“ถ้าฉันท้องล่ะคะจะเกิดอะไรขึ้น” ก่อนหน้านี้เขาเคยขอเธอเรื่องที่จะไม่ใช้ถุงยางอนามัยเวลาที่มีอะไรกัน แถมยังสั่งไม่ให้เธอกินยาคุมกำเนิด แต่ที่เธอถามออกไปแบบนี้ เพราะเธอยังไม่ได้รับการยอมรับจากคุณนิพนธ์ จึงกลัวว่าถ้าเกิดตั้งท้องขึ้นมาอาจจะเพิ่มปัญหาให้เขา“ผมก็พาคุณไปฝากครรภ์ไง”“ไม่ใช่เรื่องนั้นสักหน่อย” เธอมองค้อนที่เหมือนเขาเห็นเรื่องตั้งครรภ์เป็นเรื่องเล็ก ทั้งที่มันเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับลูกผู้หญิง“คุณกลัวผมจะไม่รับผิดชอบเหรอ” สายตาคมเข้มจริงจังขึ้นมาทันทีเธอหลุบสายตามองต่ำ ถ้าบอกว่าเธอไม่ได้เป็นกังวลเรื่องนี้ก็ดูจะเป็นการโกหก ถ้าเธอต้องปล่อยให้ตัวเองท้องเธอก็ต้องแน่ใจในอะไรหลายๆ อย่าง หนึ่งในนั้นก็คือเขาเธออยากรู้ว่าเขาพร้อมจะเป็นหัวหน้าครอบครัวแล้วเหรอ เพราะการจะเป็นพ่อคน ไม่ใช่ต้องการแค่เงินทอง แต่ยังต้องมีความรับผิดชอบสูง พร้อมเสียสละเวลาส่วนตัว และพร้อมที่จะดูแลอีกหนึ่งชีวิตด้วยหัวใจ“คุณฟังผมนะ ผมไม่ใช่เด็กแล้ว แล้วผมก็ไม่ใช่คนไม่มีความรับผิดชอบ ที่ผมบอกว่าอยากมีลูกก็แปลว่าผมพร้อม แน่นอนว่าไม่ใช่แค่เรื่องเงินทอง แต่ผมพร้อมจะเป็นพ่อคนแล้วจริงๆ ผมอยากมีเด็กวิ่งเล่นอยู่ในบ้าน อ
บทนำเธอ…คนที่โลกใบนี้ไม่เคยใจดีด้วย ในชีวิตท่องจำแค่คำว่า “งานคือเงิน” และบางครั้งเงิน…ก็ต้องมาก่อนศักดิ์ศรีเขา…ศัลยแพทย์ผู้หลงใหลในเซ็กซ์พอๆกับการผ่าตัด สำหรับเขา 'ความสุข' ซื้อได้ด้วยเงิน“ถอดออก ผมจะดูที่เหลือเอง” มือน้อย ๆ กอบกำเข้าหากันแน่น สายตาที่มองมาเหมือนกำลังเปลื้องผ้าเธอออกทีละชิ้น ๆ ร่างกายหญิงสาวร้อนผ่าวเหมือนถอดออกไปทุกชิ้นแล้วทั้งที่ยังอยู่ครบ“ถอดสิ หรือว่าจะให้ผมเป็นคนถอด?” คุณหมอผู้วางสีหน้าเรียบนิ่งในวันที่เธอพาประสิทธิ์ไปโรงพยาบาลเห็นได้ชัดว่าตอนนี้เป็นคนละคน แม้ยังวางตัวได้เป็นอย่างดีแต่ก็ไม่ต่างจากราชสีห์ที่พร้อมตะครุบเหยื่อทุกเมื่อ“ไม่ต้อง” ยกมือขึ้นห้ามอย่างไว อัจจิมาสูดหายใจเข้าลึก ความปรารถนาที่คุกรุ่นของศัลยแพทย์หนุ่มทำลายความเหนียมอายลงไปหลายส่วน หลังจากลอบกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ เธอก็จัดการถอดเดรสสั้น แก้มเนียนขาวเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อเนื้อตัวเย็นเฉียบเหมือนมีน้ำแข็งเกาะกุม ไม่คิดว่าในชีวิตเธอต้องมาทำอะไรแบบนี้“สองชิ้นนั้นด้วย” น้ำเสียงดุจพญามัจจุราชสั่งให้อัจจิมาขยับร่างกาย ส่งมือไปด้านหลังเพื่อจัดการปลดตะขอบราเซีย บางส่วนของเรือนผมนุ่มสลวยหล่นลงบดบังป
วานนี้หัวหน้ามอบหมายให้เธอไปส่งเอกสารให้กับลูกค้า กว่าจะเดินทางมาถึงบริษัทก็ล่วงเลยเวลาเข้างานไปพอสมควร ทว่ายังไม่ทันถึงแผนกเสียงใครคนหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหลังเธอ“มาแล้วเหรอนังตัวดี” พอหันไปมองก็เห็นภรรยาของเจ้าของบริษัทยืนอยู่พนักงานในบริษัทมองอัจจิมาด้วยสายตาเดียวกัน และเหมือนว่าเพื่อนร่วมงานอยากบอกอะไรแต่ก็ไม่กล้าพูด“คุณปานวาดคุยกับดิฉันเหรอคะ”“ฉันจะคุยกับใครได้ถ้าไม่ใช่แมวขโมยกินของคนอื่นอย่างเธอ”“คุณปานวาดพูดเรื่องอะไรคะดิฉันไม่เข้าใจ” อัจจิมาไม่เข้าใจว่าภรรยาของเจ้านายเธอพูดถึงเรื่องอะไรกันแน่“ฉันรู้อยู่แล้วว่าคนหน้าด้านอย่างเธอถ้าไม่มีหลักฐานก็คงจะไม่ยอมรับ งั้นก็เอานี่ไปดู” อัจจิมาก้มหยิบรูปถ่ายที่เพิ่งจะถูกอีกฝ่ายปามาใส่ ดวงตาเรียวรีเบิกกว้าง เมื่อคนในภาพเห็นใบหน้าชัดเจนว่าเป็นเธอกับปกรณ์ที่กำลังเดินเคียงข้างเข้าไปในโรงแรมด้วยกันแต่ทุกอย่างมันไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนกำลังเข้าใจ“คุณปานวาดกำลังเข้าใจฉันผิดนะคะ” เธอพยายามจะอธิบายแต่คนซึ่งถูกความหึงหวงโกรธจนเลือดขึ้นหน้าไม่คิดจะฟังคำแก้ตัวของเธอ“หลักฐานชัดขนาดนี้ยังจะมีหน้ามาแก้ตัวอีก เธอคงอยากได้ผัวคนอื่นมากสินะ” กำลังจ
หลายวันก่อนปกรณ์เรียกให้เธอเข้าไปพบในห้องทำงาน ตอนแรกเธอก็นึกแปลกใจเพราะโดยปกติจะไม่ได้สั่งงานกับเธอโดยตรง หลังจากที่เจ้าของห้องต้อนรับเธอด้วยกาแฟอย่างดีอัจจิมาก็ได้ทราบถึงจุดประสงค์ที่ถูกเรียกมาคุยเป็นการส่วนตัวปกรณ์บอกกับเธอว่าลูกสาวของเขาตั้งท้องกับแฟนหนุ่มที่แอบคบหากันแต่ฝ่ายชายปฏิเสธความรับผิดชอบ ครั้นจะบอกผู้เป็นแม่ลูกก็ไม่กล้า คนอย่างปานวาดถ้ารู้ว่าลูกมีเรื่องงามหน้าจะต้องโกรธและรับไม่ได้ที่ลูกสาวเพียงคนเดียวทำอับอายขายขี้หน้า ส่วนปกรณ์ก็ถนัดเลี้ยงดูลูกด้วยเงินไม่เคยใส่ใจให้ความอบอุ่นมาตั้งแต่เด็ก พอเกิดปัญหาขึ้นเลยมีเส้นบาง ๆ ขวางกั้นตัดสินใจนำเรื่องในบ้านเล่าให้คนนอกอย่างเธอฟังเป็นเพราะปกรณ์แอบได้ยินลูกสาวคุยโทรศัพท์ทำนองจะแอบไป ‘ทำแท้ง’ด้วยความที่อัจจิมาทำงานให้เขาตั้งแต่เรียนจบ เลยพอรู้จักนิสัยใจคอไว้ในใจระดับหนึ่งว่าเธอจะไม่นำเรื่องในครอบครัวไปเล่าต่อ ประกอบกับที่อัจจิมารู้จักกับลูกของเขาเห็นพูดคุยกันถูกคอ เมื่อหมดหนทาง สุดท้ายเลยต้องมาขอให้เธอไปช่วยพูดจึงปฏิเสธไม่ได้ว่าบุคคลในภาพถ่ายคือเธอกับเจ้านายหนุ่มเคียงคู่เข้าโรงแรมไปด้วยกัน หากแต่โรงแรมนั้นเป็นลูกของเจ้านายเธอท
อัจจิมาทิ้งตัวลงนั่งกอดเข่าอยู่ที่พื้นไม้บาเก้ในห้องนอน ปล่อยน้ำตาที่อัดแน่นในอกให้ไหลทะลักออกมากับความไม่ยุติธรรมของชีวิตจู่ ๆ เธอก็กลายเป็นคนตกงาน เงินเก็บก่อนสุดท้ายหมดไปกับการชดใช้บุญคุณที่ไม่รู้จะจบสิ้นวันไหนมือทั้งสองกุมใบหน้าที่เปียกชุ่ม แม้จะถูกปัญหารุมเร้าหนักแต่เธอก็ต้องกลั้นไม่ให้เสียงสะอื้นของตัวเองดังออกไปข้างนอก ถ้าตอนนี้ ‘บังอร’ แม่ของเธอยังมีชีวิตอยู่ หากประสิทธิ์ไม่พาเพ็ญพักตร์เข้ามาอยู่ในบ้านชีวิตของเธอจะดีกว่านี้ไหม สวรรค์ต้องทดสอบเธออีกสักแค่ไหน ความสุขเลือนรางถึงจะมากองอยู่ตรงหน้าปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความทุกข์ในใจได้ไม่นาน อัจจิมาก็ต้องดึงสติให้กลับมา ไม่มีประโยชน์อันใดที่เธอจะมัวมาอ่อนแอ เรียกร้องหาความยุติธรรมหรือความใจดีจากฟ้าจากสวรรค์ที่ไหนร่างบางพยุงตัวเองให้ลุกยืนใช้หลังมือปาดน้ำตาออกอย่างลวก ๆ เข้าไปอาบน้ำชำระล้างให้เนื้อตัวสะอาดสดชื่น เมื่อเธอยังต้องออกไปรับบททดสอบของชีวิตเนื่องจากเป็นช่วงเวลาเร่งรีบอัจจิมาจึงไม่ได้พิถีพิถันในการอาบน้ำ ร่างบางที่มีเพียงผ้าเช็ดตัวมัดอกนั่งลงหน้ากระจกได้ก็จัดการใช้ไดร์ผมให้แห้ง ก่อนจะเขียนคิ้วทาปากแค่พอดูได้ เสร็จแล้
กระเป๋าใบเล็กวางลงบนเก้าอี้ข้างลำตัว อัจจิมาหันหน้าเข้าหากระจกบานใหญ่ หยิบเครื่องประทินโฉมออกมาจัดการเติมหน้าทาปาก ไม่สนใจจะเข้าร่วมวงสนทนากับเพื่อนร่วมงานที่กำลังคุยจ้อถึงลูกค้ากระเป๋าหนักรายหนึ่ง“พี่รี่วันนี้คุณโจ้จะมาเหรอ”“ก็ใช่น่ะสิ วันนี้ถึงต้องสวยเป็นพิเศษไง” เชอร์รี่ สาวอกอึ๋มในชุดเดรสผ่ายาวถึงกลางหลังหยิบแท่งลิปสติกสีเลือดนกทาปากอย่างประณีตอรรถนพ เป็นหนุ่มนักธุรกิจ คนในสังคมเรียกว่า คุณโจ้ แวะเวียนมาแต่ละครั้งแทบไม่ต้องเชียร์ดริ๊งให้ลูกค้าคนอื่น“งั้นหมวยเปลี่ยนชุดใหม่ดีกว่า ชุดนี้ยังไม่น่ากินเท่าไหร่” สาวตัวเล็กในวัยยี่สิบปีต้น ๆ บอกด้วยท่าทางระริกระรี้“อย่างเธอไม่ใช่สเปคคุณโจ้หรอกเสนอหน้าไปก็เท่านั้น”“พี่รี่อ่ะ” ทำปากย่นใส่รุ่นพี่คนสนิทอย่างเถียงไม่ออก เมื่อความจริงเป็นอย่างว่า“นั่นสิ ขนาดบางคนขยันไปอ่อยทุกครั้งแต่ไม่ยักเห็นคุณโจ้จะเรียกไปนั่งด้วย” มิลลิ หนึ่งในตัวท็อปของบรรดาสาวสวย พูดขึ้นลอย ๆ หากแต่มันก็ชัดเจนว่าตั้งใจจะเหน็บใคร เชอร์รีเลยสวนขึ้นทันที“ว่าให้ใคร”“ใครอยากรับก็รับไปสิ”“นี่…!”“ทำไม…!” ทั้งสองคนลุกจากเก้าอี้ง้างฝ่ามือเตรียมฉะกับอีกฝ่าย แต่ในตอนนั้น ร
ภาพตรงหน้าทำให้อัจจิมายืนมองด้วยหัวใจไหวสะท้าน ในหัวหนักอึ้ง มือทั้งสองข้างชื้นไปด้วยเหงื่อระหว่างยืนมองดูนิรุทจูบกับผู้หญิงคนนั้น“รุท…” คนถูกขานชื่อหันมามอง เขาหน้าซีดขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่าเจ้าของเสียงเรียกเมื่อครู่คือใครอัจจิมาไม่ได้เป็นแฟนของนิรุทคนเดียว พูดให้เข้าใจง่าย ๆ คือเขามีโลกสองใบ กับอัจจิมาคบหากันมาได้สามปี แต่นิรุทก็ยังไม่เคยพาไปแนะนำให้ครอบครัวรู้จักลูกสาวเจ้าของโรงแรมหรูระดับประเทศคือโลกอีกใบของแพทย์หนุ่มฐาจะฐานะทางบ้าน สังคม รสนิยม เหนือกว่าอัจจิมาทุกอย่าง สองครอบครัวรู้จักกันเป็นอย่างดี และทั้งคู่ก็วางแผนจะแต่งงานกันในเร็ว ๆ นี้แต่ปัญหามันอยู่ที่…อัจจิมาไม่เคยรู้หรือระแคะระคายมาก่อนว่าตลอดเวลาที่คบหากัน นิรุทยังมีใครอีกคน“ใครเหรอคะ” ไฮโซสาวหันไปถามแฟนหนุ่ม สิ่งที่คนอย่าง โสรยา เกลียดที่สุด คือการที่มีคนทำให้เธอขายขี้หน้า“เอ่อ คือ…” นิรุทอ้ำอึ้งเหมือนกำลังอมอะไรอยู่ในปาก หากก็มีคำตอบในใจอยู่แล้วถ้าตัดเรื่องเงินทองออกไป อัจจิมาถือว่าเป็นผู้หญิงตรงตามสเปคทุกประการ แต่เธอไม่คู่ควรกับเขา นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่เขาไม่เคยพาอัจจิมาออกสังคม“แล้วคุณเป็นใครคะ”“ฉันเ
ต่อให้เธอจะทำตัวเข้มแข็งยังไง แต่เมื่อหันหลังออกมาน้ำตาก็ไหลรื้นเป็นทางอย่างห้ามไม่ได้ อัจจิมาอยากจะร้องไห้โฮให้กับความโง่งมของตัวเอง แต่ผู้ชายเลว ๆ พรรค์นั้นไม่มีค่าพอให้เธอเสียน้ำตาให้หลังมือเล็กปาดคราบน้ำตาออกอย่างลวก ๆ เพราะเธอไม่มีเวลาให้มานั่งฟูมฟาย จัดการเติมหน้าทาปากปกปิดความเรียบร้อยก็พร้อมจะกลับไปทำงาน แต่ไปถึงเธอก็พบว่าอรรถนพลูกค้าหนุ่มกลับไปแล้วปกติเธอคงจะรู้สึกโล่งใจเหมือนได้ทำงานลุล่วงไปแล้วครึ่งทาง ทว่าหัวใจมันกลับหนักอึ้งราวกับมีก้อนหินขนาดใหญ่กดทับอยู่ อัจจิมาพยายามจะไม่คิดถึงเรื่องของนิรุท พยายามจะไม่คิดถึงความรักเฮงซวยที่ตายจากไปแล้ว แต่มองไปทางไหนก็เจอแต่คำว่าเสียใจเต็มไปหมด“วันนี้เป็นอะไรรึเปล่าดูสีหน้าไม่ค่อยดี” รุ้งรวีสังเกตเห็นความผิดปกติจากใบหน้าของลูกน้อง แต่เธอไม่ได้ตอบคำถาม หันไปสั่งเครื่องดื่มกับบาร์เทนเดอร์หนุ่ม“เอาแรงๆ มาแก้วนึงพี่วันนี้จี๊ดจะเมา”“นึกยังไงถึงอยากดื่ม แล้วไม่ต้องรีบกลับเหรอ พรุ่งนี้ต้องตื่นไปทำงานไม่ใช่เหรอ” แค่ที่ลูกค้าให้ดื่มเป็นเพื่อนเธอก็แทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว อีกอย่าง…รุ้งรวีก็ไม่เคยเห็นเธอจะมานั่งดื่มแบบนี้“ถูกไล่ออกแล้วน่ะค่ะ” ย
“ถ้าฉันท้องล่ะคะจะเกิดอะไรขึ้น” ก่อนหน้านี้เขาเคยขอเธอเรื่องที่จะไม่ใช้ถุงยางอนามัยเวลาที่มีอะไรกัน แถมยังสั่งไม่ให้เธอกินยาคุมกำเนิด แต่ที่เธอถามออกไปแบบนี้ เพราะเธอยังไม่ได้รับการยอมรับจากคุณนิพนธ์ จึงกลัวว่าถ้าเกิดตั้งท้องขึ้นมาอาจจะเพิ่มปัญหาให้เขา“ผมก็พาคุณไปฝากครรภ์ไง”“ไม่ใช่เรื่องนั้นสักหน่อย” เธอมองค้อนที่เหมือนเขาเห็นเรื่องตั้งครรภ์เป็นเรื่องเล็ก ทั้งที่มันเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับลูกผู้หญิง“คุณกลัวผมจะไม่รับผิดชอบเหรอ” สายตาคมเข้มจริงจังขึ้นมาทันทีเธอหลุบสายตามองต่ำ ถ้าบอกว่าเธอไม่ได้เป็นกังวลเรื่องนี้ก็ดูจะเป็นการโกหก ถ้าเธอต้องปล่อยให้ตัวเองท้องเธอก็ต้องแน่ใจในอะไรหลายๆ อย่าง หนึ่งในนั้นก็คือเขาเธออยากรู้ว่าเขาพร้อมจะเป็นหัวหน้าครอบครัวแล้วเหรอ เพราะการจะเป็นพ่อคน ไม่ใช่ต้องการแค่เงินทอง แต่ยังต้องมีความรับผิดชอบสูง พร้อมเสียสละเวลาส่วนตัว และพร้อมที่จะดูแลอีกหนึ่งชีวิตด้วยหัวใจ“คุณฟังผมนะ ผมไม่ใช่เด็กแล้ว แล้วผมก็ไม่ใช่คนไม่มีความรับผิดชอบ ที่ผมบอกว่าอยากมีลูกก็แปลว่าผมพร้อม แน่นอนว่าไม่ใช่แค่เรื่องเงินทอง แต่ผมพร้อมจะเป็นพ่อคนแล้วจริงๆ ผมอยากมีเด็กวิ่งเล่นอยู่ในบ้าน อ
“ผมชอบที่คุณพูดแบบนี้ ฟังแล้วมันได้อารมณ์” เสียงของชายหนุ่มต่ำพร่าลง นัยน์ตาวาววับแต่ไม่ได้เยือกเย็นเหมือนเมื่อก่อนก้มลงลิ้มเลียยอดถันข้างที่เหลือ บีบคลำเต้าทรวงผ่องในอุ้งมืออย่างคนตะกละตะกลามอัจจิมาครางไม่เป็นภาษาอยู่บนโต๊ะทานข้าวตัวหรู ท่อนขาเรียวงามโอบรัดสะโพกอีกฝ่าย ก่อนจะแอ่นเอวเข้าหาร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่เบื้องหน้า เสียดสีกึ่งกลางลำตัวกับหน้าขากำยำท่อนเนื้อที่บดเบียดกับเนินนุ่มของหญิงสาวผ่านกางเกงเนื้อดีเริ่มแข็งขึงขึ้นมา ไม่รู้เป็นเพราะท่าทางยั่วยวนของเธอหรือเป็นเพราะอารมณ์ดิบในตัวของเขาเอง ที่ทำให้อารมณ์ใคร่ปรารถนาของเขาพลุ่งพล่านอย่างรวดเร็วเมื่อก่อนในโลกนี้สำหรับเขาสำคัญอยู่แค่สองเรื่อง นั่นคือเซ็กซ์กับมีดผ่าตัดแต่ตอนนี้ไม่ใช่อีกต่อไป แม้ว่าการมีเซ็กซ์จะยังจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของเขา แต่หากเขาไม่มีเธออยู่ข้างกาย ชีวิตต่อจากนี้ของเขาก็ไม่ต่างจากสิ่งของไร้ค่าชายหนุ่มขยับออกมายืนข้างโต๊ะทานข้าวเรียบหรู ปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกอย่างใจเย็นแล้วรวบเอวดึงร่างขาวผ่องของหญิงสาวคนรักให้ขยับมาที่ขอบโต๊ะ เลื่อนมือไปลูบไล้กลีบอิ่มนูน หยาดน้ำที่เอ่อล้นออกมาฉ่ำเยิ้มจนมองเห็นความเปียกชุ่ม
อัจจิมารู้สึกตัวเพราะแสงแดดที่สาดส่องเข้ามากระทบเปลือกตาในช่วงสาย ศีรษะและร่างกายของเธอหนักอึ้งเหมือนถูกถ่วงทับด้วยภูเขาหิน ลำคอแห้งผาก กว่าจะขยับตัวได้ก็ใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งพอลืมตาสิ่งแรกที่เห็นคือปลายคางแข็งแรงมองเห็นเป็นปื้นสีเขียวจางของศัลยแพทย์หนุ่ม ซึ่งเธอกำลังนอนแนบชิดซบอยู่ที่อกอุ่น ท่อนแขนข้างหนึ่งของเขาโอบเอวเธอไว้หลวม ๆ มือใหญ่วางอยู่บนบั้นท้ายเปลือยเปล่าจากการร่วมรักกันเมื่อคืนนี้ทุกคนที่บริษัทเข้าใจว่าเมื่อวานนี้เธอได้หยุดพักผ่อนหนึ่งวันเต็ม ๆ แต่หารู้ไม่ว่าเป็นวันลาพักผ่อนที่สูบเอาเรี่ยวแรงของเธอไปจนแทบจะไม่หลงเหลือถ้าเธอรู้ว่าเขาจะเป็นคนกระหายในรักได้ทั้งวันทั้งคืนแบบนี้ เธอคงจะไม่หลวมตัวคบคุณหมอ ‘เซ็กซ์จัด’ เป็นแฟนอย่างแน่นอนคิดมาถึงตรงนี้ริมฝีปากได้รูปก็ปรากฏรอยยิ้มน้อย ๆ เป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุข เมื่อย้อนนึกถึงเรื่องราวที่รุ้งรวีเล่าให้ฟังไม่กี่วันมานี้‘พิธาพึงพอใจในตัวเธอมานานแล้ว’ นี่คือประโยคแรกที่รุ้งรวีบอกเล่า สิ่งที่เขาทำให้เธอก็คงเป็นอย่างที่ใครหลายคนอาจเรียกว่า ‘ปิดทองหลังพระ’ เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่า ครั้งนี้หัวใจเธอเลือกรักคนไม่ผิดอัจจิมาไม่ได้
“ออกไประเบียงดีกว่า ตรงนี้ผมจับคุณฉีดยาไม่ถนัด” เหมือนเธอจะฟังไม่ชัดเจนระเบียงเนี่ยนะไม่ทันที่เธอจะทำความเข้าใจกับคำพูดนั้น พิธาก็ถอนแก่นกายออกมาด้วยความรวดเร็ว ช้อนเธอให้อยู่ในอ้อมอก ก้าวเท้ายาว ๆ ออกไปข้างนอก ถึงแม้ว่าจะอยู่ในสภาพล่อแหลมแต่ร่างกายของเธอก็ยังมีชุดนอนตัวบางปกปิด ส่วนเขาก็ยังสวมใส่เสื้อผ้าครบทุกชิ้น“ดะ เดี๋ยวก่อนค่ะ เราจะทำกันตรงนั้นจริงๆ เหรอ” เขาเคยบอกว่าความพิเศษของระเบียงที่เหมือนยกห้องนั่งเล่นกลางแจ้งขึ้นมาไว้บนชั้นสูงเฉียดฟ้าสร้างความตื่นเต้นให้เธอกับเขาได้ในยามที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศ แต่ตอนนั้นเธอไม่คิดว่าเขาจะเอาจริงถึงมันจะมีความเป็นส่วนตัวด้วยมีกระจกที่สั่งทำขึ้นพิเศษเป็นกำแพงรอบด้าน แต่เธอก็อดรู้สึกแปลก ๆ ไม่ได้อยู่ดี ต่อให้ไม่มีคนมองมาเห็น ก็อาจมีมดมีแมลงสักตัวเห็นก็ได้“วันนี้ผมอยากเอาคุณที่ระเบียง” ใบหน้าของอัจจิมาร้อนผะผ่าว เขาก้าวขายาวๆ ออกไปยังพื้นที่ด้านนอกของเพนท์เฮาส์ในทันทีตอนนี้พายุหน้าฝนสงบลงแล้วแต่พื้นส่วนหนึ่งที่ไม่มีหลังคาปกคลุมยังชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำฝนเขาค่อยๆ วางเธอลงบนพื้น ใกล้กับกระจกสูงเท่าสองตัวคนยืนต่อกันเห็นจะได้“กระจกนี้ผมสั่งทำพิเศ
“คุณหมายถึงเรื่องอะไร” เสียงทุ้มดังขึ้นทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก่อนที่ลิ้นสากจะกวัดรัดรึงยอดทรวงชูชันของเธออีกครั้ง“อ๊ะ! กะ…ก็ที่คุณไม่ระ…รับข้อเสนอของพ่อคุณงะ…งายคะ ซี้ดด” ลิ้นที่ตวัดยอดปทุมถันของเธอไม่หยุดสร้างความซ่านเสียวจนอัจจิมาแทบจะพูดออกมาไม่เป็นคำเรื่องที่พิธาปฏิเสธการแต่งงานกับลูกสาวรัฐมนตรีเกรียงไกรต่อหน้าแขกเหรื่อมากมายกลายเป็นประเด็นใหญ่ในวงการแพทย์ตลอดหลายวันมานี้ทั้งสองตระกูลหมายมั่นจะเป็นทองแผ่นเดียวกันเพราะเหตุผลทางธุรกิจ แต่ทุกอย่างก็ต้องถูกยกเลิกเพราะการกระทำของพิธาบนเวทีในวันนั้น ผู้ใหญ่ทั้งสองครอบครัวหมางใจกันจนเป็นเหตุให้คุณนิพนธ์เรียกให้พิธาไปพบในวันต่อมาวันนั้นเขาพาเธอไปด้วย เพราะอยากแนะนำเธอให้คุณนิพนธ์รู้จักอย่างเป็นทางการ เธอยังจดจำสายตาที่คุณนิพนธ์มองเธอได้ดีท่านมองเธอตั้งแต่ศีรษะลงไป แม้จะไม่ใช่สายตารังเกียจเดียดฉันท์แต่เธอก็แน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้มองมาด้วยความเอ็นดูบรรยากาศภายในห้องทำงานของผู้อำนวยการโรงพยาบาลขณะนั้นเต็มไปด้วยมวลอากาศแห่งความอึดอัดกระจายอยู่เต็มห้อง ตึงเครียดตั้งแต่บทสนทนาแรกเริ่มขึ้น“ฉันจำได้ว่าไม่ได้บอกให้แกพาคนอื่นมาด้วย” คุณนิพนธ์ปรายต
อัจจิมาลืมตาขึ้นมาในเพนท์เฮาส์หรูในวันที่ฝนโปรยปรายลงมาแต่เช้ามืด เมื่อคืนนี้เธอตั้งใจว่าจะกลับไปนอนที่บ้านแต่เป็นพิธาที่ไม่ยอมปล่อยให้เธอกลับ ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่ได้ออกคำสั่งกับเธอแล้วแต่ความเอาแต่ใจของเขาก็ไม่ได้ลดน้อยถอยลง แต่กลับเพิ่มขึ้นทุกวัน“คุณภิม อยู่ไหนคะ” อัจจิมาไม่เห็นชายหนุ่มนอนอยู่บนเตียงจึงเดินออกมาดูข้างนอก ไม่รู้ว่าคนเป็นหมอเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนถึงนอนตื่นแต่เช้าได้ ทั้งที่เมื่อคืนนี้กว่าจะกลับมาจากโรงพยาบาลก็ดึกดื่น แถมกลับมาถึงเขายังแสดงความรักต่อเธอจนทั้งเธอและเขาต่างก็เสียน้ำกันหลายรอบเห็นพิธานั่งอยู่บนโต๊ะทำงานตัวใหญ่ เบื้องหน้ามีเอกสารวางอยู่ แต่สีหน้าดูไม่ค่อยดีนัก“ทำไมรีบตื่นจังเลยล่ะคะ น่าจะนอนต่ออีกหน่อย”“ผมนอนพอแล้ว คุณเถอะ ทำไมรีบตื่นน่าจะนอนต่ออีกหน่อย”“ฉันถามคุณนะคะไม่ใช่ให้คุณมาย้อนถาม” อัจจิมาแกล้งทำหน้างอน เห็นเธอเป็นแบบนี้เขาจึงดึงคนตัวเล็กลงมานั่งที่ตักก่อนจะหาเรื่องรังแกเธอแต่เช้า“โทษฐานที่ผมทำให้คุณโกรธแต่เช้า งั้นวันนี้ผมจะอยู่กับคุณทั้งวันเลยดีไหม”“วันนี้ฉันต้องไปทำงาน”“ไม่ต้องไป ผมลางานให้คุณเรียบร้อยแล้ว” ยิ้มกรุ้มกริ่ม“ลางาน ลาทำไมค
หรือว่าลูกชายเจ้าของโรงพยาบาลที่ทุกคนพูดถึง ก็คือพิธา“ผมมีความยินดีที่จะแจ้งให้ทุกท่านทราบโดยพร้อมเพรียงกันว่า ลูกชายของผมกับหนูอรจีราลูกสาวของคุณเกรียงไกรกำลังจะเข้าพิธีวิวาห์ในอีกสองเดือนข้างหน้านี้ครับ” ทุกคนต่างปรบมมือร่วมแสดงความยินดีกับทั้งสองครอบครัวที่กำลังจะเป็นทองแผ่นเดียวกัน คงมีเพียงแค่อัจจิมาที่ต่างไปจากทุกคนเรื่องที่เพิ่งได้ยินส่งผลให้สมองของอัจจิมาหยุดการทำงานชั่วขณะ เขากำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น!ตอนตกลงรับงานนี้เธอรู้เพียงว่าตัวเองต้องมาเป็นพิธีกรในงานประชุมสัมมนาที่จัดขึ้นโดยรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข รายละเอียดปลีกย่อยนอกเหนือจากนี้แอมมี่เพิ่งจะแจ้งเธอตอนที่มาถึงหน้างานแต่ข้อมูลที่แอมมี่บอกให้เธอรู้ตอนบรีพงานก็ไม่ได้ลงลึกว่าในงานมีใครมาบ้าง เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าของโรงพยาบาลที่ทุกคนพูดถึงคือคุณนิพนธ์แม้แต่ตอนที่เธอได้ยินว่าจะมีงานวิวาห์ ระหว่างบุตรสาวของรัฐมนตรีกับลูกชายเจ้าของโรงพยาบาล เธอก็ไม่ได้เอะใจสักนิดว่าทายาทคนนั้นจะเป็นพิธา เพราะตอนที่เธอบอกเขาว่ารับเป็นพิธีกรในงาน ชายหนุ่มก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา และยังบอกอีกว่าเขาไม่ได้ถูกเชิญให้มางานนี้แปลว่าเขาจงใจป
ภายในห้องรับรองโรงแรมแห่งหนึ่ง อดีตนายแพทย์นิพนธ์ที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาล ‘วิวัฒเวช’ นั่งจิบกาแฟก่อนจะรับฟังรายงานจากเลขาคนสนิท"จากที่ท่านให้ผมไปสืบ ตอนนี้คุณพิธากำลังคบหาอยู่กับผู้หญิงคนนึงครับ ชื่อจี๊ด อายุยี่สิบเจ็ดปี เรียนจบคณะบัญชีมหาฯลัยXX เคยเป็นพนักงานในบริษัทของคุณปกรณ์แต่ถูกไล่ออกเมื่อสองเดือนที่แล้วเพราะคุณปานวาดเข้าใจว่าเธอเป็นเมียน้อยคุณปกรณ์ แต่ความจริงเมียน้อยคุณปกรณ์คือน้องสาวต่างแม่ ตอนนี้เธอทำงานอยู่ที่บริษัทโฆษณาของเพื่อนคุณพิธาครับ กลางคืนเธอทำงานที่ฟลาวเวอร์ไนต์คลับในตำแหน่งรับแขกวีไอพีครับ”“มีอะไรอีกก็ว่ามา” คุณนิพนธ์สังเกตเห็นว่าเลขาคนสนิทยังรายงานเรื่องที่รู้มาไม่หมด“ผู้หญิงคนนี้เป็นลูกสาวของคนไข้โรคหัวใจที่รักษาอยู่ที่โรงพยาบาลของเราครับ ชื่อประสิทธิ์ยุห้าสิบหกปี คนไข้รายนี้คุณพิธาออกค่าใช้จ่ายให้ห้าสิบเปอร์เซนต์ของค่ารักษาในแต่ละครั้ง แต่คุณพิธาปกปิดเรื่องนี้กับผู้หญิงและครอบครัวของผู้หญิงครับ ส่วนนี่เป็นข้อมูลของคนไข้รายนั้นครับ” คุณนิพนธ์เปิดดูข้อมูลส่วนตัวของอัจจิมารวมทั้งรูปถ่ายประกอบการรายงานจากเลขาไปด้วย ก่อนจะหยิบประวัติการรักษาของ
“ผมไม่ได้ยุ่งเรื่องของสองคนนั้น คนที่ผมยุ่งด้วยคือคุณต่างหาก”สายตาของชายหนุ่มจริงจังขึ้นมาก่อนจะพูดต่ออีกว่า “ผมจะยอมให้คุณถูกคนอื่นรังแกได้ยังไง” จ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยหวังให้เธอมองเห็นความจริงใจที่เขามีให้“คุณชอบฉันอะไรในตัวฉันเหรอคะ” คราวนี้เป็นอัจจิมาที่จ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่คมบ้าง สายตาของเธอจริงจังไม่ต่างกัน“การที่เราจะรักใครสักคนมันต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ” เขาถามในสิ่งที่เฝ้าถามตัวเองมาตลอด แต่ก็ไม่เคยได้รับคำตอบ“ก็ต้องมีสิคะ”“เหรอ งั้นคุณล่ะ ชอบอะไรในตัวผม” อัจจิมาอึ้งไปอีกครั้งเพราะไม่คิดว่าจะถูกเขาย้อนถามเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชอบอะไรในตัวเขา เขาเข้ามาอยู่ในหัวใจของเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาชัดเจนกับสถานะคู่นอนระหว่างเธอกับเขามาโดยตลอด แต่หัวใจเธอก็เต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกครั้งที่ได้ใกล้ชิด“ว่าไง” เขาจ้องเธอก่อนจะไล่ต้อนให้จนมุมว่า “คุณตอบไม่ได้ใช่ไหม”“ตอบได้สิ ข้อแรกเลย ฉันชอบที่คุณรวยมาก ชอบที่คุณเป็นหมอ แล้วก็ชอบหน้าหล่อๆ ของคุณ ชอบร่างกายแน่นๆ ของคุณด้วย” อัจจิมาแค่อยากเอาชนะ ไม่คิดว่าพิธาจะตอบกลับมาอย่างหน้าตาเฉยว่า“งั้นผมคงต้องภูมิใจสินะ เพรา