อะไรนะ?เย่เทียนหยู่?เขาได้รับสัญญาครั้งใหญ่จริงๆหนอ?ไม่ใช่พูดว่าแต่ก่อนการชำระคืน 30 ล้านครั้งก่อนหน้า ไปอ้างเครดิตไม่ถูกต้องใช่ไหมทุกคนต่างความสงสัยในสายตาของพวกเขา ไม่ค่อยจะเชื่อในความสามารถของเย่เทียนหยู่“ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเรื่องนี้เป็นฉันจัดการเอง อีกฝ่ายก็ยอมรับว่าเป็นเย่เทียนหยู่เจรจาได้ อีกอย่างนี่มันเป็นสัญญาที่ใหญ่มาก”หลี่ซินเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม“งั้น แล้วเท่าไหร่ล่ะ?” มีคนถามด้วยความตื่นเต้นหลี่ซินเยว่เหยียดนิ้วห้านิ้วออก“ห้าล้านหรอ?”“ไม่ถูกสิ ห้าล้านไม่พอ หรือว่าห้า ห้าสิบล้าน?”“แต่ว่า เป็นไปได้ยังไง!”“มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ก็คือ 50 ล้าน!”แม้ว่าหลี่ซินเยว่จะผ่านมาคืนนึง ในใจก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย นานแค่ไหนแล้วที่แผนกขายของพวกเขามียอดจำนวนมากขนาดนี้ในครั้งเดียว50 สิบล้านจริงๆ!โอ้มายก๊อด!ทุกคนต่างตื่นเต้นและตกใจมากอีกด้วย!เย่เทียนหยู่ได้ยินสิ่งก็เลยส่ายหัวแล้วพูดว่า “ หัวหน้าทีม คุณกำลังประกาศตอนนี้ ไม่กลัวว่ากลุ่มหนึ่งจะได้รับข่าว ใช้วิธีการอื่นหรอ?”“คงไม่หรอก ตอนนี้เวลาก็ใกล้จะถึงแล้ว ถ้าพวกเขาต้องการเล่นแง่ก็คงจะทำไม่ได้หรอก” หลี่ซินเยว่
หลี่ซินเยว่อดไม่ได้ที่จะมองไปที่เย่เทียนหยู่ที่นั่งอยู่ข้างล่าง แค่เห็นเขานั่งอยู่ที่นั่นอย่างสงบเหมือนกับไม่มีเรื่องอะไรเกี่ยวข้องกับเขาซึ่งไม่ได้กังวลเลยแต่ครั้งนี้เป็นผู้เข้าร่วมเดิมพันจริงๆเป็นเพราะเหตุนี้ เหม่ยหรงหรงเลยขอให้เย่เทียนหยู่มาแสดงตัวที่นี่แต่เวลานี้ เหม่ยหรงหรงก็พูดขึ้น“ ประธานหลิน ประธานหลิว คณะกรรมการระดับสูงของบริษัททุกท่าน รบกวนสักครู่ฉันรู้สึกว่าคิดว่าข้อมูลตัวเลขนี้มีบางอย่างผิดปกติ”ทุกคนต่างพากันตกใจเล็กน้อย สีหน้าของหลินหว่านหรูก็เข้มขึ้น เห็นได้ชัดว่าเธอสังเกตเห็นว่าบางอย่างผิดปกติ แต่เธอก็ได้สติแล้วพูดอย่างใจเย็น “ มีปัญหาอะไร?”“ ข้อมูลตัวเลขการขายของเราไม่ถูกต้อง ยอดจำนวน 30 ล้านรายการนี้ไม่ได้รวมอยู่ ”เหม่ยหรงหรงพูดไปด้วยแล้วหยิบสัญญาใหม่ออกมาแล้วส่งให้ก้นบึ้งของหัวใจหลี่ซินเยว่ก็จมลงเล็กน้อยตอนที่เธอนึกถึงคำพูดของเย่เทียนหยู่ถ้าเกิดรีบทำอีกฝ่ายอาจคงจะเตรียมการสำรองไว้ สุดท้ายใต้แรงกดดันของเขาเอง เย่เทียนหยู่ก็ยอมให้ไปที่บริษัทเทียนมู่กรุ๊ปเธออดไม่ได้ที่จะมองไปที่เย่เทียนหยูอีกครั้ง เห็นได้ว่าสีหน้าของเขาสงบไม่มีอะไรผิดปกติไปแต่ในใจคงจ
“เอาอีกแล้ว คุณมีหลักฐานที่จะพิสูจน์ว่าฉันดิสเครดิตไหม ถ้าไม่มี นั่นก็เป็นการใส่ร้าย คุณต้องขอโทษฉันด้วย” เย่เทียนหยู่พูดอย่างเย็นชา“คุณ!”“คุณใส่ร้ายฉันโดยที่ไม่มีข้อมูลเหรอ? แต่ฉันขี้เกียจเกินกว่าจะเถียงกับคุณ วันนี้เป็นเรื่องเของการแข่งขัน” เหม่ยหรงหรงพูดอย่างเย็นชา“ถ้าเป็นเรื่องการแข่งขันก็โอเค แต่คุณต้องขอโทษฉันก่อน หรือเอาหลักฐานออกมาว่าฉันดิสเครดิตจริงๆ” เย่เทียนหยู่ตอบอย่างเย็นชาเหม่ยหรงหรงโกรธมาก แต่ในเวลานี้เธอได้รับคำใบ้ ว่าไม่สามารถทำลายภาพรวมได้ ยิ่งไม่ยอมรับเรื่องดักฟังจึงตอบอย่างช่วยไม่ได้ “ เอาล่ะ ฉันขอโทษในสิ่งที่ฉันเพิ่งพูดไป ”“ทำไมคำพูด ดูไม่ชัดเจน ไม่มีความจริงใจสักนิดเลย” เย่เทียนหยู่ไม่ยอมรับ“คุณ โอเค ฉันพูดว่า! ฉันขอโทษที่ใส่ร้ายคุณเมื่อกี้ ขอโทษ!” เหม่ยหรงหรงขอโทษอย่างช่วยไม่ได้“เอาล่ะ ดี ก็แค่นั้นแหละ งั้นฉันจะยกโทษให้กับความไม่รู้ของคุณล่ะกัน”เย่เทียนหยู่กล่าวด้วยรอยยิ้มจาง ๆเหม่ยหรงหรงโกรธมาก และพูดว่า “ตอนนี้ฉันขอโทษแล้ว ควรบอกผลการแข่งขันได้แล้วสิ?”“แน่นอน ฉันจำสิ่งที่ฉันพูดตอนนั้นได้ ถ้าทีมที่สองของเราชนะ คุณจะลาออก และสละตำแหน่งหัวหน้
ดวงตาของหลินหว่านหรูเป็นประกายขึ้น รีบให้เย่เทียนหยู่มอบสัญญามาผู้นำอาวุโสหลายคนผลัดกันดู วิธีการก็คล้ายกับของเหม่ยหรงหรง สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือ โอนเงินเข้าหรือยังเย่เทียนหยู่ยิ้มเล็กน้อย และกล่าวว่า “ หัวหน้าทีมเหม่ย ไม่ว่าจะพูดยังไง คุณและหัวหน้าทีมหลี่คือหัวกะทิของบริษัท บริษัทสูญเสียใครสักคน ก็เป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ ”“คุณต้องการบอกอะไร?” เหม่ยหรงหรงถามอย่างเย็นชา“ที่ฉันหมายถึงคือ งั้นก็เอาแบบนี้ ให้มันเสมอกัน แบบนี้ ก็ไม่มีใครต้องจากไป และเราก็จะยังคงเป็นเพื่อนร่วมงานที่รักใคร่กัน”เย่เทียนหยู่อธิบายด้วยรอยยิ้มทุกคนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ไม่มีใครคาดคิดว่า เย่เทียนหยู่จะพูดแบบนี้ในเวลานี้หลินหว่านหรูฟังจบก็ตกใจเล็กน้อย และแอบยิ้มอย่างขมขื่น เย่เทียนหยู่คงรู้เกี่ยวกับกลยุทธ์อุบายเมืองร้างสินะกลัวว่านี่เป็นสัญญาปลอม หรือเป็นสัญญาที่ยังไม่ทำการโอนเงินมาเธอคิดแบบนี้ และเหม่ยหรงหรงก็คิดเรื่องนี้ในตอนแรก คิดอีกว่าคนในแผนกการเงินของตัวเองตรวจสอบว่าไม่ได้รับเงินในช่วงสองวันที่ผ่านมาเหม่ยหรงหรงมั่นใจทันที และพูดด้วยรอยยิ้ม “เย่เทียนหยู่ ถ้าคุณไม่พูดคำที่ฟังดูสูงส่งขนาดน
ท้ายที่สุด ถ้าอยากทำให้ตำแหน่งของหลี่ว์ซิงเหอสั่นคลอนนั้น ยากจริงๆ ไม่มีทางจะแทนที่เขาได้ขณะที่หลี่ซิงเหอพูด หลายคนก็พูดทันทีว่า “ใช่ เสียเวลาไปมากแล้วกับเรื่องไร้สาระ เย่เทียนหยู่หากคุณมีหลักฐานว่าได้รับเงินก็เอาออกมาให้เร็วที่สุด ไม่งั้น ก็แค่ยอมรับว่าแพ้ซะ”เมื่อได้ยินการสนับสนุนของทุกคน เหม่ยหรงหรงก็ได้ใจ มองไปที่เย่เทียนหยู่ด้วยสายตาเย่อหยิ่งของผู้ชนะหวังซินรู้สึกตื่นเต้นมาก ครั้งนี้ตัวเองได้ตามคนที่ทำถูกต้องแล้ว ในไม่ช้าก็จะเข้ามาแทนที่ตำแหน่งของหลี่ซินเยว่ และนั่งแท่นหัวหน้าทีมได้เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลินหว่านหรู หลิวเหวินกับหลี่ซินเยว่เกือบจะแพ้ด้วยความสิ้นหวังแต่ในขณะนี้ เย่เทียนหยู่พูดอย่างใจเย็น “ เอาล่ะ ในเมื่อทุกคนยังเชื่อว่าผู้ชนะถูกกำหนดไว้แล้ว ไม่ใช้อารมณ์ส่วนตัว ไม่นานต้องมีคนถูกไล่ออก งั้นเรามาตัดสินผู้ชนะกัน”“ผู้จัดการจง รบกวนคุณบอกทุกคนด้วย”ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ทุกคนก็ตกตะลึงอีกครั้ง ไม่ได้โอนเงินจริงๆ และผู้จัดการจงก็รู้เรื่องนี้ล่วงหน้าด้วย ไม่งั้นเขาพูดแบบนี้ทำไมในขณะนี้ สายตาของทุกคนมองข้ามไปจงหยุนพยักหน้า คิดว่าเย่เทียนยวี่เคยสารภาพกับเขาม
หลิวเหวินทั้งประหลาดใจ และตกใจยิ่งกว่าเดิมเธอคิดไม่ถึงเลยว่า คนไร้ประโยชน์ที่เข้ามาแถมโดนดูถูกคนนี้ จะมีทักษะขนาดนี้เลยครั้งนี้ ขึ้นอยู่กับเขาจริงๆในตอนนี้ ดูเหมือนเธอจะเข้าใจการจัดการของประธานหลินแล้วหากเธอตัดสินถูกต้อง เย่เทียนหยู่อาจเป็นคนที่ประธานหลินจัดหาให้เข้ามาจัดการกับคนของตระกูลหลู่ ไม่งั้น จะไม่สามารถอธิบายเรื่องต่อเนื่องล่าสุดได้แม้ว่าเธอจะคิดผิด แต่หลินหว่านหรูก็แค่อยากให้เย่เทียนหยู่ได้รับการฝึกฝน เพื่อที่จะได้มีชีวิตต่อไปหลังจากหย่าร้าง แต่เย่เทียนหยู่ก็มีเป้าหมายนี้อยู่ดังนั้นจึงเดาถูกโดยไม่ได้ตั้งใจแต่เหม่ยหรงหรงเป็นคนสนิทของเขา ดังนั้นแล้วหลี่ว์ซิงเหอจึงไม่ยอมแพ้ง่ายๆ และต้องออกปากปกป้องเธอเย่เทียนหยู่สังเกตเห็นหน้าตาของเขา และพูดทันทีว่า “เอาล่ะ ตอนนี้ผลลัพธ์ก็ชัดเจนมาก ตอนนี้ฉันต้องการยกเลิกการแข่งขัน แต่พูดแล้วก็พูด ไม่ว่าอย่างไร หัวหน้าทีมเหม่ยก็ปฏิเสธที่จะเห็นด้วย”“ยิ่งกว่านั้น หัวหน้าก็ปฏิเสธ และยืนกรานว่าจะต้องให้คนหนึ่งออกไป น่าเสียดายคนที่มีความสามารถอย่างหัวหน้าทีมเหม่ย”“แต่ เรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่าไม่มีทางที่จะย้อนกลับไป ไม่
เมื่อหลี่ซิงเหอได้ยิน เขาก็ตะคอกอย่างเย็นชา และพูดว่า “พูดไร้สาระอะไร หัวหน้าฝ่ายขายคือผู้นำของบริษัท คุณซึ่งเป็นพนักงานขายธรรมดาๆ จะแต่งตั้งตามใจตัวเองได้อย่างไร หากเป็นแบบนี้มันจะไม่วุ่นวายเหรอ”“แต่เรื่องนี้มีการตกลงกันมาก่อนแล้ว ทั้งสองฝ่ายก็รับปากแล้ว” เย่เทียนหยู่ตอบ“สัญญาอะไร พวกคุณสองฝ่ายรับปากกัน หัวหน้าพวกเราเห็นด้วยหรือยัง? ตำแหน่งหัวหน้าทีม ไม่ใช่พวกคุณจะตั้งกันตามใจได้” หลี่ซิงเหอแย้งตอบ“แต่ตอนนี้ เย่เทียนหยู่ยังเอ่ยถึงข้อเรียกร้องนี้ ผู้นำทุกท่านก็ไม่คัดค้าน” หลี่ซินเยว่อดไม่ได้ที่จะช่วย“ใช่ ฉันไม่ได้สนใจ ถ้าฉันฟังแล้ว จะปฎิเสธแน่นอน ตำแหน่งหัวหน้าทีมนั้นไม่ธรรมดา ต้องปรึกษากับฝ่ายธุรการและฝ่ายขายเท่านั้น ถึงจะตัดสินใจได้”หลี่ซิงเหอทำเสียงหึ ตอบว่า “พูดถึงตำแหน่งหัวหน้าทีม ยังมีเรื่องที่ต้องพูดอีกเรื่อง คุณชื่อเย่เทียนหยู่ใช่ไหม เข้าทำงานบริษัทตอนไหน ผ่านการสอบข้อเขียนและสอบสัมภาษณ์ไหม?”เย่เทียนคนนี้ ทำลายเรื่องดีๆของเขาไปหมด งั้นก็ไสหัวออกไปจากบริษัทเถอะตอนนี้เขาไม่เพียงแต่รู้ว่าเย่เทียนหยู่ผ่านเข้ามาผ่านทางความสัมพันธ์ แต่แรกเริ่มก็ไม่ได้สนใจผู้ชายตัวเล็กๆเ
ทันทีที่คำพูดเหล่านั้นหลุดออกมา สีหน้าของหลินหว่านหรูและหลิวเหวินก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย โดยเฉพาะหลินหว่านหรู เธอรู้ดีว่า เย่เทียนหยู่ไม่ได้มีวุฒิการศึกษาอะไรทั้งนั้น เขาก็แค่ชาวป่าชาวดอยคนหนึ่งที่ลงมาจากภูเขา จะไปมีภูมิความรู้แบบนั้นได้ยังไง หลี่ซิงเหอที่รู้จักคุ้นเคยกับทั้งสองคนเป็นอย่างดี เมื่อเห็นท่าทีการแสดงออกของทั้งคู่ ในใจก็แอบรู้สึกพึงพอใจอยู่ไม่น้อย ในเมื่อคุณตัดลูกน้องที่มีความสามารถมากที่สุดของฉันไป วันนี้ก็อย่าหวังเลยว่าเขาจะได้อยู่อย่างสงบสุข ที่สำคัญที่สุด เขาอยากจะใช้โอกาสนี้ดึงหลิวเหวินให้เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ถ้าหากสามารถคว้าตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายขายได้ ถึงจะเสียเหม่ยหรงหรงไปสักคนก็ไม่เป็นไร ขณะเดียวกันเหม่ยหรงหรงพร้อมกับอีกสองคนยังไม่ได้ออกไปจากตรงนั้น ทันทีที่คนหมดสภาพอย่างพวกเขาได้ยินอย่างนั้น ก็รู้สึกมีเรี่ยวมีแรงขึ้นมาอีกครั้ง เพราะการได้เห็นความโชคร้ายของเย่เทียนหยู่นั้น ทำให้พวกเขารู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก “ประธานหลิว ทำไมคุณถึงเงียบไปล่ะ อย่าบอกนะว่าเขาไม่เคยเรียนมหาวิทยาลัยมาก่อนเลยน่ะ?”หลี่ซิงเหอจงใจถามขึ้นหลังจากที่เขาพูดออกมาแบบนั้น
เย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก ถ้ารู้แบบนี้ ก็คงไม่ให้พวกเธอสองคนดื่มตั้งแต่แรกในขณะเดียวกันนั้นเอง หลิวซือซือที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ยกแก้วในมือขึ้น แล้วพูดออกมาว่า “พี่เย่คะ ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกกับพี่มาโดยตลอด แต่ก็กลับไม่มีโอกาสได้พูดมันออกมาเลย”“งั้นก็อย่าพูดเลยจะดีกว่า” เย่เทียนหยู่นึกถึงเรื่องในอดีตของเขากับหลิวซือซือขึ้นมา ก่อนจะคาดเดาได้อย่างคลุมเครือว่าเธอกำลังจะพูดอะไร“ไม่ได้ค่ะ วันนี้ฉันต้องพูดให้ได้!”“ฉันกลัวว่าถ้าผ่านวันนี้ไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก”หลิวซือซือพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่เย่คะ ฉันชอบพี่ค่ะ ชอบพี่มาตลอด ฉันชอบพี่มากจริง ๆ!”“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันต้องไปทวงหนี้กับพี่ ฉันก็ถูกความสง่างามและความมั่นคงอันแข็งแกร่งของพี่ดึงดูดไปแล้วค่ะ ต่อมาพี่ก็คอยช่วยฉันเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกหัวใจเต้นแรงมากกว่าเดิม ทำให้ฉันชอบพี่มากขึ้นเรื่อย ๆ”“แต่ก็เหมือนว่าพี่จะไม่เคยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของฉันเลย หลายครั้งที่ฉันอยากจะรุกเข้าหาพี่แต่ก็ไม่กล้า จนกระทั่งพบว่าพี่กับประธานหลินคบกันอยู่ ฉันถึงได้เข้าใจว่าฉันไม่ใช่อะไรสำหรับพี่เล
แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่ทั้งสองคนก็ได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวกับไป๋เฉิงกรุ๊ป และความน่ากลัวของแก๊งพยัคฆ์ทมิฬมาไม่น้อย ดังนั้นความหวาดกลัวและความรู้สึกหวั่นเกรงที่มีต่อตระกูลไป๋จึงมาจากใจของพวกเธออย่างแท้จริงสองสาวพูดสลับกันไปมา จนเกิดเป็นเสียงที่ดังอึกทึกขึ้น เย่เทียนหยู่แทบไม่มีโอกาสได้พูดเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดเขาก็มีโอกาส เขาจึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ พูดจบรึยัง?”สองสาวพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้“พวกเธอฟังฉันนะ พวกเธอวางใจเถอะ แค่ตระกูลไป๋ พวกมันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” เย่เทียนหยู่พูดออกมาตรง ๆ เดิมทีก็คิดจะบอกว่าไป๋เฉิงกรุ๊ปเป็นของตนอยู่หรอก แต่จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนความคิดถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยู่ข้างนอก แถมแก๊งพยัคฆ์ทมิฬและไป๋เฉิงกรุ๊ปเองก็มีชื่อเสียงที่ไม่ดีสักเท่าไหร่คำพูดนี้ แทบจะไม่เห็นตระกูลไป๋อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นถึงหนึ่งในตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในเมืองตะวันออกเชียวนะ ในใจของสองสาวจึงรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่พวกเธอมองหน้ากัน ต่างคนต่างก็คิดว่าที่พี่เย่จงใจพูดแบบนี้ก็เพื่อทำให้พวกเธอสบายใจก็เท่านั้น“เอาล่ะ ไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้ว ควรกินก็กิน ควรดื่มก็ดื่มเถอะ” ที
สีหน้าหลี่ซินเยว่และหลิวซือซือเต็มไปด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้ตอนที่พวกเธอนึกถึงความน่ากลัวของตระกูลไป๋ อันที่จริง พวกเธอก็คิดที่จะเตือนเย่เทียนหยู่ไม่ให้ทำร้ายตงซู่อยู่เหมือนกัยแต่เมื่อลองนึกดูอีกที ในสถานการณ์แบบนี้ ด้วยนิสัยของตงซู่ ต่อให้จะหยุดเอาไว้ได้ก็ไม่มีความหมายอยู่ดีเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ พวกเธอก็ไม่มีทางให้ถอยกลับอีกต่อไปแล้วเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงตงซู่ที่กำลังร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกันเขาก็หันไปจ้องเย่เทียนหยู่ด้วยความเกลียดชัง แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่สามารถพูดอะไรได้ ยิ่งไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามด้วยเช่นกันอย่างไรก็ตาม รอจนกว่าตนจะออกไปจากที่นี่ได้เสียก่อน จากนั้นก็จะต้องรายงานเรื่องนี้ให้ไช่เตา คุณชายเตาได้ทราบ พอถึงตอนนั้น ตนจะต้องทำให้ไอ้เด็กนี่อยู่ไม่สู้ตายให้ได้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็เงียบกริบ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใด ๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าจะเผลอทำให้ตัวเองเข้าไปเอี่ยวด้วยใครจะไปคิดล่ะว่า ชายหนุ่มที่ดูสุภาพไม่มีพิษมีภัยข้าง ๆ สาวสวยสองคนนี้จะลงมือได้โหดเหี้ยมมากขนาดนั้น แต่ถึงอย่างไร อีกฝ่ายก็สมควรโดนแล้วแค่เห็นก็รู้เลยว่าไ
เมื่อได้ยินคำสั่ง ลูกน้องทั้งสองคนของเขาก็รีบตั้งท่าเตรียมพร้อมขึ้นทันที ก่อนจะเดินตรงไปหาเย่เทียนหยู่ด้วยท่าทางดุดัน งานที่ต้องจัดการกับคนแบบนี้ มันได้กลายเป็นการเสพติดของพวกเขาไปแล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็ชอบความรู้สึกแบบนี้เย่เทียนหยู่ส่ายหัว ก่อนจะลุกขึ้นยืน หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะทำให้คนอื่นตกใจ ป่านนี้เขาคงจะโบกมือซัดเจ้าพวกนั้นให้กระเด็นไปนานแล้วจากนั้นก็เอาชีวิตของพวกมันมา ณ เดียวนั้นเลย!เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ยังกล้าลุกขึ้นมาพูดท้าทายตนอยู่ ทั้งสองจึงรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของพวกเขากำลังถูกดูหมิ่น นั่นจึงทำให้พวกเขารู้สึกโกรธอย่างมาก ก่อนที่ต่อมาทั้งสองจะเหวี่ยงหมัดออกไปพร้อมกันในทันทีผั๊วะ ผั๊วะ!เกิดเสียงผั๊วะดังขึ้นสองครั้งติด ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึงของผู้คน เย่เทียนหยู่ใช้ฝ่ามือฟาดพวกเขาจนกระเด็นออกไปก่อนที่ร่างของพวกเขาจะร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง ร่างกายราวกับกำลังแหลกสลาย รู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวสีหน้าตงซู่ดูตกใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะรู้วิชากังฟูด้วย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวหยิ่งยโสแบบนี้ ที่แท้แ
หลี่ซินเยว่และหลิวซือซือที่กำลังด่ากันอย่างเมามัน กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ เสียงของตงซู่จะดังขึ้นมาข้างหู นั่นจึงทำให้พวกเธอรู้สึกตกใจจนต้องหันมองไปตามเสียงในทันทีเป็นตงซู่จริง ๆ ด้วย!นอกจากนี้ ด้านหลังของเขายังมีเหล่าชายฉกรรจ์ที่ดูดุร้ายอยู่อีกด้วย แค่มองก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนดีอะไรสีหน้าของพวกเธอซีดเผือดในทันที!ต้องเข้าใจก่อนว่า พวกเธอเตรียมตัววางแผนจะหนีในวันนี้กัน แต่ตอนนี้ตงซู่กลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เป้าหมายของเขาไม่ต้องพูดก็รู้ หรือต่อให้จะเป็นการพบกันโดยบังเอิญ แต่หากได้ยินสิ่งที่พวกเธอเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อสักครู่นี้ เกรงว่าคงไม่มีทางปล่อยพวกเธอไปง่าย ๆ แน่เมื่อตงซู่เห็นสีหน้าตกใจของทั้งสอง เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมาว่า “ด่าสิ ทำไมไม่ด่าต่อแล้วล่ะ นี่พวกเธอคิดว่าฉันไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม?”หลี่ซินเยว่ตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะรีบลุกขึ้น และพูดออกไปว่า “รุ่นพี่เองเหรอคะ พอดีเมื่อกี้ฉันดื่มมากไปน่ะค่ะ เลยไม่รู้ว่าเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไปบ้าง อย่าโกรธกันเลยนะคะ”“หลี่ซินเยว่ จริงอยู่ที่ฉันชอบเธอมาก แต่ฉันก็ไม่โง่ขนาดนั้น เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าพวกเธอเตรียมตัวที่จะหนีในคืนน
หลิวซือซือไม่อยากให้เย่เทียนหยู่รู้เกี่ยวกับปัญหาใหญ่ที่ตนต้องเจอยังไงซะ ตระกูลไป๋ก็เป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองตะวันออก จะล่วงเกินตระกูลไป๋เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยของตนไม่ได้“ไม่มีจริง ๆ น่ะเหรอ?”เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นว่าเธอมีท่าทีแปลก ๆ เขาจึงพูดขึ้นว่า “หลี่ซิน พวกเธออยู่ด้วยกัน ไหนเธอพูดมาซิ”“ไม่มีอะไรจริง ๆ ค่ะ พี่เย่ ไหนเมื่อกี้พี่บอกว่ามีเรื่องอยากจะถามไงคะ เรื่องอะไรเหรอ?”จู่ ๆ หลี่ซินเยว่ก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีโดยไม่ทันตั้งตัวเย่เทียนหยู่จึงเข้าใจได้ในทันที ว่าทั้งสองจะต้องมีเรื่องปิดบังตนอยู่แน่นอน แต่ในเมื่อไม่ยอมพูด เขาเองก็ไม่อยากถามให้มากความ แต่ต้องบอกเลยว่า หลี่ซินเยว่คนนี้ค่อนข้างมีทักษะในการเข้าสังคมมากกว่าหลิวซือซือเสียอีกบวกกับที่เธอเคยทำงานเป็นผู้จัดการระดับกลางของหลินซื่อกรุ๊ปมาก่อน ตอนนั้นเธอเองก็ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียวไม่แน่ว่าอาจจะพิจารณาให้เธอขึ้นมารับตำแหน่งผู้บริหารเลยก็ได้ หรือถ้าเธอไม่ไหวจริง ๆ ก็ให้รับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปก็ฟังดูไม่แย่เหมือนกัน แล้วตนก็รับบทบาทท่านประธานไปก็พอ ยังไงซะ บริษัทจะทำกำไรได้หรือไม่ได้ก็ไม่สำคัญอยู่
ไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงาน พวกหลี่ซินเยว่ก็พากันเดินทางออกจากบริษัท พวกเธอรู้สึกกังวลอยู่ตลอด เธอกลัวว่าตงซู่จะเล่นตุกติกเพื่อรั้งไม่ให้พวกเธอไปแต่ก็กลับคิดไม่ถึงว่าจะราบรื่นมากขนาดนี้ในตอนนั้นเอง ทั้งคู่ก็ได้รับสายจากเย่เทียนหยู่ หลังจากที่วางสาย หลี่ซินเยว่ก็ถามขึ้นว่า “ซือซือ พวกเราจะกลับไปเก็บของแล้วหนีไปเลย หรือพวกเราจะไปพบกับพี่เย่กันก่อนดี?”หลิวซือซือรู้สึกลังเล หากเป็นคนอื่นเชิญก็คงไม่เป็นไร แต่การที่จะได้ทานข้าวกับพี่เย่สักครั้ง สำหรับเธอนับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากเธอจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่งั้นเราก็ไปตามนัดกันก่อนดีไหม ถึงยังไงคืนนี้เราก็สามารถไปได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว”“ได้ เอาตามที่เธอว่าเลย”“แต่ว่านะ เรื่องของพวกเรา อย่าได้บอกกับพี่เย่เด็ดขาด”“เข้าใจแล้ว ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นเมืองหลวง พี่เย่เองก็ไม่ได้เก่งไปเสียทุกอย่าง พวกเราจะสร้างปัญหาให้เขาไม่ได้” หลี่ซินเยว่เองก็เห็นด้วยอย่างมากทั้งสองตัดสินใจกันอย่างแน่วแน่ ไม่นานพวกเธอก็มองเห็นรถของเย่เทียนหยู่เย่เทียนหยู่เองก็สังเกตเห็นการมาถึงของพวกเธอ ทั้งคู่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกระโปรงรัดรูปทรงเอ เผ
เขาถึงขั้นกล้าลงมือกับคุณท่านเย่ ที่เป็นถึงพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง!อย่าไรก็ตาม ปัจจุบันตระกูลเย่นับว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และอาจจะล้มได้ทุกเมื่อในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็รออีกสักสองสามวันก็แล้วกัน รอจนกว่าพวกงู แมลง มด หนูโผล่หัวออกมาให้หมดเสียก่อน พอถึงตอนนั้นก็ค่อยจัดการรวดเดียว แล้วค่อยมอบความสดใสให้กับตระกูลเย่อีกครั้งนอกจากนี้ ก็เพื่อที่จะรอดูว่าท่านอาจารย์จะมีการเคลื่อนไหวอะไรรึเปล่า มาถึงตอนนี้ อันที่จริงในใจเขาก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกันหลังจากว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงหม่าต้านขึ้นมาได้ เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านไป ก็ดูเหมือนว่าหม่าต้านคนนี้จะไม่ใช่คนดีอะไร เขาจึงได้สั่งการให้คนไปตรวจสอบคนผู้นี้ดูสักหน่อยจริงด้วย หลี่ซินเยว่กับหลิวซือซือเองก็ทำงานที่ไป๋เฉิงกรุ๊ปไม่ใช่รึไง เช่นนั้นก็เชิญพวกเธอมาก็ได้นี่ จะได้ให้พวกเธอช่วยอธิบายสถานการณ์ในไปเฉิงกรุ๊ปให้ฟังด้วยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เย่เทียนหยู่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะกดโทรออกหาหลี่ซินเยว่ทันที เดิมทีตั้งใจจะโทรหาหลิวซือซือ แต่เมื่อนึกถึงความรู้สึกของหลิวซือซือที่มีต่อตน
ในใจโจวฉิงรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่ต้นจนจบหม่าต้านก็เผยความรู้สึกหวาดกลัวออกมาไม่หยุด นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกตกใจไปชั่วขณะการแสดงออกของหม่าต้านหลังจากนั้น ราวกับคนใกล้ตายที่กำลังร้องขอชีวิตไม่หยุดไม่มีผิด ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นถึงความกลัวของเขาที่มีต่อคุณเย่ได้เป็นอย่างดีคนคนหนึ่ง เหตุใดถึงทำให้คนอีกคนกลัวได้มากขนาดนี้ แต่นั่นก็ทำให้เธอได้เห็นถึงสถานะและจุดยืนของเขาได้อย่างชัดเจนหลังจากที่โจวฉิงได้สติ ในใจก็กลับรู้สึกเหมือนมีม้ากำลังวิ่งพล่านไปทั่ว ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างมากในเวลานี้ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้ แต่ตอนนั้นเธอก็กลับไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการกดโทรออกเพียงครั้งเดียวเท่าที่เห็นแทบไม่จำเป็นต้องโทรเลยด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนแค่เขาไอออกมาก็สามารถทำให้หม่าต้านวิ่งมาคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิตได้เลยอย่าว่าแต่เธอเลย ขนาดหลินหว่านหรูเองก็ชะงักไปด้วยเช่นกัน แม้เธอจะรู้ดีว่าเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนหยู่จะเก่งกาจได้มากถึงเพียงนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า โจวฉินเองก็เพิ่งจะพูดไป ว่าตระกูลไป๋เป