พี่เย่เริ่มลงมือแล้วจริง ๆ ประธานหลี่ว์คงจะต้องเดือดร้อนแน่ที่แท้แล้วตอน 4 ทุ่มเมื่อวาน ขณะที่หลินหว่านหรูวางโทรศัพท์มือถือของเธอลง หลายคนยังคงตื่นอยู่ในเวลานั้นหลินหว่านหรูเปิดโทรศัพท์ของเธอและลองตรวจดู ยังคงมีคอมเมนต์เชิงลบจำนวนมากบนอินเทอร์เน็ต หลาย ๆ คนบอกว่าหลินซื่อกรุ๊ปกลัว ก็เลยยังไม่ออกมาตอบโต้แต่ก็มีบางคนที่พูดแทนหลินซื่อกรุ๊ปอย่างขันแข็งหลินหว่านหรูส่งเสียงฮึในใจอย่างเย็นชา ก่อนจะคิดกับตัวเองว่าโชคดีที่เย่เทียนหยู่อยู่ที่นี่ ไม่อย่างนั้นคงมีหลายอย่างที่เธอคงไม่รู้วิธีจัดการกับมันนอกเหนือจากสิ่งอื่นใด เทียนหยู่ยังสามารถจัดการกับแผนการสมรู้ร่วมคิดเหล่านี้และเรื่องอื่น ๆ ได้อย่างง่ายดาย บางครั้งเธอก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าเย่เทียนหยู่เติบโตขึ้นมาบนภูเขาจริง ๆ หรือในขณะที่ทุกคนกำลังพูดถึงเรื่องนี้ หลายคนก็คอยตอบกลบัว่า “หลินซื่อกรุ๊ปประกาศแล้ว”“ออกประกาศจริง ๆ ด้วย!”“ประกาศแล้วจะทำไม ก็ยังหลอกลวงประชาชนอยู่ดี”แม้ว่าหลายๆ คนจะรู้สึกว่าเนื้อหาของประกาศไม่น่าเชื่อถือ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะอ่านและทำความเข้าใจความหมายทั่วไปคือหลังจากที่บริษัททราบเรื่องนี้แล้วพบว่ามีการ
ด้วยความโกรธ หลี่ว์ซิงเหอจึงโทรหาหลินหว่านหรูทันทีและพูดว่า “หลินหว่านหรู เธอหมายความว่ายังไง เธอละเมิดข้อตกลงและขอให้ตำรวจเข้ามาแทรกแซงการสอบสวน?”เมื่อหลินหว่านหรูได้ยินแบบนั้น เธอก็โกรธมากขึ้น “หลี่ว์ซิงเหอแกไอ้คนร้ายหน้าด้าน กล้าดียังไงมาตะโกนใส่ฉัน?”เมื่อสักครู่นี้ เย่เทียนหยู่ได้ส่งบันทึกเสียงให้เธอเป็นบทสนทนาที่หลี่ว์ซิงเหอเคยพูดคุยกับหวังเจี้ยนและผู้ถือหุ้นอีกสองคนก่อนหน้านี้ เนื้อหาก็เป็นเนื้อหาเรื่องวิธีการวางแผนใส่ร้ายสิ่งที่บริษัททำหลังจากได้ยินแบบนั้นหลินหว่านหรูก็โกรธมาก“ไร้ยางอายเหรอ?”“หลินหว่านหรู เธอบ้าไปแล้วเหรอ?”“เธอคงไม่คิดว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นบนออนไลน์เกี่ยวข้องกับฉันหรอกนะ?”“ไม่เหรอ?” หลินหว่านหรูถามด้วยเสียงเยาะเย้ย“ก็ต้องไม่ใช่อยู่แล้ว เธอคิดมากไปแล้วนะ”“อย่าลืมว่าเราลงนามในข้อตกลงทางกฎหมายแล้ว ถ้าฉันทำแบบนั้น มันก็เป็นการละเมิดข้อตกลงแล้วมันก็เป็นการใส่ร้ายป้ายสี ฉันจะทำแบบนั้นได้ยังไง”“คุณว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับคุณเหรอ?”“แน่นอน เพราะงั้นตอนนี้ให้ดีที่สุดเธออย่าไปแจ้งตำรวจ”“เหอะๆ มันสายเกินไปแล้ว ฉันโทรหาตำรวจไปนานแล้วตั้งแต่จะออกป
เมื่อหลินหว่านหรูได้ยินแบบนั้น เธอไม่ได้อธิบายมากหนัก และส่งบันทึกที่เย่เทียนหยู่พบให้กับปู่ของเธอหลังจากที่คุณปู่ได้ยินแบบนั้น เขาก็โกรธทันทีและบอกให้หลินหว่านหรูทำทุกอย่างตามที่เธอวางแผนไว้ขณะที่ตำรวจเข้าแทรกแซง ผู้จัดการหลายคนของหลินซื่อกรุ๊ปถูกนำตัวไปที่สถานีตำรวจในชั่วข้ามคืนแน่นอนว่าจางเหยียนเป็นหนึ่งในนั้น และเธอก็รู้สึกหวาดกลัวในความเป็นจริง เธอตกใจมากเมื่อเห็นสิ่งที่หลินหว่านหรูประกาศทางออนไลน์ เธอจึงโทรหาหลิวซือซือทันทีและขอให้เธอไปขอร้องประธานหลินจากนั้นเธอก็โทรหาเย่เทียนหยู่ด้วยตัวเองแต่เย่เทียนหยู่ไม่ได้ให้สัญญาใด ๆ เขาแค่ขอให้เธอบอกทุกอย่างตามความเป็นจริง หากสิ่งที่เธออธิบายหลังจากที่เธอไปนั่นคือสิ่งที่เธออธิบายกับบริษัทครั้งก่อน และไม่มีปัญหาอื่น ทุกอย่างก็จะเรียบร้อยเมื่อได้ยินแบบนั้น จางเหยียนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอแอบดีใจที่ไม่ได้ปิดบังสิ่งที่เธอบอกบริษัทครั้งที่แล้ว ไม่อย่างนั้น เธอไม่รู้จะทำยังไงจริง ๆโชคดียิ่งกว่านั้นที่เธอเพิ่งโทรหาเย่เทียนหยู่เพื่อแจ้งให้เขาทราบถึงสถานการณ์ของหลี่ว์ซิงเหอเมื่อคิดถึงความรวดเร็วในการดำเนินการของเย่เทียนหยู่ ค
เย่เทียนหยู่พาเฉินเฟยเฟยไปที่ห้องประชุม แม้ว่าเธอจะเตรียมตัวไว้แล้ว แต่เธอก็ยังมีความกังวลใจ“คุณกังวลหรือเปล่า?”“นิดหน่อยค่ะ!”“ไม่ต้องกังวล ทุกอย่างจะเรียบร้อยดี” เย่เทียนหยู่ยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “นอกจากนี้ วันนี้ผมได้เตรียมของขวัญพิเศษไว้ให้คุณด้วย”“ของขวัญ?”เฉินเฟยเฟยรู้สึกประหลาดใจ และจางผิงก็เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นเช่นกัน“ใช่ คุณต้องชอบแน่”“อาจจะไม่แพ้รูปลักษณ์ที่ได้รับการฟื้นฟูเลยด้วย” เย่เทียนหยู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม“อ่า……”เฉินเฟยเฟยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ของขวัญของคุณชายเย่จะต้องล้ำค่าแน่ เธอตั้งตารอคอยมัน แต่คำพูดถัดมาทำให้เธอตกตะลึงจัดแม้จะไม่เชื่อก็ตามจางผิงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “คุณชายเย่ คุณพูดเกินจริงไปหรือเปล่าคะ?”“ยังไงหากเธอฟื้นคืนรูปลักษณ์เดิมได้ คงเป็นความสุขที่ไม่อาจจินตนาการได้สำหรับพี่เฟยเฟย มีอะไรจะเทียบเคียงกับเรื่องนี้ได้ยังไง”“อย่าเป็นเงินนะคะ แม้ว่าเงินจะสำคัญมาก แต่ต่อให้คุณให้พี่เฟยเฟยหนึ่งห้าพันล้าน เธอก็คงไม่รับ”เย่เทียนหยู่ยิ้มและพูดว่า “ห้าพันล้าน ผมไม่มีเงินมากขนาดนั้นให้เธอ”“ไม่ ฉันแค่ยกตัวอย่าง” จางผิงรีบอธิบาย“ผมรู้”ในข
ด้วยเหตุนี้เธอจึงถูกโซเชียลโจมตี แฟน ๆ หลายคนทรยศและดูถูกเธอ ท้ายที่สุดก็ทำให้เธอค่อย ๆ หายไปจากสายตาของสาธารณชนและก็เพราะจงเหล่ยกล้าทำลายชื่อเสียงของเฉินเฟยเฟยจนป่นปี้ เธอถึงกล้าดูถูกเฉินเฟยเฟยอย่างไร้ศีลธรรมสารพัด เพราะถึงเวลานี้ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเฉินเฟยเฟยอีกต่อไปแล้วเมื่อได้ยินคำถามนี้ หลินหว่านหรูก็ยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “ไม่ต้องกังวล เฉินเฟยเฟยจะต้องปรากฏตัวอย่างแน่นอนค่ะ นอกจากนี้ เธอจะถอดผ้าคลุมหน้าออกในที่สาธารณะด้วย!”“อะไรนะ โกหกหน่า!”“หน้าของเฟยเฟยหายดีแล้วจริงเหรอ?”“เครื่องสำอางของหลินซื่อกรุ๊ปทำได้จริงๆเหรอ?”“ถ้าเป็นอย่างนั้น ในอนาคตฉันจะใช้แต่ผลิตภัณฑ์ของหลินซื่อกรุ๊ป ฉันจะซื้อทุกอย่างจากพวกเขาเท่านั้น”“ฉันก็เหมือนกัน ขอแค่หลินซื่อกรุ๊ปสามารถนำเฟยเฟยของเรากลับมาได้ เราจะใช้ของที่เธอใช้ทุกรายการเลย”“ฉันประทับใจพวกคุณจริง ๆ ก็แค่ผู้หญิงขายตัวต้องทุ่มเทกันสนับสนุนขนาดนี้”“ก็นั่นน่ะสิ ถ้าดื่มเหล้าร่วมหลับนอนกับคนอื่น ถ้าไม่รู้นี่นึกว่าเมียน้อย ยังมีคนคอยสนับสนุนคนแบบนี้ โลกกำลังเสื่อมถอยลงจริง ๆ”“......”ต่อจากนั้น คำพูดโจมตีรุนแรงมหาศาลก็ปรากฏขึ้น และแ
หลินหว่านหรูลุกขึ้นยืนต้อนรับการมาถึงของพวกเขาก่อนแล้วพูดว่า “ทุกคนคงสงสัยว่าทำไมฉันถึงเรียกคุณตำรวจทั้งสองคนมาสินะคะ”“แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเฉินเฟยเฟย!”สถานการณ์นี้น่าจับตามองอีกครั้ง แม้จะเป็นตอนเช้าแต่จำนวนผู้ชมก็พุ่งสูงขึ้นและผู้คนจำนวนมากก็ดูถ่ายทอดสดขณะทำงานโดยเฉพาะคนในหลินซื่อกรุ๊ป พนักงานทุกคนหยุดทำงานและจับตาดูอย่างตั้งใจ นี่คือสิ่งที่บริษัทอนุญาตและกำหนดให้พวกเขาทำด้วยเมื่อนักข่าวได้ยินแบบนั้น พวกเขาก็สนใจมากขึ้นและยืนขึ้นทีละคนเพื่อถามคำถามแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองคนโบกมือโบกมือให้ทุกคนนั่งลงแล้วหยิบไมโครโฟนแนะนำตัวตนและข้อมูลที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะคนที่พูดคือรองผู้อำนวยการสถานีตำรวจ สถานะของเขานั้นไม่ธรรมดา ดังนั้นทุกคนจึงยอมรับความน่าเชื่อถือของคำพูดของเขา“วันนี้เรามาที่นี่เพื่อชี้แจงบางสิ่งเกี่ยวกับเฉินเฟยเฟยในตอนนั้นเป็นหลัก”“พบว่าไฟที่ไหม้ใบหน้าของเฉินเฟยเฟยนั้นเกิดจากการรอบวางเพลิง ผู้ต้องสงสัยทางอาญาทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้ถูกจับกุมและนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว”“อะไรนะ!”“เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ด้วยฉันเดามานานแล้วเชียวว่าต้องมีเบื้อ
“เฟยเฟย ฉันรักคุณและจะสนับสนุนคุณเสมอ แม้ว่าคุณจะรักษาไม่หายก็ตาม”“ถ้าคุณไม่อยากให้เราเห็นใบหน้าที่เจ็บปวดของคุณจริง ๆ จะสวมหน้ากากไว้ก็ได้ เราจะสนับสนุนคุณแน่นอน”ในขณะนี้ ความคาดหวังในตัวเฉินเฟยเฟยของทุกคนได้มาถึงจุดสูงสุดแล้วแน่นอนว่าผู้คนจากสื่อต่างก็เริ่มติดต่อและส่งต่อข้อมูลที่เกี่ยวข้องกันอย่างเมามัน และเรียกร้องให้เผยแพร่โดยทันทีนี่เป็นข่าวด่วนอย่างแน่นอนคิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้เพิ่งเริ่มต้นก็มีไฮไลท์ขนาดนี้ เรื่องต่อจากนี้พวกเขาตั้งตารอจริง ๆแต่เฉินเฟยเฟยที่พวกเขาสนับสนุน ในเวลานี้กลับกำลังน้ำตาไหล และน้ำตาของเธอก็ไหลไม่หยุดเมื่อตำรวจปรากฏตัวในตอนแรก เฉินเฟยเฟยตกตะลึง จากนั้นเธอก็ได้ยินว่าพวกเขาบอกว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเธอ หรือว่าจะมาอธิบายเรื่องที่จงเหล่ยทำร้ายเธออย่างนั้นเหรอแน่นอนว่าเป็นเช่นนั้น มาถึงตอนนี้เธอไม่ได้รู้สึกอะไรมากมายแล้ว แค่ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงทำเรื่องแบบนั้นแต่สิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพูดต่อจากนั้นทำให้เธอน้ำตาไหลความจริงถูกเปิดเผยแก่ทุกคน!จากปากของตำรวจผู้ซึ่งมีอำนาจมากกว่าใคร ๆเมื่อเห็นคำพูดและการสนับสนุนของทุกคน เฉินเฟยเฟยจะควบคุมอา
หญิงสวมชุดยาวสีขาวคนหนึ่งเธอมีรูปร่างที่สง่างาม และดูบริสุทธิ์ผุดผ่องแต่น่าเสียดายที่เธอมีผ้าพันคอสีดำบนใบหน้า จึงไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนข้างหลังเธอมีอีกคนคือจางผิงผู้ช่วยของเฉินเฟยเฟยทันทีที่ทั้งสองคนปรากฏตัว ทุกคนที่อยู่ข้างในก็ตื่นเต้นทันที สายตาของพวกเขาจับจ้องไปที่ผู้หญิงที่สวมผ้าคลุมหน้าในขณะเดียวกัน กล้องก็หันกลับมาทันที และโซเชียลก็เริ่มตื่นเต้นมากขึ้น“มาแล้วๆ!”“นั่นเฟยเฟย ไม่ต้องดูรูปร่างหน้าตาของเธอก็รู้ พอเธอปรากฏตัวฉันก็จำเธอได้เลย นั่นคือเฟยเฟยที่ฉันชอบ!”“เฟยเฟย ฉันรักคุณ!”“เฟยเฟย ไม่ต้องกลัว เราสนับสนุนคุณ!”ทันใดนั้นคำกล่าวสนับสนุนต่าง ๆ นานาก็พรั่งพรูเข้ามา แสดงให้เห็นว่าในตอนนั้นเฉินเฟยเฟยมีแฟนคลับที่รักเธออยู่มากมายเมื่อเห็นว่าทุกคนไม่เฉยเมยต่อเธอเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป และพากันถามคำถามเธอไม่หยุดหย่อน ของเธอ อารมณ์ที่เพิ่งสงบลงของเธอก็ตื่นเต้นขึ้นเล็กน้อยอีกครั้งพี่เย่ ขอบคุณนะ ขอบคุณจริงๆ!หากเปรียบเทียบการฟื้นตัวของใบหน้ากับความเข้าใจผิดของทุกคนเกี่ยวกับเธอ เธอคงเลือกที่จะล้างความเข้าใจผิดของทุกคน ดังนั้นของขวัญชิ้นนี้จึงพิเศษมากบางท
“หากเป็นเช่นนั้น งั้นเรื่องก็ง่ายมากเลยล่ะครับ มีวิธีอีกมากมายนับไม่ถ้วน” เหอรุ่ยรีบพูดขึ้นมา หากเขายังบอกว่าทำไม่ได้อีก แล้วตนจะยังมีประโยชน์อะไร นั่นเท่ากับตนจะพลาดโอกาสในการเลื่อนตำแหน่งไม่ใช่รึไงเมื่อได้ยินแบบนี้ สีหน้าของแม่ตระกูลหลินก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที ตอนนี้บริษัทมีทางรอดแล้วคนอย่างหลิวเหวินไม่รู้เรื่องอะไรเอาเสียเลย แถมยังบอกว่าหมดหนทางอีกแต่เมื่อตนเป็นคนออกโรงเอง ก็สามารถหาคนเก่งมาได้ในทันที ทั้งยังสามารถแก้ปัญหาได้อย่างง่ายดายอีกด้วย!และเท่าที่ฟังมา เหมือนว่าคนที่ตนเลือกจะมีวิธีแก้ปัญหามากมายนับไม่ถ้วนอีกต่างหากเมื่อเห็นแบบนี้แล้ว แม่ตระกูลหลินก็รีบพูดขึ้นทันทีว่า “ดีมาก หากเฉินเว่ยกล้ามาจริง ๆ ฉันก็จะไล่มันออกทันที แล้วให้เธอมารับตำแหน่งแทนหล่อนซะ”“ครับ ขอบคุณประธานหลิวมากครับ ผมจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อรับใช้คุณ!” เหอรุ่ยรีบพูดประจบประแจงขึ้นมาทันที“ดีมาก ไม่เลวเลย เธอยังหนุ่มยังแน่น ต่อไปจะต้องมีอนาคตที่สดใสอย่างแน่นอน!”เมื่อแม่ตระกูลหลินได้ยินว่าอีกฝ่ายยินดีรับใช้ตน สีหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ในใจก็รู้สึกพอใจอย่างมาก“ประธานหลิวชมเกินไปแล้วคร
“แต่ว่า ประธานเย่เองก็ไม่ใช่คนนอกนี่คะ”“ประธานเย่อะไร ใครคือประธานเย่กัน บริษัทนี้มีตำแหน่งเขาด้วยรึไง? หลิวเหวิน เธอเป็นอะไรไป หรือว่าเธอไม่อยากที่จะอยู่ในบริษัทนี้ต่ออย่างงั้นเหรอ?”แม่ตระกูลหลินด่าทอด้วยความโกรธวันนี้เย่เทียนหยู่ไม่แม้แต่จะเอ่ยปากทักทายตนเลยด้วยซ้ำ คิดว่าตัวเองสูงส่งมาจากไหนกันต่อให้เขาจะเก่งกาจมากแค่ไหน สุดท้ายก็ยังเดินตามหลังลูกสาวตนอยู่ดี ยังเป็นลูกเขยที่เชื่อฟังของเธออยู่กล้าดียังไงที่เมินเฉยกันแบบนี้!ไม่มีมารยาทเลยแม้แต่น้อย น่าโมโหเสียจริง!เมื่อถูกด่าทอแรง ๆ แบบนี้ สีหน้าของหลิวเหวินดูเศร้าหมองมากขึ้นเรื่อย ๆ เธอก็รู้สึกโกรธจนแทบทนไม่ไหว เธอไม่สามารถอดทนต่อไปได้แล้วจริง ๆ แต่เวลานี้แม่ตระกูลหลินก็ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมาว่า “เอาล่ะ หลิวเหวิน ฉันจะไม่พูดไร้สาระกับเธออีก วัตถุดิบที่เธอต้องการมันไม่มีอีกแล้วล่ะ”“ตอนนี้ สิ่งที่เธอต้องทำก็คือ รีบหาวัตถุดิบตัวใหม่เพื่อมาทดแทนโดยเร็วที่สุด”“ฉันทำไม่ได้หรอกค่ะ!” หลิวเหวินตอบ“ทำไม่ได้ก็คิดหาวิธีสิ หากยังไม่ได้อีก เธอก็หาอย่างอื่นที่ให้ผลลัพธ์ใกล้เคียงมาไม่ได้รึไง ขอแค่ผลลัพธ์ออกมาคล้ายกัน แค
ประจวบเหมาะกับที่หลินหว่านหรูเองก็เกือบจะจัดการธุระเสร็จแล้ว เย่เทียนหยู่มองดูนาฬิกาครู่หนึ่ง เวลาเพิ่งจะสิบโมงกว่า ๆ ดังนั้นจึงมีเวลาอีกเหลือเฟือให้เขารีบกลับไป“แม่ของคุณกับคนอื่น ๆ ล่ะ หรือพวกเขากลับไปกันแล้ว?” เย่เทียนหยู่รู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย นานแล้วที่ไม่ได้เจอพวกเขา แถมยังเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ขึ้นอีก ไม่คิดจะอยู่พูดคุยกันหน่อยรึไง“กลับไปกันแล้ว!”สีหน้าของหลินหว่านหรูเริ่มมืดมนลงเล็กน้อย “ไม่ใช่ว่าคุณต้องรีบกลับไปจัดการธุระเหรอคะ พวกเราเองก็กลับกันเถอะ”“ได้!”เย่เทียนหยู่พยักหน้า เขาสตาร์ทรถและขับออกไปทันที ระหว่างทาง เขาหันไปมองหลินหว่านหรูที่ดูเหมือนว่าเธอมีอะไรอยากจะพูดแต่ก็ไม่กล่าเอ่ยปาก เขาจึงถามออกไปว่า “หว่านหรู คุณเป็นอะไรรึเปล่า หรือมีเรื่องอะไรที่ทำให้คุณลำบากใจรึเปล่า?”“หรือจะเป็นเรื่องสูตรนั่น?”เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่เป็นฝ่ายเริ่มพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาก่อน หลินหว่านหรูก็พยักหน้าทันที ก่อนจะพูดซ้ำสิ่งที่แม่ของเธอเพิ่งจะพูดไปออกมาเย่เทียนหยู่ส่ายหัว พร้อมพูดอย่างช่วยไม่ได้ออกไปว่า “ไม่เป็นไรหรอก ก็แค่สูตรส่วนผสมสูตรเดียวเอง ผมเขียนให้ตอนนี้เลยก็ได้ และจะ
“ได้สิ”ทันทีที่แม่ตระกูลหลินพูดจบ เธอก็รีบเดินจากไป พร้อมกับสาปแช่งอยู่ในใจใครขอให้แกมากัน ไม่รู้จะมาทำไม มาแย่งบริษัทไปจากฉันรึไงฝันไปเถอะ!หลินซื่อกรุ๊ป ไม่ใช่สิ่งที่แกคิดจะเอาก็เอาไปได้ง่าย ๆ หรอกนะ!ถ้าเธอรู้แต่แรก ว่าอีกไม่นานหลินหว่านหรูจะได้นั่งตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปของเทียนเฟิงกรุ๊ป และได้กลายเป็นผู้จัดการระดับสูงของกลุ่มบริษัทที่มีมูลค่าหลายหมื่นล้านแบบนี้ เธอไม่มีทางคิดเช่นนี้แน่พ่อตระกูลหลินรู้สึกทำอะไรไม่ถูก อันที่จริง เขาไม่ค่อยเห็นด้วยกับวิธีการของแม่ตระกูลหลินสักเท่าไหร่ แต่ถึงยังไงเมื่อก่อนทุกการตัดสินใจก็มักจะขึ้นอยู่กับแม่ตระกูลหลิน แถมตอนนี้ท่าทีของเธอก็ยิ่งเหมือนบูเช็คเทียนเข้าไปทุกวัน ไม่ว่าเธอพูดจะอะไร ตนก็ได้แต่ต้องทำตามเท่านั้น ในขณะเดียวกันนั้นเอง เย่เทียนหยู่ก็เดินตามหาหลงเจี๋ยจนเจอ จากนั้นหลงเจี๋ยก็ถามออกไปด้วยความโกรธทันที “เย่เทียนหยู่ นี่คุณหมายความว่ายังไง ก่อนหน้านี้ทำไมคุณถึงต้องหลอกฉันด้วย?”“ผมหลอกคุณงั้นเหรอ?” เย่เทียนหยูรู้สึกสับสน“ยังไม่ยอมรับอีกงั้นเหรอ เห็น ๆ อยู่ว่าคุณคือราชามังกรแห่งพรรคมังกร ไม่บอกฉันก็ช่างเถอะ แต่นี่ยังจะแสร้งบ
เย่เทียนหยู่ที่เห็นฉากนี้ ก็อดส่ายหัวไม่ได้ จึงพูดขึ้นว่า “หว่านหรู ในเมื่อทางนี้ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว พอดีเมื่อกี้คุณตำรวจหลงมีเรื่องที่ต้องคุยกับผมน่ะ ผมขอไปหาเธอหน่อยนะ”“อือ คุณไปเถอะ”เมื่อกี้ตอนที่หลงเจี๋ยเชิญเขา หลินหว่านหรูที่อยู่ข้าง ๆ เองก็รู้เรื่องนี้ดีหลังจากนั้นเย่เทียนหยู่จึงเดินจากไปเมื่อเย่เทียนหยู่เดินจากไปแล้ว คนที่เหลือก็เดินไปหาเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบคดี หลังจากที่สื่อสารกันไปมาสักพัก หลินหว่านหรูก็ได้เซ็นลงไปส่วนเรื่องเงินชดเชย แน่นอนว่าเธอไม่ต้องการเลยสักบาทเมื่อเห็นว่าในที่สุดปัญหาก็ได้คลี่คลายลงแล้ว แม่ตระกูลหลินก็รู้สึกโล่งใจอย่างมาก เธอจึงกอดหลินหว่านหรูเอาไว้แน่น พร้อมกับพูดด้วยความซาบซึ้งออกไปว่า “หว่านหรู ขอบคุณมากนะ!”“ก่อนหน้านี้แม่ทำผิดพลาดไปมากมาย แต่ลูกก็ยังปกป้องแม่ตลอด ลูกเป็นลูกสาวที่ดีที่สุดในโลกเลย แม่รักลูกนะ!”คำพูดที่หวานซึ้งเช่นนี้ หลินหว่านหรูถึงกับทนรับเอาไว้ไม่ไหว แต่การที่แม่สามารถแสดงมันออกมาได้ มันก็ทำให้เธอรู้สึกมีความสุขมากแล้ว“หว่านหรู ลูกวางใจได้ ตอนนี้แม่รู้แล้วว่าตัวเองผิด ต่อไปจะไม่ทำอะไรแบบนั้นอีก แม่จะดูแลบริษัทใ
ในตอนที่เพิ่งจะเดินเข้าไป ก็เห็นว่าพ่อตระกูลหลินกำลังเดินออกมา พร้อมกับพูดด้วยท่าทีที่ตื่นเต้นออกไปว่า “หว่านหรู ในที่สุดแกก็มาแล้ว ขืนแกยังไม่มา แม่แกคงอยู่ต่อไม่ไหวแล้ว”หลินหว่านหรูขมวดคิ้ว เธอแทบไม่เชื่อสิ่งเหล่านี้เลยแม้แต่น้อยสีหน้าเย่เทียนหยู่ดูเย็นชาอย่างมากเมื่อต้องเผชิญหน้ากับความเย็นชาของทั้งสอง สีหน้าพ่อตระกูลหลินก็ดูหมดหวัง และคิดว่าหลายสิ่งที่พวกเขาทำมันเกินไปแล้วจริง ๆ เขาจึงไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปดีเป็นเพราะเขาเดินตามทั้งสองเข้าไป พ่อตระกูลหลินถึงเข้าไปด้วยได้ เดิมที เขาแค่จะมาดูแม่ตระกูลหลินเท่านั้นภายใต้การนำทางของตำรวจ หลินหว่านหรูและเย่เทียนหยู่ก็ได้มาถึงห้องขังที่แม่ตระกูลหลินอยู่แม่ตระกูลหลินเองก็รู้ว่าหลินหว่านหรูมาถึงแล้ว ทันทีที่เห็นทั้งสอง เธอก็รีบลุกขึ้น และเดินมาหาทันที ดวงตาของเธอแดงก่ำ ก่อนจะตะโกนออกไปว่า “หว่านหรู ลูกรักของแม่ ลูกมาแล้วเหรอ!”มองดูดวงตาที่แดงก่ำของแม่ตระกูลหลิน บวกกับท่าทีตื่นเต้นโดยเฉพาะสีหน้าที่ดูอ่อนเพลียและซีดเซียวของเธอ แม้แต่ผมเผ้าเองก็ยังดูยุ่งเหยิงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งทำให้เธอดูน่าสงสารอย่างมากบวกกับที่เธอพูดคำว
คุณนายไป๋ถูกหัวหน้าใหญ่ไป๋จ้องตาเขม็ง สีหน้าเปลี่ยนไปนิดหน่อย ก่อนจะรีบพูดออกมาเบา ๆ ว่า “พี่เฉินคะ พะ พี่เป็นอะไรไป?”“เธอคิดว่ายังไงล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ พวกเราจะมาถึงจุดนี้ได้ยังไง!”สีหน้าไป๋เฉินดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่“ละ แล้วนี่มันเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะคะ ถึงต่อให้ฉันเป็นคนที่สร้างเรื่องขึ้นมา พี่ก็เป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอ ว่าสำนักเจวี๋ยฉิงจะสามารถจัดการเขาได้?”“เดิมทีมันก็อาจจะได้ แต่เมื่อกี้พยัคฆ์ทมิฬเพิ่งรายงานว่า เขาอาจจะเป็นราชามังกรแห่งพรรคมังกรก็ได้ และจากสถานการณ์ในปัจจุบัน ก็ดูเหมือนจะมีโอกาสมากถึงแปดเก้าส่วนที่จะเป็นเรื่องจริง”“หากว่าเขาเป็นราชามังกรจริง ๆ ล่ะก็ เกรงว่าแม้แต่สำนักเจวี๋ยฉิงก็ทำอะไรเขาไม่ได้”ไป๋เฉินพูดด้วยความโกรธ“หา ไม่จริงน่า เป็นไปได้ไหมที่พยัคฆ์ทมิฬกำลังหลอกพี่อยู่”“เขาไม่มีทางหลอกฉันแน่”ไป๋เฉินถอนหายใจ ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว เขาถูกภรรยาชักจูงแบบผิด ๆ มาตั้งแต่แรก ต่อให้ตอนนี้ตนได้รู้เรื่องราวทั้งหมด แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรสิ่งที่เขากังวลมากที่สุดในตอนนี้ ไม่ใช่ปัญหาในการจัดการกับเย่เทียนหยู่ แต่เป็นจุดตันเถียนของเขา มันจะยังสามารถฟื้นฟูกลับมาไ
จากนั้น ไป๋เฉินก็หยิบกล่องเล็ก ๆ ที่ดูประณีตออกมาจากตัว เขานำมันติดตัวมาด้วย จากนั้นจึงยื่นให้เย่เทียนหยู่ด้วยท่าทีที่ไม่เต็มใจสักเท่าไหร่นี่คือสมบัติที่แม้แต่เขาก็ยังรู้สึกตื่นเต้น ว่ากันว่า หากกลั่นมันออกมาเป็นยา ก็จะสามารถช่วยให้ทะลวงเข้าสู่ระดับปรามาจารย์ได้ทันทีหากไม่ใช่เพราะแรงกดดันที่น่ากลัวจากสำนักเจวี๋ยฉิง เขาก็คงคิดที่จะเก็บมันเอาไว้ใช้เองเขาเคยเห็นด้วยตาตัวเองแล้ว ตอนที่ยอดฝีมือจากสำนักเจวี๋ยฉิงต่อสู้กับปรมาจารย์ที่น่ากลัวคนหนึ่ง กระบวนท่าเดียว ใช้เพียงกระบวนท่าเดียวเท่านั้น ก็สามารถฆ่ายอดฝีมือระดับปรมาจารย์คนนั้นได้ในทันทีดังนั้น การที่ไอ้เด็กนี่มันกล้าท้าทายอำนาจสำนักเจวี๋ยฉิงแบบนี้ มันจะต้องตายอย่างแน่นอนเย่เทียนหยู่รับกล่องมา ก่อนจะเปิดดูด้านใน และพบว่านั่นคือดอกบัวสีเจ็ดสีจริง ๆ สิ่งนี้มีประโยชน์อย่างมากเมื่อมาอยู่ในมือของเขา เขาจึงรับเก็บมันไว้ทันที แล้วพูดด้วยท่าทีเรียบเฉยออกไปว่า “เห็นแก่ของเล่นชิ้นนี้ ผมจะปล่อยคุณไปสักครั้งก็แล้วกัน”“จำไว้นะว่า อีกสี่หมื่นห้าพันล้าน จะต้องถูกโอนเข้าบัญชีภายในหนึ่งวัน เพราะไม่อย่างนั้น ก็รอรับผลที่จะตามมาได้เลย!”ทันที
เมื่อคุณนายไป๋ได้ยินดังนั้น เธอก็รีบโต้กลับทันที “หากเป็นสมบัติธรรมดาพวกเขาต้องไม่สนใจอยู่แล้ว แต่นี่เป็นถึงดอกบัว......”“เลิกพูดมากได้แล้ว!”เมื่อกี้หยุดเอาไว้ไม่ทัน ตอนนี้ไป๋เฉินจึงรีบพูดห้ามขึ้นทันที “พูดจาไร้สาระให้มันน้อย ๆ หน่อย ทางที่ดีแกก็รีบปล่อยพวกเราไปซะ เพราะไม่อย่างนั้น ผลที่จะตามมาอาจเกินกว่าที่แกจะรับไหวก็ได้”เย่เทียนหยู่หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะพูดออกไปว่า “คุณนับว่าฉลาดกว่าภรรยาคุณอยู่นะ หากเป็นเธอล่ะก็ ป่านนี้เธอคงสั่งให้ผมรีบขอโทษและยอมรับผิดไปแล้ว” “แต่ว่านะ ถึงยังไงก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี! อย่าว่าแต่สำนักเจวี๋ยฉิงอะไรนั่นเลย ต่อให้เป็นสำนักที่แข็งแกร่งมากแค่ไหน วันนี้ หากคุณยังไม่คืนเงินล่ะก็ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ช่วยพวกคุณไม่ได้ทั้งนั้น”สีหน้าของไป๋เฉินเปลี่ยนไปทันที เขาทั้งโกรธและตกใจ “นี่แกไม่กลัวสำนักเจวี๋ยฉิงจริง ๆ หรือว่าแกไม่รู้ว่าสำนักเจวี๋ยฉิงมีการดำรงอยู่ที่น่ากลัวมากแค่ไหนกันแน่?”“รู้หรือไม่มันก็ไม่สำคัญหรอก ผมจะให้โอกาสคุณเป็นครั้งสุดท้าย สี่หมื่นห้าพันล้าน จะให้หรือไม่ให้? !”สีหน้าเย่เทียนหยู่ดูเย็นชา เขาเสียเวลามามากพอสมควรแล้ว เขาไม่อยากพูด