นาฬิกาที่พนังบอกเวลาทุ่มครึ่งแล้ว กระถินมองประตูที่เปิดออกกว้างก่อนร่างแบบบางของปารดาจะเดินเข้ามาทำให้กระถินที่เฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อถลาเข้าไปหาด้วยความเป็นห่วง
"ป่าน ไหวไหม นั่งก่อน" ถึงจะเพิ่งรู้จักกัน แต่คนที่คอยห่วงใยคนอื่นไปทั่วอย่างกระถินก็อดที่จะห่วงเพื่อนใหม่ไม่ได้
"เหนื่อยจัง" ปารดาบ่นเบาๆ ทิ้งตัวลงนั่งที่พื้นอย่างหมดแรง
"ตายแล้วป่าน ทำไมมือเป็นแบบนี้" กระถินเห็นมือเพื่อนแล้วร้องออกมาด้วยความตกใจ มือทั้งสองข้างของอีกคนแดงฉานเต็มไปด้วยเลือดที่เริ่มแห้งกรัง นี่กำด้ามจอบทั้งที่แผลเต็มมือแบบนี้ได้ยังไงกัน
"ตอนแรกมันเจ็บนะ แต่ตอนนี้มันชาจนไม่รู้สึกแล้วล่ะ" เจ้าของมือแตกลายงาบ่นเบาๆ
"ก็ชาสิ ฝืนมากี่ชั่วโมงแล้ว ข้าวก็กินไปนิดเดียว ดีไม่เป็นลมคาต้นส้มนั่น ไปอาบน้ำไป จะได้มาทำแผล" กระถินอดที่จะบ่นให้ไม่ได้ พ่อเลี้ยงก็อีกคน จะอะไรกันนักหนาก็เห็นว่าอีกคนน่ะเจ็บยังจะใจดำให้ทำงานจนเสร็จ จิตใจทำด้วยอะไร แต่จะว่าไปปกติพ่อเลี้ยงของเธอก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดนี้นี่นา จู่ ๆ เกิดจะอยากสวมบทซาตานขึ้นมาหรือยังไงกัน
ปารดายันตัวเองลุกขึ้นด้วยสีหน้าเจ็บปวด ทั้งหลังทั้งไหล่เมื่อยขบไปหมดทั้งตัว มือที่จริงๆแล้วก็ยังพอมีความรู้สึกอยู่บ้างเริ่มเจ็บแปลบขึ้นมาเป็นระยะ ก่อนจะพาตัวเองไปอาบน้ำชำระล้างเหงื่อไคลที่วันนี้ตรากตรำทำงานหนักมาทั้งวัน
กลับออกมาจากห้องน้ำก็พอจะทำให้มีแรงขึ้นมาได้บ้าง รู้สึกสดชื่นและมีเรี่ยวแรงขึ้นมาอีกครั้ง แต่มือนี่สิ ยับเยินเลยทีเดียว
"มานั่งนี่มา" พอเพื่อนกลับมา กระถินก็กวักมือเรียกทันที
ปารดาเอาข้าวของไปเก็บเรียบร้อยก็เดินมานั่งลงตรงหน้าเพื่อน ที่กำลังจัดเตรียมหยูกยาสำหรับทำแผลให้อีกคน
"ฉันไม่เข้าใจเลยทำไมพ่อเลี้ยงต้องจงใจให้เธอทำงานหนักขนาดนั้นด้วย" ปากก็บ่น มือก็ทำแผลที่เกิดจากการกำด้ามจอบมาทั้งวันจนโคนนิ้วด้านในบวมเป่งจนมันแตกออกเลือดซึม
"อ่ะ อูยยย" คนตัวเล็กกว่าซี้ดปากด้วยความเจ็บเมื่อถูกแอลกอฮอล์ล้างแผลจนสะดุ้งโหยง หน้าตาบิดเบี้ยวขึ้นมาอีกเมื่อถูกป้ายยา แล้วกระถินก็จัดการพันผ้าปิดแผลให้จนมือสองข้างกลายเป็นมัมมี่กระดิกได้แค่นิ้ว
"ต้องขนาดนี้เลยเหรอ" ปารดาทำตาปริบๆ มองมือตัวเองสลับกับหน้าเพื่อน
"พันแบบนี้แหละ ดูสิว่าพรุ่งนี้พ่อเลี้ยงจะแกล้งอะไรเธออีก" กระถินเก็บข้าวของเข้าที่แล้วมานั่งทำหน้ามู่ทู่อยู่ข้างๆปารดา
"หิวเหมือนกันนะ มีอะไรให้กินไหม" ปารดามองกระถินทำตาละห้อย กระถินถอนหายใจหนักหน่วงก่อนจะเอื้อมไปหยิบขนมปังถุงใหญ่ออกมาให้
"โห ปกติกระถินชอบกินขนมเหรอ" ปารดาอ้าปากทำตาโตมองถุงขนมถุงใหญ่ที่เพื่อนหยิบยื่นให้
"บ้าเหรอ ก็เห็นไม่ได้กินข้าวเย็น ก็เลยซื้อมาให้เนี่ย รีบกินสิ เดี๋ยวก็หิวตายพอดี" พูดพลางหลิ่วตามองอีกคนที่ทำตาระยิบระยับใส่
ปารดาเลือกขนมปังออกมาสองสามชิ้นแล้วก็ยื่นให้กระถินช่วยแกะให้ อีกคนช่วยเหลืออย่างไม่อิดออด พอเห็นปารดากินขนมอย่างเอร็ดอร่อยก็เลยฉีกถุงขนมที่เหลือกินบ้าง
"ขอบใจนะ ถ้าไม่ได้กระถินป่านแย่แน่" ปารดายิ้มกว้าง เป็นรอยยิ้มที่ดูน่ารักมากในสายตากระถิน จะว่าไป ถึงจะเจอกันแค่สองวันแต่กระถินกลับรู้สึกถูกชะตากับอีกคนมากมาย ดูๆไปแล้วปารดาไม่มีพิษมีภัยอะไรเลยนี่นา
"กินเยอะๆ" พูดแล้วส่งน้ำให้อีกคน
ปารดารับน้ำมาดื่ม มีแรงขึ้นมาเยอะเลย เพราะตอนกลางวันกินข้าวไปหน่อยเดียว และเย็นก็ยังไม่ได้กินอะไรเข้าไปอีกเลยเอาแต่ถางหญ้า พอคิดขึ้นมาแล้วหัวเสีย ต้องหาทางรับมือพ่อเลี้ยงบ้าอำนาจนั่นหน่อยแล้ว นี่ดีนะที่เธอมีคนคอยช่วยอยู่บ้าง
"เออ วันนี้ป่านเจอชงโคแล้วนะ" พอนึกได้ก็รีบบอกกระถินด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
"ฮะ! จริงเหรอ แล้วยัยนั่นทำอะไรเธอหรือเปล่า" กระถินหน้าตาตกใจ มองสำรวจร่างเล็กของอีกคน จนเมื่อปารดายิ้มออกมาแล้วส่ายหน้าให้ กระถินจึงถอนหายใจอย่างโลกอก
"เขาใจดีกับป่านอยู่นะ ถุงมือนั่นก็ของเขา แล้วก็สอนงานป่านด้วย"
"จริงเหรอ แต่จริงๆยัยนั่นก็นิสัยดีอยู่บ้างน่ะนะ ถ้าไม่ติดว่าชอบเบ่งใส่คนอื่น ก็ไม่ได้มีอะไรมากมายหรอก ดีนะเนี่ยที่ไม่ถูกเขม่นเอา" กระถินเล่าต่อว่า
ปกติชงโคจะไม่ชอบคนที่สวยกว่า แต่อาจจะเพราะปารดาไม่ได้แต่งหน้าแต่งตาเหมือนสาวๆคนอื่นในไร่ แต่ถึงอย่างนั้นกระถินก็ไม่คิดว่าชงโคจะใจดีกับปารดา แต่เอาจริงๆ ใครๆก็ต้องใจดีกับปารดาทั้งนั้นแหละ ก็หน้าตาน่าเอ็นดูสะขนาดนี้นี่นา
กำลังฟังกระถินเพลินๆ เสียงมือถือที่ไม่ได้มีสายเข้าเลยตลอดทั้งวันของปารดาก็ดังขึ้นในกระเป๋าสะพายใบหรูที่กระถินเพิ่งสังเกตว่ามันเป็นกระเป๋าจากแบรนดังราคาสูงที่ถูกห้อยเอาไว้ที่หัวเตียงของคนตัวเล็ก
"เดี๋ยวหยิบให้" กระถินอาสา คว้ากระเป๋าถือของอีกคนมาเปิดออกกว้างแล้วก็ต้องอึ้งซ้ำสองเมื่อเห็นโทรศัพท์เครื่องหรูจนต้องทำตาโตก่อนส่งให้เจ้าของ
"ขอบใจจ้ะ" ปารดาที่เห็นอาการของกระถินแต่แรกได้แต่ลอบถอนใจ แน่นอนกระถินคงสงสัยว่าทำไมทั้งกระเป๋าและมือถือของเธอถึงได้เป็นของมีราคา เอาไว้ค่อยอธิบายแล้วกันนะ
"สวัสดีค่ะคุณพ่อ" ปารดากดรับสายก่อนจะเดินออกไปด้านนอกเพื่อไม่เป็นการรบกวนกระถิน ในขณะที่อีกคนมองตามไปอย่างใช้ความคิด
"ป่านสบายดีค่ะ ค่ะ ไม่ลำบากอะไรเลยค่ะคนที่นี่ดูแลป่านดีมาก คุณพ่อสบายดีนะคะ ค่ะ ป่านจะโทรหาบ่อยๆนะคะ ค่ะ สวัสดีค่ะ" ปารดากดวางสายแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ รู้สึกลำบากใจที่ต้องโกหกพ่อไปแบบนั้น แต่ก็คงบอกความจริงไม่ได้เพราะพ่อจะเป็นห่วง อย่างน้อยๆ ให้ท่านสบายใจว่าเธออยู่อย่างสุขสบายน่าจะดีกว่าน่ะนะ
"เอ่อ ยังไม่นอนเหรอ" พอกลับเข้ามาก็เห็นกระถินนั่งมองจ้องเหมือนกำลังรอคำอธิบาย ปารดาค่อนข้างลำบากใจแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี"ฉันไม่ได้อยากจะยุ่งเรื่องของเธอหรอกนะ แต่นั่นน่ะหลายหมื่น กระเป๋าเนี่ยใบเป็นแสน ถึงฉันจะแค่ชาวบ้านแต่ฉันไม่โง่ที่จะดูไม่ออก ว่ามันคือของแท้ เพราะฉะนั้นอย่าโกหก" คำพูดของกระถินยิ่งทำให้ปารดาหาข้ออ้างไม่ได้ เธอถอนหายใจแรงๆอีกครั้งแล้วขยับนั่งลงข้างๆกระถิน"กระถิน ห้ามตกใจนะถ้าป่านบอกความจริง" สีหน้าปารดาจริงจังมาก เธอเม้มปากแน่นอย่างชั่งใจว่าจะบอกความจริงดีหรือไม่ แต่ท้ายที่สุดก็ตัดสินใจแล้วว่าจะพูดความจริง และปารดาคิดว่ากระถินจะไม่บอกใครแน่นอน"อะไร เธอเป็นลูกคุณหนูที่ถูกจับตัวมาเหรอ ..." กระถินเลิกคิ้วแล้วเดา แต่ปารดาส่ายหน้าแทนคำตอบ "งั้นเธอมาทำงานใช้หนี้แบบฉันเหรอ" กระถินชกนิ้วชี้ที่ตัวเอง คราวนี้ปารดาพยักหน้าเบาๆ"ใกล้เคียง ป่านมาที่นี่...""เธอเป็นลูกคุณหนูตกอับที่พ่อส่งมาใช้หนี้พ่อเลี้ยงงั้นสินะ" กระถินพูดแทรกขึ้นมาก่อนจากการคาดเดา เธอคิดแล้วไม่มีผิดเลย เพราะปารดาน่ะเหมือนคุณหนูจะตายไป"ป่านมาอยู่ที่นี่ ในฐานะภรรยาของคุณชนาวินน่ะ" ปารดาบอกออกไปในที่ส
ภายในห้องนอนขนาดกว้างขวางของชนาวินที่อาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดนอนเรียบร้อยแล้ว เขายืนที่มุมหนึ่งของห้องที่สามารถมองไปเห็นแสงไฟรำไรจากบ้านพักคนงานได้ เจ้าของร่างสูงสมส่วนกว่าร้อยเก้าสิบเซนติเมตร อิงไหล่ที่ขอบประตูระเบียง หลุบตามองข้อมือตัวเองที่บัดนี้ถูกล้างเอาลอยปื้นเลือดออกไปจนหมดแล้ว เขามองมันอย่างครุ่นคิด"เล่นแรงไปเปล่าวะ" ด้วยรู้ว่านั่นคือเลือดที่มาจากมือของอีกคน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่อยากยอมรับว่าเป็นเพราะตนเอง ก็เขาไม่ได้ทำอะไรเสียหน่อย ยัยนั่นทำตัวเองต่างหาก"ช่วยไม่ได้ ก็อยากยอมเอง"จะว่าไป ปารดาไม่จำเป็นต้องยอมให้เขาทำแบบนั้นก็ได้ ตัวเธอเองก็มีสิทธิ์ความเป็นภรรยาที่ถูกต้องไม่เห็นจะต้องทำตามที่เขาบอก คงไม่ได้ซื่อบื้อเชื่อฟังแต่คำสั่งของพ่อจนคิดอะไรเองไม่เป็นหรอกนะ ถ้าเป็นแบบนั้น นี่เขาแต่งงานกับคนแบบไหนกันเนี่ยชนาวินหลุดออกจากภวังค์ความคิดเมื่อเสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่หัวเตียงดังขึ้น พอเห็นว่าเป็นบิดาก็กลอกตาไปมาก่อนกดรับ"ครับพ่อ"[เป็นยังไงบ้าง พ่อไม่อยู่ ทุกอย่างเรียบร้อยดีนะ]"เรียบร้อยครับ"[อื้ม ก็ดี แล้วหนูป่านเป็นยังไงบ้าง]"ก็ดีมั้งครับ"[อะไรคือก็ดีมั้งครับ นี่น้องนอนหรื
ปารดาเดินตามปานนท์ออกมาอย่างใช้ความคิด จะแกล้งให้เธอเหนื่อยจนทนไม่ไหวแล้วก็หนีกลับกรุงเทพฯสินะ ฮึ! อย่าหวังเลย/เก็บส้มงั้นเหรอ ได้สิ ห้าสิบลังสบายมาก/เมื่อหัวหน้าคนงานอย่างปานนท์มาถึงทุกคนก็ดูกระตือรือร้นในการทำงานมากขึ้นรวมถึงชงโคที่กระตือรือร้นรีบวิ่งอแอกมาปั้นหน้ายิ้มแฉ่งฉอเลาะใส่อย่างที่ชอบทำเป็นประจำ"น้านน พาคนงานใหม่มาเก็บส้มเหรอจ้ะ" ชงโคยิ้มหวานให้ปานนท์ ก่อนจะยิ้มเยือนมาที่ปารดาด้วย หญิงสาวเลยยิ้มตอบแล้วมองทั้งคู่สนทนากันปารดาที่มองหน้าสองคนสลับกันไปมาก็พอจะเดาได้ว่าชงโคน่ะน่าจะชอบปานนท์อย่างแน่นอน"เจอก็ดีแล้ว เดี๋ยวพาเพื่อนไปแปลงสิบ สิบเอ็ดสิบสองไปทำงานที่โรงแยกแทนนะ ตรงนี้เดี๋ยวให้ป่านจัดการ" ปานนท์หน้านิ่งไม้ไหวติงต่อสิ่งเร้าตรงหน้า แม้นว่าชงโคจะฉีกยิ้มกว้างแค่ไหนก็ตามที"อ้าว ทำไมล่ะ ชงโคเพิ่งเก็บได้สามลังเอง" เธอก้มมองนาฬิกาเรือนเล็กที่ข้อมือบอกเวลาเก้าโมงกว่าเองแท้ๆ แล้วปกติถ้าคนไม่ขาดก็จะไม่ได้เข้าไปในโรงคัดแยกเพราะมีพนักงานประจำที่ทำบริเวณนั้นอยู่แล้ว"ไปเถอะนะ พ่อเลี้ยงสั่ง อ่อ ฝากตามเขียวให้ด้วยสิ" ปานนท์ตอบกลับด้วยใบหน้านิ่วขรึมเช่นเดิม ทำให้ชงโคหน้าง้ำลงเล็กน
"เกิดอะไรขึ้น"ชนาวินเท้าเอวมองจ้องตัวเจ้าปัญหา ปารดาตีหน้าซื่อเสมองซ้ายทีขวาทีเหมือนไม่รู้ว่าที่ทำไปมันทำให้เกิดความเสียหายขนาดไหนปานนท์ขยับเข้าไปอธิบายสถาณการณ์ ชนาวินมองจ้องปารดาตาแข็ง เดินเข้าไปหยิบผลส้มที่อีกคนเก็บมาแบบมั่วๆ จนเต็มลัง"นี่เธอทำอะไร" เจ้าของร่างสูงย่างกายเข้าไปหา สีหน้าโกรธขึ้งที่เห็นผลงานของปารดา"เก็บส้มไงคะ" ปารดาตอบหน้าตาเฉย ท่าทีที่บอกว่าไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่ามันสามารถกินได้หรือเปล่านั่นยิ่งทำให้ชนาวินกัดกรามแน่น ปารดาก็แค่เก็บๆให้มันเสร็จเท่านั้น"เก็บบ้าอะไร ที่เธอเก็บมามันยังไม่สุกเลย แล้วมันจะขายได้ยังไง" ชนาวินใช้น้ำเสียงแทบตะโกนพูดใส่หน้าปารดา แต่อีกคนก็ไม่ได้ไหวติง ยังคงยืนนิ่งๆดูอีกคนแปลงร่างเป็นยักษ์ต่อหน้า"ก็พ่อเลี้ยงบอกให้เก็บให้ได้ห้าสิบลัง แต่ไม่ได้บอกนี่คะว่าต้องเก็บ...แบบไหน ฉันก็คิดว่า เก็บยังไงก็ได้ ให้ได้ห้าสิบลังก็พอ" ปารดาพูดเนิบนาบเสียงดังอย่างใจเย็นเน้นบางช่วงที่ชนาวินออกคำสั่งไม่ชัดเจน แล้วยักคิ้วหลิ่วตาจนน่าหมั่นไส้"ปารดา!" มือหนาคว้าเข้าที่ข้อแขนบีบรัดแน่นด้วยความโมโห ดึงจนอีกคนเข้ามาชิดอกแกร่งจ้องมองด้วยหน้าตาถมึงทึง โกรธจนพูดไม่ออก
หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรหาพี่สาวที่ไม่รู้ว่าตอนนี้หนีหายไปไหนมาหลายสัปดาห์แล้ว แต่ผลก็เหมือนเดิมคือปิดเครื่อง ไม่สามารถติดต่อได้ มันน่าแปลกใจที่คนอย่างปารมีที่ไม่เคยยอมอะไรง่ายๆดันหนีไปเฉยๆทั้งที่ปารดาคิดว่าพี่เธอคงยืนกรานจะไม่แต่งงานแน่ ๆ และที่สำคัญคือแม้แต่แฟนที่รักกันมากอย่างธนนท์ ก็ไม่รู้ข่าวของปารมีเลย"ค่ะพี่บีม ได้ข่าวพี่ปาล์มบ้างไหมคะ" ปารดาตัดสินใจโทรหาภาวินี เพื่อนสนิทของพี่สาวแต่ก็ได้รับคำตอบเช่นเดิม เธอเลยลองกดโทรหาธนนท์ดูอีกครั้ง[น้องป่าน ได้ข่าวปาล์มแล้วเหรอครับ] ปลายสายที่บ่งบอกถึงความตื่นเต้นนั่นทำให้ปารดาพูดไม่ออก เดาได้เลยว่าอีกคนก็ยังหาพี่สาวเธอไม่เจอแน่นอน"เปล่าค่ะ พี่หนึ่งก็ยังไม่เจอพี่ปาล์มเลยใช่ไหมคะ"[พี่ตามหาทุกที่แล้วป่าน ไม่รู้จะหาที่ไหนแล้ว ปาล์มทิ้งพี่ไปจริงๆเหรอ] น้ำเสียงที่บอกถึงความเสียใจนั่นยิ่งตอกย้ำว่าธนนท์ไม่โกหก"ใจเย็นๆนะคะ ป่านว่ามันต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่าง พี่หนึ่งเราต้องสู้นะคะ ป่านจะให้เพื่อนที่เป็นตำรวจช่วยหาอีกทีค่ะ"[ครับ พี่จะตามหาต่อไป น้องป่านสบายดีนะ]"ค่ะสบายดี งั้นแค่นี้ก่อนนะคะ เอาไว้ได้เรื่องอะไรป่านจะโทรมาใหม่"ปารดากดวางสา
ปารดาช่วยเขียวกับพุดเก็บส้มจนผ่านเวลาไปกว่าสองชั่วโมง"น้องป่านไปได้แล้ว เดี๋ยวพ่อเลี้ยงดุเอา" เขียวว่าขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าปารดามีนัดกับพ่อเลี้ยงของพวกเขาตอนบ่ายสอง"อ่อๆ จ้ะ งั้นไปก่อนนะ เอาไว้ถ้าเสร็จเร็วป่านมาช่วยอีกนะ" เธอตอบด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเดินออกไปด้วยความรีบร้อนใช้เวลาเดินกว่ายี่สิบนาทีเนื่องจากพื้นที่ไร่ค่อนข้างกว้าง กว่าจะมาถึงก็เล่นเอาหอบ"มาหาพ่อเลี้ยงค่ะ" ปารดายืนหอบหน้าโต๊ะทำงานของสาวร่างอวบที่ป้ายหน้าโต๊ะเขียนเอาไว้ว่าบุษกร"มาแล้วเหรอคะ เข้าไปรอข้างในได้เลยนะคะเดี๋ยวพ่อเลี้ยงก็มา" บุษกรยิ้มหวานให้อย่างอ่อนน้อม ปารดายิ้มตอบแล้วเดินเข้าไปด้านในตามที่คนหน้าห้องบอกด้านในห้องทำงานของชนาวินมีโซฟาตัวใหญ่วางอยู่ เธอเลือกที่จะไปนั่งตรงนั้นเพื่อรออีกคน คว้าหยิบเอานิตยสารที่วางอยู่ขึ้นมาอ่านฆ่าเวลาทางด้านชนาวินที่ลืมไปแล้วว่านัดปารดาเอาไว้ก็กำลังตัดกินขนมเค้กสูตรใหม่ที่พาขวัญทำขึ้นมาเพื่อขายในร้านเบเกอรี่ของเธอพาขวัญเป็นสาวสวยวัยยี่สิบห้า น้องสาวของภูวดลเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยมัธยมต้นของชนาวิน ทั้งคู่สนิทกันมากและดูเหมือนชนาวินจะชื่นชอบพาขวัญอยู่ไม่น้อย ยอมรับว่าเป็นผู้หญิงท
ปารดากลับมาช่วยงานเขียวและพุดอีกครั้งอย่างไม่มีทีท่าว่าจะเหน็ดเหนื่อย คนที่มาสังเกตุการณ์อย่างชมพูเฝ้ามองดูด้วยความหมั่นไส้ที่ใครๆก็ให้ความช่วยเหลือปารดา ทั้งที่เป็นคนสร้างความเดือดร้อนแท้ๆ คำพูดคำจาที่หยอกเย้ากับคนงานแบบนั้นมันยิ่งทำให้หงุดหงิดจริงๆ/คิดว่ามีแต่คนเอ็นดูแล้วจะทำอะไรก็ได้หรือยังไง/สายตาของชมพูมองปารดาที่ตั้งใจเก็บส้มอยู่อีกฝากหนึ่ง ซึ่งมีลังส้มวางเทินกันไว้ปกติเช่นทุกวัน ความไม่พอใจบวกกับอาการไม่ชอบหน้าทำให้ชมพูคิดจะหาทางแกล้งปารดาขึ้นมาอีกหญิงสาวเจ้าถิ่นใช้จังหวะที่ปารดาเดินเข้ามาถ่ายส้มจากตะกร้าที่ไหล่ใส่ในลังที่พื้น เธอก้มลงเทส้มอย่างเบามือพอดีกับที่ชมพูทำเป็นเดินเซเข้าไปใส่ลังส้มที่เทินอยู่ไม่ไกล ใช้สองมือผลักอย่างแรง"เฮ้ย!" เสียงร้องของเขียวที่หันมาพอดี และถลาเข้าไปหาแต่ไม่ทันเวลาแล้ว"กรี๊ด!!!!... โครม!!! " เสียงกรีดร้องดังขึ้นตามมาด้วยเสียงโครมดังสนั่นไปทั่วบริเวณคนงานหลายคนวิ่งกรูกันเข้าไปหาปารดาที่ถูกลังส้มทับอยู่ ในขณะที่ชมพูลนลานรีบหนีไปจากตรงนั้น เธอไม่คิดว่าผลที่เกิดจะรุนแรงมากขนาดนี้ จึงต้องหนีไปก่อนที่ใครจะมาเห็นเข้า แต่ก็สวนทางกับชงโคที่วิ่งเข้ามาพอ
เพราะอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดทำให้แผนการกลั่นแกล้งภรรยาของชนาวินเป็นอันต้องยุติลง และเหตุผลที่บอกกับคนงานไปก็คืออยากให้ปารดาได้ลองทำงานในไร่ ถึงมันจะฟังไม่ขึ้นเท่าไหร่ ไม่มีเหตุผลอะไรมารองรับ แต่ก็ไม่มีใครกล้าคัดค้านหรือทัดท้วงอะไรทุกคนออกไปคุยกันข้างนอกมีแต่ชงโคที่นั่งมองคนที่นอนแน่นิ่งไม่ไหวติงบนเตียง มิน่าเล่า ถึงได้ดูเหมือนลูกคุณหนูชอบกล มาหลอกกันเสียได้นะ"อือ...." เสียงครางของคนบนเตียงกับการขยับตัวคล้ายว่ากำลังจะตื่นขึ้นมาทำให้ชงโครีบผวาเข้าไปหาปารดาปรือตาขึ้นมองไปรอบๆอย่างไม่คุ้นชิน ก่อนจะรับรู้ได้ถึงความเจ็บที่แล่นเข้ามา"อย่าเพิ่งขยับ" ชงโคว่าพลางกดออดเรียกพยาบาลเข้ามาดูอาการคนป่วย นั่นจึงทำให้ทุกคนรับรู้ว่าปารดาฟื้นขึ้นมาแล้ว"มองตามนิ้วนะครับ โอเคครับ" หมอเมฆาชี้นิ้วไปมาเพื่อทดสอบ"คุณชื่ออะไรครับ""ป่านค่ะ""ทราบชื่อจริงไหมครับ""ปารดาค่ะ ปารดา พัฒนกรกุล""คุณรู้สึกเจ็บที่ตรงไหนอีกไหมครับนอกจากที่หัว" หมอถามแล้วมองสำรวจร่างกายคนเจ็บ แม้ว่าจะเข้าเครื่องทำCT scan เรียบร้อยแล้วก็ตาม"ปวดแขนค่ะ" ปารดารู้สึกหนักอึ้งที่แขนข้างซ้าย เพราะเธอใช้มันบังลังที่ร่วงลงมา"ครับ แขนคุณฟกช้
ทั้งคู่มาเล่นกับหลานอยู่คู่ใหญ่ และกลับไปทำงาน ปารดาพาลูกๆเข้าบ้าน ปล่อยเด็กๆให้คลานบนเสื่อที่ปูเตรียมไว้ และมีคอกล้อมขนาดกว้างขวาง มีของเล่นที่ไม่เป็นภัยอยู่ในนั้น ทั้งสองแบ่งกันเล่น ตีกันบ้างแต่ก็ไม่หนักหนาอะไร"พี่โรมอย่ากัดน้องลูก" ปารดาหน้าเหวอที่คนพี่เริ่มจับแขนคนน้องมางับ"น้องรันอย่าดึงผมโรมพี่ค่ะ" เสียงร้องห้ามของคนเป็นแม่ดังเป็นระยะ ชนาวินที่เดินเข้ามาพร้อมป่าสนต้องอมยิ้มกับความยุ่งเหยิงของสองเสือ"วิถีลูกผู้ชายไงครับที่รัก ตีกันบ้างไม่เป็นไรหรอก" เขาเข้ามาโอบไหล่เอาไว้"พี่โรมก็งับน้องจังเลยค่ะฟันก็ไม่มี ไม่รู้คิดอะไรนะคะ สงสัยคันเหงือก" ปารดาฟ้อง"น้องก็แสบนะนั่น ดึงผมพี่แบบนั้น" ชนาวินหัวเราะออกมา"แสบทั้งคู่แหละค่ะ" ปารดาขำออกมาบ้าง"คุณหนูครับ เล่นอันนี้ไหมเอาอันนี้ไหม" คนที่ดูจะเห่อไม่น้อยไปกว่าใครก็ป่าสนนี่แหละ ตั้งแต่ที่สนามบินก็เล่นกับคุณหนูของเขาไม่หยุด นี่ก็ถึงกับปีนเข้าไปนั่งเล่นกับสองหนุ่มทำตัวเหมือนพี่เลี้ยงเด็กก็ไม่ปาน"มอบหน้าที่พี่เลี้ยงให้เลยแล้วกันนะป่าสน" เจ้านายพูดแบบนี้ป่าสนมีหรือจะไม่รับ"ได้เลยครับพ่อเลี้ยง คุณหนูครับ พี่เลี้ยงป่าสนมาแล้ว"ปารดากับชนา
ใช้เวลาอยู่ในโรงพยาบาลไม่กี่วันปารดาก็ได้กลับบ้าน เธอกำลังให้นมแฝดคนพี่ในอ้อมแขน ขณะที่คนน้องนอนรออยู่ในเบาะ พอคนพี่อิ่ม เธอก็ส่งให้กับสามีและอุ้มคนน้องมาเข้าเต้า ชนาวินมีหน้าที่ทำให้ลูกเลอออกมา ก่อนจะมองเมียให้นมลูกด้วยความทึ่ง แล้วยังจะตอนที่ปารดาปั๊มนมไว้ให้ลูกจนเต็มตู้ไปหมด"สุดยอดคุณแม่จริงๆ" ชนาวินพูดขึ้น"แค่ให้นมลูกเองค่ะ ขอบคุณนะคะที่ช่วย" เธอยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ชนาวินเดินมาหอมที่หัว เขาไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาอธิบาย เขาอยากขอบคุณผู้หญิงคนนี้ที่ยอมอุ้มท้องเจ้าแฝดมาตั้งเก้าเดือน มีเรื่องงอแงหงุดหงิดกันบ้างแต่ก็ยังอดทน ไม่ได้กินของที่ชอบ ไม่ได้ทำอะไรที่อยากทำ แล้วก็ยังต้องให้นมลูก นอนไม่เป็นเวลาจื่นกลางดึก ปารดานั้นเป็นสุดยอดคุณแม่จริงๆ"มาขอแม่อุ้มบ้าง มาหาย่านะคะพี่โรม" รังรองรับเอาคนพี่ไปอุ้มไว้"กินนมอิ่มแล้วก็หลับเลยเหรอเสือ" ชนะพลแซวหลานชาย"วัยกำลังโตครับพ่อ อย่าแซวสิ อิ่มแล้วก็นอนไง ปกติ" ชนาวินแก้ตัวแทนลูกชาย"จะเป็นลูกหมูก่อนสิ" อดที่จะแซวอีกไม่ได้"เฮียคะเรียบร้อยค่ะ" ปารดามองทุกคนแล้วยิ้มให้ ก่อนจะส่งคนน้องให้กับสามี แล้วจัดการปั๊มนมต่ออีกหลายถุง"ให้กินไปจนโตเลยนะ" รัง
เขาทบทวนมาหลายวันหลังจากทราบเรื่อง มันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ก่อนหน้านั้นชนะพลส่งคนไปเฝ้าดู ด้วยกลัวว่าอีกคนจะเจ็บแค้นจนคิดจะทำร้ายปารดาขึ้นมาหรือเปล่า แต่เท่าที่ได้รับรายงาน พาขวัญเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเธอเสียใจร้องไห้งานการไม่ทำให้ลูกจ้างเป็นคนจัดการทุกอย่างภายในร้าน เมาหัวราน้ำทุกวันชนะพลเข้าใจได้ว่าคนอกหักมักจะเสียศูนย์ แต่ผ่านมาร่วมสี่เดือน พาขวัญกลับยิ่งแย่ลง ลูกค้าเริ่มลดลง แล้วก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้ ไฟไหม้ร้านขนมของเธอและเธอก็บาดเจ็บสาหัส“ผมพยายามแล้วพ่อ ผมพยายามทำให้เขาตัดใจแต่เขาดื้อมาก เขายึดมั่นว่ารักผมและไม่ยอมง่ายๆ ถึงแม้ว่าผมจะพูดไปตรงๆเขาก็ยังไม่ยอมแพ้” ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ในสวน สีหน้าเคร่งเครียดและรู้สึกผิด เขารู้ทุกอย่างเพราะพาขวัญทำตัวเอง แต่เขาก็เป็นต้นเหตุเช่นกัน“พ่อจะบอกแกให้นะ เราไปกำหนดชีวิตใครไม่ได้ แกอาจจะเป็นสาเหตุ แต่นั่นมันจบแล้ว และเรื่องหลังจากนั้นต่างหาก ที่พาขวัญไม่ยอมรับความจริง ทำตัวเองให้กลายเป็นขี้เมาแล้วทำให้ตัวเองบาดเจ็บ”“ขวัญรักษาตัวที่ไหนครับ”“รพ.จังหวัด”“ผมอยากไปดูเธอ”“วิน ที่พ่อบอกแก เพราะพ่อไม่อยากปิดบัง แต่พ่อว่าตอนนี้ไ
หลังจากรู้ว่าได้ลูกแฝด คุณพ่อขี้เห่อก็เอาใจใส่ดูแลภรรยาและลูกเป็นอย่างดี ดีจนปารดาจะเสียนิสัยและต้องคอยห้ามเอาไว้ตลอดเวลา ชนาวินทำทุกอย่างเพื่อช่วยให้ปารดาสบายที่สุดท้องลูกแฝดไม่เหมือนท้องปกติ ขนาดท้องที่ใหญ่โตกว่าทำให้คนตัวเล็กๆอย่างปารดามีความเสี่ยงมาก“ไหนหลานปู่ ดิ้นไหมวันนี้” ชนะพลเดินทางมาจากเชียงใหม่เดือนละครั้งเพื่อเยี่ยมลูกๆและหลานชาย ยิ่งตอนนี้เขาต้องอยู่ที่ไร่คนเดียวเพราะรังรองมาคอยดูแลคุณแม่ท้องแก่ใกล้คลอดที่กรุงเทพฯ มันทำให้เขาเหงาที่ต้องห่างจากลูกเมีย“ดิ้นเก่งมากค่ะ ไม่รู้คนพี่หรือคนน้อง” ปารดาท้องใหญ่เธอเอนตัวใช้มือหนึ่งลูบท้องอีกมือดันหลังไว้“พ่อเอาส้มมาฝากด้วยนะ” ชนะพลค่อยๆวางมือลงที่ท้องนูน เหมือนแฝดจะรับรู้ว่าปู่มา ยันเท้าทักทายเป็นการใหญ่“เจ้าแสบของปู่ ทักทายกันหน่อยทักทายกันหน่อย” รอยนูนเป็นรูปฝ่าเท้าเล็กๆยันขึ้นมา คนเป็นปู่ย่ายิ้มหน้าบาน“รู้จักเอาใจคนแก่แต่ในท้องเลยนะ” สุรเดชว่า เขามักจะมาเล่นกับเหลนเป็นประจำนั่นคือความสุขของเขาในวัยเกษียรแบบนี้“เจ็บท้องบ้างหรือยัง นี่จะครบกำหนดแล้วใช่ไหม” ชนะพลลูบเบาๆที่ท้องของปารดา“เริ่มมีบ้างแล้วค่ะ เหมือนเจ็บเตือน”“คล
หลังจากวันนั้นชนาวินก็เริ่มทำกายภาพบำบัด เขาพักรักษาตัวในโรงพยาบาลราวสองสัปดาห์ก่อนได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ แต่ต้องมาทำกายภาพจนกว่าจะครบชั่วโมงที่หมอกำหนด"อีกนิดนะคะ" นักกายภาพกำลังช่วยหัดเดินให้กับชนาวิน คงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่าเขาจะเริ่มเดินได้คล่องแคล่วเช่นเดิมปารดายืนมองชนาวินทำกายภาพด้วยหัวใจที่ลุ้นระทึกทุกครั้ง เหมือนเธอยืนตรงนั้นแทนที่เขาและพยายามจะก้าวเดินออกไป เธอไม่เคยเหนื่อยที่จะช่วยเขาเลย บีบนวดขาให้เขาในทุกๆวันเพื่อให้กลับมาเดินได้อย่างรวดเร็วชนาวินเริ่มกลับมาเดินได้แต่ต้องใช้ไม้ค้ำเพื่อทรงตัว แต่ก็ถือว่าดีขึ้นมากจากก่อนหน้า เขาขยันทำกายภาพและฝึกเดินตลอดจนวามารถกลับมาเป็นปกติได้ในเร็ววัน แต่ยังไม่วามารถวิ่งหรือทำกิจกรรมหนักๆได้มากเท่าไหร่นัก แต่ก็ถือว่าเป็นไปตามแผนที่วางไว้ตลอดสองเดือนที่ผ่านมาชนาวินต้องข้ามผ่านความเจ็บปวดและจิตใจของตัวเองโดยมีลูกกับเมียเป็นเป้าหมาย เขาคิดว่าคงไม่ดีแน่หากไม่สามารถพาลูกวิ่งเล่นในสนามได้"ร่างกายคุณฟื้นตัวเร็วมากครับ ผมยินดีกับคุณด้วยนะครับคุณหายเป็นปกติแล้ว" หมอยิ้มให้อย่างยินดี"คือผมหายดีแล้วเหรอครับ""ใช่ครับ จากที่ทดสอบวันนี้ผ
"เฮียจะสงสารเขาหนูเข้าใจ แต่ทำแบบนี้เขาก็ยิ่งแทรกกลางระหว่างเรา มันก็ไม่จบสักที" ปารดายังบ่นเรื่องของพาขวัญ และชนาวินก็หมดโอดาสแก้ตัวเพราะเรื่องมันเกิดจากเขาทั้งนั้น"เฮียบอกแล้วไงคะ ขวัญเขาไม่ใช่คนไม่ดีอะไรที่เขาทำแบบนั้นเพราะเขารักพี่มากก็แค่นั้น""นี่แก้ตัวแทนเหรอ ใช่สิคะ เฮียกับคุณขวัญรู้จักกันมาก่อน รักกันมาก่อน หนูมันคนอื่น" กอดอกแน่นทำปากคว่ำ บอกให้รู้ว่าไม่พอใจ"ที่รักครับ มันไม่ใช่แบบนั้น" คนบนเตียงกอดเธอเอาไว้หลวมๆ คนน้องนั่งหันหน้าออกไปที่ประตู ชนาวินไม่รู้จะต้องพูดยังไงเพื่อให้อีกคนหายโกรธ"มันเป็นแบบนั้นแหละค่ะ เฮียเข้าข้างเขาเพราะรู้จักกันมานานทั้งที่เฮียก็เห็นว่าเขาไม่ใช่คนที่เฮียเคยรู้จัก ผู้หญิงคนนั้นดูถูกหนู ข่มขู่หนู ทำให้หนูเสียใจ แต่เฮียก็ยังเข้าข้าง ปล่อยค่ะหนูจะกลับ" ดิ้นหนีจะลงจากเตียง แต่ชนาวินไม่ยอม"ไม่เอาสิคะถ้าหนูกลับไปทั้งที่เรายังทะเลาะกันแบบนี้มันไม่ดีเลยนะ" เขาพยายามพูดเสียงอ่อน เพื่อให้อีกคนเย็นลง"ถ้าเฮียยังเข้าข้างคุณขวัญ มันก็ไม่มีวันจบหรอกค่ะ" เธอพูดเสียงแข็ง ปัญหาที่ตอนนี้ยังทะเลาะกันมันเพราะชนาวินยังพูดจาปกป้องพาขวัญทั้งที่ก็เห็นว่าอีกคนทำอะไรเอ
เช้าอีกวัน พาขวัญที่คิดจะไปตั้งแต่แรกต้องวิ่งวุ่นตามพยาบาลสามสี่รอบเพื่อจัดการกับชนาวิน ชายหนุ่มมีอาการท้องเสียงจากยาที่ได้รับและนั่นทำให้พาขวัญรับไม่ได้ แต่เธอก็ยังพอจะช่วยเช็ดตัวให้ได้"พี่วินนิ่งๆสิคะ" พาขวัญเผลอดุเมื่อชนาวินปัดป้องไปมา พยาบาลบอกว่ามันเป็นการตอบโต้จากภาวะสมองเมื่อมีคนแตะตัวเขาแล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อมือของชนาวินปัดเอาอ่างน้ำหกเลอะเทอะและรดที่ตัวของพาขวัญด้วย"พี่วิน! ขวัญบอกให้อยู่เฉยๆไงคะ น้ำหกหมดแล้วเนี่ย" หญิงสาวตวาดลั่นอย่างลืมตัว ชนาวินชะงักไปกับท่าทีเกรี้ยวกราดนั้น พาขวัญหงุดหงิดก้มมองตัวเอง คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากัน"พี่ขอโทษ ขวัญพอเถอะนะ" เขาพูดออกมาเบาๆ "ขวัญไม่เหมาะที่จะดูแลคนป่วยหรอก พี่ขอโทษ ขวัญพอนะ""ช่างเถอะค่ะ ขวัญไปเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ"เธอไม่ฟังที่เขาพูดตอบกลับมาเสียงห้วน แล้วเดินไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำ ชนาวินกดเรียกพยาบาลเข้ามา เขายินดีจ่ายให้กับแม่บ้านเพื่อทำความสะอาดพื้นที่เปียกพาขวัญออกมาก็เห็นพยาบาลกำลังจัดการเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้ ชนาวินนั่งอยู่บนรถเข็นเรียบร้อยแล้ว"พี่วินเรียกพวกเขาเหรอคะ" พาขวัญมองทุกคนที่กำลังทำหน้าที่ของตัวเอง"
/ถ้าเขาเดินไม่ได้ ฉันจะหย่าให้/คำพูดของปารดาแล่นเข้ามาในหัวของพาขวัญไม่หยุด ตอนนี้เธอเดินเป็นหนูติดจั่นอยู่ที่หน้าห้อง เพราะต้องการใช้ความคิด เฝ้าถามตัวเองตลอดเวลา เธอกำลังทำอะไรอยู่ เธอรักเขา เพราะงั้นเธอต้องรับให้ได้ นั่นคือที่เธอต้องทำ แต่ทำไมถึงได้รู้สึกสับสนจนเหมือนกำลังวิ่งวนในอ่างแบบนี้กันพาขวัญพาตัวเอง ออกมานั่งเงียบๆที่ร้านกาแฟด้านล่าง เธอหยิบโทรศัพท์กดหาเพื่อนเพื่อปรึกษา และแน่นอนเพื่อนบอกให้ถอยออกมาเพราะเพื่อนรู้ว่าเธอคงรับไม่ได้หากชนาวินเดินไม่ได้จริงๆใช้เวลาอยู่นาน พาขวัญตัดสินใจที่จะยืนหยัดต่อความรักที่เธอมีต่อชนาวิน และกลับไปหาเขาที่กำลังสิ้นหวังกับการเดินไม่ได้"ป่านอย่าทิ้งเฮียไปเลยนะ" เสียงชนาวินดังอยู่ก่อนแล้ว ภาพที่เห็นคือเขารั้งแขนของปารดาเอาไว้แต่เธอไม่สนใจและเดินหนีมาดื้อๆ"ออ มาพอดี ฝากเขาด้วยนะคะ เพราะฉันมีงานสำคัญต้องทำ" พูดแล้วก็เดินออกไปเลย ในขณะที่ชนาวินสีหน้าเศร้า รังรองกับชนะพลก็เครียดไม่ต่างกัน"พี่วิน ไม่เป็นไรนะคะ ขวัญจะดูแลพี่วินเอง" เธอเดินเข้ามาจับมือเขาไว้ ใช่สิตอนนี้เธอต้องอยู่กับเขา"ขอบคุณนะขวัญ ขอบคุณจริงๆ" เขาเอ่ยปากขอบคุณเบาๆ"ถ้าอย่างนั้
"ไม่มีอะไรหรอก ฮอร์โมนคนท้องน่ะลูก เดี๋ยวน้องก็มา" รังรองหัวเราะเบาๆ เข้าใจอาการของปารดาเป็นอย่างดี"ต่อไปแกจะได้รู้จักกับคำว่ามนุษย์เมีย" ชนะพลยักคิ้วให้"คืออะไรครับพ่อ" เขาเลิกคิ้วไม่เข้าใจ"อีกเดี๋ยวแกจะรู้ว่า ทาสเมียมันเป็นยังไง ฮึฮึ" คำพูดสองแง่สองง่ามของพ่อไม่ได้ทำให้ชนาวินเข้าใจมากขึ้น"พ่อเขากำลังจะบอกว่า น้องกำลังท้อง ไม่ว่าน้องต้องการอะไรให้เราครับอย่างเดียวแล้วทำตามที่น้องบอกยังไงล่ะ" รังรองเผยความกระจ่าง"คำว่าเมียเนี่ยศักดิ์สิทธิ์กว่าพระพุทธรูปอีกนะ พ่อบอกเลย แกฟังแม่ไว้เดี๋ยวดีเอง" เขาตบลงที่ไหล่หนาของลูกชาย ทำเอาชนาวินกลืนน้ำลายลงคออย่างบากลำบาก ไม่หรอกมั้ง ปารดาออกจะน่ารัก ไม่น่าจะเป็นแบบนั้นไปได้หรอกชนาวินก็พอจะเข้าใจความหมายของพ่อและแม่ที่บอกว่าคนท้องให้ตามใจ เพราะตอนนี้ปารดาหน้ามุ่ยที่ถูกขัดใจ แถมไม่ยอมคุยกับเขาอีกต่างหาก"ที่รักครับ เฮียไม่ได้ว่าอะไรเลย""เฮียพูดว่าหนูอ้วน" เธอกอดอกหน้าง้ำ ตรงหน้ามีแต่ขนมเค้กเต็มไปหมดที่สำคัญ มาการองสุดที่รักเพิ่งจะถูกเปิดกล่องขึ้นมาเดี๋ยวนั้นและกินไปแค่อันเดียว ชนาวินแค่ทักว่าอย่ากินเยอะเดี๋ยวอ้วน เท่านั้นแหละเป็นเรื่องเลย"เฮีย