กระเป๋าใบเล็กวางลงบนเก้าอี้ข้างลำตัว อัจจิมาหันหน้าเข้าหากระจกบานใหญ่ หยิบเครื่องประทินโฉมออกมาจัดการเติมหน้าทาปาก ไม่สนใจจะเข้าร่วมวงสนทนากับเพื่อนร่วมงานที่กำลังคุยจ้อถึงลูกค้ากระเป๋าหนักรายหนึ่ง
“พี่รี่วันนี้คุณโจ้จะมาเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ วันนี้ถึงต้องสวยเป็นพิเศษไง” เชอร์รี่ สาวอกอึ๋มในชุดเดรสผ่ายาวถึงกลางหลังหยิบแท่งลิปสติกสีเลือดนกทาปากอย่างประณีต
อรรถนพ เป็นหนุ่มนักธุรกิจ คนในสังคมเรียกว่า คุณโจ้ แวะเวียนมาแต่ละครั้งแทบไม่ต้องเชียร์ดริ๊งให้ลูกค้าคนอื่น
“งั้นหมวยเปลี่ยนชุดใหม่ดีกว่า ชุดนี้ยังไม่น่ากินเท่าไหร่” สาวตัวเล็กในวัยยี่สิบปีต้น ๆ บอกด้วยท่าทางระริกระรี้
“อย่างเธอไม่ใช่สเปคคุณโจ้หรอกเสนอหน้าไปก็เท่านั้น”
“พี่รี่อ่ะ” ทำปากย่นใส่รุ่นพี่คนสนิทอย่างเถียงไม่ออก เมื่อความจริงเป็นอย่างว่า
“นั่นสิ ขนาดบางคนขยันไปอ่อยทุกครั้งแต่ไม่ยักเห็นคุณโจ้จะเรียกไปนั่งด้วย” มิลลิ หนึ่งในตัวท็อปของบรรดาสาวสวย พูดขึ้นลอย ๆ หากแต่มันก็ชัดเจนว่าตั้งใจจะเหน็บใคร เชอร์รีเลยสวนขึ้นทันที
“ว่าให้ใคร”
“ใครอยากรับก็รับไปสิ”
“นี่…!”
“ทำไม…!” ทั้งสองคนลุกจากเก้าอี้ง้างฝ่ามือเตรียมฉะกับอีกฝ่าย แต่ในตอนนั้น รุ้งรวี ผู้มีตำแหน่งใหญ่สุดผลักประตูเข้ามา ทุกคนต่างก็หน้าถอดสีถอยออกไปนั่งกันคนละมุม บรรยากาศเริ่มกร่อยต่างจากก่อนหน้าลิบลับ
“กัดกันทุกวันไม่เบื่อบ้างเหรอ แล้วลืมกฎของที่นี่ไปแล้วเหรอ คิดว่าทำงานในอาบอบนวดรึไงถึงต้องออกไปโชว์ตัวให้ลูกค้าเลือก” ดวงตาสวยเฉี่ยวคมของผู้จัดการสาวเข้มขึ้น แม้จะเป็นการบริการที่เห็นลูกค้าเป็นพระเจ้าแต่ ‘ฟาวเวอร์ ไนต์คลับ’ ก็อยู่ในระดับที่ไม่อนุญาตให้พนักงานมาร้องแรกแหกกระเชอแย่งลูกค้ากัน
บรรดาสาวสวยพากันสงบปากสงบคำ เพราะการจะเข้ามาทำงานที่นี่ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากหน้าตารูปร่างต้องผ่านเกณฑ์ ยังต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีประวัติเสียหายรวมถึงการทะเลาะวิวาท
ถ้ากล่าวตักเตือนแล้วยังสร้างปัญหาก็เตรียมตัวตกงานได้เลย
พอสถานการณ์ในห้องกลับมาสงบแล้วรุ่งรวีก็หันไปพูดกับอัจจิมาที่นั่งแต่งหน้าอย่างไม่ได้สนใจรอบข้าง
“เตรียมตัวไว้นะคุณโจ้จะมาถึงประมาณสี่ทุ่ม”
“ค่ะ” เธอพยักหน้ารับคำสั่ง
“พี่จี๊ดอีกแล้วเหรอ เมื่อไหร่คุณโจ้เขาจะมองเห็นความสวยความใสของหมวยบ้างนะ” สาวร่างเล็กบ่นอุบอิบด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ ไม่ได้อิจฉาอะไรในตัวอัจจิมาผิดจากรุ่นพี่คนสนิทของเธอ
“ทำไงได้ก็วาสนาคนเรามันไม่เท่ากัน” คนพูดปรายตามองไปที่อัจจิมาด้วยความริษยา ทั้งสองคนไม่กินเส้นกันเพราะต่างฝ่ายต่างก็เป็นตัวท็อปของที่นี่ แต่ถ้าจะพูดให้ถูก คงมีแค่เชอร์รี่ฝ่ายเดียวที่ชอบทำตัวเป็นศัตรูกับเธอ
“มันไม่เกี่ยวกับวาสนาหรอก ถ้ามีดีวันนึงก็ต้องมีผู้ชายเห็น แต่ถ้ายังไม่มีใครเห็นก็คงต้องพิจารณาตัวเอง” สั่งสอนเสร็จรุ้งรวีก็เดินออกไปจากห้อง ด้วยรู้นิสัยของเชอร์รี่ดีกว่าใคร ถ้าไม่ติดว่าผู้ใหญ่ขอไว้คงโดนไล่ออกไปนานแล้ว
‘ฟาวเวอร์ ไนต์คลับ’ สถานบันเทิงหรูมีบริการรองรับลูกค้าหลากหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะเน้นดื่มเพื่อความผ่อนคลาย หรือคนที่มาหาความจากนอกบ้าน หรือมาด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ สถานบันเทิงแห่งนี้มีการบริการต่างไปจากผับบาร์ทั่วไป จัดแยกอย่างเป็นสัดเป็นส่วนอยู่บริเวณชั้นสอง
และถ้าใครได้ออกไปกับลูกค้า วันรุ่งขึ้นก็เตรียมถอยกระเป๋าใบใหม่มาใช้ได้เลย
ทุกค่ำคืนสถานบันเทิงชื่อดังอัดแน่นไปด้วยนักท่องราตรี เสียงเพลงเคล้าคลอกับแอลกอฮอล์ราคาแพงเป็นตัวขับเคลื่อนความสนุก
ท่ามกลางผู้คนที่กำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศเบื้องหน้า อัจจิมาอยู่ในเดรสรัดรูป ร่างระหงเดินขึ้นไปยังโซน วีไอพี เมื่อมีลูกค้าเรียกให้เธอไปนั่งเอาใจในบริการ solf
“ขอโทษนะคะจี๊ดมาช้าไปหน่อย” เจ้าของร่างบางนั่งห่างจากชายหนุ่มเล็กน้อย
“ไม่เป็นไรครับ สำหรับคุณจี๊ดผมรอได้เสมอ” อรรถนพพึงพอใจในตัวอัจจิมาถึงขั้นเคยเสนอเงินเลี้ยงดูหากแต่ก็ถูกเธอปฏิเสธ โดยให้เหตุผลว่าอีกฝ่ายมีครอบครัวแล้ว
“วันนี้ดื่มอะไรดีคะ”
“ตามใจคุณจี๊ดเลยครับ ว่าแต่คืนนี้คุณจี๊ดจะให้เกียรติออกไปต่อที่อื่นกับผมได้ไหม ไปนั่งดื่มเฉยๆ ก็ได้เดี๋ยวผมขับรถไปส่งที่บ้าน” แม้จะวางตัวดี ทว่าสายตาของเจ้าตัวก็ไม่อาจปกปิดความคิดภายในใจได้ หนุ่มมาดธุรกิจจ้องมองใบหน้างดงาม แทบจะพ่นลมหายใจออกมารดต้นคอ
“ให้จี๊ดดูแลคุณโจ้แค่ตรงนี้ก็พอนะคะ” ปฏิเสธด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน มือเล็กวางลงไปที่แผงอกอย่างนุ่มนวล ดวงตาคู่สวยมองลูกค้าหนุ่มหวานเยิ้ม มารยาหญิงที่เธองัดออกมาใช้ทำให้อรรถนพยิ่งอยากได้เธอมาครอบครอง
“รู้ตัวไหมครับว่าคุณจี๊ดปฏิเสธผมได้ยั่วยวนสุดๆ” เขาแทบอยากจะกดอัจจิมาให้นอนลงไป ชื่นชมความงดงามที่ซ่อนอยู่ภายในเดรสตัวบางดูสักครั้ง
“แต่จี๊ดยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ” มือเล็กลูบคลำแผงอกของลูกค้าหนุ่มผ่านเชิ้ตก่อนที่นิ้วนั้นจะหยุดอยู่ที่ริมฝีปากสีคล้ำจากการสูบบุหรี่ แก้วทรงสวยที่จ่อรอตรงหน้าด้วยท่าทางเย้ายวนจนอรรถนพอยากให้เจ้าของหน้าอกคู่โตเสิร์ฟเขาด้วยจูบดูดดื่มแทน
แต่ก็ต้องผิดหวังเหมือนทุกครั้ง เมื่ออัจจิมาแค่ล่อลวงให้เขาอยากเข้าไปสัมผัสแต่แล้วก็ถูกทิ้งไว้กลางทาง “เดี๋ยวจี๊ดดื่มเป็นเพื่อนนะคะ”
จังหวะหันกลับมาที่โต๊ะเธอก็ถูกอรรถนพดึงเข้าไปประชิดตัว มือใหญ่โอบสะโพกโค้งมน อีกข้างลูบไล้ต้นแขนขาวเนียนอย่างถือวิสาสะ อัจจิมานั่งด้วยความระวังตัว ไม่ให้อีกฝ่ายเกินเลยไปมากกว่านี้
ทุกอย่างดำเนินไปเหมือนเช่นทุกวัน กระทั่งมองนาฬิกาเป็นเวลาเที่ยงคืนเศษ อัจจิมาก็ขอลูกค้าหนุ่มไปเข้าห้องน้ำ พ้นสายตาเธอก็รีบเช็คโทรศัพท์มือถือ เผื่อว่าจะมีใครโทรเข้าหรือฝากข้อความทิ้งไว้
จิตใจพลันห่อเหี่ยว นอกจากแจ้งเตือนให้ชำระค่าบริการอินเทอร์เน็ต ก็ไม่มีอะไรที่บ่งบอกว่าแฟนของเธอติดต่อกลับมา
ป่านนี้เขายังไม่เลิกงานอีกเหรอ หรืองานจะลากยาวกว่ากำหนด
หญิงสาวครุ่นคิด ในใจว้าวุ่นจนต้องรีบต่อสายไปหาอีกฝ่าย หญิงสาวเดินออกมาโทรศัพท์ข้างนอก แต่โทรไปกี่ครั้งก็ไม่มีวี่แววว่าปลายทางจะกดรับ จนเสียงสัญญาณตัดไปเอง
เมื่อสามปีก่อนเพื่อนร่วมงานแนะนำให้เธอรู้จักกับแฟนหนุ่มคนนี้ สองเดือนให้หลังทั้งคู่ตัดสินใจคบหากัน ตอนนั้นแฟนของเธอเพิ่งจะบรรจุเข้าทำงานได้ไม่นาน ปัจจุบัน นิรุท เป็นหมอประจำแผนกสูติฯ ของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง
ยุ่งอยู่มั้ง
อัจจิมาถอนหายใจยาว คิดในทางที่ดี บางทีแฟนหนุ่มอาจจะยังไม่เลิกงาน พอติดต่อไม่ได้เธอจึงเตรียมจะกลับเข้าไปทำงานต่อ ถึงบ้านเธอค่อยโทรลองไปใหม่
ทว่ารถยนต์ค่ายดังที่ขับเข้ามาจอดไม่ห่างจากเธอมากนัก ทำให้ดวงตาเรียวรีหยุดมอง จิตใจวูบไหวพลันเกิดคำถามกับภาพที่เห็น
นิรุทมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง เขาไปสัมมนาที่ต่างจังหวัดไม่ใช่เหรอ
ยังไม่ทันจะมีคำตอบให้กับหัวใจผู้หญิงรูปร่างดีก็ก้าวลงมาจากรถของแฟนหนุ่ม ภาพตรงหน้าทำให้อัจจิมายืนมองด้วยหัวใจไหวสะท้าน ในหัวหนักอึ้ง มือทั้งสองข้างชื้นไปด้วยเหงื่อระหว่างยืนมองดูนิรุทจูบกับผู้หญิงคนนั้น
ภาพตรงหน้าทำให้อัจจิมายืนมองด้วยหัวใจไหวสะท้าน ในหัวหนักอึ้ง มือทั้งสองข้างชื้นไปด้วยเหงื่อระหว่างยืนมองดูนิรุทจูบกับผู้หญิงคนนั้น“รุท…” คนถูกขานชื่อหันมามอง เขาหน้าซีดขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่าเจ้าของเสียงเรียกเมื่อครู่คือใครอัจจิมาไม่ได้เป็นแฟนของนิรุทคนเดียว พูดให้เข้าใจง่าย ๆ คือเขามีโลกสองใบ กับอัจจิมาคบหากันมาได้สามปี แต่นิรุทก็ยังไม่เคยพาไปแนะนำให้ครอบครัวรู้จักลูกสาวเจ้าของโรงแรมหรูระดับประเทศคือโลกอีกใบของแพทย์หนุ่มฐาจะฐานะทางบ้าน สังคม รสนิยม เหนือกว่าอัจจิมาทุกอย่าง สองครอบครัวรู้จักกันเป็นอย่างดี และทั้งคู่ก็วางแผนจะแต่งงานกันในเร็ว ๆ นี้แต่ปัญหามันอยู่ที่…อัจจิมาไม่เคยรู้หรือระแคะระคายมาก่อนว่าตลอดเวลาที่คบหากัน นิรุทยังมีใครอีกคน“ใครเหรอคะ” ไฮโซสาวหันไปถามแฟนหนุ่ม สิ่งที่คนอย่าง โสรยา เกลียดที่สุด คือการที่มีคนทำให้เธอขายขี้หน้า“เอ่อ คือ…” นิรุทอ้ำอึ้งเหมือนกำลังอมอะไรอยู่ในปาก หากก็มีคำตอบในใจอยู่แล้วถ้าตัดเรื่องเงินทองออกไป อัจจิมาถือว่าเป็นผู้หญิงตรงตามสเปคทุกประการ แต่เธอไม่คู่ควรกับเขา นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่เขาไม่เคยพาอัจจิมาออกสังคม“แล้วคุณเป็นใครคะ”“ฉันเ
ต่อให้เธอจะทำตัวเข้มแข็งยังไง แต่เมื่อหันหลังออกมาน้ำตาก็ไหลรื้นเป็นทางอย่างห้ามไม่ได้ อัจจิมาอยากจะร้องไห้โฮให้กับความโง่งมของตัวเอง แต่ผู้ชายเลว ๆ พรรค์นั้นไม่มีค่าพอให้เธอเสียน้ำตาให้หลังมือเล็กปาดคราบน้ำตาออกอย่างลวก ๆ เพราะเธอไม่มีเวลาให้มานั่งฟูมฟาย จัดการเติมหน้าทาปากปกปิดความเรียบร้อยก็พร้อมจะกลับไปทำงาน แต่ไปถึงเธอก็พบว่าอรรถนพลูกค้าหนุ่มกลับไปแล้วปกติเธอคงจะรู้สึกโล่งใจเหมือนได้ทำงานลุล่วงไปแล้วครึ่งทาง ทว่าหัวใจมันกลับหนักอึ้งราวกับมีก้อนหินขนาดใหญ่กดทับอยู่ อัจจิมาพยายามจะไม่คิดถึงเรื่องของนิรุท พยายามจะไม่คิดถึงความรักเฮงซวยที่ตายจากไปแล้ว แต่มองไปทางไหนก็เจอแต่คำว่าเสียใจเต็มไปหมด“วันนี้เป็นอะไรรึเปล่าดูสีหน้าไม่ค่อยดี” รุ้งรวีสังเกตเห็นความผิดปกติจากใบหน้าของลูกน้อง แต่เธอไม่ได้ตอบคำถาม หันไปสั่งเครื่องดื่มกับบาร์เทนเดอร์หนุ่ม“เอาแรงๆ มาแก้วนึงพี่วันนี้จี๊ดจะเมา”“นึกยังไงถึงอยากดื่ม แล้วไม่ต้องรีบกลับเหรอ พรุ่งนี้ต้องตื่นไปทำงานไม่ใช่เหรอ” แค่ที่ลูกค้าให้ดื่มเป็นเพื่อนเธอก็แทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว อีกอย่าง…รุ้งรวีก็ไม่เคยเห็นเธอจะมานั่งดื่มแบบนี้“ถูกไล่ออกแล้วน่ะค่ะ” ย
“คุณไม่ได้ซื้อตรงนี้ไว้ไม่ใช่เหรอ” แม้จะอยู่ในอาการมึนศีรษะแต่อัจจิมาก็มีสติพอรู้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะกวนประสาทเธอ ก่อนจะหันไปสั่งเครื่องดื่มกับบาร์เทนเดอร์ เหมือนประโยคที่เธอเพิ่งพูดได้เข้าหูซ้ายทะลุออกหูขวาเรียบร้อย“ตอนนี้ฉันไม่สะดวกจะทำความรู้จักใคร” เธอพยายามพูดกับเขาดี ๆ ทำไมวันนี้เธอถึงเจอแต่ผู้ชายแย่ ๆ ก็ไม่รู้“ผมพูดตอนไหนว่าอยากรู้จักคุณ” สีหน้าของชายหนุ่มเรียบเฉยและเยือกเย็นเกินกว่าจะบอกว่าเข้ามาจีบเธอ และคนอย่างเขาก็ไม่จำเป็นต้องเข้าหาผู้หญิงเพราะแค่อยากทำความรู้จัก แต่ถ้าเป็นเรื่องอื่น มันก็ไม่แน่“งั้นก็ช่วยอยู่เงียบๆ โอเค๊!” เธอบอกกับเขาด้วยสายตาไม่เป็นมิตร ทว่าน้ำเสียงยานยาวเป็นขบวนรถไฟก็ไม่ได้ทำให้เขาคิดจะทำตาม ก่อนจะหยิบยกบทความอะไรสักอย่างมาร่ายยาว“เหตุผลในการดื่มของคนเราแตกต่างกันออกไป บางคนดื่มเพราะตกงาน บางคนดื่มเพราะมีปัญหากับที่บ้าน บางคนดื่มเพราะชีวิตไม่ได้เป็นอย่างที่หวัง ซึ่งเหตุผลพวกนี้ยังพอเข้าใจได้ แต่คนที่ใช้เหล้าแก้ปัญหาแค่เพราะตัวเองไม่ใช่คนที่ถูกเลือก มันไม่เป็นการดูถูกตัวเองเหรอ” นาทีนั้นชายหนุ่มหันมามองใบหน้าของอัจจิมานิ่งทว่าทุกประโยคจากคนแปลกหน้า เ
“ผู้ชายคนนั้นต่างหากที่โง่” แม้จะมีจุดประสงค์ในการจะเข้าหาแต่เขาก็ตอบโดยไม่ลังเล“ใช่ไหมล๊า…เขามันโง่ โง่ที่สุด” วิสกี้รสชาติร้อนแรงหมดในคราวเดียว มาถึงตอนนี้อะไรก็ไม่สามารถหยุดการฉลองความโสดในรอบสามปีของเธอได้อัจจิมาไม่สนว่าผู้ชายที่นั่งข้าง ๆ เป็นใคร จะเข้าหาเธอเพราะอยากมีเพื่อนคุยหรือมากกว่านั้น และเธอก็ไม่ได้คิดจะดื่มอย่างไร้สติเพราะผู้ชายเลวทรามพรรค์นั้นชีวิตมันเป็นของเธอ ดังนั้นเธอจะทำอะไรกับใคร มันก็เป็นสิทธิ์ของเธอ เพราะขนาดว่าเธอเลือกดีแล้ว สุดท้ายมันก็ยังเป็นแค่ความรักที่เฮงซวยทั้งคู่นั่งดื่มต่อพักใหญ่ปริมาณแอลกอฮอล์ก็ทำให้อัจจิมาอยากไปเข้าห้องน้ำ ร่างบางในชุดเดรสรัดรูปพยุงตัวเองมาถึงห้องน้ำได้สำเร็จ ทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยเธอก็กลับออกมา แต่เพราะดื่มไปเยอะทำให้ตอนนี้เธอแทบจะประคองตัวไม่อยู่ทว่าสายตาที่เริ่มจะพร่ามัวก็หันไปเห็นคนที่เข้ามานั่งกับเธอ รูปร่างสูงโปร่งราวกับดาราแถบเอเชีย องค์ประกอบทุกอย่างบนใบหน้าของชายหนุ่มดูดีทุกกระเบียดนิ้ว ประจวบกับค็อกเทลที่เธอดื่มเข้าไปเริ่มจะออกฤทธิ์“คืนนี้คุณมีคนออกไปต่อที่อื่นด้วยรึยัง” ปกติสายตาของอัจจิมาก็ดึงดูดให้ผู้ชายเข้าหาอยู่แล
แววตาของชายหนุ่มเข้มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทางของอีกฝ่าย มองออกว่าไอ้อาการที่อัจจิมาเป็นอยู่ตอนนี้เพราะมี ‘ยาปลุกเซ็กซ์’ ไหลเวียนอยู่ในร่างกาย“ทำไมรถคุณร้อนจัง” เธอคู้ตัวเข้าหากันหวังเพียงว่าความรู้สึกทุรนทุรายเหมือนมีเปลวไฟแผดเผาเนื้อหนังจะบรรเทาลง ต้นขาเรียวเบียดเสียดสีต้องการขจัดความรู้สึกคับข้องตรงพื้นที่ระหว่างกึ่งกลางลำตัว“ร้อน?” เขาแกล้งถามออกไปแล้วจัดการเร่งแอร์ให้เธอ “หายร้อนหรือยัง”คนถูกถามส่ายหน้าไปมา ก่อนจะทำการปลดสายเดี่ยวเส้นเล็กของตัวเองลงไปกองกับข้อศอก เนินเนื้ออิ่มนูนปรากฏต่อสายตาของคนข้างๆ ชายหนุ่มบังคับสายตาไปมองถนนทันที แต่ไม่เกี่ยวกับความเป็นสุภาพบุรุษ เขาก็แค่กลัวว่าถ้าปล่อยให้สายตาอยู่กับสิ่งสวยงามนานกว่านี้อาจจะเกิดอุบัติเหตุเอาได้ อีกอย่างเขาก็ไม่ได้ขาดแคลนถึงขนาดจะต้องฉวยโอกาสมองหน้าอกผู้หญิงที่แทบไม่มีสติหลงเหลืออยู่“ฉันไม่ไหวแล้ว ร้อน…ร้อน…” ใช่ว่าจะไม่รู้ตัวเพียงแต่อัจจิมาไม่สามารถควบคุมร่างกายตัวเองได้ เธอวางมือลงที่ขาของอีกฝ่าย ลูบไล้ขึ้นลงด้วยความทรมานกายก่อนที่มือซุกซนของเธอจะเฉียดเข้าไปใกล้เป้ากางเกง“ใจเย็นสิ” เขาตะครุบมือเลื้อยเหมือนเถาวัลย์เอา
“อยากได้ลิ้นหรือตรงนั้นเลย” ในระหว่างที่สติอันน้อยนิดกระเจิดกระเจิงไปไกล สติเหล่านั้นก็กลับมาได้เพียงเพราะคำถามสั้น ๆ จากเขาเมื่อสายตาสองคู่ประสานกันเธอก็รู้ได้ทันทีว่าเขาเองก็มีความต้องการไม่น้อยไปกว่า เพราะเธอรับรู้ได้ว่าร่างกายสูงใหญ่ของเขาเกร็งเครียดจนเห็นเส้นเลือดปูดโปน ผิวกายขาวดูสะอาดเปลี่ยนเป็นสีแดง ความเป็นชายขยายใหญ่จนแทบจะล้นมือเธอ ทว่าเขากลับดูใจเย็น แต่ก็เสียดายที่ในเวลานี้เธอไม่มีสติพอจะให้คิดอะไร“คิดว่าไงล่ะ” อัจจิมาแทบจะไม่หลงเหลือความเขินอาย ปริมาณของแอลกอฮอล์คงจะทำให้เธอในเวลานี้กล้าพูดอะไรออกมาตรงๆ“คุณคงอยากได้อย่างอื่น ที่ไม่ใช่นิ้ว” เขารั้งสะโพกเธอเข้าหาจนส่วนนั้นของเธอเสียดสีกับความแข็งขืนดุดัน พร้อมกันนั้นก็จัดการถอดเสื้อผ้าของตนเองออก นิ้วเรียวยาวลูบไล้จากเรียวขาขึ้นไปที่เอวเล็กก่อนจะหยุดกอบกุมหน้าอกอวบขาวขณะที่กำลังใช้ปากฉีกซองขนาดเล็ก ซึ่งไม่แปลกถ้าผู้ชายรักสนุกอย่างเขาจะพกถุงยางอนามัยติดตัวเอาไว้“อ๊า” อัจจิมาครวญครางออกมาในจังหวัดที่เขาดุนดันแก่นกายใหญ่ยาวเข้าไปในช่องทางรักของเธอ แม้จะเข้าไปยังไม่ลึกแต่ก็ทำให้คนเมาถึงกับสะดุ้งเฮือกจนต้องผวาเกาะไหล่กว้างเ
อัจจิมาส่ายหน้าไปมาทั้งที่ร่างกายกำลังตอบสนองอีกฝ่าย ยิ่งถูกอีกฝ่ายกระแทกกระทั้น ความต้องการตามสัญชาตญาณมนุษย์ของเธอก็ยิ่งทวีคูณ ร่างกายร้อนรุ่มไม่ต่างจากอยู่ในเปลวไฟร่างหนาโน้มลงไปโอบคนตัวเล็ก แผงอกแข็งแรงเบียดอยู่กับแผ่นหลังบาง ฝ่ามือหนาเลื่อนขึ้นไปนวดเฟ้นหน้าอกเต่งตึงทั้งสองข้างโดยไม่ลืมจะใช้ปลายนิ้วนวดคลึงเม็ดทับทิมไปด้วยริมฝีปากหนาประกบเข้าหาริมฝีปากนุ่มชื้นเพื่อตักตวงเอาความหวานที่เขาติดใจตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว ในขณะเดียวกันนั้นเขาก็ยังกระแทกตัวตนเข้าหาเธออย่างไม่ออมแรง“อ๊า” ทันทีที่เขาปล่อยให้ลิ้นเป็นอิสระอัจจิมาก็ครางออกมาเสียงดังลั่นห้อง ท่อนเอ็นร้อนเสียดสีอยู่กับช่องทางรัก ความเสียวซ่านเสียดแทงเธอไปทั่วทั้งร่างกายความเร่าร้อนที่อีกฝ่ายกำลังปรนเปรอได้เผาไหม้ความคิดก่อนหน้าจนไม่เหลือเศษซาก ดวงตาพร่ามัวจ้องตัวเองในกระจก เหมือนกันกับเขาที่กำลังมองดูเธอด้วยความสุขสม“ใส่เข้ามาเลย ฉันอยากได้แรงๆ แรงกว่านี้ อ๊ะ อ๊า” อัจจิมาเพิ่งรู้ว่าตนเองเป็นคนมีความต้องการมากมายขนาดนี้ และแปลกที่ดูเหมือนว่าเขากับเธอจะเข้ากันได้ดีทีเดียว“โอ่ววว” เสียงทุ้มเล็ดลอดออกมาจากไรฟันในตอนที่ร่างหนากระแทก
“งั้นคงต้องแสดงฝีมือแล้วล่ะเพราะผมไม่ชอบพวกเก่งแต่ปาก”น้ำเสียงทุ้มเอ่ยที่ข้างหูเธอ สายตาคมกริบจ้องมองร่างบางอย่างคนดูแคลน เกลี่ยนิ้วหัวแม่มือลงกับกลีบปากเนียนนุ่ม หยาดน้ำเย็นๆ เคลือบอยู่บนปลายนิ้วของเขาทำให้คนที่ลำคอแห้งผากงับปลายนิ้วของชายหนุ่มแล้ว ดูดเลียอย่างคนกระหาย“คุณเป็นคนร้องขอเองนะ” แววตาคมกริบพลันมืดมน ริมฝีปากนุ่มอุ่นที่กำลังลิ้มเลียปลายนิ้วกระตุ้นเร้าอารมณ์ดำมืดในตัวของเขาขึ้นมาอัจจิมากวาดสายตาหวานเยิ้มลากมองเรื่อยต่ำจนไปหยุดอยู่ที่ส่วนนั้นของอีกฝ่ายแล้วคุกเข่าลง มือเล็กไม่รีรอที่จะสัมผัสกับแก่นกายชาย กอบกำมันด้วยมือน้อยๆ ของเธอกระทั่งมันขยายขนาดเต็มที่อีกครั้งชายหนุ่มหลับตาลง ใบหน้าหล่อเหลาเงยเชิดขึ้นหาเพดานสูง เสียงคำรามอย่างสุขสมเล็ดลอดออกมาจากไรฟันเพียงแค่อัจจิมาใช้ลิ้นลากเลียส่วนหัวเบาๆ ด้วยความใจเย็นก่อนจะอ้าปากให้กว้างที่สุดเพื่อจะกลืนของใหญ่เข้าไปเขาแทบคลั่งเมื่อเธอเริ่มรุนแรงกับความเป็นชายด้วยลิ้นเล็ก ๆ ขณะมือน้อยยังคงโอบรอบลำยาวคอยชักรูดหนังบางเป็นจังหวะช้าเร็วสลับกันทว่าจู่ ๆ ความหฤหรรษ์ที่จะทำให้เขาจะได้ปลดปล่อยน้ำแห่งความสุขก็หยุดลงดื้อๆ แต่เขาก็เข้าใจในว
“ถ้าฉันท้องล่ะคะจะเกิดอะไรขึ้น” ก่อนหน้านี้เขาเคยขอเธอเรื่องที่จะไม่ใช้ถุงยางอนามัยเวลาที่มีอะไรกัน แถมยังสั่งไม่ให้เธอกินยาคุมกำเนิด แต่ที่เธอถามออกไปแบบนี้ เพราะเธอยังไม่ได้รับการยอมรับจากคุณนิพนธ์ จึงกลัวว่าถ้าเกิดตั้งท้องขึ้นมาอาจจะเพิ่มปัญหาให้เขา“ผมก็พาคุณไปฝากครรภ์ไง”“ไม่ใช่เรื่องนั้นสักหน่อย” เธอมองค้อนที่เหมือนเขาเห็นเรื่องตั้งครรภ์เป็นเรื่องเล็ก ทั้งที่มันเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับลูกผู้หญิง“คุณกลัวผมจะไม่รับผิดชอบเหรอ” สายตาคมเข้มจริงจังขึ้นมาทันทีเธอหลุบสายตามองต่ำ ถ้าบอกว่าเธอไม่ได้เป็นกังวลเรื่องนี้ก็ดูจะเป็นการโกหก ถ้าเธอต้องปล่อยให้ตัวเองท้องเธอก็ต้องแน่ใจในอะไรหลายๆ อย่าง หนึ่งในนั้นก็คือเขาเธออยากรู้ว่าเขาพร้อมจะเป็นหัวหน้าครอบครัวแล้วเหรอ เพราะการจะเป็นพ่อคน ไม่ใช่ต้องการแค่เงินทอง แต่ยังต้องมีความรับผิดชอบสูง พร้อมเสียสละเวลาส่วนตัว และพร้อมที่จะดูแลอีกหนึ่งชีวิตด้วยหัวใจ“คุณฟังผมนะ ผมไม่ใช่เด็กแล้ว แล้วผมก็ไม่ใช่คนไม่มีความรับผิดชอบ ที่ผมบอกว่าอยากมีลูกก็แปลว่าผมพร้อม แน่นอนว่าไม่ใช่แค่เรื่องเงินทอง แต่ผมพร้อมจะเป็นพ่อคนแล้วจริงๆ ผมอยากมีเด็กวิ่งเล่นอยู่ในบ้าน อ
“ผมชอบที่คุณพูดแบบนี้ ฟังแล้วมันได้อารมณ์” เสียงของชายหนุ่มต่ำพร่าลง นัยน์ตาวาววับแต่ไม่ได้เยือกเย็นเหมือนเมื่อก่อนก้มลงลิ้มเลียยอดถันข้างที่เหลือ บีบคลำเต้าทรวงผ่องในอุ้งมืออย่างคนตะกละตะกลามอัจจิมาครางไม่เป็นภาษาอยู่บนโต๊ะทานข้าวตัวหรู ท่อนขาเรียวงามโอบรัดสะโพกอีกฝ่าย ก่อนจะแอ่นเอวเข้าหาร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่เบื้องหน้า เสียดสีกึ่งกลางลำตัวกับหน้าขากำยำท่อนเนื้อที่บดเบียดกับเนินนุ่มของหญิงสาวผ่านกางเกงเนื้อดีเริ่มแข็งขึงขึ้นมา ไม่รู้เป็นเพราะท่าทางยั่วยวนของเธอหรือเป็นเพราะอารมณ์ดิบในตัวของเขาเอง ที่ทำให้อารมณ์ใคร่ปรารถนาของเขาพลุ่งพล่านอย่างรวดเร็วเมื่อก่อนในโลกนี้สำหรับเขาสำคัญอยู่แค่สองเรื่อง นั่นคือเซ็กซ์กับมีดผ่าตัดแต่ตอนนี้ไม่ใช่อีกต่อไป แม้ว่าการมีเซ็กซ์จะยังจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของเขา แต่หากเขาไม่มีเธออยู่ข้างกาย ชีวิตต่อจากนี้ของเขาก็ไม่ต่างจากสิ่งของไร้ค่าชายหนุ่มขยับออกมายืนข้างโต๊ะทานข้าวเรียบหรู ปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกอย่างใจเย็นแล้วรวบเอวดึงร่างขาวผ่องของหญิงสาวคนรักให้ขยับมาที่ขอบโต๊ะ เลื่อนมือไปลูบไล้กลีบอิ่มนูน หยาดน้ำที่เอ่อล้นออกมาฉ่ำเยิ้มจนมองเห็นความเปียกชุ่ม
อัจจิมารู้สึกตัวเพราะแสงแดดที่สาดส่องเข้ามากระทบเปลือกตาในช่วงสาย ศีรษะและร่างกายของเธอหนักอึ้งเหมือนถูกถ่วงทับด้วยภูเขาหิน ลำคอแห้งผาก กว่าจะขยับตัวได้ก็ใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งพอลืมตาสิ่งแรกที่เห็นคือปลายคางแข็งแรงมองเห็นเป็นปื้นสีเขียวจางของศัลยแพทย์หนุ่ม ซึ่งเธอกำลังนอนแนบชิดซบอยู่ที่อกอุ่น ท่อนแขนข้างหนึ่งของเขาโอบเอวเธอไว้หลวม ๆ มือใหญ่วางอยู่บนบั้นท้ายเปลือยเปล่าจากการร่วมรักกันเมื่อคืนนี้ทุกคนที่บริษัทเข้าใจว่าเมื่อวานนี้เธอได้หยุดพักผ่อนหนึ่งวันเต็ม ๆ แต่หารู้ไม่ว่าเป็นวันลาพักผ่อนที่สูบเอาเรี่ยวแรงของเธอไปจนแทบจะไม่หลงเหลือถ้าเธอรู้ว่าเขาจะเป็นคนกระหายในรักได้ทั้งวันทั้งคืนแบบนี้ เธอคงจะไม่หลวมตัวคบคุณหมอ ‘เซ็กซ์จัด’ เป็นแฟนอย่างแน่นอนคิดมาถึงตรงนี้ริมฝีปากได้รูปก็ปรากฏรอยยิ้มน้อย ๆ เป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุข เมื่อย้อนนึกถึงเรื่องราวที่รุ้งรวีเล่าให้ฟังไม่กี่วันมานี้‘พิธาพึงพอใจในตัวเธอมานานแล้ว’ นี่คือประโยคแรกที่รุ้งรวีบอกเล่า สิ่งที่เขาทำให้เธอก็คงเป็นอย่างที่ใครหลายคนอาจเรียกว่า ‘ปิดทองหลังพระ’ เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่า ครั้งนี้หัวใจเธอเลือกรักคนไม่ผิดอัจจิมาไม่ได้
“ออกไประเบียงดีกว่า ตรงนี้ผมจับคุณฉีดยาไม่ถนัด” เหมือนเธอจะฟังไม่ชัดเจนระเบียงเนี่ยนะไม่ทันที่เธอจะทำความเข้าใจกับคำพูดนั้น พิธาก็ถอนแก่นกายออกมาด้วยความรวดเร็ว ช้อนเธอให้อยู่ในอ้อมอก ก้าวเท้ายาว ๆ ออกไปข้างนอก ถึงแม้ว่าจะอยู่ในสภาพล่อแหลมแต่ร่างกายของเธอก็ยังมีชุดนอนตัวบางปกปิด ส่วนเขาก็ยังสวมใส่เสื้อผ้าครบทุกชิ้น“ดะ เดี๋ยวก่อนค่ะ เราจะทำกันตรงนั้นจริงๆ เหรอ” เขาเคยบอกว่าความพิเศษของระเบียงที่เหมือนยกห้องนั่งเล่นกลางแจ้งขึ้นมาไว้บนชั้นสูงเฉียดฟ้าสร้างความตื่นเต้นให้เธอกับเขาได้ในยามที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศ แต่ตอนนั้นเธอไม่คิดว่าเขาจะเอาจริงถึงมันจะมีความเป็นส่วนตัวด้วยมีกระจกที่สั่งทำขึ้นพิเศษเป็นกำแพงรอบด้าน แต่เธอก็อดรู้สึกแปลก ๆ ไม่ได้อยู่ดี ต่อให้ไม่มีคนมองมาเห็น ก็อาจมีมดมีแมลงสักตัวเห็นก็ได้“วันนี้ผมอยากเอาคุณที่ระเบียง” ใบหน้าของอัจจิมาร้อนผะผ่าว เขาก้าวขายาวๆ ออกไปยังพื้นที่ด้านนอกของเพนท์เฮาส์ในทันทีตอนนี้พายุหน้าฝนสงบลงแล้วแต่พื้นส่วนหนึ่งที่ไม่มีหลังคาปกคลุมยังชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำฝนเขาค่อยๆ วางเธอลงบนพื้น ใกล้กับกระจกสูงเท่าสองตัวคนยืนต่อกันเห็นจะได้“กระจกนี้ผมสั่งทำพิเศ
“คุณหมายถึงเรื่องอะไร” เสียงทุ้มดังขึ้นทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก่อนที่ลิ้นสากจะกวัดรัดรึงยอดทรวงชูชันของเธออีกครั้ง“อ๊ะ! กะ…ก็ที่คุณไม่ระ…รับข้อเสนอของพ่อคุณงะ…งายคะ ซี้ดด” ลิ้นที่ตวัดยอดปทุมถันของเธอไม่หยุดสร้างความซ่านเสียวจนอัจจิมาแทบจะพูดออกมาไม่เป็นคำเรื่องที่พิธาปฏิเสธการแต่งงานกับลูกสาวรัฐมนตรีเกรียงไกรต่อหน้าแขกเหรื่อมากมายกลายเป็นประเด็นใหญ่ในวงการแพทย์ตลอดหลายวันมานี้ทั้งสองตระกูลหมายมั่นจะเป็นทองแผ่นเดียวกันเพราะเหตุผลทางธุรกิจ แต่ทุกอย่างก็ต้องถูกยกเลิกเพราะการกระทำของพิธาบนเวทีในวันนั้น ผู้ใหญ่ทั้งสองครอบครัวหมางใจกันจนเป็นเหตุให้คุณนิพนธ์เรียกให้พิธาไปพบในวันต่อมาวันนั้นเขาพาเธอไปด้วย เพราะอยากแนะนำเธอให้คุณนิพนธ์รู้จักอย่างเป็นทางการ เธอยังจดจำสายตาที่คุณนิพนธ์มองเธอได้ดีท่านมองเธอตั้งแต่ศีรษะลงไป แม้จะไม่ใช่สายตารังเกียจเดียดฉันท์แต่เธอก็แน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้มองมาด้วยความเอ็นดูบรรยากาศภายในห้องทำงานของผู้อำนวยการโรงพยาบาลขณะนั้นเต็มไปด้วยมวลอากาศแห่งความอึดอัดกระจายอยู่เต็มห้อง ตึงเครียดตั้งแต่บทสนทนาแรกเริ่มขึ้น“ฉันจำได้ว่าไม่ได้บอกให้แกพาคนอื่นมาด้วย” คุณนิพนธ์ปรายต
อัจจิมาลืมตาขึ้นมาในเพนท์เฮาส์หรูในวันที่ฝนโปรยปรายลงมาแต่เช้ามืด เมื่อคืนนี้เธอตั้งใจว่าจะกลับไปนอนที่บ้านแต่เป็นพิธาที่ไม่ยอมปล่อยให้เธอกลับ ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่ได้ออกคำสั่งกับเธอแล้วแต่ความเอาแต่ใจของเขาก็ไม่ได้ลดน้อยถอยลง แต่กลับเพิ่มขึ้นทุกวัน“คุณภิม อยู่ไหนคะ” อัจจิมาไม่เห็นชายหนุ่มนอนอยู่บนเตียงจึงเดินออกมาดูข้างนอก ไม่รู้ว่าคนเป็นหมอเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนถึงนอนตื่นแต่เช้าได้ ทั้งที่เมื่อคืนนี้กว่าจะกลับมาจากโรงพยาบาลก็ดึกดื่น แถมกลับมาถึงเขายังแสดงความรักต่อเธอจนทั้งเธอและเขาต่างก็เสียน้ำกันหลายรอบเห็นพิธานั่งอยู่บนโต๊ะทำงานตัวใหญ่ เบื้องหน้ามีเอกสารวางอยู่ แต่สีหน้าดูไม่ค่อยดีนัก“ทำไมรีบตื่นจังเลยล่ะคะ น่าจะนอนต่ออีกหน่อย”“ผมนอนพอแล้ว คุณเถอะ ทำไมรีบตื่นน่าจะนอนต่ออีกหน่อย”“ฉันถามคุณนะคะไม่ใช่ให้คุณมาย้อนถาม” อัจจิมาแกล้งทำหน้างอน เห็นเธอเป็นแบบนี้เขาจึงดึงคนตัวเล็กลงมานั่งที่ตักก่อนจะหาเรื่องรังแกเธอแต่เช้า“โทษฐานที่ผมทำให้คุณโกรธแต่เช้า งั้นวันนี้ผมจะอยู่กับคุณทั้งวันเลยดีไหม”“วันนี้ฉันต้องไปทำงาน”“ไม่ต้องไป ผมลางานให้คุณเรียบร้อยแล้ว” ยิ้มกรุ้มกริ่ม“ลางาน ลาทำไมค
หรือว่าลูกชายเจ้าของโรงพยาบาลที่ทุกคนพูดถึง ก็คือพิธา“ผมมีความยินดีที่จะแจ้งให้ทุกท่านทราบโดยพร้อมเพรียงกันว่า ลูกชายของผมกับหนูอรจีราลูกสาวของคุณเกรียงไกรกำลังจะเข้าพิธีวิวาห์ในอีกสองเดือนข้างหน้านี้ครับ” ทุกคนต่างปรบมมือร่วมแสดงความยินดีกับทั้งสองครอบครัวที่กำลังจะเป็นทองแผ่นเดียวกัน คงมีเพียงแค่อัจจิมาที่ต่างไปจากทุกคนเรื่องที่เพิ่งได้ยินส่งผลให้สมองของอัจจิมาหยุดการทำงานชั่วขณะ เขากำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น!ตอนตกลงรับงานนี้เธอรู้เพียงว่าตัวเองต้องมาเป็นพิธีกรในงานประชุมสัมมนาที่จัดขึ้นโดยรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข รายละเอียดปลีกย่อยนอกเหนือจากนี้แอมมี่เพิ่งจะแจ้งเธอตอนที่มาถึงหน้างานแต่ข้อมูลที่แอมมี่บอกให้เธอรู้ตอนบรีพงานก็ไม่ได้ลงลึกว่าในงานมีใครมาบ้าง เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าของโรงพยาบาลที่ทุกคนพูดถึงคือคุณนิพนธ์แม้แต่ตอนที่เธอได้ยินว่าจะมีงานวิวาห์ ระหว่างบุตรสาวของรัฐมนตรีกับลูกชายเจ้าของโรงพยาบาล เธอก็ไม่ได้เอะใจสักนิดว่าทายาทคนนั้นจะเป็นพิธา เพราะตอนที่เธอบอกเขาว่ารับเป็นพิธีกรในงาน ชายหนุ่มก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา และยังบอกอีกว่าเขาไม่ได้ถูกเชิญให้มางานนี้แปลว่าเขาจงใจป
ภายในห้องรับรองโรงแรมแห่งหนึ่ง อดีตนายแพทย์นิพนธ์ที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาล ‘วิวัฒเวช’ นั่งจิบกาแฟก่อนจะรับฟังรายงานจากเลขาคนสนิท"จากที่ท่านให้ผมไปสืบ ตอนนี้คุณพิธากำลังคบหาอยู่กับผู้หญิงคนนึงครับ ชื่อจี๊ด อายุยี่สิบเจ็ดปี เรียนจบคณะบัญชีมหาฯลัยXX เคยเป็นพนักงานในบริษัทของคุณปกรณ์แต่ถูกไล่ออกเมื่อสองเดือนที่แล้วเพราะคุณปานวาดเข้าใจว่าเธอเป็นเมียน้อยคุณปกรณ์ แต่ความจริงเมียน้อยคุณปกรณ์คือน้องสาวต่างแม่ ตอนนี้เธอทำงานอยู่ที่บริษัทโฆษณาของเพื่อนคุณพิธาครับ กลางคืนเธอทำงานที่ฟลาวเวอร์ไนต์คลับในตำแหน่งรับแขกวีไอพีครับ”“มีอะไรอีกก็ว่ามา” คุณนิพนธ์สังเกตเห็นว่าเลขาคนสนิทยังรายงานเรื่องที่รู้มาไม่หมด“ผู้หญิงคนนี้เป็นลูกสาวของคนไข้โรคหัวใจที่รักษาอยู่ที่โรงพยาบาลของเราครับ ชื่อประสิทธิ์ยุห้าสิบหกปี คนไข้รายนี้คุณพิธาออกค่าใช้จ่ายให้ห้าสิบเปอร์เซนต์ของค่ารักษาในแต่ละครั้ง แต่คุณพิธาปกปิดเรื่องนี้กับผู้หญิงและครอบครัวของผู้หญิงครับ ส่วนนี่เป็นข้อมูลของคนไข้รายนั้นครับ” คุณนิพนธ์เปิดดูข้อมูลส่วนตัวของอัจจิมารวมทั้งรูปถ่ายประกอบการรายงานจากเลขาไปด้วย ก่อนจะหยิบประวัติการรักษาของ
“ผมไม่ได้ยุ่งเรื่องของสองคนนั้น คนที่ผมยุ่งด้วยคือคุณต่างหาก”สายตาของชายหนุ่มจริงจังขึ้นมาก่อนจะพูดต่ออีกว่า “ผมจะยอมให้คุณถูกคนอื่นรังแกได้ยังไง” จ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยหวังให้เธอมองเห็นความจริงใจที่เขามีให้“คุณชอบฉันอะไรในตัวฉันเหรอคะ” คราวนี้เป็นอัจจิมาที่จ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่คมบ้าง สายตาของเธอจริงจังไม่ต่างกัน“การที่เราจะรักใครสักคนมันต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ” เขาถามในสิ่งที่เฝ้าถามตัวเองมาตลอด แต่ก็ไม่เคยได้รับคำตอบ“ก็ต้องมีสิคะ”“เหรอ งั้นคุณล่ะ ชอบอะไรในตัวผม” อัจจิมาอึ้งไปอีกครั้งเพราะไม่คิดว่าจะถูกเขาย้อนถามเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชอบอะไรในตัวเขา เขาเข้ามาอยู่ในหัวใจของเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาชัดเจนกับสถานะคู่นอนระหว่างเธอกับเขามาโดยตลอด แต่หัวใจเธอก็เต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกครั้งที่ได้ใกล้ชิด“ว่าไง” เขาจ้องเธอก่อนจะไล่ต้อนให้จนมุมว่า “คุณตอบไม่ได้ใช่ไหม”“ตอบได้สิ ข้อแรกเลย ฉันชอบที่คุณรวยมาก ชอบที่คุณเป็นหมอ แล้วก็ชอบหน้าหล่อๆ ของคุณ ชอบร่างกายแน่นๆ ของคุณด้วย” อัจจิมาแค่อยากเอาชนะ ไม่คิดว่าพิธาจะตอบกลับมาอย่างหน้าตาเฉยว่า“งั้นผมคงต้องภูมิใจสินะ เพรา