“เฟยเฟย ฉันรักคุณและจะสนับสนุนคุณเสมอ แม้ว่าคุณจะรักษาไม่หายก็ตาม”“ถ้าคุณไม่อยากให้เราเห็นใบหน้าที่เจ็บปวดของคุณจริง ๆ จะสวมหน้ากากไว้ก็ได้ เราจะสนับสนุนคุณแน่นอน”ในขณะนี้ ความคาดหวังในตัวเฉินเฟยเฟยของทุกคนได้มาถึงจุดสูงสุดแล้วแน่นอนว่าผู้คนจากสื่อต่างก็เริ่มติดต่อและส่งต่อข้อมูลที่เกี่ยวข้องกันอย่างเมามัน และเรียกร้องให้เผยแพร่โดยทันทีนี่เป็นข่าวด่วนอย่างแน่นอนคิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้เพิ่งเริ่มต้นก็มีไฮไลท์ขนาดนี้ เรื่องต่อจากนี้พวกเขาตั้งตารอจริง ๆแต่เฉินเฟยเฟยที่พวกเขาสนับสนุน ในเวลานี้กลับกำลังน้ำตาไหล และน้ำตาของเธอก็ไหลไม่หยุดเมื่อตำรวจปรากฏตัวในตอนแรก เฉินเฟยเฟยตกตะลึง จากนั้นเธอก็ได้ยินว่าพวกเขาบอกว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเธอ หรือว่าจะมาอธิบายเรื่องที่จงเหล่ยทำร้ายเธออย่างนั้นเหรอแน่นอนว่าเป็นเช่นนั้น มาถึงตอนนี้เธอไม่ได้รู้สึกอะไรมากมายแล้ว แค่ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงทำเรื่องแบบนั้นแต่สิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพูดต่อจากนั้นทำให้เธอน้ำตาไหลความจริงถูกเปิดเผยแก่ทุกคน!จากปากของตำรวจผู้ซึ่งมีอำนาจมากกว่าใคร ๆเมื่อเห็นคำพูดและการสนับสนุนของทุกคน เฉินเฟยเฟยจะควบคุมอา
หญิงสวมชุดยาวสีขาวคนหนึ่งเธอมีรูปร่างที่สง่างาม และดูบริสุทธิ์ผุดผ่องแต่น่าเสียดายที่เธอมีผ้าพันคอสีดำบนใบหน้า จึงไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนข้างหลังเธอมีอีกคนคือจางผิงผู้ช่วยของเฉินเฟยเฟยทันทีที่ทั้งสองคนปรากฏตัว ทุกคนที่อยู่ข้างในก็ตื่นเต้นทันที สายตาของพวกเขาจับจ้องไปที่ผู้หญิงที่สวมผ้าคลุมหน้าในขณะเดียวกัน กล้องก็หันกลับมาทันที และโซเชียลก็เริ่มตื่นเต้นมากขึ้น“มาแล้วๆ!”“นั่นเฟยเฟย ไม่ต้องดูรูปร่างหน้าตาของเธอก็รู้ พอเธอปรากฏตัวฉันก็จำเธอได้เลย นั่นคือเฟยเฟยที่ฉันชอบ!”“เฟยเฟย ฉันรักคุณ!”“เฟยเฟย ไม่ต้องกลัว เราสนับสนุนคุณ!”ทันใดนั้นคำกล่าวสนับสนุนต่าง ๆ นานาก็พรั่งพรูเข้ามา แสดงให้เห็นว่าในตอนนั้นเฉินเฟยเฟยมีแฟนคลับที่รักเธออยู่มากมายเมื่อเห็นว่าทุกคนไม่เฉยเมยต่อเธอเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป และพากันถามคำถามเธอไม่หยุดหย่อน ของเธอ อารมณ์ที่เพิ่งสงบลงของเธอก็ตื่นเต้นขึ้นเล็กน้อยอีกครั้งพี่เย่ ขอบคุณนะ ขอบคุณจริงๆ!หากเปรียบเทียบการฟื้นตัวของใบหน้ากับความเข้าใจผิดของทุกคนเกี่ยวกับเธอ เธอคงเลือกที่จะล้างความเข้าใจผิดของทุกคน ดังนั้นของขวัญชิ้นนี้จึงพิเศษมากบางท
“มันก็แค่ข่าวลือ ใครจะรู้ว่าจริงหรือเท็จ”“ไม่ผิดหรอก เธอลองสืบค้นดูสิข่าวออกมาแล้วนะ อาจจะมีประกาศผลเร็ว ๆ นี้ด้วย เรื่องนี้ชัดเจนมาก”ในขณะนี้ นักข่าวก็รู้เรื่องนี้ทั้งหมดและถามทันทีว่า “ประธานหลิน ประธานหลี่ว์จากบริษัทของคุณถูกจับแล้วหรือเปล่าคะ?”เมื่อหลินหว่านหรูได้ยินแบบนั้นเธอก็ส่ายหน้าทุกคนตกตะลึงเล็กน้อย อาจเป็นข่าวเท็จหรือเปล่า?“คุณพูดผิดแล้ว เขาชื่อหลี่ว์ซิงเหอ และเขาไม่ใช่หนึ่งในประธานบริษัทของเราอีกต่อไป ส่วนที่เขาถูกจับนั้นก็เป็นเรื่องจริงค่ะ เพราะฉันแจ้งตำรวจ”“เดิมที ฉันวางแผนที่จะให้โอกาสเขา แต่ฉันไม่คิดว่าเขาจะส่งหน้าม้ามาปลุกปั่นบนอินเทอร์เน็ต สร้างเรื่องและปัญหา!”“อย่างไรก็ตาม พรรคพวกที่ช่วยเขาก็กรุณาเตรียมตัวไว้ด้วยนะคะ อีกไม่นานเรื่องนี้ก็จะไปถึงพวกคุณแล้ว”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้สิ้นสุด ก็เท่ากับเป็นการยืนยันทั้งหมดนี้ทำเอาพรรคพวกทุกคนหน้าซีด เพราะถึงยังไงพวกเขาก็ได้เห็นแล้วว่าหลินซื่อกรุ๊ปแข็งแกร่งเพียงใด ในตอนแรกพวกเขาไม่อยากทำมันด้วยซ้ำ แต่พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องจ่ายเงินมากเกินไปเป็นอย่างที่คิดเอาไว้เลย!หลี่ว์ซิงเหอถูกจับกุมจริง ๆ นี่มันหม
แน่นอนว่าบางคนอดไม่ได้ที่จะแสดงตนขึ้นมาพูดว่า “ประธานหลิน ไม่ใช่ว่าเราไม่เชื่อคุณหรอกนะ แต่นี่มันก็เพื่อประโยชน์ของคุณเอง คุณให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบบาดแผลของคุณเฟยเฟยสักหน่อยได้ไหม จะได้ปิดปากผู้คนได้”“ใช่ ช่วยตรวจสอบดูได้ไหม ไม่อย่างนั้นจะโน้มน้าวผู้คนได้ยังไง”“ใช่แล้วล่ะ ควรจะตรวจสอบนะ”“……”เมื่อดูคำพูดโจมตีบนโซเชียล หลายคนพูดถึงการตรวจสอบนี้ ส่วนเย่เทียนหยู่แอบส่ายหน้าโชคดีที่เฉินเฟยเฟยเป็นเป็นคนนแนะนำให้พวกเขาทำขั้นตอนนี้ไม่อย่างนั้น ก็คงจะมีปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้แน่หลินหว่านหรูส่งเสียงฮึออกมาอย่างเย็นชา แม้ว่าเธอจะรู้สึกรำคาญในใจแต่เธอก็ยังตอบอย่างเฉยเมยไปว่า “ปัญหาที่คุณพูดถึงน่ะ คนของเราคิดเอาไว้อยู่แล้ว”“ด้วยเหตุผลนี้ ฉันจึงได้เชิญแพทย์ชั้นนำจากแผนกผิวหนังของโรงพยาบาลใหญ่สี่แห่งในเมืองเทียนไห่มาตรวจดูอาการบาดเจ็บตรงจุดนั้นเป็นพิเศษแล้วค่ะ”ทันทีที่สิ้นคำพูดเหล่านี้ ทุกคนต่างก็ตกตะลึงไม่มีใครคาดคิดว่าหลินหว่านหรูจะคิดไปถึงขั้นตอนนี้ด้วยซ้ำเมื่อมองดูภาพเบื้องหน้านี้ หัวใจของซูถิงก็เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา เพราะเธอรู้ว่านี่จะต้องเป็นผลงานชิ้นเอกของเย่เทียนหยู
“แน่นอนค่ะ!”หลินหว่านหรูดูมั่นใจ แต่จริง ๆ แล้วหัวใจของเธอกำลังหวาดหวั่น“ถ้าอย่างนั้นต้องใช้เวลากี่วันกว่าที่เราจะได้เห็นรูปลักษณ์ของเฉินเฟยเฟยกลับคืนมาเป็นแบบเดิมเหรอคะ?” นักข่าวถามทันทีแน่นอนว่าหลินหว่านหรูเตรียมพร้อมสำหรับปัญหาอยู่แล้ว เพียงว่าเธอกังวลเล็กน้อยว่าจะไม่มีใครเชื่อเธอถ้าเธอพูดไป แต่เธอก็ยังพูดอย่างช่วยไม่ได้ “หนึ่งวัน!”“อะไรนะ หนึ่งวันเหรอ?”“นี่มันจะเกินไปแล้วนะ!”“เหลวไหลใช่ไหม ทุกคนที่ถูกสารพิษจากเครื่องสำอางก็ใช้เวลามากกว่าหนึ่งวันนะ แต่ใบหน้าของเฟยเฟยดูอาการหนักกว่าเราอีกนะ”“ถึงขั้นบอกว่าหนึ่งวันเลยเหรอ จะโกหกกันก็ไม่น่าพูดเหลวไหลถึงขั้นนี้เลย”“ฉันรู้ว่าทุกคนไม่เชื่อ จริง ๆ แล้วฉันก็ไม่เชื่อเช่นกัน แต่ผู้เชี่ยวชาญของบริษัทเรามีความมั่นใจเป็นอย่างมาก แต่เขาก็บอกแล้วว่าถึงแม้เครื่องสำอางที่ผลิตในอนาคตจะให้ผลเช่นเดียวกัน เพียงแต่จะไม่ได้ให้ผลเร็วขนาดนี้”“เพราะเฉินเฟยเฟยจะได้รับการรักษาโดยผู้เชี่ยวชาญของเราเป็นการส่วนตัว โดยใช้การฝังเข็มและยาทาที่เขารับผิดชอบในการพัฒนา”“ทำให้การรวมกันของทั้งสองอย่างมีผลการรักษาดีเป็นพิเศษ และจะช่วยรักษารอยแผลเป็นได้อย
“แค่นี้พอแล้ว หรืออยากให้ผมทำมากกว่านี้ดีล่ะ?” เย่เทียนหยู่ถามด้วยรอยยิ้ม มือของเขายังคงซุกซนไม่หยุด“นายพูดอะไรของนาย!”ใบหน้าของหลินหว่านหรูเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ และเธอก็พูดด้วยความโกรธ “ปล่อยฉันนะ”“ไม่ปล่อย!”“ถ้ายังไม่ปล่อยฉันจะโกรธแล้วนะ” หลินหว่านหรูเริ่มโกรธ นี่เขาเห็นเธอเป็นอะไร ผู้หญิงง่ายอย่างนั้นเหรอเมื่อเห็นว่าหลินหว่านหรูดูโกรธมาก เย่เทียนหยู่ก็รีบปล่อยมือของเขาหลินหว่านหรูจ้องไปที่เย่เทียนหยู่ด้วยสายตาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อและพูดด้วยความโกรธ “เย่เทียนหยู่อย่ากดดันตัวเองมากเกินไป ฉันไม่ใช่ผู้หญิงคนหนึ่งที่คุณคบด้วยแบบไม่เป็นทางการ”คำพูดเหล่านี้ไม่น่าพอใจและทำให้เย่เทียนหยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อยและไม่พูดอะไร“ถ้านายต้องการฉันจริง ๆ นายก็พยายามทำงานหนักซะ พัฒนาความสามารถของตนเอง เผื่อว่าสักวันนายจะได้คู่ควรกับฉันจริง ๆ”หลินหว่านหรูทิ้งคำพูดเหล่านี้เอาไว้ก่อนจะจากไปด้วยความโกรธแต่หลังจากที่จากไป หัวใจของเธอกลับรู้สึกไม่สบายใจอย่างไม่อาจอธิบาย เธอชอบรู้สึกว่าคำพูดของตัวเองรุนแรงเกินไปแต่ว่าถ้าเธอไม่ทำแบบนี้ เขาก็อาจจะรู้สึกว่าเธอเป็นผู้หญิงใจง่ายหรือเปล่านะ?ยิ่ง
แต่บังเอิญที่ลมปราณของเขาช่วยกำจัดสารพิษทั้งหมด และคืนชีวิตให้กับผิว นอกจากนี้ มือของเขายังผอกยาทาให้เธออย่างน่าอัศจรรย์การทำทั้งสองอย่างนี้ร่วมกันเท่านั้นถึงจะสร้างผลลัพธ์ที่น่าเหลือเชื่อได้หลังจากฝังเข็มอยู่ราว 20 นาที เย่เทียนหยู่ก็ค่อย ๆ ทายาก่อนจะเสร็จสิ้นการรักษารวมแล้วใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงหลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อย เย่เทียนหยู่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพราะอาการบาดเจ็บของเธอสาหัสมาก เขาจึงต้องใช้ความพยายามไปไม่น้อยหลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เย่เทียนหยู่ก็เรียกจางผิงโดยไม่ได้ปลุกเฉินเฟยเฟย“คุณชายเย่ เรียบร้อยแล้วเหรอคะ?”จางผิงถามพร้อมพยายามกดความตื่นเต้นเอาไว้ในใจ“เราจะรู้กันพรุ่งนี้เช้า” เย่เทียนหยู่กล่าว“อ่อ แล้วทำไมพี่เฟยเฟยถึงยังไม่ตื่นเหรอคะ”“อย่าเพิ่งรบกวนเธอ ให้เธอได้พักผ่อนก่อน หลังจาก 10 โมงเช้าวันพรุ่งนี้ ให้เอาผ้ากอซบนใบหน้าของเธอออกแล้วล้างยาที่ค้างอยู่ข้างในออก”เย่เทียนหยู่กล่าว“ได้ค่ะ!”“ถ้าอย่างนั้นผมจะกลับก่อน ถ้าคุณต้องการอะไร สามารถโทรหาผมได้ตลอดเวลา”เย่เทียนหยู่ออกจากที่นี่หลังจากให้คำแนะนำเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย ขณะที่เขา
หลังจากเห็นท่าทางตื้นตันของหลินหว่านหรูที่มีต่อเขา กับอาการที่แปลกไปเมื่อครู่ตอนที่เธอเห็นจี้หยก กงซุนจื้อก็แอบรู้สึกภูมิใจ หลินหว่านหรูจะเข้ามาอยู่ในกำมือของเขาไม่ช้าก็เร็วเมื่อมีความช่วยเหลือจากซูถิงส่วนเย่เทียนหยู่ ไอ้เจ้านั่นดวงดีมากจริง ๆ เพราะหลังจากเกิดเรื่องผัวพันกับหยางเฉียนเฉียนแล้ว หยางต้าฝูก็ไม่ได้ลงมือจัดการเขาแต่อย่างใดแต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะถ้าหยางต้าฝูไม่ทำอะไรเลย งั้นก็มีแค่เขาต้องทำเอง ประเด็นหลักคือเย่เทียนหยู่ดูเหมือนจะมีความสามารถอยู่บ้าง ทำให้หลินหว่านหรูเริ่มสนใจเขาเมื่อนึกถึงตรงนี้ เขาก็โทรไปเพื่อจัดการเรื่องนี้ทันทีไม่นานนัก วันรุ่งขึ้นก็ไม่ถึง อย่าว่าแต่ชาวเน็ตนับไม่ถ้วน แม้แต่หลินหว่านหรูเองและคนอื่น ๆ ก็ให้ความสนใจต่อสถานการณ์ของเฉินเฟยเฟยเป็นอย่างมากเพราะพวกเขาไม่รู้ว่าเย่เทียนหยู่สามารถรักษารอยแผลเป็นบนใบหน้าของเฉินเฟยเฟยได้หรือไม่ผ่านไป 24 ชั่วโมง เฉินเฟยเฟยยังไม่กล้าถอดผ้ากอซออก เธอยังจงใจรออีกหนึ่งชั่วโมงก่อนที่จะพูดว่า “ผิงผิง มาช่วยฉันหน่อย”“ได้ค่ะ!”จางผิงเองก็ตั้งตารอมากเช่นกัน มือของเธอสั่นขณะที่กำลังฉีกผ้ากอซออกอย่างระมัดระวัง
เย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก ถ้ารู้แบบนี้ ก็คงไม่ให้พวกเธอสองคนดื่มตั้งแต่แรกในขณะเดียวกันนั้นเอง หลิวซือซือที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ยกแก้วในมือขึ้น แล้วพูดออกมาว่า “พี่เย่คะ ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกกับพี่มาโดยตลอด แต่ก็กลับไม่มีโอกาสได้พูดมันออกมาเลย”“งั้นก็อย่าพูดเลยจะดีกว่า” เย่เทียนหยู่นึกถึงเรื่องในอดีตของเขากับหลิวซือซือขึ้นมา ก่อนจะคาดเดาได้อย่างคลุมเครือว่าเธอกำลังจะพูดอะไร“ไม่ได้ค่ะ วันนี้ฉันต้องพูดให้ได้!”“ฉันกลัวว่าถ้าผ่านวันนี้ไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก”หลิวซือซือพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่เย่คะ ฉันชอบพี่ค่ะ ชอบพี่มาตลอด ฉันชอบพี่มากจริง ๆ!”“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันต้องไปทวงหนี้กับพี่ ฉันก็ถูกความสง่างามและความมั่นคงอันแข็งแกร่งของพี่ดึงดูดไปแล้วค่ะ ต่อมาพี่ก็คอยช่วยฉันเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกหัวใจเต้นแรงมากกว่าเดิม ทำให้ฉันชอบพี่มากขึ้นเรื่อย ๆ”“แต่ก็เหมือนว่าพี่จะไม่เคยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของฉันเลย หลายครั้งที่ฉันอยากจะรุกเข้าหาพี่แต่ก็ไม่กล้า จนกระทั่งพบว่าพี่กับประธานหลินคบกันอยู่ ฉันถึงได้เข้าใจว่าฉันไม่ใช่อะไรสำหรับพี่เล
แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่ทั้งสองคนก็ได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวกับไป๋เฉิงกรุ๊ป และความน่ากลัวของแก๊งพยัคฆ์ทมิฬมาไม่น้อย ดังนั้นความหวาดกลัวและความรู้สึกหวั่นเกรงที่มีต่อตระกูลไป๋จึงมาจากใจของพวกเธออย่างแท้จริงสองสาวพูดสลับกันไปมา จนเกิดเป็นเสียงที่ดังอึกทึกขึ้น เย่เทียนหยู่แทบไม่มีโอกาสได้พูดเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดเขาก็มีโอกาส เขาจึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ พูดจบรึยัง?”สองสาวพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้“พวกเธอฟังฉันนะ พวกเธอวางใจเถอะ แค่ตระกูลไป๋ พวกมันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” เย่เทียนหยู่พูดออกมาตรง ๆ เดิมทีก็คิดจะบอกว่าไป๋เฉิงกรุ๊ปเป็นของตนอยู่หรอก แต่จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนความคิดถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยู่ข้างนอก แถมแก๊งพยัคฆ์ทมิฬและไป๋เฉิงกรุ๊ปเองก็มีชื่อเสียงที่ไม่ดีสักเท่าไหร่คำพูดนี้ แทบจะไม่เห็นตระกูลไป๋อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นถึงหนึ่งในตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในเมืองตะวันออกเชียวนะ ในใจของสองสาวจึงรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่พวกเธอมองหน้ากัน ต่างคนต่างก็คิดว่าที่พี่เย่จงใจพูดแบบนี้ก็เพื่อทำให้พวกเธอสบายใจก็เท่านั้น“เอาล่ะ ไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้ว ควรกินก็กิน ควรดื่มก็ดื่มเถอะ” ที
สีหน้าหลี่ซินเยว่และหลิวซือซือเต็มไปด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้ตอนที่พวกเธอนึกถึงความน่ากลัวของตระกูลไป๋ อันที่จริง พวกเธอก็คิดที่จะเตือนเย่เทียนหยู่ไม่ให้ทำร้ายตงซู่อยู่เหมือนกัยแต่เมื่อลองนึกดูอีกที ในสถานการณ์แบบนี้ ด้วยนิสัยของตงซู่ ต่อให้จะหยุดเอาไว้ได้ก็ไม่มีความหมายอยู่ดีเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ พวกเธอก็ไม่มีทางให้ถอยกลับอีกต่อไปแล้วเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงตงซู่ที่กำลังร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกันเขาก็หันไปจ้องเย่เทียนหยู่ด้วยความเกลียดชัง แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่สามารถพูดอะไรได้ ยิ่งไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามด้วยเช่นกันอย่างไรก็ตาม รอจนกว่าตนจะออกไปจากที่นี่ได้เสียก่อน จากนั้นก็จะต้องรายงานเรื่องนี้ให้ไช่เตา คุณชายเตาได้ทราบ พอถึงตอนนั้น ตนจะต้องทำให้ไอ้เด็กนี่อยู่ไม่สู้ตายให้ได้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็เงียบกริบ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใด ๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าจะเผลอทำให้ตัวเองเข้าไปเอี่ยวด้วยใครจะไปคิดล่ะว่า ชายหนุ่มที่ดูสุภาพไม่มีพิษมีภัยข้าง ๆ สาวสวยสองคนนี้จะลงมือได้โหดเหี้ยมมากขนาดนั้น แต่ถึงอย่างไร อีกฝ่ายก็สมควรโดนแล้วแค่เห็นก็รู้เลยว่าไ
เมื่อได้ยินคำสั่ง ลูกน้องทั้งสองคนของเขาก็รีบตั้งท่าเตรียมพร้อมขึ้นทันที ก่อนจะเดินตรงไปหาเย่เทียนหยู่ด้วยท่าทางดุดัน งานที่ต้องจัดการกับคนแบบนี้ มันได้กลายเป็นการเสพติดของพวกเขาไปแล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็ชอบความรู้สึกแบบนี้เย่เทียนหยู่ส่ายหัว ก่อนจะลุกขึ้นยืน หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะทำให้คนอื่นตกใจ ป่านนี้เขาคงจะโบกมือซัดเจ้าพวกนั้นให้กระเด็นไปนานแล้วจากนั้นก็เอาชีวิตของพวกมันมา ณ เดียวนั้นเลย!เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ยังกล้าลุกขึ้นมาพูดท้าทายตนอยู่ ทั้งสองจึงรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของพวกเขากำลังถูกดูหมิ่น นั่นจึงทำให้พวกเขารู้สึกโกรธอย่างมาก ก่อนที่ต่อมาทั้งสองจะเหวี่ยงหมัดออกไปพร้อมกันในทันทีผั๊วะ ผั๊วะ!เกิดเสียงผั๊วะดังขึ้นสองครั้งติด ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึงของผู้คน เย่เทียนหยู่ใช้ฝ่ามือฟาดพวกเขาจนกระเด็นออกไปก่อนที่ร่างของพวกเขาจะร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง ร่างกายราวกับกำลังแหลกสลาย รู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวสีหน้าตงซู่ดูตกใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะรู้วิชากังฟูด้วย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวหยิ่งยโสแบบนี้ ที่แท้แ
หลี่ซินเยว่และหลิวซือซือที่กำลังด่ากันอย่างเมามัน กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ เสียงของตงซู่จะดังขึ้นมาข้างหู นั่นจึงทำให้พวกเธอรู้สึกตกใจจนต้องหันมองไปตามเสียงในทันทีเป็นตงซู่จริง ๆ ด้วย!นอกจากนี้ ด้านหลังของเขายังมีเหล่าชายฉกรรจ์ที่ดูดุร้ายอยู่อีกด้วย แค่มองก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนดีอะไรสีหน้าของพวกเธอซีดเผือดในทันที!ต้องเข้าใจก่อนว่า พวกเธอเตรียมตัววางแผนจะหนีในวันนี้กัน แต่ตอนนี้ตงซู่กลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เป้าหมายของเขาไม่ต้องพูดก็รู้ หรือต่อให้จะเป็นการพบกันโดยบังเอิญ แต่หากได้ยินสิ่งที่พวกเธอเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อสักครู่นี้ เกรงว่าคงไม่มีทางปล่อยพวกเธอไปง่าย ๆ แน่เมื่อตงซู่เห็นสีหน้าตกใจของทั้งสอง เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมาว่า “ด่าสิ ทำไมไม่ด่าต่อแล้วล่ะ นี่พวกเธอคิดว่าฉันไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม?”หลี่ซินเยว่ตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะรีบลุกขึ้น และพูดออกไปว่า “รุ่นพี่เองเหรอคะ พอดีเมื่อกี้ฉันดื่มมากไปน่ะค่ะ เลยไม่รู้ว่าเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไปบ้าง อย่าโกรธกันเลยนะคะ”“หลี่ซินเยว่ จริงอยู่ที่ฉันชอบเธอมาก แต่ฉันก็ไม่โง่ขนาดนั้น เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าพวกเธอเตรียมตัวที่จะหนีในคืนน
หลิวซือซือไม่อยากให้เย่เทียนหยู่รู้เกี่ยวกับปัญหาใหญ่ที่ตนต้องเจอยังไงซะ ตระกูลไป๋ก็เป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองตะวันออก จะล่วงเกินตระกูลไป๋เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยของตนไม่ได้“ไม่มีจริง ๆ น่ะเหรอ?”เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นว่าเธอมีท่าทีแปลก ๆ เขาจึงพูดขึ้นว่า “หลี่ซิน พวกเธออยู่ด้วยกัน ไหนเธอพูดมาซิ”“ไม่มีอะไรจริง ๆ ค่ะ พี่เย่ ไหนเมื่อกี้พี่บอกว่ามีเรื่องอยากจะถามไงคะ เรื่องอะไรเหรอ?”จู่ ๆ หลี่ซินเยว่ก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีโดยไม่ทันตั้งตัวเย่เทียนหยู่จึงเข้าใจได้ในทันที ว่าทั้งสองจะต้องมีเรื่องปิดบังตนอยู่แน่นอน แต่ในเมื่อไม่ยอมพูด เขาเองก็ไม่อยากถามให้มากความ แต่ต้องบอกเลยว่า หลี่ซินเยว่คนนี้ค่อนข้างมีทักษะในการเข้าสังคมมากกว่าหลิวซือซือเสียอีกบวกกับที่เธอเคยทำงานเป็นผู้จัดการระดับกลางของหลินซื่อกรุ๊ปมาก่อน ตอนนั้นเธอเองก็ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียวไม่แน่ว่าอาจจะพิจารณาให้เธอขึ้นมารับตำแหน่งผู้บริหารเลยก็ได้ หรือถ้าเธอไม่ไหวจริง ๆ ก็ให้รับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปก็ฟังดูไม่แย่เหมือนกัน แล้วตนก็รับบทบาทท่านประธานไปก็พอ ยังไงซะ บริษัทจะทำกำไรได้หรือไม่ได้ก็ไม่สำคัญอยู่
ไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงาน พวกหลี่ซินเยว่ก็พากันเดินทางออกจากบริษัท พวกเธอรู้สึกกังวลอยู่ตลอด เธอกลัวว่าตงซู่จะเล่นตุกติกเพื่อรั้งไม่ให้พวกเธอไปแต่ก็กลับคิดไม่ถึงว่าจะราบรื่นมากขนาดนี้ในตอนนั้นเอง ทั้งคู่ก็ได้รับสายจากเย่เทียนหยู่ หลังจากที่วางสาย หลี่ซินเยว่ก็ถามขึ้นว่า “ซือซือ พวกเราจะกลับไปเก็บของแล้วหนีไปเลย หรือพวกเราจะไปพบกับพี่เย่กันก่อนดี?”หลิวซือซือรู้สึกลังเล หากเป็นคนอื่นเชิญก็คงไม่เป็นไร แต่การที่จะได้ทานข้าวกับพี่เย่สักครั้ง สำหรับเธอนับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากเธอจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่งั้นเราก็ไปตามนัดกันก่อนดีไหม ถึงยังไงคืนนี้เราก็สามารถไปได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว”“ได้ เอาตามที่เธอว่าเลย”“แต่ว่านะ เรื่องของพวกเรา อย่าได้บอกกับพี่เย่เด็ดขาด”“เข้าใจแล้ว ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นเมืองหลวง พี่เย่เองก็ไม่ได้เก่งไปเสียทุกอย่าง พวกเราจะสร้างปัญหาให้เขาไม่ได้” หลี่ซินเยว่เองก็เห็นด้วยอย่างมากทั้งสองตัดสินใจกันอย่างแน่วแน่ ไม่นานพวกเธอก็มองเห็นรถของเย่เทียนหยู่เย่เทียนหยู่เองก็สังเกตเห็นการมาถึงของพวกเธอ ทั้งคู่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกระโปรงรัดรูปทรงเอ เผ
เขาถึงขั้นกล้าลงมือกับคุณท่านเย่ ที่เป็นถึงพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง!อย่าไรก็ตาม ปัจจุบันตระกูลเย่นับว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และอาจจะล้มได้ทุกเมื่อในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็รออีกสักสองสามวันก็แล้วกัน รอจนกว่าพวกงู แมลง มด หนูโผล่หัวออกมาให้หมดเสียก่อน พอถึงตอนนั้นก็ค่อยจัดการรวดเดียว แล้วค่อยมอบความสดใสให้กับตระกูลเย่อีกครั้งนอกจากนี้ ก็เพื่อที่จะรอดูว่าท่านอาจารย์จะมีการเคลื่อนไหวอะไรรึเปล่า มาถึงตอนนี้ อันที่จริงในใจเขาก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกันหลังจากว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงหม่าต้านขึ้นมาได้ เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านไป ก็ดูเหมือนว่าหม่าต้านคนนี้จะไม่ใช่คนดีอะไร เขาจึงได้สั่งการให้คนไปตรวจสอบคนผู้นี้ดูสักหน่อยจริงด้วย หลี่ซินเยว่กับหลิวซือซือเองก็ทำงานที่ไป๋เฉิงกรุ๊ปไม่ใช่รึไง เช่นนั้นก็เชิญพวกเธอมาก็ได้นี่ จะได้ให้พวกเธอช่วยอธิบายสถานการณ์ในไปเฉิงกรุ๊ปให้ฟังด้วยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เย่เทียนหยู่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะกดโทรออกหาหลี่ซินเยว่ทันที เดิมทีตั้งใจจะโทรหาหลิวซือซือ แต่เมื่อนึกถึงความรู้สึกของหลิวซือซือที่มีต่อตน
ในใจโจวฉิงรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่ต้นจนจบหม่าต้านก็เผยความรู้สึกหวาดกลัวออกมาไม่หยุด นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกตกใจไปชั่วขณะการแสดงออกของหม่าต้านหลังจากนั้น ราวกับคนใกล้ตายที่กำลังร้องขอชีวิตไม่หยุดไม่มีผิด ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นถึงความกลัวของเขาที่มีต่อคุณเย่ได้เป็นอย่างดีคนคนหนึ่ง เหตุใดถึงทำให้คนอีกคนกลัวได้มากขนาดนี้ แต่นั่นก็ทำให้เธอได้เห็นถึงสถานะและจุดยืนของเขาได้อย่างชัดเจนหลังจากที่โจวฉิงได้สติ ในใจก็กลับรู้สึกเหมือนมีม้ากำลังวิ่งพล่านไปทั่ว ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างมากในเวลานี้ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้ แต่ตอนนั้นเธอก็กลับไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการกดโทรออกเพียงครั้งเดียวเท่าที่เห็นแทบไม่จำเป็นต้องโทรเลยด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนแค่เขาไอออกมาก็สามารถทำให้หม่าต้านวิ่งมาคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิตได้เลยอย่าว่าแต่เธอเลย ขนาดหลินหว่านหรูเองก็ชะงักไปด้วยเช่นกัน แม้เธอจะรู้ดีว่าเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนหยู่จะเก่งกาจได้มากถึงเพียงนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า โจวฉินเองก็เพิ่งจะพูดไป ว่าตระกูลไป๋เป