เย่เฟิงหรี่ตาลง รอยยิ้มชั่วร้ายค่อยๆปรากฎขึ้นบนใบหน้าเขาวินาทีถัดมา เขาดึงตัวหลิงเอ๋อร์ที่กำลังต่อสู้อยู่:“ให้เป็นหน้าที่ผมเถอะ คุณไปพักสักพักไป!”“ทำอะไรน่ะ อย่าเกะกะ! รีบวิ่งดิ!”หลิงเอ๋อร์ที่กำลังลงมือกับใครบางคนอยู่นั้น มาถูกเย่เฟิงดึงไว้แบบนี้จนแทบเสียการทรงตัว เธอตวาดขึ้นมาอย่างอารมณ์เสียขึ้นมาทันทีฟังเสียงพูดคุยของคนรอบๆเธอ ในใจของหลิงเอ๋อร์ก็เริ่มมีความคิดเห็นเกี่ยวกับคนคนนี้อยู่บ้างถ้าไม่ใช่เย่เฟิงรักษาใบหน้าที่เสียโฉมของปู่เธอล่ะก็หลิงเอ๋อร์แทบไม่อยากจะสนใจเขาด้วยซ้ำชายผู้หนึ่งใช้โอกาสจู่โจมตอนหลิงเอ๋อร์หยุดชะงัก เขายกหมัดเข้าใส่สายตาเธอเห็นหมัดที่กำลังจะปะทะเข้าร่างเธอเพี๊ยะ!ทว่าเพียงพริบตาเดียวก็มีเงาปรากฏขึ้น จู่ๆร่างของชายผู้นั้นก็ลอยกระเด็นออกไปทันใดนั้นก็ปรากฏเป็นฉากที่ทำให้หลิงเอ๋อร์และทุกคนต้องพากันตะลึงตุ้บ! ตุ้บ! ตุ้บ……เย่เฟิงดึงหลิงเอ๋อร์ไปไว้ด้านหลังเขา ก่อนที่เขาจะออกโรงต่างจากการต่อสู้ที่ยากลำบากครั้งก่อนโดยสิ้นเชิง เผชิญหน้ากับกลุ่มชายร่างใหญ่นี้ เย่เฟิงแค่ซัดพวกเขากระเด็นไปทีละคนลงมือครั้งเดียวอย่างเรียบง่ายแต่กลับรุนแรงขั้นสุดทุก
หลังจากจัดการลูกสมุนของเว่ยเสี่ยวตง และซัดคึนไปทีหนึ่ง เย่เฟิงก็พาหลิงเอ๋อร์ออกจากหมู่บ้านฮั่วหู“คิดไม่ถึงว่าคุณจะเก่งกังฟูขนาดนี้!อาจารย์คุณคือใครล่ะ?”หลิงเอ๋อร์ถามพร้อมดวงตาสวยที่เปล่งประกาย“ผมไม่มีอาจารย์หรอก เรียนด้วยตนเองน่ะ!”เย่เฟิงยิ้มได้ยินแบบนี้ หลิงเอ๋อร์ก็กลอกตามองบนอย่างอดไม่ได้: “เจ๋งนี่!”เดิมทีเธอก็มีหน้าตาที่งดงามและน่ารักอยู่แล้ว ขนาดกลอกตามองบนยังสวยมีเสน่ห์หาที่เปรียบ เย่เฟิงที่เห็นนั้นก็แอบใจสั่น หลังจากนั้น พวกเขาทั้งสองก็เปลี่ยนร้านอาหารเพื่อกินข้าว หลิงเอ๋อร์เอ่ยถามขึ้นเรื่องของปู่เธอ ครั้งก่อนเย่เฟิงเคยพูดว่า “เป่ยเหล่า เดือนหน้ายังต้องรักษาอีกครั้งถึงจะหายดี” ครั้งนี้เธอนัดหมายเวลาที่แน่นอนสำหรับคุณปู่ไว้แล้วขณะรับประทานอาหารไปได้ไม่เท่าไหร่ เย่เฟิงก็ได้รับโทรศัพท์“คุณเย่หรือเปล่าครับ ผมเป็นคนของใต้เท้ามู่ เรื่องวิลล่าที่สวนจักรพรรดิ์ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ โฉลดกับกุญแจอีกสักครู่ผมจะส่งไปให้นะครับ ไม่ทราบว่าช่วงบ่ายสะดวกมาเจอกันไหมครับ?”อีกฝ่ายเอ่ยถามอย่างสุภาพแม้ว่าท่าทีของมู่จ้านที่มีต่อเย่เฟิงจะเปลี่ยนไป แต่สิ่งที่สัญญาไว้ไม
ทันใดนั้นพนักงานขายอสังหาริมทรัพย์หญิงคนหนึ่งก็เดินออกมาจากสำนักงานขาย และพูดอย่างสุภาพว่า:"ทั้งสองท่านมาดูวิลล่าใช่ไหมคะ?”ไม่พูดคงไม่ได้ว่าพนักงานขายผู้หญิงที่นี่นั้นล้วนเป็นสาวงามที่หาจับยากยังไงวิลล่าที่สวนจักรพรรดิ์นี่ก็มีราคาเริ่มต้นหลายสิบล้านถึงพันล้านบาท สามารถซื้อบ้านที่นี่ได้นั้นต่างก็เป็นคนที่ร่ำรวยจริงๆทั้งนั้นจะต้อนรับลูกค้าระดับนี้ทั้งที จะเอาคนไม่สวยมาได้ยังไงเมื่อพนักงานขายเห็นว่าเย่เฟิงนั้นขับเบนท์ลีย์มา ท่าทีของเธอก็เป็นมิตรอย่างเห็นได้ชัด เธอคิดว่าเย่เฟงคงเป็นลูกชายของคนรวยคนหนึ่งแม้ว่าเขาจะแต่งตัวค่อนข้างธรรมดา แต่ในปัจจุบันคนรวยที่ใช้ชีวิตเรียบง่ายก็มีมากมายอีกทั้งหลิงเอ๋อร์ที่อยู่ข้างเย่เฟิงนั้นก็งดงามเสียจนพนักงานขายรู้สึกต้อยต่ำไปเลยข้างกายมีสาวงามระดับนี้อยู่จะมาธรรมดาๆได้ไงกัน?“ผมมีบ้านที่นี้แล้วครับ แค่ยังไม่ได้เข้าอยู่ วันนี้แค่มาดูเฉยๆ! คุณไปจัดการงานตัวเองเถอะ”เย่เฟิงอธิบายด้วยรอยยิ้ม“โอ้ งั้นเชิญคุณชายตามสบายเลยนะคะ”เมื่อพนักงานขายได้ยินเช่นนี้ แววตาผิดหวังของเธอก็ฉายแววขึ้นมาอ๋อ……ที่แท้เขาก็มีบ้านที่นี่แล้วไม่งั้นนะถ้าขายวิลล่าไ
เย่เฟิงยืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่พูดอะไรสักคำ เขาขี้เกียจจะพูดไร้สาระกับพวกนี้หลิงเอ๋อร์ที่ได้ยินคำเย้ยหยันจากจ้าวเหม่ยฟ่งและโจวชิ้งก็อดไม่ได้ที่จะถาม “เย่เฟิง พวกเขาคือใครเหรอ?”“ไม่รู้จัก ไม่ต้องสนใจหรอก”เย่เฟิงพูดอย่างสงบท่าทีของเขาทำให้โจวชิ้งกัดฟันด้วยความโกรธบนโลกนี้ การถูกดูหมิ่นที่แรงที่สุดไม่ใช่การด่าทออย่างรุนแรง แต่เป็นการถูกมองข้ามโดยสิ้นเชิงท่าทีที่เย่เฟิงมองข้ามเธอนั้นทำให้โจวชิ้งรู้สึกบิดเบี้ยวอยู่ในใจไอ้คนจนที่รับเป็นลูกเขยปลอมคนอื่นจะสิทธิ์อะไรมาเมินเธอกัน?“ฮ่าฮ่า... ไม่รู้จักเหรอ? หรือว่าไม่กล้ารับว่ารู้จักฉัน? กลัวว่าฉันจะเผยความจริงจนคุณขายหน้าต่อหน้าสาวสวยคนนี้สิท่า?”โจวชิ้งโกรธจนหัวเราะออกมา เธอชี้ไปที่จมูกของเย่เฟิงหลิวหาวยิ้มเยาะและพูดว่า: “ไอ้จน! ก็คิดว่าจะแน่ ที่ไหนได้ไปขายตัวไปเป็นหมาให้คุณหนูใหญ่ของตระกูลหลี่ ฮ่าฮ่าฮ่า…”หลิวหาวพูดพลางมองไปที่หลิงเอ๋อร์: “คนสวย เขาพาคุณมานี่คงไม่ใช่หลอกว่าจะซื้อวิลล่านี่ให้หรอกใช่ไหม? อย่าไปเชื่อเขาเลย เขาก็แค่คนจนๆ! ถ้าไม่ใช่เพราะผมพาภรรยาและครอบครัวมาซื้อวิลล่าแล้วบังเอิญเจอกันพอดี คุณคงโดนหลอกไปแล้ว!”หลิวห
พนักงานขายเบ้ปากและพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเยาะเย้ย“ฮ่า……ตลกชิบหายเลย! เขามีวิลล่าที่นี่แล้วงั้นเหรอ? โกหกซะไม่เกรงใจพื้นเพตัวเองเลยนะ!”โจวชิ้งพูดอย่างหัวเราะเยาะ“มิน่าล่ะถึงคบกับสาวงามได้เยอะแยะแบบนี้ ช่างกล้าพูดคำใหญ่คำโตจริงๆ”หลิวหาวหัวเราะลั่นจ้าวเหม่ยฟ่งขยับกำไลทองดำเธอก่อนจะชี้ไปที่เย่เฟิง: “งั้นบอกมาสิ ว่าวิลล่าหลังไหนของแก?”“นั่นสิขอเราเขาไปนั่งชมหน่อยได้ไหม?”โจวเพ่ยหยินยิ้มเยาะและมองเย่เฟิงราวกับกำลังดูหนังตลกเย่เฟิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“พวกคุณคู่ควรจะได้เข้าเหรอ?”“แกพูดอะไรนะ? ไอ้ยาจกนี่ ถูกถอดหน้ากากแล้ว ยังดื้อรั้ปากแข็งอยู่อีกเหรอ? ถ้ามีปัญญาก็บอกมาสิว่าหลังไหนของแก!”โจวชิ้งด่าออกมา“จริงค่ะวิลล่าไหนของคุณเหรอคะ? ดิฉันรู้จักเจ้าของวิลล่าทุกคนที่นี่ แต่คุณฉันไม่คุ้นเลยจริงๆ”พนักงานขายเอ่ยอย่างขบขัน “เย่เฟิง คุณบอกพวกเขาไปจะได้หุบปากกันสักที !”หลิงเอ๋อร์เชื่อมั่นในตัวเย่เฟิง เมื่อได้ยินคนเหล่านี้เยาะเย้ยเย่เฟิง จู่ๆ เธอก็โกรธขึ้นมาเล็กน้อยเย่เฟิงยักไหล่:“ก็ได้! เขตเอ วิลล่าเลขที่ศูนย์ศูนย์หนึ่ง!”เมื่อพูดจบ พนักงานขายก็ตกตะลึงอยู่ครู่หน
“ผมไม่เป็นไรครับไม่ทราบว่าท่านคือ……”เย่เฟิงโบกไม้โบกมือว่าเขานั้นไม่เป็นไร ก่อนจะเอ่ยถามอย่างสุภาพชายหนุ่มในชุดทหารท่าทีใช้ได้ยิ้มและพูดกับเย่เฟิงอย่างให้เกียรติ: "ผมเป็นผู้ช่วยท่านผู้บังคัญบัญชามู่ครับ คุณเย่เรียกผมเสี่ยวไช่ก็พอครับ!"“ที่แท้ก็ผู้ช่วยผู้บังคับบัญชาไช่นี่เอง รบกวนด้วยครับ!”เย่เฟิงยิ้มผู้ช่วยผู้บังคับบัญชาไช่ส่งเสียงว่าไม่ลำบากใดๆ ก่อนจะพูดอย่างกระตือรือร้น: “ไปเถอะครับ ผมพาคุณเย่ไปดูวิลล่าเองครับ”หลังจากที่มีคนมอบวิลล่าหลังนี้ให้กับท่านผู้บัญชาการมู่ พวกเรื่องยุ่งเหยิงต่างๆ ก็เป็นหน้าที่ผู้ช่วยผู้บังคับบัญชาไช่ เรียกได้ว่าเขาคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดีพูดจบ เขาก็มองยามเหล่าน้ันด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะโบกมือให้ทหารที่ยืนอยู่: "ปล่อยพวกมันไป ก็แค่พวกหมาไม่เจียมตัวแค่นั้น"หลังจากนั้นเขาก็พาเย่เฟิงและหลิงเอ๋อร์เข้าสวนจักรพรรดิ์ไปจนมาถึงเขตเอ วิลล่าที่หนึ่ง!ทำเลของวิลล่าหลังนี้สูงที่สุดในย่านวิลล่านี้ ให้ความรู้สึกเหมือนกับมองเห็นภูเขาทั้งหมดจากมุมสูงมีสวนสไตล์สวนหลวงซูโจว รวมทั้งสระว่ายน้ำและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ครบครัน!!ทั้งยังตกแต่งเรียบร้อย พร้อมให้เข
“ได้ งั้นเข้าไปดูกัน! ไปดูบ้านกันดีกว่า”หลิวหาวกะพริบตาสองสามครั้ง ก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วยต่อมาไม่นาน กลุ่มคนที่เดินตามหลังเย่เฟิงอยู่ไม่ไกลไม่ใกล้นั้นก็เหลือบตาไปเห็นเย่เฟิงที่เดินเข้าวิลล่าหรูหลังใหญ่นั่น“นี่……วิลล่าที่หนึ่ง เขตเอจริงด้วย! ใต้เท้ามู่ยกวิลล่านี่ให้คุณเย่จริงงั้นเหรอ?”เปลือกตาพนักงานขายกระตุกทันทีเมื่อได้ยินดังนี้ โจวชิ้งและที่เหลือก็เผยสีหน้าตกใจอยู่ครู่หนึ่งไม่อยากเชื่อ คิดสงสัย อิจฉา ริษยา……“หรือว่าไอ้ยาจกนี่จะพัฒนาแล้ว?”จ้าวเหม่ยฟ่งพึมพําออกมาสีหน้าของโจวชิ้งนั้นแย่แค่ไหนไม่ต้องพูดถึง หลังจากจ้องมองไปที่วิลล่าหรูหลังนั้นอยู่นาน สายตาของเธอก็หันไปที่หลิวหาว“สามี ฉันก็อยากได้วิลล่า! ฉันอยากได้วิลล่าที่นี่! ซื้อให้ฉันได้ไหม……”“ใช่! คนอื่นให้มามีอะไรให้น่ายินดี ต้องซื้อเองสิถึงจะเจ๋งจริง!”โจวเพ่ยหยินพูดด้วยเสียงเย็นชา พร้อมท่าทีราวกับคนกินองุ่นไม่เป็นแต่เที่ยวบอกองุ่นนั้นเปรี้ยว“คุณผู้ชายคะ เรามาเดินๆดูกันดีไหมคะ?”พนักงานขายมองไปที่หลิวหาวด้วยดวงตาที่สดใสราวกับว่าได้เห็นค่าคอมมิชชั่นหลักล้านพนักงานขายคาดหวังจากเย่เฟิงไม่ได้แล้ว เธอจึงเอาควา
เมื่อโจวเพ่ยหยินพูดออกมา โจวชิ้งและจ้าวเหม่ยฟ่งสองแม่ลูกต่างก็มีสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัยและตั้งคำถามพลางมองไปที่ “ลูกเขยทองคำ” ของพวกเธอสีหน้าของหลิวหาวเต็มไปด้วยความวิตกกังวลทำไมตอนที่เขาเห็นหลิงเอ๋อร์อยู่ข้างๆเย่เฟิง สิ่งแรกที่ทำคือ "เตือน" หลิงเอ๋อร์ว่าอย่าไปเย่เฟิงหลอกเพราะเขาเองก็เป็นแบบนั้นแหละวันนี้ที่พาโจวชิ้งและครอบครัวสามคนมาที่นี่ก็เพื่อหลอกโจวชิ้งและแม่เธอเท่านั้นเขารู้ว่าโจวชิ้งและครอบครัวเป็นพวกความทะเยอทะยานและใส่ใจเรื่องชื่อเสียง จึงพาพวกเขามาทำเป็นดูๆวิลล่าถ้าไม่มีเรื่องของเย่เฟิงก็คงไม่มีอะไร หลังจากดูบ้านก็คิดจะบอกว่ากลับไปปรึกษากันก่อน แล้วก็ปล่อยให้เรื่องมันจบลงไปแบบนั้นหลิวหาว แม้เป็นลูกคนรวยก็จริง แต่ทรัพย์สินของพ่อเขามีเพียงหลักร้อยล้านเท่านั้น ส่วนลูกชายอย่างเขาเองก็มีเงินในมือไม่มากนักวิลล่าหลังใหญ่ราคาหลักร้อยล้าน เขาจะซื้อยังไงไหวทว่าตอนนี้หลังจากเกิดเรื่องเย่เฟิงมากระตุ้นแล้ว ครอบครัวโจวชิ้งก็ไม่สามารถปล่อยผ่านได้พนักงานขายที่พาชมบ้านตลอดบ่าย ในใจก็โกรธและไม่พอใจมากจนไม่ไว้หน้าหลิวหาวแม้แต่น้อยทันใดนั้นหลิวหาวก็รู้สึกเหมือนตัวเขานั้นอ
“ถ้าขุดเจออะไรสกปรกจริงๆ ฉันจะกินมันเข้าไปเลย!”อาจารย์คงพูดด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม แสดงออกถึงความเชื่อมั่นในฝีมือของตัวเอง “เล่นใหญ่ขนาดนี้เชียว?”เย่เฟิงส่ายหัวพลางถอนหายใจ รถขุดเริ่มทำงานตามจุดที่เย่เฟิงชี้ไว้ขณะที่เย่เฟิงยืนดูอยู่ข้างๆ ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ถงซวี่เย่เองก็มีสีหน้าเคร่งเครียด ดวงตาจับจ้องไม่กะพริบส่วนเฉาเริ่นกับอาจารย์คงยืนกอดอกอยู่ไม่ไกลนัก ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเยาะ ไม่กี่นาทีต่อมา ก็ขุดลึกลงไปได้สี่ถึงห้าเมตร แต่กลับพบเพียงก้อนหินรกๆ เท่านั้น“ตลกจริงๆ! ไอ้ที่นายบอกมันอยู่ไหนล่ะ? ไม่รู้รึไงว่าฉันมีชื่อเสียงขนาดไหนในวงการฮวงจุ้ย กล้ามาสงสัยในฝีมือฉันเนี่ยนะ? ไอ้หนุ่ม จ่ายค่าเสียหายมาเลย ฉันไม่เอาเยอะ สักห้าล้านพอ!”อาจารย์คงพูดด้วยความภูมิใจ “คุณเย่ ถ้าคุณไม่มีเงินจ่าย ก็ขอโทษอาจารย์คงซะ เดี๋ยวผมจะช่วยพูดให้ แล้วปล่อยให้เรื่องนี้จบๆ ไปอย่ากลับไปขอเงินคุณหลีเลยนะ แบบนั้นมันไม่ดี” เฉาเริ่นพูดพลางเย้ยหยัน “คุณชายเฉา จะขุดต่อไหมครับ?”คนงานของเขาเอียงศีรษะออกมาถาม“ขุดต่อไป!” เย่เฟิงพูดเสียงเรียบ ไม่สนใจคำพูดของอาจารย์คงและเฉาเริ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนท้ายที่เย่เฟิงพูดเชิงเย้ยหยันด้วยแก้วเหล้านั้น ทำให้เฉาเริ่นยิ่งรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก “ผมเรียกพี่เย่มาช่วยดูฮวงจุ้ยหน่อยน่ะ” ถงซวี่เย่พูดด้วยรอยยิ้ม พอได้ยินเช่นนั้น เฉาเริ่นก็ขมวดคิ้วทันที “คุณชายถง เรื่องงานก่อสร้างนี่ปล่อยให้ตระกูลเฉาของเราจัดการเถอะ คุณไม่ต้องกังวลหรอก!”“ผมคอยดูสักหน่อยดีกว่า” ถงซวี่เย่ตอบ “คุณชายถง คุณไม่เชื่อใจผมแล้วเหรอ?”เฉาเริ่นพูดด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย ขณะนั้นเอง ชายชราที่ดูมีลักษณะคล้ายคนมีวิชาในชุดกี่เพ้าเหลืองก็แค่นเสียงดังอย่างไม่พอใจ เฉาเริ่นแนะนำถงซวี่เย่ว่า “นี่คืออาจารย์คง ท่านเป็นอาจารย์ฮวงจุ้ยชื่อดังแห่งหยุนเฉิง ก่อนเริ่มงานก่อสร้างอะไรที่บ้านผมก็มักจะเชิญท่านอาจารย์คงมาดูให้เสมอ มีอาจารย์คงอยู่ตรงนี้แล้ว ไม่จำเป็นต้องเชิญใครที่ไม่ได้เรื่องมาดูอีกหรอกคุณชายถง คุณพาคุณเย่กลับไปเถอะ”พูดจบ เฉาเริ่นก็หันไปมองเย่เฟิงด้วยสายตาเหยียดหยามพร้อมโบกมือไล่ อาจารย์คงพยักหน้าเล็กน้อยก่อนพูดด้วยความหยิ่งยโส “ผมตรวจดูที่นี่แล้ว ฮวงจุ้ยดีมาก มีแสงแห่งโชคลาภปกคลุม สามารถเริ่มงานก่อสร้างอย่างสบายใจได้เลยพลังชั่ว
เมื่อได้ยินหลีเทียนกังพูดเช่นนี้ หลี่เยว่ผิงก็ฉายแววดีใจออกมาหลีถิงกลับเผยสีหน้าตกใจ “พ่อคะ ไม่…ไม่จริงหรอกใช่ไหมคะ? พ่อเองก็อยาก…”หลีเทียนกังขรึมหน้าลง แล้วจ้องหลีถิงเขม็ง “ถิงถิง แกอย่าพูดออกไปมั่วซั่วล่ะ! ถ้าย่าของแกตาย นั่นก็เพราะหลีเอียนกับไอ้หน้าขาวแซ่เย่! เข้าใจไหม?”หลีถิงตัวสะดุ้ง แล้วพยักหน้าด้วยความหวาดกลัว “เข้า…เข้าใจแล้วค่ะ!”วินาทีต่อมา หลีเทียนกังพลันสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกดโทรหาเบอร์หนึ่งในฐานะที่เป็น ‘คุณชายรอง’ ของตระกูลหลี อำนาจของเขาในตระกูลย่อมมีคนสนิทคนหนึ่งอยู่แล้ว“หลีปา จัดการหมอหลี่ที่มาดูอาการผู้อาวุโสวันนี้ซะ! จัดการให้สะอาดล่ะ!”หลังจากวางสาย หลีเทียนกังแค่นเสียงเย็นชาไปทีหนึ่งก่อนจะกล่าวเสียงขรึมว่า “เรื่องนี้จะต้องหาแพทย์แผนจีนที่เก่งกาจคนหนึ่ง และต้องทำแบบเงียบๆ ไร้ร่องรอยด้วย!”หลี่เยว่ผิงกล่าวด้วยสายตาเป็นประกาย “จริงสิคะที่รัก ฉันได้ยินมาว่าหมอเทวดาจู้จากโม๋ตูคนนั้นมาที่หยุนเฉิงแล้ว ไม่กี่วันก่อนยังมารักษาที่คลินิกจู้คังด้วย หรือว่า…จะหาเขาดี?”คลินิกจู้คังที่หมอเทวดาจู้คนนี้ก่อตั้งขึ้นเป็นคลินิกลูกโซ่ ตอนนี้มีคลินิกย่อยอยู่ทั่วประเทศแล้ว
ส่วนสถานการณ์ของเจ้าสามและเจ้าสี่ไม่ชัดเจนนักผู้อาวุโสหลีหน้าเสียต่อหน้าหลีเอียนและเย่เฟิงมานักต่อนัก สุดท้ายยังต้องยอมจำนนอย่างน่าอับอายอีกเธอในตอนนี้ไม่ถูกกับครอบครัวลูกชายคนโตเลยแม้แต่นิด!ดังนั้นเธอย่อมต้องสนับสนุนคนที่ไม่ถูกกับอีกฝ่ายเช่นเดียวกันอยู่แล้วซึ่งคนคนนั้น ก็มีเพียงหลีเทียนกัง ลูกชายคนรองเท่านั้น…หลังจากที่กลับจากคฤหาสน์ตระกูลหลี ทันทีที่หลีเทียนกังขึ้นรถไป หลี่เยว่ผิวและหลีถิงที่รออยู่บนรถก่อนแล้วก็เอ่ยถามอย่างรอไม่ไหว“ที่รัก ผู้อาวุโสเป็นยังไงบ้าง? ใกล้จะไม่ไหวแล้วใช่ไหม?”ภรรยาคนนี้ทำหน้าตั้งตารอ“พ่อคะ พ่อต้องทำให้ย่าเขียนพินัยกรรมมอบหุ้นส่วนทั้งหมดให้พ่อก่อนที่ท่านจะตายนะคะ!”หลีถิงเองก็ทำหน้าโลภมากหลีเทียนกังแค่นเสียงเย็นชา แล้วโบกมืออย่างอารมณ์เสีย “คิดอะไรอยู่น่ะ? ผู้อาวุโสยังไม่ตายเร็วๆ นี้หรอก หมอบอกว่าแค่พักผ่อนดีๆ รักษาอาการป่วยให้ดี ก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง!”เมื่อได้ยินดังนั้น หลี่เยว่ผิงและหลีถิงก็เผยสีหน้าผิดหวังออกมาหลีเทียนกังเห็นดังนั้น ก็กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่ดีว่า “แต่ผมขู่ผู้อาวุโสไป ให้ท่านรู้สึกว่าตัวเองเหลือเวลาอีกไม่มากแล้วแล
เมื่อเห็นท่าทางของลูกชายคนรอง ผู้อาวุโสหลีก็รู้สึกไม่ดี!ท่าทีของอีกฝ่าย ทำให้เธอรู้สึกเหมือนว่าตนใกล้จะตายแล้วอย่างไรอย่างนั้น"เป็นอะไรกันแน่? บอกมา!"ผู้อาวุโสหลีถามเสียงเข้ม สีหน้ายิ่งแดงก่ำกว่าเดิมพร้อมไอเป็นครั้งคราว"แม่ ไม่มีอะไรจริงๆ แม่พักผ่อนให้สบายเถอะ"หลีเทียนกังพยายามปลอบแต่ผู้อาวุโสหลียังจับตาดูลูกชายอยู่ครู่หนึ่งก่อนถอนหายใจ "เฮ้อ…ฉันเองก็อายุมากแล้ว ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็ไม่แปลก! เพียงแต่…ฉันไม่ยอม!"เธอพูดพลางตบโต๊ะด้วยความโกรธหลังจากใช้ชีวิตอย่างเด็ดเดี่ยวมาตลอด สุดท้ายเธอกลับพ่ายแพ้ให้กับหลานสาวตัวเอง จนถึงขั้นเสียบริษัทยาไปทั้งหมดความรู้สึกนี้ยากที่จะทำใจยอมรับได้ แม้จะเป็นวาระสุดท้ายก็ตาม!"แม่ครับ ผมจะช่วยกู้ศักดิ์ศรีกลับมาให้แม่เอง!"หลีเทียนกังกัดฟันและกล่าวด้วยน้ำเสียงเคียดแค้นครั้งนี้ไม่ใช่การแสร้งทำ!เมื่อคิดๆ ดูแล้ว ครอบครัวเขาหน้าด้านหน้าทนไปขอหลีเอียน แต่กลับถูกขับไล้ออกมาอย่างไร้เยื่อใย ในใจเขาเองก็รู้สึกอับอายและโกรธมากเช่นกัน"แม่ ถึงแม้เราจะเสียเปรียบเรื่องบริษัทยา แต่เราสามารถหาวิธีอื่นจัดการครอบครัวพี่ใหญ่ได้นี่ครับ!หลีหย่วนยังไงก็
“ราคาสูง? สูงแค่ไหน?”เย่เฟิงขมวดคิ้วถาม“ยกตัวอย่างเช่น ยาหนึ่งเม็ดจากตระกูลนี้ ราคาก็สูงถึงหลักสิบล้าน ส่วนทักษะวิชาการต่อสู้บางเล่มอาจทะลุไปถึงร้อยล้านเลย...”หลีหยวนเล่าความเป็นมาของตระกูลกู่นี้ให้เย่เฟิงฟังตระกูลกู่เป็นตระกูลที่เงียบสงบและไม่เผยตัวต่อสาธารณะ แต่ก็แข็งแกร่งมากพวกเขาไม่ทำธุรกิจข้างนอก แต่ก็ร่ำรวยมหาศาลลำพังแค่งานประมูลหนึ่งครั้ง ก็สามารถทำรายได้ถึงหลายพันหลายหมื่นล้านแล้วยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลนี้ยังเต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญฝีมือสูงที่สามารถรับงานต่างๆ ได้ แต่ค่าจ้างก็แพงมากเช่นกันแน่นอนว่าความสามารถของยอดฝีมือที่ส่งไปนั้น ก็เก่งกาจมากเช่นกันเฉินจิงเทียนที่ได้ชื่อว่าเป็นนักสู้อันดับหนึ่งในมณฑลเจียง ยังอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้เชี่ยวชาญบางคนในตระกูลนี้ด้วยซ้ำ เพียงแค่พวกเขาไม่เปิดเผยตัวเท่านั้นหลังจากที่หลีหย่วนพูดจบแล้ว เย่เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและรู้สึกหนักใจตระกูลกู่จะมีผู้เชี่ยวชาญหรือยอดฝีมืออะไรไม่เกี่ยวกับเขา สิ่งที่เขาต้องการคือของประมูลราคาสูงลิ่วที่หลีหย่วนพูดถึงตามที่หลีหย่วนกล่าว ราคาของหยกพลังวิญญาณนั่น เผลอๆ อาจสูงถึงร้อยล้านเลยก็ได้
ใช่แล้ว หลีเอียนรู้เรื่องจี้หยกรูปมังกรของเย่เฟิงตอนที่เย่เฟิงโดนรถของเธอชนแล้วกระเด็นไป ตอนนั้นเขากำจี้หยกชิ้นนั้นไว้แน่น หลีเอียนจึงจำมันได้ขึ้นใจอีกทั้งตอนที่เย่อินเสวียนหยิบภาพวาดออกมา หลีเอียนเองก็สงสัยอยู่ในใจ แต่ไม่ได้แสดงออกมาเมื่อได้ยินคำขู่ของหลีเอียน สีหน้าของเย่เฟิงก็เปลี่ยนไปทันที แววตาของเขาแฝงด้วยความเย็นชา “คุณกำลังขู่ผมอยู่เหรอ?”หลีเอียนที่เห็นสายตาเย็นชาของเย่เฟิง ก็หยุดชะงักไปเล็กน้อย ในใจเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและความไม่พอใจ เธอจ้องมองเขาอย่างน้อยใจ“ใช่ ฉันขู่คุณ แล้วจะทำไม? ยังจะกล้าขัดคำสั่งฉันไหม?”เย่เฟิงถอนหายใจเล็กน้อย รู้สึกปั่นป่วนในใจเมื่อเห็นท่าทางของเธอ สุดท้ายเขาก็ยอมจำนน“โอเคๆ ผมจะทำตามที่คุณบอก โอเคไหม คุณภรรยาผู้ยิ่งใหญ่ของผม...แต่คุณต้องช่วยผมเก็บเรื่องนี้เป็นความลับนะ”หลีเอียนจ้องเขาด้วยสายตาไม่พอใจแล้วพูดขึ้น “ก็ต้องดูพฤติกรรมของคุณแล้ว”“ผมว่าผมก็ทำตัวดีมาตลอดนะ”“แย่สุดๆ!”หลีเอียนกัดฟันและพูดออกมาด้วยใบหน้าที่เย็นชาทำให้เย่เฟิงได้แต่นั่งหน้าหมอง พร้อมคิดในใจว่า(ผู้หญิง เหอะๆ…เปลี่ยนอารมณ์ง่ายเหมือนเปลี่ยนหน้าหนังสือเลย!
สวี่ซีเหยียนหน้าซีดด้วยความกลัว "เย่เฟิง ช่วยหน่อยเถอะนะ เห็นแก่ที่ฉันกับเอียนเอียนเป็นเพื่อนกัน นายอย่าถือสาฉันเลยนะ ช่วยฉันด้วย…ฉันไม่อยากโดนหนอนพิษ..."เหล่าทายาทตระกูลใหญ่ทั้งหลายต่างพากันตกใจกลัว ร้องขอความช่วยเหลืออย่างหมดท่า"หึๆ ตอนนี้รู้สึกกลัวแล้วเหรอ? ไม่ต้องตกใจไป หนอนพิษเพิ่งเข้าไปไม่นาน ยังอยู่แค่ในกระเพาะอาหารของพวกเธอ ยังไม่เข้ากระแสเลือดกลับไปเอาผงสารส้มละลายน้ำร้อน แล้วก็ล้วงคอให้อาเจียนออกมา อาเจียนออกมาให้หมดจนไม่มีอะไรเหลือค้างอยู่"เย่เฟิงพูดนิ่งๆเมื่อพูดจบ เหล่าทายาทตระกูลใหญ่ต่างรีบพุ่งออกจากห้อง ไม่รอช้าแม้แต่วินาทีเดียวเซียวคุนกับถงซวี่เย่ยิ่งรู้สึกศรัทธาและเคารพเย่เฟิงมากขึ้นไปอีกหลังจากนั้น เซียวคุนก็เปลี่ยนห้องเพื่อทานอาหารกันสี่คนแบบเรียบง่ายหนึ่งชั่วโมงต่อมา...เย่เฟิงและหลีเอียนออกมาจากร้านเชียนเว่ยเซวียน กำลังจะขึ้นรถไปส่งบอสสาวสวยกลับบ้านหลีเอียนเดินตามหลังเย่เฟิง มองเย่เฟิงที่เดินนำหน้าไปอย่างไม่สนใจใยดีด้วยสายตาที่มีแววขุ่นเคืองตอนทานอาหารเมื่อครู่ หลีเอียนเห็นเซียวคุนหลงใหลและอ่อนโยนกับเย่อินเสวียน ก็รู้สึกแปลกๆ แล้วแม้จะรู้ว่าเซ
หลังจากหายใจได้ไม่กี่อึดใจ เซียวคุนก็รู้สึกถึงความขมคาวในลำคอของเขา"แหวะ!" ทันใดนั้น เขาก็อาเจียนออกมา!พบว่ามีหนอนสีแดงสดตัวหนึ่งถูกอาเจียนออกมาจากปากของเขา!"อ๊า!" ฉากนี้ทำให้หญิงสาวบางคนในที่นั้นกรีดร้องออกมาส่วนคนอื่นๆ ก็มองด้วยความตกใจกลัว รู้สึกขนลุกและหัวใจเต้นแรงเซียวคุนที่ตอนนี้สีหน้ากลับมาเป็นปกติ แววตาที่เคยหลงใหลในเย่อินเสวียนหายไป แทนที่ด้วยความสับสนสงสัยเขามองดูหนอนพิษที่ตัวเองอาเจียนออกมาอย่างตกใจและโมโห "เสวียนเอ๋อร์ ฝีมือคุณจริงๆ เหรอ?"แต่เย่อินเสวียนกลับไม่สนใจเขาเลย สำหรับเธอแล้ว เซียวคุนก็แค่เครื่องมือเท่านั้นในเมื่อเครื่องมือถูกทำลาย เธอก็มองเย่เฟิงด้วยความโกรธแค้น"ไอ้ผู้ชายบ้า มาขัดขวางฉันอีกแล้ว! วอนหาที่ตาย!”เธอด่าด้วยความเกลียดชัง ก่อนจะเคลื่อนไหวพุ่งตรงไปหาเย่เฟิงอย่างรวดเร็ว มือข้างหนึ่งทำเป็นมีดแล้วฟันไปที่คอของเขา ส่งเสียงฟาดลมอันดุดันออกมาเย่เฟิงเบิกตากว้าง แล้วรีบรับมือทันที!ปัง! ปัง! ปัง...ทั้งสองกระโดดเหยียบบนโต๊ะ ต่อสู้กันไปมาสามครั้งในพริบตาเดียว เย่อินเสวียนส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนจะถอยร่นกลับด้วยแรงผลักจากนั้นใช้