“ใช่ เขาจะได้ไม่เข้าใจผิดอีกต่อไป เป็นเรื่องน่ายินดีที่เขาได้พบคนที่เขาตามหา” หลิง อี้หรานตอบผู้ชายคนนั้นจะได้ไม่ต้องร้องไห้อีกต่อไป! ความทรงจำของกู้ ลี่เฉินที่ร้องไห้ต่อหน้าเธอในคืนนั้นก็ผุดขึ้นมาในใจของเธอทันใดนั้น เธอรู้สึกแน่นหน้าอกและปวดหัวหลิง อี้หรานหยุดเดิน เธอยกมือขึ้นแล้วกดลงที่หน้าผากของเธอ“เกิดอะไรขึ้น?” อี้ จิ่นหลีถามด้วยความร้อนใจ“ไม่มีอะไร แค่... ปวดหัวกะทันหันน่ะ” เธอตอบเมื่อมองดูใบหน้าซีด ๆ ของเธอ เขาจึงพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว “พี่ดูไม่ค่อยดีเลย ทำไมเราไม่นั่งพักสักหน่อยล่ะ?”แต่บริเวณนี้ไม่มีแม้แต่ที่นั่งพัก มีเพียงบ้านสองสามหลัง“ไม่เป็นไร” หลิง อี้หรานตอบ อาการปวดหัวเกิดขึ้นอย่างกะทันหันและความเจ็บปวดก็ลดลง “ตอนนี้หายปวดแล้ว ฉันอยากกลับไปหาคุณยาย”จากนั้นเธอจึงพูดเสริมว่า “จิน ฉันจะอยู่ที่นี่สามวันและฉันจะกลับไปที่เมืองเฉินหลังจากเสร็จงานศพของคุณยาย คุณควรกลับไปที่เมืองเฉินก่อน”“พี่ลืมไปแล้วเหรอว่าผมจะอยู่ที่นี่กับพี่” อี้ จิ่นหลีถาม“เวลาตั้งสามวัน คุณอาจมีธุระมากมายที่ต้องจัดการที่บริษัท ใช่ไหม? ไม่เป็นไร ฉันอยู่ที่นี่คนเดียวได้ ฉันจะ... นั่งดูคุณยาย
ใครบางคนสังเกตเห็นหลิง อี้หรานเข้ามาและพูดทันทีว่า “นี่ ฉันเคยคิดว่าอี้หรานเป็นคนที่มีอนาคตที่สุดในตระกูลของคุณ ใครจะคิดว่าคนที่มีอนาคตมากที่สุดตอนเด็กกลับกลายเป็นคนที่ตกต่ำที่สุดในตอนนี้และลี่ฟางกลายเป็นคนที่น่าพึ่งพาที่สุดตระกูลลู่ล่ะ?”คน ๆ นั้นพยายามจะประจบหวา ลี่ฟางโดยดูถูกหลิง อี้หราน ซึ่งหวา ลี่ฟางชื่นชอบที่จะได้ยินคำพูดแบบนี้ ตั้งแต่พวกเขายังเป็นเด็ก พวกเขามักจะถูกเปรียบเทียบกันเสมอเพราะพวกเขาดูคล้ายกันและอายุใกล้เคียงกันมากในอดีต หลิง อี้หรานเป็นนักเรียนดีเด่นในโรงเรียนและสามารถสอบเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงได้ ดังนั้นหวา ลี่ฟางจึงรู้สึกอับอายเมื่อเธอถูกเปรียบเทียบกับอี้หรานหวา ลี่ฟางชอบเวลาที่เธอดูสูงส่งกว่าหลิง อี้หราน แต่นั่นก็ก่อนที่จะรู้ว่าแฟนของหลิง อี้หรานคืออี้ จิ่นหลีตอนนี้เธอรู้ตัวตนที่แท้จริงของอี้ จิ่นหลีแล้ว หวา ลี่ฟางจึงคิดว่าคน ๆ นั้นที่พูดเปรียบเทียบออกมาสมควรถูกทุบตี! เพราะคำพูดเหล่านั้นทำให้เธอรู้สึกอายคน ๆ นั้นยังพูดต่อว่า “บางทีอาการป่วยของคุณยายของเธออาจเกิดจากอี้หราน การที่สมาชิกในตระกูลเคยติดคุกมาอาจจะไปกระตุ้นอาการของเธอให้ทรุดโทรมได้
หลิง อี้หรานจ้องไปที่อี้ จิ่นหลีด้วยสายตาว่างเปล่า สักพักเธอก็พูดว่า “ถ้าอย่างนั้น ฉันเดาว่าฉันผ่านอะไรมามากมาย... เพื่อมาเจอคุณและตกหลุมรักคุณเหมือนกัน ถ้าฉันไม่ผ่านเรื่องร้าย ๆ พวกนี้มา บางทีฉันอาจจะไม่ได้เจอคุณก็ได้”หากเธอไม่ต้องเข้าคุก เธออาจจะแต่งงานกับเซียว จื่อฉีและยังคงเป็นทนายความ แล้วเธอก็อาจจะยังคงไม่สามารถเข้ากับตระกูลเซียวได้แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะได้แต่งงานกับเซียว จื่อฉีเพราะพ่อแม่ของเขาคัดค้านการแต่งงานกับเธอและเธอคงไม่ได้พบกับอี้ จิ่นหลีในคืนนั้น คืนที่เขาอยู่ในสภาพที่ยุ่งเหยิงและเธอก็คงจะไม่ได้พาเขากลับบ้านด้วยเธอกับเขาเปรียบเสมือนเส้นขนานสองเส้นที่มาบรรจบกันอี้ จิ่นหลีกอดหลิง อี้หรานทันทีที่เธอพูดจบ เขาฝังใบหน้าของเขาลงในซอกคอและสูดดมกลิ่นของเธอ “ใช่ พี่... ผ่านเรื่องทุกอย่างมาเพื่อมาเจอผม”อย่างไรก็ตาม เธอไม่รู้ว่าเขาเป็นคนทำให้เธอต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บปวด หากเขารู้สึกสงสารหรือเห็นอกเห็นใจเธอสักนิด เธอคงไม่ต้องทนทุกข์กับชะตากรรมนี้และเธอคงจะไม่ต้องถูกขังอยู่ในคุกสามปีด้วยซ้ำหลิง อี้หรานรับรู้ได้ถึงร่างกายที่สั่นไหวของอี้ จิ่นหลี “เป็นอะไรไป? ห
กู้ ลี่เฉินยังคงถามตัวเองว่า ‘ฉันกำลังดูอะไรอยู่? ยังไม่ชัดเจนอีกหรือว่าหวา ลี่ฟางเป็นคนที่ฉันตามหา?’คนที่ช่วยชีวิตเขาไว้คือลี่ฟางและจากการสืบสวนของเขา เขาพบว่าลี่ฟางมีชีวิตที่น่าสังเวชในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สิ่งที่เขาต้องทำคือรักษาลี่ฟางให้ดีที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้และปล่อยให้ลี่ฟางมีชีวิตที่ดีเพื่อแลกกับการช่วยชีวิตเขาแต่หลังจากที่เขาพบลี่ฟาง เขารู้สึกว่างเปล่าราวกับว่าเขาสูญเสียบางอย่างไป“ดูอะไรอยู่คะ ลี่เฉิน?” เสียงของหวา ลี่ฟางดังขึ้นกู้ ลี่เฉินหันไปมองหวา ลี่ฟางที่กำลังเดินมาทางนี้ จากนั้นเขาจึงเดินไปหาเธอและพูดว่า “ไม่มีอะไร ฉันกำลังจะกลับบ้าน โทรหาฉันได้ตลอดถ้ามีอะไรเกิดขึ้น”“คุณจะกลับบ้านตอนนี้เลยเหรอ?” หวา ลี่ฟางรู้สึกไม่พอใจ “นี่มันดึกแล้ว ทำไมคุณไม่ค้างคืนที่นี่แล้วออกไปพรุ่งนี้ล่ะ? ที่นี่ยังมีห้องว่างให้คุณนะ”“ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ฉันมีธุระด่วนที่ออฟฟิศ ฉันกลับดีกว่า” กู้ ลี่เฉินตอบหวา ลี่ฟางไม่สามารถพูดอะไรได้ ดังนั้นเธอจึงตอบตกลงเมื่อเขาพูดอย่างนั้น จากนั้นเธอกับกู้ ลี่เฉินก็เดินไปที่รถของเขา“ลี่เฉิน... สามีเก่าของฉันบอกฉันว่าเขาจะมาหย่ากับฉัน ถ้าเกิดเรายังให
หวา ลี่ฟางเม้มริมฝีปากของเธอเล็กน้อย “แล้วถ้าฉันไม่ได้ช่วยคุณไว้ คุณจะไม่ทำดีกับฉันใช่ไหม?”เธอเพียงต้องการให้เขาปฏิเสธ แต่เธอกลับพบกับดวงตาฟีนิกซ์ตรงหน้าเธอกลับดูไม่แยแสและเหินห่างผู้ชายคนนี้มองเธอด้วยท่าทีนิ่งเฉย ราวกับว่าเขากำลังมองดูคนแปลกหน้าทันใดนั้น หวา ลี่ฟางรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เธอเพิ่งพูดไป “ฉัน... ฉันอยากให้คุณทำดีกับฉัน ไม่ใช่แค่เพราะฉันเคยช่วยชีวิตคุณ แต่… แต่เพราะอย่างอื่น...” เธอพูดตะกุกตะกัก“เอาล่ะ อย่าคิดมาก มันดึกแล้ว เธอควรรีบเข้านอน” กู้ ลี่เฉินพูดเบา ๆเขาพูดขณะเปิดประตูรถและกำลังจะเข้าไปในรถ ทันใดนั้น หวา ลี่ฟางก็พูดตามหลังเขาว่า “เดินทางปลอดภัยนะ เฉินเฉิน!”คำว่า ‘เฉินเฉิน’ ทำให้ร่างกายของกู้ ลี่เฉินแข็งทื่อทันที ความทรงจำในช่วงเวลาที่ร่างเล็กพาเขาลงมาจากภูเขาแวบเข้ามาในหัวของเขาเด็กหญิงยังคงพูดกับเขาต่อไปเพราะกลัวว่าเขาจะเป็นลม“นายชื่ออะไร ถ้านายไม่บอกฉัน ฉันจะเรียกนายว่าเฉินเฉิน มันคือคำที่เขียนอยู่บนเสื้อของนาย มันเป็นชื่อของนายใช่ไหม?”“นายห้ามหลับนะ เฉินเฉิน ถ้านายหลับ นายจะไม่ตื่นมาอีก”“ฉันจะเล่าเรื่องให้นายฟัง นายอยากฟังเรื่องอะไร? ฉันเป็น
ภาพวาดเหล่านี้แสดงให้เห็นภาพของหญิงคนหนึ่งกำลังอุ้มเขาลงจากเขาย้อนกลับไปในตอนนั้น สิ่งที่พวกเขาพึ่งพาได้ก็คือการเชื่อใจกันและกันเป็นครั้งแรกที่เขาตระหนักว่าเธอมีความสำคัญกับเขามากจนเขาอาจอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเธอมีเพียงเธอในภาพวาดเท่านั้นที่เป็นข้อยกเว้นไม่ใช่ภาพวาดของเด็ก แต่เป็นภาพใบหน้าของผู้หญิงในวัยที่เติบโตแล้ว ผู้หญิงในภาพวาดส่งยิ้มอย่างอ่อนโยนมาให้เขา ดวงตารูปอัลมอนด์ของเธอดูสงบนิ่ง ทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจ ราวกับว่าการถูกจ้องมองด้วยดวงตาเช่นนั้นจะทำให้เขารู้สึกสงบ แต่ก็มีเหตุผลในเวลาเดียวกันกู้ ลี่เฉินยืนอยู่หน้าภาพวาด จ้องมองบุคคลในภาพด้วยดวงตาสีครามเข้มของเขา แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดถ้าหลิง อี้หรานอยู่ที่นี่ เธออาจจะรู้ว่าเธอคือคนในภาพวาด!“ทำไมคุณถึงไม่ใช่เธอ?” เสียงเย็นชาของเขาดังขึ้นในสตูดิโอ แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับผู้หญิงในภาพวาดเพียงมองมาที่เขาด้วยรอยยิ้มบาง ๆกู้ ลี่เฉินยกมือขึ้นและลูบใบหน้าในภาพวาดเบา ๆ ราวกับว่าเขากำลังลูบแก้มของผู้หญิงคนนั้นถ้า... หลิง อี้หรานเป็นคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้ เธอจะไม่ปล่อยให้มือของเขาสัมผัสใบหน้าของเธอเช่นนั้น
หลิง อี้หรานเป็นใคร? เธอเคยติดคุกมาก่อน!ในเมืองเล็ก ๆ แบบนี้ ผู้คนมักจะดูถูกอดีตนักโทษ บางคนวิพากษ์วิจารณ์หลิง อี้หราน ในขณะที่บางคนคิดว่าหลิง อี้หรานไม่ควรอยู่ที่นี่ เธอเป็นความอัปยศของตระกูลลู่ ดังนั้นพวกเขาควรไล่เธอออกไป!ทุกครั้งที่สมาชิกในตระกูลลู่ได้ยินเรื่องแบบนั้น พวกเขากลับรู้สึกหวาดกลัวมากว่า คำพูดเหล่านี้จะทำให้อี้ จิ่นหลีโกรธ หากเป็นเช่นนี้ เขาอาจจะกวาดล้างตระกูลลู่ได้แม้ว่าลี่ฟางจะอยู่ภายใต้การคุ้มครองของกู้ ลี่เฉิน แต่กู้ ลี่เฉินไม่เคยพูดว่าเขาจะปกป้องตระกูลลู่!ในวันเคลื่อนย้ายศพของคุณนายลู่ หลิง อี้หรานยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนในชุดดำ ดวงตาของเธอแดงเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังร้องไห้อีกครั้งอี้ จิ่นหลีที่สวมชุดดำยืนอยู่ข้างหลิง อี้หรานและพาเธอไปที่งานศพตระกูลลู่ได้จองห้องโถงในหอประชุมสำหรับจัดงานศพ เพื่อที่จะสามารถรองรับผู้ที่มาร่วมงานได้หลิง อี้หรานยืนเงียบ ๆ ระหว่างพิธีรำลึก น้ำตาของเธอไหลลงมาไม่หยุดขณะที่ลุงใหญ่เล่าเรื่องชีวิตของคุณยายของเธอคนที่รักเธอจากเธอไปทีละคนแม่ของเธอทิ้งเธอไปและคุณยายของเธอก็เช่นกัน ต่อจากนี้ใครจะทิ้งเธออีก?เธอรู้สึกหวาดกลัวในใ
ก่อนที่ชายคนนั้นจะพูดจบ เขาก็ถูกเตะด้วยเท้าข้างหนึ่งอย่างกะทันหัน“โทษที พอดีฉันควบคุมเท้าไม่ได้น่ะ” อี้ จิ่นหลีพูดเบา ๆ แต่เท้าซ้ายของเขาเหยียบอยู่บนหน้าอกของชายคนนั้น ทำให้ชายคนนั้นร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดในทันที ใบหน้าของเขาแดงก่ำ แต่เขาไม่สามารถขยับเท้าที่กดทับหน้าออกของเขาออกไปได้เมื่อเห็นสิ่งนี้ ลุงใหญ่ ลุงรองและป้าก็รีบพูดออกมาทันทีว่า “คุณอี้ เอ่อ... คุณไม่ควรทำแบบนี้ที่งานศพ”“ถ้าเกิดอะไรขึ้น มันจะเป็นการไม่เคารพผู้ตาย”“ผู้ชายคนนั้นก็แค่พูดพล่อย ๆ อย่าไปใส่ใจกับเขาเลย คุณอี้!”อี้ จิ่นหลีมองอย่างเกียจคร้านไปที่สามคนที่อยู่ข้างหน้าเขา “ผมคิดว่าถ้าคุณยายเห็นใครดูถูกหลานสาวของเธอแบบนี้ เธอคงเห็นด้วยกับผมที่ทำแบบนี้ใช่ไหม?”รอยยิ้มมุมปากของเขาทำให้พวกเขาทั้งสามคนรู้สึกเสียวที่สันหลัง“แน่นอน เธอจะเห็นด้วย!”“ใช่ ผู้ชายคนนี้แค่โกรธที่อี้หรานปฏิเสธข้อเสนอของเขาในตอนนั้น เขาจึงมาที่นี่เพื่อระรานเธอ!”“คนประเภทนี้ไม่ควรมางานศพ อี้หรานเป็นสมาชิกของครอบครัวเรา เขากล้าดียังไงถึงมาดูถูกเธอ? อี้หรานเป็นคนโปรดของแม่ฉันมาตลอด”ทั้งสามคนพูดโดยเข้าข้างหลิง อี้หราน ลุงใหญ่เรียกพนักง