เขาตกอยู่ในอาการตื่นตระหนก“.....”หลินหว่านหรูพูดไม่ออก แต่ในขณะที่เธอกำลังจะเซ็นปากกา เธอก็พูดว่า “ฉันไม่เซ็นแล้ว ยุ่งยากเกินจริง ๆ เลย เย่เทียนหยู่นายจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย ฉันยังมีธุระ”หลังจากพูดจบ หลินหว่านหรูก็เดินออกไปตามลำพังซูเหวินฮวาอยู่นิ่งตะลึงค้างอยู่กับที่เย่เทียนหยู่ยิ้มอย่างขมขื่น เห็นได้ชัดว่าเธอจะให้เขาเป็นคนรับมันเอาไว้ เพราะอย่างนั้น เขาเองจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำสัญญาลงนามในชื่อของเขา จากนั้นทำตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้องโดยได้รับความช่วยเหลือจากทนายความจากนั้น ซูเหวินฮวาก็ขอให้พวกเขาออกไปก่อน จากนั้นเขาก็คุกเข่าลงแล้วพูดว่า “พี่เย่ เหวินฮวาคนนี้ไม่มีอะไรมากพอจะตอบแทนน้ำใจของคุณได้”“แต่ขอแค่เหวินฮวาคนนี้ยังมีชีวิตอยู่ ผมจะไม่มีวันลืมความเมตตาอันยิ่งใหญ่ของคุณ อนาคตไม่ว่าจะเป็นคำสั่งไหน ได้โปรดสั่งผมได้เต็มที่เลยนะครับ”“คุณเนี่ยนะ เรื่องพวกนี้เคยบอกผมผ่านโทรศัพท์ไปแล้วนี่?”“ใช่ครับ แต่ผมรู้สึกแย่ที่ไม่ได้พูดต่อหน้า ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ ชีวิตนี้ของผมคงไม่มีหวังได้เชิดหน้าชูตาอีกแล้ว”“เอาล่ะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว คุณรีบลุกขึ้นเร็ว ๆ ถ้าใครมาเห็นผู
หลินหว่านหรูทิ้งเย่เทียนหยู่ไว้ในห้องประชุม แน่นอนว่าเธอหาทางหนีทีไร่ให้ตัวเองก่อนจะหนีไป และในที่สุดก็ปล่อยให้เย่เทียนหยู่เข้าถือหุ้นเป็นไปตามที่คาดไว้ เย่เทียนหยู่ลงนามในสัญญาอย่างเชื่อฟังและรับส่วนแบ่งหุ้น 20%ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมามีสิ่งดี ๆ เกิดขึ้นทีเรื่อง ทำให้เธอมีความสุขมากจริง ๆโดยเฉพาะการที่เธอสามารถแบ่งหุ้นของตัวเองให้กับเย่เทียนหยู่ได้นั้นถือเป็นสิ่งที่มีความสุขที่สุดสำหรับเธอในช่วงหลายวันมานี้แล้วหลินหว่านหรูกำลังนั่งอยู่พร้อมอารมณ์อันสุดจะปริ่มเปรม ขณะนั้นเองหลิวเหวินก็บุกเข้ามาในออฟฟิศด้วยความตื่นเต้น“หลิวเหวินเกิดอะไรขึ้น? ทำไมคุณดูอมทุกข์แบบนั้นล่ะ?”แน่นอนว่าหลินหว่านหรูสังเกตเห็นสภาพของหลิวเหวินเมื่อหลิวเหวินได้ยินแบบนั้น เธอก็พูดด้วยความตื่นเต้น “เป็นเรื่องดีมากเลยล่ะค่ะ ประธานหลิน เครื่องสำอางของเราเป็นที่นิยมมาก ขายกันไม่หวาดไม่หวั่น แถมร้านค้าตัวแทนจำหน่ายยังมาขอซื้อกันเพียบเลยนะคะ”หลินหว่านหรูตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและพูดด้วยความสับสน “เรายังมีเครื่องสำอางอะไรอีก? มีแค่เครื่องสำอางปัวเรต์ไม่ใช่เหรอ?”“ก็เครื่องสำอางปัวเรต์นี่ล่ะค่ะ”“เธอบอกว่าปัว
“สบายใจเหรอ?”“แบบนั้นไม่ได้นะ!”หลินหว่านหรูหัวเราะเบา ๆ และพูดว่า “เพราะเดี๋ยวคุณคงต้องเตรียมตัวสักหน่อย พรุ่งนี้เช้าฉันจะประกาศแต่งตั้งพวกคุณ”“อือ ฉันจะเตรียมตัวค่ะ”หลิวเหวินไม่รีรอและพยักหน้าเห็นด้วยทันทีขณะที่หลิวเหวินเดินจากไป หลินหว่านหรูก็เริ่มยุ่งกับงานของตัวเองแต่เธอกลับไม่รู้เลยว่าหลี่ว์ซิงเหอในเวลานี้ยังไม่สมัครใจยอมแพ้ เขาตั้งใจหาตัวผู้ถือหุ้นอีกสองคนที่สูญเสียหุ้นของตนมาเพื่อช่วยกันสร้างปัญหาที่แท้แล้ว หลังจากเหตุการณ์ครั้งสุดท้ายในบริษัทถูกเปิดเผย หลี่ว์ซิงเหอกลับไม่ได้อารมณ์เสีย หรือกระทั่งออกจะอารมณ์ดีเสียด้วยซ้ำ เพราะเขาหลุดพ้นจากปัญหาใหญ่มาได้ในขณะเดียวกัน เขารอให้ทุกคนเปิดเผยว่าเย่เทียนหยู่หลอกลวงผู้อื่นยังไง บริษัทได้มีผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ว่านั่น และเป็นไปไม่ได้ที่จะลบจุดด่างดำบนใบหน้าของทุกคนแต่คิดไม่ถึงเลยว่าหลินหว่านหรูกับเย่เทียนหยู่ได้เชิญแพทย์แผนจีนชั้นนำด้านการดูแลผิวจากที่ไหนก็ไม่รู้มารักษาทุกคนโดยใช้ยาจีนส่วนสาเหตุที่รู้ว่าเป็นยาจีนนั้น ก็เพราะพวกเขาตามหาตัวผู้เสียหาย จากนั้นก็ทำความเข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมดเรื่องนี้ทำให้ผู้เสียหายเชื่อกันสนิท
“ความเห็นอะไร?” เย่เทียนหยู่ถาม“บอกกันว่าปัญหาเกี่ยวกับเครื่องสำอางปัวเรต์ก่อนหน้านี้หลินซื่อกรุ๊ปสร้างขึ้นโดยเจตนาโดย เพื่อจุดประสงค์ในการประชาสัมพันธ์ การขายและการโปรโมตเครื่องสำอางของพวกเขาครับ”“ยิ่งกว่านั้นหลินซื่อกรุ๊ปไม่มีสิ่งที่ทุกคนเรียกกันว่าเครื่องสำอางวิเศษนั่น และทุกคนก็ตกอยู่ภายใต้การควบคุม”“ตอนนี้เรื่องนี้ถูกส่งต่อกันไปมากมาย ดึงดูดการต่อต้านจากผู้คนจำนวนมากในทันที”“สิ่งที่สำคัญที่สุดคืออีกฝ่ายดูเหมือนจะคุ้นเคยกับแผนและความคืบหน้าของเครื่องสำอางปัวเรต์เป็นอย่างดี เพราะพวกเขาเปิดเผยว่าไม่มีโครงการผลิตภัณฑ์ใหม่อะไรอย่างที่แจ้ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผลิตภัณฑ์ครับ”“มีกระท่งภาพหน้าจอของเอกสารภายในบริษัทด้วย ถ้าให้เดาไม่ผิด เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคนวงในของหลินซื่อกรุ๊ปอย่างแน่นอน”“และหากเราหากคำนึงถึงสถานการณ์ทั้งหมดแล้ว มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มีสิทธิ์ทำเรื่องแบบนี้ได้มากที่สุด และปัจจุบันเขาก็เป็นคนเดียวที่มีความสามารถที่จะผลักดันการกระทำแบบนี้ได้ครับ”“หลี่ว์ซิงเหอ!” เย่เทียนหยู่รับคำด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ใช่ เป็นเขาครับ ผมได้จัดให้คนของผมจับตาดูเขาอย่างใกล้ชิดแล้ว หา
คุณแม่ตระกูลหลินดึงเธอเข้ามาแล้วถามว่า “หว่านหรู กิจการของบริษัทคลี่คลายแล้วหรือยัง?”“ไม่มีปัญหาแล้วค่ะ ครั้งนี้ต้องขอบเย่เทียนหยู่จริง ๆ” หลินหว่านหรูอยากให้พ่อแม่ของเธอประทับใจต่อตัวเย่เทียนหยู่มากขึ้น เธอก็เลยบอกพวกเขาเป็นพิเศษแต่คุณแม่ตระกูลหลินดูถูกเหยียดหยามและพูดว่า “ขอบคุณเขา เขาแค่เชื่อฟังคำสั่งของคุณ”“ไม่อย่างนั้น ด้วยความสามารถอันน้อยนิดของมันก็คงไร้ประโยชน์โง่เง่า”“แม่ แม่เข้าใจผิดแล้วนะ!”หลินหว่านหรูอธิบายต่อ “จริง ๆ แล้ว ทุกอย่างในวันนั้นเขาทำเอง หนูไม่ได้เป็นคนแนะนำอะไรเขาเลยนะคะ ที่เขาพูดแบบนั้นก็เพื่อให้ทุกคนในบริษัทเกรงกลัวและเคารพหนู”“ไร้สาระ!”“ไร้สาระทั้งเพ!”“หลินหว่านหรู นี่ลูกกำลังพยายามหลอกให้แม่เป็นเหมือนคนโง่เพื่อที่จะแต่งงานกับไอ้เด็กเหลือขอนั่นอย่างงั้นเหรอ?”“ลูกคิดว่ามันเป็นผู้วิเศษหรือไงกัน? ก็แค่ขอทานคนเดียว ถ้ามีความสามารถมากขนาดนั้นทำไมยังต้องผลักไปให้คนอื่นด้วย!”คุณแม่ตระกูลหลินโต้กลับเสียงดัง เธอไม่เชื่อคำพูดของหลินหว่านหรูเลยสักคำ“สิ่งที่หนูพูดเป็นความจริงนะ!” หลินหว่านหรูตะโกนด้วยความโกรธ“แม่ว่านะยังไงลูกก็ต้องโกหกแม่อยู่แน่”
หลังจากที่เย่เทียนหยู่วางสาย เขาก็ขับรถไปที่โรงแรมเทียนเหอทันที เขาต้องพบกับเฉินเฟยเฟยก่อนจึงจะวางแผนก้าวต่อไปสำหรับผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ เขาจะให้อีกฝ่ายได้รู้แน่ว่าความสิ้นหวังที่แท้จริงมันเป็นยังไงในขณะเดียวกัน เฉินเฟยเฟยกับจางผิงต่างก็กำลังตั้งตารอเย่เทียนหยู่อย่างกระวนกระวายใจเช่นกัน“ผิงผิง คุณคิดว่าเขาทำได้จริงรึเปล่า” เฉินเฟยเฟยอดไม่ได้ที่จะถาม เพราะเธอผิดหวังมาหลายครั้งแล้ว“คุณดูสิว่าเขาแข็งแกร่งแค่ไหน ฉันคิดว่าเขาไม่น่าจะโกหกนะ ฉันคิดว่าเขาทำได้จริง ๆ ค่ะ”อันที่จริงจางผิงเองก็ไม่แน่ใจเช่นกันแต่เพื่อให้กำลังใจเฉินเฟยเฟย เธอจึงจงใจบอกว่ามันต้องได้ผลแน่“ก็ดี ฉันหวังว่ามันจะไม่ทำให้เราต้องผิดหวังอีกครั้งนะ”เฉินเฟยเฟยพึมพำในขณะที่พูด ก็มีคนเคาะประตู ดวงตาของเฉินเฟยเฟยเป็นประกายและเธอก็พูดว่า “เขาน่าจะมาแล้วล่ะ”“อือ ฉันจะเปิดประตู!”จางผิงลุกขึ้นยืนทันที แต่ทันทีที่เธอเปิดประตู เธอก็เห็นผู้ชายหลายคนที่มีท่าทางดุร้ายและมีผู้หญิงอีกคนอยู่ข้าง ๆผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ใครอื่น หากแต่เป็นพี่จงหรือก็คือจงเหล่ย คนที่มีปัญหาไม่ลงรอยกับพวกเธอจงเหล่ยมองดูจางผิงด้
และอย่างที่สองก็เพื่อแบล็กเมล์ตอนนั้นเธอได้โกงเงินจำนวนมากของเฉินเฟยเฟยไป แต่เธอก็ใช้มันเกือบจะหมดไปกับการเป็นคนเลี้ยงดูผู้ชาย และตอนนี้เธอต้องการเงิน“ห้าล้าน?”“จงเหล่ย นี่เธอคิดว่าตอนนี้ฉันยังมีเงินได้มากขนาดนั้นรึไง?” เฉินเฟยเฟยโกรธจัดและถามด้วยความโกรธ“ฉันไม่สนใจ ถ้าแกหาเงินไม่ได้ ฉันจะขายยัยนี่ซะ”“ส่วนแกน่ะ ก็ถือเป็นรางวัลให้พวกเขาแล้วกัน ฉันเชื่อว่าพวกเขาต้องชอบแน่” จงเหล่ยพูดอย่างชั่วร้ายหลังจากพูดจบ ดวงตาของกลุ่มชายฉกรรจ์ก็เป็นประกายขึ้นมาทันทีแม้ว่าใบหน้ากว่าครึ่งของเฉินเฟยเฟยจะได้รับบาดเจ็บและน่าเกลียด แต่ผิวของเธอก็สวยและน่าดึงดูดอย่างยิ่ง รูปร่างของเธอก็ยอดเยี่ยมมาก และขาที่ยาวของเธอก็เรียวและมีเสน่ห์มากแม้ว่าใบหน้าของเธอจะถูกปกปิดอยู่ แต่มันก็ยังเพียงพอที่จะทำให้ผู้คนหลงใหลถ้าเขาเอาผู้หญิงแบบนี้มาเล่นด้วย ผู้ชายคนไหนจะไม่ชอบความจริงก็เป็นเช่นนี้ รูปร่างหน้าตาของเฉินเฟยเฟยไม่ได้รับความเสียหาย ผู้ชายนับไม่ถ้วนมองว่าเธอเป็นนางฟ้าที่บริสุทธิ์ของพวกเขา เพียงแต่พวกเขาได้แต่โหยหา แต่ไม่อาจคว้ามันมาครอบครองเฉินเฟยเฟยโกรธมากกับสิ่งที่เธอพูด เธอจึงเอ่ยปากพูดด้วย
คำพูดดังกล่าวทำให้ใบหน้าของเฉินเฟยเฟยซีดลง เธอรู้ว่าจงเหล่ยรู้จักผู้มีอำนาจมากมาย แต่เธอไม่คิดเลยว่าเธอจะเชิญมาได้แม้แต่คนของพรรคมังกรดำแน่นอนว่าเธอรู้ว่าพรรคมังกรดำนั้นทรงพลังแค่ไหนในสถานการณ์แบบนี้ ต่อให้เย่เทียนหยู่มาเองก็คงมีแต่จุดจบคือความตายเท่านั้นครั้งนี้ ก็เท่ากับว่าเธอทำร้ายเย่เทียนหยู่น่ะสิ?เมื่อเห็นท่าทางหวาดกลัวของเฉินเฟยเฟย จงเหล่ยก็ค่อย ๆ หยิ่งผยองมากกว่าเก่า “ตอนนี้แกคงเข้าใจแล้วสินะ ว่าไอ้ขยะอย่างเย่เทียนหยู่จะไม่มาก็ได้ แต่ถ้ามันมาแล้ว ฉันก็จะให้มันได้รับรู้ว่าอะไรที่เรียกว่าอยู่ไม่สู้ตาย”“จริงเหรอ?”“ผมว่าผมยังไม่เคยมีประสบการณ์ที่ทำให้รู้สึกอยู่ไม่สู้ตายมาก่อนเลยนะ”ในตอนนั้นเอง มีเสียงผู้ชายดังมาจากทางประตูทันทีที่เธอได้ยินเสียงนี้ ดวงตาของเฉินเฟยเฟยก็เปล่งประกายขึ้นมาทันที เธอประหลาดใจมากเขามาแล้ว!นาทีวิกฤติแบบนี้ เขามาแล้วจริง ๆ!แต่ในไม่ช้า พวกเขาก็ดูกังวลมากอีกครั้ง เพราะมีเพียงไม่กี่คนที่บอกว่าพวกเขามาจากพรรคมังกรดำถ้าเย่เทียนหยู่มาตอนนี้ก็เหมือนเป็นการทำร้ายเขาน่ะสิ?จางผิงก็ตกตะลึงเช่นกัน เธอถูกปิดปากและพูดอะไรไม่ได้ เลยทำได้แค่ร้อนใจ จนถ
ซุนซวี่หัวเราะเยาะอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะก้าวไปข้างหน้าด้วยท่าทางดุดัน “ไอ้หนู แกรอก่อนเถอะ แกจะต้องเสียใจในสิ่งที่ทำลงไปในวันนี้อย่างแน่นอน”“พอถึงตอนนั้น ก็อย่ามาอ้อนวอนขอความเมตตาก็แล้วกัน ฮ่า ๆ......”ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของซุนซวี่ บวกกับคำพูดเหล่านั้น หลินจื่อตงยังไม่ทันจะพูดอะไร สวี่เจียเจียก็เริ่มได้สติ สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล “พ่อคะ นี่พ่อ......”“เจียเจีย เรื่องถัดจากนี้ ไม่ใช่สิ่งที่พ่อจะสามารถจัดการได้ เขาเพิ่งบอกว่าเขาสามารถปกป้องตัวเองได้ใช่ไหม เช่นนั้นต่อไปก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเขาแล้ว” พ่อตระกูลสวี่พูดขัดขึ้นมา“จะดูความสามารถอะไรกัน เขาเป็นแค่คนที่มาจากครอบครัวธรรมดา จะเอาอะไรไปสู้กับตระกูลซุนได้” สวี่เจียเจียพูดด้วยความร้อนใจ“เจียเจีย ไม่ต้องพูดอีกแล้ว ตระกูลซุนมีการดำรงอยู่แบบไหน ลูกก็เข้าใจดี พ่อของลูกสามารถทำได้ถึงขนาดนี้ ก็ถือว่าทุ่มความสามารถทั้งหมดที่มีของตระกูลสวี่แล้ว”คุณแม่ตระกูลสวี่พูดขึ้น พร้อมส่ายหัวว่า “หลังจากนี้ ก็ต้องดูที่ตัวเขาแล้วล่ะ หากเขาสามารถมีชีวิตรอดได้ แม่ก็จะสนับสนุนให้พวกลูกคบกัน”“ยิ่งไปกว่านั้น ทันทีที่พวกลูกสองค
“ยินดีครับ!”“ต่อให้จะต้องตาย ผมก็จะอยู่กับเธอ ขอให้คุณลุงสบายใจได้ ถึงไม่มีตระกูลสวี่ พวกเราก็สามารถปกป้องเจียเจียได้เช่นกัน”หลินจื่อตงนึกถึงพี่เขยของตน พี่เขยของเขาเป็นถึงราชามังกร“พูดจาใหญ่โตไม่อายปาก คนอย่างแกที่แค่มากจากครอบครัวขยะในเมืองเทียนไห่ จะเอาอะไรมาเผชิญหน้ากับตระกูลซุนของฉัน” ซุนซวี่อดไม่ได้ที่จะพูดจาเย็นชาออกมาเพราะเขารู้สึกว่าท่าทีของคุณพ่อตระกูลสวี่เริ่มมีบางอย่างแปลกไปหลินจื่อตงที่กำลังจะตอบ แต่พ่อตระกูลสวี่กลับพูดออกมาทันทีว่า “ดีมาก หลินจื่อตง แค่เธอมีจิตใจที่มั่นคงแบบนี้ ฉันก็จะสนับสนุนเอง!”เมื่อคำนี้ถูกพูดออกมา ทุกคนต่างก็อึ้งไปชั่วขณะไม่มีใครคาดคิดว่า พ่อตระกูลสวี่จะตัดสินใจในทางที่คิดไม่ถึงอย่างกะทันหันแบบนี้ แม้แต่สมาชิกในตระกูลสวี่เองก็คิดไม่ถึงเช่นกัน อาจเป็นเพราะวิดีโอเมื่อสักครู่นี้หรือเปล่า?สวี่เจียเจียก็รู้สึกงงงวยไปชั่วขณะ เพราะแม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลย“พี่ใหญ่!”สวี่อี้อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา “พี่กำลังทำอะไรอยู่ ทำแบบนี้ พี่คิดจะให้ตระกูลสวี่ไม่เหลือจุดยืนเลยรึไง?”สวี่กวงเองก็อยากจะเชื่อหูตัวเองเช่นกัน และรีบพูดออกไปว่
ทุกคนต่างตกใจเล็กน้อย พ่อตระกูลสวี่เองก็เช่นกัน แต่เขาก็ยังคงรับมันมาอยู่ดี เพียงแต่ทันทีที่เขาเห็นเนื้อหาข้างในวิดีโอ สีหน้าก็เปลี่ยนไปจนดูน่าเกลียดมากประเด็นสำคัญคือไม่ได้มีผู้หญิงเพียงคนเดียว ซุนซวี่แทบจะเปลี่ยนเป็นคนวิปริตไปโดยสิ้นเชิง ก่อนหน้านี้ได้ยินแค่ว่าในช่วงวัยหนุ่มของซุนซวี่นั้น เขาเป็นคนที่เจ้าชู้มาก จึงคิดว่าเขาอาจจะพอแก้ไขได้ แต่คิดไม่ถึงว่าจะเลวร้ายได้ถึงขนาดนี้ในขณะเดียวกันแม่ตระกูลสวี่เองก็ลุกขึ้นเช่นกัน ทันทีที่เห็นฉากเหล่านั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไป แม้ว่าพ่อตระกูลสวี่จะรีบปิดวิดีโอเร็วแค่ไหน แต่สายตาของเธอก็กลับมั่นคงอย่างเห็นได้ชัดไม่ว่าอย่างไร ก็ห้ามให้ลูกสาวแต่งงานกับคนอย่างซุนซวี่เด็ดขาดเพราะไม่เช่นนั้น ลูกสาวก็ต้องจะถูกย่ำยีเป็นแน่พ่อตระกูลสวี่รีบลบวิดีโอทันที ก่อนที่จะส่งคืนให้กับเย่เทียนหยู่ พร้อมกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า “ขอบคุณสำหรับวิดีโอ แต่ฉันได้ลบวิดีโอพวกนั้นไปแล้ว และหวังว่าจะไม่มีการสำรองข้อมูลเอาไว้นะ”พูดถึงตรงนี้ เขาก็มองไปที่ซุนซวี่ และกล่าวเตือนขึ้นว่า “เพราะไม่อย่างนั้น แม้แต่พระเจ้าก็ช่วยไม่ได้!”เย่เทียนหยู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ทุกคนต่างก็นิ่งไปชั่วขณะ เจ้าหนุ่มนี่มาจากไหนกัน เขารู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่แม้แต่สวี่เจียเจียเองก็ยังตกใจ นี่ใครกัน เธออดไม่ได้ที่จะมองไปทางหลินจื่อตงด้วยความสงสัย หลินจื่อตงจึงรีบอธิบายออกไปว่า “เขาคือพี่เขยของฉันเอง”ทันทีที่สวี่เจียเจียได้ยิน เธอก็ชะงักไปครู่หนึ่ง นี่คือพี่เขยที่คนในตระกูลหลินพูดถึงงั้นเหรอ ท่าทีก็เหมือนจะไม่ได้น่ากลัวอะไรขนาดนั้น ดูเหมือนคนธรรมดาที่เข้าถึงได้ง่ายมากกว่าสวี่กวงทนไม่ได้อีกต่อไป เขาหัวเราะเยาะ และพูดขึ้นว่า “ไอ้หนู แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร ที่นี่มีพื้นที่ให้แกออกความเห็นรึไง?”“แน่นอนว่าต้องมีสิ!”“ฉันขอแนะนำตัวหน่อยก็แล้วกัน ฉันชื่อเย่เทียนหยู่ เป็นพี่เขยของหลินจื่อตง ที่มาในวันนี้ ก็ไม่ได้ต้องการที่จะมาพาตัวสวี่เจียเจียไป”เย่เทียนหยู่ไม่สนใจท่าทีดูถูกและความไม่พอใจของคนอื่น ๆ เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า “แต่เพื่อเป็นการทดสอบดูว่า สวี่เจียเจีย เหมาะสมกับจื่อตงหรือไม่ต่างหาก”ทุกคนที่ได้ยินเช่นนั้น ต่างก็พูดไม่ออกกันหมดแกรู้ไหมว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร?ดูเหมือนว่าเด็กคนนี้ยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองยังเด็กอยู่ แถมยังพูดออก
“พ่อคะ หรือว่าพ่อไม่เคยสนใจอนาคตของหนูเลยอย่างนั้นเหรอคะ ถึงได้บังคับหนูแบบนี้?” สวี่เจียเจียกล่าวทั้งน้ำตา พร้อมกับจ้องไปทางพ่อด้วยความโกรธสีหน้าพ่อตระกูลสวี่ดูไม่พอใจมากนัก แต่นี่คือความหมายของครอบครัว เขาทำไปก็เพื่อครอบครัว เพราะไม่อย่างนั้น ผลที่จะตามมาจากการรุกรานของตระกูลซุนคงจะน่ากลัวมาก ๆ เขาจึงพูดอย่างจำใจว่า “พ่อไม่ได้บังคับลูก แต่คุณชายซุนเป็นคนที่ดีที่สุดสำหรับลูก”“ใช่แล้ว เจียเจีย คุณชายซุนทั้งหล่อเหลาและมีความสามารถ สาว ๆ จากตระกูลใหญ่ในเมืองตะวันออกมากมายอยากแต่งงานกับเขา แต่ก็ไม่มีโอกาส เธออย่าไปหลงเชื่อคนไร้ค่าแบบนั้นเอาได้ล่ะ” สวี่อี้พูดเสริมขึ้นทันที“นั่นสิ เจียเจีย ตระกูลหลินเป็นเพียงตระกูลเล็ก ๆ หลินจื่อตงก็ยิ่งเป็นแค่ขยะ หากเธอต้องไปอยู่กับมัน ชาตินี้คงไม่มีวันได้เห็นแสงสว่างแน่”สวี่กวงเองก็รีบพูดขึ้นมาด้วยเช่นกันแต่สวี่เจียเจียกลับส่ายหัว แล้วพูดออกไปว่า “ฉันไม่สน ฉันแค่ชอบพี่ตง ฉันต้องการแต่งงานกับเขา!”เย่เทียนหยู่เองก็แอบรู้สึกประหลาดใจ คิดไม่ถึงเลยว่า หลินจื่อตง จะโชคดีขนาดนี้ สามารถทำให้หญิงสาวที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้หลงใหลในตัวเองได้หลินหว่า
หูของเย่เทียนหยู่ค่อนข้างไวต่อเสียง เพิ่งจะเดินเข้ามาที่ประตูห้องโถง ก็ได้ยินคำพูดของคุณแม่ตระกูลซุนพูดขึ้นทันที ดังนั้นเขาจึงพูดออกมาดัง ๆ จากประตูว่าพวกเขามีความเห็นต่างทันทีที่พวกเขาพูดจบ ไม่นานก็เดินตรงเข้ามาทุกคนต่างก็ตกใจเล็กน้อย ในช่วงเวลาแบบนี้ใครกันจะกล้าพูดจาไร้สาระ หรือกล้าคัดค้านบ้าง เพราะเหตุนี้จึงทำให้ทุกคนต่างก็หันไปมองพร้อมกัน และเห็นว่ามีคนสามคนยืนอยู่ตรงประตูโดยเฉพาะสวี่เจียเจีย ทันทีที่เธอเห็น เธอก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไป เธอลุกขึ้นยืนในทันที และตะโกนด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่ตง!”ทันทีที่สวี่กวนเห็นคนที่เดินเข้ามา เขาก็รู้สึกโกรธขึ้น สีหน้าดูซีดเซียว เขาคิดไม่ถึงเลยว่า หลินจื่อตงจะกล้าบุกเข้ามาในบ้านตระกูลสวี่เพื่อแย่งคนจริง ๆนี่เท่ากับว่าเขาไม่สนใจคำขู่ของตนโดยสิ้นเชิง ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยสักนิด จนแทบจะทำให้เขาหมดความอดทนแต่ในขณะเดียวกัน น้องชายของพ่อตระกูลสวี่ สวี่อี้ก็รู้สึกโกรธมาก แล้วพูดอย่างเย็นชา“พวกแกเป็นใครกัน ถึงกล้าบุกเข้ามาพูดจาไร้สาระในบ้านตระกูลสวี่ของฉันแบบนี้?”“อารองครับ มันก็คือคางคกที่เพ้อฝันอยากกินเนื้อหงส์ หลินจ
ตระกูลสวี่ก็ถือว่าพอมีอิทธิพลอยู่จริง ๆ แต่ถ้าหากเทียบกับสี่ตระกูลใหญ่แล้ว ความแตกต่างนั้นก็ค่อนข้างจะห่างชั้นอยู่พอสมควรหลายคนในตระกูลสวี่ โดยเฉพาะน้องชายของพ่อตระกูลสวี่ สวี่อี้ และลูกชายของเขา สวี่กวง ต่างก็มีความปรารถนาที่จะเข้าใกล้ตระกูลซุน เพียงเท่านี้ ก็จะทำให้อิทธิพลของตระกูลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และพวกเขาเองก็จะได้รับประโยชน์อย่างมากเช่นกันเพียงแต่สีหน้าของคุณแม่ตระกูลสวี่ดูไม่ค่อยดีนัก เพราะเธอรู้ว่าลูกสาวตนชอบหลินจื่อตง ครั้งที่แล้วก็เป็นเธอที่แอบปล่อยสวี่เจียเจียไปอย่างลับ ๆ เพื่อให้เธอได้ไปหาหลินจื่อตงที่เมืองเทียนไห่แม้ว่าพ่อตระกูลสวี่จะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่เพื่อครอบครัวแล้ว เขาจำเป็นต้องยอมรับสิ่งเหล่านี้สวี่เจียเจียก้มหน้า และกดตัวอักษรบนหน้าจอโทรศัพท์อย่างไม่หยุดหย่อน เธอกำลังส่งข้อความหาหลินจื่อตงแต่หลังจากที่ส่งข้อความไปหลายข้อความ หลินจื่อตงก็ยังไม่ตอบเธอเลยสักข้อความ อีกทั้ง ตอนนี้การสนทนาระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ใกล้จะจบลงแล้ว เขากลับยังไม่ปรากฏตัวสิ่งนี่ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจมากนักแม้เธอจะรู้ว่าครอบครัวของหลินจื่อตงไม่ได้มีความสามารถ แทบจะไม่มีวิธีเลยด
เมื่อคุณแม่ตระกูลหลินได้ยินเสียง ก็ตกใจขึ้นมาทันทีพอหันไปมองก็เห็นว่าเย่เทียนหยู่กำลังเดินมา สีหน้าดูตื่นตระหนกเล็กน้อย และพูดติดอ่างขึ้นว่า “เทียนหยู่ เธอมาแล้วเหรอ ฉะ ฉันก็พูดมั่ว ๆ ไปอย่างั้นแหละ เธออย่าเก็บมาใส่ใจเลยนะ”“ฮึ ๆ!”เย่เทียนหยู่หัวเราะฮึ ๆ ออกมา ครั้งนี้เขาเปลี่ยนเป็นรถอีกคัน บางทีอาจเป็นเพราะเหตุนี้ คุณแม่ตระกูลหลินจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นล่ะมั้งแต่เขาก็ขี้เกียจที่จะสนใจ และพูดอย่างเฉยเมยไปว่า “หว่านหรู จื่อตง รีบขึ้นรถเถอะ”เมื่อหลินจื่อตงและหลินหว่านหรูได้ยินแบบนั้น ก็รีบเดินไปที่รถเพื่อเตรียมขึ้นรถในทันที“จื่อตง นายมาขับรถ” เย่เทียนหยู่หยิบกุญแจรถโยนให้กับหลินจื่อตงทันทีหลินจื่อตงพยักหน้า แล้วถือกุญแจเดินขึ้นรถไปเขาหวังเอาไว้อยู่แล้วว่าจะได้เป็นคนขับ แบบนั้นเขาก็จะสามารถเพิ่มความเร็วได้ดั่งใจ เพราะเขาเป็นคนที่ชื่นชอบการแข่งรถมาก และทักษะการขับขี่ของเขาก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับเขาแล้ว พี่เขยจะต้องขับรถได้แย่มากแน่นอนคุณแม่ตระกูลหลินเดินตรงเข้าไป พร้อมกับเปิดประตูรถ เพื่อที่จะขึ้นไปด้วย เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ในฐานะผู้อาวุโส เธอรู้สึกว่า ยังไ
หม่าจวิ้นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและรีบพูดทันทีว่า “สภาพร่างกายของผมยอดเยี่ยมมาแต่เด็ก ผมไม่จำเป็นต้องฝึกหรอกครับ”“ผมบอกว่าต้องก็ต้อง จะไปมั้ย” เย่เทียนหยู่ถาม“ไปครับ!”หม่าจวิ้นจะไม่คว้าโอกาสแบบนี้เอาไว้ได้ยังไง เขาจึงตอบกลับทันทีเย่เทียนหยู่แจ้งหมายเลขโทรศัพท์และชื่อของหยางผั่วจวินให้เขาทันที จากนั้นเขาก็โทรหาหยางผั่วจวินและเล่าความเป็นมาให้เขาฟังแม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถติดตามราชามังกร แต่เขาก็เป็นได้เป็นลูกกระจ๊อกคนหนึ่งแล้ว ต่อไปในอนาคตเขายังมีโอกาสอีกมากใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มกับความตื่นเต้นอันไม่อาจควบคุมเมื่อหลิวเมิ่งเห็นว่าเย่เทียนหยู่คุยกำลังว่าง่าย เธอก็พูดทันที “พี่เขย เรื่องพี่สาว...”“ผมพูดไปแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรอีก”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ดึกแล้ว ผมจะไปพักผ่อน ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็รีบกลับไปเถอะ” หลิวเมิ่งทำอะไรไม่ถูก หมายความว่าไงถ้าไม่มีอะไรแล้ว เธอก็พูดอยู่ตลอดว่ามีเรื่องนี่ แต่เขาเองที่ไม่ยอมฟังดูเหมือนคราวนี้พี่เขยตั้งใจจะออกจากตระกูลหลินอย่างแน่วแน่ แล้วลูกพี่ลูกน้องของเธอจะทำยังไงดีภายใต้ความสิ้นหวัง หลิวเมิ่งจากไปพร้อมกับหม่าจวิ้น หลังจากก