“ช่วยฉันงั้นเหรอ? คำที่ออกจากปากเธอมันทำให้ฉันรู้สึกแย่!” หลิง อี้หรานกล่าวคนรอบข้างเป็นทนายความมืออาชีพ พวกเขาไม่ใช่คนโง่ พวกเขาจะเดาอะไรไม่ออกหลังจากฟังบทสนทนาเหล่านี้ได้อย่างไร? สายตาที่พวกเขามองไปที่กวาน ลี่หลี่ก็เปลี่ยนไป แน่นอนว่าชื่อเสียงของกวาน ลี่หลี่กำลังถูกทำลายกวาน ลี่หลี่ต้องการทำให้หลิง อี้หรานรู้สึกอับอายในวันนี้เพื่อที่เธอจะสามารถระบายความรู้สึกเศร้าโศกของเธอระหว่างการตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลได้หลังจากพบกับหลิง อี้หรานใครจะคิดว่าคนที่ต้องอับอายกลับเป็นตัวเธอเอง?เธอหยิบถ้วยชาขึ้นมาโดยไม่ทันคิดและโยนใส่หลิง อี้หรานหลิง อี้หรานพยายามหลบหนีถ้วยชาไม่ให้โดนใบหน้าของเธอ เธอป้องกันตัวเองและโยนถ้วยชากลับไป แต่เสื้อผ้าท่อนบนของเธอกลับไม่รอดในช่วงฤดูร้อน หลิง อี้หรานสวมเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาว และตอนนี้มันเปียกชุ่มไปด้วยน้ำชา จนมองเห็นชุดชั้นในข้างในเสื้อเชิ้ตขาวของเธอเพื่อนร่วมงานของกวาน ลี่หลี่ไม่คาดคิดว่าเธอจะทำแบบนั้น บางคนถึงกลับอุทานออกมาขณะที่หลิง อี้หรานพยายามปกปิดหน้าอกของเธอ เสื้อแจ็คเก็ตสูทบาง ๆ ก็คลุมร่างกายของเธอไว้“คลุมไว้!” เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหูของเธอ
มือของเธอที่อยู่ข้างลำตัวกำแน่นเป็นหมัด มันกำลังอดทนถึงการถูกกดขี่บางอย่างเจ้านายได้ตรวจสอบข้อมูลของเธอก่อนหน้านี้และรู้ว่าเธอถูกคุมขังเนื่องจากการขับรถประมาทจนก่อให้เกิดแก่ความตายต่อห่าว เหมยววี่แต่เขาไม่ได้ลงลึกเกี่ยวกับคดีนี้ ตอนนี้พอมาฟังสิ่งที่คนอื่นพูด เธอ... ไม่ได้รู้สึกผิดในการพิจารณาคดี โดยการบอกว่าเธอถูกเข้าใจผิดเธอถูกเข้าใจผิดจริงหรือป่าว? การตายของห่าว เหมยยวี่ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอเลยอย่างนั้นเหรอ?เพื่อนร่วมงานอธิบายเหตุการณ์สั้น ๆ โดยไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่คนที่เป็นเจ้านายของบริษัทจะไม่เข้าใจเรื่องคาว ๆ อย่างนั้นได้อย่างไร? เขามองไปที่กวาน ลี่หลี่ด้วยสายตาเล็กน้อย จากนั้นเขาก็หันไปมองหลิง อี้หราน“อี้หราน ฉันขอโทษสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอด้วยนะ แล้วเรื่องนี้ ทางบริษัทจะชดเชยค่าเสียหายให้คุณ คุณมาแจ้งรายละเอียดได้ภายหลัง” เจ้านายกล่าวหลิง อี้หรานพูดเบา ๆ “ไม่ล่ะค่ะ ฉันยังต้องทำงานอยู่!”เธอหายใจเข้าลึก ๆ และมองไปที่กู้ ลี่เฉิน ก่อนจะถอดเสื้อสูทออกแล้วส่งคืนให้เขา “ขอบคุณค่ะ” เสื้อของเธอยังเปียกอยู่และอยู่ในสภาพบางเฉียบอย่างไรก็ตาม หลิง อี้หรานอยากจะออกไปจากที
กวาน ลี่หลี่พูดอะไรไม่ออกทันใดนั้น เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งที่มักจะอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับกวาน ลี่หลี่ก็เย้ยหยันและกล่าวว่า “นี่ ใครบางคนตั้งใจจะทำให้อดีตเพื่อนร่วมงานอับอายแต่กลับต้องอับอายเสียเอง บางทีพรุ่งนี้เธออาจจะไม่ได้เป็นทนายแล้ว เช่นเดียวกับอดีตเพื่อนร่วมงาน นี่เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับทนายมือใหม่!” ใบหน้าของกวาน ลี่หลี่ซีดลงทันที ปากที่เคยพูดพล่อย ๆ กลับนิ่งเงียบ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกถ้ามันเกิดขึ้นจริง เธอคงกลายเป็นเรื่องตลกสำหรับพวกทนายคนอื่น ๆ ต่อจากนี้ไป!ถ้าเธอรู้ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น เธอจะไม่มีวันลงมือทำมัน!...หลิง อี้หรานเดินลงมาถึงชั้นล่างของอาคาร แต่ก่อนที่เธอจะเดินไปถึงจักรยานไฟฟ้า กู้ ลี่เฉินก็วิ่งมาคว้าแขนของเธอไว้ “ทำไมคุณถึงอยากเตร็ดเตร่ไปทั่วบนถนนในชุดเสื้อขาวบางเฉียบแบบนี้มากกว่ายอมรับน้ำใจจากผม? คุณเกลียดผมเหรอ? นั่นเป็นเหตุผลที่คุณไม่อยากแตะต้องข้าวของของผมเลยงั้นเหรอ?”หลิง อี้หรานพยายามดึงแขนออกจากมือของเขา แต่มันกลับไม่เป็นผล เขาจับแขนเธอแน่นขึ้น“ฉันแค่คิดว่ามันคงจะยุ่งยากถ้าต้องคืนเสื้อสูทให้คุณ ตอนนี้อากาศร้อน อีกไม่นานเสื้อฉันก็คงจะแห้ง”
“อยู่... ตรงนั้นไง” เธอชี้ไปที่ร้านขายเสื้อผ้าเธอรู้สึกประหลาดใจที่กู้ ลี่เฉินเดินตามเธอเข้าไปในร้านโดยบอกว่าตอนนี้เธอกำลังสวมเสื้อสูทของเขาอยู่และเขาจะเอามันคืนเมื่อเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วหลิง อี้หรานรีบเปลี่ยนเสื้อเป็นเสื้อยืดราคาถูกที่สุดของร้านขณะที่หลิง อี้หรานหยิบเสื้อผ้าของเธอออกมา อี้ จิ่นหลีที่อยู่ในห้องทำงานที่บริษัทอี้ กรุ๊ป กำลังฟังเลขาส่วนตัวของเขารายงานด้วยใบหน้ามืดมน“ครับ เราได้พูดคุยกับสื่อข่าวทั้งหมดแล้ว พวกเขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้เผยแพร่ข่าวใด ๆ เกี่ยวกับ คุณหลิงทั้งนั้น ทั้งสามสื่อหลักจะไม่เผยแพร่ข่าวในครั้งนี้” เกา ฉงหมิงกล่าวเรื่องมันเริ่มต้นหลังจากสื่อทั้งสามได้รับอีเมลที่ไม่ระบุชื่อพร้อมรูปถ่ายของหลิง อี้หรานและกู้ ลี่เฉิน“ใครเป็นคนทำ? หาตัวคนทำเจอหรือยัง?” อี้ จิ่นหลีถาม“เรากำลังตรวจสอบอยู่ครับ เหมือนพวกเขากำลังพยายามป้องกันไม่ให้เราหาเจอ เพราะพวกเขาให้การไม่ตรงกัน” เกา ฉงหมิงกล่าว“ค้นหาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฉันอยากรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้” อี้ จิ่นลีกล่าวอย่างเย็นชา“ครับ!” เกา ฉงหมิงตอบกลับอย่างรวดเร็ว“ออกไปได้แล้ว” อี้ จิ่นหลีกล
เขาอยากได้ยินเสียงของเธอเพราะการได้ยินเสียงของเธอจะทำให้เขารู้สึกมั่นใจ!ครู่ต่อมา เธอก็รับสาย แต่สิ่งที่เขาได้ยินกลับไม่ใช่เสียงของเธอ“จิ่นหลี?”นั่นคือ... เสียงของกู้ ลี่เฉินหัวใจของเขาหล่นไปถึงตาตุ่ม เขาพูด “ฉันเอง ทำไมนายถึงมารับโทรศัพท์ของอี้หราน?”“เธอกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า โทรศัพท์และกระเป๋าของเธออยู่ข้างนอก... ฉันจะบอกให้เธอโทรกลับหานายทีหลัง ดีไหม?” เสียงของกู้ ลี่เฉินกล่าวเบา ๆ“ไม่เป็นไร” อี้ จิ่นหลีวางสายเมื่อวางสาย กู้ ลี่เฉินก็หลุบตามองโทรศัพท์ที่อยู่ในมือหลังจากที่เห็นหมายเลขเบอร์โทรศัพท์ของหลิง อี้หรานที่เมมชื่อว่า ‘จิน’ เขารับสายราวกับว่าเขาถูกครอบงำอยู่ชั่วขณะปกติเขาจะไม่รับสายแทนคนอื่นแต่... เขากลับเพิ่งทำมันลงไปเมื่อกี้นี้เพียงเพราะอี้ จิ่นหลีที่โทรมาแค่นั้นเหรอ?ผู้ชายที่เขาเคยคิดว่าจะไม่มีวันตกหลุมรักผู้หญิงคนไหน กลับตกหลุมรักผู้หญิงคนเดียวกันกับที่เขาสนใจสุดท้ายเขาก็เลือกที่จะปล่อยเธอไป ไม่ใช่เพราะเขากลัวที่จะต้องต่อสู้กับจิ่นหลีแต่เพราะคนที่เขาต้องการจริง ๆ ไม่ใช่หลิง อี้หรานเมื่อพูดอย่างนั้น ทุกครั้งที่เขาเห็นหลิง อี้หราน เขาก็อดไม่ได้ที่จะ
เขาเคยสงสัยว่าเธอจะงดงามขนาดไหนเมื่อสวมชุดที่เขาซื้อให้อย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยรู้สึกตกตะลึงขนาดนี้มาก่อน ผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขาสวมชุดเดรสธรรมดาราคาถูก เธอเดินช้า ๆ ไปที่กระจกแล้วมองดู การกระทำง่าย ๆ นี้ทำให้ดวงตาของเขาแดงก่ำหลิง อี้หรานยืนอยู่หน้ากระจกมองดูชุดที่เธอกำลังใส่อยู่ เธอชอบชุดเดรสชุดนี้มากเพราะมันดูเหมือนชุดเดรสลายดอกไม้ที่คุณยายของเธอซื้อให้เธอเมื่อตอนที่เธอยังเป็นเด็กน่าเสียดายที่ชุดเดรสลายดอกไม้นั้นขาดและถูกโยนทิ้งตอนนั้นเธอยังร้องไห้เพราะมันด้วยซ้ำ!โชคดีที่ชุดค่อนข้างยาว ทำให้เธอไม่ต้องกังวลว่าจะกระโปรงจะเปิดตอนเธอขี่จักรยาทไฟฟ้า นอกจากนั้น ชุดเดรสนี้ก็ไม่แพง เพียง 280 ดอลลาร์เท่านั้น เธอสามารถต่อราคาในร้านค้าแบบนี้ได้ ทำให้ราคาถูกลงไปอีก“เป็นไงคะคุณผู้หญิง? ชอบไหมชุดนี้ไหมคะ?” เจ้าของร้านถามขึ้น“ก็ชอบค่ะ แต่คุณช่วยลดราคาอีกหน่อยได้ไหมคะ?” หลิง อี้หรานถาม“อืม... เราขายในราคาที่ถูกที่สุดแล้ว และราคา...” ก่อนที่เจ้าของร้านจะพูดจบ เธอกลับหยุดพูดกะทันหันขณะที่เธอจ้องไปข้างหลังหลิง อี้หรานอย่างว่างเปล่าหลิง อี้หรานตกตะลึงเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะรู้ว่าเกิดอะไร
เขากอดเธอแน่นจนเธอแทบจะหายใจไม่ออก“ฉันไม่... ไม่...” เธอพูดออกมาอย่างลำบากหลิง อี้หรานคิดว่าเธอจะเป็นลมเพราะขาดอากาศหายใจ ทันใดนั้น แรงกระชากก็ดึงเธอออกมาจากอ้อมแขนของกู้ ลี่เฉิน จากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงหมัด ตามมาด้วยเสียงของหนักตกลงมา เก้าอี้และชั้นวางของก็พังลงมาหลิง อี้หรานสูดหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้น สิ่งที่เธอเห็นคือใบหน้าของอี้ จิ่นหลีเขาดึงเธอออกจากอ้อมแขนของกู้ ลี่เฉิน! หลิง อี้หรานจ้องไปที่อี้ จิ่นหลีที่ยืนอยู่ข้างเธออย่างว่างเปล่า เธอสงสัยว่าทำไมเขาถึงมาที่นี่ใบหน้าเย็นชาของอี้ จิ่นหลีจ้องมองกู้ ลี่เฉินที่เพิ่งถูกชกลงไปกองกับพื้นกู้ ลี่เฉินลุกขึ้นมาเอนตัวพิงที่ชั้นวางของ เขาถูกรายล้อมไปด้วยชั้นวางของที่ล้มลงมาริมฝีปากของเขามีเลือดไหลออกมา“นายรู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่?” อี้ จิ่นหลีถามออกไปด้วยใบหน้าที่น่ากลัว น้ำเสียงของเขาเย็นเยียบราวกับลมเหน็บ และเสียงของเขาทำให้คนทั่วไปสั่นสะท้านกู้ ลี่เฉินจ้องมองอี้ จิ่นหลีด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “ฉันรู้”“นายรู้? แต่ก็ยังจะทำ นายอยากให้ตระกูลกู้มีปัญหากับตระกูลอี้ใช่ไหม ลี่เฉิน?” อี้ จิ่นหลีกล่าวอย่างประชดประชันกู้ ลี่เฉินเ
ร่างกายของเขาสั่นสะท้านขึ้นอีกครั้ง เขาหันมามองเธอด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย นัยน์ตาของเขาดูมืดมนแต่มันกลับเต็มไปด้วยความรักที่เธอไม่วันเข้าใจ“ให้ฉันคุยกับเขาเถอะ จิน” เธอพูดและจับมือเขาแน่นราวกับจะปลอบโยนเขาอี้ จิ่นหลี้มองเธอโดยไม่ขยับไปไหน ริมฝีปากบางของเขาเม้มเข้าหากันแน่น เขากำลังลังเล เขาลังเลเพราะเขาไม่รู้ว่าเขาควรจะทำอย่างไรหลิง อี้หรานก้าวไปข้างหน้าและเดินผ่านอี้ จิ่นหลีไปเธอมองไปที่กู้ ลี่เฉินที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว “ฉันไม่ใช่คนที่คุณกำลังตามหาหรอก ฉันไม่รู้สึกประทับใจกับสิ่งที่คุณเพิ่งพูดไปสักนิด ฉันคิดว่าคุณกำลังเข้าใจผิดว่าฉันเป็นคนอื่น!”ดวงตาของอี้ จิ่นหลีเป็นประกายในขณะที่เธอพูด ในขณะที่กู้ ลี่เฉินดูไม่เชื่อ “เป็นไปไม่ได้ เธอ... ลืมไปแล้วเหรอ? หรือเพราะมันนานมาแล้ว?”“ฉันเป็นคนความจำดีนะคะ แต่ฉันจำอะไรที่คุณเพิ่งพูดไปไม่ได้เลย ถ้าฉันดูเหมือนเด็กผู้หญิงที่คุณจำได้จริง ๆ และถ้าชุดที่ฉันเลือกวันนี้ดูคล้ายกัน ฉันคงบอกได้แค่ว่า มันคงเป็นเรื่องบังเอิญทั้งหมด” หลิง อี้หรานกล่าวกู้ ลี่เฉินเม้มริมฝีปากขณะดวงตาฟีนิกซ์ของเขาจ้องมองตรงมาที่หลิง อี้หรานหลิง อี้หร
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค