หลิง อี้หรานจ้องไปที่อี้ จิ่นหลีด้วยสายตาว่างเปล่า สักพักเธอก็พูดว่า “ถ้าอย่างนั้น ฉันเดาว่าฉันผ่านอะไรมามากมาย... เพื่อมาเจอคุณและตกหลุมรักคุณเหมือนกัน ถ้าฉันไม่ผ่านเรื่องร้าย ๆ พวกนี้มา บางทีฉันอาจจะไม่ได้เจอคุณก็ได้”หากเธอไม่ต้องเข้าคุก เธออาจจะแต่งงานกับเซียว จื่อฉีและยังคงเป็นทนายความ แล้วเธอก็อาจจะยังคงไม่สามารถเข้ากับตระกูลเซียวได้แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะได้แต่งงานกับเซียว จื่อฉีเพราะพ่อแม่ของเขาคัดค้านการแต่งงานกับเธอและเธอคงไม่ได้พบกับอี้ จิ่นหลีในคืนนั้น คืนที่เขาอยู่ในสภาพที่ยุ่งเหยิงและเธอก็คงจะไม่ได้พาเขากลับบ้านด้วยเธอกับเขาเปรียบเสมือนเส้นขนานสองเส้นที่มาบรรจบกันอี้ จิ่นหลีกอดหลิง อี้หรานทันทีที่เธอพูดจบ เขาฝังใบหน้าของเขาลงในซอกคอและสูดดมกลิ่นของเธอ “ใช่ พี่... ผ่านเรื่องทุกอย่างมาเพื่อมาเจอผม”อย่างไรก็ตาม เธอไม่รู้ว่าเขาเป็นคนทำให้เธอต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บปวด หากเขารู้สึกสงสารหรือเห็นอกเห็นใจเธอสักนิด เธอคงไม่ต้องทนทุกข์กับชะตากรรมนี้และเธอคงจะไม่ต้องถูกขังอยู่ในคุกสามปีด้วยซ้ำหลิง อี้หรานรับรู้ได้ถึงร่างกายที่สั่นไหวของอี้ จิ่นหลี “เป็นอะไรไป? ห
กู้ ลี่เฉินยังคงถามตัวเองว่า ‘ฉันกำลังดูอะไรอยู่? ยังไม่ชัดเจนอีกหรือว่าหวา ลี่ฟางเป็นคนที่ฉันตามหา?’คนที่ช่วยชีวิตเขาไว้คือลี่ฟางและจากการสืบสวนของเขา เขาพบว่าลี่ฟางมีชีวิตที่น่าสังเวชในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สิ่งที่เขาต้องทำคือรักษาลี่ฟางให้ดีที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้และปล่อยให้ลี่ฟางมีชีวิตที่ดีเพื่อแลกกับการช่วยชีวิตเขาแต่หลังจากที่เขาพบลี่ฟาง เขารู้สึกว่างเปล่าราวกับว่าเขาสูญเสียบางอย่างไป“ดูอะไรอยู่คะ ลี่เฉิน?” เสียงของหวา ลี่ฟางดังขึ้นกู้ ลี่เฉินหันไปมองหวา ลี่ฟางที่กำลังเดินมาทางนี้ จากนั้นเขาจึงเดินไปหาเธอและพูดว่า “ไม่มีอะไร ฉันกำลังจะกลับบ้าน โทรหาฉันได้ตลอดถ้ามีอะไรเกิดขึ้น”“คุณจะกลับบ้านตอนนี้เลยเหรอ?” หวา ลี่ฟางรู้สึกไม่พอใจ “นี่มันดึกแล้ว ทำไมคุณไม่ค้างคืนที่นี่แล้วออกไปพรุ่งนี้ล่ะ? ที่นี่ยังมีห้องว่างให้คุณนะ”“ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ฉันมีธุระด่วนที่ออฟฟิศ ฉันกลับดีกว่า” กู้ ลี่เฉินตอบหวา ลี่ฟางไม่สามารถพูดอะไรได้ ดังนั้นเธอจึงตอบตกลงเมื่อเขาพูดอย่างนั้น จากนั้นเธอกับกู้ ลี่เฉินก็เดินไปที่รถของเขา“ลี่เฉิน... สามีเก่าของฉันบอกฉันว่าเขาจะมาหย่ากับฉัน ถ้าเกิดเรายังให
หวา ลี่ฟางเม้มริมฝีปากของเธอเล็กน้อย “แล้วถ้าฉันไม่ได้ช่วยคุณไว้ คุณจะไม่ทำดีกับฉันใช่ไหม?”เธอเพียงต้องการให้เขาปฏิเสธ แต่เธอกลับพบกับดวงตาฟีนิกซ์ตรงหน้าเธอกลับดูไม่แยแสและเหินห่างผู้ชายคนนี้มองเธอด้วยท่าทีนิ่งเฉย ราวกับว่าเขากำลังมองดูคนแปลกหน้าทันใดนั้น หวา ลี่ฟางรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เธอเพิ่งพูดไป “ฉัน... ฉันอยากให้คุณทำดีกับฉัน ไม่ใช่แค่เพราะฉันเคยช่วยชีวิตคุณ แต่… แต่เพราะอย่างอื่น...” เธอพูดตะกุกตะกัก“เอาล่ะ อย่าคิดมาก มันดึกแล้ว เธอควรรีบเข้านอน” กู้ ลี่เฉินพูดเบา ๆเขาพูดขณะเปิดประตูรถและกำลังจะเข้าไปในรถ ทันใดนั้น หวา ลี่ฟางก็พูดตามหลังเขาว่า “เดินทางปลอดภัยนะ เฉินเฉิน!”คำว่า ‘เฉินเฉิน’ ทำให้ร่างกายของกู้ ลี่เฉินแข็งทื่อทันที ความทรงจำในช่วงเวลาที่ร่างเล็กพาเขาลงมาจากภูเขาแวบเข้ามาในหัวของเขาเด็กหญิงยังคงพูดกับเขาต่อไปเพราะกลัวว่าเขาจะเป็นลม“นายชื่ออะไร ถ้านายไม่บอกฉัน ฉันจะเรียกนายว่าเฉินเฉิน มันคือคำที่เขียนอยู่บนเสื้อของนาย มันเป็นชื่อของนายใช่ไหม?”“นายห้ามหลับนะ เฉินเฉิน ถ้านายหลับ นายจะไม่ตื่นมาอีก”“ฉันจะเล่าเรื่องให้นายฟัง นายอยากฟังเรื่องอะไร? ฉันเป็น
ภาพวาดเหล่านี้แสดงให้เห็นภาพของหญิงคนหนึ่งกำลังอุ้มเขาลงจากเขาย้อนกลับไปในตอนนั้น สิ่งที่พวกเขาพึ่งพาได้ก็คือการเชื่อใจกันและกันเป็นครั้งแรกที่เขาตระหนักว่าเธอมีความสำคัญกับเขามากจนเขาอาจอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเธอมีเพียงเธอในภาพวาดเท่านั้นที่เป็นข้อยกเว้นไม่ใช่ภาพวาดของเด็ก แต่เป็นภาพใบหน้าของผู้หญิงในวัยที่เติบโตแล้ว ผู้หญิงในภาพวาดส่งยิ้มอย่างอ่อนโยนมาให้เขา ดวงตารูปอัลมอนด์ของเธอดูสงบนิ่ง ทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจ ราวกับว่าการถูกจ้องมองด้วยดวงตาเช่นนั้นจะทำให้เขารู้สึกสงบ แต่ก็มีเหตุผลในเวลาเดียวกันกู้ ลี่เฉินยืนอยู่หน้าภาพวาด จ้องมองบุคคลในภาพด้วยดวงตาสีครามเข้มของเขา แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดถ้าหลิง อี้หรานอยู่ที่นี่ เธออาจจะรู้ว่าเธอคือคนในภาพวาด!“ทำไมคุณถึงไม่ใช่เธอ?” เสียงเย็นชาของเขาดังขึ้นในสตูดิโอ แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับผู้หญิงในภาพวาดเพียงมองมาที่เขาด้วยรอยยิ้มบาง ๆกู้ ลี่เฉินยกมือขึ้นและลูบใบหน้าในภาพวาดเบา ๆ ราวกับว่าเขากำลังลูบแก้มของผู้หญิงคนนั้นถ้า... หลิง อี้หรานเป็นคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้ เธอจะไม่ปล่อยให้มือของเขาสัมผัสใบหน้าของเธอเช่นนั้น
หลิง อี้หรานเป็นใคร? เธอเคยติดคุกมาก่อน!ในเมืองเล็ก ๆ แบบนี้ ผู้คนมักจะดูถูกอดีตนักโทษ บางคนวิพากษ์วิจารณ์หลิง อี้หราน ในขณะที่บางคนคิดว่าหลิง อี้หรานไม่ควรอยู่ที่นี่ เธอเป็นความอัปยศของตระกูลลู่ ดังนั้นพวกเขาควรไล่เธอออกไป!ทุกครั้งที่สมาชิกในตระกูลลู่ได้ยินเรื่องแบบนั้น พวกเขากลับรู้สึกหวาดกลัวมากว่า คำพูดเหล่านี้จะทำให้อี้ จิ่นหลีโกรธ หากเป็นเช่นนี้ เขาอาจจะกวาดล้างตระกูลลู่ได้แม้ว่าลี่ฟางจะอยู่ภายใต้การคุ้มครองของกู้ ลี่เฉิน แต่กู้ ลี่เฉินไม่เคยพูดว่าเขาจะปกป้องตระกูลลู่!ในวันเคลื่อนย้ายศพของคุณนายลู่ หลิง อี้หรานยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนในชุดดำ ดวงตาของเธอแดงเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังร้องไห้อีกครั้งอี้ จิ่นหลีที่สวมชุดดำยืนอยู่ข้างหลิง อี้หรานและพาเธอไปที่งานศพตระกูลลู่ได้จองห้องโถงในหอประชุมสำหรับจัดงานศพ เพื่อที่จะสามารถรองรับผู้ที่มาร่วมงานได้หลิง อี้หรานยืนเงียบ ๆ ระหว่างพิธีรำลึก น้ำตาของเธอไหลลงมาไม่หยุดขณะที่ลุงใหญ่เล่าเรื่องชีวิตของคุณยายของเธอคนที่รักเธอจากเธอไปทีละคนแม่ของเธอทิ้งเธอไปและคุณยายของเธอก็เช่นกัน ต่อจากนี้ใครจะทิ้งเธออีก?เธอรู้สึกหวาดกลัวในใ
ก่อนที่ชายคนนั้นจะพูดจบ เขาก็ถูกเตะด้วยเท้าข้างหนึ่งอย่างกะทันหัน“โทษที พอดีฉันควบคุมเท้าไม่ได้น่ะ” อี้ จิ่นหลีพูดเบา ๆ แต่เท้าซ้ายของเขาเหยียบอยู่บนหน้าอกของชายคนนั้น ทำให้ชายคนนั้นร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดในทันที ใบหน้าของเขาแดงก่ำ แต่เขาไม่สามารถขยับเท้าที่กดทับหน้าออกของเขาออกไปได้เมื่อเห็นสิ่งนี้ ลุงใหญ่ ลุงรองและป้าก็รีบพูดออกมาทันทีว่า “คุณอี้ เอ่อ... คุณไม่ควรทำแบบนี้ที่งานศพ”“ถ้าเกิดอะไรขึ้น มันจะเป็นการไม่เคารพผู้ตาย”“ผู้ชายคนนั้นก็แค่พูดพล่อย ๆ อย่าไปใส่ใจกับเขาเลย คุณอี้!”อี้ จิ่นหลีมองอย่างเกียจคร้านไปที่สามคนที่อยู่ข้างหน้าเขา “ผมคิดว่าถ้าคุณยายเห็นใครดูถูกหลานสาวของเธอแบบนี้ เธอคงเห็นด้วยกับผมที่ทำแบบนี้ใช่ไหม?”รอยยิ้มมุมปากของเขาทำให้พวกเขาทั้งสามคนรู้สึกเสียวที่สันหลัง“แน่นอน เธอจะเห็นด้วย!”“ใช่ ผู้ชายคนนี้แค่โกรธที่อี้หรานปฏิเสธข้อเสนอของเขาในตอนนั้น เขาจึงมาที่นี่เพื่อระรานเธอ!”“คนประเภทนี้ไม่ควรมางานศพ อี้หรานเป็นสมาชิกของครอบครัวเรา เขากล้าดียังไงถึงมาดูถูกเธอ? อี้หรานเป็นคนโปรดของแม่ฉันมาตลอด”ทั้งสามคนพูดโดยเข้าข้างหลิง อี้หราน ลุงใหญ่เรียกพนักง
หลิง อี้หรานได้เรียนรู้ถึงเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนที่อยู่ในคุก!เธอก้าวไปข้างหน้าและมองดูคุณยายของเธอที่นอนอยู่ในโลงอย่างเงียบ ๆ โดยรู้ว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะได้เห็นคุณยาย หญิงชราผู้ใจดีมอบความรักให้เธอมากมายหลังจากที่เธอสูญเสียแม่และทำให้เธอมีความสุขหลิง อี้หรานวางดอกไม้ไว้ในมือของคุณยายอย่างอ่อนโยนและกล่าวคำอำลาครั้งสุดท้ายในใจของเธอเธอไม่ได้มองดูตอนที่ร่างของคุณยายถูกเผา เธอกลัว กลัวว่าเธอจะทนไม่ได้ที่ต้องเห็นคุณยายถูกเผาต่อหน้าต่อตา“คุณยายทิ้งฉันไปแล้ว จิน มีเพียงไม่กี่คนบนโลกนี้ที่รักฉันจริง ๆ และปฏิบัติต่อฉันอย่างดี” หลิง อี้หรานพึมพำอี้ จิ่นหลีมองไปที่หลิง อี้หรานและพูดว่า “ผมจะไม่ทิ้งพี่ ผมจะอยู่ที่นี่เพื่อพี่เสมอ”“ฉันรู้ว่าคุณจะไม่ทิ้งฉัน และฉัน... ก็จะไม่ทิ้งคุณเหมือนกัน” หลิง อี้หรานพูด เขาให้ความอุ่นใจกับเธอเสมอเมื่อเธอรู้สึกสูญเสียร่างของคุณยายถูกเผา และเถ้าถ่านก็อยู่โกศตระกูลลู่ฝังคุณยายของเธอไว้ในหลุมฝังศพของบรรพบุรุษแห่งหนึ่งในหมู่บ้าน ในสมัยก่อน ก่อนที่ผู้คนจะเข้ามาตั้งถิ่นฐาน บรรพบุรุษตระกูลลู่และชาวบ้านคนอื่น ๆ ถูกฝังไว้ที่นี่หลังจากที่พวกเขาเสียชี
...หลิง อี้หรานนั่งอยู่ในรถขณะที่มองทิวทัศน์ทั้งสองข้าง เธอเริ่มฮัมเพลงเบา ๆ เพลงที่ไพเราะและฟังดูผ่อนคลายอี้ จิ่นหลีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยและรอจนกว่าหลิง อี้หรานจะร้องเพลงเสร็จ ก่อนจะถามว่า “เพลงอะไร?”“เดินไปบนเส้นทางแห่งชีวิต เป็นเพลงเก่า คุณยายของฉันชอบฟังเพลงนี้มาก เธอเป็นคนสอนให้ฉันร้องเพลงนี้ ฉันเคยร้องเล่นสนุกตอนเด็ก ๆ แต่ฉันกลับไม่ค่อยเข้าใจเนื้อเพลงในตอนนั้นเท่าไหร่ แต่พอฉันโตขึ้น ฉันก็ยิ่งเข้าใจมันมากขึ้น” หลิง อี้หรานตอบ“เป็นเพลงที่ดีนะ” เขาพูด“ใช่ แย่จัง คุณยายสอนเพลงให้ฉันไม่ได้อีกแล้ว” เธอบ่น ขณะที่ดูเหนื่อยล้าเธอได้นอนเพียงสามถึงสี่ชั่วโมงต่อวัน เธอใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ข้างโลงศพของคุณยายและยุ่งกับงานศพ ดังนั้นเธอจึงไม่มีเวลาได้พักผ่อนอย่างพอเพียง“ถ้าเหนื่อยก็นอนนะ อีก 2 ชั่วโมงกว่าจะถึง” อี้ จิ่นหลีพูดหลิง อี้หรานตอบรับอี้ จิ่นหลี จากนั้นเขาก็ช่วยเธอปรับที่นั่งของเธอให้เป็นมุมที่เหมาะสมเพื่อการนอนหลับที่สบายเธอเอนศีรษะเอนหลังพิงที่นั่งแล้วหลับตาลง อี้ จิ่นหลีจ้องมองใบหน้าที่กำลังหลับปุ๋ยและหยิบสร้อยข้อมือเงินขนาดเล็กออกจากกระเป๋าหน้าอกของเขาในเวลาต่อมาส