ลุงใหญ่พูดและกัดฟันแน่นว่า “ไอ้หนู แกขังเราไว้นานมาก ทำไมแกไม่ขอโทษและจ่ายเงินให้เราตอนนี้ซะเลยล่ะ?”“ไม่เคยมีใครกล้าขอให้ฉันพูดขอโทษ” อี้ จิ่นหลีพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งหลิง อี้หรานรู้สึกสับสน ‘เกิดอะไรขึ้น? ลุงใหญ่และลุงรองที่กลัวจินในตอนแรก แต่หลังจากที่ป้าพูดออกมา ท่าทางของพวกเขากลับเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง’‘เป็นไปได้ไหมว่าลูกสาวของป้า ลี่ฟาง เจอคนที่จะคอยคุ้มครองพวกเขาแล้ว?’เธอจำได้ว่าลี่ฟางทำธุรกิจโรงตีเหล็กเล็ก ๆ กับสามีของเธอ โดยมีรายได้เพียงเล็กน้อยพอ ๆ กับชาวเมืองส่วนใหญ่ เธอได้รับการคุ้มครองแบบไหน?“ตกลง แกจะไม่ขอโทษฉันใช่ไหม? ต่อให้แกคุกเข่าขอโทษที่หลัง มันก็จะไม่จบง่าย ๆ หรอก!” ลุงใหญ่พูดอย่างดุดันป้าคนเล็กพูดอย่างสบาย ๆ ราวกับว่าเธอกำลังดูละครน้ำเน่า “อี้หราน ในฐานะที่ฉันเป็นป้าของเธอ ฉันขอเตือนให้แฟนของเธอขอโทษลุงใหญ่และลุงรองซะ พร้อมทั้งชดเชยค่าเสียหายให้พวกเขา เธอก็รู้ว่าน้องลี่ฟางของเธอสนิทกับลุงใหญ่และลุงรอง เธอทนไม่ได้หรอกที่จะเห็นคุณลุงของเธอถูกรังแก”หลิง อี้หรานตระหนักได้ว่าการแต่งกายของป้าไม่เหมือนเดิม เมื่อมองดูอย่างละเอียดแล้ว เสื้อผ้าของป้าดูดีและมีราค
“ช่างมันเถอะจิน คุณยายเพิ่งจากไป ฉันไม่อยากให้เธอเป็นห่วง” หลิง อี้หรานบอก‘เพราะยังไงป้าก็เป็นลูกสาวของคุณยาย!’ไม่ว่าเธอจะโกรธป้ามากแค่ไหน เธอก็ไม่อยากให้คุณยายต้องเป็นกังวลเธอหวังว่าอย่างน้อยเธอก็จะสามารถส่งคุณยายให้จากไปอย่างสงบสุขได้“อืม” อี้ จิ่นหลีตอบเบา ๆ และปล่อยมือของป้าป้าสะดุดล้มถอยไปสองสามก้าวก่อนจะตั้งตัวได้ป้าจับข้อมือที่ยังปวดของเธอ ใบหน้าซีดเซียวของเธอจ้องไปที่หลิง อี้หราน ตอนนี้เธอไม่กล้าเดินเข้าไปเหมือนตอนแรก“นังคนเสแสร้ง เดี๋ยวลี่ฟางมา แกจะ...”ก่อนที่เธอจะพูดจบ อีกเสียงหนึ่งก็พูดขึ้นทันทีว่า “มีอะไรคะแม่?”หลิง อี้หรานเงยหน้าเห็นลูกพี่ลูกน้องของเธอ หวา ลี่ฟางกำลังเดินเข้ามาหวา ลี่ฟางสวมคอลเลกชั่นล่าสุดของ Chanel และกระเป๋าของเธอก็ยังเป็นกระเป๋า Chanel สุดคลาสสิกอีกด้วย เธอแต่งหน้าแต่งตาและไม่ได้มัดผมแบบสบาย ๆ เหมือนเมื่อก่อน แต่เธอกลับม้วนผมเป็นลอนแล้วปล่อยลงเธอดูแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เธอเป็นเหมือนคนใหม่ แต่สิ่งที่ทำให้หลิง อี้หรานประหลาดใจมากยิ่งขึ้นก็คือคนที่เดินเข้ามาพร้อมกับหวา ลี่ฟาง คือ... กู้ ลี่เฉิน!กู้ ลี่เฉินสวมชุดสูทสีดำ เขาดู
อี้ จิ่นหลีมองไปที่กู้ ลี่เฉินและหวา ลี่ฟาง ดวงตาของเขาเป็นประกายเล็กน้อย จากนั้นเขาก็เผยรอยยิ้ม เขาวางมือบนไหล่ของหลิง อี้หรานและพูดกับกู้ ลี่เฉินว่า “ฉันไม่คิดว่าจะพบนายที่นี่ ลี่เฉิน”กู้ ลี่เฉินหันไปมองอี้ จิ่นหลี “ไม่ได้เจอกันหลายวันเลยนะ”ป้าที่กำลังจะบ่นกับลูกสาวเกี่ยวกับความคับข้องใจของเธอ รู้สึกประหลาดใจกับเรื่องนี้ แล้วเธอก็ถามอย่างงง ๆ ว่า “คุณรู้จักกันเหรอคะ?”กู้ ลี่เฉินจ้องมองอี้ จิ่นหลีด้วยความสงสัย “พวกเขาไม่รู้เหรอว่านายเป็นใครเหรอ?”อี้ จิ่นหลีตอบว่า “ฉันไม่คิดว่าพวกเขาจะรู้จักฉันนะ ฉันไม่ใช่คนสูงส่งอย่างนาย แต่ฉันสงสัยว่าทำไมนายถึงมาที่นี่และ...” เขาเหลือบไปที่หวา ลี่ฟางที่ยืนอยู่ข้างหน้ากู้ ลี่เฉิน “กับผู้หญิงคนนี้? พวกเขาบอกว่าผู้หญิงคนนี้มีผู้ชายที่มีอำนาจคุ้มครองอยู่ พวกเขาคงหมายถึงนายสินะ”กู้ ลี่เฉินรู้สึกผสมปนเปขณะที่เขาเหลือบมองกลับไปที่หลิง อี้หรานที่อยู่ในชุดแต่งงานเขารู้สึกปวดในใจอีกครั้ง ราวกับว่ามันกำลังบอกเขาว่าทุกสิ่งที่เขาเชื่อเป็นเพียงจินตนาการ ทั้งหมดเป็นเหมือนความฝันเขาอยากให้เธอเป็นคนคนนั้นแต่... ขณะที่เขาสืบหาอดีตของเธอ เขาได้ค้นพบข้อเ
เธอเคยไปที่เมืองเฉินกับกู้ ลี่เฉิน แน่นอนว่าเธอรู้จักชื่อของอี้ จิ่นหลี!อี้ จิ่นหลีเป็น... แฟนของลูกพี่ลูกน้องของเธอ!‘หลิง อี้หรานติดคุกมาไม่ใช่เหรอ? แล้วเธอหาแฟนแบบนี้ได้ยังไงกัน?’ไม่ใช่แค่อี้ จิ่นหลี แต่... หวา ลี่ฟางเหลือบมองกู้ ลี่เฉินที่อยู่ข้าง ๆ เธอ เธอพยายามสงบสติอารมณ์และฝืนยิ้มออกมา “คุณคือคุณอี้! อี้หราน ทำไมพี่ไม่บอกเราตอนที่พี่พาเขามาบ้านครั้งที่แล้วล่ะว่าแฟนของพี่คือคุณอี้ จิ่นหลี คนอื่นคงคิดว่าเราเป็นคนแปลกหน้ากัน”ป้าพูดทันทีด้วยรอยยิ้มว่า “นี่ อี้หราน เธอโชคดีที่มีแบบคุณอี้เป็นแฟน ยายของเธอจะได้นอนตายตาหลับถ้าเธอรู้ พี่ใหญ่ พี่รอง ทำไมพี่ถึงยังยืนอยู่ตรงนั้น มาเร็ว มาขอโทษอี้หรานด้วย การกระทำของพวกพี่นี่มันแย่จริง ๆ!”ท่าทางของป้าเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงลุงใหญ่และลุงรองมองหน้ากัน พวกเขาดูตัวลีบลงและไม่มีท่าทีเย่อหยิ่งเหมือนในตอนแรกอีกต่อไป พวกเขายิ้มทันทีและพูดว่า “พวกลุงขอโทษ ที่ทำไปก็เพราะเพื่อประโยชน์ของเธอเท่านั้นแหละ”หลิง อี้หรานไม่สนใจคำขอโทษของลุงทั้งสองตอนนี้เธอแค่หวังว่าญาติของเธอจะไม่ก่อความวุ่นวายอีกและจะไม่รบกวนงานศพของคุณยาย!เมื่อสัปเหร่อเข้า
ตอนนี้หลิง อี้หรานกำลังสวมเสื้อผ้าเหล่านั้น! หวา ลี่ฟางจึงรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย“ฉันไปหาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้พี่ แต่พี่กลับเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว” หวา ลี่ฟางพูด จากนั้นเธอก็จับควงแขนกู้ ลี่เฉินด้วยความรักก่อนจะพูดต่อ “ฉันจะแนะนำคุณรู้จัก ลี่เฉิน นี่คือ...”“ไม่เป็นไร เรารู้จักกัน” กู้ ลี่เฉินตอบหวา ลี่ฟางคิดว่ากู้ ลี่เฉินรู้จักอี้ จิ่นหลีแค่คนเดียว แต่เขากลับรู้จักหลิง อี้หรานด้วยทันใดนั้น หวา ลี่ฟางก็ตื่นตระหนก จากนั้นเธอก็ปลอบใจตัวเอง ‘ไม่เป็นไร อี้หรานจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นในปีนั้น’กู้ ลี่เฉินมาหาเธอ นั่นหมายความว่าอี้หรานไม่ได้บอกอะไรลี่เฉินเลยตราบใดที่เธอสามารถเล่นบทบาทของคนที่ช่วยเหลือลี่เฉินในตอนเด็กได้ แค่นั้นก็ไม่มีอะไรยากหลิง อี้หรานขมวดคิ้วเมื่อจ้องมองมือของหวา ลี่ฟางที่ควงแขนของกู้ ลี่เฉินอยู่ เธอรู้สึกว่าพวกเขาสนิทสนมกันเกินไปเพราะลูกพี่ลูกน้องของเธอมีสามีแล้ว!แต่... เธอยังไม่เห็นน้องเขยของเธอเลยตั้งแต่เธอกลับมาที่บ้านของตระกูลลู่กู้ ลี่เฉินสังเกตเห็นและดึงแขนของเขากลับ หวา ลี่ฟางรู้สึกอายเล็กน้อย แต่เธอก็ยิ้มและพูดว่า “อี้หราน พี่คงไม่รู้ใช่ไหมว่าจาง ฉ
หวา ลี่ฟางจ้องมองกู้ ลี่เฉินที่อยู่ในความงุนงง ดวงตาของเธอมีแววประกายของความหึงหวง ‘ลี่เฉินและหลิง อี้หรานรู้จักกันดีและดูเหมือนว่าลี่เฉินกำลังระงับอะไรบางอย่างอยู่ในขณะนี้’‘เป็นไปได้ไหมว่าลี่เฉินและหลิง อี้หราน... ไม่ มันเป็นไปไม่ได้!’หวา ลี่ฟางรีบปลอบตัวเอง ‘เขาเป็นเจ้าชายแห่งวงการบันเทิง เขาจะสนใจผู้หญิงที่เคยติดคุกได้อย่างไร?’‘หลิง อี้หรานโชคดีมากที่อี้ จิ่นหลีตกหลุมรักเธอ!’‘อีกอย่าง ตอนนี้ลี่เฉินคิดว่าฉันเป็นคนช่วยเขาตอนเด็ก! ฉันจึงเป็นคนสำคัญของลี่เฉิน!’‘ฉันแค่ต้องใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้และอย่าให้ลี่เฉินรู้ความจริงเด็ดขาด!’“อี้หรานโชคดีมากที่ได้เจอกับอี้ จิ่นหลี วันนี้อี้หรานมาโรงพยาบาลด้วยชุดแต่งงาน พวกเขาแต่งงานกันหรือยัง…” เสียงของหวา ลี่ฟางหยุดชั่วคราวขณะที่เธอพูดเพราะกู้ ลี่เฉินไม่ได้ฟังเธอเลย ดวงตาของเขากำลังจ้องมองไปที่พื้นที่ว่างเปล่า‘เขามองอะไร?’ หวา ลี่ฟางรู้สึกไม่สบายใจ…เมื่อหลิง อี้หรานกับอี้ จิ่นหลีเดินออกจากบ้านไป พวกเขาก็เจอร้านอาหารแบบไม่ได้ตั้งใจ แม้ว่าหลิง อี้หรานจะไม่ได้ทานอาหารกลางวันเพราะเธอรีบมาที่นี่ แต่เธอก็ไม่รู้สึกหิว“ขอโทษนะที่ทำให้คุณต
“ใช่ เขาจะได้ไม่เข้าใจผิดอีกต่อไป เป็นเรื่องน่ายินดีที่เขาได้พบคนที่เขาตามหา” หลิง อี้หรานตอบผู้ชายคนนั้นจะได้ไม่ต้องร้องไห้อีกต่อไป! ความทรงจำของกู้ ลี่เฉินที่ร้องไห้ต่อหน้าเธอในคืนนั้นก็ผุดขึ้นมาในใจของเธอทันใดนั้น เธอรู้สึกแน่นหน้าอกและปวดหัวหลิง อี้หรานหยุดเดิน เธอยกมือขึ้นแล้วกดลงที่หน้าผากของเธอ“เกิดอะไรขึ้น?” อี้ จิ่นหลีถามด้วยความร้อนใจ“ไม่มีอะไร แค่... ปวดหัวกะทันหันน่ะ” เธอตอบเมื่อมองดูใบหน้าซีด ๆ ของเธอ เขาจึงพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว “พี่ดูไม่ค่อยดีเลย ทำไมเราไม่นั่งพักสักหน่อยล่ะ?”แต่บริเวณนี้ไม่มีแม้แต่ที่นั่งพัก มีเพียงบ้านสองสามหลัง“ไม่เป็นไร” หลิง อี้หรานตอบ อาการปวดหัวเกิดขึ้นอย่างกะทันหันและความเจ็บปวดก็ลดลง “ตอนนี้หายปวดแล้ว ฉันอยากกลับไปหาคุณยาย”จากนั้นเธอจึงพูดเสริมว่า “จิน ฉันจะอยู่ที่นี่สามวันและฉันจะกลับไปที่เมืองเฉินหลังจากเสร็จงานศพของคุณยาย คุณควรกลับไปที่เมืองเฉินก่อน”“พี่ลืมไปแล้วเหรอว่าผมจะอยู่ที่นี่กับพี่” อี้ จิ่นหลีถาม“เวลาตั้งสามวัน คุณอาจมีธุระมากมายที่ต้องจัดการที่บริษัท ใช่ไหม? ไม่เป็นไร ฉันอยู่ที่นี่คนเดียวได้ ฉันจะ... นั่งดูคุณยาย
ใครบางคนสังเกตเห็นหลิง อี้หรานเข้ามาและพูดทันทีว่า “นี่ ฉันเคยคิดว่าอี้หรานเป็นคนที่มีอนาคตที่สุดในตระกูลของคุณ ใครจะคิดว่าคนที่มีอนาคตมากที่สุดตอนเด็กกลับกลายเป็นคนที่ตกต่ำที่สุดในตอนนี้และลี่ฟางกลายเป็นคนที่น่าพึ่งพาที่สุดตระกูลลู่ล่ะ?”คน ๆ นั้นพยายามจะประจบหวา ลี่ฟางโดยดูถูกหลิง อี้หราน ซึ่งหวา ลี่ฟางชื่นชอบที่จะได้ยินคำพูดแบบนี้ ตั้งแต่พวกเขายังเป็นเด็ก พวกเขามักจะถูกเปรียบเทียบกันเสมอเพราะพวกเขาดูคล้ายกันและอายุใกล้เคียงกันมากในอดีต หลิง อี้หรานเป็นนักเรียนดีเด่นในโรงเรียนและสามารถสอบเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงได้ ดังนั้นหวา ลี่ฟางจึงรู้สึกอับอายเมื่อเธอถูกเปรียบเทียบกับอี้หรานหวา ลี่ฟางชอบเวลาที่เธอดูสูงส่งกว่าหลิง อี้หราน แต่นั่นก็ก่อนที่จะรู้ว่าแฟนของหลิง อี้หรานคืออี้ จิ่นหลีตอนนี้เธอรู้ตัวตนที่แท้จริงของอี้ จิ่นหลีแล้ว หวา ลี่ฟางจึงคิดว่าคน ๆ นั้นที่พูดเปรียบเทียบออกมาสมควรถูกทุบตี! เพราะคำพูดเหล่านั้นทำให้เธอรู้สึกอายคน ๆ นั้นยังพูดต่อว่า “บางทีอาการป่วยของคุณยายของเธออาจเกิดจากอี้หราน การที่สมาชิกในตระกูลเคยติดคุกมาอาจจะไปกระตุ้นอาการของเธอให้ทรุดโทรมได้
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค