“ได้ งั้นเข้าไปดูกัน! ไปดูบ้านกันดีกว่า”หลิวหาวกะพริบตาสองสามครั้ง ก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วยต่อมาไม่นาน กลุ่มคนที่เดินตามหลังเย่เฟิงอยู่ไม่ไกลไม่ใกล้นั้นก็เหลือบตาไปเห็นเย่เฟิงที่เดินเข้าวิลล่าหรูหลังใหญ่นั่น“นี่……วิลล่าที่หนึ่ง เขตเอจริงด้วย! ใต้เท้ามู่ยกวิลล่านี่ให้คุณเย่จริงงั้นเหรอ?”เปลือกตาพนักงานขายกระตุกทันทีเมื่อได้ยินดังนี้ โจวชิ้งและที่เหลือก็เผยสีหน้าตกใจอยู่ครู่หนึ่งไม่อยากเชื่อ คิดสงสัย อิจฉา ริษยา……“หรือว่าไอ้ยาจกนี่จะพัฒนาแล้ว?”จ้าวเหม่ยฟ่งพึมพําออกมาสีหน้าของโจวชิ้งนั้นแย่แค่ไหนไม่ต้องพูดถึง หลังจากจ้องมองไปที่วิลล่าหรูหลังนั้นอยู่นาน สายตาของเธอก็หันไปที่หลิวหาว“สามี ฉันก็อยากได้วิลล่า! ฉันอยากได้วิลล่าที่นี่! ซื้อให้ฉันได้ไหม……”“ใช่! คนอื่นให้มามีอะไรให้น่ายินดี ต้องซื้อเองสิถึงจะเจ๋งจริง!”โจวเพ่ยหยินพูดด้วยเสียงเย็นชา พร้อมท่าทีราวกับคนกินองุ่นไม่เป็นแต่เที่ยวบอกองุ่นนั้นเปรี้ยว“คุณผู้ชายคะ เรามาเดินๆดูกันดีไหมคะ?”พนักงานขายมองไปที่หลิวหาวด้วยดวงตาที่สดใสราวกับว่าได้เห็นค่าคอมมิชชั่นหลักล้านพนักงานขายคาดหวังจากเย่เฟิงไม่ได้แล้ว เธอจึงเอาควา
เมื่อโจวเพ่ยหยินพูดออกมา โจวชิ้งและจ้าวเหม่ยฟ่งสองแม่ลูกต่างก็มีสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัยและตั้งคำถามพลางมองไปที่ “ลูกเขยทองคำ” ของพวกเธอสีหน้าของหลิวหาวเต็มไปด้วยความวิตกกังวลทำไมตอนที่เขาเห็นหลิงเอ๋อร์อยู่ข้างๆเย่เฟิง สิ่งแรกที่ทำคือ "เตือน" หลิงเอ๋อร์ว่าอย่าไปเย่เฟิงหลอกเพราะเขาเองก็เป็นแบบนั้นแหละวันนี้ที่พาโจวชิ้งและครอบครัวสามคนมาที่นี่ก็เพื่อหลอกโจวชิ้งและแม่เธอเท่านั้นเขารู้ว่าโจวชิ้งและครอบครัวเป็นพวกความทะเยอทะยานและใส่ใจเรื่องชื่อเสียง จึงพาพวกเขามาทำเป็นดูๆวิลล่าถ้าไม่มีเรื่องของเย่เฟิงก็คงไม่มีอะไร หลังจากดูบ้านก็คิดจะบอกว่ากลับไปปรึกษากันก่อน แล้วก็ปล่อยให้เรื่องมันจบลงไปแบบนั้นหลิวหาว แม้เป็นลูกคนรวยก็จริง แต่ทรัพย์สินของพ่อเขามีเพียงหลักร้อยล้านเท่านั้น ส่วนลูกชายอย่างเขาเองก็มีเงินในมือไม่มากนักวิลล่าหลังใหญ่ราคาหลักร้อยล้าน เขาจะซื้อยังไงไหวทว่าตอนนี้หลังจากเกิดเรื่องเย่เฟิงมากระตุ้นแล้ว ครอบครัวโจวชิ้งก็ไม่สามารถปล่อยผ่านได้พนักงานขายที่พาชมบ้านตลอดบ่าย ในใจก็โกรธและไม่พอใจมากจนไม่ไว้หน้าหลิวหาวแม้แต่น้อยทันใดนั้นหลิวหาวก็รู้สึกเหมือนตัวเขานั้นอ
ถ้าลูกสาวเธอไม่หย่ากับเย่เฟิงก็คงจะได้อยู่ในวิลล่าหลังใหญ่นี่แล้วใช่ไหมนะ?……เย่เฟิงไม่รู้ฉากดราม่าของครอบครัวโจวชิ้ง เดาว่าถ้ารู้เข้าก็คงจะหัวเราะเยาะน่าดูเมื่อดูเวลาเห็นว่าก็ผ่านไปสักระยะหนึ่งแล้ว เขาก็ออกจากสวนจักรพรรดิ์ก่อนอื่นเขาพาหลิงเอ๋อร์กลับมาส่งที่บ้านตระกูลซ่ง ก่อนจะไปรับนั่วนั่วที่โรงเรียนอนุบาลหลีเอียนทำงานขยันขันแข็งมาก ทุกวันถ้าไม่หกโมงเย็นไม่ออกจากบริษัทเลยถือโอกาสนี้พาสาวน้อยกลับบ้านเช่าบ้านเดิมก่อนเขาเอาสิ่งของที่จะไม่ทิ้งมาใส่ไว้บนรถ รอเอาไปที่บ้านใหม่“พ่อคะ เราจะย้ายบ้านกันเหรอคะ?”นั่วนั่วมองไปที่เย่เฟิงก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงเด็กน้อยดวงตากลมโตกระพริบตามองบ้านเช่าหลังนี้ ดูเหมือนจะลังเลเล็กน้อยถึงแม้มันจะดูโทรมๆ แต่สำหรับเด็กคนนี้มันคือบ้าน“ใช่แล้ว พ่อพานั่วนั่วไปอยู่ห้องใหญ่ๆกว้างๆดีไหม? ดีกว่าที่นี่หลายเท่าเลยแหละ”เย่เฟิงอุ้มนั่วนั่วขึ้นมาและพูดอย่างรักใคร่นั่วนั่วพยักหน้า:“ค่ะ!”ขณะที่พูด เด็กน้อยก็ยกแขนของเธอเข้ากอดคอเย่เฟิงแน่น:“พ่อคะ แม่ไม่ต้องการนั่วนั่วแล้วใช่ไหมคะ นั่วนั่วรู้ นั่วนั่วเหลือแค่พ่อแล้ว นั่วนั่วรักพ่อนะคะ ขอแค่มีพ่ออยู่
ดวงตาสวยของหลีเอียนจ้องมองไปเย่เฟิงด้วยสีหน้าสีหน้าดุในบางสถานการณ์จมูกของผู้หญิงนั้นมีไวต่อการจับกลิ่นไม่ต่างจากเครื่องตรวจวัดที่รุ่นใหม่เลยหลิงเอ๋อร์ที่นั่งเบาะข้างคนขับนั้น กลิ่นน้ำหอมจากตัวเธอถูกประธานสาวจับได้ในทันทีเย่เฟิงใจแป้วที่ถูกเธอถามเข้า เขาส่งเสียง "เอ่อ" ออกมาอย่างไรก็ตาม เขาก็พยักหน้ารับและตอบตามตรงไปว่า: “เพื่อนผมคนหนึ่งมานั่งน่ะ”หลีเอียนทำเสียงฮึ่มในลำคอ ในใจรู้สึกไม่พอใจและโกรธอย่างไม่มีเหตุผลแต่เพราะท่าทีเฉยๆของเย่เฟิง กลับทำให้เธอที่รู้สึกโกรธและไม่พอใจอยู่นั้นไม่รู้จะเริ่มพูดอะไรดีเธอ……ทําไมถึงโกรธล่ะ?หรือว่าจะ...กับตานี่เป็นไปได้ไง? ต้องเป็นเพราะเขาไม่ขออนุญาติเธอก่อนให้คนออื่นมานั่งรถเธอแน่อีกอย่างเธอกับเขาเป็นเพียงสามีภรรยาในนาม คิดแล้ว……ไม่มีสิทธิ์จะไปถามชีวิตส่วนตัวกันและกันหลีเอียนหันไปมองนั่วนั่วแวบหนึ่ง เห็นแก่เด็ก เธอจึงไม่ได้ถามอะไรเรื่องนี้อีกหลีเอียนทำเสียงฮึ่มในลำคอแล้วพูดว่า: “นี่เป็นรถฉัน ถ้าฉันไม่อนุญาต คุณมีสิทธิ์อะไรมาให้คนอื่นนั่ง? ครั้งหน้าระวังด้วย!”เย่เฟิงพยักหน้าหงึกหงัก :“ขอโทษครับ! แต่ว่า……”เขาพูดพลางมองใบหน้าด้
เย่เฟิงถึงกับอ้าปากค้างไปชั่วขณะ ทำหน้าเหมือนคนโง่..."นี่ มองพอยัง? มองพอแล้วก็ขับรถไปสิ"หลีเอียนทั้งเขินและรำคาญที่ถูกเขาจ้องแบบนั้น เธอมองค้อนเขาไปหนึ่งที"คิกคิกคิก……คุณป้าสวยมาก! พ่อคือตือโป้ยก่าย ตือโป้ยก่าย คิกคิกคิก……"นั่วนั่วที่นั่งอยู่ด้านหลัง ปรบมือหัวเราะชอบใจเย่เฟิงได้สติอีกครั้ง เขาทำหน้างงขึ้นมาทันที:"ตือโป้ยก่ายอะไร? ลูกไปเรียนมาจากไหน?""พี่หยวนหยวน! เธอบอกว่าพ่อคือตือโป้ยก่าย"เด็กสาวพูดอย่างถูกอกถูกใจเย่เฟิงได้ยินก็นึกถึงหลานสาวตัวน้อยของซ่งเหล่าเย๋ เป็นเด็กน่ารักที่แปลกประหลาดพอตัวเด็กบ้านั่นเรียนโรงเรียนอนุบาลร่วมกับนั่วนั่ว ชอบสอนอะไรไม่ดีให้ลูกสาวเขา!……พริบตาเดียวก็ผ่านมาหลายวันไม่กี่วันที่ผ่านมาเย่เฟิงก็พานั่วนั่วเข้ามาอยู่ที่สวนจักรพรรดิ์ แถมยังจ้างพี่เลี้ยงอีกวันหยุดสัปดาห์เด็กสาวเองไม่ได้มีเย่เฟิงอยู่ข้างๆได้ตลอดเวลา จึงต้องมีใครสักคนคอยดูเธอในช่วงเวลานี้ หลีเอียนได้สั่งให้ฝ่ายการผลิตของบริษัทจัดทำตัวอย่างของยาสี่ชนิดนี้ออกมาแล้วระหว่างนี้ประธานสาวสวยนั้นเข้ามาตรวจสอบด้วยตัวเองเพื่อให้แน่ใจว่าคุณภาพของตัวอย่างยาเป็นไปตามที่คาดหวังและ
"ประธานเหรินนี่มันเรื่องอะไรกันแน่? เขาเสนออะไรให้คุณคะ ฉันก็ให้ได้เหมือนกัน!"หลีเอียนกัดฟันถาม "ประธานหลี! พอเถอะครับ อย่าทําให้ผมอึดอัดเลย"เหรินลี่ชวิ๋นส่ายหัวพร้อมยิ้มอย่างขมขื่น"คุณหนูหลี เงื่อนไขนี้คุณทำไม่ได้แน่ครับ! ฮึฮึ!"ทนายลวี ชายสวมแว่นตาทองนี่พูดด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย"เงื่อนไขคืออะไรกันแน่ ลองบอกมาสิ?"หลีเอียนพูดอย่างโกรธเคืองทนายลวีตบที่ไหล่เหรินลี่ชวิ๋นแล้วพูดว่า: "ลูกชายเถ้าแก่เหรินเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรัง และตอนนี้เข้าสู่ระยะวิกฤติแล้ว! แม้แต่โรงพยาบาลเอกชนยังช่วยไม่ได้! แต่คุณชายฉู่ช่วยชีวิตเด็กคนนั้นได้! คุณคิดว่าเถ้าแก่เหรินจะฟังใครล่ะ?"เหรินลี่ชวิ๋นถอนหายใจแรงก่อนจะกล่าวกับหลีเอียนด้วยรอยยิ้มลำบากใจ: "ประธานหลี ขอโทษจริงๆครับ! แม้ครั้งก่อนเหลี่ยงเหลี่ยงลูกชายของผมถูกพิษแต่รอดมาได้นั้น ทว่าโรคกลับทรุดลงอย่างรวดเร็ว จนตอนนี้เข้าสู่ระยะวิกฤติผมไม่สามารถทนดูลุกชายผมตายได้ ทนายลวีช่วยติดต่อกับผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์จีนท่านหนึ่ง ซึ่งมียาเทวดาในมือ รับประกันว่าสามารถรักษาอาการได้แม้ในระยะวิกฤติก็สามารถช่วยให้เหลี่ยงเหลี่ยงมีชีว
แม้ว่าเย่เฟิงจะช่วยชีวิตลูกชายของเขาเมื่อครั้งก่อน แต่ผลงานโดดเด่นเพียงครั้งเดียว เห็นได้ชัดว่าไม่สามารถทำให้เหรินลี่ชวิ๋นเชื่อได้ถ้าให้เทียบ แน่นอนว่าเขาจะเลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงมายาวนานอยู่แล้วทั้งยังท่าทีที่แสดงออกมาของเย่เฟิงและหลีเอียนในตอนนี้ จากสายตาของเหรินลี่ชวิ๋นรู้สึกว่าคงยอมทำทุกอย่างไม่เลือกวิธีอยู่หน่อยๆเอ๋ เขามียาเทวดา คุณก็มีด้วยงั้นสินะ?เพื่อให้ผมเซ็นสัญญากับพวกคุณแล้ว คุณเคยเห็นชีวิตลูกผมอยู่ในสายตาบ้างไหม?ผมจะเชื่อใจพวกคุณได้ยังไงกันหลีเอียนเห็นแววตาต่อต้านในดวงตาของเหรินลี่ชวิ๋น สีหน้าผิดหวังเธอก็เผยออกมาทันทีเวลานี้ทนายลวีก็ได้รับสายสายหนึ่ง ฟังปลายสายพูดไม่กี่ประโยค ก็เดินมายื่นให้หลีเอียน"คุณหนูหลีสายจากคุณชายฉู่ครับ มีอะไรจะให้คุณฟัง"ทนายลวีดันแว่นตาทองขึ้นก่อนจะพูดอย่างไม่แยแสหลีเอียนรับมันมาก่อนจะกัดฟันพูด:"ฉู่เทียนหลง!""ฮึ หลีเอ๋อร์ เป็นอะไรเหรอนี่คือ? โกรธมากเลยสิ?"อีกด้านของโทรศัพท์มีเสียงขี้เล่นดังจากปลายสาย"ฉู่เทียนหลง ไอ้สารเลวน่ารังเกียจ! ยังเป็นผู้ชายอยู่หรือเปล่า ถึงใช้วิธีสกปรก! ให้ฉันพนันกับตระกูลอย่างยุติธรรมส
เย่เฟิงที่กําลังจะดึงหลีเอียนออกไปนั้น ตอนนี้กลับหยุดเมื่อเห็นว่าทนายลวีเปิดประตูห้องวีไอพีด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขาต้อนรับคนที่อยู่ด้านนอกให้เข้ามาเหรินลี่ชวิ๋นนั้นยิ่งกว่าอีก เขารีบวิ่งไปหาพร้อมโค้งคำนับ"หมอซุนหมอเทวดา คุณมาแล้ว! เชิญ เชิญนั่งเลยครับ!"อีกฝ่ายคือแพทย์แผนจีนที่มีชื่อเสียงมายาวนาน และชีวิตลูกชายเขาก็ต้องพึ่งหมอคนนี้ ดังนั้นที่เหรินลี่ชวิ๋นเคารพแบบนี้ก็เข้าใจได้ไม่ยากเห็นเหรินลี่ชวิ๋นกับทนายลวียืนซ้ายคนขวาคน ล้อมแพทย์แผนจีนผู้มีชื่อเสียงคนนี้ ถึงขั้นเบียดเย่เฟิงและหลีเอียนออกเพื่อเดินเข้าข้างใน"ไปกันเถอะ จะบากหน้าอยู่ที่นี่ไปทำไม?"หลีเอียนดึงแขนเย่เฟิงแล้วพูดอย่างเหน็บแนม"ไม่เป็นไร รอเดี๋ยว"เย่เฟิงส่ายหัว นั่นทำให้ประธานสาวสวยคนนี้เกิดความสงสัยในแววตาเธอตานี่เมื่อกี้ยังจะรีบไปอยู่เลย ตอนนี้กลับไม่รีบซะงั้น?ในตอนนี้ ซุนกว่างซานถูกเชิญนั่งอย่างเคารพ เหรินลี่ชวิ๋นกับทนายลวีประกบซ้ายขวา เอ่ยคำเยินยอไม่ขาดสาย"หมอซุนหมอเทวดา คุณนี่ยอดแพทย์แผนจีนอันดับหนึ่งของเยียนเซียจริงๆ!""ถูกๆ! มะเร็งเม็ดเลือดขาวเข้าขั้นวิกฤต ทั้งโลกอับจนไร้ทางรักษา คุณกลั