ด้วยเหตุนี้เธอจึงถูกโซเชียลโจมตี แฟน ๆ หลายคนทรยศและดูถูกเธอ ท้ายที่สุดก็ทำให้เธอค่อย ๆ หายไปจากสายตาของสาธารณชนและก็เพราะจงเหล่ยกล้าทำลายชื่อเสียงของเฉินเฟยเฟยจนป่นปี้ เธอถึงกล้าดูถูกเฉินเฟยเฟยอย่างไร้ศีลธรรมสารพัด เพราะถึงเวลานี้ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเฉินเฟยเฟยอีกต่อไปแล้วเมื่อได้ยินคำถามนี้ หลินหว่านหรูก็ยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “ไม่ต้องกังวล เฉินเฟยเฟยจะต้องปรากฏตัวอย่างแน่นอนค่ะ นอกจากนี้ เธอจะถอดผ้าคลุมหน้าออกในที่สาธารณะด้วย!”“อะไรนะ โกหกหน่า!”“หน้าของเฟยเฟยหายดีแล้วจริงเหรอ?”“เครื่องสำอางของหลินซื่อกรุ๊ปทำได้จริงๆเหรอ?”“ถ้าเป็นอย่างนั้น ในอนาคตฉันจะใช้แต่ผลิตภัณฑ์ของหลินซื่อกรุ๊ป ฉันจะซื้อทุกอย่างจากพวกเขาเท่านั้น”“ฉันก็เหมือนกัน ขอแค่หลินซื่อกรุ๊ปสามารถนำเฟยเฟยของเรากลับมาได้ เราจะใช้ของที่เธอใช้ทุกรายการเลย”“ฉันประทับใจพวกคุณจริง ๆ ก็แค่ผู้หญิงขายตัวต้องทุ่มเทกันสนับสนุนขนาดนี้”“ก็นั่นน่ะสิ ถ้าดื่มเหล้าร่วมหลับนอนกับคนอื่น ถ้าไม่รู้นี่นึกว่าเมียน้อย ยังมีคนคอยสนับสนุนคนแบบนี้ โลกกำลังเสื่อมถอยลงจริง ๆ”“......”ต่อจากนั้น คำพูดโจมตีรุนแรงมหาศาลก็ปรากฏขึ้น และแ
หลินหว่านหรูลุกขึ้นยืนต้อนรับการมาถึงของพวกเขาก่อนแล้วพูดว่า “ทุกคนคงสงสัยว่าทำไมฉันถึงเรียกคุณตำรวจทั้งสองคนมาสินะคะ”“แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเฉินเฟยเฟย!”สถานการณ์นี้น่าจับตามองอีกครั้ง แม้จะเป็นตอนเช้าแต่จำนวนผู้ชมก็พุ่งสูงขึ้นและผู้คนจำนวนมากก็ดูถ่ายทอดสดขณะทำงานโดยเฉพาะคนในหลินซื่อกรุ๊ป พนักงานทุกคนหยุดทำงานและจับตาดูอย่างตั้งใจ นี่คือสิ่งที่บริษัทอนุญาตและกำหนดให้พวกเขาทำด้วยเมื่อนักข่าวได้ยินแบบนั้น พวกเขาก็สนใจมากขึ้นและยืนขึ้นทีละคนเพื่อถามคำถามแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองคนโบกมือโบกมือให้ทุกคนนั่งลงแล้วหยิบไมโครโฟนแนะนำตัวตนและข้อมูลที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะคนที่พูดคือรองผู้อำนวยการสถานีตำรวจ สถานะของเขานั้นไม่ธรรมดา ดังนั้นทุกคนจึงยอมรับความน่าเชื่อถือของคำพูดของเขา“วันนี้เรามาที่นี่เพื่อชี้แจงบางสิ่งเกี่ยวกับเฉินเฟยเฟยในตอนนั้นเป็นหลัก”“พบว่าไฟที่ไหม้ใบหน้าของเฉินเฟยเฟยนั้นเกิดจากการรอบวางเพลิง ผู้ต้องสงสัยทางอาญาทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้ถูกจับกุมและนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว”“อะไรนะ!”“เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ด้วยฉันเดามานานแล้วเชียวว่าต้องมีเบื้อ
“เฟยเฟย ฉันรักคุณและจะสนับสนุนคุณเสมอ แม้ว่าคุณจะรักษาไม่หายก็ตาม”“ถ้าคุณไม่อยากให้เราเห็นใบหน้าที่เจ็บปวดของคุณจริง ๆ จะสวมหน้ากากไว้ก็ได้ เราจะสนับสนุนคุณแน่นอน”ในขณะนี้ ความคาดหวังในตัวเฉินเฟยเฟยของทุกคนได้มาถึงจุดสูงสุดแล้วแน่นอนว่าผู้คนจากสื่อต่างก็เริ่มติดต่อและส่งต่อข้อมูลที่เกี่ยวข้องกันอย่างเมามัน และเรียกร้องให้เผยแพร่โดยทันทีนี่เป็นข่าวด่วนอย่างแน่นอนคิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้เพิ่งเริ่มต้นก็มีไฮไลท์ขนาดนี้ เรื่องต่อจากนี้พวกเขาตั้งตารอจริง ๆแต่เฉินเฟยเฟยที่พวกเขาสนับสนุน ในเวลานี้กลับกำลังน้ำตาไหล และน้ำตาของเธอก็ไหลไม่หยุดเมื่อตำรวจปรากฏตัวในตอนแรก เฉินเฟยเฟยตกตะลึง จากนั้นเธอก็ได้ยินว่าพวกเขาบอกว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเธอ หรือว่าจะมาอธิบายเรื่องที่จงเหล่ยทำร้ายเธออย่างนั้นเหรอแน่นอนว่าเป็นเช่นนั้น มาถึงตอนนี้เธอไม่ได้รู้สึกอะไรมากมายแล้ว แค่ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงทำเรื่องแบบนั้นแต่สิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพูดต่อจากนั้นทำให้เธอน้ำตาไหลความจริงถูกเปิดเผยแก่ทุกคน!จากปากของตำรวจผู้ซึ่งมีอำนาจมากกว่าใคร ๆเมื่อเห็นคำพูดและการสนับสนุนของทุกคน เฉินเฟยเฟยจะควบคุมอา
หญิงสวมชุดยาวสีขาวคนหนึ่งเธอมีรูปร่างที่สง่างาม และดูบริสุทธิ์ผุดผ่องแต่น่าเสียดายที่เธอมีผ้าพันคอสีดำบนใบหน้า จึงไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนข้างหลังเธอมีอีกคนคือจางผิงผู้ช่วยของเฉินเฟยเฟยทันทีที่ทั้งสองคนปรากฏตัว ทุกคนที่อยู่ข้างในก็ตื่นเต้นทันที สายตาของพวกเขาจับจ้องไปที่ผู้หญิงที่สวมผ้าคลุมหน้าในขณะเดียวกัน กล้องก็หันกลับมาทันที และโซเชียลก็เริ่มตื่นเต้นมากขึ้น“มาแล้วๆ!”“นั่นเฟยเฟย ไม่ต้องดูรูปร่างหน้าตาของเธอก็รู้ พอเธอปรากฏตัวฉันก็จำเธอได้เลย นั่นคือเฟยเฟยที่ฉันชอบ!”“เฟยเฟย ฉันรักคุณ!”“เฟยเฟย ไม่ต้องกลัว เราสนับสนุนคุณ!”ทันใดนั้นคำกล่าวสนับสนุนต่าง ๆ นานาก็พรั่งพรูเข้ามา แสดงให้เห็นว่าในตอนนั้นเฉินเฟยเฟยมีแฟนคลับที่รักเธออยู่มากมายเมื่อเห็นว่าทุกคนไม่เฉยเมยต่อเธอเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป และพากันถามคำถามเธอไม่หยุดหย่อน ของเธอ อารมณ์ที่เพิ่งสงบลงของเธอก็ตื่นเต้นขึ้นเล็กน้อยอีกครั้งพี่เย่ ขอบคุณนะ ขอบคุณจริงๆ!หากเปรียบเทียบการฟื้นตัวของใบหน้ากับความเข้าใจผิดของทุกคนเกี่ยวกับเธอ เธอคงเลือกที่จะล้างความเข้าใจผิดของทุกคน ดังนั้นของขวัญชิ้นนี้จึงพิเศษมากบางท
“มันก็แค่ข่าวลือ ใครจะรู้ว่าจริงหรือเท็จ”“ไม่ผิดหรอก เธอลองสืบค้นดูสิข่าวออกมาแล้วนะ อาจจะมีประกาศผลเร็ว ๆ นี้ด้วย เรื่องนี้ชัดเจนมาก”ในขณะนี้ นักข่าวก็รู้เรื่องนี้ทั้งหมดและถามทันทีว่า “ประธานหลิน ประธานหลี่ว์จากบริษัทของคุณถูกจับแล้วหรือเปล่าคะ?”เมื่อหลินหว่านหรูได้ยินแบบนั้นเธอก็ส่ายหน้าทุกคนตกตะลึงเล็กน้อย อาจเป็นข่าวเท็จหรือเปล่า?“คุณพูดผิดแล้ว เขาชื่อหลี่ว์ซิงเหอ และเขาไม่ใช่หนึ่งในประธานบริษัทของเราอีกต่อไป ส่วนที่เขาถูกจับนั้นก็เป็นเรื่องจริงค่ะ เพราะฉันแจ้งตำรวจ”“เดิมที ฉันวางแผนที่จะให้โอกาสเขา แต่ฉันไม่คิดว่าเขาจะส่งหน้าม้ามาปลุกปั่นบนอินเทอร์เน็ต สร้างเรื่องและปัญหา!”“อย่างไรก็ตาม พรรคพวกที่ช่วยเขาก็กรุณาเตรียมตัวไว้ด้วยนะคะ อีกไม่นานเรื่องนี้ก็จะไปถึงพวกคุณแล้ว”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้สิ้นสุด ก็เท่ากับเป็นการยืนยันทั้งหมดนี้ทำเอาพรรคพวกทุกคนหน้าซีด เพราะถึงยังไงพวกเขาก็ได้เห็นแล้วว่าหลินซื่อกรุ๊ปแข็งแกร่งเพียงใด ในตอนแรกพวกเขาไม่อยากทำมันด้วยซ้ำ แต่พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องจ่ายเงินมากเกินไปเป็นอย่างที่คิดเอาไว้เลย!หลี่ว์ซิงเหอถูกจับกุมจริง ๆ นี่มันหม
แน่นอนว่าบางคนอดไม่ได้ที่จะแสดงตนขึ้นมาพูดว่า “ประธานหลิน ไม่ใช่ว่าเราไม่เชื่อคุณหรอกนะ แต่นี่มันก็เพื่อประโยชน์ของคุณเอง คุณให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบบาดแผลของคุณเฟยเฟยสักหน่อยได้ไหม จะได้ปิดปากผู้คนได้”“ใช่ ช่วยตรวจสอบดูได้ไหม ไม่อย่างนั้นจะโน้มน้าวผู้คนได้ยังไง”“ใช่แล้วล่ะ ควรจะตรวจสอบนะ”“……”เมื่อดูคำพูดโจมตีบนโซเชียล หลายคนพูดถึงการตรวจสอบนี้ ส่วนเย่เทียนหยู่แอบส่ายหน้าโชคดีที่เฉินเฟยเฟยเป็นเป็นคนนแนะนำให้พวกเขาทำขั้นตอนนี้ไม่อย่างนั้น ก็คงจะมีปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้แน่หลินหว่านหรูส่งเสียงฮึออกมาอย่างเย็นชา แม้ว่าเธอจะรู้สึกรำคาญในใจแต่เธอก็ยังตอบอย่างเฉยเมยไปว่า “ปัญหาที่คุณพูดถึงน่ะ คนของเราคิดเอาไว้อยู่แล้ว”“ด้วยเหตุผลนี้ ฉันจึงได้เชิญแพทย์ชั้นนำจากแผนกผิวหนังของโรงพยาบาลใหญ่สี่แห่งในเมืองเทียนไห่มาตรวจดูอาการบาดเจ็บตรงจุดนั้นเป็นพิเศษแล้วค่ะ”ทันทีที่สิ้นคำพูดเหล่านี้ ทุกคนต่างก็ตกตะลึงไม่มีใครคาดคิดว่าหลินหว่านหรูจะคิดไปถึงขั้นตอนนี้ด้วยซ้ำเมื่อมองดูภาพเบื้องหน้านี้ หัวใจของซูถิงก็เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา เพราะเธอรู้ว่านี่จะต้องเป็นผลงานชิ้นเอกของเย่เทียนหยู
“แน่นอนค่ะ!”หลินหว่านหรูดูมั่นใจ แต่จริง ๆ แล้วหัวใจของเธอกำลังหวาดหวั่น“ถ้าอย่างนั้นต้องใช้เวลากี่วันกว่าที่เราจะได้เห็นรูปลักษณ์ของเฉินเฟยเฟยกลับคืนมาเป็นแบบเดิมเหรอคะ?” นักข่าวถามทันทีแน่นอนว่าหลินหว่านหรูเตรียมพร้อมสำหรับปัญหาอยู่แล้ว เพียงว่าเธอกังวลเล็กน้อยว่าจะไม่มีใครเชื่อเธอถ้าเธอพูดไป แต่เธอก็ยังพูดอย่างช่วยไม่ได้ “หนึ่งวัน!”“อะไรนะ หนึ่งวันเหรอ?”“นี่มันจะเกินไปแล้วนะ!”“เหลวไหลใช่ไหม ทุกคนที่ถูกสารพิษจากเครื่องสำอางก็ใช้เวลามากกว่าหนึ่งวันนะ แต่ใบหน้าของเฟยเฟยดูอาการหนักกว่าเราอีกนะ”“ถึงขั้นบอกว่าหนึ่งวันเลยเหรอ จะโกหกกันก็ไม่น่าพูดเหลวไหลถึงขั้นนี้เลย”“ฉันรู้ว่าทุกคนไม่เชื่อ จริง ๆ แล้วฉันก็ไม่เชื่อเช่นกัน แต่ผู้เชี่ยวชาญของบริษัทเรามีความมั่นใจเป็นอย่างมาก แต่เขาก็บอกแล้วว่าถึงแม้เครื่องสำอางที่ผลิตในอนาคตจะให้ผลเช่นเดียวกัน เพียงแต่จะไม่ได้ให้ผลเร็วขนาดนี้”“เพราะเฉินเฟยเฟยจะได้รับการรักษาโดยผู้เชี่ยวชาญของเราเป็นการส่วนตัว โดยใช้การฝังเข็มและยาทาที่เขารับผิดชอบในการพัฒนา”“ทำให้การรวมกันของทั้งสองอย่างมีผลการรักษาดีเป็นพิเศษ และจะช่วยรักษารอยแผลเป็นได้อย
“แค่นี้พอแล้ว หรืออยากให้ผมทำมากกว่านี้ดีล่ะ?” เย่เทียนหยู่ถามด้วยรอยยิ้ม มือของเขายังคงซุกซนไม่หยุด“นายพูดอะไรของนาย!”ใบหน้าของหลินหว่านหรูเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ และเธอก็พูดด้วยความโกรธ “ปล่อยฉันนะ”“ไม่ปล่อย!”“ถ้ายังไม่ปล่อยฉันจะโกรธแล้วนะ” หลินหว่านหรูเริ่มโกรธ นี่เขาเห็นเธอเป็นอะไร ผู้หญิงง่ายอย่างนั้นเหรอเมื่อเห็นว่าหลินหว่านหรูดูโกรธมาก เย่เทียนหยู่ก็รีบปล่อยมือของเขาหลินหว่านหรูจ้องไปที่เย่เทียนหยู่ด้วยสายตาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อและพูดด้วยความโกรธ “เย่เทียนหยู่อย่ากดดันตัวเองมากเกินไป ฉันไม่ใช่ผู้หญิงคนหนึ่งที่คุณคบด้วยแบบไม่เป็นทางการ”คำพูดเหล่านี้ไม่น่าพอใจและทำให้เย่เทียนหยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อยและไม่พูดอะไร“ถ้านายต้องการฉันจริง ๆ นายก็พยายามทำงานหนักซะ พัฒนาความสามารถของตนเอง เผื่อว่าสักวันนายจะได้คู่ควรกับฉันจริง ๆ”หลินหว่านหรูทิ้งคำพูดเหล่านี้เอาไว้ก่อนจะจากไปด้วยความโกรธแต่หลังจากที่จากไป หัวใจของเธอกลับรู้สึกไม่สบายใจอย่างไม่อาจอธิบาย เธอชอบรู้สึกว่าคำพูดของตัวเองรุนแรงเกินไปแต่ว่าถ้าเธอไม่ทำแบบนี้ เขาก็อาจจะรู้สึกว่าเธอเป็นผู้หญิงใจง่ายหรือเปล่านะ?ยิ่ง
ปิงเยว่และจูเก่อหลิวหลีต่างก็อยู่ในระดับปรมาจารย์ที่ซึ่งเป็นระดับที่ไม่ธรรมดา เสียงมากมายเหล่านั้นพวกเธอย่อมได้ยินอย่างชัดเจนพอได้ยินคำพูดที่ว่ามีสาวให้โอบซ้ายกอดขวาอะไรนั่นแล้ว จูเก่อหลิวหลีก็รู้สึกพอใจอย่างมาก เธอแทบอยากจะประกาศออกไปเสียด้วยซ้ำถูกต้องแล้ว ฉันเป็นผู้หญิงของคุณชายแต่ปิงเยว่กลับแตกต่างออกไปอย่างเห็นได้ชัด เธอยิ่งฟังมากเท่าไร ก็ยิ่งรู้สึกโกรธมากขึ้นเท่านั้นไอ้ผู้ชายน่ารังเกียจที่นั่งอยู่ข้าง ๆ คนนี้ คิดอยากจะโอบกอดตนงั้นเหรอ ช่างไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเสียจริงหากไม่ใช่เพราะสถานที่ไม่เอื้ออำนวย เธอคงฆ่าคนไปนานแล้ว!ไร้สาระทั้งเพ!เฉินเฟยเฟยเองก็สังเกตเห็นปฏิกิริยาของฝูงชนด้วยเช่นกัน และให้ความสนใจกับสาวงามที่ไม่อาจมีใครทัดเทียมทั้งสองคนที่อยู่ข้าง ๆ เย่เทียนหยู่มากขึ้น คนอื่น ๆ ก็แค่คาดเดาแต่เธอกลับรู้สึกว่า สองคนนี้อาจจะมีความสัมพันธ์บางอย่างกับพี่เย่อยู่จริง ๆแต่ยิ่งเหตุการณ์เป็นแบบนี้มากเท่าไหร่ เฉินเฟยเฟยไม่แค่ไม่อิจฉา กลับกัน เธอยิ่งชอบมากกว่าเสียด้วยซ้ำ เพราะเธอรู้ดี ว่าตัวเธอเองก็มีเสน่ห์เหมือนกัน เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีผู้ชายคนไหนต้องการเธอส่ว
“ไม่ได้ ถ้าเป็นเธอ งั้นก็ช่างเถอะ อย่างเธอน่ะนะ เธอจะทำให้คุณชายของฉันตกใจเสียเปล่า” จูเก่อหลิวหลีพูดประชดประชัน“เธอ!”เสี่ยวลู่รู้สึกโกรธอย่างมาก“หลิวหลี ช่างมันเถอะ” เย่เทียนหยู่เองก็หมดคำจะพูด มันยิ่งทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าตนจะถูกเชิญขึ้นไปมากขึ้นเรื่อย ๆ ยัยเด็กคนนี้ ถึงขั้นเล่นไม้นี้เลยงั้นเหรอ“เป็นพวกเธอต่างหากที่มั่นหน้าเกินไป แถมยังคิดเองเออเองอีกว่าคุณชายชอบพวกเธอ” จูเก่อหลิวหลีขมวดคิ้วอย่างเย็นชา“คุณชักจะล้ำเส้นเกินไปแล้วนะ!”ปิงเยว่โกรธจัด รัศมีเย็นยะเยือกก็แผ่ซ่านออกมาจากร่างของเธอ อุณหภูมิรอบตัวลดลงสิบองศาได้ในพริบตา จนทำให้เธอรู้สึกหนาวเย็นไปทั้งตัวจูเก่อหลิวหลีรู้สึกตกตะลึงที่ผู้หญิงคนนี้มีพลังที่น่ากลัวมากขนาดนี้ ที่แท้ความรู้สึกเมื่อสักครู่ก็เป็นเรื่องจริง อีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าตนเสียอีกตอนนี้ตัวเองก็อยู่ระดับปรมาจารย์แล้ว แต่เธอกลับแข็งแกร่งกว่าตนอีก ความแข็งแกร่งของเธอจะน่ากลัวขนาดไหนกัน“พอแค่นี้เถอะ!”ในตอนนั้นเอง เย่เทียนหยู่ก็รีบพูดขึ้นมา ทันทีที่เขาเปิดปาก ความเย็นยะเยือกในอากาศทั้งหมดก็หายไป และกลับคืนสู่ภาวะปกติหลายคนที่อยู่รอบ ๆ ก็รู้สึก
“ไม่หรอกมั้ง เขาก็ดูใช้ได้อยู่นะ” จางผิงรีบตอบทันที“เป็นแบบนั้นที่ไหนกัน ฉันว่าเขาดูเหมือนคนโรคจิตมากกว่า” เหอฉุนโต้แย้ง“เอ่อ ไม่น่าจะเป็นงั้นนะ ถ้าเขาเป็นคนเลวขนาดนั้น พี่เฟยเฟยก็คงเสียความบริสุทธิ์ไปนานแล้ว”“หมายความว่ายังไง?”“เธอก็ถามพี่เฟยเฟยเองเถอะ” จางผิงไม่ได้พูดอะไรอีกแต่เหอฉุนกลับส่ายหัว เธอมักจะรู้สึกว่าทั้งสองคงยังอ่อนต่อโลกเกินไป เลยอาจจะถูกเย่เทียนหยู่หลอกก็ได้หลังจากนั้นไม่นาน เฉินเฟยเฟยก็ได้เริ่มร้องเพลงที่สองของเธอ สไตล์ของเพลงนี้แตกต่างไปเล็กน้อย แต่ก็ยังคงไพเราะจับใจเช่นเดิมเวลาได้ผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า ในขณะที่ผู้คนต่างก็กำลังหลงใหลและเพลิดเพลินอย่างสุดขีด มันก็ค่อย ๆ เริ่มเข้าสู่ช่วงท้ายของคอนเสิร์ตอย่างช้า ๆ“คืนนี้ได้มีโอกาสมาพบกับทุกคนที่นี่ ฉันรู้สึกดีใจมากจริง ๆ ค่ะ แต่เวลาก็กลับผ่านไปอย่างรวดเร็ว การพบกันย่อมมีวันสิ้นสุดเสมอ”“แต่การจากลาในวันนี้ ก็เพื่อที่เราจะได้พบกันใหม่ในวันหน้า ขอส่งบทเพลงแห่งความสุขนี้ให้กับทุกคนค่ะ!”เมื่อเสียงของเธอสิ้นสุดลง เสียงที่ไพเราะของเธอก็ดังออกมา ทำให้ทุกคนกลับเข้าสู่บรรยากาศนั้นอีกครั้ง ค่อย ๆ ผ่านไปช้า
ขณะที่ริมฝีปากของเธอเปิดออก คำพูดที่อ่อนโยนและชวนให้ลุ่มหลงก็หลุดออกมา กระจายไปทั่วบริเวณโดยรอบ และถูกสุ่งให้ไปถึงหูของทุกคนทุกคนต่างก็พากันโบกแท่งเรืองแสงไปมา ขณะที่กำลังฟังเสียงร้องอันไพเราะและสมบูรณ์แบบของเธอ ทุกคนต่างก็พากันร้องตามไปด้วยเป็นเพลงที่ค่อนข้างจะเรียบง่าย แต่เมื่อมันออกมาจากปากของเฉินเฟยเฟย มันก็กลับสมบูรณ์จนทำให้ผู้ฟังรู้สึกติดหูมากเสียงอันไพเราะและอ่อนหวานของเธอแทรกซึมเข้าไปในหูของทุก ๆ คน จนทำให้ทุกคนรู้สึกตามอย่างไม่อาจควบคุมได้ และจมดิ่งลึกลงไปเรื่อย ๆในตอนนั้นเอง ใบหน้าของเย่เทียนหยู่ก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีขาว เขารู้สึกแค่ว่าตนได้จมดิ่งเข้าไปอย่างสมบูรณ์แล้วในขณะเดียวกัน เย่เทียนหยู่ก็เข้าใจได้ในที่สุด ว่าทำไมทุกคนถึงได้คลั่งไคล้มากขนาดนี้ เพราะเสียงนี้ของเธอนั้นดูสมจริงและไพเราะมากนี่ถือว่าเป็นเสียงที่มีพรสวรรค์อย่างแท้จริงหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขาก็จมอยู่กับมันด้วยเช่นกัน สีหน้าและอารมณ์เองก็ดูแตกต่างออกไปจากเดิมบางทีอาจเพราะจมดิ่งกับมันมากเกินไป หรืออาจเพราะรู้สึกชอบมันมาก เลยไม่ทันได้สังเกตว่าตั้งแต่ที่เฉินเฟยเฟยเดินออกมา เธอก็เหมือนจะกำลังมอ
ทันใดนั้นผู้หญิงชุดเขียวก็รู้สึกโกรธ และกำลังจะระเบิดอารมณ์ออกมาแต่หญิงสาวที่อยู่ด้านหน้ากลับดุขึ้นมาทันที “เสี่ยวลู่ เธอเป็นคนผิดก่อนนะ ช่างมันเถอะ”“ค่ะ นายท่าน!”ผู้หญิงชุดสีเขียวพยักหน้า และไม่พูดอะไรอีกไม่รู้ว่าอาจเพราะเธอกลัวจะเกิดความขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝ่าย หญิงสาวคนนั้นจึงนั่งลงตรงที่นั่งที่อยู่ข้าง ๆ เย่เทียนหยู่ ซึ่งหมายความว่า ที่นั่งของเธออยู่ด้านหลังเยื้องไปทางด้านซ้ายของเย่เทียนหยู่ และผู้หญิงชุดเขียวเองก็นั่งลงตรงที่นั่งซ้ายมือของเธอเช่นกันเย่เทียนหยู่ตกตะลึงไปชั่วขณะ เดิมทีการปรากฏตัวของหญิงสาวลึกลับเช่นนี้ก็ทำให้เขาประหลาดใจมากพออยู่แล้ว และตอนนี้เธอก็กลับมานั่งอยู่ข้าง ๆ เขาหลังจากนั่งลงแล้ว หญิงสาวก็เงยหน้าขึ้นมองเย่เทียนหยู่ แต่ก็เบือนหน้าหนีแทบจะในทันทีในสายตาของเธอ เย่เทียนหยู่หล่อมากจริง ๆ แต่นั่นก็มีเพียงเท่านั้นตั้งแต่ที่เธอเริ่มฝึกฝนอย่างหนักจนทำให้หลงลืมอารมณ์ความรู้สึกไป ตัวเธอเองก็เริ่มสนใจเรื่องความรู้สึกน้อยลงไปเรื่อย ๆ เธออุทิศตนให้กับการฝึกฝน และนั่นก็ทำให้เธอไม่รู้สึกสนใจผู้ชายคนไหนเลยนอกเหนือจากการฝึกฝนแล้ว สิ่งเดียวที่สามารถทำให
“ไม่มีปัญหา!”จูเก่อหลิวหลีรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาทันที เงินแค่ล้านเดียว สำหรับเธอแล้ว แค่นี้ไม่ถึงกับทำให้ขนหน้าแข้งร่วงด้วยซ้ำ เธอไม่สนใจเลยแม้แต่น้อยหลังจากนั้นไม่นาน ผู้หญิงคนนั้นก็เห็นตัวเลขหนึ่งล้านปรากฏบนข้อความที่แจ้งเตือนเข้ามาเธอตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง เธอมองดูหญิงสาวคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ก่อนที่เธอจะรีบถอนเงินเข้าบัญชีธนาคารทันทีที่เงินเข้าบัญชี การโอนครั้งนั้นเธอก็จะถือว่าเป็นเรื่องจริงการฝากถอนเงินในปัจจุบันนี้ค่อนข้างรวดเร็ว ภายในไม่กี่วินาทีเงินก็เข้าบัญชีแล้ว“ขอบคุณ ขอบคุณคุณผู้หญิงมากค่ะ!”หญิงสาวรีบขอบคุณเธอด้วยความซาบซึ้ง จากนั้นก็หันหลังแล้วเดินออกไปโดยไม่ลังเลเย่เทียนหยู่ยิ้มอย่างขมขื่น และคิดในใจว่า ผู้หญิงคนนี้ช่างขวางโลกเสียจริง เขาส่ายหัวพร้อมกับพูดขึ้นว่า “เธอซื้อตัวของผู้หญิงคนนั้นแล้ว แล้วที่นั่งของเธอล่ะ?”“ฉันไม่มีตั๋วหรอกค่ะ!”“เธอไม่มีตั๋ว แล้วเธอเข้ามาได้ยังไง?” เย่เทียนหยู่รู้สึกประหลาดใจ“ฉันก็แค่มองพนักงานตรวจตั๋ว แล้วเขาก็ให้ฉันเข้ามาค่ะ”“......”เย่เทียนหยู่ทำอะไรไม่ถูก หมดคำจะพูดแล้วจริง ๆ “ถ้าเธอไม่มีตั๋ว แ
ในตอนที่เหอฉุนเดินออกมา เดิมทีเธอตั้งใจหยิบตั๋วเพิ่มมาสองสามใบ มีที่นั่งดี ๆ ในแถวแรกแค่หนึ่งที่เท่านั้น ส่วนที่นั่งอื่น ๆ อยู่ถัดลงไปด้านหลังอีกเล็กน้อยเวทีตรงนี้จัดไว้เพื่อที่เวลาทำการแสดง แม้ผู้ชมจะนั่งแถวหน้า ก็ไม่จำเป็นต้องเงยหน้าขึ้นเลยแม้แต่น้อย เป็นตำแหน่งที่สบายมากแต่เพราะสายตาที่ไม่อยู่นิ่งของเย่เทียนหยู่ เธอเลยหยิบตั๋วแบบลวก ๆ ให้เขาไปหนึ่งใบ เดิมทีตามคำขอของเฉินเฟยเฟยนั้น คือต้องการให้เย่เทียนหยู่นั่งอยู่ตรงกลางของแถวแรกอย่างไรก็ตาม ตำแหน่งที่เย่เทียนหยู่ได้รับนั้นก็ถือว่าค่อนข้างดีเช่นกัน อยู่ในแถวที่สาม ซึ่งอาจจะสบายกว่าด้วยซ้ำแต่การโต้ตอบกับดารานักร้องนั้น ก็อาจจะลำบากไปสักหน่อยเย่เทียนหยู่สังเกตเห็นอารมณ์ร้ายของเหอฉุนได้โดยธรรมชาติ ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว แถมอารมณ์ร้ายอีกต่างหาก เธอคงเคยถูกผู้ชายรังแกมาสินะในครั้งนี้ เขานั้นทายถูกแล้วจริง ๆแน่นอนว่าเย่เทียนหยู่ก็ไม่คิดที่จะถือสาเรื่องเล็กน้อยพวกนี้อยู่แล้ว เขาเหลือบมองหมายเลขบนตั๋ว และเดินตามฝูงชนเข้าไปด้านในหลังจากผ่านความยากลำบากในการแหวกฝูงชนเข้ามา ในที่สุดเย่เทียนหยู่ก็พบที่นั่งของเขาที่อยู่ตรง
เธอถึงขั้นตั้งใจสืบเรื่องนี้มาโดยเฉพาะ และพบว่าตระกูลหนานกงเป็นถึงหนึ่งในตระกูลอันดับต้น ๆ ของอาณาจักรมังกร พวกเขามีความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัว แทบจะไม่มีใครสามารถเทียบเคียงพวกเขาได้เลยพี่เย่เก่งกาจมากก็จริง หากเป็นแค่ตระกูลทั่วไปในเมืองตะวันออก เธอก็อาจจะลองเสี่ยงดวงดู แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับตระกูลหนานกง ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางรับมือพวกเขาได้เลย“คุณเย่จะมาเหรอคะ?” จางผิงถามด้วยความประหลาดใจ“อือ ฉันเชิญเขามาชมคอนเสิร์ตของฉันในคืนนี้ และเขาเองก็ตอบตกลงแล้วด้วย” เมื่อพูดถึงเย่เทียนหยู่ ใบหน้าของเฉินเฟยเฟยก็แสดงถึงความปิติขึ้นมา“ได้ค่ะ!”จางผิงพยักหน้า แต่ในใจเธอกลับกำลังคิดอยู่ว่า เธอควรจะใช้วิธีไหนเพื่อทำให้คุณเย่รู้เรื่องที่พี่เฟยเฟยกำลังถูกรังแกโดยเธอไม่จำเป็นต้องเป็นคนพูดดีไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เธอถึงมักคิดว่าตัวตนของคุณเย่นั้นไม่ธรรมดาบางที เขาอาจจะมีวิธีรับมือจริง ๆ ก็ได้เหอฉุนไม่ได้พูดอะไรอีก เธอเองก็อยากที่จะพบกับบุคคลในตำนานคนนี้เหมือนกัน ดูว่าเขาโดดเด่นอย่างที่ทุกคนพูดกันจริงไหมแน่นอน หากดูจากเหตุการณ์ของปาร์คดาฮยอนก่อนหน้านี้แล้ว คนคนนี้น่าจะพอมีความสามา
เกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว สุดท้ายหลินหว่านหรูก็ตัดสินใจปล่อยให้เป็นเรื่องของเวลา ยังไงอีกไม่นานความจริงก็จะถูกเปิดเผยออกมาแล้วและในเวลาเดียวกันนั้นเอง หญิงสาวทั้งสามคนกำลังนั่งอยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่ง ใกล้กับสนามกีฬาคนหนึ่งคือเฉินเฟยเฟย นักร้องชื่อดังจากอาณาจักรมังกร ตอนนี้เฉินเฟยเฟยกำลังโด่งดังมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าเธอจะต้องแบกรับแรงกดดันที่ค่อนข้างสูง แต่ตอนนี้เธอก็ค่อย ๆ ดีขึ้นมาบ้างแล้วอีกคนคืออดีตผู้ช่วยของเฉินเฟยเฟย ซึ่งปัจจุบันคนที่ทำหน้าที่แทนคือจางผิงคนสุดท้ายเป็นหญิงวัยสามสิบกว่า ๆ ที่มีใบหน้างดงาม หุ่นค่อนข้างสูง ทั้งหน้าอกและบั้นท้ายดูอวบอิ่ม มีเสน่ห์เฉพาะตัวในแบบของผู้หญิงที่อยู่ในวัยผู้ใหญ่และก็เป็นเพราะไม่สามารถทนต่อการคุกคามจากผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเดิมได้ เธอจึงถูกบังคับให้ลาออก นอกจากนี้ก็เป็นเพราะได้รู้จักกับเฉินเฟยเฟย เฉินเฟยเฟยที่เดิมทีไม่ต้องการจะอยู่ภายใต้การควบคุมของบริษัท ดังนั้นสตูดิโอส่วนตัวของเธอเองจึงต้องการผู้จัดการด้วยเช่นกันเหอฉุนจึงเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตำแหน่งนี้ เธอเป็นคนที่มีความสามารถ เธอจัดการทุกอย่างได้อย่างเป็นระเบียบแต่เพราะค