“ใช่!”“คุณรู้จักเขาเหรอ” เย่เทียนหยู่รู้สึกประหลาดใจแต่ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา จงเหล่ยก็รู้สึกราวกับเป็นอัมพาตไปเลยอันที่จริงเธอยืนยันแล้วเมื่อกี้นี้ คนที่แม้แต่ซูเหวินฮวายังกลัว ต้องเป็นการดำรงอยู่ที่น่ากลัวแค่ไหนกันไม่น่าแปลกใจ เลยที่เมื่อกี้เขาไม่เห็นหยางต้าฝูอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ แถมยังบอกด้วยว่าประธานหยางบอกห้ามคนจากพรรคมังกรดำไม่ให้ยั่วยุเขา หากทำให้ซูเหวินฮวาเคารพได้ แน่นอนว่าทั้งหมดนี่ล้วนเป็นไปได้ ตอนนี้เอง ในที่สุดจงเหล่ยก็เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงมั่นใจมาโดยตลอด เป็นเธอที่คิดเองเออเอง คิดว่าตัวเองสามารถกดขี่อีกฝ่ายได้ง่ายๆเมื่อมองดูท่าทางของจงเหล่ย เย่เทียนหยู่ก็ส่ายหน้า เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายหวาดกลัวเฉินเฟยเฟยและ จางผิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเพราะพวกเขาค้นพบว่าจงเหล่ยกำลังเหม่อลอยอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่ที่คุณชายเย่รับสายเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นกับสายโทรเข้านั่น ซูเหวินฮวาคือใคร?พวกเธอไม่รู้จักซูเหวินฮวาจริง ๆ“ค...คุณชายเย่ ฉันขอโทษนะคะ คือฉัน…”ในขณะนี้ จงเหล่ยเปลี่ยนวิธีเรียกชื่อของเขาและน้ำเสียงของเธอก็สั่นเทาเย่เทียนหยู่ส่ายหน้าและพูดอย่างใจเย็น “ดูเหมือนว่า
ถ้าไม่แก้แค้นตอนนี้จะไปแก้แค้นตอนไหนได้อีกแม้ว่าเฉินเฟยเฟยจะไม่ได้ลงมือ แต่เธอก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าจงเหล่ยที่ห่วงสวยสุด ๆ ในยามนี้ใบหน้าของเธอบวมเป่งทั้งสองข้างในขณะนี้จางผิงก็พูดขึ้นว่า “จงเหล่ย ฉันมีคำถามที่อยากถามเธอมาตลอด เธอต้องตอบฉันตามความจริง”หลังจากพูดแล้ว เขาก็หันกลับมาแล้วพูดว่า “คุณชายเย่ คุณช่วยฉันได้ไหม”เย่เทียนหยู่ ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “แน่นอน ไม่ต้องกังวล ไม่ว่าคุณจะถามคำถามอะไร ผมจะช่วยให้คุณได้รับคำตอบที่แท้จริงที่สุดจากเธอ”“ได้ค่ะ ขอบคุณคุณชายเย่”หลังจากที่จางผิงขอบคุณเธอ เธอก็สงบลงและถามว่า “จงเหล่ย เธอเป็นคนก่อไฟที่ทำให้พี่เฟยเฟยเสียโฉมหรือเปล่า”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา สีหน้าของ จงเหล่ยก็เปลี่ยนไปความลับนี้ถูกฝังอยู่ในใจของเธอมานานและเธอไม่เคยบอกใครเลย จางผิงถามคำถามนี้ได้ยังไงเมื่อเฉินเฟยเฟยได้ยินคำถามนี้ สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เธอคิดเสมอว่ามันเป็นอุบัติเหตุและไม่เคยคิดว่าจะมีคนทำเรื่องว่าเรื่องในตอนนั้นจะมีอะไรผิดปกติ เธออดไม่ได้ที่จะถาม “ผิงผิง หมายความว่ายังไง ทำไมคุณถึงถามแบบนี้”เธอไม่ควรถามจางผิงในเวลานี
เมื่อเห็นภาพเบื้องหน้านี้ เย่เทียนหยู่ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ เขามองดูจงเหล่ยอย่างเย็นชา แล้วพูดว่า “ดูเอาเองสิ ว่าคุณทำเรื่องชั่วอะไรเอาไว้!”ในขณะนี้ แม้แต่จงเหล่ยผู้ชั่วร้ายก็ยังรู้สึกเสียใจตามคำขอของเฉินเฟยเฟย จงเหล่ยได้เล่าเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในปีนั้น“เพียงเพราะฉันไม่อยากฟังเธอ ไม่ยอมไปดื่มกับคนรวยพวกนั้น เธอเลยทำกับฉันแบบนี้เหรอ?”“จงเหล่ย ฉันดีกับเธอมาก เธอทำอย่างนี้ได้ยังไง?”หลังจากได้ยินเหตุผลแล้ว เฉินเฟยเฟยก็เกือบจะทรุดตัวลงอีกครั้ง“ฉันขอโทษ ฉันขอโทษนะ ตอนนั้นฉันโกรธมาก คุณไม่ได้ปฏิเสธแค่ครั้งสองครั้ง มันทำให้ฉันลำบากมาก แถมคุณยังเอาแต่ดุด่าฉันเพราะเรื่องนี้”จงเหล่ยก็เสียใจเช่นกัน“ยังมาทำตัวมีเหตุผลอีกเหรอ”จางผิงโกรธและด่าเธออีกครั้ง ก่อนจะปลอบใจเฉินเฟยเฟย ถึงยังไงตอนนี้ก็มีเย่เทียนหยู่สามารถช่วยรักษาและฟื้นฟูได้จากนั้นเฉินเฟยเฟยก็สงบสติอารมณ์ลงในเวลานี้ เย่เทียนหยู่ถามว่า “คุณเฉิน บอกฉันสิ คุณวางแผนจะทำยังไงกับเธอ”“คุณอยากให้เธอหาวิธีคืนเงินทั้งหมดให้คุณไหม”“ไม่ ปล่อยให้เป็นไปตามกฎหมาย” คุณชายเย่ช่วยเธอมากจนเฉินเฟยเฟยไม่อยากรบกวนเขาอีกต่อไปนอกจา
“ใช่แล้วล่ะ ในตอนนั้นแพทย์ผิวหนังชื่อดังในจิงตูก็พูดแบบเดียวกัน จงเหล่ยเป็นคนทำเรื่องทั้งหมดนี่” เฉินเฟยเฟยกล่าวอย่างขมขื่นถ้าจงเหล่ยไม่ทำเรื่องวุ่นวายและเธอได้พบแพทย์จริง ๆ มันคงจะหายขาดไปนานแล้วเย่เทียนหยู่พยักหน้าและกล่าวว่า “การรักษาไม่ใช่ปัญหา แต่ถ้าคุณต้องการช่วยผมจริง ๆ คุณอาจต้องปรากฏตัวต่อสาธารณชนอีกครั้ง คุณเคยคิดที่จะกลับมาสู่วงการดนตรีหรือเปล่าครับ”“คัมแบ็คเหรอคะ?”เฉินเฟยเฟยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เธอส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ฉันยังจะกลับไปคัมแบ็คได้อีกเหรอคะ?”“แน่นอน คุณทำได้ ขอแค่ความสามารถของคุณยังอยู่ คุณจะสามารถมีชื่อเสียงไปทั่วโลกได้ในคราวเดียว และมีชื่อเสียงมากกว่าที่คุณเคยเป็นในตอนนั้นด้วย” เย่เทียนหยู่กล่าวเฉินเฟยเฟยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ในใจของเธอ ขอแค่รอยแผลเป็นบนใบหน้าของเธอสามารถรักษาให้หายขาดก็พอ ไม่คิดเลยว่าแบบนั้นจะทำให้เธอกลับมารุ่งโรจน์ดังเดิมแม้ว่าเธอจะมีความสุขมากที่จะได้คัมแบ็ค แต่เธอก็คิดถึงสิ่งที่เธอเคยเผชิญมาก่อนและถามว่า “คุณชายเย่ ฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหม”“คุณถามสิ”“ฉันสงสัยว่าคุณมีบริษัทในวงการบันเทิงหรือเปล่าคะ?”เย่เทียนหยู่ตกตะลึงอยู่คร
“ยุ่งนิดหน่อยครับ”“ไม่บอกฉันก็รู้ จัดการกับเรื่องที่ทำให้ฉันแปดเปื้อนบนโซเชียลอยู่ใช่ไหม?” หลินหว่านหรูกล่าว“คุณเห็นหมดแล้วเหรอ”“ไม่ต้องกังวล ฉันไม่ได้เปราะบางขนาดนั้น แต่ช่วยบอกฉันหน่อยได้ไหมว่านายใช้วิธีไหน”“จริง ๆ แล้ว ไม่มีอะไรเลย หลังจากการสอบสวนแล้ว ดูเหมือนว่าหลี่ว์ซิงเหอจะอิจฉามูลค่าตลาดของบริษัทที่เพิ่มขึ้น และร่วมมือกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่อีกสองรายเพื่อทำเรื่องนี้”“ฉันรู้อยู่ว่าหลี่ว์ซิงเหอสารเลวนั่น” หลินหว่านหรูพูดด้วยความโกรธ“แล้วนายตั้งใจจะทำยังไง?”“แน่นอน ให้พวกเขาว่าผมต้องให้พวกเขาชดใช้อย่างสาสม แต่ตอนนี้ผมต้องทำอย่างอื่น” เย่เทียนหยู่ตอบ“เรื่องอะไร?”“พลิกโฉมภาพลักษณ์อุตสาหกรรมเครื่องสำอางของบริษัทเราครับ”“อ่อ แล้วนายมีความคิดอะไรบ้างไหม?”“คุณน่าจะเคยได้ยินเกี่ยวกับเฉินเฟยเฟยใช่ไหม?”“เฉินเฟยเฟย? เฉินเฟยเฟยคนไหน? นายคงไม่ได้พูดถึงนักร้องชื่อดังเฉินเฟยเฟยใช่ไหม?”“เป็นเธอถูกแล้วครับ”“เธอยินดีที่จะร่วมมือกับเราและอนุญาตให้ใช้เธอเพื่อการประชาสัมพันธ์”“อ่า นายหมายถึงอะไร? นายยังสามารถรักษารอยแผลเป็นบนใบหน้าของเธอด้วยเหรอ?” ดูเหมือนว่าหลินหว่านหรูจะท
พี่เย่เริ่มลงมือแล้วจริง ๆ ประธานหลี่ว์คงจะต้องเดือดร้อนแน่ที่แท้แล้วตอน 4 ทุ่มเมื่อวาน ขณะที่หลินหว่านหรูวางโทรศัพท์มือถือของเธอลง หลายคนยังคงตื่นอยู่ในเวลานั้นหลินหว่านหรูเปิดโทรศัพท์ของเธอและลองตรวจดู ยังคงมีคอมเมนต์เชิงลบจำนวนมากบนอินเทอร์เน็ต หลาย ๆ คนบอกว่าหลินซื่อกรุ๊ปกลัว ก็เลยยังไม่ออกมาตอบโต้แต่ก็มีบางคนที่พูดแทนหลินซื่อกรุ๊ปอย่างขันแข็งหลินหว่านหรูส่งเสียงฮึในใจอย่างเย็นชา ก่อนจะคิดกับตัวเองว่าโชคดีที่เย่เทียนหยู่อยู่ที่นี่ ไม่อย่างนั้นคงมีหลายอย่างที่เธอคงไม่รู้วิธีจัดการกับมันนอกเหนือจากสิ่งอื่นใด เทียนหยู่ยังสามารถจัดการกับแผนการสมรู้ร่วมคิดเหล่านี้และเรื่องอื่น ๆ ได้อย่างง่ายดาย บางครั้งเธอก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าเย่เทียนหยู่เติบโตขึ้นมาบนภูเขาจริง ๆ หรือในขณะที่ทุกคนกำลังพูดถึงเรื่องนี้ หลายคนก็คอยตอบกลบัว่า “หลินซื่อกรุ๊ปประกาศแล้ว”“ออกประกาศจริง ๆ ด้วย!”“ประกาศแล้วจะทำไม ก็ยังหลอกลวงประชาชนอยู่ดี”แม้ว่าหลายๆ คนจะรู้สึกว่าเนื้อหาของประกาศไม่น่าเชื่อถือ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะอ่านและทำความเข้าใจความหมายทั่วไปคือหลังจากที่บริษัททราบเรื่องนี้แล้วพบว่ามีการ
ด้วยความโกรธ หลี่ว์ซิงเหอจึงโทรหาหลินหว่านหรูทันทีและพูดว่า “หลินหว่านหรู เธอหมายความว่ายังไง เธอละเมิดข้อตกลงและขอให้ตำรวจเข้ามาแทรกแซงการสอบสวน?”เมื่อหลินหว่านหรูได้ยินแบบนั้น เธอก็โกรธมากขึ้น “หลี่ว์ซิงเหอแกไอ้คนร้ายหน้าด้าน กล้าดียังไงมาตะโกนใส่ฉัน?”เมื่อสักครู่นี้ เย่เทียนหยู่ได้ส่งบันทึกเสียงให้เธอเป็นบทสนทนาที่หลี่ว์ซิงเหอเคยพูดคุยกับหวังเจี้ยนและผู้ถือหุ้นอีกสองคนก่อนหน้านี้ เนื้อหาก็เป็นเนื้อหาเรื่องวิธีการวางแผนใส่ร้ายสิ่งที่บริษัททำหลังจากได้ยินแบบนั้นหลินหว่านหรูก็โกรธมาก“ไร้ยางอายเหรอ?”“หลินหว่านหรู เธอบ้าไปแล้วเหรอ?”“เธอคงไม่คิดว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นบนออนไลน์เกี่ยวข้องกับฉันหรอกนะ?”“ไม่เหรอ?” หลินหว่านหรูถามด้วยเสียงเยาะเย้ย“ก็ต้องไม่ใช่อยู่แล้ว เธอคิดมากไปแล้วนะ”“อย่าลืมว่าเราลงนามในข้อตกลงทางกฎหมายแล้ว ถ้าฉันทำแบบนั้น มันก็เป็นการละเมิดข้อตกลงแล้วมันก็เป็นการใส่ร้ายป้ายสี ฉันจะทำแบบนั้นได้ยังไง”“คุณว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับคุณเหรอ?”“แน่นอน เพราะงั้นตอนนี้ให้ดีที่สุดเธออย่าไปแจ้งตำรวจ”“เหอะๆ มันสายเกินไปแล้ว ฉันโทรหาตำรวจไปนานแล้วตั้งแต่จะออกป
เมื่อหลินหว่านหรูได้ยินแบบนั้น เธอไม่ได้อธิบายมากหนัก และส่งบันทึกที่เย่เทียนหยู่พบให้กับปู่ของเธอหลังจากที่คุณปู่ได้ยินแบบนั้น เขาก็โกรธทันทีและบอกให้หลินหว่านหรูทำทุกอย่างตามที่เธอวางแผนไว้ขณะที่ตำรวจเข้าแทรกแซง ผู้จัดการหลายคนของหลินซื่อกรุ๊ปถูกนำตัวไปที่สถานีตำรวจในชั่วข้ามคืนแน่นอนว่าจางเหยียนเป็นหนึ่งในนั้น และเธอก็รู้สึกหวาดกลัวในความเป็นจริง เธอตกใจมากเมื่อเห็นสิ่งที่หลินหว่านหรูประกาศทางออนไลน์ เธอจึงโทรหาหลิวซือซือทันทีและขอให้เธอไปขอร้องประธานหลินจากนั้นเธอก็โทรหาเย่เทียนหยู่ด้วยตัวเองแต่เย่เทียนหยู่ไม่ได้ให้สัญญาใด ๆ เขาแค่ขอให้เธอบอกทุกอย่างตามความเป็นจริง หากสิ่งที่เธออธิบายหลังจากที่เธอไปนั่นคือสิ่งที่เธออธิบายกับบริษัทครั้งก่อน และไม่มีปัญหาอื่น ทุกอย่างก็จะเรียบร้อยเมื่อได้ยินแบบนั้น จางเหยียนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอแอบดีใจที่ไม่ได้ปิดบังสิ่งที่เธอบอกบริษัทครั้งที่แล้ว ไม่อย่างนั้น เธอไม่รู้จะทำยังไงจริง ๆโชคดียิ่งกว่านั้นที่เธอเพิ่งโทรหาเย่เทียนหยู่เพื่อแจ้งให้เขาทราบถึงสถานการณ์ของหลี่ว์ซิงเหอเมื่อคิดถึงความรวดเร็วในการดำเนินการของเย่เทียนหยู่ ค
เย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก ถ้ารู้แบบนี้ ก็คงไม่ให้พวกเธอสองคนดื่มตั้งแต่แรกในขณะเดียวกันนั้นเอง หลิวซือซือที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ยกแก้วในมือขึ้น แล้วพูดออกมาว่า “พี่เย่คะ ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกกับพี่มาโดยตลอด แต่ก็กลับไม่มีโอกาสได้พูดมันออกมาเลย”“งั้นก็อย่าพูดเลยจะดีกว่า” เย่เทียนหยู่นึกถึงเรื่องในอดีตของเขากับหลิวซือซือขึ้นมา ก่อนจะคาดเดาได้อย่างคลุมเครือว่าเธอกำลังจะพูดอะไร“ไม่ได้ค่ะ วันนี้ฉันต้องพูดให้ได้!”“ฉันกลัวว่าถ้าผ่านวันนี้ไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก”หลิวซือซือพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่เย่คะ ฉันชอบพี่ค่ะ ชอบพี่มาตลอด ฉันชอบพี่มากจริง ๆ!”“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันต้องไปทวงหนี้กับพี่ ฉันก็ถูกความสง่างามและความมั่นคงอันแข็งแกร่งของพี่ดึงดูดไปแล้วค่ะ ต่อมาพี่ก็คอยช่วยฉันเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกหัวใจเต้นแรงมากกว่าเดิม ทำให้ฉันชอบพี่มากขึ้นเรื่อย ๆ”“แต่ก็เหมือนว่าพี่จะไม่เคยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของฉันเลย หลายครั้งที่ฉันอยากจะรุกเข้าหาพี่แต่ก็ไม่กล้า จนกระทั่งพบว่าพี่กับประธานหลินคบกันอยู่ ฉันถึงได้เข้าใจว่าฉันไม่ใช่อะไรสำหรับพี่เล
แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่ทั้งสองคนก็ได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวกับไป๋เฉิงกรุ๊ป และความน่ากลัวของแก๊งพยัคฆ์ทมิฬมาไม่น้อย ดังนั้นความหวาดกลัวและความรู้สึกหวั่นเกรงที่มีต่อตระกูลไป๋จึงมาจากใจของพวกเธออย่างแท้จริงสองสาวพูดสลับกันไปมา จนเกิดเป็นเสียงที่ดังอึกทึกขึ้น เย่เทียนหยู่แทบไม่มีโอกาสได้พูดเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดเขาก็มีโอกาส เขาจึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ พูดจบรึยัง?”สองสาวพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้“พวกเธอฟังฉันนะ พวกเธอวางใจเถอะ แค่ตระกูลไป๋ พวกมันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” เย่เทียนหยู่พูดออกมาตรง ๆ เดิมทีก็คิดจะบอกว่าไป๋เฉิงกรุ๊ปเป็นของตนอยู่หรอก แต่จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนความคิดถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยู่ข้างนอก แถมแก๊งพยัคฆ์ทมิฬและไป๋เฉิงกรุ๊ปเองก็มีชื่อเสียงที่ไม่ดีสักเท่าไหร่คำพูดนี้ แทบจะไม่เห็นตระกูลไป๋อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นถึงหนึ่งในตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในเมืองตะวันออกเชียวนะ ในใจของสองสาวจึงรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่พวกเธอมองหน้ากัน ต่างคนต่างก็คิดว่าที่พี่เย่จงใจพูดแบบนี้ก็เพื่อทำให้พวกเธอสบายใจก็เท่านั้น“เอาล่ะ ไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้ว ควรกินก็กิน ควรดื่มก็ดื่มเถอะ” ที
สีหน้าหลี่ซินเยว่และหลิวซือซือเต็มไปด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้ตอนที่พวกเธอนึกถึงความน่ากลัวของตระกูลไป๋ อันที่จริง พวกเธอก็คิดที่จะเตือนเย่เทียนหยู่ไม่ให้ทำร้ายตงซู่อยู่เหมือนกัยแต่เมื่อลองนึกดูอีกที ในสถานการณ์แบบนี้ ด้วยนิสัยของตงซู่ ต่อให้จะหยุดเอาไว้ได้ก็ไม่มีความหมายอยู่ดีเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ พวกเธอก็ไม่มีทางให้ถอยกลับอีกต่อไปแล้วเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงตงซู่ที่กำลังร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกันเขาก็หันไปจ้องเย่เทียนหยู่ด้วยความเกลียดชัง แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่สามารถพูดอะไรได้ ยิ่งไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามด้วยเช่นกันอย่างไรก็ตาม รอจนกว่าตนจะออกไปจากที่นี่ได้เสียก่อน จากนั้นก็จะต้องรายงานเรื่องนี้ให้ไช่เตา คุณชายเตาได้ทราบ พอถึงตอนนั้น ตนจะต้องทำให้ไอ้เด็กนี่อยู่ไม่สู้ตายให้ได้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็เงียบกริบ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใด ๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าจะเผลอทำให้ตัวเองเข้าไปเอี่ยวด้วยใครจะไปคิดล่ะว่า ชายหนุ่มที่ดูสุภาพไม่มีพิษมีภัยข้าง ๆ สาวสวยสองคนนี้จะลงมือได้โหดเหี้ยมมากขนาดนั้น แต่ถึงอย่างไร อีกฝ่ายก็สมควรโดนแล้วแค่เห็นก็รู้เลยว่าไ
เมื่อได้ยินคำสั่ง ลูกน้องทั้งสองคนของเขาก็รีบตั้งท่าเตรียมพร้อมขึ้นทันที ก่อนจะเดินตรงไปหาเย่เทียนหยู่ด้วยท่าทางดุดัน งานที่ต้องจัดการกับคนแบบนี้ มันได้กลายเป็นการเสพติดของพวกเขาไปแล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็ชอบความรู้สึกแบบนี้เย่เทียนหยู่ส่ายหัว ก่อนจะลุกขึ้นยืน หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะทำให้คนอื่นตกใจ ป่านนี้เขาคงจะโบกมือซัดเจ้าพวกนั้นให้กระเด็นไปนานแล้วจากนั้นก็เอาชีวิตของพวกมันมา ณ เดียวนั้นเลย!เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ยังกล้าลุกขึ้นมาพูดท้าทายตนอยู่ ทั้งสองจึงรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของพวกเขากำลังถูกดูหมิ่น นั่นจึงทำให้พวกเขารู้สึกโกรธอย่างมาก ก่อนที่ต่อมาทั้งสองจะเหวี่ยงหมัดออกไปพร้อมกันในทันทีผั๊วะ ผั๊วะ!เกิดเสียงผั๊วะดังขึ้นสองครั้งติด ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึงของผู้คน เย่เทียนหยู่ใช้ฝ่ามือฟาดพวกเขาจนกระเด็นออกไปก่อนที่ร่างของพวกเขาจะร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง ร่างกายราวกับกำลังแหลกสลาย รู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวสีหน้าตงซู่ดูตกใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะรู้วิชากังฟูด้วย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวหยิ่งยโสแบบนี้ ที่แท้แ
หลี่ซินเยว่และหลิวซือซือที่กำลังด่ากันอย่างเมามัน กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ เสียงของตงซู่จะดังขึ้นมาข้างหู นั่นจึงทำให้พวกเธอรู้สึกตกใจจนต้องหันมองไปตามเสียงในทันทีเป็นตงซู่จริง ๆ ด้วย!นอกจากนี้ ด้านหลังของเขายังมีเหล่าชายฉกรรจ์ที่ดูดุร้ายอยู่อีกด้วย แค่มองก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนดีอะไรสีหน้าของพวกเธอซีดเผือดในทันที!ต้องเข้าใจก่อนว่า พวกเธอเตรียมตัววางแผนจะหนีในวันนี้กัน แต่ตอนนี้ตงซู่กลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เป้าหมายของเขาไม่ต้องพูดก็รู้ หรือต่อให้จะเป็นการพบกันโดยบังเอิญ แต่หากได้ยินสิ่งที่พวกเธอเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อสักครู่นี้ เกรงว่าคงไม่มีทางปล่อยพวกเธอไปง่าย ๆ แน่เมื่อตงซู่เห็นสีหน้าตกใจของทั้งสอง เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมาว่า “ด่าสิ ทำไมไม่ด่าต่อแล้วล่ะ นี่พวกเธอคิดว่าฉันไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม?”หลี่ซินเยว่ตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะรีบลุกขึ้น และพูดออกไปว่า “รุ่นพี่เองเหรอคะ พอดีเมื่อกี้ฉันดื่มมากไปน่ะค่ะ เลยไม่รู้ว่าเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไปบ้าง อย่าโกรธกันเลยนะคะ”“หลี่ซินเยว่ จริงอยู่ที่ฉันชอบเธอมาก แต่ฉันก็ไม่โง่ขนาดนั้น เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าพวกเธอเตรียมตัวที่จะหนีในคืนน
หลิวซือซือไม่อยากให้เย่เทียนหยู่รู้เกี่ยวกับปัญหาใหญ่ที่ตนต้องเจอยังไงซะ ตระกูลไป๋ก็เป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองตะวันออก จะล่วงเกินตระกูลไป๋เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยของตนไม่ได้“ไม่มีจริง ๆ น่ะเหรอ?”เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นว่าเธอมีท่าทีแปลก ๆ เขาจึงพูดขึ้นว่า “หลี่ซิน พวกเธออยู่ด้วยกัน ไหนเธอพูดมาซิ”“ไม่มีอะไรจริง ๆ ค่ะ พี่เย่ ไหนเมื่อกี้พี่บอกว่ามีเรื่องอยากจะถามไงคะ เรื่องอะไรเหรอ?”จู่ ๆ หลี่ซินเยว่ก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีโดยไม่ทันตั้งตัวเย่เทียนหยู่จึงเข้าใจได้ในทันที ว่าทั้งสองจะต้องมีเรื่องปิดบังตนอยู่แน่นอน แต่ในเมื่อไม่ยอมพูด เขาเองก็ไม่อยากถามให้มากความ แต่ต้องบอกเลยว่า หลี่ซินเยว่คนนี้ค่อนข้างมีทักษะในการเข้าสังคมมากกว่าหลิวซือซือเสียอีกบวกกับที่เธอเคยทำงานเป็นผู้จัดการระดับกลางของหลินซื่อกรุ๊ปมาก่อน ตอนนั้นเธอเองก็ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียวไม่แน่ว่าอาจจะพิจารณาให้เธอขึ้นมารับตำแหน่งผู้บริหารเลยก็ได้ หรือถ้าเธอไม่ไหวจริง ๆ ก็ให้รับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปก็ฟังดูไม่แย่เหมือนกัน แล้วตนก็รับบทบาทท่านประธานไปก็พอ ยังไงซะ บริษัทจะทำกำไรได้หรือไม่ได้ก็ไม่สำคัญอยู่
ไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงาน พวกหลี่ซินเยว่ก็พากันเดินทางออกจากบริษัท พวกเธอรู้สึกกังวลอยู่ตลอด เธอกลัวว่าตงซู่จะเล่นตุกติกเพื่อรั้งไม่ให้พวกเธอไปแต่ก็กลับคิดไม่ถึงว่าจะราบรื่นมากขนาดนี้ในตอนนั้นเอง ทั้งคู่ก็ได้รับสายจากเย่เทียนหยู่ หลังจากที่วางสาย หลี่ซินเยว่ก็ถามขึ้นว่า “ซือซือ พวกเราจะกลับไปเก็บของแล้วหนีไปเลย หรือพวกเราจะไปพบกับพี่เย่กันก่อนดี?”หลิวซือซือรู้สึกลังเล หากเป็นคนอื่นเชิญก็คงไม่เป็นไร แต่การที่จะได้ทานข้าวกับพี่เย่สักครั้ง สำหรับเธอนับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากเธอจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่งั้นเราก็ไปตามนัดกันก่อนดีไหม ถึงยังไงคืนนี้เราก็สามารถไปได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว”“ได้ เอาตามที่เธอว่าเลย”“แต่ว่านะ เรื่องของพวกเรา อย่าได้บอกกับพี่เย่เด็ดขาด”“เข้าใจแล้ว ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นเมืองหลวง พี่เย่เองก็ไม่ได้เก่งไปเสียทุกอย่าง พวกเราจะสร้างปัญหาให้เขาไม่ได้” หลี่ซินเยว่เองก็เห็นด้วยอย่างมากทั้งสองตัดสินใจกันอย่างแน่วแน่ ไม่นานพวกเธอก็มองเห็นรถของเย่เทียนหยู่เย่เทียนหยู่เองก็สังเกตเห็นการมาถึงของพวกเธอ ทั้งคู่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกระโปรงรัดรูปทรงเอ เผ
เขาถึงขั้นกล้าลงมือกับคุณท่านเย่ ที่เป็นถึงพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง!อย่าไรก็ตาม ปัจจุบันตระกูลเย่นับว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และอาจจะล้มได้ทุกเมื่อในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็รออีกสักสองสามวันก็แล้วกัน รอจนกว่าพวกงู แมลง มด หนูโผล่หัวออกมาให้หมดเสียก่อน พอถึงตอนนั้นก็ค่อยจัดการรวดเดียว แล้วค่อยมอบความสดใสให้กับตระกูลเย่อีกครั้งนอกจากนี้ ก็เพื่อที่จะรอดูว่าท่านอาจารย์จะมีการเคลื่อนไหวอะไรรึเปล่า มาถึงตอนนี้ อันที่จริงในใจเขาก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกันหลังจากว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงหม่าต้านขึ้นมาได้ เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านไป ก็ดูเหมือนว่าหม่าต้านคนนี้จะไม่ใช่คนดีอะไร เขาจึงได้สั่งการให้คนไปตรวจสอบคนผู้นี้ดูสักหน่อยจริงด้วย หลี่ซินเยว่กับหลิวซือซือเองก็ทำงานที่ไป๋เฉิงกรุ๊ปไม่ใช่รึไง เช่นนั้นก็เชิญพวกเธอมาก็ได้นี่ จะได้ให้พวกเธอช่วยอธิบายสถานการณ์ในไปเฉิงกรุ๊ปให้ฟังด้วยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เย่เทียนหยู่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะกดโทรออกหาหลี่ซินเยว่ทันที เดิมทีตั้งใจจะโทรหาหลิวซือซือ แต่เมื่อนึกถึงความรู้สึกของหลิวซือซือที่มีต่อตน
ในใจโจวฉิงรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่ต้นจนจบหม่าต้านก็เผยความรู้สึกหวาดกลัวออกมาไม่หยุด นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกตกใจไปชั่วขณะการแสดงออกของหม่าต้านหลังจากนั้น ราวกับคนใกล้ตายที่กำลังร้องขอชีวิตไม่หยุดไม่มีผิด ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นถึงความกลัวของเขาที่มีต่อคุณเย่ได้เป็นอย่างดีคนคนหนึ่ง เหตุใดถึงทำให้คนอีกคนกลัวได้มากขนาดนี้ แต่นั่นก็ทำให้เธอได้เห็นถึงสถานะและจุดยืนของเขาได้อย่างชัดเจนหลังจากที่โจวฉิงได้สติ ในใจก็กลับรู้สึกเหมือนมีม้ากำลังวิ่งพล่านไปทั่ว ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างมากในเวลานี้ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้ แต่ตอนนั้นเธอก็กลับไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการกดโทรออกเพียงครั้งเดียวเท่าที่เห็นแทบไม่จำเป็นต้องโทรเลยด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนแค่เขาไอออกมาก็สามารถทำให้หม่าต้านวิ่งมาคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิตได้เลยอย่าว่าแต่เธอเลย ขนาดหลินหว่านหรูเองก็ชะงักไปด้วยเช่นกัน แม้เธอจะรู้ดีว่าเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนหยู่จะเก่งกาจได้มากถึงเพียงนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า โจวฉินเองก็เพิ่งจะพูดไป ว่าตระกูลไป๋เป