วันรุ่งขึ้นปลายฝนก็แต่งตัวอย่างเรียบร้อยสวยงามเพื่อจะเข้าบริษัทไปฝึกงานพร้อมคุณอัคคี สาวน้อยยิ้มสดใสและเข้าไปช่วยงานในครัวเช่นทุกวันแต่วันนี้เหล่าแม่ครัวไม่ยอมให้เธอช่วยทำเพราะกลัวว่ากลิ่นอาหารจะติดเสื้อผ้าสวยๆ ของเธอเสียหมด
“โธ่ รู้แบบนี้ฝนใส่ชุดอยู่บ้านเก่าๆ มาช่วยป้าแย้มกับป้าโฉมทำกับข้าวดีกว่า” ปลายฝนบ่นยิ้มๆ แต่ก็ช่วยสาวใช้ยกสำรับอาหารมาตั้งโต๊ะเหมือนดังเช่นทุกวันโดยไม่รู้ว่าขณะที่ตนกำลังจัดโต๊ะอยู่นั้นอัคราได้ยืนมองเธออยู่นานแล้ว
“นี่คิดจะประจบเอาตำแหน่งไหนในบริษัทล่ะ” เสียงพูดลอยๆ ของน้ำเสียงที่เธอจำได้แม้แต่ในเวลาหลับก็ทำให้ปลายฝนชะงักใจเต้นรัวก้มหน้านิ่งไม่กล้าเงยหน้ามองเขากลัวว่าเขาจะหาเรื่องด่าว่าเธออีก
“ทำเป็นเงียบนี่คืออะไร มารยาหรือเพราะละอายใจ” อัคราเสียงเข้มขึ้นปลายฝนเดาได้ไม่ยากว่าเขาจะทำหน้าแบบไหน คงจะมองเธอเหมือนสิ่งที่น่ารังเกียจและดวงตาเต็มไปด้วยแววดูแคลนอีกเช่นเดิม
“อ้าว อาซันมาแต่เช้าเลยนะเรา..” คุณอัคคีซึ่งเดินลงมาพร้อมกับภรรยาที่รักเอ่ยทักยิ้มๆ อัคราค่อยๆ เลื่อนเก้าอี้นั่งลงตรงข้ามคนที่เขาไม่ค่อยชอบหน้าแต่ต้องนั่งรับประทานอาหารร่วมโต๊ะกันทุกวันและต้องนั่งเผชิญหน้ากันทุกครั้งด้วย
“วันนี้แต่งตัวสวยเชียวนะหนูฝน” คุณอโนมายิ้มให้สาวน้อยที่นั่งก้มหน้าน้อยๆ อย่างเจียมตัวด้วยอยากให้ใครอีกคนมองเห็นเหมือนตนบ้าง
“ไม่เห็นจะสวยเลย เหมือนเด็กกะโปโลแก่แดด บ้านนอกเข้ากรุง ดูสิทาแก้มแดงอย่างกับตูดลิง”
“ซัน..” ทั้งคุณอัคคีและคุณอโนมาร้องขึ้นพร้อมกันชายหนุ่มจึงตักอาหารใส่ปากเคี้ยวเรื่อยๆ อย่างอารมณ์ดีในขณะที่อีกสามคนที่ร่วมโต๊ะทำหน้าอิหลักอิเหลื่อ โดยเฉพาะปลายฝนรู้สึกลำคอตีบตันจนกลืนอะไรไม่ลงเลยทีเดียว สาวน้อยก้มมองชุดที่ตัวเองใส่อย่างเป็นกังวลแล้วลูบแก้มตัวเองเบาๆ เหมือนให้แน่ใจว่าแก้มของตนไม่ได้แดงเหมือนตูดลิงอย่างที่อัคราว่า คุณอโนมาเห็นแล้วก็เข้าใจในสิ่งที่ปลายฝนคิดอยู่จึงพูดขึ้นเรียบๆ
“เดี๋ยวเย็นนี้แม่จะพาหนูฝนไปซื้อชุดสวยๆ กับเครื่องสำอางดีว่า เป็นลูกผู้หญิงหัดแต่งหน้าบ้างก็ดี อีกหน่อยก็จะได้มีหนุ่มๆ มาเข้าแถวรอยื่นใบสมัครมาเป็นเขยของแม่อ้อนเพียบแน่ๆ ว่ามั้ยคะพี่ไฟ..” คุณอโนมาหันไปยิ้มให้สามี
“จริงด้วย เดี๋ยวหลังเลิกงานแล้วพ่อกับแม่จะพาฝนไปซื้อของ คงสนุกน่าดูว่าไหมที่รัก”
“จริงค่ะ เอาล่ะเราทานข้าวกันเถอะหนูฝนจะได้ออกไปพร้อมคุณพ่อ” คุณอโนมายิ้มกว้างในขณะที่อัคราแอบเบ้ปากอย่างไม่ชอบใจ
มื้ออาหารเช้าผ่านไปด้วยดีปลายฝนก็รีบไปรอคุณอัคคีที่รถด้วยไม่อยากเจอหน้าอัคราแต่กลายเป็นว่าชายหนุ่มนั่งหน้าตึงอยู่ในรถแล้วด้วยท่าทางแสนสบายทั้งยังกางแขนกางขาขวางไว้เหมือนจงใจบอกเธอว่ารถคันนี้เธอไม่มีสิทธิ์จะใช้ร่วมกับเขา รถแวนแสนกว้างขวางเมื่อมีร่างใหญ่ของเขาอยู่ก็ดูจะคับแคบไปทันที...
“เธอคงต้องไปรถเมล์แล้วล่ะ เพราะรถคันนี้ที่เต็มแล้ว” คำพูดของเขาบ่งบอกเจตนาชัดเจน
“อ้อ แล้วก็อย่าไปฟ้องเฮียไฟล่ะว่าฉันแกล้งเธอ ฉันรู้นะเธอคิดอะไรอยู่” ปลายฝนซึ่งกำลังจะเดินไปที่หน้าบ้านชะงักแล้วก้มหน้าเดินต่อไปจึงไม่ได้เห็นแววตาสะใจของเขา
ทางด้านอัครายิ้มบางๆ อย่างสมใจที่ไล่ให้ปลายฝนไปขึ้นรถเมล์ได้ การได้แกล้งปลายฝนเป็นความสุขอย่างหนึ่งของเขาเลยทีเดียว แล้วชายหนุ่มก็ต้องรีบปรับสีหน้าเมื่อเห็นพี่ชายของตนเดินมา
“อ้าว แล้วหนูฝนล่ะซัน..” คุณอัคคีซึ่งขึ้นไปหยิบเอกสารที่ลืมไว้บนห้องทำงานเดินลงมาก็ถามหาปลายฝนด้วยความสงสัยเพราะตนบอกว่าเธอมารอที่รถเพื่อจะได้ไปพร้อมกัน
“เธอไปแล้วครับ อาซันบอกว่าให้รอไปพร้อมกันก็ไม่ยอมรอ เธอบอกว่าอยากลองนั่งรถเมล์ไปทำงาน ก็ดีแล้วนี่เฮียเขาจะได้เจียมตัว..” อัคราพูดโดยไม่มองหน้าพี่ชายที่อายุห่างกันแทบจะเรียกว่าเป็นพ่อลูกกันได้อย่างซ่อนพิรุธ
“แต่แม่อ้อนว่า ต้องมีใครสักคนแถวนี้ไล่ให้น้องไปขึ้นรถเมล์..” คุณอโนมาซึ่งเดินมาสมทบกับสามีพูดขึ้นทั้งยังมองชายหนุ่มอย่างไม่พอใจ
“ใช่สิ อาซันพูดอะไรก็ผิด” คนร้อนตัวพูดขึ้นอย่างน้อยใจ เมื่อพูดกับคุณอโนมาชายหนุ่มมักจะแทนตัวเองว่า อาซัน ด้วยความเคยชินและเมื่อตอนเด็กๆ หากเขาอ้อนเอาอะไรก็จะได้อย่างต้องการหาก ว่ามันสมเหตุสมผลเพราะคุณอโนมารักและเอ็นดูเขาไม่ต่างจากลูกแท้ๆ
“หึ.. รู้สึกผิดจริงๆ รึเปล่าก็ไม่รู้ อ้อนขึ้นรถเถอะเผื่อไปทันหนูฝน” อัคคีปรายตามองน้องชายต่างแม่ผู้แสนเอาแต่ใจแล้วรีบขับรถออกไปโดยเร็ว อัคราซึ่งอุตส่าห์ตั้งใจว่าจะไม่ขับรถไปทำงานเองและมาขึ้นรถคันเดียวกับพี่ชายเพื่อกันท่าปลายฝนก็ได้แต่นั่งหน้าตึงอยู่เบาะด้านหลัง โดยท่าทางของชายหนุ่มไม่ได้รอดพ้นจากสายตาอันแหลมคมของคุณอโนมาที่เฝ้าจับสังเกตเขาอยู่เงียบๆ ไปได้...
ตอนที่3.“นั่นหนูฝนนี่คะคุณพี่ อ้าวแล้วนั่นขึ้นรถไปกับใครแล้วนะ ท่าทางสนิทสนมกันน่าดู” คุณอโนมาพูดขึ้นพร้อมทั้งชี้ให้สามีดูเมื่อพวกตนมาทันก่อนที่ปลายฝนจะไปถึงป้ายรถเมล์และก็พบว่าปลายฝนขึ้นรถไปกับชายหนุ่มคนหนึ่งท่าทางภูมิฐานและรถยนต์ที่ชายหนุ่มคนนั้นจอดรับก็บ่งบอกฐานะของคนขับเป็นอย่างดี รถราคาหลายสิบล้านก็คงไม่ธรรมดา แม้จะมองเห็นไกลๆ ชายหนุ่มที่ลงมาเปิดประตูให้ปลายฝนก็ดูมีสง่าราศีไม่เบาเลยทีเดียว และดูท่าว่าหน้าตาคงจะหล่อเหลาเอาการทีเดียวทั้งรูปร่างยังสูงสง่าน่ามองอีกด้วย“ท่าทางจะหล่อเหลาใช้ได้นะอ้อน แหม.. ถ้าเขาเป็นคนรักของหนูฝนพี่นี่พร้อมจะยกให้เลยนะเนี่ย” คุณอัครายิ้มกว้าง“จริงด้วยค่ะ อืม.. ว่าแต่หน้าตาคุ้นๆ นะคะ เหมือนเคยเห็นหน้าเด็กคนนั้นที่ไหนนะ”“สงสัยคงเป็นหนุ่มๆ ในสต๊อกของยายนั่นล่ะมั้งครับคุณแม่ ยายนั่นก็ท่าทางไม่เบาที่มหาวิทยาลัยก็เห็นมีคนมาติดพันตั้งหลายคน” คนที่นั่งอยู่ข้างหลังอดแขวะไม่ได้ คุณอโนมาหันไปสบตากับสามีแล้วยิ้มบางๆ“ก็คนสวยน่ารักอย่างหนูฝนจะมีคนมารักมาชอบพอติดพันก็เป็นธรรมดานะอาซัน ใครจะเหมือนอิ่มอุ่นแม่น้องสาวตัวดีของเราล่ะ รายนั้นน่ะ แม่อ้อนจะต้องบังคับให้ผู
บทนำ“อย่าคิดว่าทอดกายให้ฉันเชยชมแล้วฉันจะไม่เกลียดเธอนะปลายฝน.. ไม่ว่าจะยังไงฉันก็เกลียดเธออยู่และแม้ว่าฉันจะได้เป็นผู้ชายคนแรกของเธอ ฉันก็ไม่มีวันรักเธอหรือยกย่องเธอให้เป็นเมียฉันหรอกนะ..”ถ้อยคำเย็นชาเชือดเฉือนที่ดังออกมาจากเรียวปากบางสวยสีชมพูระเรื่อดุจริมฝีปากอิสตรีนั้นทำให้ ปลายฝน น้ำตาไหลรินหลั่งประหนึ่งเขื่อนพัง...“และจำใส่หัวเธอไว้ด้วยว่า เธออยู่ในสถานะไหน อย่าสะเออะแสดงอาการให้ใครรู้ล่ะว่าเธอกับฉันมีอะไรกันแค่ไหน มีหน้าที่ให้ความสุขฉันก็ทำแค่นั้น อย่าได้คิดว่าจะเผยอมาเทียบกับฉันหรือเทียบกับ ทราย เพราะเธอคือผู้หญิงที่ฉันจะแต่งงานด้วย”ร่างสูงงามสง่าของ อัครา ลุกขึ้นสวมเสื้อผ้าต่อหน้าเธออย่างไม่เร่งร้อน ร่างแกร่งงดงามด้วยกล้ามเนื้อสมบูรณ์แบบชนิดนายแบบบางคนยังอาย ใบหน้าเรียวยาวขาวสะอาด ดวงตายาวรีรูปเม็ดอัลมอลด์สีน้ำตาลคมเข้มภายใต้คิ้วเข้มดกหนา จมูกโด่งคมรับกับเรียวปากบางเฉียบได้รูปสีชมพูอัครา จงบริบูลย์ไพศาล หรือ อาซัน ลูกชายคนโปรดของ อโนมา หรือแม่อ้อน กับอัคคี ที่ปลายฝนให้ความเคารพรักเสมือนแม่และพ่อแท้ๆ ของตน แม่อ้อนนั้นใจดีอ่อนโยนอ่อนหวานและเต็มไปด้วยเมตตาเอ็นดูเธอเช่นเดียว
ตอนที่1. “เรียนปีนี้ปีสุดท้ายแล้วใช่ไหมจ๊ะหนูฝน” คุณอโนมาถามสาวน้อยหวานซึ่งนั่งพับเพียบอยู่ตรงหน้า ดวงหน้าหวานละมุนซึ่งประดับด้วยคิ้วเรียวกับดวงตากลมโตสดใสฉายประกายหวานซึ้ง จมูกโด่งเรียวเล็กรับกับริมฝีปากอิ่มระเรื่อด้วยวัยสาวสด แม้ปลายฝนไม่ได้เป็นคนสวยฉูดฉาดบาดตาแต่ใบหน้าหวานละมุนของเธอก็ทำให้คนมองรู้สึกสบายตา สบายใจเช่นเดียวกับสายฝนเย็นฉ่ำที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผืนโลก...“ค่ะคุณแม่”“เร็วจังเลยนะ เผลอแป๊บเดียวเด็กๆ ก็โตเป็นหนุ่มเป็นสาวหมดแล้ว” คุณอัคคีซึ่งอยู่ในวัยล่วงเลยมากว่าห้าสิบปีเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มละไม ร่างสูงที่ยังคงงามสง่าไม่เสื่อมคลายลุกขึ้นแล้วเดินไปหยิบกล่องกำมะหยี่สีแดงออกมาส่งให้ปลายฝนซึ่งก็ยื่นมือไปรับด้วยรู้ดีว่าไม่สามารถปฏิเสธสิ่งที่ท่านมอบให้ได้“นี่เป็นของขวัญจากพ่อนะหนูฝน หนูควรจะได้รับมันให้สมกับที่เป็นเด็กดีของพ่อแม่มาตลอด” คุณอโนมาบอกเมื่อเห็นว่าปลายฝนมองสิ่งที่อยู่ในกล่องนิ่งเหมือนกังวล“ฝนขอบคุณมากค่ะคุณแม่ แต่ฝนเกรงว่า..”“ไม่ต้องกลัวว่าอาซันจะมาว่าหรอก เพราะเรื่องนี้เราจะเก็บเป็นความลับเฉพาะพวกเรา” คุณอัคคียิ้มกว้างรู้ทันความคิดของสาวน้อยที่นั่งก้มหน้านิ่งอยู