“ใช่แล้วล่ะ ในตอนนั้นแพทย์ผิวหนังชื่อดังในจิงตูก็พูดแบบเดียวกัน จงเหล่ยเป็นคนทำเรื่องทั้งหมดนี่” เฉินเฟยเฟยกล่าวอย่างขมขื่นถ้าจงเหล่ยไม่ทำเรื่องวุ่นวายและเธอได้พบแพทย์จริง ๆ มันคงจะหายขาดไปนานแล้วเย่เทียนหยู่พยักหน้าและกล่าวว่า “การรักษาไม่ใช่ปัญหา แต่ถ้าคุณต้องการช่วยผมจริง ๆ คุณอาจต้องปรากฏตัวต่อสาธารณชนอีกครั้ง คุณเคยคิดที่จะกลับมาสู่วงการดนตรีหรือเปล่าครับ”“คัมแบ็คเหรอคะ?”เฉินเฟยเฟยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เธอส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ฉันยังจะกลับไปคัมแบ็คได้อีกเหรอคะ?”“แน่นอน คุณทำได้ ขอแค่ความสามารถของคุณยังอยู่ คุณจะสามารถมีชื่อเสียงไปทั่วโลกได้ในคราวเดียว และมีชื่อเสียงมากกว่าที่คุณเคยเป็นในตอนนั้นด้วย” เย่เทียนหยู่กล่าวเฉินเฟยเฟยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ในใจของเธอ ขอแค่รอยแผลเป็นบนใบหน้าของเธอสามารถรักษาให้หายขาดก็พอ ไม่คิดเลยว่าแบบนั้นจะทำให้เธอกลับมารุ่งโรจน์ดังเดิมแม้ว่าเธอจะมีความสุขมากที่จะได้คัมแบ็ค แต่เธอก็คิดถึงสิ่งที่เธอเคยเผชิญมาก่อนและถามว่า “คุณชายเย่ ฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหม”“คุณถามสิ”“ฉันสงสัยว่าคุณมีบริษัทในวงการบันเทิงหรือเปล่าคะ?”เย่เทียนหยู่ตกตะลึงอยู่คร
“ยุ่งนิดหน่อยครับ”“ไม่บอกฉันก็รู้ จัดการกับเรื่องที่ทำให้ฉันแปดเปื้อนบนโซเชียลอยู่ใช่ไหม?” หลินหว่านหรูกล่าว“คุณเห็นหมดแล้วเหรอ”“ไม่ต้องกังวล ฉันไม่ได้เปราะบางขนาดนั้น แต่ช่วยบอกฉันหน่อยได้ไหมว่านายใช้วิธีไหน”“จริง ๆ แล้ว ไม่มีอะไรเลย หลังจากการสอบสวนแล้ว ดูเหมือนว่าหลี่ว์ซิงเหอจะอิจฉามูลค่าตลาดของบริษัทที่เพิ่มขึ้น และร่วมมือกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่อีกสองรายเพื่อทำเรื่องนี้”“ฉันรู้อยู่ว่าหลี่ว์ซิงเหอสารเลวนั่น” หลินหว่านหรูพูดด้วยความโกรธ“แล้วนายตั้งใจจะทำยังไง?”“แน่นอน ให้พวกเขาว่าผมต้องให้พวกเขาชดใช้อย่างสาสม แต่ตอนนี้ผมต้องทำอย่างอื่น” เย่เทียนหยู่ตอบ“เรื่องอะไร?”“พลิกโฉมภาพลักษณ์อุตสาหกรรมเครื่องสำอางของบริษัทเราครับ”“อ่อ แล้วนายมีความคิดอะไรบ้างไหม?”“คุณน่าจะเคยได้ยินเกี่ยวกับเฉินเฟยเฟยใช่ไหม?”“เฉินเฟยเฟย? เฉินเฟยเฟยคนไหน? นายคงไม่ได้พูดถึงนักร้องชื่อดังเฉินเฟยเฟยใช่ไหม?”“เป็นเธอถูกแล้วครับ”“เธอยินดีที่จะร่วมมือกับเราและอนุญาตให้ใช้เธอเพื่อการประชาสัมพันธ์”“อ่า นายหมายถึงอะไร? นายยังสามารถรักษารอยแผลเป็นบนใบหน้าของเธอด้วยเหรอ?” ดูเหมือนว่าหลินหว่านหรูจะท
พี่เย่เริ่มลงมือแล้วจริง ๆ ประธานหลี่ว์คงจะต้องเดือดร้อนแน่ที่แท้แล้วตอน 4 ทุ่มเมื่อวาน ขณะที่หลินหว่านหรูวางโทรศัพท์มือถือของเธอลง หลายคนยังคงตื่นอยู่ในเวลานั้นหลินหว่านหรูเปิดโทรศัพท์ของเธอและลองตรวจดู ยังคงมีคอมเมนต์เชิงลบจำนวนมากบนอินเทอร์เน็ต หลาย ๆ คนบอกว่าหลินซื่อกรุ๊ปกลัว ก็เลยยังไม่ออกมาตอบโต้แต่ก็มีบางคนที่พูดแทนหลินซื่อกรุ๊ปอย่างขันแข็งหลินหว่านหรูส่งเสียงฮึในใจอย่างเย็นชา ก่อนจะคิดกับตัวเองว่าโชคดีที่เย่เทียนหยู่อยู่ที่นี่ ไม่อย่างนั้นคงมีหลายอย่างที่เธอคงไม่รู้วิธีจัดการกับมันนอกเหนือจากสิ่งอื่นใด เทียนหยู่ยังสามารถจัดการกับแผนการสมรู้ร่วมคิดเหล่านี้และเรื่องอื่น ๆ ได้อย่างง่ายดาย บางครั้งเธอก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าเย่เทียนหยู่เติบโตขึ้นมาบนภูเขาจริง ๆ หรือในขณะที่ทุกคนกำลังพูดถึงเรื่องนี้ หลายคนก็คอยตอบกลบัว่า “หลินซื่อกรุ๊ปประกาศแล้ว”“ออกประกาศจริง ๆ ด้วย!”“ประกาศแล้วจะทำไม ก็ยังหลอกลวงประชาชนอยู่ดี”แม้ว่าหลายๆ คนจะรู้สึกว่าเนื้อหาของประกาศไม่น่าเชื่อถือ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะอ่านและทำความเข้าใจความหมายทั่วไปคือหลังจากที่บริษัททราบเรื่องนี้แล้วพบว่ามีการ
ด้วยความโกรธ หลี่ว์ซิงเหอจึงโทรหาหลินหว่านหรูทันทีและพูดว่า “หลินหว่านหรู เธอหมายความว่ายังไง เธอละเมิดข้อตกลงและขอให้ตำรวจเข้ามาแทรกแซงการสอบสวน?”เมื่อหลินหว่านหรูได้ยินแบบนั้น เธอก็โกรธมากขึ้น “หลี่ว์ซิงเหอแกไอ้คนร้ายหน้าด้าน กล้าดียังไงมาตะโกนใส่ฉัน?”เมื่อสักครู่นี้ เย่เทียนหยู่ได้ส่งบันทึกเสียงให้เธอเป็นบทสนทนาที่หลี่ว์ซิงเหอเคยพูดคุยกับหวังเจี้ยนและผู้ถือหุ้นอีกสองคนก่อนหน้านี้ เนื้อหาก็เป็นเนื้อหาเรื่องวิธีการวางแผนใส่ร้ายสิ่งที่บริษัททำหลังจากได้ยินแบบนั้นหลินหว่านหรูก็โกรธมาก“ไร้ยางอายเหรอ?”“หลินหว่านหรู เธอบ้าไปแล้วเหรอ?”“เธอคงไม่คิดว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นบนออนไลน์เกี่ยวข้องกับฉันหรอกนะ?”“ไม่เหรอ?” หลินหว่านหรูถามด้วยเสียงเยาะเย้ย“ก็ต้องไม่ใช่อยู่แล้ว เธอคิดมากไปแล้วนะ”“อย่าลืมว่าเราลงนามในข้อตกลงทางกฎหมายแล้ว ถ้าฉันทำแบบนั้น มันก็เป็นการละเมิดข้อตกลงแล้วมันก็เป็นการใส่ร้ายป้ายสี ฉันจะทำแบบนั้นได้ยังไง”“คุณว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับคุณเหรอ?”“แน่นอน เพราะงั้นตอนนี้ให้ดีที่สุดเธออย่าไปแจ้งตำรวจ”“เหอะๆ มันสายเกินไปแล้ว ฉันโทรหาตำรวจไปนานแล้วตั้งแต่จะออกป
เมื่อหลินหว่านหรูได้ยินแบบนั้น เธอไม่ได้อธิบายมากหนัก และส่งบันทึกที่เย่เทียนหยู่พบให้กับปู่ของเธอหลังจากที่คุณปู่ได้ยินแบบนั้น เขาก็โกรธทันทีและบอกให้หลินหว่านหรูทำทุกอย่างตามที่เธอวางแผนไว้ขณะที่ตำรวจเข้าแทรกแซง ผู้จัดการหลายคนของหลินซื่อกรุ๊ปถูกนำตัวไปที่สถานีตำรวจในชั่วข้ามคืนแน่นอนว่าจางเหยียนเป็นหนึ่งในนั้น และเธอก็รู้สึกหวาดกลัวในความเป็นจริง เธอตกใจมากเมื่อเห็นสิ่งที่หลินหว่านหรูประกาศทางออนไลน์ เธอจึงโทรหาหลิวซือซือทันทีและขอให้เธอไปขอร้องประธานหลินจากนั้นเธอก็โทรหาเย่เทียนหยู่ด้วยตัวเองแต่เย่เทียนหยู่ไม่ได้ให้สัญญาใด ๆ เขาแค่ขอให้เธอบอกทุกอย่างตามความเป็นจริง หากสิ่งที่เธออธิบายหลังจากที่เธอไปนั่นคือสิ่งที่เธออธิบายกับบริษัทครั้งก่อน และไม่มีปัญหาอื่น ทุกอย่างก็จะเรียบร้อยเมื่อได้ยินแบบนั้น จางเหยียนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอแอบดีใจที่ไม่ได้ปิดบังสิ่งที่เธอบอกบริษัทครั้งที่แล้ว ไม่อย่างนั้น เธอไม่รู้จะทำยังไงจริง ๆโชคดียิ่งกว่านั้นที่เธอเพิ่งโทรหาเย่เทียนหยู่เพื่อแจ้งให้เขาทราบถึงสถานการณ์ของหลี่ว์ซิงเหอเมื่อคิดถึงความรวดเร็วในการดำเนินการของเย่เทียนหยู่ ค
เย่เทียนหยู่พาเฉินเฟยเฟยไปที่ห้องประชุม แม้ว่าเธอจะเตรียมตัวไว้แล้ว แต่เธอก็ยังมีความกังวลใจ“คุณกังวลหรือเปล่า?”“นิดหน่อยค่ะ!”“ไม่ต้องกังวล ทุกอย่างจะเรียบร้อยดี” เย่เทียนหยู่ยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “นอกจากนี้ วันนี้ผมได้เตรียมของขวัญพิเศษไว้ให้คุณด้วย”“ของขวัญ?”เฉินเฟยเฟยรู้สึกประหลาดใจ และจางผิงก็เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นเช่นกัน“ใช่ คุณต้องชอบแน่”“อาจจะไม่แพ้รูปลักษณ์ที่ได้รับการฟื้นฟูเลยด้วย” เย่เทียนหยู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม“อ่า……”เฉินเฟยเฟยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ของขวัญของคุณชายเย่จะต้องล้ำค่าแน่ เธอตั้งตารอคอยมัน แต่คำพูดถัดมาทำให้เธอตกตะลึงจัดแม้จะไม่เชื่อก็ตามจางผิงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “คุณชายเย่ คุณพูดเกินจริงไปหรือเปล่าคะ?”“ยังไงหากเธอฟื้นคืนรูปลักษณ์เดิมได้ คงเป็นความสุขที่ไม่อาจจินตนาการได้สำหรับพี่เฟยเฟย มีอะไรจะเทียบเคียงกับเรื่องนี้ได้ยังไง”“อย่าเป็นเงินนะคะ แม้ว่าเงินจะสำคัญมาก แต่ต่อให้คุณให้พี่เฟยเฟยหนึ่งห้าพันล้าน เธอก็คงไม่รับ”เย่เทียนหยู่ยิ้มและพูดว่า “ห้าพันล้าน ผมไม่มีเงินมากขนาดนั้นให้เธอ”“ไม่ ฉันแค่ยกตัวอย่าง” จางผิงรีบอธิบาย“ผมรู้”ในข
ด้วยเหตุนี้เธอจึงถูกโซเชียลโจมตี แฟน ๆ หลายคนทรยศและดูถูกเธอ ท้ายที่สุดก็ทำให้เธอค่อย ๆ หายไปจากสายตาของสาธารณชนและก็เพราะจงเหล่ยกล้าทำลายชื่อเสียงของเฉินเฟยเฟยจนป่นปี้ เธอถึงกล้าดูถูกเฉินเฟยเฟยอย่างไร้ศีลธรรมสารพัด เพราะถึงเวลานี้ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเฉินเฟยเฟยอีกต่อไปแล้วเมื่อได้ยินคำถามนี้ หลินหว่านหรูก็ยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “ไม่ต้องกังวล เฉินเฟยเฟยจะต้องปรากฏตัวอย่างแน่นอนค่ะ นอกจากนี้ เธอจะถอดผ้าคลุมหน้าออกในที่สาธารณะด้วย!”“อะไรนะ โกหกหน่า!”“หน้าของเฟยเฟยหายดีแล้วจริงเหรอ?”“เครื่องสำอางของหลินซื่อกรุ๊ปทำได้จริงๆเหรอ?”“ถ้าเป็นอย่างนั้น ในอนาคตฉันจะใช้แต่ผลิตภัณฑ์ของหลินซื่อกรุ๊ป ฉันจะซื้อทุกอย่างจากพวกเขาเท่านั้น”“ฉันก็เหมือนกัน ขอแค่หลินซื่อกรุ๊ปสามารถนำเฟยเฟยของเรากลับมาได้ เราจะใช้ของที่เธอใช้ทุกรายการเลย”“ฉันประทับใจพวกคุณจริง ๆ ก็แค่ผู้หญิงขายตัวต้องทุ่มเทกันสนับสนุนขนาดนี้”“ก็นั่นน่ะสิ ถ้าดื่มเหล้าร่วมหลับนอนกับคนอื่น ถ้าไม่รู้นี่นึกว่าเมียน้อย ยังมีคนคอยสนับสนุนคนแบบนี้ โลกกำลังเสื่อมถอยลงจริง ๆ”“......”ต่อจากนั้น คำพูดโจมตีรุนแรงมหาศาลก็ปรากฏขึ้น และแ
หลินหว่านหรูลุกขึ้นยืนต้อนรับการมาถึงของพวกเขาก่อนแล้วพูดว่า “ทุกคนคงสงสัยว่าทำไมฉันถึงเรียกคุณตำรวจทั้งสองคนมาสินะคะ”“แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเฉินเฟยเฟย!”สถานการณ์นี้น่าจับตามองอีกครั้ง แม้จะเป็นตอนเช้าแต่จำนวนผู้ชมก็พุ่งสูงขึ้นและผู้คนจำนวนมากก็ดูถ่ายทอดสดขณะทำงานโดยเฉพาะคนในหลินซื่อกรุ๊ป พนักงานทุกคนหยุดทำงานและจับตาดูอย่างตั้งใจ นี่คือสิ่งที่บริษัทอนุญาตและกำหนดให้พวกเขาทำด้วยเมื่อนักข่าวได้ยินแบบนั้น พวกเขาก็สนใจมากขึ้นและยืนขึ้นทีละคนเพื่อถามคำถามแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองคนโบกมือโบกมือให้ทุกคนนั่งลงแล้วหยิบไมโครโฟนแนะนำตัวตนและข้อมูลที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะคนที่พูดคือรองผู้อำนวยการสถานีตำรวจ สถานะของเขานั้นไม่ธรรมดา ดังนั้นทุกคนจึงยอมรับความน่าเชื่อถือของคำพูดของเขา“วันนี้เรามาที่นี่เพื่อชี้แจงบางสิ่งเกี่ยวกับเฉินเฟยเฟยในตอนนั้นเป็นหลัก”“พบว่าไฟที่ไหม้ใบหน้าของเฉินเฟยเฟยนั้นเกิดจากการรอบวางเพลิง ผู้ต้องสงสัยทางอาญาทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้ถูกจับกุมและนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว”“อะไรนะ!”“เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ด้วยฉันเดามานานแล้วเชียวว่าต้องมีเบื้อ