ผมของเขาที่ถูกจัดทรงอย่างเรียบร้อย แต่ตอนนี้กลับดูยุ่งเหยิงและใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาไม่ได้ดูเฉยเมยและเหินห่างเหมือนปกติ แต่กลับดูเศร้าหมองในขณะที่เขาถือสร้อยข้อมือขนาดเล็กดวงตาของฟีนิกซ์คู่นั้นยังคงจ้องมองที่สร้อยข้อมือเมื่อเห็นสร้อยข้อมือ หวา ลี่ฟางกลับรู้สึกสับสนแทนที่เขาจะมอบสร้อยข้อมือเงินให้เธอหลังจากที่เธอสวมรอยเป็นหลิง อี้หราน แต่กู้ ลี่เฉินกลับเก็บสร้อยข้อมือนั้นไว้กับตัวแม้แต่ตอนที่เธออยู่กับเขา บางครั้งเขาก็มองสร้อยข้อมือราวกับว่าเขากำลังมองอะไรบางอย่างจากมัน‘เขามองอะไร? เขาคิดถึงหลิง อี้หรานเมื่อตอนที่เธอยังเป็นเด็กอยู่หรือเปล่า?’ ความคิดนี้ทำให้หวา ลี่ฟางรู้สึกหึงหวง“ลี่เฉิน” หวา ลี่ฟางกัดริมฝีปากของเธอและแสร้งทำเป็นว่าไม่รู้เรื่องอะไร “ทำไมวันนี้คุณไม่มาหาฉันที่มหาวิทยาลัยล่ะคะ? แต่คุณกลับเอาแต่ดื่มคนเดียว คุณไม่รู้เหรอว่าฉันเป็นห่วงคุณแค่ไหน ฉันกลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับคุณ”กู้ ลี่เฉินเงยหน้าขึ้นมองอย่างเฉยเมยและมองที่หวา ลี่ฟาง เขาส่งยิ้มให้เธอยิ้มเล็กน้อย แต่ดูเหมือนว่ามันเป็นรอยยิ้มที่ไม่จริงใจ“ผมลืมไป ผมขอโทษที่ทำให้คุณเป็นห่วง” เขาพูดแต่คำพูดของเ
หลิง อี้หรานไม่ได้อ่านหนังสือกฎหมายมืออาชีพเช่นนี้มาเกือบสี่ปีแล้ว เธอคิดว่าความรู้ของเธอคงจะขึ้นสนิมและอาจจะจำบทบัญญัติทางกฎหมายไม่ได้ด้วยซ้ำแต่ดูเหมือนว่าเธอจะจำพวกมันได้อย่างง่ายดายเหมือนเมื่อก่อน เธอเป็นเหมือนฟองน้ำที่สามารถซึมซับอะไรได้ง่าย เพียงแค่ศึกษาคดีความทุกประเภทและซึมซับจากประสบการณ์เก่า ๆบางทีนี่อาจเป็นเพราะสัญชาตญาณของสมองที่จะเติมเต็มช่องว่างที่เหลืออยู่ในช่วงสี่ปีที่ผ่านมาหลิง อี้หรานรู้สึกเพลิดเพลินกับหนังสือกฎหมายสองเล่มในห้องทำงานของอี้ จิ่นหลี ถัดจากโต๊ะทำงานของเขาแล้ว มีโต๊ะอีกชุดหนึ่งสำหรับหลิง อี้หรานหลิง อี้หรานตั้งใจศึกษากฎหมายอย่างระมัดระวังและหากเธอมีข้อสงสัยอะไร เธอก็มักจะทำเครื่องหมายไว้ในหนังสือก่อนที่จะใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องขณะที่หลิง อี้หรานหนังอ่านหนังสือ เธอไม่ได้สังเกตอี้ จิ่นหลีที่นั่งมองเธอด้วยสายตาอันลึกซึ้งเขาไม่เคยเห็นเธอในบทบาททนายความมาก่อนและเขาก็ไม่เคยสนใจที่จะมองดูเธอแม้แต่ตอนที่เธอเป็นนักโทษครั้งแรกที่เขาพบเธอ เธอสวมชุดพนักงานบริการสุขาภิบาลเรืองแสงและดูเคอะเขินเขาคิดว่าเขาเห็นเธอมามากแล้วตั้งแต่นั้น
แล้วเกิดอะไรขึ้นกับน้องลี่ฟางกันแน่?ถ้าความฝันของเธอไม่ได้เกี่ยวข้องกับการสูญเสียความทรงจำ แต่เธออาจจะแค่ฝันไปเพราะเธอได้ยินเรื่องนี้จากน้องลี่ฟาง แสดงว่าเธอแค่คิดมากเกินไปถ้าเธอบอกจิน เขาก็คงจะสงสัยอย่างน้อย... เธอก็ควรจะบอกเขาเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว“ทำไมพี่ไม่ให้ผมพาไปพบผู้เชี่ยวชาญล่ะ?” อี้ จิ่นหลีถามผู้เชี่ยวชาญที่เขาพูดถึงนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญที่เก่งกาจ“แต่พรุ่งนี้ฉันนัดเขาไว้แล้ว ไม่เป็นอะไรหรอก ไว้ค่อยคุยกันหลังจากที่ฉันเจอหมอแล้วนะ” หลิง อี้หรานตอบ“พรุ่งนี้ผมจะไปกับพี่” อี้ จิ่นหลีพูด“ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ไม่ใช่วันหยุดสักหน่อย ฉันไปเองได้ ฉันแค่อยากจะตรวจอาการปวดหัวเท่านั้น คุณไม่จำเป็นต้องไปกับฉันก็ได้” หลิง อี้หรานรีบบอกออกไป เพราะพรุ่งนี้เธอจะไปหาหมอเพื่อถามเกี่ยวกับความฝันของเธอ ดังนั้นมันคงไม่สะดวกนักถ้าเขาอยู่ที่นั่นดวงตาของเขาเป็นประกายเล็กน้อยและหลุบตาลงเพื่อซ่อนความรู้สึกในดวงตาของเขา “ระวังตัวด้วยนะ พรุ่งนี้ผมจะให้คนขับรถไปส่งพี่”“อืม” เธอตอบกลับเรียบ ๆวันรุ่งขึ้น หลิง อี้หรานมาถึงคลินิกผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลตามเวลาที่กำหนดเมื่อเธอได้พบหมอ เธอจึ
แต่เมื่อเธอมาถึงตึกจิตเวช เธอกลับลังเลเล็กน้อย‘ถ้านั่นคือความทรงจำของฉันและถ้าฉันคือคนที่กู้ ลี่เฉินกำลังมองหาจริง ๆ ล่ะ? ฉันควรทำอย่างไรดี? บอกกู้ ลี่เฉนว่าฉันเป็นคนที่เขาตามหาเหรอ?’‘มันจะเป็นปัญหามากขึ้นหรือเปล่า?’‘แต่... ถ้าฉันไม่ไปตรวจละก็…’ หัวใจของเธอกลับรู้สึกว่างเปล่าในทันที ราวกับว่าจินตนาการและความเป็นจริงประสานกันอยู่ตลอดเวลา มันทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจขณะที่เธอกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นทันที เป็นสายเรียกเข้าจากอี้ จิ่นหลี หลิง อี้หรานตอบรับและได้ยินเสียงผู้ชายที่คุ้นเคยจากโทรศัพท์ของเธอ “ไปโรงพยาบาลเป็นยังไงบ้าง? ไปหาหมอหรือยัง?”“ไปมาแล้ว” หลิง อี้หรานตอบ“หมอบอกว่าไงบ้าง?”“มัน... ไม่มีอะไรร้ายแรง ฉันจะลองสังเกตุดูอาการอีกพัก” เธอตอบออกไปอย่างรู้สึกผิด เธอรู้สึกเสมอว่าคู่รักควรซื่อสัตย์ต่อกัน แต่ตอนนี้เธอกำลังโกหกเขา“เยี่ยมมาก พรุ่งนี้มีงานแสดงสินค้า มากับผมนะ ผมบอกคนขับรถแล้วเขาจะพาพี่ไปที่จอยคัลเลอร์ เลือกชุดและเครื่องประดับที่พี่ชอบได้เลย” อี้ จิ่นหลีพูด“แน่นอน” หลิง อี้หรานตอบเมื่อสายตัดจบ อี้ จิ่นหลีซึ่งอยู่อีกฝั่งของสายกำลังจ้
ในตอนนั้นเธอรู้สึกอับอายเป็นอย่างมากจากนั้นเธอก็ไม่เคยกลับมาที่นี่อีกเลยเธอรู้ว่าการที่พนักงานที่นี่เคารพเธอต่อหน้า ไม่ใช่เพราะเธอคือหลิง อี้หราน แต่เป็นเพราะผู้ชายที่อยู่เบื้องหลังเธอคืออี้ จิ่นหลีนี่คือความเป็นจริงของมัน หลายคนในสังคมนี้ใฝ่ฝันที่จะปีนขึ้นมาบนจุดสูงสุดแต่เธอก็หวังว่าวันหนึ่ง ผู้คนจะมองเห็นเธอ ไม่ใช่เพราะใครอยู่ข้างหลังเธอ แต่เป็นเพราะตัวเธอเองในที่สุด หลิง อี้หรานก็เลือกเสื้อคลุมยาวสีม่วง ชุดนี้ออกแบบง่าย ๆ แม้ว่าการออกแบบจะค่อนข้างอนุรักษ์นิยม แต่ก็ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความสง่างามและความเยือกเย็น การผสมผสานของเพชรเม็ดเล็ก ๆ และลูกไม้ที่เอวและกระโปรงทำให้รู้สึกถึงความเป็นตัวตน ซึ่งช่วยให้ชุดรู้สึกไม่แข็งเกินไปพนักงานคนหนึ่งกำลังจะพูดอะไรบางอย่างเมื่อหลิง อี้หรานเลือกชุดนี้ แต่ผู้จัดการหวังกลับหยุดเขาด้วยสายตาเมื่อหลิง อี้หรานเข้าไปในห้องลองเสื้อ พนักงานก็พูดว่า “ผู้จัดการ คุณบอกว่าคุณหวาก็ชอบชุดนี้ไม่ใช่เหรอครับ? คุณหวาบอกว่าวันนี้เธอจะเข้ามาลองชุด”“เธอชอบมันแล้วยังไงล่ะ? มันไม่ใช่ของเธอ นอกจากนี้ เจ้าชายยังไม่ยอมรับตัวตนของคุณหวาเลย แต่กับคนนี้...” ผู้จ
ในความเห็นของเขา ผู้คนลือกันบนอินเทอร์เน็ตว่าหวา ลี่ฟางอาจจะเป็นแฟนสาวคนต่อไปของเจ้าชาย แต่เจ้าชายกลับไม่เคยยอมรับข่าวลือนี้เลย ถูกไหม?ดังนั้นเขาจึงไม่กลัวที่จะรุกรานหวา ลี่ฟางแต่เขาไม่คาดคิดว่าเจ้าชายจะมาที่นี่กับเธอ เขาจึงเริ่มกังวลเกี่ยวกับหวา ลี่ฟาง‘หวา ลี่ฟางเป็นผู้หญิงที่เจ้าชายชอบจริง ๆ หรือเปล่า?’คนหนึ่งเป็นผู้หญิงของเจ้าชาย ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นผู้หญิงของนายน้อยอี้ ผู้จัดการหวางอยากจะแสร้งเป็นลมในทันทีเพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องมาเผชิญหน้ากับปัญหายุ่งยากเช่นนี้กู้ ลี่เฉินจ้องไปที่หลิง อี้หรานด้วยสายตาว่างเปล่า ในขณะที่เธอยืนรอคำตอบจากผู้จัดการร้านแสงไฟจากทางเดินตกกระทบลงมาที่เธอ ทำให้เธอดูอ่อนโยนและสง่างามแต่แววตาของเธอกลับมีความดื้อรั้นซ่อนอยู่ข้างใน ผู้หญิงคนนี้อาจจะดูอ่อนโยนก็จริง แต่กลับไม่มีอะไรมาบดขยี้เธอได้ราวกับว่าตลอดสามปีที่ผ่านในคุกก็ไม่สามารถลบล้างความดื้อรั้นและความแน่วแน่ในดวงตาของเธอได้หวา ลี่ฟางมองดูกู้ ลี่เฉินที่กำลังจ้องมองหลิง อี้หรานและรู้สึกอิจฉามากขึ้น ดังนั้นเธอจึงกัดริมฝีปากและแสร้งทำเป็นไม่พอใจขณะที่เธอพูดว่า “ลี่เฉิน ฉันอยากจะใส่เสื้อคลุมตั
อี้ จิ่นหลีเหลือบมองกู้ ลี่เฉินจากหางตาของเขากู้ ลี่เฉินสังเกตเห็นและหันหน้าไปหาอี้ จิ่นหลีดวงตาของชายทั้งสองสบกันกลางอากาศราวกับว่าพวกเขากำลังแข่งขันกันอย่างเงียบ ๆทันใดนั้น อี้ จิ่นหลีก็ยิ้มบนริมฝีปากของเขา เขาวางมือลงบนไหล่ของหลิง อี้หรานและก้มตัวลง เขาเอาหน้าไปชิดแก้มของเธอและถามอย่างนุ่มนวลอีกครั้ง “พี่บอกว่าจะให้อะไรนะ?”กู้ ลี่เฉินพบว่าการกระทำตรงหน้ามันดูขัดหูขัดตา‘อี้ จิ่นหลี… เขาตั้งใจทำอย่างนั้น!’‘เขาจงใจแสดงความสนิทสนมกับหลิง อี้หรานเพื่อบอกคนอื่นว่าอย่าพยายามมายุ่งกับเธอใช่ไหม?’กู้ ลี่เฉินรู้สึกเสียวซ่านในหัวใจเขาสนใจคู่หมั้นของชายอื่นตั้งแต่เมื่อไหร่?เขาไม่เคยขาดผู้หญิงมาก่อนและเขาก็ไม่สนใจที่จะพยายามทำดีกับผู้หญิงของคนอื่นทั้งเขาและผู้หญิงที่เขาคบหาต่างยินยอมซึ่งกันและกันอย่างเต็มที่แต่... หลิง อี้หรานดูเหมือนจะเป็นข้อยกเว้นเป็นเพราะเธอคล้ายกับผู้หญิงที่อยู่ในใจเขามากเกินไปหรือเปล่า?หลิง อี้หรานรู้สึกราวกับว่าเธอถูกห้อมล้อมด้วยกลิ่นของอี้ จิ่นหลีเขาอยู่ใกล้เธอมาก จนเธอเห็นขนตาของเขา “น้องสาวเล็งเสื้อคลุมตัวนี้เอาไว้แล้ว และมาเพื่อลองชุดนี้เป็นพ
หลังจากเธอได้ยินว่าเขาชอบสีม่วง ท่าทีของเธอก็เหมือนจะเปลี่ยนไป‘หรือ... เธอพยายามทำตัวห่างเหินจากฉัน?’ความคิดที่แวบเข้ามาในหัวของกู้ ลี่เฉินนั้นทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ...ห้องลองเสื้อผ้าแต่ละห้องนั้นแยกส่วนจากกันกู้ ลี่เฉินและหวา ลี่ฟางถูกพาเข้าไปยังห้องแต่งตัวสำหรับวีไอพีเมื่อหวา ลี่ฟางปรากฏตัวต่อหน้ากู้ ลี่เฉินโดยสวมชุดเดียวกันกับที่หลิง อี้หรานเพิ่งสวมใส่ กู้ ลี่เฉินเพียงชำเลืองมองเธอและพูดว่า “ก็ดี”หวา ลี่ฟางรู้ตัวว่าเธอจะไม่ดูดีในชุดนี้เหมือนกับหลิง อี้หรานโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอสวมมันต่อจากที่หลิง อี้หราน มันดูเหมือนกับการเลียนแบบ แต่เธอก็ไม่สามารถมองหาเสื้อคลุมตัวอื่นได้ เพราะเธอบอกทุกคนว่าเธอเล็งเสื้อคลุมตัวนี้เอาไว้แล้ว“ลี่เฉิน คุณคิดว่าฉันไม่ควรแย่งชิงชุดนี้กับอี้หรานใช่ไหม? หวา ลี่ฟางดูไม่พอใจ “ฉัน... ฉันแค่อยากจะใส่ชุดสีม่วงและทำให้คุณประทับใจเพราะฉันจำได้ว่าคุณชอบสีม่วง”หลังจากหยุดชั่วคราว หวา ลี่ฟางพูดต่อว่า “ตลอดหลายปีที่ผ่านมา การแต่งงานไม่ได้ทำให้ฉันมีความสุขเลย ฉันหยุดคิดถึงวัยเด็กของเราไม่ได้ ฉันเอาแต่คิดว่าคุณจะมาหาฉัน คิดว่าอาจมีใครบางคนมาช่วยฉั