และอย่างที่สองก็เพื่อแบล็กเมล์ตอนนั้นเธอได้โกงเงินจำนวนมากของเฉินเฟยเฟยไป แต่เธอก็ใช้มันเกือบจะหมดไปกับการเป็นคนเลี้ยงดูผู้ชาย และตอนนี้เธอต้องการเงิน“ห้าล้าน?”“จงเหล่ย นี่เธอคิดว่าตอนนี้ฉันยังมีเงินได้มากขนาดนั้นรึไง?” เฉินเฟยเฟยโกรธจัดและถามด้วยความโกรธ“ฉันไม่สนใจ ถ้าแกหาเงินไม่ได้ ฉันจะขายยัยนี่ซะ”“ส่วนแกน่ะ ก็ถือเป็นรางวัลให้พวกเขาแล้วกัน ฉันเชื่อว่าพวกเขาต้องชอบแน่” จงเหล่ยพูดอย่างชั่วร้ายหลังจากพูดจบ ดวงตาของกลุ่มชายฉกรรจ์ก็เป็นประกายขึ้นมาทันทีแม้ว่าใบหน้ากว่าครึ่งของเฉินเฟยเฟยจะได้รับบาดเจ็บและน่าเกลียด แต่ผิวของเธอก็สวยและน่าดึงดูดอย่างยิ่ง รูปร่างของเธอก็ยอดเยี่ยมมาก และขาที่ยาวของเธอก็เรียวและมีเสน่ห์มากแม้ว่าใบหน้าของเธอจะถูกปกปิดอยู่ แต่มันก็ยังเพียงพอที่จะทำให้ผู้คนหลงใหลถ้าเขาเอาผู้หญิงแบบนี้มาเล่นด้วย ผู้ชายคนไหนจะไม่ชอบความจริงก็เป็นเช่นนี้ รูปร่างหน้าตาของเฉินเฟยเฟยไม่ได้รับความเสียหาย ผู้ชายนับไม่ถ้วนมองว่าเธอเป็นนางฟ้าที่บริสุทธิ์ของพวกเขา เพียงแต่พวกเขาได้แต่โหยหา แต่ไม่อาจคว้ามันมาครอบครองเฉินเฟยเฟยโกรธมากกับสิ่งที่เธอพูด เธอจึงเอ่ยปากพูดด้วย
คำพูดดังกล่าวทำให้ใบหน้าของเฉินเฟยเฟยซีดลง เธอรู้ว่าจงเหล่ยรู้จักผู้มีอำนาจมากมาย แต่เธอไม่คิดเลยว่าเธอจะเชิญมาได้แม้แต่คนของพรรคมังกรดำแน่นอนว่าเธอรู้ว่าพรรคมังกรดำนั้นทรงพลังแค่ไหนในสถานการณ์แบบนี้ ต่อให้เย่เทียนหยู่มาเองก็คงมีแต่จุดจบคือความตายเท่านั้นครั้งนี้ ก็เท่ากับว่าเธอทำร้ายเย่เทียนหยู่น่ะสิ?เมื่อเห็นท่าทางหวาดกลัวของเฉินเฟยเฟย จงเหล่ยก็ค่อย ๆ หยิ่งผยองมากกว่าเก่า “ตอนนี้แกคงเข้าใจแล้วสินะ ว่าไอ้ขยะอย่างเย่เทียนหยู่จะไม่มาก็ได้ แต่ถ้ามันมาแล้ว ฉันก็จะให้มันได้รับรู้ว่าอะไรที่เรียกว่าอยู่ไม่สู้ตาย”“จริงเหรอ?”“ผมว่าผมยังไม่เคยมีประสบการณ์ที่ทำให้รู้สึกอยู่ไม่สู้ตายมาก่อนเลยนะ”ในตอนนั้นเอง มีเสียงผู้ชายดังมาจากทางประตูทันทีที่เธอได้ยินเสียงนี้ ดวงตาของเฉินเฟยเฟยก็เปล่งประกายขึ้นมาทันที เธอประหลาดใจมากเขามาแล้ว!นาทีวิกฤติแบบนี้ เขามาแล้วจริง ๆ!แต่ในไม่ช้า พวกเขาก็ดูกังวลมากอีกครั้ง เพราะมีเพียงไม่กี่คนที่บอกว่าพวกเขามาจากพรรคมังกรดำถ้าเย่เทียนหยู่มาตอนนี้ก็เหมือนเป็นการทำร้ายเขาน่ะสิ?จางผิงก็ตกตะลึงเช่นกัน เธอถูกปิดปากและพูดอะไรไม่ได้ เลยทำได้แค่ร้อนใจ จนถ
“ที่แกส่ายหน้าแกหมายความว่ายังไง?”“ก็หมายความว่าคุณไม่เพียงแต่น่าขยะแขยง แต่ยังโง่บรมด้วยยังไงล่ะ” เย่เทียนหยู่เอ่ยเสียงเรียบจางผิงและเฉินเฟยเฟยตกตะลึง พวกเธอเพิ่งบอกเขาไปเองว่าอีกฝ่ายมาจากพรรคมังกรดำ แต่ท่าทางของคุณชายเย่ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยคุณชายเย่อาจไม่รู้ว่าพรรคมังกรดำทรงพลังแค่ไหนแต่คำพูดนั้นจะต้องทำให้ผู้คนโกรธแน่แน่นอนว่าความโกรธของคนพวกนั้นปะทุขึ้นมาทันที ก่อนจะพูดด้วยความโกรธ “พี่จง ไอ้เด็กเวรนั่นน่ารังเกียจเป็นบ้า ผมทนไม่ไหวแล้วนะ”“ในเมื่อมันไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง แล้วทำไมยังต้องทนอีก ไปจัดการมันซะ แต่ฉันบอกแล้วนะ ว่าต้องให้มันอยู่ไม่สู้ตายน่ะ”“งั้นต้องให้มันได้พักผ่อนสักหน่อย!”“เพราะงั้น พวกแกอย่าทำมันตายล่ะ!”จงเหล่ยพูดอย่างเย็นชา“เอาล่ะ เจ้าหนู แกกำลังรนหาที่ตาย วันนี้เราจะให้แกได้รู้ว่าปรมาจารย์ที่แท้จริงคืออะไร”พี่เทาเยาะเย้ยและโบกมือให้ชายคนหนึ่งลงมือทันทีกลุ่มชายฉกรรจ์เต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธที่ถูกดูหมิ่นเช่นนี้ต่อสาวสวย ทันทีที่ชายคนหนึ่งพูดจบ เขาก็รีบวิ่งเข้ามาพร้อมหมัดอันรุนแรงฉันต้องบอกว่าพวกเขาฉลาดจริง ๆ ถ้าเจอกับคนธรรมดา การสู้กับคนสองหรือส
ในขณะนี้ แม้แต่เฉินเฟยเฟยเองก็อยากจะเตือนเขาเหมือนกันว่าพรรคมังกรดำนั้นทรงพลังจริง ๆแต่ดูเหมือนในเวลานี้มันควไม่เหมาะสมเท่าไรนัก เพราะอย่างนั้นเธอจึงไม่ได้เอ่ยปากอธิบายจงเหล่ยตกตะลึงไปชั่วขณะ ในตอนนี้พรรคมังกรดำกำลังเปลี่ยนแปลง พวกเขาไม่ค่อยมีส่วนร่วมในกิจกรรมสาธารณะมากเท่าไร อีกฝ่ายอาจไม่รู้จักก็ได้ “แกไม่รู้สินะว่าพรรคมังกรดำเป็นตัวแทนของใคร ประธานของพวกเขาคือประธานหยางแห่งหอการค้าหลงเถิง ชายที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองเทียนไห่”“แกไม่รู้เกี่ยวกับพรรคมังกรดำ แต่แกคงพอจะรู้เรื่องหอการค้าหลงเถิงอยู่บ้างใช่ไหมล่ะ หอการค้าที่พวกเจ้าพ่อเกือบทั้งเมืองเทียนไห่มารวมตัวกันน่ะ”หลังจากพูดจบ เธอก็รอเห็นสายตาอันหวาดกลัวของเย่เทียนหยู่แต่สีหน้าของเย่เทียนหยู่กลับไม่เปลี่ยนไปเลย อันที่จริงแล้วเรื่องนี้ไม่สามารถเปลี่ยนสีหน้าของเขาได้ เขาพูดอย่างสบาย ๆ “งั้นเหรอ เก่งขนาดนั้นเลยสินะ?”“ก็ต้องแน่ล่ะสิ เพราะงั้นตอนนี้แกก็ไปพยุงพวกเขาขึ้นมาซะ แล้วคุกเข่าลงขอโทษ บางทีอาจจะยังพอให้แกรอดตายไปได้บ้างนะ” จงเหล่ยยิ้มเยาะ“ช่างมันเถอะ ผมไม่เอาดีกว่า”“ไหน ๆ ก็ล่วงเกินไปแล้ว งั้นก็ล่วงเกินต่อไปแล้วกัน”ทัน
“เรื่องนี้ง่ายมาก คุณไม่ได้บอกเหรอว่าคุณมาจากพรรคมังกรดำ เอาแบบนี้ดีไหม โทรหาเจ้านายของคุณแล้วบอกให้เขามาช่วยจัดการกับผมซะ”“อะไรนะ?”ทุกคนในห้องตกตะลึงอีกครั้ง มีวิธีการแบบนี้ด้วยเหรอ?จางผิงพูดไม่ออก เธออดไม่ได้ที่จะพูดว่า “คุณชายเย่ พรรคมังกรดำมีอำนาจมากจริง ๆ คุณอย่าดูถูกพวกเขานะคะ ไม่มีอะไรในเมืองเทียนไห่ที่สามารถกระตุ้นพวกเขาได้”“ผมไม่ได้ดูถูกพวกเขาหรอกนะ แต่เรื่องแบบนี้มันต้องมีจุดจบ ถ้าไอ้ตัวใหญ่สุดไม่ออกมาแล้วเอาแต่สู้กับคนตัวเล็กตัวน้อยพวกนี้ ให้คนที่มีฝีมือ”“พอดีเลย ลากไอ้พวกตัวที่อยู่เบื้องหลังออกมาให้หมดแล้วก็จบเรื่องนี้ซะในคราวเดียว ต่อไปจะได้ไม่ต้องมีเรื่องยุ่งยากอีก” เย่เทียนหยู่กล่าว“……”ทุกคนพูดไม่ออก พวกเขาเคยเห็นคนหยิ่งผยอง แต่ไม่เคยเห็นคนหยิ่งผยองขนาดนี้มาก่อนพี่เทาถึงกับยิ้มแห้ง เขาต้องขอความช่วยเหลือจากผู้คนพรรคมังกรดำ แต่ปัญหาก็คือ เขาเป็นแค่เพื่อนของพรรคมังกรดำ ไม่ใช่สมาชิกของพรรคมังกรดำเลยแต่ในขณะนี้ เมื่อมองดูท่าทางสงบนิ่งเรียบของเย่เทียนหยู่ เขาดูไม่เหมือนคนที่ไม่รู้จักพรรคมังกรดำเลย พี่เทารู้อยู่ในใจว่าเขาอาจรุกรานผิดคนเข้าแล้ว“โทรไปเชิญมาสิ
“พี่เทา พี่กำลังทำอะไรอยู่? นี่พี่เชื่อคำโกหกของเขาเหรอ? พี่คิดว่าประธานหยางที่เป็นเหมือนพระเจ้าจะกลัวเขาหรือยังไง?”“เขาแค่กำลังพยายามทำให้พี่กลัวนะ” ในที่สุดจงเหล่ยก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกไป“หุบปาก!”“จงเหล่ย ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ เราจะไปยั่วยุคุณชายเย่ได้ยังไงฮะ!”“ฝากไว้ก่อนเถอะ ถ้าวันนี้เรารอดออกไปได้เราไม่ปล่อยเธอไว้แน่!”หลังจากที่พี่เทาตะคอกเสร็จ เขาก็พูดกับเย่เทียนหยู่ทันที “คุณชายเย่ ได้โปรดเถอะครับ ผู้เป็นใหญ่ย่อมไม่เอาเรื่องคนตัวเล็ก ๆ ให้โอกาสเราแล้วปล่อยพวกเราไปเถอะนะครับ”“แล้วคุณสองคนทำไมไม่คุกเข่าลงและขอโทษ!”อีกสองคนเชื่อมั่นในตัวพี่เทามาโดยตลอด เมื่อเห็นพี่เทาพูดแบบนี้ พวกเขาก็ทำได้เพียงขอความเมตตาและตบหน้าตัวเองด้วยเมื่อเห็นว่าพวกเขาทำได้ดี เย่เทียนหยู่ก็พยักหน้าและพูดว่า “เอาล่ะ ในเมื่อคุณยังจริงใจ คราวนี้เรามาลืมมันซะเถอะ”“ขอบคุณคุณชายเย่ ขอบคุณคุณชายเย่”เมื่อพี่เทาได้ยินแบบนั้นเขาก็รู้สึกตื่นเต้นมาก และขอบคุณเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลังจากนั้นไม่นานร่างกายของเขาก็เริ่มผ่อนคลาย จากนั้นเขาก็วิ่งล้มลุกคลุกคลานออกไปจากที่นี่โดยไม่แม้แต่จะแลมองจงเหล่ยสิ่งที่เกิดขึ
จงเหล่ยโกรธมากหลังจากได้ยินแบบนั้น แต่เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพูดว่า “แกกล้าให้พวกเขาโทรเรียกคนมา แล้วแกกล้าให้ฉันโทรเรียกคนมาไหมล่ะ?”“ยังคิดใช้วิธีการยั่วยุกันด้วยเหรอ”“คุณไม่จำเป็นต้องพูดแบบนั้นผมก็จะอนุญาตอยู่แล้ว เอาล่ะ ตอนนี้คุณก็โทรศัพท์ได้แล้ว เรียกผู้สนับสนุนทุกคนที่คุณเรียกออกมาได้มาให้หมด”“นี่แกพูดจริงเหรอ?”จงเหล่ยยังคงไม่เชื่อเมื่อเฉินเฟยเฟยได้ยินแบบนั้น เธอก็พูดทันที “ไม่ได้นะ!”“คุณชายเย่ ฉันรู้ว่าคุณมีความสามารถมาก แต่จงเหล่ยรู้จักคนมากเกินไป คุณจะปล่อยให้เธอโทรหาคนอื่นไม่ได้ แบบนั้นมีแต่จะทำร้ายคุณนะ”“อย่างเธอน่ะเหรอ ไม่ขนาดนั้นหรอก!”“คุณชายเย่...”“ไม่ต้องกังวล เธอสร้างปัญหาไม่ได้หรอก” เย่เทียนหยู่พูดอย่างใจเย็น “จงเหล่ย ไปโทรเรียกมา”“ได้ แกขอเองนะ”จงเหล่ยหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมาและเตรียมโทรออกในเวลานี้ โทรศัพท์มือถือของเย่เทียนหยู่ดังขึ้น เป็นสายของซูเหวินฮวา หรือว่าระยะนี้เขาค้นพบอะไรเองแล้วงั้นเหรอ?“ฮัลโหล เหวินฮวา!”“พี่เย่ คนของผมพบหลักฐานบางอย่างแล้วครับ หลี่ว์ซิงเหอต้องได้รับผิดชอบต่อเหตุการณ์นี้แน่” ซูเหวินฮวาเข้าตรงประเด็น“พิ
“ใช่!”“คุณรู้จักเขาเหรอ” เย่เทียนหยู่รู้สึกประหลาดใจแต่ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา จงเหล่ยก็รู้สึกราวกับเป็นอัมพาตไปเลยอันที่จริงเธอยืนยันแล้วเมื่อกี้นี้ คนที่แม้แต่ซูเหวินฮวายังกลัว ต้องเป็นการดำรงอยู่ที่น่ากลัวแค่ไหนกันไม่น่าแปลกใจ เลยที่เมื่อกี้เขาไม่เห็นหยางต้าฝูอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ แถมยังบอกด้วยว่าประธานหยางบอกห้ามคนจากพรรคมังกรดำไม่ให้ยั่วยุเขา หากทำให้ซูเหวินฮวาเคารพได้ แน่นอนว่าทั้งหมดนี่ล้วนเป็นไปได้ ตอนนี้เอง ในที่สุดจงเหล่ยก็เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงมั่นใจมาโดยตลอด เป็นเธอที่คิดเองเออเอง คิดว่าตัวเองสามารถกดขี่อีกฝ่ายได้ง่ายๆเมื่อมองดูท่าทางของจงเหล่ย เย่เทียนหยู่ก็ส่ายหน้า เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายหวาดกลัวเฉินเฟยเฟยและ จางผิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเพราะพวกเขาค้นพบว่าจงเหล่ยกำลังเหม่อลอยอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่ที่คุณชายเย่รับสายเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นกับสายโทรเข้านั่น ซูเหวินฮวาคือใคร?พวกเธอไม่รู้จักซูเหวินฮวาจริง ๆ“ค...คุณชายเย่ ฉันขอโทษนะคะ คือฉัน…”ในขณะนี้ จงเหล่ยเปลี่ยนวิธีเรียกชื่อของเขาและน้ำเสียงของเธอก็สั่นเทาเย่เทียนหยู่ส่ายหน้าและพูดอย่างใจเย็น “ดูเหมือนว่า
“ไม่หรอกมั้ง เขาก็ดูใช้ได้อยู่นะ” จางผิงรีบตอบทันที“เป็นแบบนั้นที่ไหนกัน ฉันว่าเขาดูเหมือนคนโรคจิตมากกว่า” เหอฉุนโต้แย้ง“เอ่อ ไม่น่าจะเป็นงั้นนะ ถ้าเขาเป็นคนเลวขนาดนั้น พี่เฟยเฟยก็คงเสียความบริสุทธิ์ไปนานแล้ว”“หมายความว่ายังไง?”“เธอก็ถามพี่เฟยเฟยเองเถอะ” จางผิงไม่ได้พูดอะไรอีกแต่เหอฉุนกลับส่ายหัว เธอมักจะรู้สึกว่าทั้งสองคงยังอ่อนต่อโลกเกินไป เลยอาจจะถูกเย่เทียนหยู่หลอกก็ได้หลังจากนั้นไม่นาน เฉินเฟยเฟยก็ได้เริ่มร้องเพลงที่สองของเธอ สไตล์ของเพลงนี้แตกต่างไปเล็กน้อย แต่ก็ยังคงไพเราะจับใจเช่นเดิมเวลาได้ผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า ในขณะที่ผู้คนต่างก็กำลังหลงใหลและเพลิดเพลินอย่างสุดขีด มันก็ค่อย ๆ เริ่มเข้าสู่ช่วงท้ายของคอนเสิร์ตอย่างช้า ๆ“คืนนี้ได้มีโอกาสมาพบกับทุกคนที่นี่ ฉันรู้สึกดีใจมากจริง ๆ ค่ะ แต่เวลาก็กลับผ่านไปอย่างรวดเร็ว การพบกันย่อมมีวันสิ้นสุดเสมอ”“แต่การจากลาในวันนี้ ก็เพื่อที่เราจะได้พบกันใหม่ในวันหน้า ขอส่งบทเพลงแห่งความสุขนี้ให้กับทุกคนค่ะ!”เมื่อเสียงของเธอสิ้นสุดลง เสียงที่ไพเราะของเธอก็ดังออกมา ทำให้ทุกคนกลับเข้าสู่บรรยากาศนั้นอีกครั้ง ค่อย ๆ ผ่านไปช้า
ขณะที่ริมฝีปากของเธอเปิดออก คำพูดที่อ่อนโยนและชวนให้ลุ่มหลงก็หลุดออกมา กระจายไปทั่วบริเวณโดยรอบ และถูกสุ่งให้ไปถึงหูของทุกคนทุกคนต่างก็พากันโบกแท่งเรืองแสงไปมา ขณะที่กำลังฟังเสียงร้องอันไพเราะและสมบูรณ์แบบของเธอ ทุกคนต่างก็พากันร้องตามไปด้วยเป็นเพลงที่ค่อนข้างจะเรียบง่าย แต่เมื่อมันออกมาจากปากของเฉินเฟยเฟย มันก็กลับสมบูรณ์จนทำให้ผู้ฟังรู้สึกติดหูมากเสียงอันไพเราะและอ่อนหวานของเธอแทรกซึมเข้าไปในหูของทุก ๆ คน จนทำให้ทุกคนรู้สึกตามอย่างไม่อาจควบคุมได้ และจมดิ่งลึกลงไปเรื่อย ๆในตอนนั้นเอง ใบหน้าของเย่เทียนหยู่ก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีขาว เขารู้สึกแค่ว่าตนได้จมดิ่งเข้าไปอย่างสมบูรณ์แล้วในขณะเดียวกัน เย่เทียนหยู่ก็เข้าใจได้ในที่สุด ว่าทำไมทุกคนถึงได้คลั่งไคล้มากขนาดนี้ เพราะเสียงนี้ของเธอนั้นดูสมจริงและไพเราะมากนี่ถือว่าเป็นเสียงที่มีพรสวรรค์อย่างแท้จริงหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขาก็จมอยู่กับมันด้วยเช่นกัน สีหน้าและอารมณ์เองก็ดูแตกต่างออกไปจากเดิมบางทีอาจเพราะจมดิ่งกับมันมากเกินไป หรืออาจเพราะรู้สึกชอบมันมาก เลยไม่ทันได้สังเกตว่าตั้งแต่ที่เฉินเฟยเฟยเดินออกมา เธอก็เหมือนจะกำลังมอ
ทันใดนั้นผู้หญิงชุดเขียวก็รู้สึกโกรธ และกำลังจะระเบิดอารมณ์ออกมาแต่หญิงสาวที่อยู่ด้านหน้ากลับดุขึ้นมาทันที “เสี่ยวลู่ เธอเป็นคนผิดก่อนนะ ช่างมันเถอะ”“ค่ะ นายท่าน!”ผู้หญิงชุดสีเขียวพยักหน้า และไม่พูดอะไรอีกไม่รู้ว่าอาจเพราะเธอกลัวจะเกิดความขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝ่าย หญิงสาวคนนั้นจึงนั่งลงตรงที่นั่งที่อยู่ข้าง ๆ เย่เทียนหยู่ ซึ่งหมายความว่า ที่นั่งของเธออยู่ด้านหลังเยื้องไปทางด้านซ้ายของเย่เทียนหยู่ และผู้หญิงชุดเขียวเองก็นั่งลงตรงที่นั่งซ้ายมือของเธอเช่นกันเย่เทียนหยู่ตกตะลึงไปชั่วขณะ เดิมทีการปรากฏตัวของหญิงสาวลึกลับเช่นนี้ก็ทำให้เขาประหลาดใจมากพออยู่แล้ว และตอนนี้เธอก็กลับมานั่งอยู่ข้าง ๆ เขาหลังจากนั่งลงแล้ว หญิงสาวก็เงยหน้าขึ้นมองเย่เทียนหยู่ แต่ก็เบือนหน้าหนีแทบจะในทันทีในสายตาของเธอ เย่เทียนหยู่หล่อมากจริง ๆ แต่นั่นก็มีเพียงเท่านั้นตั้งแต่ที่เธอเริ่มฝึกฝนอย่างหนักจนทำให้หลงลืมอารมณ์ความรู้สึกไป ตัวเธอเองก็เริ่มสนใจเรื่องความรู้สึกน้อยลงไปเรื่อย ๆ เธออุทิศตนให้กับการฝึกฝน และนั่นก็ทำให้เธอไม่รู้สึกสนใจผู้ชายคนไหนเลยนอกเหนือจากการฝึกฝนแล้ว สิ่งเดียวที่สามารถทำให
“ไม่มีปัญหา!”จูเก่อหลิวหลีรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาทันที เงินแค่ล้านเดียว สำหรับเธอแล้ว แค่นี้ไม่ถึงกับทำให้ขนหน้าแข้งร่วงด้วยซ้ำ เธอไม่สนใจเลยแม้แต่น้อยหลังจากนั้นไม่นาน ผู้หญิงคนนั้นก็เห็นตัวเลขหนึ่งล้านปรากฏบนข้อความที่แจ้งเตือนเข้ามาเธอตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง เธอมองดูหญิงสาวคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ก่อนที่เธอจะรีบถอนเงินเข้าบัญชีธนาคารทันทีที่เงินเข้าบัญชี การโอนครั้งนั้นเธอก็จะถือว่าเป็นเรื่องจริงการฝากถอนเงินในปัจจุบันนี้ค่อนข้างรวดเร็ว ภายในไม่กี่วินาทีเงินก็เข้าบัญชีแล้ว“ขอบคุณ ขอบคุณคุณผู้หญิงมากค่ะ!”หญิงสาวรีบขอบคุณเธอด้วยความซาบซึ้ง จากนั้นก็หันหลังแล้วเดินออกไปโดยไม่ลังเลเย่เทียนหยู่ยิ้มอย่างขมขื่น และคิดในใจว่า ผู้หญิงคนนี้ช่างขวางโลกเสียจริง เขาส่ายหัวพร้อมกับพูดขึ้นว่า “เธอซื้อตัวของผู้หญิงคนนั้นแล้ว แล้วที่นั่งของเธอล่ะ?”“ฉันไม่มีตั๋วหรอกค่ะ!”“เธอไม่มีตั๋ว แล้วเธอเข้ามาได้ยังไง?” เย่เทียนหยู่รู้สึกประหลาดใจ“ฉันก็แค่มองพนักงานตรวจตั๋ว แล้วเขาก็ให้ฉันเข้ามาค่ะ”“......”เย่เทียนหยู่ทำอะไรไม่ถูก หมดคำจะพูดแล้วจริง ๆ “ถ้าเธอไม่มีตั๋ว แ
ในตอนที่เหอฉุนเดินออกมา เดิมทีเธอตั้งใจหยิบตั๋วเพิ่มมาสองสามใบ มีที่นั่งดี ๆ ในแถวแรกแค่หนึ่งที่เท่านั้น ส่วนที่นั่งอื่น ๆ อยู่ถัดลงไปด้านหลังอีกเล็กน้อยเวทีตรงนี้จัดไว้เพื่อที่เวลาทำการแสดง แม้ผู้ชมจะนั่งแถวหน้า ก็ไม่จำเป็นต้องเงยหน้าขึ้นเลยแม้แต่น้อย เป็นตำแหน่งที่สบายมากแต่เพราะสายตาที่ไม่อยู่นิ่งของเย่เทียนหยู่ เธอเลยหยิบตั๋วแบบลวก ๆ ให้เขาไปหนึ่งใบ เดิมทีตามคำขอของเฉินเฟยเฟยนั้น คือต้องการให้เย่เทียนหยู่นั่งอยู่ตรงกลางของแถวแรกอย่างไรก็ตาม ตำแหน่งที่เย่เทียนหยู่ได้รับนั้นก็ถือว่าค่อนข้างดีเช่นกัน อยู่ในแถวที่สาม ซึ่งอาจจะสบายกว่าด้วยซ้ำแต่การโต้ตอบกับดารานักร้องนั้น ก็อาจจะลำบากไปสักหน่อยเย่เทียนหยู่สังเกตเห็นอารมณ์ร้ายของเหอฉุนได้โดยธรรมชาติ ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว แถมอารมณ์ร้ายอีกต่างหาก เธอคงเคยถูกผู้ชายรังแกมาสินะในครั้งนี้ เขานั้นทายถูกแล้วจริง ๆแน่นอนว่าเย่เทียนหยู่ก็ไม่คิดที่จะถือสาเรื่องเล็กน้อยพวกนี้อยู่แล้ว เขาเหลือบมองหมายเลขบนตั๋ว และเดินตามฝูงชนเข้าไปด้านในหลังจากผ่านความยากลำบากในการแหวกฝูงชนเข้ามา ในที่สุดเย่เทียนหยู่ก็พบที่นั่งของเขาที่อยู่ตรง
เธอถึงขั้นตั้งใจสืบเรื่องนี้มาโดยเฉพาะ และพบว่าตระกูลหนานกงเป็นถึงหนึ่งในตระกูลอันดับต้น ๆ ของอาณาจักรมังกร พวกเขามีความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัว แทบจะไม่มีใครสามารถเทียบเคียงพวกเขาได้เลยพี่เย่เก่งกาจมากก็จริง หากเป็นแค่ตระกูลทั่วไปในเมืองตะวันออก เธอก็อาจจะลองเสี่ยงดวงดู แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับตระกูลหนานกง ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางรับมือพวกเขาได้เลย“คุณเย่จะมาเหรอคะ?” จางผิงถามด้วยความประหลาดใจ“อือ ฉันเชิญเขามาชมคอนเสิร์ตของฉันในคืนนี้ และเขาเองก็ตอบตกลงแล้วด้วย” เมื่อพูดถึงเย่เทียนหยู่ ใบหน้าของเฉินเฟยเฟยก็แสดงถึงความปิติขึ้นมา“ได้ค่ะ!”จางผิงพยักหน้า แต่ในใจเธอกลับกำลังคิดอยู่ว่า เธอควรจะใช้วิธีไหนเพื่อทำให้คุณเย่รู้เรื่องที่พี่เฟยเฟยกำลังถูกรังแกโดยเธอไม่จำเป็นต้องเป็นคนพูดดีไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เธอถึงมักคิดว่าตัวตนของคุณเย่นั้นไม่ธรรมดาบางที เขาอาจจะมีวิธีรับมือจริง ๆ ก็ได้เหอฉุนไม่ได้พูดอะไรอีก เธอเองก็อยากที่จะพบกับบุคคลในตำนานคนนี้เหมือนกัน ดูว่าเขาโดดเด่นอย่างที่ทุกคนพูดกันจริงไหมแน่นอน หากดูจากเหตุการณ์ของปาร์คดาฮยอนก่อนหน้านี้แล้ว คนคนนี้น่าจะพอมีความสามา
เกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว สุดท้ายหลินหว่านหรูก็ตัดสินใจปล่อยให้เป็นเรื่องของเวลา ยังไงอีกไม่นานความจริงก็จะถูกเปิดเผยออกมาแล้วและในเวลาเดียวกันนั้นเอง หญิงสาวทั้งสามคนกำลังนั่งอยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่ง ใกล้กับสนามกีฬาคนหนึ่งคือเฉินเฟยเฟย นักร้องชื่อดังจากอาณาจักรมังกร ตอนนี้เฉินเฟยเฟยกำลังโด่งดังมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าเธอจะต้องแบกรับแรงกดดันที่ค่อนข้างสูง แต่ตอนนี้เธอก็ค่อย ๆ ดีขึ้นมาบ้างแล้วอีกคนคืออดีตผู้ช่วยของเฉินเฟยเฟย ซึ่งปัจจุบันคนที่ทำหน้าที่แทนคือจางผิงคนสุดท้ายเป็นหญิงวัยสามสิบกว่า ๆ ที่มีใบหน้างดงาม หุ่นค่อนข้างสูง ทั้งหน้าอกและบั้นท้ายดูอวบอิ่ม มีเสน่ห์เฉพาะตัวในแบบของผู้หญิงที่อยู่ในวัยผู้ใหญ่และก็เป็นเพราะไม่สามารถทนต่อการคุกคามจากผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเดิมได้ เธอจึงถูกบังคับให้ลาออก นอกจากนี้ก็เป็นเพราะได้รู้จักกับเฉินเฟยเฟย เฉินเฟยเฟยที่เดิมทีไม่ต้องการจะอยู่ภายใต้การควบคุมของบริษัท ดังนั้นสตูดิโอส่วนตัวของเธอเองจึงต้องการผู้จัดการด้วยเช่นกันเหอฉุนจึงเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตำแหน่งนี้ เธอเป็นคนที่มีความสามารถ เธอจัดการทุกอย่างได้อย่างเป็นระเบียบแต่เพราะค
หลังจากลังเลอยู่สักพัก เธอก็กดเบอร์โทรหาแม่ตระกูลหลินโดยตรง“ฮัลโหล!”“แม่ หนูเองนะคะ!”“อ๋อ หว่านหรูเองเหรอ” แม่ตระกูลหลินรู้สึกประหม่าในตอนแรก แต่เธอก็สงบสติอารมณ์ลงทันที และถามออกไปว่า “แกเป็นไงบ้าง ช่วงนี้สบายดีไหม”“ก็ดีค่ะ แค่มีเรื่องเกิดขึ้นนิดหน่อย”“แกหมายถึงเรื่องของปาร์คดาฮยอนนั่นน่ะเหรอ ฉันเองก็ติดตามข่าวนี้อยู่เหมือนกัน ปาร์คดาฮยอนนั่นเป็นคนที่ไร้ยางอายมากจริง ๆ นั่นแหละ ชาวเน็ตหน้าโง่พวกนั้นด้วย”“แต่ยังไงฉันก็เชื่อว่าขอแค่มีเทียนหยู่ แกจะต้องไม่เป็นไร เพราะงั้นฉันเลยไม่โทรศัพท์ไปรบกวนแก”แม่ตระกูลหลินอธิบายอย่างรวดเร็วในฐานะแม่ ตอนนั้นเธอไม่แม้แต่จะโทรหาเพื่อถามไถ่เลยด้วยซ้ำ เป็นเรื่องที่รับไม่ได้จริง ๆ“อืม เป็นอย่างที่ว่าแหละค่ะ ครั้งนี้ต้องขอบคุณเทียนหยู่มากจริง ๆ” หลินหว่านหรูลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังคงเลือกที่จะถามออกไป “แม่คะ ไม่นานมานี้มีข่าวเชิงลบเกี่ยวกับหนูบนโลกอินเทอร์เน็ต แม่เห็นหรือยังคะ?”“ข่าวอะไรเหรอ แม่ไม่ค่อยเล่นอินเทอร์เน็ตสักเท่าไหร่ แล้วก็ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องอะไรพวกนี้ด้วย เลยไม่รู้เรื่องน่ะ เรื่องของปาร์คดาฮยอนเองก็ฟังจากปากคนอื่
และนี่ก็ทำให้เย่เทียนหยู่รู้สึกโกรธมากจริง ๆตัวเองไม่ได้ไปหาเรื่องเธอ แต่เธอกลับมาทำให้หว่านหรูเดือดร้อน คนแบบนี้สมควรที่จะเป็นแม่คนได้ด้วยงั้นเหรอ แต่ว่าเรื่องนี้ จะบอกให้หว่านหรูรู้ดีไหมนะแต่ก็ไม่รู้ว่าเธอจะเชื่อรึเปล่า เพราะยังไงนั่นก็คือแม่ของเธอแต่จู่ ๆ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ ผู้รับผิดชอบแพลตฟอร์มได้กล่าวเอาไว้ว่า เรื่องนี้ได้มีคนรีพอร์ตเข้ามาแล้ว ปัจจุบันอาณาจักรมังกรก็กำลังเร่งตรวจสอบข้อมูลในโพสต์ดังกล่าวอย่างละเอียดอยู่เดี๋ยวจะมีการประกาศชื่อผู้เสียหาย และคืนความบริสุทธิ์ให้กับผู้เสียหายอีกด้วยจากนั้นก็จะมีการเชิญตัวผู้ที่ปล่อยข่าวเสียหายมา และมอบคำเตือนที่เข้มงวดให้กับพวกเขา รวมถึงหากว่ามีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น พวกเขาก็อาจมีการได้รับโทษร้ายแรงอีกด้วยตามที่ผู้รับผิดชอบกล่าวมา เรื่องนี้จะถูกรายงานขึ้นไป และด้วยความเข้มงวดในการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ในปัจจุบัน คาดว่าใช้เวลาไม่เกินหนึ่งหรือสองวัน ก็จะสามารถตรวจสอบให้ชัดเจนได้ทั้งหมดผลลัพธ์อย่างน้อยก็อาจจะประกาศออกมาภายในวันมะรืนนี้งั้นก็รออีกสักหน่อย เขาเองก็อยากจะรู้เหมือนกันพอถึงตอนนั้น แม่ตระกูล