“แล้วถ้าคนร้ายจับเธอไปด้วยล่ะ” เธอได้เสียงของเด็กน้อย แต่เธอกลับมองไม่เห็นใบหน้าของเขา“ไม่ พวกมันจับเราไม่ได้หรอก!” เด็กหญิงตัวน้อยโต้กลับทันทีเด็กน้อยมองเธออย่างครุ่นคิดโดยไม่พูดอะไรผ่านไปครู่หนึ่ง เด็กหญิงตัวน้อยก็พึมพำ “ถ้าฉันถูกจับได้ อย่างน้อย… อย่างน้อยเราก็อยู่เป็นเพื่อนกันได้ ฉันไม่กลัวหรอก!”เด็กหญิงตัวเล็กจับมือเด็กชายเอาไว้แน่น กำไลเงินคู่หนึ่งบนข้อมือที่เรียวบางของเธอนั้นโดดเด่นเป็นพิเศษเด็กหญิงตัวเล็กและเด็กชายวิ่งไปตามถนนบนเนินเขาที่ขรุขระ เด็กน้อยมักจะถูกเอาอกเอาใจ ถึงเขาจะมีร่างกายที่แข็งแรง แต่เขาก็ไม่พบเจอกับสถานการณ์เช่นนี้มาก่อนเด็กหญิงตัวเล็กนำทางไปพร้อมกับจับมือของเขาไว้แน่นทันใดนั้น เด็กชายก็ลื่นล้มลงจากเนินเขา ทำให้เด็กหญิงตัวเล็กที่จับมือเขาไว้ก็ลื่นล้มลงไปเช่นกัน ร่างของเธอลื่นตกลงไปติดอยู่ในกิ่งไม้เล็ก ๆ ที่งอกออกมาจากด้านข้างของเนินเขา มือซ้ายของเด็กหญิงตัวเล็กยังคงจับมือของเด็กชายไว้แน่น เท้าของเด็กชายลอยล่องอยู่ในอากาศ เขาต้องการจะกลับขึ้นไปบนเนินแต่กลับรู้สึกสิ้นหวัง ทางลาดนั้นสูงชันมากจนเขาคิดว่าเขาจะไม่สามารถกลับขึ้นไปได้อีกใบหน้าของเด็
หลิง อี้หรานสัมผัสหน้าผากของเธอ เธอก็รู้สึกได้ถึงเหงื่อ ‘เกิดอะไรขึ้นกับฉัน? ฉันฝันร้ายเหรอ? แต่เนินเขาในฝันคือเนินเขาใกล้เมือง’‘นอกจากนี้... เหตุการณ์ในความฝัน...’ เธอกัดริมฝีปากของตัวเองและครุ่นคิดแสงอาทิตย์สาดส่องจ้านอกหน้าต่างหลิง อี้หรานมองดูเวลา เป็นเวลาเกือบสิบเอ็ดโมงแล้ว เธอพล็อยหลับไปนาน มีโน้ตข้อความอี้ จิ่นหลีอยู่บนโต๊ะข้างเตียงลายมือของเขาเป็นเส้นเล็กแต่แข็งแรงหลิง อี้หรานอ่านข้อความและรู้ว่าเขาไปที่ทำงานแต่เช้าตรู่เพื่อจัดการกับธุระในบริษัทที่หมักหมมมาตลอดหลายวัน และเขาจะกลับมาทานอาหารเย็นกับเธอหลิง อี้หรานรู้สึกอบอุ่นในใจเมื่ออ่านข้อความนั้น ความรู้สึกวิตกกังวลต่อความฝันของเธอก่อนหน้านี้จางลงเล็กน้อยเธอเดินเข้าไปในห้องน้ำและอาบน้ำขณะที่น้ำอุ่นไหลกระทบกับร่างกายของเธอ เธอมองลงมาที่มือข้างซ้ายอย่างมึนงงราวกับว่าเธอยังคงจับมือเด็กชายคนนั้นไว้แน่นในความฝัน‘เฉินเฉิน... เฉิน... หรือเฉิง? เฉิงเหรอ? เฉง…หรือเปล่า?’มันเป็นเรื่องของการออกเสียงเท่านั้นจากทั้งหมดที่เธอรู้จัก มีเพียงคนเดียวที่มีการออกเสียงแบบนี้ในชื่อของพวกเขา... กู้ ลี่เฉิน!และฉากในความฝัน เ
“ไม่เป็นไร ถ้ามันเป็นสิ่งที่เธอต้องการ ฉันก็จะทำเพื่อคุณ” กู้ ลี่เฉินพูดเบา ๆ“ใจดีจัง เฉินเฉิน” หวา ลี่ฟางตอบคำว่า ‘เฉินเฉิน’ ทำให้กู้ ลี่เฉินรู้สึกเจ็บปวดในใจ เขาพบว่ามันกลับไม่น่าฟังเมื่อเธอพูดออกมา“ต่อจากนี้ไปเรียกฉันว่าลี่เฉิน เฉินเฉินเป็นชื่อเล่นในวัยเด็ก” กู้ ลี่เฉินพูด“ค่ะ” หวา ลี่ฟางตอบอย่างเชื่อฟังเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หลิง อี้หรานเป็นคนบอกเธอเกี่ยวกับชื่อของเฉินเฉิน ตอนที่หลิง อี้หรานยังเป็นเด็ก เธอกลับบ้านมาพร้อมเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งและบอกว่าเธอได้ช่วยชีวิตใครบางคนเอาไว้ ไม่มีใครในครอบครัวเชื่อเธอและทุกคนคิดว่าเธอโกหกเพื่อปกปิดความจริงที่ว่าเธอไปแอบเล่นซนมา แต่หวา ลี่ฟางที่อยากรู้อยากเห็นตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ไปถามหลิง อี้หรานเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้นเธอจึงรู้ว่าหลิง อี้หรานได้ช่วยเด็กน้อยที่ชื่อเฉินเฉินอย่างไรไม่อย่างนั้น เธอคงไม่สามารถแกล้งหลอกกู้ ลี่เฉินได้สำเร็จและสิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือในเวลาต่อมา หลิง อี้หรานมีไข้สูงซึ่งไม่สามารถรักษาที่โรงพยาบาลในเมืองได้ เธอจึงถูกย้ายไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลใหญ่ในเมืองเฉินหลังจากต้องรักษาความเจ็บป่วยของเธอ หลิง อี้หรานจ
“หนึ่งปีเหรอ?” ชิน เหลียนอีร้องเสียงหลง “แล้วการแต่งงานของเธอกับอี้ จิ่นหลีจะถูกเลื่อนออกไปหนึ่งปีด้วยเหรอ?”หลิง อี้หรานพยักหน้า “ฉันยังไม่ได้คุยเรื่องนี้กับจิน ฉันจะคุยกับเขาคืนนี้แล้วดูว่าเขาจะคิดยังไง” แต่เธอคิดว่าเขาจะเห็นด้วยเขายอมทำทุกอย่างตามคำขอร้องของเธอนับตั้งแต่ที่พวกเขาเริ่มคบกันชิน เหลียนอีมองไปที่ใบหน้าซีดเซียวของเพื่อนและพูด “ทำไมเราไม่ไปห้างสรรพสินค้ากันล่ะ? ไป๋ ทิงซินขอให้ฉันไปเจอเขาที่นั่น เขาบอกว่าเขาสั่งเสื้อผ้าให้ฉันไปรับที่ร้านในห้างสรรพสินค้า”ชิน เหลียนอีไม่อยากทำตัวเด่นในการประชุม งานเลี้ยง และงานอื่น ๆ แต่ไป๋ ทิงซินยังคงลากเธอไปร่วมงานเลี้ยงต่าง ๆ ราวกับว่าเขาต้องตัวติดเธอตลอดเวลาสิ่งที่น่าโมโหที่สุดคือตอนที่เธอโต้เถียงว่าเธอกำลังยุ่งกับงานและต้องทำงานล่วงเวลาหรืออะไรสักอย่าง เขามักจะส่งยิ้มมาและพูดว่าไม่เป็นไร จากนั้นเธอก็ได้รับโทรศัพท์จากหัวหน้าที่บอกว่าไม่ต้องทำงานล่วงเวลาเธอรู้ว่าไป๋ ทิงซินคุยกับเจ้านายของเธอตลอดพวกเธอไปที่ห้างสรรพสินค้าบริเวณใกล้เคียง ชิน เหลียนอีเข้าไปที่ร้านเพื่อไปรับเสื้อผ้าของเธอกับหลิง อี้หรานแน่นอนว่าเสื้อผ้าที่ไป๋ ทิ
“ฉันมาที่นี่กับเพื่อน ถ้าเธออยากได้ความช่วยเหลือ เธอลองขอความช่วยเหลือกับพนักงานขายดูสิ” หลิง อี้หรานตอบเบา ๆหวา ลี่ฟางรู้สึกอาย เธอมองหาพนักงานขายเพื่อช่วยขอให้เขาช่วยเธอเลือกเสื้อผ้ากู้ ลี่เฉินเดินไปข้างหน้าหลิง อี้หรานและพูดว่า “อย่าเสียใจเพราะคุณยายนานเลย ทุกคนล้วนเกิด แก่ เจ็บและตาย ใครบางคนในโลกนี้มักจะจากไปก่อน”หลิง อี้หรานจ้องมองเขา ‘เขา... ปลอบใจฉันเหรอ?’ ร่างผอมบางของเขาตอนนี้อยู่ในชุดสูทสีเทาเข้ม ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาดูสงบนิ่งและไม่แยแสเจ้าชายแห่งวงการบันเทิงเป็นที่รู้จักกันในเรื่องของความเฉยเมยต่อทุกสิ่งและพฤติกรรมของเขาที่เปลี่ยนแฟนสาวบ่อย ๆไม่มีใครรู้ว่าแฟนสาวคนต่อไปจะเป็นใคร‘อาจจะเป็นลี่ฟาง?’ หลิง อี้หรานคิดในใจ แต่แฟนคนก่อนของกู้ ลี่เฉินก็ต่างเป็นตัวสำรองของน้องลี่ฟางตอนนี้เขาหาเธอพบแล้วและลี่ฟางก็หย่าร้างกับสามีเรียบร้อยแล้ว“คุณคิดอะไรอยู่?” เสียงของเขาดังขึ้น“ไม่มีอะไร” หลิง อี้หรานตอบ เธอไม่จำเป็นต้องคุยกับเขาเกี่ยวกับสิ่งที่เธอคิด นอกจากนี้ มันไม่ใช่เรื่องของเธอ มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับน้องลี่ฟางอย่างไรก็ตาม... เธอยังรู้สึกสงสัยอยู
“คุณกำลังพูดเรื่องอะไร? ทำไมจู่ ๆ ถึง...” หวา ลี่ฟางถามอย่างสับสน แต่สิ่งที่กู้ ลี่เฉินพูดต่อไปกลับทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัว“คุณรู้จักชื่อ ‘เฉินเฉิน’ ได้ยังไง หลิง อี้หราน?” กู้ ลี่เฉินถามหวา ลี่ฟางขนลุกทันทีขณะที่เธอมองไปที่หลิง อี้หรานด้วยความไม่เชื่อ ‘เธอ... เพิ่งเรียกลี่เฉินว่า ‘เฉินเฉิน’ เหรอ?’‘หลิง อี้หรานได้ความทรงจำกลับมาแล้วเหรอ?’ถ้าเธอจำทุกอย่างได้ หวา ลี่ฟางจะสูญเสียทุกอย่างที่เธอมีในทันที ความคิดนั้นทำให้หวา ลี่ฟางรู้สึกราวกับว่าเธอกำลังจะสูญเสียการทรงตัว“คุณถูกเรียกว่า ‘เฉินเฉิน’ ตอนที่คุณยังเด็กจริง ๆ เหรอ?” หลิง อี้หรานถามขณะที่เธอขมวดคิ้ว ‘ถ้าอย่างนั้น กู้ ลี่เฉินก็คือเด็กชายในฝันของฉัน’สิ่งที่เกิดขึ้นในความฝันเป็นเรื่องจริงหรือไม่?“คุณรู้ได้ยังไง?” เขายังคงถามคำถามเดิมกับเธอ“ฉันเอง! ฉันเล่าเรื่องนี้ให้อี้หรานฟัง เมื่อตอนที่ฉันยังเป็นเด็ก!” หวา ลี่ฟางรีบพูดแทรกอย่างกะทันหันหลิง อี้หรานตกตะลึงเล็กน้อย ขณะที่กู้ ลี่เฉินได้ยินคำตอบนี้ เขาก็จ้องไปที่หวา ลี่ฟางอย่างว่างเปล่า “คุณบอกเธอเหรอ?”“ใช่ ตอนที่ฉันยังเป็นเด็ก ฉันบอกอี้หรานว่าฉันได้ช่วยคุณไว้ ฉันยังพูด
เธอรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อยในใจเมื่อได้ยินคำพูดแบบนั้น...หลังจากฟังหลิง อี้หรานเล่าเรื่องของเธอกับกู้ ลี่เฉินและหวา ลี่ฟางแล้ว ชิน เหลียนอีก็เปิดปากกว้างและพึมพำ “นี่มันน่าทึ่งมาก”ใครจะคิดว่าเจ้าชายแห่งวงการบันเทิงเปลี่ยนแฟนสาวแต่ละคนเพียงเพื่อตามหาตัวแทนของลูกพี่ลูกน้องของเพื่อนสนิท“แล้วทำไมเขาถึงคว้าแขนเธอแบบนั้น?” ชิน เหลียนอีถาม“ฉันถามอะไรบางอย่างกับเขา แต่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน” หลิง อี้หรานพูด หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ สิ่งที่ทำให้เธองงคือคำตอบของลูกพี่ลูกน้องของเธอจากที่เธอจำได้ ลูกพี่ลูกน้องของเธอไม่เคยบอกเธอเกี่ยวกับการช่วยชีวิตเด็กน้อย นับประสาเด็กที่ชื่อเฉินเฉินเธอคิดไม่ออกถึงเรื่องนี้“ยังไงก็ตาม กู้ ลี่เฉินเข้าใจผิดว่าเธอเป็นคนที่ช่วยชีวิตเขาตั้งแต่ยังเล็กใช่ไหม? บอกฉันที ถ้าเธอเป็นเด็กหญิงคนนั้นที่ช่วยชีวิตเขา เธอจะเลือกใคร เขาหรืออี้ จิ่นหลี?” ชิน เหลียนอีถามออกมาอย่างหัวเสียขณะที่เธอปล่อยให้จินตนาการของเธอโลดแล่นหลิง อี้หรานไม่สามารถนึกถึงความฝันได้อีก เธอบอกตัวเองทันทีว่า ‘ความฝันก็เป็นแค่ความฝัน มันไม่ใช่เรื่องจริง น้องลี่ฟางต่างหากท
หลิง อี้หรานรู้สึกเหมือนกำลังถูงเร่งให้แต่งงาน “อันที่จริง... ตอนนี้เราก็เหมือนแต่งงานกันแล้วนะ” เธอพูด ตอนนี้พวกเขาอยู่ด้วยกันและยังนอนบนเตียงเดียวกัน มีเพียงทะเบียนสมรสเท่านั้นที่ยังไม่ได้จด“มันไม่เหมือนกัน ในสายตาของคนอื่น พี่ยังคงเป็นนางสาวหลิง ไม่ใช่คุณนายอี้ ผมอยากให้พี่เป็นของผมและผมก็จะเป็นของพี่” อี้ จิ่นหลีพึมพำหลิง อี้หรานรู้สึกว่าอี้ จิ่นหลีให้ความสำคัญกับใบสมรสมากเกินไป “ถึงแต่งได้ก็หย่าได้”เธอโพล่งออกมาท่าทางของอี้ จิ่นหลีเปลี่ยนไปทันที ดวงตามืดหม่นลง “ถ้าเกิดเราแต่งงานกัน จะมีวันที่เราหย่ากันไหม?”น้ำเสียงของเขาแผ่วเบา แต่เธอกลับได้ยินมันชัดเจนเขากางแขนออกและโอบเธอไว้แน่น หลิง อี้หรานรู้สึกว่าร่างกายของเขาสั่นเทาเบา ๆ“ฉันไม่ได้บอกว่าเราจะหย่ากัน ฉันแค่ไม่คิดว่าการที่เราแต่งงานกัน เราจะเป็นของกันและกันอย่างสมบูรณ์ ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับตัวเรา ไม่ใช่เอกสาร” หลิง อี้หรานกัดริมฝีปากและพูดกับอี้ จิ่นหลีว่า “ถ้าเรารักกัน เราก็จะเป็นของกันและกัน แต่ถ้าวันหนึ่งเราไม่ได้รักกันแล้ว เราก็จะไม่ใช่ของกันและกันอีกต่อไป”“พี่จะเลิกรักผมไหม?” สายตาที่จ้องมองมา ทำให้เธอรู้ส