่เพราะเย่เฟิง ในวันนั้น หลี่ชื่อคงฆ่าเราทั้งตระกูล…”จริง ๆ แล้ว เฉาเหนียนอยากจ่ายเงิน 4000 ล้านให้เย่เฟิงตามที่เขาเป็นหนี้อยู่ แต่ตอนนี้เขาไม่มีเงินแล้วจริง ๆหลังจากให้เย่เฟิงไป 2500 ล้านบาทในครั้งแรก เงินทุนของเฉาเหนียนที่เขามีอยู่ก็เหลือน้อยลง เงินอีกส่วนหนึ่งของตระกูลเฉาก็ฝากไว้ในบัญชีของลู่ไฉ่หยุนตอนนี้ถ้าลู่ไฉ่หยุนไม่เห็นด้วย เขาก็นำเงินมาจ่ายเย่เฟิงไม่ได้“เฉาเหนียน คุณโง่หรือเปล่า? วันนั้นปล่อยให้เย่เฟิงมันขอเงินได้ยังไง? นั่นมันเป็นการแบล็กเมล์กันชัดๆ! อีกอย่าง ตอนนั้นเขาก็ไม่ได้ฆ่าหลี่ชื่อเพื่อช่วยเราแก้ปัญหาอย่างสมบูรณ์ แล้วคุณยังจะให้เงินเขาอีกเหรอ? ถุ้ย!!”ลู่ไฉ่หยุนกัดฟันแล้วด่าอย่างดูถูก ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธทันใดนั้นใบหน้าของเฉาเหนียนก็เปลี่ยนเป็นสีแดง: “หลี่ชื่อเป็นลูกชายของผมนะ แล้วเย่เฟิงจะฆ่าเขาได้ยังไง?”เมื่อกล่าวถึงหลี่ชื่อ หัวใจของเฉาเหนียน
“ถ้าพี่มีเงินมากพอก็อาจจะพอซื้อของจากตระกูลกู่ได้มากหน่อย! แน่นอนว่า ถ้ามีพลังมากพอ ก็อาจจะไปปล้นดูก็ได้นะ เหอะๆ…”พอพูดถึงประโยคสุดท้าย หญิงสาวตรงหน้าก็ทำหน้าหยอกล้อ และพูดจาแหย่เย่เฟิงสีหน้าของเย่เฟิงเป็นประกาย และถามออกมาโดยไม่รู้ตัว: “ตระกูลกู่แข็งแกร่งแค่ไหน?”เมื่อได้ยินแบบนั้น เย่อินเสวียนก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง: “ไม่ได้ตั้งใจที่จะปล้นจริงหรอกใช่มั้ย? เท่าที่ฉันรู้ ตระกูลกู่เคยมีผู้นำตระกูลระดับสร้างแก่นลมปราณ ผู้นำตระกูลเฒ่าคนนั้นไม่ได้ปรากฏตัวมาหลายสิบปีแล้ว ไม่รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า ส่วนผู้นำตระกูลปัจจุบันกับบรรดาผู้พิทักษ์และผู้อาวุโสหลายคน ต่างก็เป็นจอมยุทธ์ระดับพื้นฐานลมปราณขั้นปลาย”“เอ่อ…”สีหน้าของเย่เฟิงเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินแบบนั้น เขายักไหล่และพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นไปหาพวกเขาเพื่อเจรจาแลกเปลี่ยนคงจะดีกว่า”ตามความเข้าใจของเขา ระดับพลังของจิตมังกรบำเพ็ญเซียนถูกแบ่งจากระดับต่ำสุดไปสูงสุดคือ ระดับรวบรวมลมปราณ ระดับพื้นฐานลมปราณ ระดับสร้างแก่นลมปราณ ระดับสำเร็จแก่นลมปราณ ระดับแก่นก่อกำเนิด ระดับก่อรูปธรรม ระดับสูญรูปธรรม ระดับมหายาน ระดับวิบาก รวม 9 ระดับพลัง
เย่เฟิงหัวเราะเยาะเมื่อได้ยินแบบนั้น: “คราวนี้ คำสาปจะถูกยกเลิกโดยไม่เอ่ยถึงจี้หยกได้ไหม”ครั้งก่อนผู้หญิงคนนี้หลอกเขา บอกว่าเธอสามารถระงับคำสาปได้ด้วยจี้หยกรูปมังกรแล้วครั้งนี้ เธอจะพูดจริงอย่างนั้นเหรอ“ฉัน...ฉันไม่กลัวพี่ทรมานฉันหรือไง ครั้งนี้ทุกอย่างที่ฉันบอกพี่เป็นเรื่องจริงทุกอย่างนะ!”เย่อินเสวียนกล่าวด้วยดวงตาเป็นประกายเย่เฟิงถามเธออีกครั้งว่าเขาจะตามเจอตระกูลเย่เก่าแก่ได้ยังไง“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน! ตระกูลเย่ที่ซ่อนตัวอยู่ของเราเป็นแค่เครือหนึ่งเท่านั้น มีเพียงหัวหน้าตระกูลและบุคคลสำคัญเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถสืบหาที่ตั้งของตระกูลเย่เก่าแก่ได้! และฉันขอแนะนำว่าอย่ายั่วยุตระกูลเย่เก่าแก่ในตอนนี้จะดีกว่า! ไม่ใช่ว่าฉันดูถูกพี่หรอกนะ อย่าว่าแต่ตระกูลเย่เก่าแก่เลย แค่ตระกูลเครือข่ายแยกย่อยอย่างเราก็สามารถกำจัดพี่ได้ง่ายๆ!!”เย่อินเสวียนเบะปากพูดใบหน้าของเย่เฟิงมืดหม่นราวกับธาราลึก หลังจากพยักหน้า เขาก็จ้องมองอีกฝ่ายด้วยแววตาเคร่งขรึมเย่อินเสวียนหวาดกลัว ใบหน้าของเธอเปลี่ยนไปทันที: “พี่คิดจะทำอะไร”เธอรับรู้แรงสังหารของเย่เฟิงได้อย่างชัดเจน!ผู้ชายคนนี้ คิดอยาก
แต่มาตอนนี้ จากคำบอกกล่าวของหลานเขอซี เย่เฟิงได้รับรู้ว่าพ่อแม่ของเขา...ตายแล้ว!ดังนั้น การอยู่กับคนไร้ความจริงใจอย่างเย่อินเสวียนจึงไม่มีความหมายอีกต่อไป!ดวงตาคู่งามของเย่อินเสวียนกะพริบสองสามครั้ง ก่อนที่เธอจะกัดฟันแล้วพูดว่า “อยากถามอะไรก็ถามมา!”เย่เฟิงพยักหน้า...ในตอนนั้นเอง จู่ ๆ เย่อินเสวียนก็ลุกขึ้น แล้ววิ่งพุ่งไปทางประตูหวังจะหลบหนี!แต่ว่าเย่เฟิงเตรียมพร้อมไว้ก่อนอยู่แล้ว เมื่อเขาเห็นแบบนั้น เขาก็ตบคู่ต่อสู้ด้วยฝ่ามือของเขา!ฝ่ามือของเขาเปล่งพลังชี่แท้แข็งแกร่งและพุ่งออกไปราวกับรอยประทับฝ่ามืออรหันต์โจมตีเข้าที่ด้านหลังเย่อินเสวียนด้วยความเร็วดุจสายฟ้า!พลั่ก!ทันใดนั้น เย่อินเสวียนก็กระอักเลือดออกมา เธอได้รับบาดเจ็บสาหัสจากฝ่ามือของเย่เฟิงจนล้มลงไปกองอยู่บนพื้น ในการต่อสู้ครั้งแรก เย่อินเสวียนยังหนีรอดจากเงื้อมมือของเย่เฟิงได้แต่ในเมื่อตอนนี้ เย่เฟิงทะลวงถึงระดับพื้นฐานลมปราณแล้ว แล้วเขาจะปล่อยผู้หญิงคนนี้หนีไปได้ยังไง?วินาทีต่อมา เย่เฟิงโยนเย่อินเสวียนลงบนเตียง ดึงผ้าปูที่นอนมาปิดตัวเธอไว้เพื่อปิดร่างกายบอบบางที่ทำให้เขาเลือดสูบฉีดเย่อินเสวียนจ้องมองเขา ก
เมื่อถูกผลักออกในจังหวะเวลาแบบนั้น เย่อินเสวียนตกตะลึงไปชั่วขณะ แววตาของเธอวูบไหวไม่สงบเธอจ้องมองเย่เฟิงอยู่ครู่หนึ่งด้วยความประหลาดใจปนกับความตกใจ จะยังไงเย่อินเสวียนก็ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะถูกปฏิเสธเธอเป็นผู้หญิงที่สวยมากแบบที่หาเจอได้ไม่บ่อยนัก รวมกับเสน่ห์ที่เธอทำใส่เขา เขาน่าจะต้องโดนพลังของกู่เสน่ห์หาถึงจะถูกตามปกติแล้ว ขอแค่เธอกระดิกนิ้วเรียก อีกฝ่ายก็ควรจะลุ่มหลงไปกับร่างกายของเธอสิ!แต่ในเวลาแบบนี้ เขากลับผละตัวเธอออกอย่างนั้นเหรอ?“พี่เฟิง นี่พี่ทำอะไรคะ? ที่ว่ายังไม่ถึงขั้นนั้นหมายความว่ายังไง ฉันชอบพี่มาตั้งนานแล้ว ทั้งที่ฉันทุ่มสุดตัวขนาดนี้แล้วแท้ ๆ ทำไมพี่ยังทำตัวลังเลแบบนี้อยู่อีก นี่พี่ยังเป็นผู้ชายอยู่รึเปล่า”ใบหน้าของเย่อินเสวียนมืดหม่น เธอถามด้วยความไม่พอใจและความขุ่นเคืองเย่เฟิงโบกมือ: “ผมยังไม่พร้อม! วันนี้คุณมาหาผมมีเรื่องอะไรเหรอ เรามาคุยเรื่องจริงจังกันก่อนดีกว่านะ”เย่อินเสวียนกลอกตาใส่เย่เฟิงอย่างเย้ายวน ก่อนจะขมวดคิ้ว “แล้วนี่ไม่ใช่เรื่องจริงจังหรือไงคะ”ขณะที่เธอพูด เธอก็กัดริมฝีปากแล้วเริ่มเข้าหาเย่เฟิงอีกครั้งโครม!แต่ว่าคราวนี้ เย่เฟิงปล