ใครบางคนสังเกตเห็นหลิง อี้หรานเข้ามาและพูดทันทีว่า “นี่ ฉันเคยคิดว่าอี้หรานเป็นคนที่มีอนาคตที่สุดในตระกูลของคุณ ใครจะคิดว่าคนที่มีอนาคตมากที่สุดตอนเด็กกลับกลายเป็นคนที่ตกต่ำที่สุดในตอนนี้และลี่ฟางกลายเป็นคนที่น่าพึ่งพาที่สุดตระกูลลู่ล่ะ?”คน ๆ นั้นพยายามจะประจบหวา ลี่ฟางโดยดูถูกหลิง อี้หราน ซึ่งหวา ลี่ฟางชื่นชอบที่จะได้ยินคำพูดแบบนี้ ตั้งแต่พวกเขายังเป็นเด็ก พวกเขามักจะถูกเปรียบเทียบกันเสมอเพราะพวกเขาดูคล้ายกันและอายุใกล้เคียงกันมากในอดีต หลิง อี้หรานเป็นนักเรียนดีเด่นในโรงเรียนและสามารถสอบเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงได้ ดังนั้นหวา ลี่ฟางจึงรู้สึกอับอายเมื่อเธอถูกเปรียบเทียบกับอี้หรานหวา ลี่ฟางชอบเวลาที่เธอดูสูงส่งกว่าหลิง อี้หราน แต่นั่นก็ก่อนที่จะรู้ว่าแฟนของหลิง อี้หรานคืออี้ จิ่นหลีตอนนี้เธอรู้ตัวตนที่แท้จริงของอี้ จิ่นหลีแล้ว หวา ลี่ฟางจึงคิดว่าคน ๆ นั้นที่พูดเปรียบเทียบออกมาสมควรถูกทุบตี! เพราะคำพูดเหล่านั้นทำให้เธอรู้สึกอายคน ๆ นั้นยังพูดต่อว่า “บางทีอาการป่วยของคุณยายของเธออาจเกิดจากอี้หราน การที่สมาชิกในตระกูลเคยติดคุกมาอาจจะไปกระตุ้นอาการของเธอให้ทรุดโทรมได้
หลิง อี้หรานจ้องไปที่อี้ จิ่นหลีด้วยสายตาว่างเปล่า สักพักเธอก็พูดว่า “ถ้าอย่างนั้น ฉันเดาว่าฉันผ่านอะไรมามากมาย... เพื่อมาเจอคุณและตกหลุมรักคุณเหมือนกัน ถ้าฉันไม่ผ่านเรื่องร้าย ๆ พวกนี้มา บางทีฉันอาจจะไม่ได้เจอคุณก็ได้”หากเธอไม่ต้องเข้าคุก เธออาจจะแต่งงานกับเซียว จื่อฉีและยังคงเป็นทนายความ แล้วเธอก็อาจจะยังคงไม่สามารถเข้ากับตระกูลเซียวได้แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะได้แต่งงานกับเซียว จื่อฉีเพราะพ่อแม่ของเขาคัดค้านการแต่งงานกับเธอและเธอคงไม่ได้พบกับอี้ จิ่นหลีในคืนนั้น คืนที่เขาอยู่ในสภาพที่ยุ่งเหยิงและเธอก็คงจะไม่ได้พาเขากลับบ้านด้วยเธอกับเขาเปรียบเสมือนเส้นขนานสองเส้นที่มาบรรจบกันอี้ จิ่นหลีกอดหลิง อี้หรานทันทีที่เธอพูดจบ เขาฝังใบหน้าของเขาลงในซอกคอและสูดดมกลิ่นของเธอ “ใช่ พี่... ผ่านเรื่องทุกอย่างมาเพื่อมาเจอผม”อย่างไรก็ตาม เธอไม่รู้ว่าเขาเป็นคนทำให้เธอต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บปวด หากเขารู้สึกสงสารหรือเห็นอกเห็นใจเธอสักนิด เธอคงไม่ต้องทนทุกข์กับชะตากรรมนี้และเธอคงจะไม่ต้องถูกขังอยู่ในคุกสามปีด้วยซ้ำหลิง อี้หรานรับรู้ได้ถึงร่างกายที่สั่นไหวของอี้ จิ่นหลี “เป็นอะไรไป? ห
กู้ ลี่เฉินยังคงถามตัวเองว่า ‘ฉันกำลังดูอะไรอยู่? ยังไม่ชัดเจนอีกหรือว่าหวา ลี่ฟางเป็นคนที่ฉันตามหา?’คนที่ช่วยชีวิตเขาไว้คือลี่ฟางและจากการสืบสวนของเขา เขาพบว่าลี่ฟางมีชีวิตที่น่าสังเวชในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สิ่งที่เขาต้องทำคือรักษาลี่ฟางให้ดีที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้และปล่อยให้ลี่ฟางมีชีวิตที่ดีเพื่อแลกกับการช่วยชีวิตเขาแต่หลังจากที่เขาพบลี่ฟาง เขารู้สึกว่างเปล่าราวกับว่าเขาสูญเสียบางอย่างไป“ดูอะไรอยู่คะ ลี่เฉิน?” เสียงของหวา ลี่ฟางดังขึ้นกู้ ลี่เฉินหันไปมองหวา ลี่ฟางที่กำลังเดินมาทางนี้ จากนั้นเขาจึงเดินไปหาเธอและพูดว่า “ไม่มีอะไร ฉันกำลังจะกลับบ้าน โทรหาฉันได้ตลอดถ้ามีอะไรเกิดขึ้น”“คุณจะกลับบ้านตอนนี้เลยเหรอ?” หวา ลี่ฟางรู้สึกไม่พอใจ “นี่มันดึกแล้ว ทำไมคุณไม่ค้างคืนที่นี่แล้วออกไปพรุ่งนี้ล่ะ? ที่นี่ยังมีห้องว่างให้คุณนะ”“ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ฉันมีธุระด่วนที่ออฟฟิศ ฉันกลับดีกว่า” กู้ ลี่เฉินตอบหวา ลี่ฟางไม่สามารถพูดอะไรได้ ดังนั้นเธอจึงตอบตกลงเมื่อเขาพูดอย่างนั้น จากนั้นเธอกับกู้ ลี่เฉินก็เดินไปที่รถของเขา“ลี่เฉิน... สามีเก่าของฉันบอกฉันว่าเขาจะมาหย่ากับฉัน ถ้าเกิดเรายังให
หวา ลี่ฟางเม้มริมฝีปากของเธอเล็กน้อย “แล้วถ้าฉันไม่ได้ช่วยคุณไว้ คุณจะไม่ทำดีกับฉันใช่ไหม?”เธอเพียงต้องการให้เขาปฏิเสธ แต่เธอกลับพบกับดวงตาฟีนิกซ์ตรงหน้าเธอกลับดูไม่แยแสและเหินห่างผู้ชายคนนี้มองเธอด้วยท่าทีนิ่งเฉย ราวกับว่าเขากำลังมองดูคนแปลกหน้าทันใดนั้น หวา ลี่ฟางรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เธอเพิ่งพูดไป “ฉัน... ฉันอยากให้คุณทำดีกับฉัน ไม่ใช่แค่เพราะฉันเคยช่วยชีวิตคุณ แต่… แต่เพราะอย่างอื่น...” เธอพูดตะกุกตะกัก“เอาล่ะ อย่าคิดมาก มันดึกแล้ว เธอควรรีบเข้านอน” กู้ ลี่เฉินพูดเบา ๆเขาพูดขณะเปิดประตูรถและกำลังจะเข้าไปในรถ ทันใดนั้น หวา ลี่ฟางก็พูดตามหลังเขาว่า “เดินทางปลอดภัยนะ เฉินเฉิน!”คำว่า ‘เฉินเฉิน’ ทำให้ร่างกายของกู้ ลี่เฉินแข็งทื่อทันที ความทรงจำในช่วงเวลาที่ร่างเล็กพาเขาลงมาจากภูเขาแวบเข้ามาในหัวของเขาเด็กหญิงยังคงพูดกับเขาต่อไปเพราะกลัวว่าเขาจะเป็นลม“นายชื่ออะไร ถ้านายไม่บอกฉัน ฉันจะเรียกนายว่าเฉินเฉิน มันคือคำที่เขียนอยู่บนเสื้อของนาย มันเป็นชื่อของนายใช่ไหม?”“นายห้ามหลับนะ เฉินเฉิน ถ้านายหลับ นายจะไม่ตื่นมาอีก”“ฉันจะเล่าเรื่องให้นายฟัง นายอยากฟังเรื่องอะไร? ฉันเป็น
ภาพวาดเหล่านี้แสดงให้เห็นภาพของหญิงคนหนึ่งกำลังอุ้มเขาลงจากเขาย้อนกลับไปในตอนนั้น สิ่งที่พวกเขาพึ่งพาได้ก็คือการเชื่อใจกันและกันเป็นครั้งแรกที่เขาตระหนักว่าเธอมีความสำคัญกับเขามากจนเขาอาจอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเธอมีเพียงเธอในภาพวาดเท่านั้นที่เป็นข้อยกเว้นไม่ใช่ภาพวาดของเด็ก แต่เป็นภาพใบหน้าของผู้หญิงในวัยที่เติบโตแล้ว ผู้หญิงในภาพวาดส่งยิ้มอย่างอ่อนโยนมาให้เขา ดวงตารูปอัลมอนด์ของเธอดูสงบนิ่ง ทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจ ราวกับว่าการถูกจ้องมองด้วยดวงตาเช่นนั้นจะทำให้เขารู้สึกสงบ แต่ก็มีเหตุผลในเวลาเดียวกันกู้ ลี่เฉินยืนอยู่หน้าภาพวาด จ้องมองบุคคลในภาพด้วยดวงตาสีครามเข้มของเขา แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดถ้าหลิง อี้หรานอยู่ที่นี่ เธออาจจะรู้ว่าเธอคือคนในภาพวาด!“ทำไมคุณถึงไม่ใช่เธอ?” เสียงเย็นชาของเขาดังขึ้นในสตูดิโอ แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับผู้หญิงในภาพวาดเพียงมองมาที่เขาด้วยรอยยิ้มบาง ๆกู้ ลี่เฉินยกมือขึ้นและลูบใบหน้าในภาพวาดเบา ๆ ราวกับว่าเขากำลังลูบแก้มของผู้หญิงคนนั้นถ้า... หลิง อี้หรานเป็นคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้ เธอจะไม่ปล่อยให้มือของเขาสัมผัสใบหน้าของเธอเช่นนั้น
หลิง อี้หรานเป็นใคร? เธอเคยติดคุกมาก่อน!ในเมืองเล็ก ๆ แบบนี้ ผู้คนมักจะดูถูกอดีตนักโทษ บางคนวิพากษ์วิจารณ์หลิง อี้หราน ในขณะที่บางคนคิดว่าหลิง อี้หรานไม่ควรอยู่ที่นี่ เธอเป็นความอัปยศของตระกูลลู่ ดังนั้นพวกเขาควรไล่เธอออกไป!ทุกครั้งที่สมาชิกในตระกูลลู่ได้ยินเรื่องแบบนั้น พวกเขากลับรู้สึกหวาดกลัวมากว่า คำพูดเหล่านี้จะทำให้อี้ จิ่นหลีโกรธ หากเป็นเช่นนี้ เขาอาจจะกวาดล้างตระกูลลู่ได้แม้ว่าลี่ฟางจะอยู่ภายใต้การคุ้มครองของกู้ ลี่เฉิน แต่กู้ ลี่เฉินไม่เคยพูดว่าเขาจะปกป้องตระกูลลู่!ในวันเคลื่อนย้ายศพของคุณนายลู่ หลิง อี้หรานยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนในชุดดำ ดวงตาของเธอแดงเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังร้องไห้อีกครั้งอี้ จิ่นหลีที่สวมชุดดำยืนอยู่ข้างหลิง อี้หรานและพาเธอไปที่งานศพตระกูลลู่ได้จองห้องโถงในหอประชุมสำหรับจัดงานศพ เพื่อที่จะสามารถรองรับผู้ที่มาร่วมงานได้หลิง อี้หรานยืนเงียบ ๆ ระหว่างพิธีรำลึก น้ำตาของเธอไหลลงมาไม่หยุดขณะที่ลุงใหญ่เล่าเรื่องชีวิตของคุณยายของเธอคนที่รักเธอจากเธอไปทีละคนแม่ของเธอทิ้งเธอไปและคุณยายของเธอก็เช่นกัน ต่อจากนี้ใครจะทิ้งเธออีก?เธอรู้สึกหวาดกลัวในใ
ก่อนที่ชายคนนั้นจะพูดจบ เขาก็ถูกเตะด้วยเท้าข้างหนึ่งอย่างกะทันหัน“โทษที พอดีฉันควบคุมเท้าไม่ได้น่ะ” อี้ จิ่นหลีพูดเบา ๆ แต่เท้าซ้ายของเขาเหยียบอยู่บนหน้าอกของชายคนนั้น ทำให้ชายคนนั้นร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดในทันที ใบหน้าของเขาแดงก่ำ แต่เขาไม่สามารถขยับเท้าที่กดทับหน้าออกของเขาออกไปได้เมื่อเห็นสิ่งนี้ ลุงใหญ่ ลุงรองและป้าก็รีบพูดออกมาทันทีว่า “คุณอี้ เอ่อ... คุณไม่ควรทำแบบนี้ที่งานศพ”“ถ้าเกิดอะไรขึ้น มันจะเป็นการไม่เคารพผู้ตาย”“ผู้ชายคนนั้นก็แค่พูดพล่อย ๆ อย่าไปใส่ใจกับเขาเลย คุณอี้!”อี้ จิ่นหลีมองอย่างเกียจคร้านไปที่สามคนที่อยู่ข้างหน้าเขา “ผมคิดว่าถ้าคุณยายเห็นใครดูถูกหลานสาวของเธอแบบนี้ เธอคงเห็นด้วยกับผมที่ทำแบบนี้ใช่ไหม?”รอยยิ้มมุมปากของเขาทำให้พวกเขาทั้งสามคนรู้สึกเสียวที่สันหลัง“แน่นอน เธอจะเห็นด้วย!”“ใช่ ผู้ชายคนนี้แค่โกรธที่อี้หรานปฏิเสธข้อเสนอของเขาในตอนนั้น เขาจึงมาที่นี่เพื่อระรานเธอ!”“คนประเภทนี้ไม่ควรมางานศพ อี้หรานเป็นสมาชิกของครอบครัวเรา เขากล้าดียังไงถึงมาดูถูกเธอ? อี้หรานเป็นคนโปรดของแม่ฉันมาตลอด”ทั้งสามคนพูดโดยเข้าข้างหลิง อี้หราน ลุงใหญ่เรียกพนักง
หลิง อี้หรานได้เรียนรู้ถึงเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนที่อยู่ในคุก!เธอก้าวไปข้างหน้าและมองดูคุณยายของเธอที่นอนอยู่ในโลงอย่างเงียบ ๆ โดยรู้ว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะได้เห็นคุณยาย หญิงชราผู้ใจดีมอบความรักให้เธอมากมายหลังจากที่เธอสูญเสียแม่และทำให้เธอมีความสุขหลิง อี้หรานวางดอกไม้ไว้ในมือของคุณยายอย่างอ่อนโยนและกล่าวคำอำลาครั้งสุดท้ายในใจของเธอเธอไม่ได้มองดูตอนที่ร่างของคุณยายถูกเผา เธอกลัว กลัวว่าเธอจะทนไม่ได้ที่ต้องเห็นคุณยายถูกเผาต่อหน้าต่อตา“คุณยายทิ้งฉันไปแล้ว จิน มีเพียงไม่กี่คนบนโลกนี้ที่รักฉันจริง ๆ และปฏิบัติต่อฉันอย่างดี” หลิง อี้หรานพึมพำอี้ จิ่นหลีมองไปที่หลิง อี้หรานและพูดว่า “ผมจะไม่ทิ้งพี่ ผมจะอยู่ที่นี่เพื่อพี่เสมอ”“ฉันรู้ว่าคุณจะไม่ทิ้งฉัน และฉัน... ก็จะไม่ทิ้งคุณเหมือนกัน” หลิง อี้หรานพูด เขาให้ความอุ่นใจกับเธอเสมอเมื่อเธอรู้สึกสูญเสียร่างของคุณยายถูกเผา และเถ้าถ่านก็อยู่โกศตระกูลลู่ฝังคุณยายของเธอไว้ในหลุมฝังศพของบรรพบุรุษแห่งหนึ่งในหมู่บ้าน ในสมัยก่อน ก่อนที่ผู้คนจะเข้ามาตั้งถิ่นฐาน บรรพบุรุษตระกูลลู่และชาวบ้านคนอื่น ๆ ถูกฝังไว้ที่นี่หลังจากที่พวกเขาเสียชี
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค