แผนกขายมีสองทีม พวกเขาเป็นทีมที่สอง และยอดขายตามหลังทีมแรกเป็นเวลาหลายเดือนติดต่อกันแล้วสิ่งสำคัญที่สุด คือ พวกเขาไม่เก่งเท่าอีกฝ่าย ตอนนี้เธอสูญเสียพนักงานขายหลักไปแล้วดันได้คนที่ใช้เส้นสายเข้ามาแทน แล้วเธอจะทำอะไรได้อีก?อารมณ์ของเธอจะดีได้ยังไง?โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อบทสรุปรายครึ่งปีกำลังจะมาในอีกสิบวัน ถึงตอนนั้นพวกเขาคงถูกดุอย่างหนัก“หัวหน้าทีมหลี่ ดูเหมือนคุณจะไม่ค่อยต้อนรับผมเท่าไหร่นะครับ?” เย่เทียนหยู่เห็นท่าทางไม่มีความสุขของอีกฝ่าย จึงเอ่ยปากคลี่คลายความตึงเครียด“คุณคิดว่าฉันควรจะต้อนรับคุณยังไงคะ”“ให้ฉันคุกเข่าลงเพื่อทักทายเลยหรือเปล่า?” หลี่ซินเยว่พูดอย่างเย็นชา“หัวหน้าทีมหลี่พูดเกินไปแล้วครับ”เย่เทียนหยู่ยิ้มอย่างขมขื่น ผู้หญิงคนนี้ก็ดูสวยแต่ทำไมเธอถึงพูดจาแย่ขนาดนี้“คุณชื่อเย่เทียนหยู่ใช่ไหม? ฉันไม่สนใจว่าภูมิหลังของคุณจะเป็นยังไง เมื่อคุณเข้าร่วมทีมของฉัน อย่าคิดที่จะเดินเตาะแตะ ถ้าคุณทำได้ไม่ดี ฉันจะไล่คุณออกเหมือนกัน” หลี่ซินเยว่ตะคอกอย่างเย็นชา“ไม่มีปัญหา ก็แค่การขายไม่ใช่เหรอ? ผมทำได้” เย่เทียนหยู่พูดอย่างมั่นใจ“อ่อ คุณเคยทำการขายแบบไหนมาก่อน” ห
หลี่ซินเยว่หัวหน้าทีมโกรธจนหน้าอกของเธอสั่น "อย่าชะล่าใจไปนักเลย เรื่องราวเปลี่ยนแปลงได้สมอ ต้องมีสักวันที่ไม่ได้เป็นวันของพวกเธอแน่" เธอก็พูดอย่างเย็นชา“จริงเหรอ?”“ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะรอดู!”“ก็แค่นั้นแหละ ถึงเวลาประชุมสรุปผลงานก็อย่าเป็นบ้าเป็นหลังแล้วกัน”พี่เหม่ยหัวเราะเสียงดังทุกคนโกรธและทำอะไรไม่ถูก“ไม่เป็นไร ฉันเคยอยู่กับพวกเขามาก่อน พวกนี้หนังหน้าหนา จะกลัวถูกดุได้ยังไง”หวังซินหัวเราะและเยาะเย้ย“แต่ฉันได้ยินมาว่าเป็นเพราะฉันจากไป พวกคุณเลยได้คัดเลือกอัจฉริยะด้านการขายที่ยอดเยี่ยมเป็นพิเศษมานี่ เขาคือใครเหรอ ขอฉันดูหน่อยสิ”ขณะที่เขาพูด เขาจงใจมองไปที่เย่เทียนหยู่ เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นเขารู้ และยังจงใจเยาะเย้ยเขาด้วยเขาเป็นแค่ผู้มาใหม่เพียงคนเดียวที่นี่แม้ว่าจะใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวัน แต่อย่างน้อยทุกคนในแผนกขายก็ได้ยินเกี่ยวกับสถานการณ์ของเย่เทียนหยู่ไม่มีการศึกษา ไม่มีประสบการณ์ทำงาน ไม่มีอะไรเลยพูดตามตรงว่า ห่วยแตกและใช้ชีวิตเหลวแหลกมากหลี่ซินเยว่รู้สึกรำคาญเมื่อได้ยินแบบนั้น แม้ว่าเธอจะไม่ชอบเย่เทียนหยู่เช่นกัน แต่เธอก็พูดอย่างเย็นชา: “มันไม่ใช่ธุระอะไรขอ
แม้ว่าหวังซินจะเป็นผู้ชาย แต่เขาก็หล่อมาก ทำให้มีความสัมพันธ์กับเจ้านายผู้หญิงมากหน้าหลายตาทีเดียวเมื่อได้ยินแบบนั้น เย่เทียนหยู่ก็ขมวดคิ้วและพูดว่า "ยอดขายของทีมเราไม่ดีเท่าของคุณตอนนี้เหรอ?"“ถ้าอย่างนั้นผมไม่ทราบ ถ้าเป็นแบบนั้นละก็ ระหว่างเราสองทีมก็มาแข่งกันดูสิ”เมื่อได้ยินเย่เทียนหยู่พูดคุยเกี่ยวกับการแข่งขัน หลี่ซินเยว่ก็พูดทันที: "เย่เทียนหยู่คุณไม่ใช่หัวหน้าทีม ทำไมคุณถึงตัดสินใจในการแข่งขันระหว่างทีมแบบนี้?"คนอื่น ๆ ก็จ้องมองที่เย่เทียนหยู่โดยไม่พูดอะไรการเปรียบเทียบยอดขายกับทีมก็เท่ากับรนหาที่ตายน่ะสิอยากตายอย่าลากเราลงไปด้วยจะได้ไหม?พี่เหม่ยยิ่งภูมิใจมากขึ้นเมื่อเห็นดังนั้น เธอหัวเราะเสียงดัง: “หลี่ซินเยว่ คุณไม่กล้าแข่งขันกับเราเหรอ? คุณรู้มานานแล้วสินะว่าทีมของคุณเต็มไปด้วยขยะ แล้วยังยืนกรานที่จะปฏิเสธที่จะยอมรับอีก?”“ใครบอกว่าไม่กล้าแข่ง!”“ฉันจะเข้าร่วมการแข่งขันครั้งต่อไป!”“แค่การเปรียบเทียบยอดขายไม่ใช่เหรอ เรามีเวลาอีก 10 วันในการสรุปครึ่งปีแรกงั้นก็มาแข่งยอดขายรวมครึ่งปีแรกเลยแล้วกันนะ”เย่เทียนหยู่แสดงท่าทีทรงอำนาจแต่ทันทีที่สิ้นคำพูดเหล่า ทุกคนก
“น่าอับอายงั้นหรอ?”“หมายความว่ายังไง ฉันก็ไม่ได้ทำตัวน่าอายนี่” เย่เทียนหยู่ไม่เข้าใจ หรือว่าเป็นเรื่องที่พนันกันไว้เรื่องนั้น แต่ว่าเรื่องที่พนันกันไว้ยังไม่ถึงจุดสิ้นสุดเลยนี่“ยังจะพูดว่าไม่ได้ทำตัวน่าอาย ใครกันบ้างที่ไม่รู้ว่าฝ่ายการขายมีคนไม่มีการศึกษา ไม่มีประวัติการทำงานมาทำงานน่ะ แล้วที่สำคัญคือยังเป็นคนไร้ค่าที่ทำอะไรไม่ได้เลยด้วย”หลินหว่านหรูพูดด้วยน้ำเสียงโมโหและก็ถูกแล้วที่เธอโมโห เพราะว่าเมื่อสักครู่นี้หลิวเหวินเพิ่งจะมารายงานเรื่องการทำงานในหนึ่งวันนี้ของเย่เทียนหยู่และมันก็ไม่มีอะไรเลยจริงๆไม่มีอะไรเลยก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ที่สำคัญคือคนอื่นๆต่างพากันรู้โดยทั่ว ทำเอาทุกคนอดจะวิจารณ์ไม่ได้ว่าใครกันแน่ที่เป็นคนยัดคนไร้ประโยชน์คนนี้เข้ามาพอถึงตอนนี้จะให้ผู้อำนวยการแบบเธอทำยังไงได้ล่ะพอรู้เรื่องราวทั้งหมดนี้หลินหว่านหรูจะไม่โมโหได้ยังไงเมื่อได้ยินแบบนี้ เย่เทียนหยู่ก็ไม่พอใจก่อนจะพูด “ใครพูดกัน ใครมันเอาเรื่องนี้ไปพูดมั่วๆ”“ยังจะมาถามอีก ถ้าไม่เป็นเพราะนายทำอะไรไม่ได้จริงๆคนอื่นเขาจะพูดแบบนี้กันหรือไง?”“แต่ตอนนี้พอมาคิดดูดีๆ การพานายมาฝากตัวไว้ในบริษัทมันเป
เย่เทียนหยู่เป็นกันเองมากๆก่อนจะแจกน้ำให้ทุกคนคนละแก้ว ก่อนจะยิ้มออกมา “ขอโทษทุกคนนะครับ วันนี้นอนดึกไปหน่อยก็เลยมาสาย”พวกเขาจะไม่ลงมือกับคนที่เป็นคนดีจึงได้แต่เก็บงำความโมโหเอาไว้ในใจแต่หลี่ซินเยว่ที่เป็นหัวหน้าจะต้องถามเขาให้ชัดเจน เธอก็เลยเรียกเย่เทียนหยู่ไปอีกทางถึงแม้ว่าหัวหน้าสาวจะหุ่นดีมากๆ ในตอนที่เดินก็ยิ่งดูสวย แต่เย่เทียนหยู่ยังทำหน้าปกติไม่เหมือนผู้ชายคนอื่นๆ เป็นปกติสุดๆแต่เขาไม่ค่อยเข้าใจว่าหลี่ซินเยว่อยากจะคุยอะไร?ถึงเขาจะรู้ว่าเขามีสเน่ห์มากๆก็เถอะ แต่คงไม่น่าจะเป็นเพราะว่าเจอกันครั้งแรกเมื่อวานแล้วก็ถูกความหล่อของเขาทำให้ยอมรับแล้วหลงรักเขาแล้วหรอกนะพอมองด้านข้างสีหน้าของหลี่ซินเยว่ก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาก่อนจะพูดออกมาอย่างเย็นชา “เย่เทียนหยู่ ฉันรู้เหตุผลที่นายมาอยู่ทีมที่ 2 แล้ว ทำไมนายถึงทำแบบนี้?”เธอฉลาดมากๆ ไม่เปิดโอกาสให้เขาพูดเองเพราะแบบนี้เขาจะรู้จุดมุ่งหมายของเธอแต่เธอถามเขาว่าทำไปทำไมเพื่อที่จะบอกเขาว่าเธอรู้แล้ว ตอนนี้ก็แค่ถามว่าทำแบบนั้นทำไมแต่เย่เทียนหยู่ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ ก่อนจะถามออกมาอย่างไม่เข้าใจ “ทำอะไร จุดมุ่งหมายอะไร ผมมาทำงานนะ”
“ทวงเงิน?” เย่เทียนหยู่นิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะหยิบมาแล้วถาม“ใช่น่ะสิ!”“สามบริษัทนี้ยืดเยื้อยอดขายมาสักพักแล้ว ถ้าวันนี้ถ้านายทวงได้หนึ่งบริษัท นายสามารถเลิกงานกลับบ้านได้เลย อยากจะทำอะไรก็ทำไปเลย!” หลี่ซินเยว่พูด“จริงหรอ บริษัทไหนก็ได้ใช่ไหม?”“ใช่!”“พี่เยว่ นี่มันเป็นไปไม่ได้หรอกมั้ง”“สามบริษัทนี้เราใช้เวลาตั้งนาน ภายในระยะเวลาสั้นๆแบบนี้มันเป็นไปไม่ได้ โดยเฉพาะบริษัทแรกเลย” หลิวสุ่ยอดจะพูดไม่ได้สำหรับสถานการณ์ของบริษัทพวกนี้เธอเองก็พอจะเข้าใจ ในสามบริษัทนี้ต่างก็ยากทั้งนั้น โดยเฉพาะบริษัทแรกของที่เป็นบริษัทในเครือของตระกูลซาตระกูลซาเชียวนะ พวกนั้นน่ากลัวจะตายไป ต่อให้เป็นหยางต้าฝูคนที่รวยที่สุดในเมืองเทียนไห่ก็ยังต้องหวั่นๆกับเขาถึงแม้ตอนนี้ตระกูลซาจะล่มสลายแล้วเปลี่ยนเจ้านายไปแล้วแต่ความแข็งแกร่งนั้นก็ยังคงอยู่แบบนั้นและยังได้ข่าวมาอีกว่าเจ้าของคนปัจจุบันอย่างถานล่างเก่งกาจยิ่งกว่าซะอีก มีทั้งอำนาจและเทียนมู่กรุ๊ปที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ยิ่งกว่ากลัวมากกว่าเดิมซะอีก ทำให้นักธุรกิจอื่นๆในแวดวงต่างก็พากันตกใจในวันเปิดกิจการขนาดประธานหยางยังต้องไปร่วมงานด้วยตัวเองเลย และข
หลิวสุ่ยเห็นหลี่ซินเยว่เดินออกไปแล้วก็พูด “เย่เทียนหยู่นายเองก็ไม่ต้องเสียใจไปหรอก คนพวกนั้นก็แบบนี้แหละคิดว่าตัวเองเหนือกว่าใครไม่มีเหตุผลเลยสักนิด”“ไม่เป็นไร เดี๋ยวคนพวกนั้นก็ต้องมาขอโทษเรา”เย่เทียนหยู่พูดเสียงเรียบ“ขอโทษ?”“นายล้อเล่นอยู่หรือไง” หลิวสุ่ยส่ายหน้าเห็นว่าคนอื่นๆไม่ได้สนใจเธอเองก็ไม่ได้พูดอะไร ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวเย่เทียนหยู่ก็ถูกหัวเราะเยาะเอาอีกเห็นว่าไม่มีใครเข้ามาแล้ว เย่เทียนหยู่ก็หยิบเอาโทรศัพท์มาส่งข้อความให้ถานล่างก่อนจะส่งรายละเอียดในเอกสารไปด้วยให้เขาไปจัดการให้หน่อยถานล่างได้รับข้อความก็ตะลึงไปเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นข้อมูลด้านในเห็นว่าบริษัทแรกที่ติดเงินคือบริษัทในเครือของตัวเองสีหน้าก็เปลี่ยนไปก่อนจะรีบติดต่อหาคนที่รับผิดชอบและจัดการด่าอีกฝ่ายจนแทบไม่เหลือชิ้นดีคนรับผิดชอบเองก็ไม่เข้าใจนักว่าทำไมเรื่องแค่นี้ถึงรู้ไปถึงหูของท่านประธานบริษัทได้ แต่ไม่ทันได้คิดอะไรมากนักก็รีบจัดการโอนเงินที่ติดค้างไว้ให้เรียบร้อยก่อนจะรีบไปที่บริษัทหลินซื่อกรุ๊ปเพื่อขอโทษด้วยตัวเองส่วนเรื่องที่เย่เทียนหยู่ถูกพูดไม่ดีใส่เพราะว่าเย่เทียนหยู่ไม่ได้พูด พวกนั้นเอง
หลิวสุ่ยตกตะลึงยิ่งกว่าคนอื่นๆ เธอไม่อยากจะเชื่อเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนจะมองไปทางเย่เทียนหยู่ อยากจะหาคำตอบจากตัวของผู้ชายคนนั้นสุดท้ายเป็นหลี่ซินเยว่ที่เปิดปากออกมาก่อน “เย่เทียนหยู่ เกิดอะไรขึ้น คงไม่ใช่เป็นเพราะว่านายติดต่อไปทางนั้นสำเร็จหรอกใช่ไหม?”แต่ในใจเธอหวังว่าจะเป็นเย่เทียนหยู่นั่นแหละที่เป็นคนทำ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นจริงก็จะแปลว่าเขาไม่ได้โม้ และแบบนี้พวกเธอก็พอมีหวังว่าจะชนะทีม 1 ได้เย่เทียนหยู่ยิ้มน้อยๆ “แน่นอนสิ!”“จริงหรอ?”หลี่ซินเยว่พูดออกมาอย่างดีใจ “เย่เทียนหยู่ นายเก่งขนาดนี้เลยหรือไง?”“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว ผมก็บอกไปแล้วว่าก็แค่ยอดขายห้าสิบล้านคุณไม่จำเป็นต้องเครียดเลยสักนิด เห็นไหมว่าแค่ไม่นานเท่าไหร่ก็ได้มาแล้วสามสิบล้าน”เย่เทียนหยู่พูดยิ้มๆ“นั่นสินะ ฉันไม่คิดเลยว่านายจะเก่งขนาดนี้”หลี่ซินเยว่ถอนหายใจก่อนจะเอ่ยปากขอโทษออกมา “ขอโทษด้วยนะ ก่อนหน้านี้ฉันคิดว่านายทำอะไรไม่ได้จริงๆ”“ฉันก็ด้วย ขอโทษทีนะพี่เย่ เมื่อก่อนพวกเราดูถูกนายเกินไป พวกเราขอโทษ”ไม่เพียงแค่ขอโทษแต่ชื่อที่เรียกก็เปลี่ยนไปด้วย“ก่อนหน้านี้ฉันก็เข้าใจนายผิดไป ขอโทษนายด้วยนะ ต่อจากนี้