ภายในห้องนอนขนาดกว้างขวางของชนาวินที่อาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดนอนเรียบร้อยแล้ว เขายืนที่มุมหนึ่งของห้องที่สามารถมองไปเห็นแสงไฟรำไรจากบ้านพักคนงานได้ เจ้าของร่างสูงสมส่วนกว่าร้อยเก้าสิบเซนติเมตร อิงไหล่ที่ขอบประตูระเบียง หลุบตามองข้อมือตัวเองที่บัดนี้ถูกล้างเอาลอยปื้นเลือดออกไปจนหมดแล้ว เขามองมันอย่างครุ่นคิด
"เล่นแรงไปเปล่าวะ" ด้วยรู้ว่านั่นคือเลือดที่มาจากมือของอีกคน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่อยากยอมรับว่าเป็นเพราะตนเอง ก็เขาไม่ได้ทำอะไรเสียหน่อย ยัยนั่นทำตัวเองต่างหาก "ช่วยไม่ได้ ก็อยากยอมเอง" จะว่าไป ปารดาไม่จำเป็นต้องยอมให้เขาทำแบบนั้นก็ได้ ตัวเธอเองก็มีสิทธิ์ความเป็นภรรยาที่ถูกต้องไม่เห็นจะต้องทำตามที่เขาบอก คงไม่ได้ซื่อบื้อเชื่อฟังแต่คำสั่งของพ่อจนคิดอะไรเองไม่เป็นหรอกนะ ถ้าเป็นแบบนั้น นี่เขาแต่งงานกับคนแบบไหนกันเนี่ย ชนาวินหลุดออกจากภวังค์ความคิดเมื่อเสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่หัวเตียงดังขึ้น พอเห็นว่าเป็นบิดาก็กลอกตาไปมาก่อนกดรับ "ครับพ่อ" [เป็นยังไงบ้าง พ่อไม่อยู่ ทุกอย่างเรียบร้อยดีนะ] "เรียบร้อยครับ" [อื้ม ก็ดี แล้วหนูป่านเป็นยังไงบ้าง] "ก็ดีมั้งครับ" [อะไรคือก็ดีมั้งครับ นี่น้องนอนหรือยัง] "ผมจะไปรู้ได้ยังไงครับ ก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน" ชนาวินเนิ่มหงุดหงิดจนเผลอบอกความจริงออกไป [ก็พ่อบอกให้น้องนอนห้องข้างแกไง แล้วน้องไปนอนที่ไหน] "เอ่อ...." อ้ำอึ้งเพราะคิดคำตอบไม่ทัน [ว่าไง ลูกสะใภ้ฉันอยู่ไหน หรือแกทำอะไรเขา ตอบ!] เสียงที่เข้มขึ้นนั่นทำให้ชนาวินประหม่า ไม่คิดว่าพ่อแจะเดาทางถูกขนาดนี้ คิดคำโกหกไม่ออกเลยทีเดียว "คือเขานอนห้องเขาแหละครับ ก็ผมทำงานผมไม่ได้เจอ จะไปรู้ได้ยังไงเขาเป็นยังไงบ้าง" ชนาวินเกี่ยวนิ้วเข้าด้วยกัน [แล้วแบบนี้เมื่อไหร่พ่อจะได้หลาน] ชนะพลน่ะอุตส่าห์จัดห้องข้างห้องนอนของลูกชายเพราะว่าห้องนั้นมีประตูที่เชื่อมกันได้ เพราะชนาวินค้านหัวชนฝาไม่ยอมให้ปารดาไปนอนร่วมห้องเลยต้องให้นอนห้องข้างๆแทน "เดี๋ยวก็มีเองน่าพ่อ มีอะไรอีกไหมครับผมจะนอนแล้ว" ชนาวินหาทางเลี่ยงไม่อยากตอบคำถามที่เกี่ยวกับอีกคน [วิน แกโตแล้วนะ อายุอานามก็ไม่ใช่น้อยๆแล้ว แกควรมีครอบครัวที่มั่นคง และคนที่พ่อเลือกให้ พ่อคิดว่าพ่อมองคนไม่ผิด] "ดีขนาดนั้นทำไมไม่แต่งเองล่ะพ่อ ผมไม่คุยเรื่องนี้แล้ว ผมจะนอน" ทำตัวอันธพาลหัวฟัดหัวเหวี่ยงใส่เอาดื้อๆ พ่อย้ำคำพวกนี้มาเป็นรอบที่ล้านแล้ว คนที่พ่อเลือกน่ะดีที่สุด ไหนล่ะ ปารมีที่พ่อเลือกน่ะหนีหายไปไหนแล้วไม่รู้ มีแต่ยัยเด็กปากกล้าปารดาเท่านั้นแหละ แล้วจะมาบอกว่าเลือกแล้วได้ยังไง ในเมื่อคนที่แต่งด้วยก็แค่ตัวสำรอง [วิน เดี๋ยว ไอ้วิน...] ชนาวินกดตัดสายแล้วโยนโทรศัพท์ไปอีกทาง เขาขบฟันแน่นด้วยความหงุดหงิด คิดว่ามองคนไม่ผิดงั้นเหรอ เดี๋ยวก็รู้ว่าถูกหรือผิดน่ะ หลายวันผ่านไป หลังจากต้องทนทำงานหนักจนมือพังยับเยิน เช้ามาปารดาก็ไข้ขึ้นเพราะพิษบาดแผลที่มือ ร้อนต้องให้ป่าสนไปรับหมอมาดูอาการที่ห้องพักโดยมีกระถินคอยดูแล กว่าจะหายก็ผ่านไปหลายวัน ส่วนคนที่กลั่นแกล้งจนอีกคนนอนซมน่ะ ก็ไม่คิดจะมาเหลียวแลเลยสักนิด จนกระทั่งปารดาหายดี และสามารถกลับมาทำงานได้ปกติ ปานนท์ก็เป็นคนพาอีกคนไปพบกับชนาวินที่ออฟฟิศที่อยู่บริเวณทางเข้าไร่ ก๊อกๆ "เข้ามา" ชนาวินยังคงก้มหน้าก้มตาขณะที่ปานนท์พาปารดาเข้ามาด้านใน เมื่อชนาวินเงยหน้าขึ้นมาปานนท์ก็ออกไปอย่างรู้งาน "ได้ข่าวว่าป่วยเหรอ" เจ้าของไร่เอนตัวพิงพนักเก้าอี้วางมือบนหน้าท้องแกร่งของตัวเอง /ก็เพราะใครล่ะ/ ปารดาบ่นเบาๆ เสมองไปทางอื่นไม่ตอบคำถามและไม่อยากมองหน้าคนที่นั่งอยู่ "ฉันถามก็ตอบไม่ใช่มาทำปากขมุบขมิบใส่ นินทาฉันเหรอ" เขาตวาดใส่เมื่อเห็นอีกคนทำท่าเหมือนไม่ได้ยินในสิ่งที่เขาถาม "ค่ะ" คนตัวเล็กยืนนิ่งๆมือไพล่หลังเอาไว้ เบนสายตากลับมาจ้องตอบก็เลยได้เห็นว่าอีกคนกำลังตีหน้ายักษ์ใส่อยู่ ไม่เมื่อยบ้างหรือไงไม่รู้ เอาแต่เก็กหน้าอยู่ได้ "แค่ถางหญ้าส้มสิบต้นนี่ถึงกับจะตายเลยเหรอ กลับบ้านไหม ที่นี่ไม่ได้สุขสบายหรอกนะ ถ้าจะอยู่ที่นี่ ก็ต้องทำงาน" "ทราบแล้วค่ะ ฉันพูดเหรอคะว่าจะไม่ทำ" ปารดาขึงตาใส่อีกคน เอะอะก็ไล่ ข่มขู่ตลอด ให้ถึงเวลานั้นก่อนเถอะ จะไม่อยู่ให้ไล่แน่นอน "ก็ดี ถ้าหายดีแล้วงั้นวันนี้ก็ไปเก็บส้ม" ชายหนุ่มยกมุมปากขึ้น คล้ายจะบอกให้อีกคนรับรู้ถึงแผนการกลั่นแกล้งเธอได้เริ่มขึ้นอีกแล้ว "ค่ะ แค่นี้ใช่ไหมคะ" ปารดาทำท่าจะหมุนตัวกลับออกไปจากห้อง "ห้าสิบลัง" และนั่นทำให้ปารดาหันกลับมาจ้องหน้าชนาวินอีกครั้ง "อะไรนะคะ" ถามย้ำไปอีกครั้งเผื่อว่าจะหูอื้อจนฟังผิด "ห้าสิบลัง ตามนี้" ชนาวินโน้มตัวเข้าไปหาโต๊ะทำงานกดอินเตอร์โฟนต่อสายออกไปด้านนอกเรียกปานนท์เข้ามา ส่วนปารดาได้แต่ยืนกำหมัดแน่น "ครับพ่อเลี้ยง" "เก็บส้มห้าสิบลังนะ ฝากดูด้วย" ชนาวินออกคำสั่ง ก่อนก้มหน้าลงอ่านเอกสารตรงหน้า "แต่พ่อเลี้ยงครับ" "มีปัญหาอะไรเหรอครับน้านน ให้คนที่เก็บแปลงสิบ สิบเอ็ดแล้วก็สิบสองไปทำงานที่โรงแยก แล้วให้เด็กนี่ไปทำแทน สามแปลงน่าจะได้ห้าสิบกว่าลัง ดูให้ครบนะ ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องเลิกงาน" รอยยิ้มมุมปากกับแววตาเจ้าเล่ห์ของอีกคนทำให้ปารดาอบากจะถลาเข้าไปบีบคอเสียจริง แต่ก็ได้แค่ข่มใจกำมือเล็กเอาไว้แน่น "ไม่มีครับ ไปกันได้แล้วป่าน" ปานนท์หมดคำพูดโต้แย้งใดใด ในเมื่อเป็นคำสั่งเขาที่เป็นแค่คนงานก็ต้องทำตาม แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ที่ชนาวินสรรหาจะให้ปารดาทำงานหนักๆ ไม่รู้ว่าสองคนมีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า แต่ท่าทางเจ้านายเขาจะไม่ชอบเด็กสาวเอามากๆเลยทีเดียวปารดาเดินตามปานนท์ออกมาอย่างใช้ความคิด จะแกล้งให้เธอเหนื่อยจนทนไม่ไหวแล้วก็หนีกลับกรุงเทพฯสินะ ฮึ! อย่าหวังเลย/เก็บส้มงั้นเหรอ ได้สิ ห้าสิบลังสบายมาก/เมื่อหัวหน้าคนงานอย่างปานนท์มาถึงทุกคนก็ดูกระตือรือร้นในการทำงานมากขึ้นรวมถึงชงโคที่กระตือรือร้นรีบวิ่งอแอกมาปั้นหน้ายิ้มแฉ่งฉอเลาะใส่อย่างที่ชอบทำเป็นประจำ"น้านน พาคนงานใหม่มาเก็บส้มเหรอจ้ะ" ชงโคยิ้มหวานให้ปานนท์ ก่อนจะยิ้มเยือนมาที่ปารดาด้วย หญิงสาวเลยยิ้มตอบแล้วมองทั้งคู่สนทนากันปารดาที่มองหน้าสองคนสลับกันไปมาก็พอจะเดาได้ว่าชงโคน่ะน่าจะชอบปานนท์อย่างแน่นอน"เจอก็ดีแล้ว เดี๋ยวพาเพื่อนไปแปลงสิบ สิบเอ็ดสิบสองไปทำงานที่โรงแยกแทนนะ ตรงนี้เดี๋ยวให้ป่านจัดการ" ปานนท์หน้านิ่งไม้ไหวติงต่อสิ่งเร้าตรงหน้า แม้นว่าชงโคจะฉีกยิ้มกว้างแค่ไหนก็ตามที"อ้าว ทำไมล่ะ ชงโคเพิ่งเก็บได้สามลังเอง" เธอก้มมองนาฬิกาเรือนเล็กที่ข้อมือบอกเวลาเก้าโมงกว่าเองแท้ๆ แล้วปกติถ้าคนไม่ขาดก็จะไม่ได้เข้าไปในโรงคัดแยกเพราะมีพนักงานประจำที่ทำบริเวณนั้นอยู่แล้ว"ไปเถอะนะ พ่อเลี้ยงสั่ง อ่อ ฝากตามเขียวให้ด้วยสิ" ปานนท์ตอบกลับด้วยใบหน้านิ่วขรึมเช่นเดิม ทำให้ชงโคหน้าง้ำลงเล็กน
"เกิดอะไรขึ้น"ชนาวินเท้าเอวมองจ้องตัวเจ้าปัญหา ปารดาตีหน้าซื่อเสมองซ้ายทีขวาทีเหมือนไม่รู้ว่าที่ทำไปมันทำให้เกิดความเสียหายขนาดไหนปานนท์ขยับเข้าไปอธิบายสถาณการณ์ ชนาวินมองจ้องปารดาตาแข็ง เดินเข้าไปหยิบผลส้มที่อีกคนเก็บมาแบบมั่วๆ จนเต็มลัง"นี่เธอทำอะไร" เจ้าของร่างสูงย่างกายเข้าไปหา สีหน้าโกรธขึ้งที่เห็นผลงานของปารดา"เก็บส้มไงคะ" ปารดาตอบหน้าตาเฉย ท่าทีที่บอกว่าไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่ามันสามารถกินได้หรือเปล่านั่นยิ่งทำให้ชนาวินกัดกรามแน่น ปารดาก็แค่เก็บๆให้มันเสร็จเท่านั้น"เก็บบ้าอะไร ที่เธอเก็บมามันยังไม่สุกเลย แล้วมันจะขายได้ยังไง" ชนาวินใช้น้ำเสียงแทบตะโกนพูดใส่หน้าปารดา แต่อีกคนก็ไม่ได้ไหวติง ยังคงยืนนิ่งๆดูอีกคนแปลงร่างเป็นยักษ์ต่อหน้า"ก็พ่อเลี้ยงบอกให้เก็บให้ได้ห้าสิบลัง แต่ไม่ได้บอกนี่คะว่าต้องเก็บ...แบบไหน ฉันก็คิดว่า เก็บยังไงก็ได้ ให้ได้ห้าสิบลังก็พอ" ปารดาพูดเนิบนาบเสียงดังอย่างใจเย็นเน้นบางช่วงที่ชนาวินออกคำสั่งไม่ชัดเจน แล้วยักคิ้วหลิ่วตาจนน่าหมั่นไส้"ปารดา!" มือหนาคว้าเข้าที่ข้อแขนบีบรัดแน่นด้วยความโมโห ดึงจนอีกคนเข้ามาชิดอกแกร่งจ้องมองด้วยหน้าตาถมึงทึง โกรธจนพูดไม่ออก
หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรหาพี่สาวที่ไม่รู้ว่าตอนนี้หนีหายไปไหนมาหลายสัปดาห์แล้ว แต่ผลก็เหมือนเดิมคือปิดเครื่อง ไม่สามารถติดต่อได้ มันน่าแปลกใจที่คนอย่างปารมีที่ไม่เคยยอมอะไรง่ายๆดันหนีไปเฉยๆทั้งที่ปารดาคิดว่าพี่เธอคงยืนกรานจะไม่แต่งงานแน่ ๆ และที่สำคัญคือแม้แต่แฟนที่รักกันมากอย่างธนนท์ ก็ไม่รู้ข่าวของปารมีเลย"ค่ะพี่บีม ได้ข่าวพี่ปาล์มบ้างไหมคะ" ปารดาตัดสินใจโทรหาภาวินี เพื่อนสนิทของพี่สาวแต่ก็ได้รับคำตอบเช่นเดิม เธอเลยลองกดโทรหาธนนท์ดูอีกครั้ง[น้องป่าน ได้ข่าวปาล์มแล้วเหรอครับ] ปลายสายที่บ่งบอกถึงความตื่นเต้นนั่นทำให้ปารดาพูดไม่ออก เดาได้เลยว่าอีกคนก็ยังหาพี่สาวเธอไม่เจอแน่นอน"เปล่าค่ะ พี่หนึ่งก็ยังไม่เจอพี่ปาล์มเลยใช่ไหมคะ"[พี่ตามหาทุกที่แล้วป่าน ไม่รู้จะหาที่ไหนแล้ว ปาล์มทิ้งพี่ไปจริงๆเหรอ] น้ำเสียงที่บอกถึงความเสียใจนั่นยิ่งตอกย้ำว่าธนนท์ไม่โกหก"ใจเย็นๆนะคะ ป่านว่ามันต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่าง พี่หนึ่งเราต้องสู้นะคะ ป่านจะให้เพื่อนที่เป็นตำรวจช่วยหาอีกทีค่ะ"[ครับ พี่จะตามหาต่อไป น้องป่านสบายดีนะ]"ค่ะสบายดี งั้นแค่นี้ก่อนนะคะ เอาไว้ได้เรื่องอะไรป่านจะโทรมาใหม่"ปารดากดวางสา
ปารดาช่วยเขียวกับพุดเก็บส้มจนผ่านเวลาไปกว่าสองชั่วโมง"น้องป่านไปได้แล้ว เดี๋ยวพ่อเลี้ยงดุเอา" เขียวว่าขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าปารดามีนัดกับพ่อเลี้ยงของพวกเขาตอนบ่ายสอง"อ่อๆ จ้ะ งั้นไปก่อนนะ เอาไว้ถ้าเสร็จเร็วป่านมาช่วยอีกนะ" เธอตอบด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเดินออกไปด้วยความรีบร้อนใช้เวลาเดินกว่ายี่สิบนาทีเนื่องจากพื้นที่ไร่ค่อนข้างกว้าง กว่าจะมาถึงก็เล่นเอาหอบ"มาหาพ่อเลี้ยงค่ะ" ปารดายืนหอบหน้าโต๊ะทำงานของสาวร่างอวบที่ป้ายหน้าโต๊ะเขียนเอาไว้ว่าบุษกร"มาแล้วเหรอคะ เข้าไปรอข้างในได้เลยนะคะเดี๋ยวพ่อเลี้ยงก็มา" บุษกรยิ้มหวานให้อย่างอ่อนน้อม ปารดายิ้มตอบแล้วเดินเข้าไปด้านในตามที่คนหน้าห้องบอกด้านในห้องทำงานของชนาวินมีโซฟาตัวใหญ่วางอยู่ เธอเลือกที่จะไปนั่งตรงนั้นเพื่อรออีกคน คว้าหยิบเอานิตยสารที่วางอยู่ขึ้นมาอ่านฆ่าเวลาทางด้านชนาวินที่ลืมไปแล้วว่านัดปารดาเอาไว้ก็กำลังตัดกินขนมเค้กสูตรใหม่ที่พาขวัญทำขึ้นมาเพื่อขายในร้านเบเกอรี่ของเธอพาขวัญเป็นสาวสวยวัยยี่สิบห้า น้องสาวของภูวดลเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยมัธยมต้นของชนาวิน ทั้งคู่สนิทกันมากและดูเหมือนชนาวินจะชื่นชอบพาขวัญอยู่ไม่น้อย ยอมรับว่าเป็นผู้หญิงท
ปารดากลับมาช่วยงานเขียวและพุดอีกครั้งอย่างไม่มีทีท่าว่าจะเหน็ดเหนื่อย คนที่มาสังเกตุการณ์อย่างชมพูเฝ้ามองดูด้วยความหมั่นไส้ที่ใครๆก็ให้ความช่วยเหลือปารดา ทั้งที่เป็นคนสร้างความเดือดร้อนแท้ๆ คำพูดคำจาที่หยอกเย้ากับคนงานแบบนั้นมันยิ่งทำให้หงุดหงิดจริงๆ/คิดว่ามีแต่คนเอ็นดูแล้วจะทำอะไรก็ได้หรือยังไง/สายตาของชมพูมองปารดาที่ตั้งใจเก็บส้มอยู่อีกฝากหนึ่ง ซึ่งมีลังส้มวางเทินกันไว้ปกติเช่นทุกวัน ความไม่พอใจบวกกับอาการไม่ชอบหน้าทำให้ชมพูคิดจะหาทางแกล้งปารดาขึ้นมาอีกหญิงสาวเจ้าถิ่นใช้จังหวะที่ปารดาเดินเข้ามาถ่ายส้มจากตะกร้าที่ไหล่ใส่ในลังที่พื้น เธอก้มลงเทส้มอย่างเบามือพอดีกับที่ชมพูทำเป็นเดินเซเข้าไปใส่ลังส้มที่เทินอยู่ไม่ไกล ใช้สองมือผลักอย่างแรง"เฮ้ย!" เสียงร้องของเขียวที่หันมาพอดี และถลาเข้าไปหาแต่ไม่ทันเวลาแล้ว"กรี๊ด!!!!... โครม!!! " เสียงกรีดร้องดังขึ้นตามมาด้วยเสียงโครมดังสนั่นไปทั่วบริเวณคนงานหลายคนวิ่งกรูกันเข้าไปหาปารดาที่ถูกลังส้มทับอยู่ ในขณะที่ชมพูลนลานรีบหนีไปจากตรงนั้น เธอไม่คิดว่าผลที่เกิดจะรุนแรงมากขนาดนี้ จึงต้องหนีไปก่อนที่ใครจะมาเห็นเข้า แต่ก็สวนทางกับชงโคที่วิ่งเข้ามาพอ
เพราะอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดทำให้แผนการกลั่นแกล้งภรรยาของชนาวินเป็นอันต้องยุติลง และเหตุผลที่บอกกับคนงานไปก็คืออยากให้ปารดาได้ลองทำงานในไร่ ถึงมันจะฟังไม่ขึ้นเท่าไหร่ ไม่มีเหตุผลอะไรมารองรับ แต่ก็ไม่มีใครกล้าคัดค้านหรือทัดท้วงอะไรทุกคนออกไปคุยกันข้างนอกมีแต่ชงโคที่นั่งมองคนที่นอนแน่นิ่งไม่ไหวติงบนเตียง มิน่าเล่า ถึงได้ดูเหมือนลูกคุณหนูชอบกล มาหลอกกันเสียได้นะ"อือ...." เสียงครางของคนบนเตียงกับการขยับตัวคล้ายว่ากำลังจะตื่นขึ้นมาทำให้ชงโครีบผวาเข้าไปหาปารดาปรือตาขึ้นมองไปรอบๆอย่างไม่คุ้นชิน ก่อนจะรับรู้ได้ถึงความเจ็บที่แล่นเข้ามา"อย่าเพิ่งขยับ" ชงโคว่าพลางกดออดเรียกพยาบาลเข้ามาดูอาการคนป่วย นั่นจึงทำให้ทุกคนรับรู้ว่าปารดาฟื้นขึ้นมาแล้ว"มองตามนิ้วนะครับ โอเคครับ" หมอเมฆาชี้นิ้วไปมาเพื่อทดสอบ"คุณชื่ออะไรครับ""ป่านค่ะ""ทราบชื่อจริงไหมครับ""ปารดาค่ะ ปารดา พัฒนกรกุล""คุณรู้สึกเจ็บที่ตรงไหนอีกไหมครับนอกจากที่หัว" หมอถามแล้วมองสำรวจร่างกายคนเจ็บ แม้ว่าจะเข้าเครื่องทำCT scan เรียบร้อยแล้วก็ตาม"ปวดแขนค่ะ" ปารดารู้สึกหนักอึ้งที่แขนข้างซ้าย เพราะเธอใช้มันบังลังที่ร่วงลงมา"ครับ แขนคุณฟกช้
ความเจ็บที่แขนซึ่งถูกจับเอาไว้นั่นไม่ได้ทำให้ปารดารู้สึกอัดอั้นมากเท่าคำปรักปรำที่เจ้าของไร่พยายามยัดเยียดให้ ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ผิดไปหมด ทั้งที่เธอไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คนอื่นเดือดร้อน ไม่ตั้งใจจะเจ็บตัวแบบนี้ และที่สำคัญ เขาไม่ใช่เหรอที่แกล้งเธอจนเป็นเรื่องแบบนี้ ใจร้ายชะมัด"ก็หรือไม่จริง ตั้งแต่ที่เธอเข้ามาก็มีแต่เรื่อง" เขาปล่อยแขนเมื่อเห็นดวงตาของอีกคนสั่นไหวและเริ่มแดงขึ้นมา คงเจ็บที่เขาจับแบบนั้น"ก็แล้วมันเพราะใครล่ะคะ ที่อยากแกล้งฉัน ถ้าคุณคิดว่าทั้งหมดมันเพราะฉัน ฉันก็ขอโทษด้วย ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหมคะ ฉันจะพัก" ปารดาขยับตัวปรับเตียงลงนอนราบ ตะแคงหันหลังให้คนไม่มีเหตุผล ดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดจนถึงหน้าผาก พยายามกลั้นน้ำตาที่มีแต่มันก็ไหลออกมาจนได้ มือเล็กยกขึ้นปิดปากเพื่อไม่ให้อีกคนได้ยินเสียงสะอื้นของเธอ"อย่าคิดว่าฉันจะปล่อยเธอไปง่ายๆนะ แล้วอย่าคิดว่าทุกคนรู้เรื่องแล้วฉันจะใช้งานเธอไม่ได้อีก" ชนาวินเดินไปเดินมาอยู่หลายรอบด้วยความหงุดหงิด เพราะคนเจ็บนอนนิ่งๆเหมือนไม่รับรู้สิ่งที่เขาพูดอีกต่อไป มันส่งผลให้เขายิ่งโมโหที่ทำอะไรเธอไม่ได้แบบนี้"ขอโทษนะคะ หมดเวลาเยี่ยมแล้วค่ะ พรุ่งนี้ค่อย
ช่วงสายของอีกวัน ปานนท์ก็พากระถินที่ได้รับอนุญาตให้เอาของใช้ส่วนตัวเช่นโทรศัพท์มือถือและกระเป๋าสตางค์ของปารดามาให้ที่โรงพยาบาล"ดีขึ้นหรือยัง เจ็บมากไหม ทำไมลังมันล้มลงมาได้" คำถามมากมาพรั่งพรูอกมาทำเอาปารดายิ้มขำ"จะให้ตอบอันไหนก่อนดี กระถินถามเยอะไปหมด""อ้าว ขอโทษๆ เจ็บมากไหม" กระถินว่าพลางเอื้อมมือไปแตะเบาๆ ที่หางคิ้วนั่น"เจ็บสิ เหมือนเห็นดาวลอยรอบๆหัวเลยนะตอนลังหล่นลงมาก็เลยยกแขนกันแล้วแต่ลังก็ยังกระแทกมาที่ตรงนี้อีก แม่นมากเลยดีนะไม่โดนลูกกะตา" ปารดาบ่นเบาๆพลางทำท่าทางประกอบ ยกแขนที่ยังเขียวช้ำขึ้นมาโชว์ให้กระถินดูสองสาวคุยกันเสียงเจื้อยแจ้ว โดยมีพยาบาลพิเศษและปานนท์นั่งยิ้มอยู่ไม่ไกล ปารดาดูสดใสขึ้นมากจากเมื่อวานที่ดูซีดเซียว พอมีเพื่อนมาหาก็ทำให้มีชีวิตชีวามากขึ้นเลยทีเดียวก๊อกๆเสียงเคาะที่หน้าห้องทำให้กระถินและปารดาหันมองโดยพร้อมเพียงกัน ก่อนปรากฏร่างผอมบางของรังรองที่เดินเข้ามาเร็วๆกระถินถอยห่างให้อย่างอัตโนมัติ รังรองจึงโผเข้ากอดร่างเล็กของปารดาเอาไว้แน่นน้ำตาซึมออกมา"คุณป้า..." ปารดาครางออกมาในอ้อมกอดของปารดา/กลิ่นเหมือนแม่เลย/ หญิงสาวคิดในใจแล้วปล่อยให้รังรองกอดอยู
เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่เด็กสาวกำลังจะทำมันจะเกิดอะไรขึ้นบ้างในอนาคต แต่ตามที่เขารับปากพ่อเอาไว้ เขาจะเป็นคนปกป้องและคอยช่วยเหลือเธอเอง"ต้องการผู้ช่วยไหม" ปารดาผละออกจากหน้าท้องของอีกฝ่าย ยกมือปาดน้ำตาพอลวกๆ แล้วแหงนหน้ามองอีกคนตาแดงก่ำ"รับสมัครหนึ่งตำแหน่งค่ะ""โอเค ค่าแรงแพงหน่อยนะ ไม่รู้จะจ่ายไหวหรือเปล่า" เขาย่อตัวลงแล้วยิ้มให้คนน้อง ยกมือขึ้นเกลี่ยน้ำตาที่แก้มนิ่มที่ผ่านมาเขามัวแต่หวาดระแวงกับการที่จะต้องแต่งงานกับเด็กคนนี้ กลัวที่ต้องเสียความโสดที่หวงแหนไป กลัวว่าจะต้องใช้ชีวิตกับคนที่ไม่ได้รัก แต่ตอนนี้เขาไม่มีเรื่องพวกนั้นในหัวเลยตั้งแต่ทำความเข้าใจอะไรหลายๆอย่างทั้งหมด เขาก็เข้าใจแล้วว่า มันคือหน้าที่ ปารดามีหน้าที่ที่จะต้องเป็นทายาทเจ้าสัว เขามีหน้าที่ดูแลทายาทเจ้าสัว นี่ต่างหาก คือความจริง"จ่ายไหวสิคะ หนูเป็นหลานสาวเจ้าสัวนะ" คนตัวเล็กกว่าพอจะยิ้มออกมาได้บ้างกับมุขเสี่ยวๆค่าตัวแพงของชนาวิน ความออดอ้อนที่มีทำให้เผลอแทนตัวเองเปลี่ยนไป แต่ชนาวินกลับรู้สึกชอบแบบนั้นมากกว่าแทนตัวด้วยชื่อสะอีก"หนูตัวใหญ่ไปนะ" เขาวางมือบนหัวแล้วโยกไปมาเบาๆเป็นเชิงหยอก"บ้า ป่านลืมตัว" เธอว่าแล้วท
ถึง หนูป่านของแม่ตอนที่หนูได้อ่านจดหมายฉบับนี้แม่คงได้ไปอยู่กับพ่อบนสวรรค์แล้วนะลูก แม่บอกคุณป้ารังรองของหนูเอาไว้ว่าให้มอบของพวกนี้ให้หนูตอนที่หนูเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้วและยังมีชีวิตอยู่ ถึงตอนนั้นหนูคงจะพร้อมที่จะเป็นทายาทของคุณปู่ ทุกอย่างที่แม่และป้าทำ เพื่อหนูนะลูก อย่าได้ครางแครงสงสัยสิ่งที่คุณป้าบอกคือเรื่องจริงแม่เชื่อใจป้ารังรองของหนู ให้ทำทุกอย่างตามที่คุณป้าบอก แต่ถ้าหนูไม่อยากทำ ให้บอกคุณป้าไปตรงๆ จะไม่มีใครบังคับหนูได้ แต่อย่าลืม ว่าหนูคือธนทรัพย์รุ่งเรือง คือลูกสาวพ่อกับแม่ คือหลานของคุณปู่ แม่รักหนูมาก ดูแลตัวเองดีๆนะลูก รักแม่ของหนูปารดามองแผ่นกระดาษในมือ กวาดตาไปมาอยู่หลายรอบ หัวใจเต้นแรงมากขึ้น เธอเดินไปนั่งที่โต๊ะริมหน้าต่างนั่น หยิบของในซองออกมาทีละชิ้น ทีละชิ้น ของแต่ละชิ้นมีป้ายที่เขียนด้วยลายมือแปะเอาไว้เข็มกลัดของแม่สร้อยคอของพ่อแหวนประจำตระกูลกุญแจตู้เซฟที่ธนาคารxxxสมุดบัญชี สามสี่เล่มที่ยอดเงินไม่น้อยเลยเช่นกันและภาพถ่ายของสามคนพ่อแม่ลูก ไม่รู้เมื่อไหร่ที่น้ำตาหยดแมะลงมาบนพื้นโต๊ะไม้ มือของปารดาสั่นเทา หยิบรูปถ่ายใบนั้นขึ้นมามอง พ่อเหรอ คนนี้คือพ่อที
"นี่คือหนูในตอนนั้น คุณหนูอันตราของทุกคน แม่ยังจำได้ ทุกคนดีใจกับการเกิดมาของหนูมาก เพราะหนูคือทายาทคนเดียวของธนทรัพย์รุ่งเรือง"ภาพหญิงสาวใบหน้าสะสวยที่ปารดาจำได้นี่คือแม่ของเธอ กำลังอุ้มเด็กตัวเล็กในอ้อมแขน อีกด้านมีผู้ชายหน้าตาใจดีที่ดูแล้วเหมือนปารดามากยืนอยู่ข้างกัน"เหมือนป่านมาก ไม่สิ ต้องบอกว่าป่านเหมือนคนนี้มาก" ชนาวินพูดออกมาเมื่อเห็นภาพถ่ายใบนั้นไปพร้อมกัน"ใช่ หนูป่านเหมือนพ่อมาก คุณปู่ก็เลยรักหนูมาก แล้วก็ประกาศต่อหน้าทุกคนว่าจะยกทุกอย่างที่มีให้หนู นั่นทำให้เรื่องเลวร้ายทุกอย่างเกิดขึ้น" รังรองพูดด้วยน้ำเสียงติดสั่นเล็กน้อย ปากอิ่มเม้มแน่นเมื่อต้องพูดเรื่องเหล่านั้นขึ้นมา"ทำไมป่านถึงเป็นทายาทคนเดียว แล้วลุงล่ะคะ ลุงเป็นลูกของคุณแม่"ปารดาหันไปที่ชนาวิน เธอไม่เข้าใจ ในเมื่อรังรองก็เป็นลูกอีกคนของปู่ ถ้าอย่างนั้น ชนาวินก็ต้องมีสิทธิ์ในสมบัติพวกนั้นเช่นกันรังรองส่ายหน้าไปมา มองชนะพลแล้วจับมืออีกคนเอาไว้แน่น"ฉันไม่ใช่ลูกแท้ๆของแม่ แม่เลี้ยงฉันมาตั้งแต่เกิดแค่นั้น" ชนาวินตอบแทน ปารดาอ้าปากค้างยิ่งสับสนหนักเข้าไปอีก"อะไรนะคะ" ถามออกไปอย่างไม่อยากเชื่อ"คุณปู่มีลูกสามคน คุณ
"มานั่งนี่สิลูก แม่มีอะไรจะเล่าให้ฟัง" รังรองยิ้มกว้างตอบรับลูกชายและลูกสะใภ้ ทั้งสองมานั่งลงคนละฝั่ง วันนี้ดูพ่อกับแม่จะเครียดๆชอบกล"มีอะไรหรือเปล่าครับ ทำไมแม่ดูเครียดๆ" ชนาวินมองรังรองที่สีหน้าแปลกไปจากทุกที แต่รังรองก็ยังคงยิ้มให้"ฟังแม่หน่อยนะ เรื่องนี้สำคัญมากเลยล่ะ" ชนะพลบอกกับลูกชายและปารดาที่นั่งตาแป๋วรอฟัง"ย้อนไปเมื่อยี่สิบปีก่อน"รังรองเริ่มเกริ่นถึงวันที่ปรมินทร์ได้รับอุบัติเหตุและเสียชีวิตในกองเพลิง โดยที่ภรรยาและลูกสาววัยขวบกว่าได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่ว่าตามหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอผ่านไปสองสัปดาห์ ภรรยาของปรมินทร์นามว่าปรียานุชติดต่อมาหารังรองและขอความช่วยเหลือ ทำให้รู้ว่าการตายของปรมินทร์เป็นการจัดฉาก และคนที่ทำก็คือชัยยศปรียานุชที่หนีรอดมาได้ก็หอบลูกสาวคนเดียวที่เป็นทายาทของธนทรัพย์รุ่งเรืองหนีไปอยู่กับแม่แท้ๆที่ต่างจังหวัด เพื่อหลบหนีการตามล่าของชัยยศทุกคนช่วยกันวางแผนเพื่อให้สองแม่ลูกยังมีชีวิตอยู่ ปรียานุชติดต่อไปที่ธีรยุทธให้มารับสมอ้างเป็นพ่อของลูก เปลี่ยนชื่อและให้ใช้นามสกุลของธีรยุทธ แต่สุดท้าย ปรียานุชก็ต้องจากไปก่อนด้วยโรคมะเร็ง ก่อนตายได้ฝากฝังลูกสาวคนเ
ฝันร้ายเมื่อสี่สิบปีก่อน ฝันที่รังรองไม่อยากจดจำ เด็กสาววัยสิบห้าปี ต้องเจอพี่ชายที่เห็นกันมาตั้งแต่เกิดลวนลามทั้งทางร่างกายและสายตามาตลอดแรกๆรังรองไม่คิดอะไร แต่พอนานวันเข้ายิ่งโต ชัยยศก็ยิ่งแสดงพฤติกรรมน่ารังเกียจอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเข้ามากอดแล้วลูบคลำตัวเธอ หรือมองเธอด้วยสายตาจาบจ้วงตลอดเวลา รังรองและชัยยศอายุห่างกันสามปีพ่อรับชัยยศมาเพราะไม่มีลูกเสียที แต่พอผ่านไปสามปีก็มีรังรองออกมา และมีปรมินทร์ที่ห่างกันออกไปเกือบสิบปี เรื่องที่ชัยยศไม่ใช่ลูกแท้ๆทุกคนรู้ดี และนั่นยิ่งทำให้รังรองลำบากใจกับการใช้ชีวิตที่เหมือนโดนตามรังควานอยู่ตลอดเวลารังรองโดนชัยยศเข้าหาและเอาตัวรอดมาได้แบบเฉียดฉิว แต่พ่อไม่ฟังที่เธอพูด พ่อเข้าข้างชัยยศที่บอกว่าไม่ได้ทำอะไร และต่อว่าเธอที่เพียงเพราะเธอเป็นผู้หญิง ครอบครัวคนจีนไม่ชอบลูกผู้หญิงอยู่แล้วรังรองจึงทำอะไรไม่ได้มากกว่าการร้องไห้กับแม่ จนเก็บกดและทนไม่ไหว เพราะแบบนั้นรังรองจึงหนีออกจากบ้านมาไกลถึงเชียงใหม่ด้วยวัยเพียงสิบหกปีพร้อมเงินติดตัวที่อยู่ในสมุดบัญชีจำนวนแปดหลักที่พ่อฝากให้ทุกเดือน แม้ว่าหลังจากที่ออกมาเงินจะไม่ได้ฝากเข้าให้อีกต่อไป แต่รังร
หลายวันถัดมาชัยยศนั่งมองรูปถ่ายของปารดาที่ถูกส่งมาจากคนของตัวเองที่ตามไปคอยดูความเคลื่อนไหวตลอดทั้งสัปดาห์ ไม่ว่าจะไปไหนทำอะไร ดูเหมือนจะมีผู้ชายคนหนึ่งอยู่ข้างกายตลอด ชัยยศไม่ได้รีรอ เขาให้คนสืบจนรู้ว่าชายหนุ่มหน้าตาดีที่อยู่กับปารดาเป็นประจำก็คือชนาวิน ลูกชายของชนะพล คนที่รังรองอาศัยอยู่ด้วยในตอนนี้"ฉันอยากได้ข้อมูลทุกอย่างของผู้ชายคนนี้ ตรวจสอบความเคลื่อนไหวของไร่ชนะพลด้วย ขอเร็วที่สุด" ชัยยศสั่งงานพวัตเสียงเข้ม เขาต้องการข้อมูลที่มากกว่าชื่ออายุ วันเกิดระดับการศึกษา เขาอยากรู้ว่าสองคนนี้มีความสัมพันธ์กันแบบไหนทำไมถึงได้สนิทสนมกันขนาดนี้ที่บ้านสวน"คุณท่านคะ คุณท่าน คุณรองค่ะ คุณรองโทรมา" เสียงพรรณีแตกตื่นรีบวิ่งเข้ามาพร้อมโทรศัพท์มือถือของสุรเดชเจ้าของโทรศัพท์เองก็ตื่นเต้นจนมือไม้สั่น รังรองงั้นเหรอ รังรองที่ออกจากบ้านไปสี่สิบปี นานทีปีหนจะโทรมาหาสักครั้งน่ะเหรอนี่เป็นการโทรมาครั้งแรกในรอบสองปีเลยก็ว่าได้ตั้งแต่ที่เขาล้มลงและเริ่มกล้ามเนื้ออ่อนแรงจนต้องใช้รถเข็น รังรองมาเยี่ยมแค่ครั้งเดียวและต้องรีบกลับไปเพราะไม่อยากจะเจอชัยยศ สุรเดชเองก็กลัวว่ารังรองจะเป็นอันตรายรีบไล่ให้กลั
"โห้ย อิ่ม"ปารดาแทบจะแผ่อยู่ตรงนั้น เมื่อได้กินของอร่อยที่คุ้นชินจนซัดเข้าไปเสียเต็มคราบ"อิ่มจริงๆแหละ" อีกคนที่อิ่มตื้อไม่แพ้กันก็ชนาวินนั่นแหละ ไม่ว่าปารดาจะคีบอะไรมาให้เขาก็กินมันจนหมด จนตอนนี้ท้องตึงไปหมดแล้ว"มีของหวานด้วยนะป่านเอาไหม" กระถินพูดขึ้น พลางยื่นถ้วยขนมหวานที่เป็นทับทิมกรอบให้ดู"ลุงเอาขนมหวานไหมคะ" ปารดาหันไปถาม"ยังกินไหวอีกเหรอเราน่ะ" เขาบ่นออกมาพลางส่ายหน้าปฏิเสธ"ก็อยากกินนี่คะ" ปารดาบอก แล้วจูงมือกระถินพากันไปเลือกขนมหวานที่มีให้เลือกสองสามอย่าง ก่อนกลับมาพร้อมไอศกรีม"ชอบกินแต่ไอติมเหมือนเดิม" กระถินว่าให้เบาๆ ทั้งที่บอกให้เลือกขนมหวาน แต่พอเจ้าตัวเห็นไอศกรีม ก็เลือกไอศกรีมเฉยเลย"ก็คนมันชอบนี่" คนตัวเล็กว่าพลางกัดไอศกรีมเข้าปากอย่างอารมณ์ดีชนาวินมองภาพนั้นแล้วได้แต่ส่ายหน้าไปมาเบาๆ มองดูปารดาหยอกล้อเล่นกับกระถินและชงโคก็พลอยยิ้มไปด้วย"มากันบ่อยเหรอครับที่นี่" ชนาวินถามปานนท์"นานๆทีครับ เห็นว่ามีโปรโมชั่นหมูกระทะกระถินเขาก็เลยมาชวน" ปานนท์ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม สายตาก็มองชงโคที่คอยดูแลปารดาราวกับเป็นคุณแม่ ปารดาที่เอาแต่อ้อนก็เหมือนเด็กเล็กๆ พอเห็นแบบนี้ก็พลอย
ปารดาเร่งทำงานในส่วนของตัวเองให้แล้วเสร็จก่อนเวลาเลิกงานเพื่อจะได้ไปกินหมูกระทะกับเพื่อนๆ ชนาวินเองก็พลอยรีบเคลียร์งานของตัวเองไปด้วย"เสร็จแล้ว เย้"ชูมือสองข้างขึ้นแล้วยิ้มออกมาด้วยคใามดีใจที่หายเรียบร้อยและพร้อมสำหรับการเลิกงาน"พอจะได้ไปเที่ยวนี่รีบเลยนะ" ชนาวินบ่นให้เบาๆ"ลุงยังไม่เสร็จเหรอคะ"คนตัวเล็กเข้ามาเดินวนเวียนใกล้ๆ ซ้ายทีขวาทีจนชนาวินไม่มีสมาธิ เขาเลยคว้าเข้าที่แขนของอีกคนแล้วออกแรงดึงจนปารดาเซลงมานั่งบนตักของเขาแบบไม่ตั้งตัว"ลุง!!"ปารดาแหวใส่เสียงหลง ดันตัวอีกคนเอาไว้จะลงจากตักแต่ชนาวินยึดเอวคนตัวเล็กเอาไว้แน่นราวกับเป็นตุ๊กตา"อยู่แบบนี้แหละ เดินไปเดินมาเวียนหัว"เขาพูดทื่อๆขึ้นมาอย่างเอาแต่ใจ เอียงตัวเซ็นเอกสาร มีอีกคนนั่งนิ่งๆบนตักเพราะเกร็งจนไม่กล้าขยับน่ะสิความเงียบเข้าครอบงำ มีแค่เสียงหัวใจที่เริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ ถึงแม้จะนั่งเฉยๆ แต่แรงกอดที่เอวมันพาให้ใจเต้นแปลกๆชอบกล ปารดาเหลือบมองคนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาเคลียร์งานไม่กล้าจะพูดหรือขยับตัว กระทั่งชนาวินวางปากกาลงและปิดเอกสารตรงหน้า เขาก็คลายมือออกและจับคนตัวเล็กลงจากตักไปยืนข้างๆ"เสร็จแล้ว" เขาบอก แล้วลุกขึ
บริษัท เจทีคอเปอเรชั่น จำกัดบนชั้นสี่สิบของตึกสูงระฟ้าที่ตั้งของบริษัทส่งออกยักษ์ใหญ่อย่างเจทีคอเปอเรชั่น ชัยยศยืนมองแผ่นฟ้ากว้างผ่านกระจกหนาตรงหน้า สีหน้าเรียบนิ่งจนเยือกเย็นของอีกคนไม่เคยประดับรอยยิ้มเลยสักครั้ง แววตาดุดันมองไปไกลคล้ายกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง"นายครับ ผมให้พวกมันไปซ่อนตัวที่ชายแดนเรียบร้อยครับ" พวัตเข้ามารายงานหลังจากที่จัดการส่งมือผืนสองคนที่ทำงานพลาดไปชายแดนตามคำสั่งผู้เป็นนายเรียบร้อยแล้ว"หาคนใหม่ไปคอยจับตาดู พลาดไปครั้งนี้พวกมันคงระวังตัวแจ ให้คนไปเฝ้าบ้านไอ้ธีรยุทธด้วย แล้วลูกสาวคนโตของมันหาตัวเจอหรือยัง" น้ำเสียงเคร่งขรึมกับท่าทางสุขุมน่าเกรงขามของชัยยศทำให้หลายคนหวั่นเกรง แม้แต่พวัตที่ทำงานด้วยกันมานานก็ยังเกร็งทุกครั้งเวลาที่รับคำสั่งโดยตรง"ยังครับ เธอซ่อนตัวเก่งเหมือนมีคนคอยช่วยตลอดเวลาเลยครับ คนของเราไม่เจอเธอเลย""เพิ่มคนอีก ตามหาให้ทั่วแล้วจับตัวมาให้ได้ เข้าใจไหม""ครับนาย""วันนี้ฉันจะกลับบ้านสวน บอกคนที่นั่นเตรียมอาหารให้ด้วย""กลับบ้านสวนเหรอครับนาย แล้วคุณท่าน" พวัตทักท้วง"ทำไม ฉันจะกลับไปหาพ่อฉันบ้าง ผิดหรือไง ทำตามที่ฉันสั่ง ออกไปได้แล้ว" ชัย