ปารดายังคงทำหน้าที่ของตัวเองแม้ว่ามือจะเริ่มเจ็บจนชาไปหมดและมีเลือดซึมออกมา แต่ถึงจะอย่างนั้นเธอก็ยังฝืนทน กำจอบแน่นเพื่อทำงานของตัวเองให้เสร็จ
ตั้งแต่ช่วงบ่ายที่เริ่มกลับมาทำงานจนกระทั่งตอนนี้ปานนท์แวะมาดูความเรียบร้อยเป็นระยะรวมถึงเขียวเองก็คอยมาสอดส่องความเคลื่อนไหวว่าทำไปถึงไหนแล้วด้วยเช่นกัน แต่คนงานหลายคนก็เริ่มทยอยกันกลับที่พักกันหมดแล้วเหลือก็แต่ปารดาที่ก้มหน้าก้มตาทำงานไม่ได้สนใจคนรอบข้างเลย
"ป่าน พอได้แล้วมั้ง นี่หกโมงกว่าแล้วนะ" เสียงทักท้วงจากเพื่อนร่วมห้องอย่างกระถินทำให้ปารดาชะงักไปเล็กน้อย พอเงยหน้าเหลือบตามองเพื่อนที่เดินเข้ามาหาพร้อมๆกับมองไปรอบๆตัวที่เริ่มมืดลง เย็นขนาดนี้แล้วเหรอ นี่เธอแทบไม่ได้ดูเวลาเลยด้วยซ้ำ
"งานยังไม่เสร็จเลยกระถิน กลับก่อนก็ได้" ปารดามองต้นส้มที่เธอต้องจัดการอีกราว ๆสามสี่ต้น เพราะมือเจ็บ ทำให้การออกแรงลดระดับลง และนั่นจึงทำให้การทำงานของเธอช้าลงกว่าในช่วงเช้าอยู่มาก
"ไม่เสร็จก็ค่อยทำต่อพรุ่งนี้" กระถินจะเข้าไปดึงจอบออกจากมือของอีกคน แต่ปารดาก็สั่นหน้าเป็นเชิงห้าม
"ไม่ได้! ถ้าไม่เสร็จก็ไม่ต้องกลับ" ชนาวินเดินเข้ามาพร้อมกับป่าสนที่แสดงสีหน้าลำบากใจแบบสุดๆ อยากจะช่วยแต่ก็ทำได้แค่ส่งสายตาสงสารไปให้
"แต่พ่อเลี้ยงคะ ป่านมือเจ็บ" กระถินหันไปบอก เธอเป็นกังวลกลัวว่าเพื่อนจะต้องเจ็บตัวมากกว่านี้
"แล้วยังไง ทำงานมันก็ต้องมีเจ็บตัวกันบ้าง ที่นี่ไม่มีคำว่าสบายหรอกนะ ถ้าทำไม่ได้ก็กลับไปที่ที่เธอมาสิ ฉันไม่ห้ามหรอก" ชนาวินล้วงมือในกระเป๋ากางเกง จ้องมองปารดาด้วยสีหน้าและแววตาราวมัจจุราชที่พร้อมจะลงทัณฑ์เธอได้ตลอดเวลา
ใช่สิ เขาเป็นเจ้าหนี้นี่นะ เพราะแบบนั้นเขาจะทำอะไรก็ได้งั้นสินะ เธอมันก็แค่คนงานในสายตาของเขาที่เขาจะสั่งให้ทำอะไรก็ได้ แบบนั้นสินะ หน้าสมเพชจริงๆ ปารดาได้แต่ค่อนแคะตัวเองในใจ
"กระถินกลับไปก่อนเถอะนะ เดี๋ยวป่านทำตรงนี้เสร็จแล้วจะตามไป" ปารดาละสายตาจากชนาวินกลับไปที่เพื่อน
กระถินแสดงอาการเป็นห่วงอย่างชัดเจน ยังจับที่แขนของปารดาแน่น
"จะบ้าเหรอ มือแบบนี้เมื่อไหร่จะเสร็จ" กระถินน่ะรู้ว่าปารดาเจ็บมือแค่ไหน แผลจะยิ่งลึกเข้าไปอีกหากอีกคนยังไม่ได้รับการปฐมพยาบาล
"ไม่เป็นไรป่านไหว" ปารดาตอบกลับหนักแน่น แม้ว่าจะเจ็บที่มืออย่างหนักจนเริ่มจะทนไม่ไหวแล้วก็ตาม แต่ก็เพราะไม่อยากยอมแพ้คนบ้าอำนาจนั่นต่างหาก
"กลับไปได้แล้วกระถิน หรืออยากถูกหักเงินเดือน" ชนาวินพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น นั่นทำให้กระถินลังเลไม่น้อย เงินเดือนก็ไม่ใช่ว่าจะเยอะมากมาย เธอมีภาระต้องส่งเงินให้กับทางบ้านอีก แต่เพื่อนก็เป็นห่วง แล้วแบบนี้จะทำยังไง
"แต่ว่า..." กระถินยังทำใจดีสู้เสือ ช้อนตามองเจ้านายทำตาปริบๆใส่อย่างกล้าๆกลัวๆ
"กลับไป! แล้วอย่าให้เห็นว่ามาช่วยหรือทำอะไร ให้เขาทำไป งานพวกนี้คนอื่นก็ทำกันมาแล้วทั้งนั้น ถ้าแค่นี้ทำไม่ได้ก็ไม่สมควรจะอยู่ที่นี่" ชนาวินตะคอกใส่เสียงดัง
กระถินถึงกับสะดุ้ง หันมองปารดาเลิกลัก พอหันกลับมาเจอสายตาดุดันของเจ้านายก็รีบตาลีตาเหลือกออกไปจากตรงนั้น
"นี่คุณ พูดดีๆก็ได้ ทำไมต้องเสียงดัง กระถินตกใจหมดแล้ว" ปารดาย่นคิ้วใส่อย่างไม่พอใจ
"นี่มันไร่ของฉัน นั่นก็คนงานฉัน ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน มีหน้าที่ทำอะไรก็ทำไป ถ้าไม่เสร็จก็ไม่ต้องกลับ เข้าใจไหม" เขาถลึงตาใส่ ก่อนจะค่อยๆหมุนตัวเตรียมจะกลับ
/บ้าอำนาจ/ บ่นออกมาเบาๆอย่างขัดเคืองใจ ตั้งท่าจะยกจอบขึ้นถางหญ้าต่อ
"ฉันได้ยินนะ" หมุนตัวกลับมาอีกครั้งพร้อมกับหน้าตาบึ้งตึงพร้อมมีเรื่อง
"..." ปารดาได้แต่ถอนใจเบาๆ ไม่อยากจะทะเลาะด้วย ไม่รู้เหมือนกันว่าไม่ชอบหน้ากันอะไรนักหนา ถึงได้จงเกลียดจงชังกันนัก นี่เธอเคยไปเดินเหยียบเท้าเขาเมื่อไหร่กัน
"คิดว่าจะมาอยู่อย่างสุขสบายงั้นเหรอ" พอเงียบใส่เจ้าของไร่เดินเข้าไปหา ตาคมจ้องเขม็งมาที่ใบหน้าชื้นเหงื่อ มองก็รู้ว่าอีกคนน่ะเหนื่อยหนัก ชนาวินมองสำรวจคนตรงหน้าใบหน้าสวยที่ตอนนี้ดูซีดเซียว มือขาวมีถุงมือสวมอยู่และจับด้ามจอบเอาไว้มั่น ปากอิ่มเชิดขึ้นเล็กน้อย ตากลมที่มองจ้องมาก็ไม่ได้หวาดหวั่นอย่างที่เขาคำนวนเอาไว้
"....." ปารดาก็ยังไม่ได้ตอบโต้ เธอเพียงมองนิ่งๆ แล้วเริ่มทำงานของตัวเองต่อ"อย่าคิดว่ามีแต่คนเห็นใจ แล้วฉันต้องใจดีกับเธอนะ" ยิ่งอีกฝ่ายเงียบ เหมือนยิ่งท้าทายมันยิ่งทำให้ชนาวินหงุดหงิดมากขึ้น จนต้องเดินเข้าไปหา มือใหญ่บีบที่หัวไหล่ของอีกคนจนหน้าเบี้ยว มือที่ถือจอบเอาไว้ต้องปล่อยด้ามจอบลงพื้นก่อนยกมันขึ้นจับที่ข้อแขน"นี่คุณ ฉันเจ็บ" มือบางที่แม้จะเป็นแผลแต่ก็ไม่ได้หวาดหวั่นกำรอบข้อมือหนาเอาไว้แน่นเพื่อลดความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น"ก็ทำให้เจ็บ จำเอาไว้นะ ถ้าเธอไปออดอ้อนอาเกริกให้ช่วยเธออีก ฉันจะส่งเธอกลับบ้าน" ชนาวินกระชากแขนกลับและนั่นทำให้ร่างเล็กเซไปเล็กน้อย"คุณทำแบบนั้นไม่ได้ คนที่มีสิทธิ์ให้ฉันอยู่หรือไป มีแค่พ่อคุณคนเดียวเท่านั้น" ปารดาแข็งขืนยกเอาชนะพลขึ้นมาอ้างหมายจะให้อีกคนเลิกราเรื่องที่กำลังรังควานเธออยู่ในตอนนี้ หากแต่มันกลับยิ่งทำให้ชนาวินพิโรธหนักมากกว่าเดิม"นี่เธอเอาพ่อมาขู่ฉันเหรอ" เขาถลาเข้าใส่ ปารดาขยับหนีในระยะเท่าเทียมกัน"ฉันไม่ได้ขู่ แต่มันคือความจริง ฉันยอมทำตามที่คุณสั่งเพราะถือว่าคุณเป็นเจ้าหนี้ แต่อย่าให้มันมากเกินไป ความอดทนของคนมีขีดจำกัด ฉันว่าเราต่างคนต่างอย
นาฬิกาที่พนังบอกเวลาทุ่มครึ่งแล้ว กระถินมองประตูที่เปิดออกกว้างก่อนร่างแบบบางของปารดาจะเดินเข้ามาทำให้กระถินที่เฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อถลาเข้าไปหาด้วยความเป็นห่วง"ป่าน ไหวไหม นั่งก่อน" ถึงจะเพิ่งรู้จักกัน แต่คนที่คอยห่วงใยคนอื่นไปทั่วอย่างกระถินก็อดที่จะห่วงเพื่อนใหม่ไม่ได้"เหนื่อยจัง" ปารดาบ่นเบาๆ ทิ้งตัวลงนั่งที่พื้นอย่างหมดแรง"ตายแล้วป่าน ทำไมมือเป็นแบบนี้" กระถินเห็นมือเพื่อนแล้วร้องออกมาด้วยความตกใจ มือทั้งสองข้างของอีกคนแดงฉานเต็มไปด้วยเลือดที่เริ่มแห้งกรัง นี่กำด้ามจอบทั้งที่แผลเต็มมือแบบนี้ได้ยังไงกัน"ตอนแรกมันเจ็บนะ แต่ตอนนี้มันชาจนไม่รู้สึกแล้วล่ะ" เจ้าของมือแตกลายงาบ่นเบาๆ"ก็ชาสิ ฝืนมากี่ชั่วโมงแล้ว ข้าวก็กินไปนิดเดียว ดีไม่เป็นลมคาต้นส้มนั่น ไปอาบน้ำไป จะได้มาทำแผล" กระถินอดที่จะบ่นให้ไม่ได้ พ่อเลี้ยงก็อีกคน จะอะไรกันนักหนาก็เห็นว่าอีกคนน่ะเจ็บยังจะใจดำให้ทำงานจนเสร็จ จิตใจทำด้วยอะไร แต่จะว่าไปปกติพ่อเลี้ยงของเธอก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดนี้นี่นา จู่ ๆ เกิดจะอยากสวมบทซาตานขึ้นมาหรือยังไงกันปารดายันตัวเองลุกขึ้นด้วยสีหน้าเจ็บปวด ทั้งหลังทั้งไหล่เมื่อยขบไปหมดทั้งตัว มือที่จริงๆแล้
"เอ่อ ยังไม่นอนเหรอ" พอกลับเข้ามาก็เห็นกระถินนั่งมองจ้องเหมือนกำลังรอคำอธิบาย ปารดาค่อนข้างลำบากใจแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี"ฉันไม่ได้อยากจะยุ่งเรื่องของเธอหรอกนะ แต่นั่นน่ะหลายหมื่น กระเป๋าเนี่ยใบเป็นแสน ถึงฉันจะแค่ชาวบ้านแต่ฉันไม่โง่ที่จะดูไม่ออก ว่ามันคือของแท้ เพราะฉะนั้นอย่าโกหก" คำพูดของกระถินยิ่งทำให้ปารดาหาข้ออ้างไม่ได้ เธอถอนหายใจแรงๆอีกครั้งแล้วขยับนั่งลงข้างๆกระถิน"กระถิน ห้ามตกใจนะถ้าป่านบอกความจริง" สีหน้าปารดาจริงจังมาก เธอเม้มปากแน่นอย่างชั่งใจว่าจะบอกความจริงดีหรือไม่ แต่ท้ายที่สุดก็ตัดสินใจแล้วว่าจะพูดความจริง และปารดาคิดว่ากระถินจะไม่บอกใครแน่นอน"อะไร เธอเป็นลูกคุณหนูที่ถูกจับตัวมาเหรอ ..." กระถินเลิกคิ้วแล้วเดา แต่ปารดาส่ายหน้าแทนคำตอบ "งั้นเธอมาทำงานใช้หนี้แบบฉันเหรอ" กระถินชกนิ้วชี้ที่ตัวเอง คราวนี้ปารดาพยักหน้าเบาๆ"ใกล้เคียง ป่านมาที่นี่...""เธอเป็นลูกคุณหนูตกอับที่พ่อส่งมาใช้หนี้พ่อเลี้ยงงั้นสินะ" กระถินพูดแทรกขึ้นมาก่อนจากการคาดเดา เธอคิดแล้วไม่มีผิดเลย เพราะปารดาน่ะเหมือนคุณหนูจะตายไป"ป่านมาอยู่ที่นี่ ในฐานะภรรยาของคุณชนาวินน่ะ" ปารดาบอกออกไปในที่ส
ภายในห้องนอนขนาดกว้างขวางของชนาวินที่อาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดนอนเรียบร้อยแล้ว เขายืนที่มุมหนึ่งของห้องที่สามารถมองไปเห็นแสงไฟรำไรจากบ้านพักคนงานได้ เจ้าของร่างสูงสมส่วนกว่าร้อยเก้าสิบเซนติเมตร อิงไหล่ที่ขอบประตูระเบียง หลุบตามองข้อมือตัวเองที่บัดนี้ถูกล้างเอาลอยปื้นเลือดออกไปจนหมดแล้ว เขามองมันอย่างครุ่นคิด"เล่นแรงไปเปล่าวะ" ด้วยรู้ว่านั่นคือเลือดที่มาจากมือของอีกคน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่อยากยอมรับว่าเป็นเพราะตนเอง ก็เขาไม่ได้ทำอะไรเสียหน่อย ยัยนั่นทำตัวเองต่างหาก"ช่วยไม่ได้ ก็อยากยอมเอง"จะว่าไป ปารดาไม่จำเป็นต้องยอมให้เขาทำแบบนั้นก็ได้ ตัวเธอเองก็มีสิทธิ์ความเป็นภรรยาที่ถูกต้องไม่เห็นจะต้องทำตามที่เขาบอก คงไม่ได้ซื่อบื้อเชื่อฟังแต่คำสั่งของพ่อจนคิดอะไรเองไม่เป็นหรอกนะ ถ้าเป็นแบบนั้น นี่เขาแต่งงานกับคนแบบไหนกันเนี่ยชนาวินหลุดออกจากภวังค์ความคิดเมื่อเสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่หัวเตียงดังขึ้น พอเห็นว่าเป็นบิดาก็กลอกตาไปมาก่อนกดรับ"ครับพ่อ"[เป็นยังไงบ้าง พ่อไม่อยู่ ทุกอย่างเรียบร้อยดีนะ]"เรียบร้อยครับ"[อื้ม ก็ดี แล้วหนูป่านเป็นยังไงบ้าง]"ก็ดีมั้งครับ"[อะไรคือก็ดีมั้งครับ นี่น้องนอนหรื
ปารดาเดินตามปานนท์ออกมาอย่างใช้ความคิด จะแกล้งให้เธอเหนื่อยจนทนไม่ไหวแล้วก็หนีกลับกรุงเทพฯสินะ ฮึ! อย่าหวังเลย/เก็บส้มงั้นเหรอ ได้สิ ห้าสิบลังสบายมาก/เมื่อหัวหน้าคนงานอย่างปานนท์มาถึงทุกคนก็ดูกระตือรือร้นในการทำงานมากขึ้นรวมถึงชงโคที่กระตือรือร้นรีบวิ่งอแอกมาปั้นหน้ายิ้มแฉ่งฉอเลาะใส่อย่างที่ชอบทำเป็นประจำ"น้านน พาคนงานใหม่มาเก็บส้มเหรอจ้ะ" ชงโคยิ้มหวานให้ปานนท์ ก่อนจะยิ้มเยือนมาที่ปารดาด้วย หญิงสาวเลยยิ้มตอบแล้วมองทั้งคู่สนทนากันปารดาที่มองหน้าสองคนสลับกันไปมาก็พอจะเดาได้ว่าชงโคน่ะน่าจะชอบปานนท์อย่างแน่นอน"เจอก็ดีแล้ว เดี๋ยวพาเพื่อนไปแปลงสิบ สิบเอ็ดสิบสองไปทำงานที่โรงแยกแทนนะ ตรงนี้เดี๋ยวให้ป่านจัดการ" ปานนท์หน้านิ่งไม้ไหวติงต่อสิ่งเร้าตรงหน้า แม้นว่าชงโคจะฉีกยิ้มกว้างแค่ไหนก็ตามที"อ้าว ทำไมล่ะ ชงโคเพิ่งเก็บได้สามลังเอง" เธอก้มมองนาฬิกาเรือนเล็กที่ข้อมือบอกเวลาเก้าโมงกว่าเองแท้ๆ แล้วปกติถ้าคนไม่ขาดก็จะไม่ได้เข้าไปในโรงคัดแยกเพราะมีพนักงานประจำที่ทำบริเวณนั้นอยู่แล้ว"ไปเถอะนะ พ่อเลี้ยงสั่ง อ่อ ฝากตามเขียวให้ด้วยสิ" ปานนท์ตอบกลับด้วยใบหน้านิ่วขรึมเช่นเดิม ทำให้ชงโคหน้าง้ำลงเล็กน
"เกิดอะไรขึ้น"ชนาวินเท้าเอวมองจ้องตัวเจ้าปัญหา ปารดาตีหน้าซื่อเสมองซ้ายทีขวาทีเหมือนไม่รู้ว่าที่ทำไปมันทำให้เกิดความเสียหายขนาดไหนปานนท์ขยับเข้าไปอธิบายสถาณการณ์ ชนาวินมองจ้องปารดาตาแข็ง เดินเข้าไปหยิบผลส้มที่อีกคนเก็บมาแบบมั่วๆ จนเต็มลัง"นี่เธอทำอะไร" เจ้าของร่างสูงย่างกายเข้าไปหา สีหน้าโกรธขึ้งที่เห็นผลงานของปารดา"เก็บส้มไงคะ" ปารดาตอบหน้าตาเฉย ท่าทีที่บอกว่าไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่ามันสามารถกินได้หรือเปล่านั่นยิ่งทำให้ชนาวินกัดกรามแน่น ปารดาก็แค่เก็บๆให้มันเสร็จเท่านั้น"เก็บบ้าอะไร ที่เธอเก็บมามันยังไม่สุกเลย แล้วมันจะขายได้ยังไง" ชนาวินใช้น้ำเสียงแทบตะโกนพูดใส่หน้าปารดา แต่อีกคนก็ไม่ได้ไหวติง ยังคงยืนนิ่งๆดูอีกคนแปลงร่างเป็นยักษ์ต่อหน้า"ก็พ่อเลี้ยงบอกให้เก็บให้ได้ห้าสิบลัง แต่ไม่ได้บอกนี่คะว่าต้องเก็บ...แบบไหน ฉันก็คิดว่า เก็บยังไงก็ได้ ให้ได้ห้าสิบลังก็พอ" ปารดาพูดเนิบนาบเสียงดังอย่างใจเย็นเน้นบางช่วงที่ชนาวินออกคำสั่งไม่ชัดเจน แล้วยักคิ้วหลิ่วตาจนน่าหมั่นไส้"ปารดา!" มือหนาคว้าเข้าที่ข้อแขนบีบรัดแน่นด้วยความโมโห ดึงจนอีกคนเข้ามาชิดอกแกร่งจ้องมองด้วยหน้าตาถมึงทึง โกรธจนพูดไม่ออก
หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรหาพี่สาวที่ไม่รู้ว่าตอนนี้หนีหายไปไหนมาหลายสัปดาห์แล้ว แต่ผลก็เหมือนเดิมคือปิดเครื่อง ไม่สามารถติดต่อได้ มันน่าแปลกใจที่คนอย่างปารมีที่ไม่เคยยอมอะไรง่ายๆดันหนีไปเฉยๆทั้งที่ปารดาคิดว่าพี่เธอคงยืนกรานจะไม่แต่งงานแน่ ๆ และที่สำคัญคือแม้แต่แฟนที่รักกันมากอย่างธนนท์ ก็ไม่รู้ข่าวของปารมีเลย"ค่ะพี่บีม ได้ข่าวพี่ปาล์มบ้างไหมคะ" ปารดาตัดสินใจโทรหาภาวินี เพื่อนสนิทของพี่สาวแต่ก็ได้รับคำตอบเช่นเดิม เธอเลยลองกดโทรหาธนนท์ดูอีกครั้ง[น้องป่าน ได้ข่าวปาล์มแล้วเหรอครับ] ปลายสายที่บ่งบอกถึงความตื่นเต้นนั่นทำให้ปารดาพูดไม่ออก เดาได้เลยว่าอีกคนก็ยังหาพี่สาวเธอไม่เจอแน่นอน"เปล่าค่ะ พี่หนึ่งก็ยังไม่เจอพี่ปาล์มเลยใช่ไหมคะ"[พี่ตามหาทุกที่แล้วป่าน ไม่รู้จะหาที่ไหนแล้ว ปาล์มทิ้งพี่ไปจริงๆเหรอ] น้ำเสียงที่บอกถึงความเสียใจนั่นยิ่งตอกย้ำว่าธนนท์ไม่โกหก"ใจเย็นๆนะคะ ป่านว่ามันต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่าง พี่หนึ่งเราต้องสู้นะคะ ป่านจะให้เพื่อนที่เป็นตำรวจช่วยหาอีกทีค่ะ"[ครับ พี่จะตามหาต่อไป น้องป่านสบายดีนะ]"ค่ะสบายดี งั้นแค่นี้ก่อนนะคะ เอาไว้ได้เรื่องอะไรป่านจะโทรมาใหม่"ปารดากดวางสา
ปารดาช่วยเขียวกับพุดเก็บส้มจนผ่านเวลาไปกว่าสองชั่วโมง"น้องป่านไปได้แล้ว เดี๋ยวพ่อเลี้ยงดุเอา" เขียวว่าขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าปารดามีนัดกับพ่อเลี้ยงของพวกเขาตอนบ่ายสอง"อ่อๆ จ้ะ งั้นไปก่อนนะ เอาไว้ถ้าเสร็จเร็วป่านมาช่วยอีกนะ" เธอตอบด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเดินออกไปด้วยความรีบร้อนใช้เวลาเดินกว่ายี่สิบนาทีเนื่องจากพื้นที่ไร่ค่อนข้างกว้าง กว่าจะมาถึงก็เล่นเอาหอบ"มาหาพ่อเลี้ยงค่ะ" ปารดายืนหอบหน้าโต๊ะทำงานของสาวร่างอวบที่ป้ายหน้าโต๊ะเขียนเอาไว้ว่าบุษกร"มาแล้วเหรอคะ เข้าไปรอข้างในได้เลยนะคะเดี๋ยวพ่อเลี้ยงก็มา" บุษกรยิ้มหวานให้อย่างอ่อนน้อม ปารดายิ้มตอบแล้วเดินเข้าไปด้านในตามที่คนหน้าห้องบอกด้านในห้องทำงานของชนาวินมีโซฟาตัวใหญ่วางอยู่ เธอเลือกที่จะไปนั่งตรงนั้นเพื่อรออีกคน คว้าหยิบเอานิตยสารที่วางอยู่ขึ้นมาอ่านฆ่าเวลาทางด้านชนาวินที่ลืมไปแล้วว่านัดปารดาเอาไว้ก็กำลังตัดกินขนมเค้กสูตรใหม่ที่พาขวัญทำขึ้นมาเพื่อขายในร้านเบเกอรี่ของเธอพาขวัญเป็นสาวสวยวัยยี่สิบห้า น้องสาวของภูวดลเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยมัธยมต้นของชนาวิน ทั้งคู่สนิทกันมากและดูเหมือนชนาวินจะชื่นชอบพาขวัญอยู่ไม่น้อย ยอมรับว่าเป็นผู้หญิงท
เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่เด็กสาวกำลังจะทำมันจะเกิดอะไรขึ้นบ้างในอนาคต แต่ตามที่เขารับปากพ่อเอาไว้ เขาจะเป็นคนปกป้องและคอยช่วยเหลือเธอเอง"ต้องการผู้ช่วยไหม" ปารดาผละออกจากหน้าท้องของอีกฝ่าย ยกมือปาดน้ำตาพอลวกๆ แล้วแหงนหน้ามองอีกคนตาแดงก่ำ"รับสมัครหนึ่งตำแหน่งค่ะ""โอเค ค่าแรงแพงหน่อยนะ ไม่รู้จะจ่ายไหวหรือเปล่า" เขาย่อตัวลงแล้วยิ้มให้คนน้อง ยกมือขึ้นเกลี่ยน้ำตาที่แก้มนิ่มที่ผ่านมาเขามัวแต่หวาดระแวงกับการที่จะต้องแต่งงานกับเด็กคนนี้ กลัวที่ต้องเสียความโสดที่หวงแหนไป กลัวว่าจะต้องใช้ชีวิตกับคนที่ไม่ได้รัก แต่ตอนนี้เขาไม่มีเรื่องพวกนั้นในหัวเลยตั้งแต่ทำความเข้าใจอะไรหลายๆอย่างทั้งหมด เขาก็เข้าใจแล้วว่า มันคือหน้าที่ ปารดามีหน้าที่ที่จะต้องเป็นทายาทเจ้าสัว เขามีหน้าที่ดูแลทายาทเจ้าสัว นี่ต่างหาก คือความจริง"จ่ายไหวสิคะ หนูเป็นหลานสาวเจ้าสัวนะ" คนตัวเล็กกว่าพอจะยิ้มออกมาได้บ้างกับมุขเสี่ยวๆค่าตัวแพงของชนาวิน ความออดอ้อนที่มีทำให้เผลอแทนตัวเองเปลี่ยนไป แต่ชนาวินกลับรู้สึกชอบแบบนั้นมากกว่าแทนตัวด้วยชื่อสะอีก"หนูตัวใหญ่ไปนะ" เขาวางมือบนหัวแล้วโยกไปมาเบาๆเป็นเชิงหยอก"บ้า ป่านลืมตัว" เธอว่าแล้วท
ถึง หนูป่านของแม่ตอนที่หนูได้อ่านจดหมายฉบับนี้แม่คงได้ไปอยู่กับพ่อบนสวรรค์แล้วนะลูก แม่บอกคุณป้ารังรองของหนูเอาไว้ว่าให้มอบของพวกนี้ให้หนูตอนที่หนูเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้วและยังมีชีวิตอยู่ ถึงตอนนั้นหนูคงจะพร้อมที่จะเป็นทายาทของคุณปู่ ทุกอย่างที่แม่และป้าทำ เพื่อหนูนะลูก อย่าได้ครางแครงสงสัยสิ่งที่คุณป้าบอกคือเรื่องจริงแม่เชื่อใจป้ารังรองของหนู ให้ทำทุกอย่างตามที่คุณป้าบอก แต่ถ้าหนูไม่อยากทำ ให้บอกคุณป้าไปตรงๆ จะไม่มีใครบังคับหนูได้ แต่อย่าลืม ว่าหนูคือธนทรัพย์รุ่งเรือง คือลูกสาวพ่อกับแม่ คือหลานของคุณปู่ แม่รักหนูมาก ดูแลตัวเองดีๆนะลูก รักแม่ของหนูปารดามองแผ่นกระดาษในมือ กวาดตาไปมาอยู่หลายรอบ หัวใจเต้นแรงมากขึ้น เธอเดินไปนั่งที่โต๊ะริมหน้าต่างนั่น หยิบของในซองออกมาทีละชิ้น ทีละชิ้น ของแต่ละชิ้นมีป้ายที่เขียนด้วยลายมือแปะเอาไว้เข็มกลัดของแม่สร้อยคอของพ่อแหวนประจำตระกูลกุญแจตู้เซฟที่ธนาคารxxxสมุดบัญชี สามสี่เล่มที่ยอดเงินไม่น้อยเลยเช่นกันและภาพถ่ายของสามคนพ่อแม่ลูก ไม่รู้เมื่อไหร่ที่น้ำตาหยดแมะลงมาบนพื้นโต๊ะไม้ มือของปารดาสั่นเทา หยิบรูปถ่ายใบนั้นขึ้นมามอง พ่อเหรอ คนนี้คือพ่อที
"นี่คือหนูในตอนนั้น คุณหนูอันตราของทุกคน แม่ยังจำได้ ทุกคนดีใจกับการเกิดมาของหนูมาก เพราะหนูคือทายาทคนเดียวของธนทรัพย์รุ่งเรือง"ภาพหญิงสาวใบหน้าสะสวยที่ปารดาจำได้นี่คือแม่ของเธอ กำลังอุ้มเด็กตัวเล็กในอ้อมแขน อีกด้านมีผู้ชายหน้าตาใจดีที่ดูแล้วเหมือนปารดามากยืนอยู่ข้างกัน"เหมือนป่านมาก ไม่สิ ต้องบอกว่าป่านเหมือนคนนี้มาก" ชนาวินพูดออกมาเมื่อเห็นภาพถ่ายใบนั้นไปพร้อมกัน"ใช่ หนูป่านเหมือนพ่อมาก คุณปู่ก็เลยรักหนูมาก แล้วก็ประกาศต่อหน้าทุกคนว่าจะยกทุกอย่างที่มีให้หนู นั่นทำให้เรื่องเลวร้ายทุกอย่างเกิดขึ้น" รังรองพูดด้วยน้ำเสียงติดสั่นเล็กน้อย ปากอิ่มเม้มแน่นเมื่อต้องพูดเรื่องเหล่านั้นขึ้นมา"ทำไมป่านถึงเป็นทายาทคนเดียว แล้วลุงล่ะคะ ลุงเป็นลูกของคุณแม่"ปารดาหันไปที่ชนาวิน เธอไม่เข้าใจ ในเมื่อรังรองก็เป็นลูกอีกคนของปู่ ถ้าอย่างนั้น ชนาวินก็ต้องมีสิทธิ์ในสมบัติพวกนั้นเช่นกันรังรองส่ายหน้าไปมา มองชนะพลแล้วจับมืออีกคนเอาไว้แน่น"ฉันไม่ใช่ลูกแท้ๆของแม่ แม่เลี้ยงฉันมาตั้งแต่เกิดแค่นั้น" ชนาวินตอบแทน ปารดาอ้าปากค้างยิ่งสับสนหนักเข้าไปอีก"อะไรนะคะ" ถามออกไปอย่างไม่อยากเชื่อ"คุณปู่มีลูกสามคน คุณ
"มานั่งนี่สิลูก แม่มีอะไรจะเล่าให้ฟัง" รังรองยิ้มกว้างตอบรับลูกชายและลูกสะใภ้ ทั้งสองมานั่งลงคนละฝั่ง วันนี้ดูพ่อกับแม่จะเครียดๆชอบกล"มีอะไรหรือเปล่าครับ ทำไมแม่ดูเครียดๆ" ชนาวินมองรังรองที่สีหน้าแปลกไปจากทุกที แต่รังรองก็ยังคงยิ้มให้"ฟังแม่หน่อยนะ เรื่องนี้สำคัญมากเลยล่ะ" ชนะพลบอกกับลูกชายและปารดาที่นั่งตาแป๋วรอฟัง"ย้อนไปเมื่อยี่สิบปีก่อน"รังรองเริ่มเกริ่นถึงวันที่ปรมินทร์ได้รับอุบัติเหตุและเสียชีวิตในกองเพลิง โดยที่ภรรยาและลูกสาววัยขวบกว่าได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่ว่าตามหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอผ่านไปสองสัปดาห์ ภรรยาของปรมินทร์นามว่าปรียานุชติดต่อมาหารังรองและขอความช่วยเหลือ ทำให้รู้ว่าการตายของปรมินทร์เป็นการจัดฉาก และคนที่ทำก็คือชัยยศปรียานุชที่หนีรอดมาได้ก็หอบลูกสาวคนเดียวที่เป็นทายาทของธนทรัพย์รุ่งเรืองหนีไปอยู่กับแม่แท้ๆที่ต่างจังหวัด เพื่อหลบหนีการตามล่าของชัยยศทุกคนช่วยกันวางแผนเพื่อให้สองแม่ลูกยังมีชีวิตอยู่ ปรียานุชติดต่อไปที่ธีรยุทธให้มารับสมอ้างเป็นพ่อของลูก เปลี่ยนชื่อและให้ใช้นามสกุลของธีรยุทธ แต่สุดท้าย ปรียานุชก็ต้องจากไปก่อนด้วยโรคมะเร็ง ก่อนตายได้ฝากฝังลูกสาวคนเ
ฝันร้ายเมื่อสี่สิบปีก่อน ฝันที่รังรองไม่อยากจดจำ เด็กสาววัยสิบห้าปี ต้องเจอพี่ชายที่เห็นกันมาตั้งแต่เกิดลวนลามทั้งทางร่างกายและสายตามาตลอดแรกๆรังรองไม่คิดอะไร แต่พอนานวันเข้ายิ่งโต ชัยยศก็ยิ่งแสดงพฤติกรรมน่ารังเกียจอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเข้ามากอดแล้วลูบคลำตัวเธอ หรือมองเธอด้วยสายตาจาบจ้วงตลอดเวลา รังรองและชัยยศอายุห่างกันสามปีพ่อรับชัยยศมาเพราะไม่มีลูกเสียที แต่พอผ่านไปสามปีก็มีรังรองออกมา และมีปรมินทร์ที่ห่างกันออกไปเกือบสิบปี เรื่องที่ชัยยศไม่ใช่ลูกแท้ๆทุกคนรู้ดี และนั่นยิ่งทำให้รังรองลำบากใจกับการใช้ชีวิตที่เหมือนโดนตามรังควานอยู่ตลอดเวลารังรองโดนชัยยศเข้าหาและเอาตัวรอดมาได้แบบเฉียดฉิว แต่พ่อไม่ฟังที่เธอพูด พ่อเข้าข้างชัยยศที่บอกว่าไม่ได้ทำอะไร และต่อว่าเธอที่เพียงเพราะเธอเป็นผู้หญิง ครอบครัวคนจีนไม่ชอบลูกผู้หญิงอยู่แล้วรังรองจึงทำอะไรไม่ได้มากกว่าการร้องไห้กับแม่ จนเก็บกดและทนไม่ไหว เพราะแบบนั้นรังรองจึงหนีออกจากบ้านมาไกลถึงเชียงใหม่ด้วยวัยเพียงสิบหกปีพร้อมเงินติดตัวที่อยู่ในสมุดบัญชีจำนวนแปดหลักที่พ่อฝากให้ทุกเดือน แม้ว่าหลังจากที่ออกมาเงินจะไม่ได้ฝากเข้าให้อีกต่อไป แต่รังร
หลายวันถัดมาชัยยศนั่งมองรูปถ่ายของปารดาที่ถูกส่งมาจากคนของตัวเองที่ตามไปคอยดูความเคลื่อนไหวตลอดทั้งสัปดาห์ ไม่ว่าจะไปไหนทำอะไร ดูเหมือนจะมีผู้ชายคนหนึ่งอยู่ข้างกายตลอด ชัยยศไม่ได้รีรอ เขาให้คนสืบจนรู้ว่าชายหนุ่มหน้าตาดีที่อยู่กับปารดาเป็นประจำก็คือชนาวิน ลูกชายของชนะพล คนที่รังรองอาศัยอยู่ด้วยในตอนนี้"ฉันอยากได้ข้อมูลทุกอย่างของผู้ชายคนนี้ ตรวจสอบความเคลื่อนไหวของไร่ชนะพลด้วย ขอเร็วที่สุด" ชัยยศสั่งงานพวัตเสียงเข้ม เขาต้องการข้อมูลที่มากกว่าชื่ออายุ วันเกิดระดับการศึกษา เขาอยากรู้ว่าสองคนนี้มีความสัมพันธ์กันแบบไหนทำไมถึงได้สนิทสนมกันขนาดนี้ที่บ้านสวน"คุณท่านคะ คุณท่าน คุณรองค่ะ คุณรองโทรมา" เสียงพรรณีแตกตื่นรีบวิ่งเข้ามาพร้อมโทรศัพท์มือถือของสุรเดชเจ้าของโทรศัพท์เองก็ตื่นเต้นจนมือไม้สั่น รังรองงั้นเหรอ รังรองที่ออกจากบ้านไปสี่สิบปี นานทีปีหนจะโทรมาหาสักครั้งน่ะเหรอนี่เป็นการโทรมาครั้งแรกในรอบสองปีเลยก็ว่าได้ตั้งแต่ที่เขาล้มลงและเริ่มกล้ามเนื้ออ่อนแรงจนต้องใช้รถเข็น รังรองมาเยี่ยมแค่ครั้งเดียวและต้องรีบกลับไปเพราะไม่อยากจะเจอชัยยศ สุรเดชเองก็กลัวว่ารังรองจะเป็นอันตรายรีบไล่ให้กลั
"โห้ย อิ่ม"ปารดาแทบจะแผ่อยู่ตรงนั้น เมื่อได้กินของอร่อยที่คุ้นชินจนซัดเข้าไปเสียเต็มคราบ"อิ่มจริงๆแหละ" อีกคนที่อิ่มตื้อไม่แพ้กันก็ชนาวินนั่นแหละ ไม่ว่าปารดาจะคีบอะไรมาให้เขาก็กินมันจนหมด จนตอนนี้ท้องตึงไปหมดแล้ว"มีของหวานด้วยนะป่านเอาไหม" กระถินพูดขึ้น พลางยื่นถ้วยขนมหวานที่เป็นทับทิมกรอบให้ดู"ลุงเอาขนมหวานไหมคะ" ปารดาหันไปถาม"ยังกินไหวอีกเหรอเราน่ะ" เขาบ่นออกมาพลางส่ายหน้าปฏิเสธ"ก็อยากกินนี่คะ" ปารดาบอก แล้วจูงมือกระถินพากันไปเลือกขนมหวานที่มีให้เลือกสองสามอย่าง ก่อนกลับมาพร้อมไอศกรีม"ชอบกินแต่ไอติมเหมือนเดิม" กระถินว่าให้เบาๆ ทั้งที่บอกให้เลือกขนมหวาน แต่พอเจ้าตัวเห็นไอศกรีม ก็เลือกไอศกรีมเฉยเลย"ก็คนมันชอบนี่" คนตัวเล็กว่าพลางกัดไอศกรีมเข้าปากอย่างอารมณ์ดีชนาวินมองภาพนั้นแล้วได้แต่ส่ายหน้าไปมาเบาๆ มองดูปารดาหยอกล้อเล่นกับกระถินและชงโคก็พลอยยิ้มไปด้วย"มากันบ่อยเหรอครับที่นี่" ชนาวินถามปานนท์"นานๆทีครับ เห็นว่ามีโปรโมชั่นหมูกระทะกระถินเขาก็เลยมาชวน" ปานนท์ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม สายตาก็มองชงโคที่คอยดูแลปารดาราวกับเป็นคุณแม่ ปารดาที่เอาแต่อ้อนก็เหมือนเด็กเล็กๆ พอเห็นแบบนี้ก็พลอย
ปารดาเร่งทำงานในส่วนของตัวเองให้แล้วเสร็จก่อนเวลาเลิกงานเพื่อจะได้ไปกินหมูกระทะกับเพื่อนๆ ชนาวินเองก็พลอยรีบเคลียร์งานของตัวเองไปด้วย"เสร็จแล้ว เย้"ชูมือสองข้างขึ้นแล้วยิ้มออกมาด้วยคใามดีใจที่หายเรียบร้อยและพร้อมสำหรับการเลิกงาน"พอจะได้ไปเที่ยวนี่รีบเลยนะ" ชนาวินบ่นให้เบาๆ"ลุงยังไม่เสร็จเหรอคะ"คนตัวเล็กเข้ามาเดินวนเวียนใกล้ๆ ซ้ายทีขวาทีจนชนาวินไม่มีสมาธิ เขาเลยคว้าเข้าที่แขนของอีกคนแล้วออกแรงดึงจนปารดาเซลงมานั่งบนตักของเขาแบบไม่ตั้งตัว"ลุง!!"ปารดาแหวใส่เสียงหลง ดันตัวอีกคนเอาไว้จะลงจากตักแต่ชนาวินยึดเอวคนตัวเล็กเอาไว้แน่นราวกับเป็นตุ๊กตา"อยู่แบบนี้แหละ เดินไปเดินมาเวียนหัว"เขาพูดทื่อๆขึ้นมาอย่างเอาแต่ใจ เอียงตัวเซ็นเอกสาร มีอีกคนนั่งนิ่งๆบนตักเพราะเกร็งจนไม่กล้าขยับน่ะสิความเงียบเข้าครอบงำ มีแค่เสียงหัวใจที่เริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ ถึงแม้จะนั่งเฉยๆ แต่แรงกอดที่เอวมันพาให้ใจเต้นแปลกๆชอบกล ปารดาเหลือบมองคนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาเคลียร์งานไม่กล้าจะพูดหรือขยับตัว กระทั่งชนาวินวางปากกาลงและปิดเอกสารตรงหน้า เขาก็คลายมือออกและจับคนตัวเล็กลงจากตักไปยืนข้างๆ"เสร็จแล้ว" เขาบอก แล้วลุกขึ
บริษัท เจทีคอเปอเรชั่น จำกัดบนชั้นสี่สิบของตึกสูงระฟ้าที่ตั้งของบริษัทส่งออกยักษ์ใหญ่อย่างเจทีคอเปอเรชั่น ชัยยศยืนมองแผ่นฟ้ากว้างผ่านกระจกหนาตรงหน้า สีหน้าเรียบนิ่งจนเยือกเย็นของอีกคนไม่เคยประดับรอยยิ้มเลยสักครั้ง แววตาดุดันมองไปไกลคล้ายกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง"นายครับ ผมให้พวกมันไปซ่อนตัวที่ชายแดนเรียบร้อยครับ" พวัตเข้ามารายงานหลังจากที่จัดการส่งมือผืนสองคนที่ทำงานพลาดไปชายแดนตามคำสั่งผู้เป็นนายเรียบร้อยแล้ว"หาคนใหม่ไปคอยจับตาดู พลาดไปครั้งนี้พวกมันคงระวังตัวแจ ให้คนไปเฝ้าบ้านไอ้ธีรยุทธด้วย แล้วลูกสาวคนโตของมันหาตัวเจอหรือยัง" น้ำเสียงเคร่งขรึมกับท่าทางสุขุมน่าเกรงขามของชัยยศทำให้หลายคนหวั่นเกรง แม้แต่พวัตที่ทำงานด้วยกันมานานก็ยังเกร็งทุกครั้งเวลาที่รับคำสั่งโดยตรง"ยังครับ เธอซ่อนตัวเก่งเหมือนมีคนคอยช่วยตลอดเวลาเลยครับ คนของเราไม่เจอเธอเลย""เพิ่มคนอีก ตามหาให้ทั่วแล้วจับตัวมาให้ได้ เข้าใจไหม""ครับนาย""วันนี้ฉันจะกลับบ้านสวน บอกคนที่นั่นเตรียมอาหารให้ด้วย""กลับบ้านสวนเหรอครับนาย แล้วคุณท่าน" พวัตทักท้วง"ทำไม ฉันจะกลับไปหาพ่อฉันบ้าง ผิดหรือไง ทำตามที่ฉันสั่ง ออกไปได้แล้ว" ชัย