เมื่อหลี่ซิงเหอได้ยิน เขาก็ตะคอกอย่างเย็นชา และพูดว่า “พูดไร้สาระอะไร หัวหน้าฝ่ายขายคือผู้นำของบริษัท คุณซึ่งเป็นพนักงานขายธรรมดาๆ จะแต่งตั้งตามใจตัวเองได้อย่างไร หากเป็นแบบนี้มันจะไม่วุ่นวายเหรอ”“แต่เรื่องนี้มีการตกลงกันมาก่อนแล้ว ทั้งสองฝ่ายก็รับปากแล้ว” เย่เทียนหยู่ตอบ“สัญญาอะไร พวกคุณสองฝ่ายรับปากกัน หัวหน้าพวกเราเห็นด้วยหรือยัง? ตำแหน่งหัวหน้าทีม ไม่ใช่พวกคุณจะตั้งกันตามใจได้” หลี่ซิงเหอแย้งตอบ“แต่ตอนนี้ เย่เทียนหยู่ยังเอ่ยถึงข้อเรียกร้องนี้ ผู้นำทุกท่านก็ไม่คัดค้าน” หลี่ซินเยว่อดไม่ได้ที่จะช่วย“ใช่ ฉันไม่ได้สนใจ ถ้าฉันฟังแล้ว จะปฎิเสธแน่นอน ตำแหน่งหัวหน้าทีมนั้นไม่ธรรมดา ต้องปรึกษากับฝ่ายธุรการและฝ่ายขายเท่านั้น ถึงจะตัดสินใจได้”หลี่ซิงเหอทำเสียงหึ ตอบว่า “พูดถึงตำแหน่งหัวหน้าทีม ยังมีเรื่องที่ต้องพูดอีกเรื่อง คุณชื่อเย่เทียนหยู่ใช่ไหม เข้าทำงานบริษัทตอนไหน ผ่านการสอบข้อเขียนและสอบสัมภาษณ์ไหม?”เย่เทียนคนนี้ ทำลายเรื่องดีๆของเขาไปหมด งั้นก็ไสหัวออกไปจากบริษัทเถอะตอนนี้เขาไม่เพียงแต่รู้ว่าเย่เทียนหยู่ผ่านเข้ามาผ่านทางความสัมพันธ์ แต่แรกเริ่มก็ไม่ได้สนใจผู้ชายตัวเล็กๆเ
ทันทีที่คำพูดเหล่านั้นหลุดออกมา สีหน้าของหลินหว่านหรูและหลิวเหวินก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย โดยเฉพาะหลินหว่านหรู เธอรู้ดีว่า เย่เทียนหยู่ไม่ได้มีวุฒิการศึกษาอะไรทั้งนั้น เขาก็แค่ชาวป่าชาวดอยคนหนึ่งที่ลงมาจากภูเขา จะไปมีภูมิความรู้แบบนั้นได้ยังไง หลี่ซิงเหอที่รู้จักคุ้นเคยกับทั้งสองคนเป็นอย่างดี เมื่อเห็นท่าทีการแสดงออกของทั้งคู่ ในใจก็แอบรู้สึกพึงพอใจอยู่ไม่น้อย ในเมื่อคุณตัดลูกน้องที่มีความสามารถมากที่สุดของฉันไป วันนี้ก็อย่าหวังเลยว่าเขาจะได้อยู่อย่างสงบสุข ที่สำคัญที่สุด เขาอยากจะใช้โอกาสนี้ดึงหลิวเหวินให้เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ถ้าหากสามารถคว้าตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายขายได้ ถึงจะเสียเหม่ยหรงหรงไปสักคนก็ไม่เป็นไร ขณะเดียวกันเหม่ยหรงหรงพร้อมกับอีกสองคนยังไม่ได้ออกไปจากตรงนั้น ทันทีที่คนหมดสภาพอย่างพวกเขาได้ยินอย่างนั้น ก็รู้สึกมีเรี่ยวมีแรงขึ้นมาอีกครั้ง เพราะการได้เห็นความโชคร้ายของเย่เทียนหยู่นั้น ทำให้พวกเขารู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก “ประธานหลิว ทำไมคุณถึงเงียบไปล่ะ อย่าบอกนะว่าเขาไม่เคยเรียนมหาวิทยาลัยมาก่อนเลยน่ะ?”หลี่ซิงเหอจงใจถามขึ้นหลังจากที่เขาพูดออกมาแบบนั้น
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา เห็นได้ชัดเลยว่าเขาพยายามที่จะดึงหลิวเหวินให้เข้ามามีส่วนร่วมด้วย สิ่งนี้ทำให้สีหน้าของหลินหว่านหรูเปลี่ยนไปทันที หลิวเหวินเป็นถึงหุ้นส่วนที่มีอำนาจในการตัดสินใจมากที่สุดในบริษัทของเธอหากเกิดเรื่องขึ้นกับหลิวเหวิน สำหรับเธอแล้วนั่นจะเป็นปัญหาใหญ่ที่กระทบเธอไปด้วยอย่างแน่นอน หลี่ซินเยว่และคนอื่น ๆ ก็ยิ่งรู้สึกกังวลมากขึ้นเย่เทียนหยู่หัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า “ประธานหลี่เก่งจริง ๆ พูดเพียงสองสามประโยคก็สามารถสาดน้ำสกปรกใส่ประธานหลิวได้แล้ว ทำไม คุณถึงอยากจะดึงประธานหลิวลงมาเกี่ยวข้องด้วยมากขนาดนั้น?” “เหลวไหลไร้สาระ ประธานหลิวเป็นเสาหลักของบริษัทเรา และได้ช่วยเหลือบริษัทไว้ตั้งมากมาย ฉันจะไปคิดแบบนั้นได้ยังไง?” หลี่ซิงเหอกล่าวท้วง “ถ้าอย่างนั้น ในเมื่อประธานหลิวมีผลงานโดดเด่นขนาดนี้ ต่อไปไม่ว่าฉันจะทำอะไร ก็คงจะไม่ไปสร้างปัญหาให้กับประธานหลิวสินะ?”หลี่ซิงเหออ้ำอึ้งไปพักหนึ่ง เขาตระหนักได้ว่าตัวเองถูกดึงเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยแล้ว ก่อนจะพูดเสียงขรึม “หยุดพูดเรื่องไร้สาระ แล้วรีบอธิบายเรื่องของคุณมาได้แล้ว” “ถ้าหากว่าประธานหลิวมีพฤติกรรมที่ไม
หลังจากที่หลี่ซิงเหอคิดตามทันทั้งหมดแล้ว ภายในใจก็โกรธจัด เขาคิดไม่ถึงเลยว่า คนไร้ค่าที่เขาดูถูกนั้น จะสร้างความอันตรายให้เขาได้มากถึงเพียงนี้ ในทางตรงกันข้าม สายตาที่หลิวเหวินมองไปยังเย่เทียนหยู่กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกชื่นชม และก็ตกตะลึงมากเช่นกัน เธอคิดว่า นี่จะต้องเป็นกับดักที่เย่เทียนหยู่ได้วางแผนไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ความคิดแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปจะทำได้อย่างแน่นอนแต่ถึงจะเป็นแบบนี้แล้ว ก็ยังติดปัญหาพื้นฐานอยู่ นั่นก็คือเย่เทียนหยู่จะเข้ามาในบริษัทได้ยังไง หากไม่จัดการให้ดี วิกฤติก็จะยังคงอยู่แน่นอนว่า หลี่ซิงเหอต้องอดทนอดกลั้นต่อความอยากที่จะฆ่าเย่เทียนหยู่ให้ตายเอาไว้อย่างมาก เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “เย่เทียนหยู่ พูดมาซะมากมายก่ายกอง คุณยังไม่ได้บอกเลยว่าคุณมีประสบการณ์อะไร ที่จะสามารถทำให้ประธานหลิวต้องรับคุณเข้ามาในบริษัท?”เมื่อเย่เทียนหยู่ได้ยิน เขาก็ส่ายหัวและขมวดคิ้ว “ประธานหลี่ หูคุณก็ไม่ได้หนวกนี่ เมื้อกี้ผมบอกไปแล้วว่า ประสบการณ์ของผมมันน่ากลัวเกินไป ไม่สามารถบอกพวกคุณได้”หลี่ซิงเหอได้ยินดังนั้นก็โกรธมาก พร้อมกับพูดออกมาด้วยความโกรธ “เย่เท
เป็นอย่างนั้นจริง ๆ!หลินหว่านหรูอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างขมขื่น คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนหยู่จะใช้ได้เหมือนกันนะเนี่ย ทำใบรับรองเกียรติยศปลอมเตรียมไว้ก่อนแล้วล่วงหน้า เพียงแต่ว่า ของแบบนี้ตรวจสอบได้ง่ายมากที่ง่ายที่สุด ก็คือสอบถามกับทางมหาวิทยาลัยที่เกี่ยวข้องโดยตรงก็ได้คำตอบชัดเจนแล้วคนอื่น ๆ สีหน้าก็ดูตกใจเช่นกัน คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนหยู่จะกล้าทำเรื่องที่โง่เขลาแบบนี้ หลี่ซินเยว่ยิ้มแห้ง ในความเห็นของเธอนั้น เรื่องแบบนี้เย่เทียนหยู่สามารถทำมันออกมาได้อยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนหน้านี้ประธานหลิวก็ได้บอกไปแล้วว่าเขาไม่มีวุฒิการศึกษาหลิวเหวินเองก็ถอนหายใจเช่นกัน ดูท่าคงจะทำอะไรไม่ได้แล้ว แต่เย่เทียนหยู่กลับยิ้มออกมาเบา ๆ และพูดว่า “ใครบอกว่าใบรับรองเกียรติยศของฉันเป็นของปลอมกัน?” “ฉันนี่แหละ!”หลี่ซิงเหอพูดจบ เขาก็หัวเราะออกมาเสียงดัง พร้อมกับพูดว่า “ถ้าหากว่าคุณหาประเทศอื่น เช่นที่ไหนสักแห่งในแอฟริกา แล้วเลือกมหาวิทยาลัยปลอมที่ชื่อใกล้เคียงกันฉันก็คงจะตรวจสอบได้ยาก” “แต่นี่คุณโง่มากจริง ๆ ที่ทำใบประกาศนียบัตรศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยเอ คุณคิดว่าพวกเราทุกคนปัญญ
หลี่ซิงเหอกวาดสายตามองรายชื่อบนนั้นอย่างรวดเร็ว และแน่นอนว่าไม่มีชื่อของเย่เทียนหยู่ในนั้น จึงพูดเยาะเย้ยขึ้น “เย่เทียนหยู่ ฉันค้นดูในนี้หมดแล้ว ทำไมถึงไม่เห็นชื่อของคุณเลยล่ะ?” “คุณยังกล้าพูดอยู่อีกเหรอว่าคุณไม่ได้ปลอมใบประกาศนียบัตรน่ะ?” “ไม่ใช่อย่างนั้นแน่นอน ไม่มีในนั้นแล้วต้องหมายความว่าผมปลอมขึ้นงั้นเหรอ คุณได้ไปถามคณบดี หรือว่าอธิการบดีของมหาวิทยาลัยแล้วหรือยัง?” เย่เทียนหยู่ถามกลับ “ไร้สาระ!”หลี่ซิงเหอโกรธ แล้วพูดว่า “เย่เทียนหยู่ คุณต้องการให้ฉันเจาะค้นลงไปลึกมากกว่านี้จริง ๆ ใช่ไหม นี่ถือเป็นเรื่องที่ผิดต่อกฎหมาย ถึงตอนนั้น คุณจะต้องติดคุกเพียงเพราะทำการกล่าวอ้างอันเป็นเท็จนี้” “ผมไม่ได้โกหก คุณลองตรวจสอบได้ตามสบายเลย” เย่เทียนหยู่หมดคำจะพูด “ได้ คุณรนหาที่เองนะ อย่ามาหาว่าฉันไม่เกรงใจก็แล้วกัน” หลี่ซิงเหอพูดด้วยความโมโห หลินหว่านหรูทำอะไรไม่ถูกแล้ว เดิมทีเธอต้องการที่จะหยุดเขา แต่เห็นได้ชัดเลยว่าที่เย่เทียนหยู่ทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อบริษัท “เย่เทียนหยู่ ถ้าหากว่าเป็นคนอื่น คงจะทำอะไรไม่ได้ แต่บังเอิญ ฉันรู้จักกับรองอธิการบดีของมหาวิทยาลัยเอ และก็บังเอิญมีเบอร์โ
เย่เทียนหยู่ยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ ฉันอุตส่าห์ปิดบังขนาดนี้ แต่เก็บต่อไปไม่ไหวแล้วเพราะทุกคนเอาแต่ถาม คราวนี้ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องเปิดเผยความสามารถอันแข็งแกร่งที่ยอดเยี่ยมของเขาเดี๋ยวถ้าการประชุมจบลง คงจะต้องเตรียมรับคลื่นแห่งความชื่นชมจากเหล่าสาวสวย แม้แต่หว่านหรูเองก็คงจะอดไม่ได้ที่จะโผกายเข้ามาในอ้อมกอดของเขา หลังจากวางสายโทรศัพท์แล้ว สีหน้าของหลี่ซิงเหอดูไม่ได้เลย เอาแต่จ้องไปที่เย่เทียนหยู่อย่างเอาเป็นเอาตาย ราวกับว่าอยากจะจับพิรุธอะไรแปลก ๆ ของเขา “เป็นยังไงล่ะ คุณหลี่ ยืนยันชัดเจนแล้วหรือยัง?”เย่เทียนหยู่ยิ้มเบา ๆ และพูดว่า “ผมบอกแล้ว ว่าประกาศนียบัตรนี้เป็นของจริง ตอนนี้คุณจะคืนมันมาให้ผมได้แล้วใช่ไหม?” “แน่นอน คุณเอาใบประกาศนียบัตรนี้ไปให้เขา”หลังจากที่หลี่ซิงเหอสั่งหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เสร็จแล้ว เขาก็เหลือบมองไปที่หลิวเหวิน และพูดว่า “แต่ในเมื่อคุณมีใบประกาศนียบัตรเช่นนี้แล้ว ทำไมถึงเต็มใจที่จะเป็นเพียงแค่พนักงานขายล่ะ?” “ถ้าฉันเดาไม่ผิด ประธานหลิวก็คงจะไม่รู้เหมือนกันสินะว่าคุณมีใบประกาศนียบัตรนี้น่ะ” “ใครว่าล่ะ ประธานหลี่ อย่าหาว่าผมสงสัยคุณเลยนะ
นอกจากหลิวเหวินแล้ว หลินหว่านหรูเองก็มีความคิดแบบนี้อยู่เหมือนกัน ทันทีที่ได้ยินข้อเสนอแนะนี้ ในใจของเธอก็รู้สึกเห็นด้วยเป็นอย่างมาก ถ้าเป็นแบบนี้ เย่เทียนหยู่ก็จะได้รับการฝึกฝนมากขึ้น ซึ่งนั่นก็จะยิ่งเป็นผลดีต่อการเอาตัวรอดของเขาในอนาคต หลี่ซินเยว่เองก็ดีใจมากเช่นกัน ถึงแม้ว่าแบบนี้จะทำให้เธอต้องสูญเสียพรสวรรค์อันทรงพลังไป และมีคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง แต่เธอก็ยังมีความสุข และก็ดีใจไปกับเย่เทียนหยู่ด้วย แต่เย่เทียนหยู่กลับตกตะลึง เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะต้องมาเป็นหัวหน้าของแผนกทีมขาย นั่นไม่ได้เป็นการหาเรื่องลำบากให้ตัวเองหรอกเหรอ?มันจะไปสบายใจเท่ากับการเป็นพนักงานขายธรรมดา ๆ ได้ยังไงกันสีหน้าของหลี่ซิงเหอเองก็ไม่ค่อยพอใจเช่นกัน เจ้าเด็กนี่หักหน้าเขากี่ครั้งไม่รู้ต่อกี่ครั้ง และยังสร้างปัญหาใหญ่ให้กับเขาอีก ไม่จัดการเขาไปตอนนั้นก็ดีเท่าไรแล้ว กลับยังจะให้เขาได้ตำแหน่งที่สูงขึ้นไปอีก แต่สถานการณ์ในตอนนี้ หากว่าเขาปฏิเสธล่ะก็ จะต้องถูกกลุ่มคนวิพากษ์วิจารณ์อย่างแน่นอน ซึ่งนั่นจะส่งผลเสียต่อความน่าเกรงขามของเขา ช่างมัน งั้นก็ให้เขาเป็นหัวหน้าของแผนกทีม
“พ่อคะ หรือว่าพ่อไม่เคยสนใจอนาคตของหนูเลยอย่างนั้นเหรอคะ ถึงได้บังคับหนูแบบนี้?” สวี่เจียเจียกล่าวทั้งน้ำตา พร้อมกับจ้องไปทางพ่อด้วยความโกรธสีหน้าพ่อตระกูลสวี่ดูไม่พอใจมากนัก แต่นี่คือความหมายของครอบครัว เขาทำไปก็เพื่อครอบครัว เพราะไม่อย่างนั้น ผลที่จะตามมาจากการรุกรานของตระกูลซุนคงจะน่ากลัวมาก ๆ เขาจึงพูดอย่างจำใจว่า “พ่อไม่ได้บังคับลูก แต่คุณชายซุนเป็นคนที่ดีที่สุดสำหรับลูก”“ใช่แล้ว เจียเจีย คุณชายซุนทั้งหล่อเหลาและมีความสามารถ สาว ๆ จากตระกูลใหญ่ในเมืองตะวันออกมากมายอยากแต่งงานกับเขา แต่ก็ไม่มีโอกาส เธออย่าไปหลงเชื่อคนไร้ค่าแบบนั้นเอาได้ล่ะ” สวี่อี้พูดเสริมขึ้นทันที“นั่นสิ เจียเจีย ตระกูลหลินเป็นเพียงตระกูลเล็ก ๆ หลินจื่อตงก็ยิ่งเป็นแค่ขยะ หากเธอต้องไปอยู่กับมัน ชาตินี้คงไม่มีวันได้เห็นแสงสว่างแน่”สวี่กวงเองก็รีบพูดขึ้นมาด้วยเช่นกันแต่สวี่เจียเจียกลับส่ายหัว แล้วพูดออกไปว่า “ฉันไม่สน ฉันแค่ชอบพี่ตง ฉันต้องการแต่งงานกับเขา!”เย่เทียนหยู่เองก็แอบรู้สึกประหลาดใจ คิดไม่ถึงเลยว่า หลินจื่อตง จะโชคดีขนาดนี้ สามารถทำให้หญิงสาวที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้หลงใหลในตัวเองได้หลินหว่า
หูของเย่เทียนหยู่ค่อนข้างไวต่อเสียง เพิ่งจะเดินเข้ามาที่ประตูห้องโถง ก็ได้ยินคำพูดของคุณแม่ตระกูลซุนพูดขึ้นทันที ดังนั้นเขาจึงพูดออกมาดัง ๆ จากประตูว่าพวกเขามีความเห็นต่างทันทีที่พวกเขาพูดจบ ไม่นานก็เดินตรงเข้ามาทุกคนต่างก็ตกใจเล็กน้อย ในช่วงเวลาแบบนี้ใครกันจะกล้าพูดจาไร้สาระ หรือกล้าคัดค้านบ้าง เพราะเหตุนี้จึงทำให้ทุกคนต่างก็หันไปมองพร้อมกัน และเห็นว่ามีคนสามคนยืนอยู่ตรงประตูโดยเฉพาะสวี่เจียเจีย ทันทีที่เธอเห็น เธอก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไป เธอลุกขึ้นยืนในทันที และตะโกนด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่ตง!”ทันทีที่สวี่กวนเห็นคนที่เดินเข้ามา เขาก็รู้สึกโกรธขึ้น สีหน้าดูซีดเซียว เขาคิดไม่ถึงเลยว่า หลินจื่อตงจะกล้าบุกเข้ามาในบ้านตระกูลสวี่เพื่อแย่งคนจริง ๆนี่เท่ากับว่าเขาไม่สนใจคำขู่ของตนโดยสิ้นเชิง ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยสักนิด จนแทบจะทำให้เขาหมดความอดทนแต่ในขณะเดียวกัน น้องชายของพ่อตระกูลสวี่ สวี่อี้ก็รู้สึกโกรธมาก แล้วพูดอย่างเย็นชา“พวกแกเป็นใครกัน ถึงกล้าบุกเข้ามาพูดจาไร้สาระในบ้านตระกูลสวี่ของฉันแบบนี้?”“อารองครับ มันก็คือคางคกที่เพ้อฝันอยากกินเนื้อหงส์ หลินจ
ตระกูลสวี่ก็ถือว่าพอมีอิทธิพลอยู่จริง ๆ แต่ถ้าหากเทียบกับสี่ตระกูลใหญ่แล้ว ความแตกต่างนั้นก็ค่อนข้างจะห่างชั้นอยู่พอสมควรหลายคนในตระกูลสวี่ โดยเฉพาะน้องชายของพ่อตระกูลสวี่ สวี่อี้ และลูกชายของเขา สวี่กวง ต่างก็มีความปรารถนาที่จะเข้าใกล้ตระกูลซุน เพียงเท่านี้ ก็จะทำให้อิทธิพลของตระกูลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และพวกเขาเองก็จะได้รับประโยชน์อย่างมากเช่นกันเพียงแต่สีหน้าของคุณแม่ตระกูลสวี่ดูไม่ค่อยดีนัก เพราะเธอรู้ว่าลูกสาวตนชอบหลินจื่อตง ครั้งที่แล้วก็เป็นเธอที่แอบปล่อยสวี่เจียเจียไปอย่างลับ ๆ เพื่อให้เธอได้ไปหาหลินจื่อตงที่เมืองเทียนไห่แม้ว่าพ่อตระกูลสวี่จะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่เพื่อครอบครัวแล้ว เขาจำเป็นต้องยอมรับสิ่งเหล่านี้สวี่เจียเจียก้มหน้า และกดตัวอักษรบนหน้าจอโทรศัพท์อย่างไม่หยุดหย่อน เธอกำลังส่งข้อความหาหลินจื่อตงแต่หลังจากที่ส่งข้อความไปหลายข้อความ หลินจื่อตงก็ยังไม่ตอบเธอเลยสักข้อความ อีกทั้ง ตอนนี้การสนทนาระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ใกล้จะจบลงแล้ว เขากลับยังไม่ปรากฏตัวสิ่งนี่ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจมากนักแม้เธอจะรู้ว่าครอบครัวของหลินจื่อตงไม่ได้มีความสามารถ แทบจะไม่มีวิธีเลยด
เมื่อคุณแม่ตระกูลหลินได้ยินเสียง ก็ตกใจขึ้นมาทันทีพอหันไปมองก็เห็นว่าเย่เทียนหยู่กำลังเดินมา สีหน้าดูตื่นตระหนกเล็กน้อย และพูดติดอ่างขึ้นว่า “เทียนหยู่ เธอมาแล้วเหรอ ฉะ ฉันก็พูดมั่ว ๆ ไปอย่างั้นแหละ เธออย่าเก็บมาใส่ใจเลยนะ”“ฮึ ๆ!”เย่เทียนหยู่หัวเราะฮึ ๆ ออกมา ครั้งนี้เขาเปลี่ยนเป็นรถอีกคัน บางทีอาจเป็นเพราะเหตุนี้ คุณแม่ตระกูลหลินจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นล่ะมั้งแต่เขาก็ขี้เกียจที่จะสนใจ และพูดอย่างเฉยเมยไปว่า “หว่านหรู จื่อตง รีบขึ้นรถเถอะ”เมื่อหลินจื่อตงและหลินหว่านหรูได้ยินแบบนั้น ก็รีบเดินไปที่รถเพื่อเตรียมขึ้นรถในทันที“จื่อตง นายมาขับรถ” เย่เทียนหยู่หยิบกุญแจรถโยนให้กับหลินจื่อตงทันทีหลินจื่อตงพยักหน้า แล้วถือกุญแจเดินขึ้นรถไปเขาหวังเอาไว้อยู่แล้วว่าจะได้เป็นคนขับ แบบนั้นเขาก็จะสามารถเพิ่มความเร็วได้ดั่งใจ เพราะเขาเป็นคนที่ชื่นชอบการแข่งรถมาก และทักษะการขับขี่ของเขาก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับเขาแล้ว พี่เขยจะต้องขับรถได้แย่มากแน่นอนคุณแม่ตระกูลหลินเดินตรงเข้าไป พร้อมกับเปิดประตูรถ เพื่อที่จะขึ้นไปด้วย เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ในฐานะผู้อาวุโส เธอรู้สึกว่า ยังไ
หม่าจวิ้นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและรีบพูดทันทีว่า “สภาพร่างกายของผมยอดเยี่ยมมาแต่เด็ก ผมไม่จำเป็นต้องฝึกหรอกครับ”“ผมบอกว่าต้องก็ต้อง จะไปมั้ย” เย่เทียนหยู่ถาม“ไปครับ!”หม่าจวิ้นจะไม่คว้าโอกาสแบบนี้เอาไว้ได้ยังไง เขาจึงตอบกลับทันทีเย่เทียนหยู่แจ้งหมายเลขโทรศัพท์และชื่อของหยางผั่วจวินให้เขาทันที จากนั้นเขาก็โทรหาหยางผั่วจวินและเล่าความเป็นมาให้เขาฟังแม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถติดตามราชามังกร แต่เขาก็เป็นได้เป็นลูกกระจ๊อกคนหนึ่งแล้ว ต่อไปในอนาคตเขายังมีโอกาสอีกมากใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มกับความตื่นเต้นอันไม่อาจควบคุมเมื่อหลิวเมิ่งเห็นว่าเย่เทียนหยู่คุยกำลังว่าง่าย เธอก็พูดทันที “พี่เขย เรื่องพี่สาว...”“ผมพูดไปแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรอีก”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ดึกแล้ว ผมจะไปพักผ่อน ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็รีบกลับไปเถอะ” หลิวเมิ่งทำอะไรไม่ถูก หมายความว่าไงถ้าไม่มีอะไรแล้ว เธอก็พูดอยู่ตลอดว่ามีเรื่องนี่ แต่เขาเองที่ไม่ยอมฟังดูเหมือนคราวนี้พี่เขยตั้งใจจะออกจากตระกูลหลินอย่างแน่วแน่ แล้วลูกพี่ลูกน้องของเธอจะทำยังไงดีภายใต้ความสิ้นหวัง หลิวเมิ่งจากไปพร้อมกับหม่าจวิ้น หลังจากก
หลังจากวางสาย เย่เทียนหยู่ก็เดินทางไปยังบ้านพักของตระกูลหยางและแจ้งให้หยางเฉียนเฉียนทราบด้วยตัวเองว่าปัญหาแก้ไขแล้ว หรือให้พูดตามตรงก็คือ เขาไม่อยากทำให้เธอต้องเสียใจวินาทีแรกที่หยางเฉียนเฉียนได้ยิน เธอก็ยินยอมรับปากเย่เทียนหยู่ สำหรับเธอขอแค่พี่เย่มีความสุขเธอก็มีความสุขต่อมาแม้เธอจะผิดหวังอยู่บ้าง ที่สุดท้ายเธอไม่ได้ลงเอยกับพี่เย่ แต่อย่างน้อยเธอก็ได้จัดงานแต่งงานที่สมบูรณ์แบบกับเขา และยังได้รับใบทะเบียนสมรสกับเขาด้วยหยางต้าฝูดูหดหู่มากกว่า เขาได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่นดูเหมือนว่า ความมั่งคั่งมหาศาลนั่น จะไม่ใช่ของตระกูลหยางของพวกเขาหลังจากจัดการเรื่องนี้แล้ว เย่เทียนหยู่ก็ขับรถกลับไปที่วิลล่าสกายพาเลซหมายเลขหนึ่งแต่ทันทีที่เขามาถึงหน้าประตู เขาก็พบแขกที่ไม่ได้รับเชิญสองคนถูกเขาลงโทษไปแล้ว เจ้าโง่นั่นก็ไม่ยอมแพ้แถมยังตามเขามาถึงที่นี่ ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาคงไม่ได้โง่ขนาดนั้นหรอกใช่มั้ย!เดี๋ยวก่อน หลิวเมิ่งก็อยู่ที่นี่ด้วย แม้ว่าจะน่ารำคาญเล็กน้อย แต่เธอกับหว่านหรูก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันพวกเขาทั้งสองเห็นเย่เทียนหยู่แล้วรีบรุดหน้ามาทันที
ใบหน้าของหลินหว่านหรูแดงระเรื่อขึ้นมาทันทีเล็กน้อย เมื่อคิดถึงเรื่องเมื่อคืน เธอรู้สึกถึงความปรารถนาที่อธิบายไม่ได้ในใจ“เฮ้ คุณบอกว่าคุณต้องการมันมากใช่ไหม” เย่เทียนหยู่พูดด้วยรอยยิ้มที่ไม่ดี เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกหลังจากแก้ไขปัญหานี้ไม่อย่างนั้น เขารู้สึกจริง ๆ ว่าเขาเป็นหนี้หยางเฉียนเฉียนมากจนเขาไม่รู้ว่าจะเผชิญมันยังไง ในอนาคต“อะไรนะ ฉันจะมีอารมณ์คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ยังไง” ในเวลานี้ หลินหว่านหรูรู้สึกเหนื่อยมากเมื่อเธอคิดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น“เกิดอะไรขึ้น เกิดอะไรขึ้น ตระกูลสวี่มาที่นี่หรือเปล่า” เย่เทียนหยู่ถาม ปัจจุบัน ตระกูลหลินควรจะมีเพียงธุรกิจของ หลินจื่อตงเท่านั้น“นั่นไม่เป็นความจริง แต่ตระกูลสวี่และตระกูลซุนตกลงกันว่าพ่อแม่ทั้งสองจะหมั้นกันในวันพรุ่งนี้ เราจะรอจนกว่าจะเลือกวันอันเป็นมงคลอื่นก่อนจึงจะจัดงานแต่งงานอย่างเป็นทางการ”“แล้วจื่อตงก็เริ่มวิตกกังวล พรุ่งนี้เขาต้องไปเยี่ยมตระกูลสวี่เขาบอกว่าแม้ว่าเขาจะตาย เขาก็จะไม่ปล่อยให้สวี่เจียเจียหมั้นหมายกับตระกูลซุนเลย” หลินหว่านหรูกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ในความเป็นจริง เขารู้สึกว่าทั้งสองฝ่ายเพิ่งหมั้นกันและ
หลินหว่านหรูขมวดคิ้วทันที มาจนถึงตอนนี้แล้วทำไมแม่เธอยังไม่ได้สติอีก ถ้าแม่เธอยังเป็นอยู่แบบนี้ ต่อให้เย่เทียนหยู่กลับมา จะช้าเร็วก็คงเกิดปัญหาอยู่ดีเมื่อแม่ตระกูลหลินเห็นหน้าตาของลูกสาว เธอก็รำคาญทันที “สายตาอะไรของลูกฮะ หรือแกจะทนดูน้องชายตัวเองตายไปทั้งแบบนี้รึไง”คุณปู่ตระกูลหลินเองก็รีบ “หว่านหรู ไม่ว่ายังไงก็ น้องก็คอยสนับสนุนหลานมาโดยตลอด หลานต้องช่วยเขานะ”“ใช่ หว่านหรู ลูกต้องช่วยจื่อตงนะ” หลินหงรีบพูดเสริมหลินจื่อตงเปิดปาก เขาไม่ต้องการรบกวนพี่สาว เพราะมีหลายเรื่องเกิดขึ้นในช่วงนี้ แถมความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลกับพี่เขยก็จบลงไปแล้วแต่เขาไม่อยากเสียสวี่เจียเจียไปเลยจริง ๆเมื่อมองดูสายตาของคนในตระกูล หลินหว่านหรูรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่งและพูดว่า “คิดว่าหนูจะไม่ช่วยจื่อตงเหรอคะ”คุณปู่ตระกูลหลินดูไม่ค่อยดีนัก แต่หลินจื่อตงก็พูดทันที “พี่ อย่าฟังคุณปู่กับทุกคนเลยครับ ผมเชื่อพี่อยู่แล้ว ถ้าพี่ไม่สะดวกจริง ๆ ผมจะไปเองครับ”“นายก็ยังไม่เชื่อพี่อยู่ดี”หลินหว่านหรูโกรธ เธอหันหลังกลับและเดินกลับห้องด้วยความโมโหคุณปู่ตระกูลหลินและคนอื่นๆ ที่ถูกทิ้งไว้ มองหน้ากันอย่างไม่เช
“แต่เธอจะมาที่นี่เร็วๆ นี้”“โอเค ถ้างั้นผมจะรอ”ตอนนี้ ขอแค่แม่ของเขาสบายดีแล้ว เย่เทียนหยู่ก็รู้สึกโล่งใจมากขึ้น แต่เขากังวลว่าตอนนี้แม่ของเขาเป็นอิสระแล้วจริง ๆ หรือเปล่า“ผมขอยืนยันอีกที พวกคุณไม่ขอให้ผมจดทะเบียนกับหยางเฉียนเฉียนแล้วใช่มั้ย” เย่เทียนหยู่ถามย้ำ“ใช่!”“โอเค ถ้างั้นผมไปละ!”เย่เทียนหยู่จากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ แม้ว่าผู้หญิงตรงหน้าเขาจะมีเสน่ห์มากและดูเหมือนเธอจะไม่ได้ต่อต้านการการลุกล้ำของเขาเลยด้วยซ้ำจูเก่อหลิวหลีตกอยู่ในอาการมึนงง นี่เขา ออกไปแล้วเหรอตัวเธอมีเสน่ห์ไม่พอเลยหรือไงนี่เป็นครั้งแรกที่เธอสงสัยในความสวยของตัวเอง!เธอรู้สึกมาโดยตลอดว่าถ้าเธอเต็มใจ ก็คงไม่มีใครต้านทานเสน่ห์ของเธอได้ขณะที่เธอกำลังคิดอยู่ โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น ท่านผู้หญิงของเธอโทรมา“ท่านผู้หญิง ฉันขอโทษ ทั้งหมดเป็นความผิดของฉัน” จูเก่อหลิวหลีรับสายและพูดทันที“ไม่เป็นไร!”“ฉันเพิ่งรู้ว่าเทียนหยู่ได้รับพลังลมปราณซวนหมิงของหยางเฉียนเฉียนมาแล้ว เพราะงั้นเขาจะอยู่กับหยางเฉียนเฉียนหรือไม่ก็ไม่สำคัญ”ท่านผู้หญิงตอบ“พลังลมปราณซวนหมิงนั่นคืออะไรคะ” จูเก่อหลิวหลีไม่เคยรู้