“ใคร…ใครรับผิดชอบสำหรับเรื่องทั้งหมดนี้?!” สเวนคำราม เขารู้สึกโกรธจัด ขณะที่เขากระแทกหมัดของเขาลงกับโต๊ะตรงหน้าเขา โดยส่งผลให้มันถูกทุบเป็นชิ้น ๆ! แม้แต่กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเขาก็กำลังกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้ เนื่องจากคนเป็นพ่อคนนั้นคำรามด้วยความโกรธ แม้สถานะในปัจจุบันของสเวนน่ากลัวอย่างแน่นอน แต่นักธุรกิจหลาย ๆ คนก็แอบสะใจกัน หลังจากพวกเขาตระหนักได้ว่าตอนนี้สเวนเจ็บปวดมากแค่ไหน ทำอะไรก็ได้อย่างนั้นแหละ และมันก็ถึงเวลาซะทีที่สเวนจะได้รับบทลงโทษที่เขาสมควรได้รับในที่สุด แม่ลูกโยเวลล์เองตอนนี้ก็กำลังเกาะกลุ่มกันไว้อย่างใกล้ชิดด้วยความตกใจกลัว “โอ้ว ว้าว! ผมไม่คาดคิดเลยว่ามันจะชีวิตขีวาขนาดนี้ในที่นี่!” เสียงหนึ่งพูดขึ้นมาอย่างดัง ขณะที่ประตูขนาดใหญ่ของห้องโถงเหวี่ยงเปิดออก ขณะที่ทุกคนหันไปมองว่าใครที่กล้าพอจะพูดแบบนั้น พวกเขาทั้งหมดต่างก็ช็อกมากที่เห็นเจอรัลด์เดินเข้ามาในห้องโถงด้วยกันกับกลุ่มคนของเขา แม้ยังคงรู้สึกประหลาดใจ แต่กองกำลังที่มีอิทธิพลหลาย ๆ กองในห้องโถงก็ลุกขึ้นและโค้งคำนับทันที โดยยอมจำนนต่ออำนาจของเจอรัลด์ ขณะที่พวกเขาตะโกนขึ้นในเวลาเดียวกัน “คุณคลอฟอร์ด!” “…เ
ทั้งห้องโถงตกอยู่ในความโกลาหล เนื่องจากผู้คนภายในพยายามหาทางจัดการกับสิ่งที่พวกเขาเพิ่งเห็นด้วยตาอย่างไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ ในขณะที่หลายคนสามารถรักษาภาวะจิตปกติของพวกเขาได้ โดยการขดตัวเป็นลูกบอลใกล้กับมุมห้อง แต่คนเหล่านั้นที่โชคไม่ดีกลับลงเอยด้วยการมีน้ำลายฟูมปากอยู่กับพื้น เนื่องจากความหวดกลัวอย่างที่สุดที่พวกเขากำลังรู้สึกอยู่ จูเลียตเองก็ตกใจกลัวมากจนเธอร้องไห้ออกมาทันทีในตอนนี้ อย่างไรก็ตามเนื่องจากความหวาดกลัวสุด ๆ เธอจึงไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียวเลยด้วยซ้ำ ในทางตรงกันข้าม เจอรัลด์เพียงหลับตาลงก่อนจะสูดหายใจเข้าลึก เกิดความเงียบสงัด เขาอยู่แบบนั้นชั่วครู่หนึ่ง ก่อนที่ในที่สุดจะลืมตาขึ้นอีกครั้ง ในตอนนั้นนัยน์ตาแดงสยองขวัญก็หายไปแล้ว เมื่อค่อย ๆ เดินไปหาพ่อบ้านจากก่อนหน้านี้ จากนั้นเขาก็ถามขึ้นมา “คุณขังสหายของผมไว้ที่ไหน?” แทนที่จะมอบคำตอบให้ อย่างไรก็ตาม พ่อบ้านก็เริ่มตัวสั่นขึ้นมาอย่างรุนแรงในทันที ก่อนในท้ายที่สุดจะอาเจียนเป็นเลือดและล้มลงกับพื้น! แม้ร่างของพ่อบ้านยังคงกระตุกต่อไปอีกชั่วครู่สั้น ๆ แต่สุดท้ายแล้ว เขาก็หยุดเคลื่อนไหวไปตลอดกาล เนื่องจากความเชี่ยวช
“เอาล่ะครับ ในตอนนั้น ท่านลอร์ดเองก็รู้สึกยุ่งยากกับปีศาจภายในของเขา เป็นผลให้เขาค้นหาไปทั่วทุกที่เพื่อหาวิธีที่จะควบคุมอารมณ์ของเขาได้ดีขึ้น ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ตระหนักได้อย่างเต็มที่ว่า จนกว่าเขาจะจัดการพรมังกรได้อย่างง่ายดายและอย่างชำนาญ เขาจะไม่สามารถบรรลุสถานะของบุคคลในตำนานได้อย่างแท้จริง” “เขาเริ่มโดยการไปเยี่ยมพระภิกษุและนักบวชคนอื่น ๆ ท่านลอร์ดแอบไปที่เวสตันเช่นกัน เพื่อค้นหาปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียงสองสามคนด้วยความหวังว่าเขาจะสามารถได้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับปัญหาของเขา อย่างไรก็ตาม ไม่นานหลังจากการค้นหาของเขาเริ่มต้นขึ้น ในวันหนึ่งท่านลอร์ดก็ลงเอยด้วยการฆ่าใครบางคนเพียงเพราะบุคคลนั้นพูดบางอย่างผิดไป!” “ด้วยเหตุนี้ เขาจึงหยุดพยายามที่จะเสาะหาความช่วยเหลือ ด้วยความกลัวว่าเขาจะลงเอยด้วยการเข่นฆ่าคนบริสุทธิ์อีกคน ช่างน่าประหลาดแท้ ที่ว่าเขาพบคำตอบของคำถามของเขาเองในวันหนึ่ง ในช่วงเวลาการรู้แจ้งของเขา เขาผนึกกำลังของเขาไว้และกลับไปใช้ชีวิตปกติอย่างมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง เมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้น เขาก็ดูเหมือนกับชายชราผู้โดดเดี่ยว ท่านลอร์ดไม่ทำตัวให้เป็นจุดสนใจอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง แต่
“เฮ้ หวัดดี! พวกเราพบกันอีกแล้ว!” ฮาเวน เลิฟเวลล์ หนึ่งในผู้หญิงที่มีเสน่ห์กล่าว ขณะที่เธอโบกมือให้คนหนุ่มคนั้น “ใช่ แน่นอน…” เจอรัลด์ตอบกลับด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ขณะที่เขาปิดประตูด้านหลังเขา โดยวางกระเป๋าของเดินทางเขาไว้ตรงบริเวณที่กำหนดไว้เป็นพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยว จากนั้นเจอรัลด์ก็มุ่งหน้าไปยังโต๊ะว่างที่บังเอิญอยู่ติดกับโต๊ะของฮาเวนพอดี ขณะที่เจอรัลด์นั่งลง ฮาเวนก็พูดเสริม “คุณจำบทสนทนาเล็ก ๆ ของพวกเราบนรถไฟก่อนหน้านี้ได้ไหม? มันดีมากจนฉันอยากจะขอเบอร์ไลน์ของคุณด้วยซ้ำในที่นี้! ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่มีเคยคาดคิดเลยว่าจะพบคุณอีกครั้งเร็วขนาดนี้…ฉันคิดว่าการพบกันของพวกเราต้องถูกกำหนดมาจากฟากฟ้าแล้ว!” “พอได้แล้ว ฮาเวน เขามาที่นี่เพื่อทานอาหาร ดังนั้นอย่าไปรบกวนเขาอีกต่อไปเลย” ซารีนา พี่สาวของฮาเวนกล่าว ขณะที่เธอเตะเท้าของฮาเวนเบา ๆ โดยเตือนให้เธอมีมารยาทบ้าง “เธอพูดถูก ฮาเวน ทำไมเธอถึงจะขอเบอร์ไลน์ของเขาด้วยล่ะ?” ควินตินกล่าวเสริม เมื่อได้ยินแบบนั้น เจอรัลด์ก็เพียงแค่ส่ายหัวของเขาก่อนจะยิ้มขบขันแกมเหน็บแนม อย่างที่ฮาเวนพูดไป เจอรัลด์บังเอิญพบกับพี่น้องเลิฟเวลล์ทั้งสามคนก่อนหน้า
“สามีเหรอ?” พวกอันธพาลทั้งสามพูดขึ้นพร้อมกัน ขณะที่พวกเขาหันไปมองกันและกัน ทันใดนั้นความสับสนงุนงงของพวกเขาก็กลายเป็นการมุ่งร้ายอย่างรวดเร็วขณะที่พวกเขาเริ่มถลึงตามมองคนหนุ่มคนนั้น “เดี๋ยวนะ ฉันไม่ใช่สามีของเธอ!” คนหนุ่มคนนั้นตอบกลับขณะที่เขาโบกมือของเขาอย่างรวดเร็วด้วยความหวาดกลัว เมื่อได้ยินแบบนั้น ผู้หญิงคนนั้นก็พบว่าตัวเองกำลังกรอกตาอยู่ ขณะที่เธอคิดกับตัวเอง ‘แม่งเอ้ย! ใครจะขี้ขลาดได้มากขนาดนี้กัน?’ พวกอันธพาลเองก็หัวเราะลั่นขึ้นมาทันที ขณะที่หนึ่งในพวกเขากล่าว “ปรากฏว่าเธอก็ค่อนข้างฉลาดนะ สาวน้อย! พวกเราจะทำให้มั่นใจได้เลยว่าจะสอนบทเรียนที่ดีให้เธอในภายหลัง!” และในขณะที่พวกเขากำลังจะพุ่งเข้าใส่ทั้งสองคน คนหนุ่มคนนั้นก็หันหลังกลับ ทันใดนั้นเขาก็ชี้ไปยังทางเข้าของซอยก่อนจะตะโกนขึ้นมา “ตำรวจ!” ทันทีที่พวกเขาได้ยินแบบนั้น พวกอันธพาลที่กำลังเมาอยู่ทั้งสามคนก็หยุดชะงักทันทีและหันหลังให้ทั้งสองคน โดยนั่งยอง ๆ ลงหลังจากนั้นทันที พร้อมกับยกมือไว้หลังหัวของพวกเขา! “พ พวกเราจะไม่ทำอีกแล้วดังนั้นโปรดปล่อยพวกเราไปเถอะครับ!” เมื่อเห็นว่าพวกอันธพาลกำลังถูกทำให้วอกแวกในตอนนี้ ค
มื้อค่ำเหรอ? อย่างบังเอิญ เจอรัลด์เองก็คิดที่จะไปหาข้าวทาน เมื่อเขาวางแผนที่จะหนีไปจากเธอได้ในที่สุด “…ผมตกลง!” เจอรัลด์ตอบกลับด้วยการพยักหน้า เนื่องจากเขาจะถูกเลี้ยงมื้ออาหาร เขาก็อาจยอมรับข้อเสนอเพื่อประหยัดเงินได้เช่นกัน “คุณ!” ถึงแม้ มิสตี้ แซคชารีเพียงเสนอความคิดนี้ตามมารยาท แต่เธอก็ไม่ได้คาดหวังจริง ๆ ว่าเขาจะยอมรับข้อเสนอของเธอ การตอบสนองฉับพลันของเธอพิสูจน์เรื่องนั้นได้ ไม่ว่าจะยังไง ผู้หญิงก็มักจะชื่นชมบุคคลที่เป็นวีรบุรุษอยู่แล้ว และแม้เจอรัลด์ไม่ใช่วีรบุรุษในแนวทางดั้งเดิมอย่างแน่นอน แต่เธอก็ต้องยอมรับว่าเขาได้ช่วยเหลือเธอไว้จริง ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ค่อนข้างหล่อเหลา และสิ่งนั้นสิ่งเดียวก็ทำให้คนอื่น ๆ รวมถึงมิสตี้เอง ค่อนข้างหวั่นไหวง่าย ที่อยากจะทำความรู้จักเขาให้ดีขึ้นสักเล็กน้อย เมื่อออกนอกเส้นทางมา มิสตี้จึงนำเจอรัลด์ไปยังร้านอาหารใกล้เคียงที่พวกเขาได้ทาน และพูดคุยกันตลอดมื้อค่ำของพวกเขา ตามปกติแล้ว ในไม่ช้าพวกเขาก็ได้ทำความรู้จักกันและกันมากขึ้น “อย่างไรก็ตามช่างบังเอิญอะไรอย่างงี้ที่คุณเลือกสถานแห่งนี้เพื่อท่องเที่ยว!” มิสตี้กล่าว “แล้วทำไมล่ะ?” “เมื
จากนั้นเจอรัลด์ก็แกล้งทำเป็นเหมือนว่าเขาประหลาดใจต่อไปโดยพูดขึ้นมา “คุณเป็นพนักงานขายบางอย่างหรือเปล่า? คุณกระตุ้นความสนใจของผมสักพักแล้วนะ! ฮ่าฮ่า!” “…อะไรนะ? เฮ้ ฉันเป็นนักบัญชีที่ทำงานให้บริษัทภายใต้ตระกูลเลิฟเวลล์ต่างหาก รู้ไหม? โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทของฉันคือผู้จัดงานหลักสำหรับงานแลกเปลี่ยนประจำปี! และอีกครั้งนะ ฉันไม่มีเหตุผลที่จะต้องโกหกคุณ! คุณแค่รู้ไว้ว่าฉันเพียงแบ่งปันเรื่องทั้งหมดนี้กับคุณ ก็เพราะคุณช่วยฉันไว้เท่านั้น อย่าปล่อยข่าวนี้ไปทั่วล่ะ! แต่อีกนั่นแหละ มันก็ไม่เหมือนกับว่าจะมีคนเชื่อคุณอยู่ดี” มิสตี้ตอบกลับ ขณะที่เธอจิบเครื่องดื่มของตัวเอง “ดังนันเมื่อเห็นว่าคุณสนใจในงานนี้ คุณอาจจะอยากไปชมดูหรือเปล่า?” มิสตี้กล่าวเสริม “วิธีที่คุณพูดมันเกือบจะเหมือนแนะนำว่าผมสามารถไปสถานที่เช่นนั้นได้อย่างอิสระงั้นแหละ ผมค่อนข้างมั่นใจว่ามันจะไม่ได้ง่ายขนาดนั้นที่จะได้ตั๋วเข้างานมา ใช่ไหม?” เจอรัลด์ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ถูกต้อง แต่โชคดีสำหรับคุณ ฉันเป็นคนไม่ชอบติดหนี้น้ำใจใคร เนื่องจากคุณช่วยฉันไว้มากขนาดนี้แล้ว ฉันสามารถมอบตั๋วเข้างานให้คุณภายใต้เงื่อนไขที่ฉันจะตอบแทนความมีน
หลังจากทักทายกลับ จากนั้นมิสตี้ก็หันไปมองกลุ่มของเธอก่อนจะพูดขึ้น “มาแนะนำตัวกันก่อนดีกว่า นี่คือเจอรัลด์ และฉันได้รู้จักเขาเมื่อวานนี้ เขาค่อนข้างเป็นคนดี และเขายังช่วยฉันไว้อีกด้วยซ้ำ รู้ไหม?” “ฮึ่ม! เช่นนั้นนี่คือผู้ชายคนนั้นเองสินะ! ถ้าเขารู้ว่าพวกเราจะเข้าร่วมงานแลกเปลี่ยนสมบัติกัน งั้นทำไมถึงยังเลือกแต่งตัวแบบนี้ล่ะ?” หนึ่งในผู้หญิงคนอื่นพูดอย่างดูถูก ขณะที่เธอเอามือกอดอกไว้ ความเห็นของเธอมีสาเหตุจากข้อเท็จจริงที่ว่า งานแลกเปลี่ยนสมบัตินี้เป็นงานชุมนุมประเภทที่ส่วนใหญ่แล้วถูกสงวนไว้ให้สำหรับบุคคลที่มีเกียรติเท่านั้น เนื่องจากมีเพียงคนเหล่านั้นที่มีอำนาจและทรงอิทธิพลเท่านั้นที่ถูกคาดหวังให้เข้าร่วมงาน ชุดสูทและรองเท้าหนังจึงถือว่าเป็นมาตรฐานสำหรับงานเช่นนี้ เพราะเจอรัลด์เป็นคนเดียวที่แต่งกายเหมือนกับนักท่องเที่ยว มันจึงไม่แปลกที่ทำไมเพื่อน ๆ ของมิสตี้พบว่าเขาค่อนข้างน่าอับอายขายหน้า ไม่ใช่เธอคนเดียวเหมือนกัน เพื่อนของเธอหลายคนก็คิดเกี่ยวกับสิ่งเดียวกันนี้เช่นกัน “ไม่เป็นไรหรอก ใช่ไหม? พวกเราจะแค่สนุกไปด้วยกัน!” มิสตี้ตอบกลับ เธอที่ดูเหมือนไม่เข้าใจว่าเพื่อนของเธอไม่ชอบเ