...อี้ จิ่นหลีมองดูรูปถ่ายในโทรศัพท์ของเขา ทั้งหมดเป็นรูปถ่ายของกู้ ลี่เฉินที่ดึงหลิง อี้หรานเข้าไปในรถแม้ว่าเรื่องพวกเขาจะเพิ่งถูกโพสต์บนอินเทอร์เน็ต แต่มันกลับกลายเป็นประเด็นร้อนในทันทีหลายคนถึงกับคาดเดาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างหลิง อี้หรานกับก็ ลี่เฉินเกา ฉงหมิงรู้สึกหวาดกลัวขณะมองดูเจ้านายของเขาที่กำลังจ้องมองโทรศัพท์ในมือด้วยใบหน้าเคร่งขรึม จากนั้นเขาก็รวบรวมความกล้าพูดขึ้น “ก็... คุณกู้ปรากฏตัวเร็วเกินไป บอดี้การ์ดที่ดูแลคุณหลิงอย่างลับ ๆ เลยไม่มีโอกาสแม้แต่จะ...”เจ้านายของเขายังคงจ้องมองดูรูปบนโทรศัพท์ ขณะที่มือของเขากำโทรสัพท์แน่น“จัดการมันให้หมด ฉันไม่อยากเห็นข่าวของพวกเขาบนอินเทอร์เน็ตอีก” อี้ จิ่นหลีสั่งอย่างเย็นชา“ครับ” เกา ฉงหมิงรีบตอบรับและออกจากห้องทำงานของประธานในห้องที่เงียบสงบ ปรายนิ้วของอี้ จิ่นหลีค่อย ๆ ลูบไล้รูปของหลิง อี้หรานบนหน้าจอโทรศัพท์ ในที่สุดก็มาถึงจุดที่กู้ ลี่เฉินจับข้อมือของหลิง อี้หรานเอาไว้ภาพที่กู้ ลี่เฉินกำลังนำเธอไปข้างหน้า ฉากนี้ดูเหมือนภาพวาดที่เขาเคยเห็นมาก่อนเขายังคงจำได้ว่าตอนที่เขายังเป็นเด็ก เขาบังเอิญเข้าไปในสตูดิโอขอ
“มีบางอย่างเกิดขึ้นตอนที่ฉันไปซื้อหนังสือ จากนั้นฉันก็เจอกับกู้ ลี่เฉิน” หลิง อี้หรานเล่าโดยไม่ปิดบังอะไรเธอไม่ต้องการให้ใครมาบอกเขาและทำให้เขาเข้าใจผิดดวงตาของเขาจ้องมองใบหน้าของเธอ “แล้วยังไงต่อ?”“มีกลุ่มคนพยายามรายล้อมเพื่อจะถ่ายรูปของฉัน กู้ ลี่เฉินเลยช่วยฉันโดยการพาฉันไปที่รถของเขา จากนั้นเขาก็จอดรถห่างจากร้านหนังสือไปสองสามร้อยเมตร และฉันก็ออกไปพบกับเหลียนอี”เธอให้เรื่องราวคร่าว ๆ เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น“จิน ฉันไม่อยากให้คุณเข้าใจผิดอะไรทั้งนั้น วันนี้กู้ ลี่เฉินแค่ผ่านมาพอดี” หลิง อี้หรานบอกที่เธอรู้สึกแปลก ๆ เกี่ยวกับกู้ ลี่เฉิน เป็นเพียงเพราะความฝันแปลก ๆ ของเธอที่ทำให้เธอสงสัยดวงตาของเขาสั่นเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ยื่นแขนออกมาโอบกอดเธอ “ผมจะไม่เข้าใจผิดอะไรทั้งนั้น เพราะผมรู้ว่าผมคือคนที่พี่รักมากที่สุด ใช่ไหม?”“อืม” เธอตอบเบา ๆ พลางเอนตัวพิงหน้าอกของเขาและสัมผัสถึงอุณหภูมิร่างกายที่เย็นเฉียบของเขา “จิน คุณคือคนเดียวที่ฉันรัก ไม่มีใครอีก”มือของเขาที่โอบรอบเธอแน่นขึ้นเล็กน้อย “อี้หราน พี่ห้ามไปรักใครอีก ไม่อย่างนั้นผมจะไม่ทน”“จะเป็นไปได้ยังไงล่ะ?” หลิง อี้หรา
“จิน ฉันต้องการคุณ” ริมฝีปากสีแดงสดพูดตามสิ่งที่เขาต้องการทันใดนั้น ร่างกายของเขาก็ปกคลุมร่างของเธอ......หวา ลี่ฟางมองรูปภาพที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนบนโทรศัพท์ของเธอข่าวของกู้ ลี่เฉินที่จับมือของหลิง อี้หรานกำลังเป็นประเด็นร้อนอยู่บนทางอินเทอร์เน็ต เธอมองดูรูปถ่ายที่ขยาดสายตา‘ในความคิดของลี่เฉิน ฉันเป็นคนที่ช่วยเขา! แล้วทำไมเขาต้องช่วยหลิง อี้หรานและลากหลิง อี้หรานเข้าไปในรถของเขาด้วย?’ในรูป สายตาที่เขามองหลิง อี้หราน... ราวกับว่า... เขาห่วงใยเธอมากกว่าสิ่งใด!‘ถ้าลี่เฉินรู้ว่าหลิง อี้หรานคือคนที่เขาตามหา...’ หวา ลี่ฟางไม่กล้าคิดมากไปกว่านี้ทันใดนั้น ก็มีเสียงดังขึ้นว่า “นี่ ทำไมยังมีคนเอาแต่จ้องโทรศัพท์อยู่นั่นล่ะ? เรื่องซุบซิบเกี่ยวกับเจ้าชายก็ถูกลบออกจากเว็บนานแล้วหนิ เขาก็แค่ทำเพื่อปกป้องผู้หญิงคนนั้น!”จากนั้นอีกเสียงหนึ่งก็พูดอย่างเห็นด้วยว่า “ถูกต้อง ใครบางคนคิดว่าเธอจะสามารถเข้าไปในตระกูลที่ร่ำรวยและมีอำนาจได้เพราะเพียงแค่เธอช่วยเจ้าชายเมื่อตอนที่เธอยังเป็นเด็ก เธอคิดว่าเธอเป็นใคร?”“นั่นสิ เธอคิดว่าเธอจะดูสูงส่งขึ้นเพียงเพราะเข้ามหาวิทยาลัยงั้นเหรอ? เธอคงก้าวเข้า
ผมของเขาที่ถูกจัดทรงอย่างเรียบร้อย แต่ตอนนี้กลับดูยุ่งเหยิงและใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาไม่ได้ดูเฉยเมยและเหินห่างเหมือนปกติ แต่กลับดูเศร้าหมองในขณะที่เขาถือสร้อยข้อมือขนาดเล็กดวงตาของฟีนิกซ์คู่นั้นยังคงจ้องมองที่สร้อยข้อมือเมื่อเห็นสร้อยข้อมือ หวา ลี่ฟางกลับรู้สึกสับสนแทนที่เขาจะมอบสร้อยข้อมือเงินให้เธอหลังจากที่เธอสวมรอยเป็นหลิง อี้หราน แต่กู้ ลี่เฉินกลับเก็บสร้อยข้อมือนั้นไว้กับตัวแม้แต่ตอนที่เธออยู่กับเขา บางครั้งเขาก็มองสร้อยข้อมือราวกับว่าเขากำลังมองอะไรบางอย่างจากมัน‘เขามองอะไร? เขาคิดถึงหลิง อี้หรานเมื่อตอนที่เธอยังเป็นเด็กอยู่หรือเปล่า?’ ความคิดนี้ทำให้หวา ลี่ฟางรู้สึกหึงหวง“ลี่เฉิน” หวา ลี่ฟางกัดริมฝีปากของเธอและแสร้งทำเป็นว่าไม่รู้เรื่องอะไร “ทำไมวันนี้คุณไม่มาหาฉันที่มหาวิทยาลัยล่ะคะ? แต่คุณกลับเอาแต่ดื่มคนเดียว คุณไม่รู้เหรอว่าฉันเป็นห่วงคุณแค่ไหน ฉันกลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับคุณ”กู้ ลี่เฉินเงยหน้าขึ้นมองอย่างเฉยเมยและมองที่หวา ลี่ฟาง เขาส่งยิ้มให้เธอยิ้มเล็กน้อย แต่ดูเหมือนว่ามันเป็นรอยยิ้มที่ไม่จริงใจ“ผมลืมไป ผมขอโทษที่ทำให้คุณเป็นห่วง” เขาพูดแต่คำพูดของเ
หลิง อี้หรานไม่ได้อ่านหนังสือกฎหมายมืออาชีพเช่นนี้มาเกือบสี่ปีแล้ว เธอคิดว่าความรู้ของเธอคงจะขึ้นสนิมและอาจจะจำบทบัญญัติทางกฎหมายไม่ได้ด้วยซ้ำแต่ดูเหมือนว่าเธอจะจำพวกมันได้อย่างง่ายดายเหมือนเมื่อก่อน เธอเป็นเหมือนฟองน้ำที่สามารถซึมซับอะไรได้ง่าย เพียงแค่ศึกษาคดีความทุกประเภทและซึมซับจากประสบการณ์เก่า ๆบางทีนี่อาจเป็นเพราะสัญชาตญาณของสมองที่จะเติมเต็มช่องว่างที่เหลืออยู่ในช่วงสี่ปีที่ผ่านมาหลิง อี้หรานรู้สึกเพลิดเพลินกับหนังสือกฎหมายสองเล่มในห้องทำงานของอี้ จิ่นหลี ถัดจากโต๊ะทำงานของเขาแล้ว มีโต๊ะอีกชุดหนึ่งสำหรับหลิง อี้หรานหลิง อี้หรานตั้งใจศึกษากฎหมายอย่างระมัดระวังและหากเธอมีข้อสงสัยอะไร เธอก็มักจะทำเครื่องหมายไว้ในหนังสือก่อนที่จะใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องขณะที่หลิง อี้หรานหนังอ่านหนังสือ เธอไม่ได้สังเกตอี้ จิ่นหลีที่นั่งมองเธอด้วยสายตาอันลึกซึ้งเขาไม่เคยเห็นเธอในบทบาททนายความมาก่อนและเขาก็ไม่เคยสนใจที่จะมองดูเธอแม้แต่ตอนที่เธอเป็นนักโทษครั้งแรกที่เขาพบเธอ เธอสวมชุดพนักงานบริการสุขาภิบาลเรืองแสงและดูเคอะเขินเขาคิดว่าเขาเห็นเธอมามากแล้วตั้งแต่นั้น
แล้วเกิดอะไรขึ้นกับน้องลี่ฟางกันแน่?ถ้าความฝันของเธอไม่ได้เกี่ยวข้องกับการสูญเสียความทรงจำ แต่เธออาจจะแค่ฝันไปเพราะเธอได้ยินเรื่องนี้จากน้องลี่ฟาง แสดงว่าเธอแค่คิดมากเกินไปถ้าเธอบอกจิน เขาก็คงจะสงสัยอย่างน้อย... เธอก็ควรจะบอกเขาเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว“ทำไมพี่ไม่ให้ผมพาไปพบผู้เชี่ยวชาญล่ะ?” อี้ จิ่นหลีถามผู้เชี่ยวชาญที่เขาพูดถึงนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญที่เก่งกาจ“แต่พรุ่งนี้ฉันนัดเขาไว้แล้ว ไม่เป็นอะไรหรอก ไว้ค่อยคุยกันหลังจากที่ฉันเจอหมอแล้วนะ” หลิง อี้หรานตอบ“พรุ่งนี้ผมจะไปกับพี่” อี้ จิ่นหลีพูด“ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ไม่ใช่วันหยุดสักหน่อย ฉันไปเองได้ ฉันแค่อยากจะตรวจอาการปวดหัวเท่านั้น คุณไม่จำเป็นต้องไปกับฉันก็ได้” หลิง อี้หรานรีบบอกออกไป เพราะพรุ่งนี้เธอจะไปหาหมอเพื่อถามเกี่ยวกับความฝันของเธอ ดังนั้นมันคงไม่สะดวกนักถ้าเขาอยู่ที่นั่นดวงตาของเขาเป็นประกายเล็กน้อยและหลุบตาลงเพื่อซ่อนความรู้สึกในดวงตาของเขา “ระวังตัวด้วยนะ พรุ่งนี้ผมจะให้คนขับรถไปส่งพี่”“อืม” เธอตอบกลับเรียบ ๆวันรุ่งขึ้น หลิง อี้หรานมาถึงคลินิกผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลตามเวลาที่กำหนดเมื่อเธอได้พบหมอ เธอจึ
แต่เมื่อเธอมาถึงตึกจิตเวช เธอกลับลังเลเล็กน้อย‘ถ้านั่นคือความทรงจำของฉันและถ้าฉันคือคนที่กู้ ลี่เฉินกำลังมองหาจริง ๆ ล่ะ? ฉันควรทำอย่างไรดี? บอกกู้ ลี่เฉนว่าฉันเป็นคนที่เขาตามหาเหรอ?’‘มันจะเป็นปัญหามากขึ้นหรือเปล่า?’‘แต่... ถ้าฉันไม่ไปตรวจละก็…’ หัวใจของเธอกลับรู้สึกว่างเปล่าในทันที ราวกับว่าจินตนาการและความเป็นจริงประสานกันอยู่ตลอดเวลา มันทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจขณะที่เธอกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นทันที เป็นสายเรียกเข้าจากอี้ จิ่นหลี หลิง อี้หรานตอบรับและได้ยินเสียงผู้ชายที่คุ้นเคยจากโทรศัพท์ของเธอ “ไปโรงพยาบาลเป็นยังไงบ้าง? ไปหาหมอหรือยัง?”“ไปมาแล้ว” หลิง อี้หรานตอบ“หมอบอกว่าไงบ้าง?”“มัน... ไม่มีอะไรร้ายแรง ฉันจะลองสังเกตุดูอาการอีกพัก” เธอตอบออกไปอย่างรู้สึกผิด เธอรู้สึกเสมอว่าคู่รักควรซื่อสัตย์ต่อกัน แต่ตอนนี้เธอกำลังโกหกเขา“เยี่ยมมาก พรุ่งนี้มีงานแสดงสินค้า มากับผมนะ ผมบอกคนขับรถแล้วเขาจะพาพี่ไปที่จอยคัลเลอร์ เลือกชุดและเครื่องประดับที่พี่ชอบได้เลย” อี้ จิ่นหลีพูด“แน่นอน” หลิง อี้หรานตอบเมื่อสายตัดจบ อี้ จิ่นหลีซึ่งอยู่อีกฝั่งของสายกำลังจ้
ในตอนนั้นเธอรู้สึกอับอายเป็นอย่างมากจากนั้นเธอก็ไม่เคยกลับมาที่นี่อีกเลยเธอรู้ว่าการที่พนักงานที่นี่เคารพเธอต่อหน้า ไม่ใช่เพราะเธอคือหลิง อี้หราน แต่เป็นเพราะผู้ชายที่อยู่เบื้องหลังเธอคืออี้ จิ่นหลีนี่คือความเป็นจริงของมัน หลายคนในสังคมนี้ใฝ่ฝันที่จะปีนขึ้นมาบนจุดสูงสุดแต่เธอก็หวังว่าวันหนึ่ง ผู้คนจะมองเห็นเธอ ไม่ใช่เพราะใครอยู่ข้างหลังเธอ แต่เป็นเพราะตัวเธอเองในที่สุด หลิง อี้หรานก็เลือกเสื้อคลุมยาวสีม่วง ชุดนี้ออกแบบง่าย ๆ แม้ว่าการออกแบบจะค่อนข้างอนุรักษ์นิยม แต่ก็ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความสง่างามและความเยือกเย็น การผสมผสานของเพชรเม็ดเล็ก ๆ และลูกไม้ที่เอวและกระโปรงทำให้รู้สึกถึงความเป็นตัวตน ซึ่งช่วยให้ชุดรู้สึกไม่แข็งเกินไปพนักงานคนหนึ่งกำลังจะพูดอะไรบางอย่างเมื่อหลิง อี้หรานเลือกชุดนี้ แต่ผู้จัดการหวังกลับหยุดเขาด้วยสายตาเมื่อหลิง อี้หรานเข้าไปในห้องลองเสื้อ พนักงานก็พูดว่า “ผู้จัดการ คุณบอกว่าคุณหวาก็ชอบชุดนี้ไม่ใช่เหรอครับ? คุณหวาบอกว่าวันนี้เธอจะเข้ามาลองชุด”“เธอชอบมันแล้วยังไงล่ะ? มันไม่ใช่ของเธอ นอกจากนี้ เจ้าชายยังไม่ยอมรับตัวตนของคุณหวาเลย แต่กับคนนี้...” ผู้จ