หลังจากที่หลี่ซิงเหอคิดตามทันทั้งหมดแล้ว ภายในใจก็โกรธจัด เขาคิดไม่ถึงเลยว่า คนไร้ค่าที่เขาดูถูกนั้น จะสร้างความอันตรายให้เขาได้มากถึงเพียงนี้ ในทางตรงกันข้าม สายตาที่หลิวเหวินมองไปยังเย่เทียนหยู่กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกชื่นชม และก็ตกตะลึงมากเช่นกัน เธอคิดว่า นี่จะต้องเป็นกับดักที่เย่เทียนหยู่ได้วางแผนไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ความคิดแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปจะทำได้อย่างแน่นอนแต่ถึงจะเป็นแบบนี้แล้ว ก็ยังติดปัญหาพื้นฐานอยู่ นั่นก็คือเย่เทียนหยู่จะเข้ามาในบริษัทได้ยังไง หากไม่จัดการให้ดี วิกฤติก็จะยังคงอยู่แน่นอนว่า หลี่ซิงเหอต้องอดทนอดกลั้นต่อความอยากที่จะฆ่าเย่เทียนหยู่ให้ตายเอาไว้อย่างมาก เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “เย่เทียนหยู่ พูดมาซะมากมายก่ายกอง คุณยังไม่ได้บอกเลยว่าคุณมีประสบการณ์อะไร ที่จะสามารถทำให้ประธานหลิวต้องรับคุณเข้ามาในบริษัท?”เมื่อเย่เทียนหยู่ได้ยิน เขาก็ส่ายหัวและขมวดคิ้ว “ประธานหลี่ หูคุณก็ไม่ได้หนวกนี่ เมื้อกี้ผมบอกไปแล้วว่า ประสบการณ์ของผมมันน่ากลัวเกินไป ไม่สามารถบอกพวกคุณได้”หลี่ซิงเหอได้ยินดังนั้นก็โกรธมาก พร้อมกับพูดออกมาด้วยความโกรธ “เย่เท
เป็นอย่างนั้นจริง ๆ!หลินหว่านหรูอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างขมขื่น คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนหยู่จะใช้ได้เหมือนกันนะเนี่ย ทำใบรับรองเกียรติยศปลอมเตรียมไว้ก่อนแล้วล่วงหน้า เพียงแต่ว่า ของแบบนี้ตรวจสอบได้ง่ายมากที่ง่ายที่สุด ก็คือสอบถามกับทางมหาวิทยาลัยที่เกี่ยวข้องโดยตรงก็ได้คำตอบชัดเจนแล้วคนอื่น ๆ สีหน้าก็ดูตกใจเช่นกัน คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนหยู่จะกล้าทำเรื่องที่โง่เขลาแบบนี้ หลี่ซินเยว่ยิ้มแห้ง ในความเห็นของเธอนั้น เรื่องแบบนี้เย่เทียนหยู่สามารถทำมันออกมาได้อยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนหน้านี้ประธานหลิวก็ได้บอกไปแล้วว่าเขาไม่มีวุฒิการศึกษาหลิวเหวินเองก็ถอนหายใจเช่นกัน ดูท่าคงจะทำอะไรไม่ได้แล้ว แต่เย่เทียนหยู่กลับยิ้มออกมาเบา ๆ และพูดว่า “ใครบอกว่าใบรับรองเกียรติยศของฉันเป็นของปลอมกัน?” “ฉันนี่แหละ!”หลี่ซิงเหอพูดจบ เขาก็หัวเราะออกมาเสียงดัง พร้อมกับพูดว่า “ถ้าหากว่าคุณหาประเทศอื่น เช่นที่ไหนสักแห่งในแอฟริกา แล้วเลือกมหาวิทยาลัยปลอมที่ชื่อใกล้เคียงกันฉันก็คงจะตรวจสอบได้ยาก” “แต่นี่คุณโง่มากจริง ๆ ที่ทำใบประกาศนียบัตรศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยเอ คุณคิดว่าพวกเราทุกคนปัญญ
หลี่ซิงเหอกวาดสายตามองรายชื่อบนนั้นอย่างรวดเร็ว และแน่นอนว่าไม่มีชื่อของเย่เทียนหยู่ในนั้น จึงพูดเยาะเย้ยขึ้น “เย่เทียนหยู่ ฉันค้นดูในนี้หมดแล้ว ทำไมถึงไม่เห็นชื่อของคุณเลยล่ะ?” “คุณยังกล้าพูดอยู่อีกเหรอว่าคุณไม่ได้ปลอมใบประกาศนียบัตรน่ะ?” “ไม่ใช่อย่างนั้นแน่นอน ไม่มีในนั้นแล้วต้องหมายความว่าผมปลอมขึ้นงั้นเหรอ คุณได้ไปถามคณบดี หรือว่าอธิการบดีของมหาวิทยาลัยแล้วหรือยัง?” เย่เทียนหยู่ถามกลับ “ไร้สาระ!”หลี่ซิงเหอโกรธ แล้วพูดว่า “เย่เทียนหยู่ คุณต้องการให้ฉันเจาะค้นลงไปลึกมากกว่านี้จริง ๆ ใช่ไหม นี่ถือเป็นเรื่องที่ผิดต่อกฎหมาย ถึงตอนนั้น คุณจะต้องติดคุกเพียงเพราะทำการกล่าวอ้างอันเป็นเท็จนี้” “ผมไม่ได้โกหก คุณลองตรวจสอบได้ตามสบายเลย” เย่เทียนหยู่หมดคำจะพูด “ได้ คุณรนหาที่เองนะ อย่ามาหาว่าฉันไม่เกรงใจก็แล้วกัน” หลี่ซิงเหอพูดด้วยความโมโห หลินหว่านหรูทำอะไรไม่ถูกแล้ว เดิมทีเธอต้องการที่จะหยุดเขา แต่เห็นได้ชัดเลยว่าที่เย่เทียนหยู่ทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อบริษัท “เย่เทียนหยู่ ถ้าหากว่าเป็นคนอื่น คงจะทำอะไรไม่ได้ แต่บังเอิญ ฉันรู้จักกับรองอธิการบดีของมหาวิทยาลัยเอ และก็บังเอิญมีเบอร์โ
เย่เทียนหยู่ยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ ฉันอุตส่าห์ปิดบังขนาดนี้ แต่เก็บต่อไปไม่ไหวแล้วเพราะทุกคนเอาแต่ถาม คราวนี้ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องเปิดเผยความสามารถอันแข็งแกร่งที่ยอดเยี่ยมของเขาเดี๋ยวถ้าการประชุมจบลง คงจะต้องเตรียมรับคลื่นแห่งความชื่นชมจากเหล่าสาวสวย แม้แต่หว่านหรูเองก็คงจะอดไม่ได้ที่จะโผกายเข้ามาในอ้อมกอดของเขา หลังจากวางสายโทรศัพท์แล้ว สีหน้าของหลี่ซิงเหอดูไม่ได้เลย เอาแต่จ้องไปที่เย่เทียนหยู่อย่างเอาเป็นเอาตาย ราวกับว่าอยากจะจับพิรุธอะไรแปลก ๆ ของเขา “เป็นยังไงล่ะ คุณหลี่ ยืนยันชัดเจนแล้วหรือยัง?”เย่เทียนหยู่ยิ้มเบา ๆ และพูดว่า “ผมบอกแล้ว ว่าประกาศนียบัตรนี้เป็นของจริง ตอนนี้คุณจะคืนมันมาให้ผมได้แล้วใช่ไหม?” “แน่นอน คุณเอาใบประกาศนียบัตรนี้ไปให้เขา”หลังจากที่หลี่ซิงเหอสั่งหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เสร็จแล้ว เขาก็เหลือบมองไปที่หลิวเหวิน และพูดว่า “แต่ในเมื่อคุณมีใบประกาศนียบัตรเช่นนี้แล้ว ทำไมถึงเต็มใจที่จะเป็นเพียงแค่พนักงานขายล่ะ?” “ถ้าฉันเดาไม่ผิด ประธานหลิวก็คงจะไม่รู้เหมือนกันสินะว่าคุณมีใบประกาศนียบัตรนี้น่ะ” “ใครว่าล่ะ ประธานหลี่ อย่าหาว่าผมสงสัยคุณเลยนะ
นอกจากหลิวเหวินแล้ว หลินหว่านหรูเองก็มีความคิดแบบนี้อยู่เหมือนกัน ทันทีที่ได้ยินข้อเสนอแนะนี้ ในใจของเธอก็รู้สึกเห็นด้วยเป็นอย่างมาก ถ้าเป็นแบบนี้ เย่เทียนหยู่ก็จะได้รับการฝึกฝนมากขึ้น ซึ่งนั่นก็จะยิ่งเป็นผลดีต่อการเอาตัวรอดของเขาในอนาคต หลี่ซินเยว่เองก็ดีใจมากเช่นกัน ถึงแม้ว่าแบบนี้จะทำให้เธอต้องสูญเสียพรสวรรค์อันทรงพลังไป และมีคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง แต่เธอก็ยังมีความสุข และก็ดีใจไปกับเย่เทียนหยู่ด้วย แต่เย่เทียนหยู่กลับตกตะลึง เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะต้องมาเป็นหัวหน้าของแผนกทีมขาย นั่นไม่ได้เป็นการหาเรื่องลำบากให้ตัวเองหรอกเหรอ?มันจะไปสบายใจเท่ากับการเป็นพนักงานขายธรรมดา ๆ ได้ยังไงกันสีหน้าของหลี่ซิงเหอเองก็ไม่ค่อยพอใจเช่นกัน เจ้าเด็กนี่หักหน้าเขากี่ครั้งไม่รู้ต่อกี่ครั้ง และยังสร้างปัญหาใหญ่ให้กับเขาอีก ไม่จัดการเขาไปตอนนั้นก็ดีเท่าไรแล้ว กลับยังจะให้เขาได้ตำแหน่งที่สูงขึ้นไปอีก แต่สถานการณ์ในตอนนี้ หากว่าเขาปฏิเสธล่ะก็ จะต้องถูกกลุ่มคนวิพากษ์วิจารณ์อย่างแน่นอน ซึ่งนั่นจะส่งผลเสียต่อความน่าเกรงขามของเขา ช่างมัน งั้นก็ให้เขาเป็นหัวหน้าของแผนกทีม
“ตกลง หลังจากประชุมเสร็จ ผมจะรับตำแหน่งและเริ่มทำงานทันที ” เย่เทียนหยู่พูดด้วยรอยยิ้มหลินหว่านหรูถอนหายใจด้วยความโล่งอก และพูดว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นการประชุมวันนี้ก็จบแต่เพียงเท่านี้ ทุกคนแยกย้ายได้!”หลังจากจบประโยคนี้ การประชุมในครั้งนี้ก็สิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการแต่ถึงอย่างนั้นหลินหว่านหรูก็กระซิบหลิวเหวินที่อยู่ข้าง ๆ เธอว่า “เดี๋ยวคุณให้เย่เทียนหยู่มาหาฉันที่ห้องทำงานหน่อยนะ ฉันมีเรื่องจะถามเขา” “ได้!”หลิวเหวินพยักหน้า ดูเหมือนว่าเย่เทียนหยู่คนนี้ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ เขามีความลับมากมายเลยทีเดียวไม่อย่างงั้น วันนี้ประธานหลินคงจะไม่กังวลเหมือนกับเธอ ดูท่าเธอเองก็คงจะไม่รู้เรื่องใบประกาศนียบัตรนั่นเหมือนกันหลังการประชุมสิ้นสุดลง หลี่ซินเยว่เดินไปข้าง ๆ เย่เทียนหยู่ พร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้ม “เย่เทียนหยู่ ยินดีด้วยนะ จากนี้ไป คุณจะเป็นหัวหน้าของกลุ่มหนึ่งแล้ว” “ยินดีอะไรกันล่ะ ต้องทำงานหนักขึ้นโดยไม่มีเหตุผล นี่มันน่ายินดีตรงไหน”เย่เทียนหยู่ถอนหายใจ และส่ายหัวหลี่ซินเยว่กำลังคิดที่จะเถียงกลับ แต่แล้วเธอก็นึกถึงความเคารพที่ถานล่างมีต่อเย่เทียนหยู่ขึ้นมา และคิดถึงตัวต
“พี่เยว่?” “เป็นยังไงบ้าง?” “ดูสิพวกคุณแต่ละคนคร่ำเครียดกันขนาดไหน มีเย่เทียนหยู่อยู่ ยังจะกังวลว่าจะไม่ชนะอีกเหรอ?” หลี่ซินเยว่กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “นี่หมายความว่าพวกเราชนะงั้นเหรอ?” “แน่นอน!” หลี่ซินเยว่ยืนยันทุกคนอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงร้องออกมาด้วยความดีใจทันทีถึงแม้จะเดาไว้แล้วว่าน่าจะชนะ แต่การที่ได้รับผลยืนยันว่าชนะนั่นต่างหากถึงจะเรียกว่าชนะอย่างแท้จริง ในเวลานี้หลี่ซินเยว่ก็กล่าวต่อว่า “พวกคุณไม่รู้หรอกว่ามันน่าตื่นเต้นมากแค่ไหน ครั้งนี้ต้องขอบคุณเย่เทียนหยู่จริง ๆ ไม่อย่างนั้นพวกเราคงแพ้ไปแล้ว” “น่าตื่นเต้น? สัญญาการซื้อขายมูลค่าสองร้อยห้าสิบล้านบาทก็ลงนามเสร็จไปแล้วไม่ใช่เหรอ แค่รอการชำระเงิน หรือว่าการชำระเงินไม่ตรงเวลา?” มีคนอดไม่ได้ที่จะถาม “ไม่ใช่อย่างนั้น!”หลี่ซินเยว่รีบเล่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายในห้องประชุมคร่าว ๆ ทันทีทุกคนที่ได้ยิน ต่างก็คิดไม่ถึงว่าภายในระยะเวลาสั้น ๆ จะมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายขนาดนี้ แถมยังเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์มาก โดยประเด็นสำคัญทั้งหมดไม่ได้พ้นไปจากเย่เทียนหยู่เลย หลังจากที่ได้รู้ถึงความสามารถที่แท้จริงของเย่เทียนหยู
“ประธานหลิว!” “ประธานหลิว...”เมื่อทุกคนได้ยินเสียง ก็ตกใจ จึงรีบเอ่ยชื่อเธอเพื่อแสดงความเคารพ จากนั้นก็พากันกลับไปนั่งที่นั่งของตัวเอง เว้นแต่เย่เทียนหยู่ที่ดูสบาย ๆ ทำตัวเหมือนกับว่าคนที่มาไม่ใช่หัวหน้ายังไงอย่างงั้น หลี่ซินเยว่รีบพูดขึ้น “ประธานหลิว คุณมีเรื่องอะไรให้ฉันช่วยไหมคะ?” “ไม่มีอะไร ฉันมาหาเขา!”หลิวเหวินพูดกับเย่เทียนหยู่โดยตรงทันที “เย่เทียนหยู่ คุณมานี่หน่อยสิ”เย่เทียนหยู่ชะงักไปครู่หนึ่ง โถ่เอ๊ย ทำไมถึงไม่ให้คนเขาได้พักผ่อนสักหน่อยนะ อยู่ต่อหน้าทุกคน คงจะไม่ดีถ้าเขาไม่ไว้หน้าเธอ ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นและเดินตามเธอไป “ประธานหลิว มีอะไรหรือเปล่าครับ?” “ทำไม ไม่มีอะไรแล้วจะมาหาคุณไม่ได้อย่างงั้นเหรอ?” หลิวเหวินพูดอย่างเซง ๆ ถึงยังไงเธอก็เป็นผู้อำนวยการฝ่ายขาย แถมยังเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในบริษัทนี้อีกด้วยทำไมเย่เทียนหยู่จึงดูเหมือนว่าไม่อยากจะอยู่ใกล้กับเธอเลยแม้แต่วินาทีเดียวถ้าเป็นเหมือนกับคนอื่น ๆ ที่เกรงกลัวเจ้านายก็ว่าไปอย่าง แต่เห็นได้ชัดว่าเขา ชอบทำตัวยียวนกวนประสาทเธอ ไม่ได้มีความเกรงกลัวต่อเธอเลยสักนิด พูดง่าย ๆ ก็คือ เขาแค่ไม่อยากจะอยู่กับเธ
เย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก ถ้ารู้แบบนี้ ก็คงไม่ให้พวกเธอสองคนดื่มตั้งแต่แรกในขณะเดียวกันนั้นเอง หลิวซือซือที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ยกแก้วในมือขึ้น แล้วพูดออกมาว่า “พี่เย่คะ ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกกับพี่มาโดยตลอด แต่ก็กลับไม่มีโอกาสได้พูดมันออกมาเลย”“งั้นก็อย่าพูดเลยจะดีกว่า” เย่เทียนหยู่นึกถึงเรื่องในอดีตของเขากับหลิวซือซือขึ้นมา ก่อนจะคาดเดาได้อย่างคลุมเครือว่าเธอกำลังจะพูดอะไร“ไม่ได้ค่ะ วันนี้ฉันต้องพูดให้ได้!”“ฉันกลัวว่าถ้าผ่านวันนี้ไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก”หลิวซือซือพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่เย่คะ ฉันชอบพี่ค่ะ ชอบพี่มาตลอด ฉันชอบพี่มากจริง ๆ!”“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันต้องไปทวงหนี้กับพี่ ฉันก็ถูกความสง่างามและความมั่นคงอันแข็งแกร่งของพี่ดึงดูดไปแล้วค่ะ ต่อมาพี่ก็คอยช่วยฉันเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกหัวใจเต้นแรงมากกว่าเดิม ทำให้ฉันชอบพี่มากขึ้นเรื่อย ๆ”“แต่ก็เหมือนว่าพี่จะไม่เคยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของฉันเลย หลายครั้งที่ฉันอยากจะรุกเข้าหาพี่แต่ก็ไม่กล้า จนกระทั่งพบว่าพี่กับประธานหลินคบกันอยู่ ฉันถึงได้เข้าใจว่าฉันไม่ใช่อะไรสำหรับพี่เล
แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่ทั้งสองคนก็ได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวกับไป๋เฉิงกรุ๊ป และความน่ากลัวของแก๊งพยัคฆ์ทมิฬมาไม่น้อย ดังนั้นความหวาดกลัวและความรู้สึกหวั่นเกรงที่มีต่อตระกูลไป๋จึงมาจากใจของพวกเธออย่างแท้จริงสองสาวพูดสลับกันไปมา จนเกิดเป็นเสียงที่ดังอึกทึกขึ้น เย่เทียนหยู่แทบไม่มีโอกาสได้พูดเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดเขาก็มีโอกาส เขาจึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ พูดจบรึยัง?”สองสาวพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้“พวกเธอฟังฉันนะ พวกเธอวางใจเถอะ แค่ตระกูลไป๋ พวกมันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” เย่เทียนหยู่พูดออกมาตรง ๆ เดิมทีก็คิดจะบอกว่าไป๋เฉิงกรุ๊ปเป็นของตนอยู่หรอก แต่จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนความคิดถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยู่ข้างนอก แถมแก๊งพยัคฆ์ทมิฬและไป๋เฉิงกรุ๊ปเองก็มีชื่อเสียงที่ไม่ดีสักเท่าไหร่คำพูดนี้ แทบจะไม่เห็นตระกูลไป๋อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นถึงหนึ่งในตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในเมืองตะวันออกเชียวนะ ในใจของสองสาวจึงรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่พวกเธอมองหน้ากัน ต่างคนต่างก็คิดว่าที่พี่เย่จงใจพูดแบบนี้ก็เพื่อทำให้พวกเธอสบายใจก็เท่านั้น“เอาล่ะ ไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้ว ควรกินก็กิน ควรดื่มก็ดื่มเถอะ” ที
สีหน้าหลี่ซินเยว่และหลิวซือซือเต็มไปด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้ตอนที่พวกเธอนึกถึงความน่ากลัวของตระกูลไป๋ อันที่จริง พวกเธอก็คิดที่จะเตือนเย่เทียนหยู่ไม่ให้ทำร้ายตงซู่อยู่เหมือนกัยแต่เมื่อลองนึกดูอีกที ในสถานการณ์แบบนี้ ด้วยนิสัยของตงซู่ ต่อให้จะหยุดเอาไว้ได้ก็ไม่มีความหมายอยู่ดีเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ พวกเธอก็ไม่มีทางให้ถอยกลับอีกต่อไปแล้วเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงตงซู่ที่กำลังร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกันเขาก็หันไปจ้องเย่เทียนหยู่ด้วยความเกลียดชัง แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่สามารถพูดอะไรได้ ยิ่งไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามด้วยเช่นกันอย่างไรก็ตาม รอจนกว่าตนจะออกไปจากที่นี่ได้เสียก่อน จากนั้นก็จะต้องรายงานเรื่องนี้ให้ไช่เตา คุณชายเตาได้ทราบ พอถึงตอนนั้น ตนจะต้องทำให้ไอ้เด็กนี่อยู่ไม่สู้ตายให้ได้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็เงียบกริบ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใด ๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าจะเผลอทำให้ตัวเองเข้าไปเอี่ยวด้วยใครจะไปคิดล่ะว่า ชายหนุ่มที่ดูสุภาพไม่มีพิษมีภัยข้าง ๆ สาวสวยสองคนนี้จะลงมือได้โหดเหี้ยมมากขนาดนั้น แต่ถึงอย่างไร อีกฝ่ายก็สมควรโดนแล้วแค่เห็นก็รู้เลยว่าไ
เมื่อได้ยินคำสั่ง ลูกน้องทั้งสองคนของเขาก็รีบตั้งท่าเตรียมพร้อมขึ้นทันที ก่อนจะเดินตรงไปหาเย่เทียนหยู่ด้วยท่าทางดุดัน งานที่ต้องจัดการกับคนแบบนี้ มันได้กลายเป็นการเสพติดของพวกเขาไปแล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็ชอบความรู้สึกแบบนี้เย่เทียนหยู่ส่ายหัว ก่อนจะลุกขึ้นยืน หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะทำให้คนอื่นตกใจ ป่านนี้เขาคงจะโบกมือซัดเจ้าพวกนั้นให้กระเด็นไปนานแล้วจากนั้นก็เอาชีวิตของพวกมันมา ณ เดียวนั้นเลย!เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ยังกล้าลุกขึ้นมาพูดท้าทายตนอยู่ ทั้งสองจึงรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของพวกเขากำลังถูกดูหมิ่น นั่นจึงทำให้พวกเขารู้สึกโกรธอย่างมาก ก่อนที่ต่อมาทั้งสองจะเหวี่ยงหมัดออกไปพร้อมกันในทันทีผั๊วะ ผั๊วะ!เกิดเสียงผั๊วะดังขึ้นสองครั้งติด ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึงของผู้คน เย่เทียนหยู่ใช้ฝ่ามือฟาดพวกเขาจนกระเด็นออกไปก่อนที่ร่างของพวกเขาจะร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง ร่างกายราวกับกำลังแหลกสลาย รู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวสีหน้าตงซู่ดูตกใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะรู้วิชากังฟูด้วย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวหยิ่งยโสแบบนี้ ที่แท้แ
หลี่ซินเยว่และหลิวซือซือที่กำลังด่ากันอย่างเมามัน กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ เสียงของตงซู่จะดังขึ้นมาข้างหู นั่นจึงทำให้พวกเธอรู้สึกตกใจจนต้องหันมองไปตามเสียงในทันทีเป็นตงซู่จริง ๆ ด้วย!นอกจากนี้ ด้านหลังของเขายังมีเหล่าชายฉกรรจ์ที่ดูดุร้ายอยู่อีกด้วย แค่มองก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนดีอะไรสีหน้าของพวกเธอซีดเผือดในทันที!ต้องเข้าใจก่อนว่า พวกเธอเตรียมตัววางแผนจะหนีในวันนี้กัน แต่ตอนนี้ตงซู่กลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เป้าหมายของเขาไม่ต้องพูดก็รู้ หรือต่อให้จะเป็นการพบกันโดยบังเอิญ แต่หากได้ยินสิ่งที่พวกเธอเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อสักครู่นี้ เกรงว่าคงไม่มีทางปล่อยพวกเธอไปง่าย ๆ แน่เมื่อตงซู่เห็นสีหน้าตกใจของทั้งสอง เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมาว่า “ด่าสิ ทำไมไม่ด่าต่อแล้วล่ะ นี่พวกเธอคิดว่าฉันไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม?”หลี่ซินเยว่ตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะรีบลุกขึ้น และพูดออกไปว่า “รุ่นพี่เองเหรอคะ พอดีเมื่อกี้ฉันดื่มมากไปน่ะค่ะ เลยไม่รู้ว่าเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไปบ้าง อย่าโกรธกันเลยนะคะ”“หลี่ซินเยว่ จริงอยู่ที่ฉันชอบเธอมาก แต่ฉันก็ไม่โง่ขนาดนั้น เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าพวกเธอเตรียมตัวที่จะหนีในคืนน
หลิวซือซือไม่อยากให้เย่เทียนหยู่รู้เกี่ยวกับปัญหาใหญ่ที่ตนต้องเจอยังไงซะ ตระกูลไป๋ก็เป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองตะวันออก จะล่วงเกินตระกูลไป๋เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยของตนไม่ได้“ไม่มีจริง ๆ น่ะเหรอ?”เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นว่าเธอมีท่าทีแปลก ๆ เขาจึงพูดขึ้นว่า “หลี่ซิน พวกเธออยู่ด้วยกัน ไหนเธอพูดมาซิ”“ไม่มีอะไรจริง ๆ ค่ะ พี่เย่ ไหนเมื่อกี้พี่บอกว่ามีเรื่องอยากจะถามไงคะ เรื่องอะไรเหรอ?”จู่ ๆ หลี่ซินเยว่ก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีโดยไม่ทันตั้งตัวเย่เทียนหยู่จึงเข้าใจได้ในทันที ว่าทั้งสองจะต้องมีเรื่องปิดบังตนอยู่แน่นอน แต่ในเมื่อไม่ยอมพูด เขาเองก็ไม่อยากถามให้มากความ แต่ต้องบอกเลยว่า หลี่ซินเยว่คนนี้ค่อนข้างมีทักษะในการเข้าสังคมมากกว่าหลิวซือซือเสียอีกบวกกับที่เธอเคยทำงานเป็นผู้จัดการระดับกลางของหลินซื่อกรุ๊ปมาก่อน ตอนนั้นเธอเองก็ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียวไม่แน่ว่าอาจจะพิจารณาให้เธอขึ้นมารับตำแหน่งผู้บริหารเลยก็ได้ หรือถ้าเธอไม่ไหวจริง ๆ ก็ให้รับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปก็ฟังดูไม่แย่เหมือนกัน แล้วตนก็รับบทบาทท่านประธานไปก็พอ ยังไงซะ บริษัทจะทำกำไรได้หรือไม่ได้ก็ไม่สำคัญอยู่
ไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงาน พวกหลี่ซินเยว่ก็พากันเดินทางออกจากบริษัท พวกเธอรู้สึกกังวลอยู่ตลอด เธอกลัวว่าตงซู่จะเล่นตุกติกเพื่อรั้งไม่ให้พวกเธอไปแต่ก็กลับคิดไม่ถึงว่าจะราบรื่นมากขนาดนี้ในตอนนั้นเอง ทั้งคู่ก็ได้รับสายจากเย่เทียนหยู่ หลังจากที่วางสาย หลี่ซินเยว่ก็ถามขึ้นว่า “ซือซือ พวกเราจะกลับไปเก็บของแล้วหนีไปเลย หรือพวกเราจะไปพบกับพี่เย่กันก่อนดี?”หลิวซือซือรู้สึกลังเล หากเป็นคนอื่นเชิญก็คงไม่เป็นไร แต่การที่จะได้ทานข้าวกับพี่เย่สักครั้ง สำหรับเธอนับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากเธอจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่งั้นเราก็ไปตามนัดกันก่อนดีไหม ถึงยังไงคืนนี้เราก็สามารถไปได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว”“ได้ เอาตามที่เธอว่าเลย”“แต่ว่านะ เรื่องของพวกเรา อย่าได้บอกกับพี่เย่เด็ดขาด”“เข้าใจแล้ว ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นเมืองหลวง พี่เย่เองก็ไม่ได้เก่งไปเสียทุกอย่าง พวกเราจะสร้างปัญหาให้เขาไม่ได้” หลี่ซินเยว่เองก็เห็นด้วยอย่างมากทั้งสองตัดสินใจกันอย่างแน่วแน่ ไม่นานพวกเธอก็มองเห็นรถของเย่เทียนหยู่เย่เทียนหยู่เองก็สังเกตเห็นการมาถึงของพวกเธอ ทั้งคู่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกระโปรงรัดรูปทรงเอ เผ
เขาถึงขั้นกล้าลงมือกับคุณท่านเย่ ที่เป็นถึงพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง!อย่าไรก็ตาม ปัจจุบันตระกูลเย่นับว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และอาจจะล้มได้ทุกเมื่อในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็รออีกสักสองสามวันก็แล้วกัน รอจนกว่าพวกงู แมลง มด หนูโผล่หัวออกมาให้หมดเสียก่อน พอถึงตอนนั้นก็ค่อยจัดการรวดเดียว แล้วค่อยมอบความสดใสให้กับตระกูลเย่อีกครั้งนอกจากนี้ ก็เพื่อที่จะรอดูว่าท่านอาจารย์จะมีการเคลื่อนไหวอะไรรึเปล่า มาถึงตอนนี้ อันที่จริงในใจเขาก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกันหลังจากว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงหม่าต้านขึ้นมาได้ เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านไป ก็ดูเหมือนว่าหม่าต้านคนนี้จะไม่ใช่คนดีอะไร เขาจึงได้สั่งการให้คนไปตรวจสอบคนผู้นี้ดูสักหน่อยจริงด้วย หลี่ซินเยว่กับหลิวซือซือเองก็ทำงานที่ไป๋เฉิงกรุ๊ปไม่ใช่รึไง เช่นนั้นก็เชิญพวกเธอมาก็ได้นี่ จะได้ให้พวกเธอช่วยอธิบายสถานการณ์ในไปเฉิงกรุ๊ปให้ฟังด้วยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เย่เทียนหยู่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะกดโทรออกหาหลี่ซินเยว่ทันที เดิมทีตั้งใจจะโทรหาหลิวซือซือ แต่เมื่อนึกถึงความรู้สึกของหลิวซือซือที่มีต่อตน
ในใจโจวฉิงรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่ต้นจนจบหม่าต้านก็เผยความรู้สึกหวาดกลัวออกมาไม่หยุด นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกตกใจไปชั่วขณะการแสดงออกของหม่าต้านหลังจากนั้น ราวกับคนใกล้ตายที่กำลังร้องขอชีวิตไม่หยุดไม่มีผิด ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นถึงความกลัวของเขาที่มีต่อคุณเย่ได้เป็นอย่างดีคนคนหนึ่ง เหตุใดถึงทำให้คนอีกคนกลัวได้มากขนาดนี้ แต่นั่นก็ทำให้เธอได้เห็นถึงสถานะและจุดยืนของเขาได้อย่างชัดเจนหลังจากที่โจวฉิงได้สติ ในใจก็กลับรู้สึกเหมือนมีม้ากำลังวิ่งพล่านไปทั่ว ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างมากในเวลานี้ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้ แต่ตอนนั้นเธอก็กลับไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการกดโทรออกเพียงครั้งเดียวเท่าที่เห็นแทบไม่จำเป็นต้องโทรเลยด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนแค่เขาไอออกมาก็สามารถทำให้หม่าต้านวิ่งมาคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิตได้เลยอย่าว่าแต่เธอเลย ขนาดหลินหว่านหรูเองก็ชะงักไปด้วยเช่นกัน แม้เธอจะรู้ดีว่าเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนหยู่จะเก่งกาจได้มากถึงเพียงนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า โจวฉินเองก็เพิ่งจะพูดไป ว่าตระกูลไป๋เป