“ฉัน... ฉันขอโทษ!” เธอรีบขอโทษ ความเจ็บปวดที่ข้อมือของเธอทำให้อาการปวดหัวของเธอจางลง“ทำไมคุณถึงแตะต้องผม? ทำไมคุณถึงเรียกผมด้วยชื่อนั้นล่ะ?” ดวงตาของเขาจับจ้องมาที่เธอใบหน้าของเธอพลันซีดเผือด “คุณ… คุณเข้าใจผิดแล้ว!”“เข้าใจผิดงั้นเหรอ?” เขาหัวเราะขึ้นมาอย่างกะทันหัน “บอกผมทีว่าผมเข้าใจอะไรที่คุณเรียกผมด้วยชื่อเล่นของผมซ้ำแล้วซ้ำเล่าและคุณถึงกับเอามือแตะหน้าผมด้วยซ้ำ”เธอกัดริมฝีปากล่างของเธอ เธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเธอจึงได้แต่พูดว่า “มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด ฉันจะไม่ทำอีกแล้ว ฉันปวดหัวและเข้าใจผิดคิดว่าคุณเป็นคนอื่น”“เข้าใจผิดว่าเป็นผมเหรอ? แต่คุณเรียกผมด้วยชื่อ ‘เฉินเฉิน’ แล้วมันผิดตรงไหนล่ะ?” เขาบ่น“คุณไม่ใช่คนเดียวในโลกที่ถูกเรียกว่าเฉินเฉินสักหน่อย” เธอโต้กลับทันใดนั้น เธอก็เหลือบเห็นชิน เหลียนอีที่อยู่ไม่ไกล เธอจึงพูดกับกู้ ลี่เฉินว่า “เพื่อนของฉันอยู่ที่นี่แล้ว ปล่อยฉัน ฉันต้องไปแล้ว”กู้ ลี่เฉินเพียงฟังด้วยท่าทีสงบนิ่ง แต่ดวงตาของฟีนิกซ์สีเข้มของเขายังคงจ้องมองที่หลิง อี้หราน ทันใดนั้น กู้ ลี่เฉินก็ปล่อยมืของเขาออกจากเธอและหลิง อี้หรานก็เปิดประต
...อี้ จิ่นหลีมองดูรูปถ่ายในโทรศัพท์ของเขา ทั้งหมดเป็นรูปถ่ายของกู้ ลี่เฉินที่ดึงหลิง อี้หรานเข้าไปในรถแม้ว่าเรื่องพวกเขาจะเพิ่งถูกโพสต์บนอินเทอร์เน็ต แต่มันกลับกลายเป็นประเด็นร้อนในทันทีหลายคนถึงกับคาดเดาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างหลิง อี้หรานกับก็ ลี่เฉินเกา ฉงหมิงรู้สึกหวาดกลัวขณะมองดูเจ้านายของเขาที่กำลังจ้องมองโทรศัพท์ในมือด้วยใบหน้าเคร่งขรึม จากนั้นเขาก็รวบรวมความกล้าพูดขึ้น “ก็... คุณกู้ปรากฏตัวเร็วเกินไป บอดี้การ์ดที่ดูแลคุณหลิงอย่างลับ ๆ เลยไม่มีโอกาสแม้แต่จะ...”เจ้านายของเขายังคงจ้องมองดูรูปบนโทรศัพท์ ขณะที่มือของเขากำโทรสัพท์แน่น“จัดการมันให้หมด ฉันไม่อยากเห็นข่าวของพวกเขาบนอินเทอร์เน็ตอีก” อี้ จิ่นหลีสั่งอย่างเย็นชา“ครับ” เกา ฉงหมิงรีบตอบรับและออกจากห้องทำงานของประธานในห้องที่เงียบสงบ ปรายนิ้วของอี้ จิ่นหลีค่อย ๆ ลูบไล้รูปของหลิง อี้หรานบนหน้าจอโทรศัพท์ ในที่สุดก็มาถึงจุดที่กู้ ลี่เฉินจับข้อมือของหลิง อี้หรานเอาไว้ภาพที่กู้ ลี่เฉินกำลังนำเธอไปข้างหน้า ฉากนี้ดูเหมือนภาพวาดที่เขาเคยเห็นมาก่อนเขายังคงจำได้ว่าตอนที่เขายังเป็นเด็ก เขาบังเอิญเข้าไปในสตูดิโอขอ
“มีบางอย่างเกิดขึ้นตอนที่ฉันไปซื้อหนังสือ จากนั้นฉันก็เจอกับกู้ ลี่เฉิน” หลิง อี้หรานเล่าโดยไม่ปิดบังอะไรเธอไม่ต้องการให้ใครมาบอกเขาและทำให้เขาเข้าใจผิดดวงตาของเขาจ้องมองใบหน้าของเธอ “แล้วยังไงต่อ?”“มีกลุ่มคนพยายามรายล้อมเพื่อจะถ่ายรูปของฉัน กู้ ลี่เฉินเลยช่วยฉันโดยการพาฉันไปที่รถของเขา จากนั้นเขาก็จอดรถห่างจากร้านหนังสือไปสองสามร้อยเมตร และฉันก็ออกไปพบกับเหลียนอี”เธอให้เรื่องราวคร่าว ๆ เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น“จิน ฉันไม่อยากให้คุณเข้าใจผิดอะไรทั้งนั้น วันนี้กู้ ลี่เฉินแค่ผ่านมาพอดี” หลิง อี้หรานบอกที่เธอรู้สึกแปลก ๆ เกี่ยวกับกู้ ลี่เฉิน เป็นเพียงเพราะความฝันแปลก ๆ ของเธอที่ทำให้เธอสงสัยดวงตาของเขาสั่นเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ยื่นแขนออกมาโอบกอดเธอ “ผมจะไม่เข้าใจผิดอะไรทั้งนั้น เพราะผมรู้ว่าผมคือคนที่พี่รักมากที่สุด ใช่ไหม?”“อืม” เธอตอบเบา ๆ พลางเอนตัวพิงหน้าอกของเขาและสัมผัสถึงอุณหภูมิร่างกายที่เย็นเฉียบของเขา “จิน คุณคือคนเดียวที่ฉันรัก ไม่มีใครอีก”มือของเขาที่โอบรอบเธอแน่นขึ้นเล็กน้อย “อี้หราน พี่ห้ามไปรักใครอีก ไม่อย่างนั้นผมจะไม่ทน”“จะเป็นไปได้ยังไงล่ะ?” หลิง อี้หรา
“จิน ฉันต้องการคุณ” ริมฝีปากสีแดงสดพูดตามสิ่งที่เขาต้องการทันใดนั้น ร่างกายของเขาก็ปกคลุมร่างของเธอ......หวา ลี่ฟางมองรูปภาพที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนบนโทรศัพท์ของเธอข่าวของกู้ ลี่เฉินที่จับมือของหลิง อี้หรานกำลังเป็นประเด็นร้อนอยู่บนทางอินเทอร์เน็ต เธอมองดูรูปถ่ายที่ขยาดสายตา‘ในความคิดของลี่เฉิน ฉันเป็นคนที่ช่วยเขา! แล้วทำไมเขาต้องช่วยหลิง อี้หรานและลากหลิง อี้หรานเข้าไปในรถของเขาด้วย?’ในรูป สายตาที่เขามองหลิง อี้หราน... ราวกับว่า... เขาห่วงใยเธอมากกว่าสิ่งใด!‘ถ้าลี่เฉินรู้ว่าหลิง อี้หรานคือคนที่เขาตามหา...’ หวา ลี่ฟางไม่กล้าคิดมากไปกว่านี้ทันใดนั้น ก็มีเสียงดังขึ้นว่า “นี่ ทำไมยังมีคนเอาแต่จ้องโทรศัพท์อยู่นั่นล่ะ? เรื่องซุบซิบเกี่ยวกับเจ้าชายก็ถูกลบออกจากเว็บนานแล้วหนิ เขาก็แค่ทำเพื่อปกป้องผู้หญิงคนนั้น!”จากนั้นอีกเสียงหนึ่งก็พูดอย่างเห็นด้วยว่า “ถูกต้อง ใครบางคนคิดว่าเธอจะสามารถเข้าไปในตระกูลที่ร่ำรวยและมีอำนาจได้เพราะเพียงแค่เธอช่วยเจ้าชายเมื่อตอนที่เธอยังเป็นเด็ก เธอคิดว่าเธอเป็นใคร?”“นั่นสิ เธอคิดว่าเธอจะดูสูงส่งขึ้นเพียงเพราะเข้ามหาวิทยาลัยงั้นเหรอ? เธอคงก้าวเข้า
ผมของเขาที่ถูกจัดทรงอย่างเรียบร้อย แต่ตอนนี้กลับดูยุ่งเหยิงและใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาไม่ได้ดูเฉยเมยและเหินห่างเหมือนปกติ แต่กลับดูเศร้าหมองในขณะที่เขาถือสร้อยข้อมือขนาดเล็กดวงตาของฟีนิกซ์คู่นั้นยังคงจ้องมองที่สร้อยข้อมือเมื่อเห็นสร้อยข้อมือ หวา ลี่ฟางกลับรู้สึกสับสนแทนที่เขาจะมอบสร้อยข้อมือเงินให้เธอหลังจากที่เธอสวมรอยเป็นหลิง อี้หราน แต่กู้ ลี่เฉินกลับเก็บสร้อยข้อมือนั้นไว้กับตัวแม้แต่ตอนที่เธออยู่กับเขา บางครั้งเขาก็มองสร้อยข้อมือราวกับว่าเขากำลังมองอะไรบางอย่างจากมัน‘เขามองอะไร? เขาคิดถึงหลิง อี้หรานเมื่อตอนที่เธอยังเป็นเด็กอยู่หรือเปล่า?’ ความคิดนี้ทำให้หวา ลี่ฟางรู้สึกหึงหวง“ลี่เฉิน” หวา ลี่ฟางกัดริมฝีปากของเธอและแสร้งทำเป็นว่าไม่รู้เรื่องอะไร “ทำไมวันนี้คุณไม่มาหาฉันที่มหาวิทยาลัยล่ะคะ? แต่คุณกลับเอาแต่ดื่มคนเดียว คุณไม่รู้เหรอว่าฉันเป็นห่วงคุณแค่ไหน ฉันกลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับคุณ”กู้ ลี่เฉินเงยหน้าขึ้นมองอย่างเฉยเมยและมองที่หวา ลี่ฟาง เขาส่งยิ้มให้เธอยิ้มเล็กน้อย แต่ดูเหมือนว่ามันเป็นรอยยิ้มที่ไม่จริงใจ“ผมลืมไป ผมขอโทษที่ทำให้คุณเป็นห่วง” เขาพูดแต่คำพูดของเ
หลิง อี้หรานไม่ได้อ่านหนังสือกฎหมายมืออาชีพเช่นนี้มาเกือบสี่ปีแล้ว เธอคิดว่าความรู้ของเธอคงจะขึ้นสนิมและอาจจะจำบทบัญญัติทางกฎหมายไม่ได้ด้วยซ้ำแต่ดูเหมือนว่าเธอจะจำพวกมันได้อย่างง่ายดายเหมือนเมื่อก่อน เธอเป็นเหมือนฟองน้ำที่สามารถซึมซับอะไรได้ง่าย เพียงแค่ศึกษาคดีความทุกประเภทและซึมซับจากประสบการณ์เก่า ๆบางทีนี่อาจเป็นเพราะสัญชาตญาณของสมองที่จะเติมเต็มช่องว่างที่เหลืออยู่ในช่วงสี่ปีที่ผ่านมาหลิง อี้หรานรู้สึกเพลิดเพลินกับหนังสือกฎหมายสองเล่มในห้องทำงานของอี้ จิ่นหลี ถัดจากโต๊ะทำงานของเขาแล้ว มีโต๊ะอีกชุดหนึ่งสำหรับหลิง อี้หรานหลิง อี้หรานตั้งใจศึกษากฎหมายอย่างระมัดระวังและหากเธอมีข้อสงสัยอะไร เธอก็มักจะทำเครื่องหมายไว้ในหนังสือก่อนที่จะใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องขณะที่หลิง อี้หรานหนังอ่านหนังสือ เธอไม่ได้สังเกตอี้ จิ่นหลีที่นั่งมองเธอด้วยสายตาอันลึกซึ้งเขาไม่เคยเห็นเธอในบทบาททนายความมาก่อนและเขาก็ไม่เคยสนใจที่จะมองดูเธอแม้แต่ตอนที่เธอเป็นนักโทษครั้งแรกที่เขาพบเธอ เธอสวมชุดพนักงานบริการสุขาภิบาลเรืองแสงและดูเคอะเขินเขาคิดว่าเขาเห็นเธอมามากแล้วตั้งแต่นั้น
แล้วเกิดอะไรขึ้นกับน้องลี่ฟางกันแน่?ถ้าความฝันของเธอไม่ได้เกี่ยวข้องกับการสูญเสียความทรงจำ แต่เธออาจจะแค่ฝันไปเพราะเธอได้ยินเรื่องนี้จากน้องลี่ฟาง แสดงว่าเธอแค่คิดมากเกินไปถ้าเธอบอกจิน เขาก็คงจะสงสัยอย่างน้อย... เธอก็ควรจะบอกเขาเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว“ทำไมพี่ไม่ให้ผมพาไปพบผู้เชี่ยวชาญล่ะ?” อี้ จิ่นหลีถามผู้เชี่ยวชาญที่เขาพูดถึงนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญที่เก่งกาจ“แต่พรุ่งนี้ฉันนัดเขาไว้แล้ว ไม่เป็นอะไรหรอก ไว้ค่อยคุยกันหลังจากที่ฉันเจอหมอแล้วนะ” หลิง อี้หรานตอบ“พรุ่งนี้ผมจะไปกับพี่” อี้ จิ่นหลีพูด“ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ไม่ใช่วันหยุดสักหน่อย ฉันไปเองได้ ฉันแค่อยากจะตรวจอาการปวดหัวเท่านั้น คุณไม่จำเป็นต้องไปกับฉันก็ได้” หลิง อี้หรานรีบบอกออกไป เพราะพรุ่งนี้เธอจะไปหาหมอเพื่อถามเกี่ยวกับความฝันของเธอ ดังนั้นมันคงไม่สะดวกนักถ้าเขาอยู่ที่นั่นดวงตาของเขาเป็นประกายเล็กน้อยและหลุบตาลงเพื่อซ่อนความรู้สึกในดวงตาของเขา “ระวังตัวด้วยนะ พรุ่งนี้ผมจะให้คนขับรถไปส่งพี่”“อืม” เธอตอบกลับเรียบ ๆวันรุ่งขึ้น หลิง อี้หรานมาถึงคลินิกผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลตามเวลาที่กำหนดเมื่อเธอได้พบหมอ เธอจึ
แต่เมื่อเธอมาถึงตึกจิตเวช เธอกลับลังเลเล็กน้อย‘ถ้านั่นคือความทรงจำของฉันและถ้าฉันคือคนที่กู้ ลี่เฉินกำลังมองหาจริง ๆ ล่ะ? ฉันควรทำอย่างไรดี? บอกกู้ ลี่เฉนว่าฉันเป็นคนที่เขาตามหาเหรอ?’‘มันจะเป็นปัญหามากขึ้นหรือเปล่า?’‘แต่... ถ้าฉันไม่ไปตรวจละก็…’ หัวใจของเธอกลับรู้สึกว่างเปล่าในทันที ราวกับว่าจินตนาการและความเป็นจริงประสานกันอยู่ตลอดเวลา มันทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจขณะที่เธอกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นทันที เป็นสายเรียกเข้าจากอี้ จิ่นหลี หลิง อี้หรานตอบรับและได้ยินเสียงผู้ชายที่คุ้นเคยจากโทรศัพท์ของเธอ “ไปโรงพยาบาลเป็นยังไงบ้าง? ไปหาหมอหรือยัง?”“ไปมาแล้ว” หลิง อี้หรานตอบ“หมอบอกว่าไงบ้าง?”“มัน... ไม่มีอะไรร้ายแรง ฉันจะลองสังเกตุดูอาการอีกพัก” เธอตอบออกไปอย่างรู้สึกผิด เธอรู้สึกเสมอว่าคู่รักควรซื่อสัตย์ต่อกัน แต่ตอนนี้เธอกำลังโกหกเขา“เยี่ยมมาก พรุ่งนี้มีงานแสดงสินค้า มากับผมนะ ผมบอกคนขับรถแล้วเขาจะพาพี่ไปที่จอยคัลเลอร์ เลือกชุดและเครื่องประดับที่พี่ชอบได้เลย” อี้ จิ่นหลีพูด“แน่นอน” หลิง อี้หรานตอบเมื่อสายตัดจบ อี้ จิ่นหลีซึ่งอยู่อีกฝั่งของสายกำลังจ้
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค