“คุณกำลังพูดเรื่องอะไร? ทำไมจู่ ๆ ถึง...” หวา ลี่ฟางถามอย่างสับสน แต่สิ่งที่กู้ ลี่เฉินพูดต่อไปกลับทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัว“คุณรู้จักชื่อ ‘เฉินเฉิน’ ได้ยังไง หลิง อี้หราน?” กู้ ลี่เฉินถามหวา ลี่ฟางขนลุกทันทีขณะที่เธอมองไปที่หลิง อี้หรานด้วยความไม่เชื่อ ‘เธอ... เพิ่งเรียกลี่เฉินว่า ‘เฉินเฉิน’ เหรอ?’‘หลิง อี้หรานได้ความทรงจำกลับมาแล้วเหรอ?’ถ้าเธอจำทุกอย่างได้ หวา ลี่ฟางจะสูญเสียทุกอย่างที่เธอมีในทันที ความคิดนั้นทำให้หวา ลี่ฟางรู้สึกราวกับว่าเธอกำลังจะสูญเสียการทรงตัว“คุณถูกเรียกว่า ‘เฉินเฉิน’ ตอนที่คุณยังเด็กจริง ๆ เหรอ?” หลิง อี้หรานถามขณะที่เธอขมวดคิ้ว ‘ถ้าอย่างนั้น กู้ ลี่เฉินก็คือเด็กชายในฝันของฉัน’สิ่งที่เกิดขึ้นในความฝันเป็นเรื่องจริงหรือไม่?“คุณรู้ได้ยังไง?” เขายังคงถามคำถามเดิมกับเธอ“ฉันเอง! ฉันเล่าเรื่องนี้ให้อี้หรานฟัง เมื่อตอนที่ฉันยังเป็นเด็ก!” หวา ลี่ฟางรีบพูดแทรกอย่างกะทันหันหลิง อี้หรานตกตะลึงเล็กน้อย ขณะที่กู้ ลี่เฉินได้ยินคำตอบนี้ เขาก็จ้องไปที่หวา ลี่ฟางอย่างว่างเปล่า “คุณบอกเธอเหรอ?”“ใช่ ตอนที่ฉันยังเป็นเด็ก ฉันบอกอี้หรานว่าฉันได้ช่วยคุณไว้ ฉันยังพูด
เธอรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อยในใจเมื่อได้ยินคำพูดแบบนั้น...หลังจากฟังหลิง อี้หรานเล่าเรื่องของเธอกับกู้ ลี่เฉินและหวา ลี่ฟางแล้ว ชิน เหลียนอีก็เปิดปากกว้างและพึมพำ “นี่มันน่าทึ่งมาก”ใครจะคิดว่าเจ้าชายแห่งวงการบันเทิงเปลี่ยนแฟนสาวแต่ละคนเพียงเพื่อตามหาตัวแทนของลูกพี่ลูกน้องของเพื่อนสนิท“แล้วทำไมเขาถึงคว้าแขนเธอแบบนั้น?” ชิน เหลียนอีถาม“ฉันถามอะไรบางอย่างกับเขา แต่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน” หลิง อี้หรานพูด หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ สิ่งที่ทำให้เธองงคือคำตอบของลูกพี่ลูกน้องของเธอจากที่เธอจำได้ ลูกพี่ลูกน้องของเธอไม่เคยบอกเธอเกี่ยวกับการช่วยชีวิตเด็กน้อย นับประสาเด็กที่ชื่อเฉินเฉินเธอคิดไม่ออกถึงเรื่องนี้“ยังไงก็ตาม กู้ ลี่เฉินเข้าใจผิดว่าเธอเป็นคนที่ช่วยชีวิตเขาตั้งแต่ยังเล็กใช่ไหม? บอกฉันที ถ้าเธอเป็นเด็กหญิงคนนั้นที่ช่วยชีวิตเขา เธอจะเลือกใคร เขาหรืออี้ จิ่นหลี?” ชิน เหลียนอีถามออกมาอย่างหัวเสียขณะที่เธอปล่อยให้จินตนาการของเธอโลดแล่นหลิง อี้หรานไม่สามารถนึกถึงความฝันได้อีก เธอบอกตัวเองทันทีว่า ‘ความฝันก็เป็นแค่ความฝัน มันไม่ใช่เรื่องจริง น้องลี่ฟางต่างหากท
หลิง อี้หรานรู้สึกเหมือนกำลังถูงเร่งให้แต่งงาน “อันที่จริง... ตอนนี้เราก็เหมือนแต่งงานกันแล้วนะ” เธอพูด ตอนนี้พวกเขาอยู่ด้วยกันและยังนอนบนเตียงเดียวกัน มีเพียงทะเบียนสมรสเท่านั้นที่ยังไม่ได้จด“มันไม่เหมือนกัน ในสายตาของคนอื่น พี่ยังคงเป็นนางสาวหลิง ไม่ใช่คุณนายอี้ ผมอยากให้พี่เป็นของผมและผมก็จะเป็นของพี่” อี้ จิ่นหลีพึมพำหลิง อี้หรานรู้สึกว่าอี้ จิ่นหลีให้ความสำคัญกับใบสมรสมากเกินไป “ถึงแต่งได้ก็หย่าได้”เธอโพล่งออกมาท่าทางของอี้ จิ่นหลีเปลี่ยนไปทันที ดวงตามืดหม่นลง “ถ้าเกิดเราแต่งงานกัน จะมีวันที่เราหย่ากันไหม?”น้ำเสียงของเขาแผ่วเบา แต่เธอกลับได้ยินมันชัดเจนเขากางแขนออกและโอบเธอไว้แน่น หลิง อี้หรานรู้สึกว่าร่างกายของเขาสั่นเทาเบา ๆ“ฉันไม่ได้บอกว่าเราจะหย่ากัน ฉันแค่ไม่คิดว่าการที่เราแต่งงานกัน เราจะเป็นของกันและกันอย่างสมบูรณ์ ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับตัวเรา ไม่ใช่เอกสาร” หลิง อี้หรานกัดริมฝีปากและพูดกับอี้ จิ่นหลีว่า “ถ้าเรารักกัน เราก็จะเป็นของกันและกัน แต่ถ้าวันหนึ่งเราไม่ได้รักกันแล้ว เราก็จะไม่ใช่ของกันและกันอีกต่อไป”“พี่จะเลิกรักผมไหม?” สายตาที่จ้องมองมา ทำให้เธอรู้ส
หลิง อี้หรานลุกขึ้นด้วยความรู้สึกเจ็บ จากนั้นเธอก็อาบน้ำ ทันใดนั้นโทรศัพท์ของเธอดังขึ้นตอนที่เธอกำลังจะลงไปชั้นล่าง เป็นสายจากหวา ลี่ฟางทันทีที่หลิง อี้หรานรับสาย เสียงของหวา ลี่ฟางก็ดังขึ้นในโทรศัพท์ “วันนี้เธอว่างไหม อี้หราน? ฉันอยากคุยกับเธอต่อหน้า”หลิง อี้หรานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ได้สิ ไว้เจอกัน”เธอเองก็ต้องการถามหวา ลี่ฟางเกี่ยวกับชื่อเฉินเฉินและสิ่งที่ลี่ฟางพูดกับเธอเกี่ยวกับการช่วยกู้ ลี่เฉินเมื่อตอนที่เขายังเป็นเด็กเมื่อหลิง อี้หรานมาเจอหวา ลี่ฟาง เธอพบว่าลี่ฟางสวมชุดล่าสุดของแบรนด์สุดหรู เธอถือกระเป๋าหนังจระเข้และสวมรองเท้าส้นสูงเจ็ดนิ้ว ผมของเธอม้วนเป็นลอนอย่างประณีต เธอแต่งหน้าสวยงามและสวมแว่นดำเธอดูเหมือนคนที่อยู่ในแวดวงสังคมชั้นสูง ใครจะคิดว่าหวา ลี่ฟางเคยเป็นแม่บ้านธรรมดาจากเมืองเล็ก ๆ“นี่ อี้หราน ทางนี้!” หวา ลี่ฟางก้าวไปข้างหน้า ถอดแว่นกันแดดออก แล้วพูดกับหลิง อี้หรานด้วยรอยยิ้มว่า “ว่าแต่เราไม่ค่อยได้เจอกันแบบนี้เลยเนอะ แต่ฉันวางแผนที่จะอยู่ที่นี่ในเมืองเฉิน เราคงจะได้เจอกันอีกบ่อย ๆ”หลิง อี้หรานมองดูหวา ลี่ฟาง เธอไม่คิดว่าหวา ลี่ฟางจะชวนเธอมาในวัน
หวา ลี่ฟางเชิดหน้าขึ้น “ฉันไม่กลัวที่จะบอกเธอตามตรงหรอกนะว่าฉันรู้สึกซาบซึ้งแค่ไหนเมื่อรู้ว่าลี่เฉินตามหาฉันมาหลายปีแล้ว ยังไงฉันก็หย่าแล้ว มันคงไม่เป็นไรสำหรับฉันที่จะไล่ตามความสุขของตัวเอง ฉันรู้จักลี่เฉินและเธอก็เคยรู้จักกัน ฉันได้ยินจากลี่เฉินเหมือนกันว่าเขาคิดว่าเธอเป็นฉันมาสักพักแล้ว แต่เธอไม่ใช่ฉันนี่ ดังนั้น ฉันหวังว่าเธอจะรู้จักที่ของตัวเอง มันคงจะดีสำหรับเราทุกคนในแบบนั้น”หวา ลี่ฟางมีช่างแต่งตัวคอยดูแลการแต่งตัวของเธอในทุกวันนี้ แม้ว่าเธอจะมีหน้าตาธรรมดา แต่เธอก็ยังสามารถดูเหมือนดาราได้ แน่นอนว่าสิ่งนี้ทำให้หวา ลี่ฟางมีความมั่นใจอย่างมากเธอรู้สึกว่าเมื่อก่อนเธอดูเป็นผู้หญิงธรรมดาเพราะเธอไม่ได้แต่งตัว แต่เมื่อเธอแต่งตัวแล้ว เธอก็มีเสน่ห์ไม่น้อยไปกว่าแฟนเก่าของกู้ ลี่เฉินด้วยเหตุนี้ หวา ลี่ฟางจึงจ้องไปที่หลิง อี้หราน และพูดว่า “ฉันหวังว่าเธอจะไม่มาขวางทางความสุขของฉัน อี้หราน ไม่อย่างนั้น ฉันจะไม่เมตตาต่อเธอแม้ว่าเราจะเป็นญาติกันก็ตาม”เธอจะไม่ยอมให้ใครมาขวางทางเธอ เธอจะคว้าโอกาสนี้ไว้และอยู่เหนือทุกคน!…มันเป็นความฝันที่คล้ายกัน... ในความฝัน ใบหน้าของเด็กน้อยยังคงพ
เมื่อหลิง อี้หรานลืมตาขึ้น เธอก็ตระหนักได้ว่าเธอกำลังฝันอยู่ เธอฝันถึงเด็กชายตัวเล็ก ๆ และเด็กหญิงตัวน้อยเธอตกใจตื่นขึ้นมาเมื่อฝันถึงเหตุการณ์ที่เด็กชายล้มลงทันทีที่เธอลืมตาขึ้น ดวงตารูปอัลมอนด์ของเธอก็สบเข้ากับดวงตาคู่หนึ่งที่คุ้นเคย แต่ในตอนนี้ ดวงตาของอี้ จิ่นหลีกลับดูหม่นหมอง“ฝันเหรอ?” เขาถามขึ้น โดยที่น้ำเสียงของเขาฟังดูห่างเหิน“อืม” หลิง อี้หรานพยักหน้าและมองดูนาฬิกาบนผนัง เป็นเวลาตีสองโมงกว่า ๆ “ฉันทำให้คุณตื่นเหรอ?”“เปล่า ผมแค่นอนไม่ค่อยหลับ พี่ฝันถึงอะไร? หน้าพี่ดูซีดมากเลย” เขาพูดหลิง อี้หรานเผยอปากเหมือนจะพูดอะไร แต่เธอกลับนิ่งเงียบ เธอสามารถพูดได้ว่าเธอฝันถึงเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่ช่วยเด็กชายเอาไว้ และคิดว่าเด็กชายคนนั้นอาจเป็นกู้ ลี่เฉินหรือเปล่า?ปกติเขาก็อ่อนไหวอยู่แล้วที่กู้ ลี่เฉินเข้าใจผิดว่าเธอเป็นคนอื่นและตอนนี้เธอไม่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมเธอถึงมีความฝันแบบนี้ เป็นเพราะลูกพี่ลูกน้องของเธอได้เล่าให้เธอฟังถึงวิธีการช่วยเหลือกู้ ลี่เฉินหรือเปล่า? แล้วทำไม... เธอถึงฝันอย่างนั้น?แต่ทำไมเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ในความฝันถึงดูเหมือนตัวเธอเอง?“ไม่มีอะไร” หลิง อี้หรา
เขาไม่เคยรู้ว่าเขาจะหงุดหงิดได้เพียงเพราะได้ยินคำพูดของเธอ“คุณรู้สึกดีขึ้นหรือยัง?” หลิง อี้หรานถามโดยไม่สนใจว่าอ้อมกอดของเขาจะทำให้เธอรู้สึกเจ็บ ทั้งหมดที่เธอสนใจคือท่าทางที่ผิดปกติของเขาและดูเหมือนว่าอาการสั่นของเขาจะลดลง มันไม่รุนแรงเท่ากับตอนก่อน“ดีขึ้น...” อี้ จิ่นหลีพึมพำโดยที่ยังกอดเธอไว้แน่นเธอทำให้เขารู้สึกกลัว เธอมีอิทธิพลเหนือเขามากกว่าที่เขาคิดหลังจากเวลาผ่านไปนาน อาการสั่นของอี้ จิ่นหลีก็หยุดลงจากนั้นเขาก็ปล่อยมือและพูดกับหลิง อี้หรานว่า “ผมคงทำให้พี่เจ็บตอนที่ผมกอดพี่”“ไม่เป็นไร ไม่เจ็บมากหรอก ฉันทนกับความเจ็บปวดได้สบายอยู่แล้ว” เธอตอบ หลังจากผ่านการทรมานอย่างไร้มนุษยธรรมในคุก ความเจ็บปวดธรรมดา ๆ ก็ไม่มีความหมายอะไรสำหรับเธอดวงตาของอี้ จิ่นหลีมืดลงราวกับว่าเขาคิดอะไรบางอย่าง “ไม่เป็นไร ตอนนี้ผมโอเคแล้ว”“ว่าแต่ เมื่อกี้คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?” เธอถาม เธอจะรู้สึกไม่สบายใจถ้าเธอไม่รู้เหตุผล“มันคงเป็น…” เขาลังเลเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “มันอาจจะเป็นแค่ฝันร้าย ผมตื่นขึ้นมาและร่างกายก็สั่นขึ้นเพราะฝันร้าย”ดวงตาของหลิง อี้หรานเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ พวกเขาทั้ง
เธอกล่อมเขาครั้งแล้วครั้งเล่าก่อนจะพูดเบา ๆ ว่า “ไม่ต้องกลัวนะ ไม่ต้องกลัว ฝันร้ายจะไม่มีอีกแล้ว ฉันจะอยู่กับคุณ”‘เธอคิดว่าฉันเป็นเด็กเหรอ?’ เขาคิดในใจดูเหมือนกับว่าความกลัวของเขาจะค่อย ๆ จางหายไปทีละน้อยพร้อมกับเสียงที่อ่อนโยนของเธอ จากนั้นเขาก็ผล็อยหลับไป‘อยู่กับฉันนะ...’ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่กลัวเมื่อเขาได้อยู่กับเธอแม้แต่อี้ จิ่นหลีเองก็ไม่รู้ตัวว่าเขาจะผล็อยหลับไปในไม่ช้าเมื่อได้ยินเสียงลมหายใจของเขา หลิง อี้หรานก็หยุดและร้องเรียกออกมาเบา ๆ “จิน?”เขาผล็อยหลับไปและไม่มีเสียงตอบรับกับเธอเธอถอนหายใจอย่างโล่งอก เขากำลังหลับและคิ้วของเขาก็ไม่ขมวดเหมือนตอนแรก เขาดูเหมือนเทวดาที่แสนบริสุทธิ์และสงบนิ่งท่าทางของเขาในตอนนี้ดูแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากตอนที่เขาต้องเผชิญหน้ากับผู้คนบางทีเขาอาจเป็นเทวดาสำหรับเธอเท่านั้นส่วนความฝันของเด็กชายกับเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ เธอไม่อยากบอกเขาจนกว่าเธอจะรู้คำตอบที่แท้จริง ไม่อย่างนั้นเธอจะทำให้เขาสงสัยเธออยากรู้ว่าเธอฝันถึงเรื่องนี้เพราะเธอเคยได้ยินจากลูกพี่ลูกน้องพูดถึงเรื่องนี้ตอนเด็ก ๆ หรือเปล่า? เพราะอย่างนั้น เธอจึงสวมบทบาทและฝันถึงมัน หร