ปารดาเดินตามปานนท์ออกมาอย่างใช้ความคิด จะแกล้งให้เธอเหนื่อยจนทนไม่ไหวแล้วก็หนีกลับกรุงเทพฯสินะ ฮึ! อย่าหวังเลย
/เก็บส้มงั้นเหรอ ได้สิ ห้าสิบลังสบายมาก/ เมื่อหัวหน้าคนงานอย่างปานนท์มาถึงทุกคนก็ดูกระตือรือร้นในการทำงานมากขึ้น รวมถึงชงโคที่กระตือรือร้นรีบวิ่งอแอกมาปั้นหน้ายิ้มแฉ่งฉอเลาะใส่อย่างที่ชอบทำเป็นประจำ "น้านน พาคนงานใหม่มาเก็บส้มเหรอจ้ะ" ชงโคยิ้มหวานให้ปานนท์ ก่อนจะยิ้มเยือนมาที่ปารดาด้วย หญิงสาวเลยยิ้มตอบแล้วมองทั้งคู่สนทนากัน ปารดาที่มองหน้าสองคนสลับกันไปมาก็พอจะเดาได้ว่าชงโคน่ะน่าจะชอบปานนท์อย่างแน่นอน "เจอก็ดีแล้ว เดี๋ยวพาเพื่อนไปแปลงสิบ สิบเอ็ดสิบสองไปทำงานที่โรงแยกแทนนะ ตรงนี้เดี๋ยวให้ป่านจัดการ" ปานนท์หน้านิ่งไม้ไหวติงต่อสิ่งเร้าตรงหน้า แม้นว่าชงโคจะฉีกยิ้มกว้างแค่ไหนก็ตามที "อ้าว ทำไมล่ะ ชงโคเพิ่งเก็บได้สามลังเอง" เธอก้มมองนาฬิกาเรือนเล็กที่ข้อมือบอกเวลาเก้าโมงกว่าเองแท้ๆ แล้วปกติถ้าคนไม่ขาดก็จะไม่ได้เข้าไปในโรงคัดแยกเพราะมีพนักงานประจำที่ทำบริเวณนั้นอยู่แล้ว "ไปเถอะนะ พ่อเลี้ยงสั่ง อ่อ ฝากตามเขียวให้ด้วยสิ" ปานนท์ตอบกลับด้วยใบหน้านิ่วขรึมเช่นเดิม ทำให้ชงโคหน้าง้ำลงเล็กน้อยแต่ก็ยอมทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย ไม่นานเขียวก็วิ่งเช้ามาหาพร้อมด้วยเพื่อนอีกคนที่ชื่อพุด คู่หูคู่ฮาประจำไร่ "ครับนาย" เขียวเข้ามายืนนอบน้อม พร้อมกับพุดที่มองมาที่ปารดาตาเชื่อมเพราะเจอคนน่ารัก "สอนป่านเก็บส้ม วันนี้ต้องเก็บห้าสิบลัง" สิ่งที่ปานนท์บอกทำให้เขียวหันมองหน้ากับพุดอัตโนมัติ "ห้าสิบลัง" สองหนุ่มตะโกนออกมาพร้อมกัน "อือ สอนงานดีๆ เข้าใจนะ" ปานนท์สั่งย้ำอีกรอบ สองหนุ่มจึงพยักหน้ารับก่อนจะหันไปมองปารดาที่ยืนยิ้มรออยู่ "ไปน้องป่าน วันนี้ไม่หนักเท่าถางหญ้าหรอก" เขียวบ่นพึมพำ "แต่เก็บคนเดียวนี่ก็หลังเดาะเอานา" พุดว่า "เออนายให้ทำอะไรก็ทำ นี่จ้ะอุปกรณ์" เขียวและพุดสอนงานปารดาแบบคร่าวๆ ปารดาเรียนรู้อย่างรวดเร็วและไม่มีทีท่าว่าจะบ่นอะไร "แค่เก็บให้ได้ห้าสิบลังใช่ไหมจ๊ะ" ปารดายิ้ม "จ้า งั้นเก็บไปนะเดี๋ยวพี่แวะมาดู พี่ไปเก็บแปลงนู้น" เขียวบอก เขาเองก็เก็บอยู่แปลงข้างๆ เดี๋ยวค่อยแวะมาดูแล้วกัน "ได้จ้ะ แค่เก็บให้ครบ...ห้าสิบลัง" เขียวและพุดพยักหน้ารับแล้วเดินออกไป เลยไม่ทันได้สังเกตเห็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยแผนการของอีกคน ผ่านเวลาไปหนึ่งชั่วโมง เขียวที่เป็นห่วงรีบเดินมาดู เห็นลังส้มวางเรียงสวยงามยาวเป็นแถวกว่าสิบลัง เขียวเท้าเอวแล้วยิ้ม "เก่งเหมือนกันนะเนี่ย" เขียวว่าพลางยิ้ม "แต่เดี๋ยวนะ" จากที่กำลังชื่นชมก็กลายเป็นตาโตเมื่อเริ่มสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติที่อยู่ในลังส้มที่วางเรียงอยู่ ก่อนจะมองไปที่ต้นส้มซึ่งเตียนโล่งไม่มีส้มเลยสักผล "ฉิบหายแล้วเขียว โอ๊ย! น้องป่าน เล่นไอ้เขียวแล้ว..." ปากก็ร้องโอดครวญ มือก็คว้าผลส้มในลังมาดู เกินกว่าครึ่ง มันยังใช้ไม่ได้เลยนี่ ตายแล้ว!!!! "น้องป่านๆ เดี๋ยวก่อน พอก่อน" เขียววิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหาปารดาที่ฮัมเพลงไปเก็บส้มไปด้วยสบายใจ "อ้าว พี่เขียว ดูสิป่านเก็บได้เยอะเลย" หยิบส้มที่ยังไม่ถึงเวลาเก็บยื่นให้เขียวดู รอยยิ้มของอีกคนไม่ได้ช่วยให้เขียวมีสีหน้าที่ดีขึ้น แต่กลับจะยิ่งทำให้หน้าซีดลงมากกว่า ตายแน่ไอ้เขียวเอ้ย... "ไอ้พุดตามนายเร็ว เร็วๆ" เขียวตะโกนบอกเพื่อน พุดที่หน้าเหวอเมื่อมาถึงก็รีบกดโทรหาปานนท์ทันที แน่นอน เรื่องนี้รู้ถึงหูชนาวินอย่างรวดเร็ว ทุกคนมารวมตัวกันและยืนอยู่ต่อหน้าลังส้มนับสิบ มีปารดาที่ยืนมองตาปริบๆทำไม่รู้ไม่ชี้อยู่ ปานนท์ที่แทบจะทึ้งหัวตัวเองเมื่อเห็นผลงานอันเยี่ยมยอดของคนงานใหม่ แถมเจ้าตัวก็ดูเหมือนจะไม่ทุกข์ร้อนอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นอีกด้วย จนกระทั่งชนาวินเดินหน้าเครียดเข้ามาพร้อมป่าสน "เกิดอะไรขึ้น!""เกิดอะไรขึ้น"ชนาวินเท้าเอวมองจ้องตัวเจ้าปัญหา ปารดาตีหน้าซื่อเสมองซ้ายทีขวาทีเหมือนไม่รู้ว่าที่ทำไปมันทำให้เกิดความเสียหายขนาดไหนปานนท์ขยับเข้าไปอธิบายสถาณการณ์ ชนาวินมองจ้องปารดาตาแข็ง เดินเข้าไปหยิบผลส้มที่อีกคนเก็บมาแบบมั่วๆ จนเต็มลัง"นี่เธอทำอะไร" เจ้าของร่างสูงย่างกายเข้าไปหา สีหน้าโกรธขึ้งที่เห็นผลงานของปารดา"เก็บส้มไงคะ" ปารดาตอบหน้าตาเฉย ท่าทีที่บอกว่าไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่ามันสามารถกินได้หรือเปล่านั่นยิ่งทำให้ชนาวินกัดกรามแน่น ปารดาก็แค่เก็บๆให้มันเสร็จเท่านั้น"เก็บบ้าอะไร ที่เธอเก็บมามันยังไม่สุกเลย แล้วมันจะขายได้ยังไง" ชนาวินใช้น้ำเสียงแทบตะโกนพูดใส่หน้าปารดา แต่อีกคนก็ไม่ได้ไหวติง ยังคงยืนนิ่งๆดูอีกคนแปลงร่างเป็นยักษ์ต่อหน้า"ก็พ่อเลี้ยงบอกให้เก็บให้ได้ห้าสิบลัง แต่ไม่ได้บอกนี่คะว่าต้องเก็บ...แบบไหน ฉันก็คิดว่า เก็บยังไงก็ได้ ให้ได้ห้าสิบลังก็พอ" ปารดาพูดเนิบนาบเสียงดังอย่างใจเย็นเน้นบางช่วงที่ชนาวินออกคำสั่งไม่ชัดเจน แล้วยักคิ้วหลิ่วตาจนน่าหมั่นไส้"ปารดา!" มือหนาคว้าเข้าที่ข้อแขนบีบรัดแน่นด้วยความโมโห ดึงจนอีกคนเข้ามาชิดอกแกร่งจ้องมองด้วยหน้าตาถมึงทึง โกรธจนพูดไม่ออก
หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรหาพี่สาวที่ไม่รู้ว่าตอนนี้หนีหายไปไหนมาหลายสัปดาห์แล้ว แต่ผลก็เหมือนเดิมคือปิดเครื่อง ไม่สามารถติดต่อได้ มันน่าแปลกใจที่คนอย่างปารมีที่ไม่เคยยอมอะไรง่ายๆดันหนีไปเฉยๆทั้งที่ปารดาคิดว่าพี่เธอคงยืนกรานจะไม่แต่งงานแน่ ๆ และที่สำคัญคือแม้แต่แฟนที่รักกันมากอย่างธนนท์ ก็ไม่รู้ข่าวของปารมีเลย"ค่ะพี่บีม ได้ข่าวพี่ปาล์มบ้างไหมคะ" ปารดาตัดสินใจโทรหาภาวินี เพื่อนสนิทของพี่สาวแต่ก็ได้รับคำตอบเช่นเดิม เธอเลยลองกดโทรหาธนนท์ดูอีกครั้ง[น้องป่าน ได้ข่าวปาล์มแล้วเหรอครับ] ปลายสายที่บ่งบอกถึงความตื่นเต้นนั่นทำให้ปารดาพูดไม่ออก เดาได้เลยว่าอีกคนก็ยังหาพี่สาวเธอไม่เจอแน่นอน"เปล่าค่ะ พี่หนึ่งก็ยังไม่เจอพี่ปาล์มเลยใช่ไหมคะ"[พี่ตามหาทุกที่แล้วป่าน ไม่รู้จะหาที่ไหนแล้ว ปาล์มทิ้งพี่ไปจริงๆเหรอ] น้ำเสียงที่บอกถึงความเสียใจนั่นยิ่งตอกย้ำว่าธนนท์ไม่โกหก"ใจเย็นๆนะคะ ป่านว่ามันต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่าง พี่หนึ่งเราต้องสู้นะคะ ป่านจะให้เพื่อนที่เป็นตำรวจช่วยหาอีกทีค่ะ"[ครับ พี่จะตามหาต่อไป น้องป่านสบายดีนะ]"ค่ะสบายดี งั้นแค่นี้ก่อนนะคะ เอาไว้ได้เรื่องอะไรป่านจะโทรมาใหม่"ปารดากดวางสา
ปารดาช่วยเขียวกับพุดเก็บส้มจนผ่านเวลาไปกว่าสองชั่วโมง"น้องป่านไปได้แล้ว เดี๋ยวพ่อเลี้ยงดุเอา" เขียวว่าขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าปารดามีนัดกับพ่อเลี้ยงของพวกเขาตอนบ่ายสอง"อ่อๆ จ้ะ งั้นไปก่อนนะ เอาไว้ถ้าเสร็จเร็วป่านมาช่วยอีกนะ" เธอตอบด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเดินออกไปด้วยความรีบร้อนใช้เวลาเดินกว่ายี่สิบนาทีเนื่องจากพื้นที่ไร่ค่อนข้างกว้าง กว่าจะมาถึงก็เล่นเอาหอบ"มาหาพ่อเลี้ยงค่ะ" ปารดายืนหอบหน้าโต๊ะทำงานของสาวร่างอวบที่ป้ายหน้าโต๊ะเขียนเอาไว้ว่าบุษกร"มาแล้วเหรอคะ เข้าไปรอข้างในได้เลยนะคะเดี๋ยวพ่อเลี้ยงก็มา" บุษกรยิ้มหวานให้อย่างอ่อนน้อม ปารดายิ้มตอบแล้วเดินเข้าไปด้านในตามที่คนหน้าห้องบอกด้านในห้องทำงานของชนาวินมีโซฟาตัวใหญ่วางอยู่ เธอเลือกที่จะไปนั่งตรงนั้นเพื่อรออีกคน คว้าหยิบเอานิตยสารที่วางอยู่ขึ้นมาอ่านฆ่าเวลาทางด้านชนาวินที่ลืมไปแล้วว่านัดปารดาเอาไว้ก็กำลังตัดกินขนมเค้กสูตรใหม่ที่พาขวัญทำขึ้นมาเพื่อขายในร้านเบเกอรี่ของเธอพาขวัญเป็นสาวสวยวัยยี่สิบห้า น้องสาวของภูวดลเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยมัธยมต้นของชนาวิน ทั้งคู่สนิทกันมากและดูเหมือนชนาวินจะชื่นชอบพาขวัญอยู่ไม่น้อย ยอมรับว่าเป็นผู้หญิงท
ปารดากลับมาช่วยงานเขียวและพุดอีกครั้งอย่างไม่มีทีท่าว่าจะเหน็ดเหนื่อย คนที่มาสังเกตุการณ์อย่างชมพูเฝ้ามองดูด้วยความหมั่นไส้ที่ใครๆก็ให้ความช่วยเหลือปารดา ทั้งที่เป็นคนสร้างความเดือดร้อนแท้ๆ คำพูดคำจาที่หยอกเย้ากับคนงานแบบนั้นมันยิ่งทำให้หงุดหงิดจริงๆ/คิดว่ามีแต่คนเอ็นดูแล้วจะทำอะไรก็ได้หรือยังไง/สายตาของชมพูมองปารดาที่ตั้งใจเก็บส้มอยู่อีกฝากหนึ่ง ซึ่งมีลังส้มวางเทินกันไว้ปกติเช่นทุกวัน ความไม่พอใจบวกกับอาการไม่ชอบหน้าทำให้ชมพูคิดจะหาทางแกล้งปารดาขึ้นมาอีกหญิงสาวเจ้าถิ่นใช้จังหวะที่ปารดาเดินเข้ามาถ่ายส้มจากตะกร้าที่ไหล่ใส่ในลังที่พื้น เธอก้มลงเทส้มอย่างเบามือพอดีกับที่ชมพูทำเป็นเดินเซเข้าไปใส่ลังส้มที่เทินอยู่ไม่ไกล ใช้สองมือผลักอย่างแรง"เฮ้ย!" เสียงร้องของเขียวที่หันมาพอดี และถลาเข้าไปหาแต่ไม่ทันเวลาแล้ว"กรี๊ด!!!!... โครม!!! " เสียงกรีดร้องดังขึ้นตามมาด้วยเสียงโครมดังสนั่นไปทั่วบริเวณคนงานหลายคนวิ่งกรูกันเข้าไปหาปารดาที่ถูกลังส้มทับอยู่ ในขณะที่ชมพูลนลานรีบหนีไปจากตรงนั้น เธอไม่คิดว่าผลที่เกิดจะรุนแรงมากขนาดนี้ จึงต้องหนีไปก่อนที่ใครจะมาเห็นเข้า แต่ก็สวนทางกับชงโคที่วิ่งเข้ามาพอ
เพราะอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดทำให้แผนการกลั่นแกล้งภรรยาของชนาวินเป็นอันต้องยุติลง และเหตุผลที่บอกกับคนงานไปก็คืออยากให้ปารดาได้ลองทำงานในไร่ ถึงมันจะฟังไม่ขึ้นเท่าไหร่ ไม่มีเหตุผลอะไรมารองรับ แต่ก็ไม่มีใครกล้าคัดค้านหรือทัดท้วงอะไรทุกคนออกไปคุยกันข้างนอกมีแต่ชงโคที่นั่งมองคนที่นอนแน่นิ่งไม่ไหวติงบนเตียง มิน่าเล่า ถึงได้ดูเหมือนลูกคุณหนูชอบกล มาหลอกกันเสียได้นะ"อือ...." เสียงครางของคนบนเตียงกับการขยับตัวคล้ายว่ากำลังจะตื่นขึ้นมาทำให้ชงโครีบผวาเข้าไปหาปารดาปรือตาขึ้นมองไปรอบๆอย่างไม่คุ้นชิน ก่อนจะรับรู้ได้ถึงความเจ็บที่แล่นเข้ามา"อย่าเพิ่งขยับ" ชงโคว่าพลางกดออดเรียกพยาบาลเข้ามาดูอาการคนป่วย นั่นจึงทำให้ทุกคนรับรู้ว่าปารดาฟื้นขึ้นมาแล้ว"มองตามนิ้วนะครับ โอเคครับ" หมอเมฆาชี้นิ้วไปมาเพื่อทดสอบ"คุณชื่ออะไรครับ""ป่านค่ะ""ทราบชื่อจริงไหมครับ""ปารดาค่ะ ปารดา พัฒนกรกุล""คุณรู้สึกเจ็บที่ตรงไหนอีกไหมครับนอกจากที่หัว" หมอถามแล้วมองสำรวจร่างกายคนเจ็บ แม้ว่าจะเข้าเครื่องทำCT scan เรียบร้อยแล้วก็ตาม"ปวดแขนค่ะ" ปารดารู้สึกหนักอึ้งที่แขนข้างซ้าย เพราะเธอใช้มันบังลังที่ร่วงลงมา"ครับ แขนคุณฟกช้
ความเจ็บที่แขนซึ่งถูกจับเอาไว้นั่นไม่ได้ทำให้ปารดารู้สึกอัดอั้นมากเท่าคำปรักปรำที่เจ้าของไร่พยายามยัดเยียดให้ ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ผิดไปหมด ทั้งที่เธอไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คนอื่นเดือดร้อน ไม่ตั้งใจจะเจ็บตัวแบบนี้ และที่สำคัญ เขาไม่ใช่เหรอที่แกล้งเธอจนเป็นเรื่องแบบนี้ ใจร้ายชะมัด"ก็หรือไม่จริง ตั้งแต่ที่เธอเข้ามาก็มีแต่เรื่อง" เขาปล่อยแขนเมื่อเห็นดวงตาของอีกคนสั่นไหวและเริ่มแดงขึ้นมา คงเจ็บที่เขาจับแบบนั้น"ก็แล้วมันเพราะใครล่ะคะ ที่อยากแกล้งฉัน ถ้าคุณคิดว่าทั้งหมดมันเพราะฉัน ฉันก็ขอโทษด้วย ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหมคะ ฉันจะพัก" ปารดาขยับตัวปรับเตียงลงนอนราบ ตะแคงหันหลังให้คนไม่มีเหตุผล ดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดจนถึงหน้าผาก พยายามกลั้นน้ำตาที่มีแต่มันก็ไหลออกมาจนได้ มือเล็กยกขึ้นปิดปากเพื่อไม่ให้อีกคนได้ยินเสียงสะอื้นของเธอ"อย่าคิดว่าฉันจะปล่อยเธอไปง่ายๆนะ แล้วอย่าคิดว่าทุกคนรู้เรื่องแล้วฉันจะใช้งานเธอไม่ได้อีก" ชนาวินเดินไปเดินมาอยู่หลายรอบด้วยความหงุดหงิด เพราะคนเจ็บนอนนิ่งๆเหมือนไม่รับรู้สิ่งที่เขาพูดอีกต่อไป มันส่งผลให้เขายิ่งโมโหที่ทำอะไรเธอไม่ได้แบบนี้"ขอโทษนะคะ หมดเวลาเยี่ยมแล้วค่ะ พรุ่งนี้ค่อย
ช่วงสายของอีกวัน ปานนท์ก็พากระถินที่ได้รับอนุญาตให้เอาของใช้ส่วนตัวเช่นโทรศัพท์มือถือและกระเป๋าสตางค์ของปารดามาให้ที่โรงพยาบาล"ดีขึ้นหรือยัง เจ็บมากไหม ทำไมลังมันล้มลงมาได้" คำถามมากมาพรั่งพรูอกมาทำเอาปารดายิ้มขำ"จะให้ตอบอันไหนก่อนดี กระถินถามเยอะไปหมด""อ้าว ขอโทษๆ เจ็บมากไหม" กระถินว่าพลางเอื้อมมือไปแตะเบาๆ ที่หางคิ้วนั่น"เจ็บสิ เหมือนเห็นดาวลอยรอบๆหัวเลยนะตอนลังหล่นลงมาก็เลยยกแขนกันแล้วแต่ลังก็ยังกระแทกมาที่ตรงนี้อีก แม่นมากเลยดีนะไม่โดนลูกกะตา" ปารดาบ่นเบาๆพลางทำท่าทางประกอบ ยกแขนที่ยังเขียวช้ำขึ้นมาโชว์ให้กระถินดูสองสาวคุยกันเสียงเจื้อยแจ้ว โดยมีพยาบาลพิเศษและปานนท์นั่งยิ้มอยู่ไม่ไกล ปารดาดูสดใสขึ้นมากจากเมื่อวานที่ดูซีดเซียว พอมีเพื่อนมาหาก็ทำให้มีชีวิตชีวามากขึ้นเลยทีเดียวก๊อกๆเสียงเคาะที่หน้าห้องทำให้กระถินและปารดาหันมองโดยพร้อมเพียงกัน ก่อนปรากฏร่างผอมบางของรังรองที่เดินเข้ามาเร็วๆกระถินถอยห่างให้อย่างอัตโนมัติ รังรองจึงโผเข้ากอดร่างเล็กของปารดาเอาไว้แน่นน้ำตาซึมออกมา"คุณป้า..." ปารดาครางออกมาในอ้อมกอดของปารดา/กลิ่นเหมือนแม่เลย/ หญิงสาวคิดในใจแล้วปล่อยให้รังรองกอดอยู
ในขณะที่ชนาวินหน้าตึงมองจ้องปารดาอย่างคาดโทษ เหมือนจะบอกว่าทั้งหมดมันเพราะเธอนั่นแหละ"คุณคะ พอเถอะค่ะ นี่ด่าจนลูกสำนึกผิดไม่ทันแล้วนะ" รังรองหย่าศึกพ่อลูก ลุกจากเตียงเดินเข้าไปหาสามีแล้วลูบหลังเบาๆให้ใจเย็นๆ ขณะที่ปารดามองทั้งหมดตาปริบๆ ไม่รู้จะแทรกตรงไหนดี"ก็มันควรไหม นี่ถึงขนาดเลือดตกยางออกขนาดนี้ ดีแค่ไหนที่ไม่เป็นอะไร แกไม่ต้องทำงาน ระหว่างนี้ดูแลน้องอยู่ที่นี่จนกว่าน้องจะออกจากโรงพยาบาลด้วย" ชนะพลออกคำสั่งชัดเจน แต่ชนาวินส่ายหน้าดิก"พ่อจะบ้าเหรอ ไม่เอา ทำไมผมต้องอยู่ในเมื่อผมจ้างพยาบาลแล้ว""หยุดพูด! อยู่ดูแลน้องที่นี่ ไม่อย่างนั้นเห็นดีกันแน่" คนเป็นพ่อชี้นิ้วออกคำสั่งอีกครั้ง ชนาวินถึงกับเข่าอ่อนนั่งลงที่โซฟาอย่างเซ็งๆ"ป้าไปก่อนนะลูก พรุ่งนี้ป้ามาเยี่ยมใหม่ อยากได้อะไรบอกพี่เขานะคะ" รังรองเดินเข้าไปร่ำลาลูกสะใภ้ มือขาวแตะที่แก้มนิ่มเบาๆ ส่งรอยยิ้มอ่อนโยนมาให้"ค่ะคุณป้า" ปารดายิ้มตอบ แต่ต้องหุบยิ้มเมื่อหันไปเห็นคนหน้าหงิกจ้องมองอยู่"ดูแลน้อง แล้วอย่าให้รู้ว่าแกล้งน้องอีก เข้าใจนะเดี๋ยวให้ป่าสนเอาของใช้กับเสื้อผ้ามาให้" ชนะพลยกนิ้วขึ้นแสดงสัญลักษณ์ใส่ลูกชายว่ารู้เห็นทุกอย่า
ทั้งคู่มาเล่นกับหลานอยู่คู่ใหญ่ และกลับไปทำงาน ปารดาพาลูกๆเข้าบ้าน ปล่อยเด็กๆให้คลานบนเสื่อที่ปูเตรียมไว้ และมีคอกล้อมขนาดกว้างขวาง มีของเล่นที่ไม่เป็นภัยอยู่ในนั้น ทั้งสองแบ่งกันเล่น ตีกันบ้างแต่ก็ไม่หนักหนาอะไร"พี่โรมอย่ากัดน้องลูก" ปารดาหน้าเหวอที่คนพี่เริ่มจับแขนคนน้องมางับ"น้องรันอย่าดึงผมโรมพี่ค่ะ" เสียงร้องห้ามของคนเป็นแม่ดังเป็นระยะ ชนาวินที่เดินเข้ามาพร้อมป่าสนต้องอมยิ้มกับความยุ่งเหยิงของสองเสือ"วิถีลูกผู้ชายไงครับที่รัก ตีกันบ้างไม่เป็นไรหรอก" เขาเข้ามาโอบไหล่เอาไว้"พี่โรมก็งับน้องจังเลยค่ะฟันก็ไม่มี ไม่รู้คิดอะไรนะคะ สงสัยคันเหงือก" ปารดาฟ้อง"น้องก็แสบนะนั่น ดึงผมพี่แบบนั้น" ชนาวินหัวเราะออกมา"แสบทั้งคู่แหละค่ะ" ปารดาขำออกมาบ้าง"คุณหนูครับ เล่นอันนี้ไหมเอาอันนี้ไหม" คนที่ดูจะเห่อไม่น้อยไปกว่าใครก็ป่าสนนี่แหละ ตั้งแต่ที่สนามบินก็เล่นกับคุณหนูของเขาไม่หยุด นี่ก็ถึงกับปีนเข้าไปนั่งเล่นกับสองหนุ่มทำตัวเหมือนพี่เลี้ยงเด็กก็ไม่ปาน"มอบหน้าที่พี่เลี้ยงให้เลยแล้วกันนะป่าสน" เจ้านายพูดแบบนี้ป่าสนมีหรือจะไม่รับ"ได้เลยครับพ่อเลี้ยง คุณหนูครับ พี่เลี้ยงป่าสนมาแล้ว"ปารดากับชนา
ใช้เวลาอยู่ในโรงพยาบาลไม่กี่วันปารดาก็ได้กลับบ้าน เธอกำลังให้นมแฝดคนพี่ในอ้อมแขน ขณะที่คนน้องนอนรออยู่ในเบาะ พอคนพี่อิ่ม เธอก็ส่งให้กับสามีและอุ้มคนน้องมาเข้าเต้า ชนาวินมีหน้าที่ทำให้ลูกเลอออกมา ก่อนจะมองเมียให้นมลูกด้วยความทึ่ง แล้วยังจะตอนที่ปารดาปั๊มนมไว้ให้ลูกจนเต็มตู้ไปหมด"สุดยอดคุณแม่จริงๆ" ชนาวินพูดขึ้น"แค่ให้นมลูกเองค่ะ ขอบคุณนะคะที่ช่วย" เธอยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ชนาวินเดินมาหอมที่หัว เขาไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาอธิบาย เขาอยากขอบคุณผู้หญิงคนนี้ที่ยอมอุ้มท้องเจ้าแฝดมาตั้งเก้าเดือน มีเรื่องงอแงหงุดหงิดกันบ้างแต่ก็ยังอดทน ไม่ได้กินของที่ชอบ ไม่ได้ทำอะไรที่อยากทำ แล้วก็ยังต้องให้นมลูก นอนไม่เป็นเวลาจื่นกลางดึก ปารดานั้นเป็นสุดยอดคุณแม่จริงๆ"มาขอแม่อุ้มบ้าง มาหาย่านะคะพี่โรม" รังรองรับเอาคนพี่ไปอุ้มไว้"กินนมอิ่มแล้วก็หลับเลยเหรอเสือ" ชนะพลแซวหลานชาย"วัยกำลังโตครับพ่อ อย่าแซวสิ อิ่มแล้วก็นอนไง ปกติ" ชนาวินแก้ตัวแทนลูกชาย"จะเป็นลูกหมูก่อนสิ" อดที่จะแซวอีกไม่ได้"เฮียคะเรียบร้อยค่ะ" ปารดามองทุกคนแล้วยิ้มให้ ก่อนจะส่งคนน้องให้กับสามี แล้วจัดการปั๊มนมต่ออีกหลายถุง"ให้กินไปจนโตเลยนะ" รัง
เขาทบทวนมาหลายวันหลังจากทราบเรื่อง มันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ก่อนหน้านั้นชนะพลส่งคนไปเฝ้าดู ด้วยกลัวว่าอีกคนจะเจ็บแค้นจนคิดจะทำร้ายปารดาขึ้นมาหรือเปล่า แต่เท่าที่ได้รับรายงาน พาขวัญเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเธอเสียใจร้องไห้งานการไม่ทำให้ลูกจ้างเป็นคนจัดการทุกอย่างภายในร้าน เมาหัวราน้ำทุกวันชนะพลเข้าใจได้ว่าคนอกหักมักจะเสียศูนย์ แต่ผ่านมาร่วมสี่เดือน พาขวัญกลับยิ่งแย่ลง ลูกค้าเริ่มลดลง แล้วก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้ ไฟไหม้ร้านขนมของเธอและเธอก็บาดเจ็บสาหัส“ผมพยายามแล้วพ่อ ผมพยายามทำให้เขาตัดใจแต่เขาดื้อมาก เขายึดมั่นว่ารักผมและไม่ยอมง่ายๆ ถึงแม้ว่าผมจะพูดไปตรงๆเขาก็ยังไม่ยอมแพ้” ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ในสวน สีหน้าเคร่งเครียดและรู้สึกผิด เขารู้ทุกอย่างเพราะพาขวัญทำตัวเอง แต่เขาก็เป็นต้นเหตุเช่นกัน“พ่อจะบอกแกให้นะ เราไปกำหนดชีวิตใครไม่ได้ แกอาจจะเป็นสาเหตุ แต่นั่นมันจบแล้ว และเรื่องหลังจากนั้นต่างหาก ที่พาขวัญไม่ยอมรับความจริง ทำตัวเองให้กลายเป็นขี้เมาแล้วทำให้ตัวเองบาดเจ็บ”“ขวัญรักษาตัวที่ไหนครับ”“รพ.จังหวัด”“ผมอยากไปดูเธอ”“วิน ที่พ่อบอกแก เพราะพ่อไม่อยากปิดบัง แต่พ่อว่าตอนนี้ไ
หลังจากรู้ว่าได้ลูกแฝด คุณพ่อขี้เห่อก็เอาใจใส่ดูแลภรรยาและลูกเป็นอย่างดี ดีจนปารดาจะเสียนิสัยและต้องคอยห้ามเอาไว้ตลอดเวลา ชนาวินทำทุกอย่างเพื่อช่วยให้ปารดาสบายที่สุดท้องลูกแฝดไม่เหมือนท้องปกติ ขนาดท้องที่ใหญ่โตกว่าทำให้คนตัวเล็กๆอย่างปารดามีความเสี่ยงมาก“ไหนหลานปู่ ดิ้นไหมวันนี้” ชนะพลเดินทางมาจากเชียงใหม่เดือนละครั้งเพื่อเยี่ยมลูกๆและหลานชาย ยิ่งตอนนี้เขาต้องอยู่ที่ไร่คนเดียวเพราะรังรองมาคอยดูแลคุณแม่ท้องแก่ใกล้คลอดที่กรุงเทพฯ มันทำให้เขาเหงาที่ต้องห่างจากลูกเมีย“ดิ้นเก่งมากค่ะ ไม่รู้คนพี่หรือคนน้อง” ปารดาท้องใหญ่เธอเอนตัวใช้มือหนึ่งลูบท้องอีกมือดันหลังไว้“พ่อเอาส้มมาฝากด้วยนะ” ชนะพลค่อยๆวางมือลงที่ท้องนูน เหมือนแฝดจะรับรู้ว่าปู่มา ยันเท้าทักทายเป็นการใหญ่“เจ้าแสบของปู่ ทักทายกันหน่อยทักทายกันหน่อย” รอยนูนเป็นรูปฝ่าเท้าเล็กๆยันขึ้นมา คนเป็นปู่ย่ายิ้มหน้าบาน“รู้จักเอาใจคนแก่แต่ในท้องเลยนะ” สุรเดชว่า เขามักจะมาเล่นกับเหลนเป็นประจำนั่นคือความสุขของเขาในวัยเกษียรแบบนี้“เจ็บท้องบ้างหรือยัง นี่จะครบกำหนดแล้วใช่ไหม” ชนะพลลูบเบาๆที่ท้องของปารดา“เริ่มมีบ้างแล้วค่ะ เหมือนเจ็บเตือน”“คล
หลังจากวันนั้นชนาวินก็เริ่มทำกายภาพบำบัด เขาพักรักษาตัวในโรงพยาบาลราวสองสัปดาห์ก่อนได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ แต่ต้องมาทำกายภาพจนกว่าจะครบชั่วโมงที่หมอกำหนด"อีกนิดนะคะ" นักกายภาพกำลังช่วยหัดเดินให้กับชนาวิน คงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่าเขาจะเริ่มเดินได้คล่องแคล่วเช่นเดิมปารดายืนมองชนาวินทำกายภาพด้วยหัวใจที่ลุ้นระทึกทุกครั้ง เหมือนเธอยืนตรงนั้นแทนที่เขาและพยายามจะก้าวเดินออกไป เธอไม่เคยเหนื่อยที่จะช่วยเขาเลย บีบนวดขาให้เขาในทุกๆวันเพื่อให้กลับมาเดินได้อย่างรวดเร็วชนาวินเริ่มกลับมาเดินได้แต่ต้องใช้ไม้ค้ำเพื่อทรงตัว แต่ก็ถือว่าดีขึ้นมากจากก่อนหน้า เขาขยันทำกายภาพและฝึกเดินตลอดจนวามารถกลับมาเป็นปกติได้ในเร็ววัน แต่ยังไม่วามารถวิ่งหรือทำกิจกรรมหนักๆได้มากเท่าไหร่นัก แต่ก็ถือว่าเป็นไปตามแผนที่วางไว้ตลอดสองเดือนที่ผ่านมาชนาวินต้องข้ามผ่านความเจ็บปวดและจิตใจของตัวเองโดยมีลูกกับเมียเป็นเป้าหมาย เขาคิดว่าคงไม่ดีแน่หากไม่สามารถพาลูกวิ่งเล่นในสนามได้"ร่างกายคุณฟื้นตัวเร็วมากครับ ผมยินดีกับคุณด้วยนะครับคุณหายเป็นปกติแล้ว" หมอยิ้มให้อย่างยินดี"คือผมหายดีแล้วเหรอครับ""ใช่ครับ จากที่ทดสอบวันนี้ผ
"เฮียจะสงสารเขาหนูเข้าใจ แต่ทำแบบนี้เขาก็ยิ่งแทรกกลางระหว่างเรา มันก็ไม่จบสักที" ปารดายังบ่นเรื่องของพาขวัญ และชนาวินก็หมดโอดาสแก้ตัวเพราะเรื่องมันเกิดจากเขาทั้งนั้น"เฮียบอกแล้วไงคะ ขวัญเขาไม่ใช่คนไม่ดีอะไรที่เขาทำแบบนั้นเพราะเขารักพี่มากก็แค่นั้น""นี่แก้ตัวแทนเหรอ ใช่สิคะ เฮียกับคุณขวัญรู้จักกันมาก่อน รักกันมาก่อน หนูมันคนอื่น" กอดอกแน่นทำปากคว่ำ บอกให้รู้ว่าไม่พอใจ"ที่รักครับ มันไม่ใช่แบบนั้น" คนบนเตียงกอดเธอเอาไว้หลวมๆ คนน้องนั่งหันหน้าออกไปที่ประตู ชนาวินไม่รู้จะต้องพูดยังไงเพื่อให้อีกคนหายโกรธ"มันเป็นแบบนั้นแหละค่ะ เฮียเข้าข้างเขาเพราะรู้จักกันมานานทั้งที่เฮียก็เห็นว่าเขาไม่ใช่คนที่เฮียเคยรู้จัก ผู้หญิงคนนั้นดูถูกหนู ข่มขู่หนู ทำให้หนูเสียใจ แต่เฮียก็ยังเข้าข้าง ปล่อยค่ะหนูจะกลับ" ดิ้นหนีจะลงจากเตียง แต่ชนาวินไม่ยอม"ไม่เอาสิคะถ้าหนูกลับไปทั้งที่เรายังทะเลาะกันแบบนี้มันไม่ดีเลยนะ" เขาพยายามพูดเสียงอ่อน เพื่อให้อีกคนเย็นลง"ถ้าเฮียยังเข้าข้างคุณขวัญ มันก็ไม่มีวันจบหรอกค่ะ" เธอพูดเสียงแข็ง ปัญหาที่ตอนนี้ยังทะเลาะกันมันเพราะชนาวินยังพูดจาปกป้องพาขวัญทั้งที่ก็เห็นว่าอีกคนทำอะไรเอ
เช้าอีกวัน พาขวัญที่คิดจะไปตั้งแต่แรกต้องวิ่งวุ่นตามพยาบาลสามสี่รอบเพื่อจัดการกับชนาวิน ชายหนุ่มมีอาการท้องเสียงจากยาที่ได้รับและนั่นทำให้พาขวัญรับไม่ได้ แต่เธอก็ยังพอจะช่วยเช็ดตัวให้ได้"พี่วินนิ่งๆสิคะ" พาขวัญเผลอดุเมื่อชนาวินปัดป้องไปมา พยาบาลบอกว่ามันเป็นการตอบโต้จากภาวะสมองเมื่อมีคนแตะตัวเขาแล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อมือของชนาวินปัดเอาอ่างน้ำหกเลอะเทอะและรดที่ตัวของพาขวัญด้วย"พี่วิน! ขวัญบอกให้อยู่เฉยๆไงคะ น้ำหกหมดแล้วเนี่ย" หญิงสาวตวาดลั่นอย่างลืมตัว ชนาวินชะงักไปกับท่าทีเกรี้ยวกราดนั้น พาขวัญหงุดหงิดก้มมองตัวเอง คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากัน"พี่ขอโทษ ขวัญพอเถอะนะ" เขาพูดออกมาเบาๆ "ขวัญไม่เหมาะที่จะดูแลคนป่วยหรอก พี่ขอโทษ ขวัญพอนะ""ช่างเถอะค่ะ ขวัญไปเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ"เธอไม่ฟังที่เขาพูดตอบกลับมาเสียงห้วน แล้วเดินไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำ ชนาวินกดเรียกพยาบาลเข้ามา เขายินดีจ่ายให้กับแม่บ้านเพื่อทำความสะอาดพื้นที่เปียกพาขวัญออกมาก็เห็นพยาบาลกำลังจัดการเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้ ชนาวินนั่งอยู่บนรถเข็นเรียบร้อยแล้ว"พี่วินเรียกพวกเขาเหรอคะ" พาขวัญมองทุกคนที่กำลังทำหน้าที่ของตัวเอง"
/ถ้าเขาเดินไม่ได้ ฉันจะหย่าให้/คำพูดของปารดาแล่นเข้ามาในหัวของพาขวัญไม่หยุด ตอนนี้เธอเดินเป็นหนูติดจั่นอยู่ที่หน้าห้อง เพราะต้องการใช้ความคิด เฝ้าถามตัวเองตลอดเวลา เธอกำลังทำอะไรอยู่ เธอรักเขา เพราะงั้นเธอต้องรับให้ได้ นั่นคือที่เธอต้องทำ แต่ทำไมถึงได้รู้สึกสับสนจนเหมือนกำลังวิ่งวนในอ่างแบบนี้กันพาขวัญพาตัวเอง ออกมานั่งเงียบๆที่ร้านกาแฟด้านล่าง เธอหยิบโทรศัพท์กดหาเพื่อนเพื่อปรึกษา และแน่นอนเพื่อนบอกให้ถอยออกมาเพราะเพื่อนรู้ว่าเธอคงรับไม่ได้หากชนาวินเดินไม่ได้จริงๆใช้เวลาอยู่นาน พาขวัญตัดสินใจที่จะยืนหยัดต่อความรักที่เธอมีต่อชนาวิน และกลับไปหาเขาที่กำลังสิ้นหวังกับการเดินไม่ได้"ป่านอย่าทิ้งเฮียไปเลยนะ" เสียงชนาวินดังอยู่ก่อนแล้ว ภาพที่เห็นคือเขารั้งแขนของปารดาเอาไว้แต่เธอไม่สนใจและเดินหนีมาดื้อๆ"ออ มาพอดี ฝากเขาด้วยนะคะ เพราะฉันมีงานสำคัญต้องทำ" พูดแล้วก็เดินออกไปเลย ในขณะที่ชนาวินสีหน้าเศร้า รังรองกับชนะพลก็เครียดไม่ต่างกัน"พี่วิน ไม่เป็นไรนะคะ ขวัญจะดูแลพี่วินเอง" เธอเดินเข้ามาจับมือเขาไว้ ใช่สิตอนนี้เธอต้องอยู่กับเขา"ขอบคุณนะขวัญ ขอบคุณจริงๆ" เขาเอ่ยปากขอบคุณเบาๆ"ถ้าอย่างนั้
"ไม่มีอะไรหรอก ฮอร์โมนคนท้องน่ะลูก เดี๋ยวน้องก็มา" รังรองหัวเราะเบาๆ เข้าใจอาการของปารดาเป็นอย่างดี"ต่อไปแกจะได้รู้จักกับคำว่ามนุษย์เมีย" ชนะพลยักคิ้วให้"คืออะไรครับพ่อ" เขาเลิกคิ้วไม่เข้าใจ"อีกเดี๋ยวแกจะรู้ว่า ทาสเมียมันเป็นยังไง ฮึฮึ" คำพูดสองแง่สองง่ามของพ่อไม่ได้ทำให้ชนาวินเข้าใจมากขึ้น"พ่อเขากำลังจะบอกว่า น้องกำลังท้อง ไม่ว่าน้องต้องการอะไรให้เราครับอย่างเดียวแล้วทำตามที่น้องบอกยังไงล่ะ" รังรองเผยความกระจ่าง"คำว่าเมียเนี่ยศักดิ์สิทธิ์กว่าพระพุทธรูปอีกนะ พ่อบอกเลย แกฟังแม่ไว้เดี๋ยวดีเอง" เขาตบลงที่ไหล่หนาของลูกชาย ทำเอาชนาวินกลืนน้ำลายลงคออย่างบากลำบาก ไม่หรอกมั้ง ปารดาออกจะน่ารัก ไม่น่าจะเป็นแบบนั้นไปได้หรอกชนาวินก็พอจะเข้าใจความหมายของพ่อและแม่ที่บอกว่าคนท้องให้ตามใจ เพราะตอนนี้ปารดาหน้ามุ่ยที่ถูกขัดใจ แถมไม่ยอมคุยกับเขาอีกต่างหาก"ที่รักครับ เฮียไม่ได้ว่าอะไรเลย""เฮียพูดว่าหนูอ้วน" เธอกอดอกหน้าง้ำ ตรงหน้ามีแต่ขนมเค้กเต็มไปหมดที่สำคัญ มาการองสุดที่รักเพิ่งจะถูกเปิดกล่องขึ้นมาเดี๋ยวนั้นและกินไปแค่อันเดียว ชนาวินแค่ทักว่าอย่ากินเยอะเดี๋ยวอ้วน เท่านั้นแหละเป็นเรื่องเลย"เฮีย