“ช่วยฉันงั้นเหรอ? คำที่ออกจากปากเธอมันทำให้ฉันรู้สึกแย่!” หลิง อี้หรานกล่าวคนรอบข้างเป็นทนายความมืออาชีพ พวกเขาไม่ใช่คนโง่ พวกเขาจะเดาอะไรไม่ออกหลังจากฟังบทสนทนาเหล่านี้ได้อย่างไร? สายตาที่พวกเขามองไปที่กวาน ลี่หลี่ก็เปลี่ยนไป แน่นอนว่าชื่อเสียงของกวาน ลี่หลี่กำลังถูกทำลายกวาน ลี่หลี่ต้องการทำให้หลิง อี้หรานรู้สึกอับอายในวันนี้เพื่อที่เธอจะสามารถระบายความรู้สึกเศร้าโศกของเธอระหว่างการตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลได้หลังจากพบกับหลิง อี้หรานใครจะคิดว่าคนที่ต้องอับอายกลับเป็นตัวเธอเอง?เธอหยิบถ้วยชาขึ้นมาโดยไม่ทันคิดและโยนใส่หลิง อี้หรานหลิง อี้หรานพยายามหลบหนีถ้วยชาไม่ให้โดนใบหน้าของเธอ เธอป้องกันตัวเองและโยนถ้วยชากลับไป แต่เสื้อผ้าท่อนบนของเธอกลับไม่รอดในช่วงฤดูร้อน หลิง อี้หรานสวมเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาว และตอนนี้มันเปียกชุ่มไปด้วยน้ำชา จนมองเห็นชุดชั้นในข้างในเสื้อเชิ้ตขาวของเธอเพื่อนร่วมงานของกวาน ลี่หลี่ไม่คาดคิดว่าเธอจะทำแบบนั้น บางคนถึงกลับอุทานออกมาขณะที่หลิง อี้หรานพยายามปกปิดหน้าอกของเธอ เสื้อแจ็คเก็ตสูทบาง ๆ ก็คลุมร่างกายของเธอไว้“คลุมไว้!” เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหูของเธอ
มือของเธอที่อยู่ข้างลำตัวกำแน่นเป็นหมัด มันกำลังอดทนถึงการถูกกดขี่บางอย่างเจ้านายได้ตรวจสอบข้อมูลของเธอก่อนหน้านี้และรู้ว่าเธอถูกคุมขังเนื่องจากการขับรถประมาทจนก่อให้เกิดแก่ความตายต่อห่าว เหมยววี่แต่เขาไม่ได้ลงลึกเกี่ยวกับคดีนี้ ตอนนี้พอมาฟังสิ่งที่คนอื่นพูด เธอ... ไม่ได้รู้สึกผิดในการพิจารณาคดี โดยการบอกว่าเธอถูกเข้าใจผิดเธอถูกเข้าใจผิดจริงหรือป่าว? การตายของห่าว เหมยยวี่ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอเลยอย่างนั้นเหรอ?เพื่อนร่วมงานอธิบายเหตุการณ์สั้น ๆ โดยไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่คนที่เป็นเจ้านายของบริษัทจะไม่เข้าใจเรื่องคาว ๆ อย่างนั้นได้อย่างไร? เขามองไปที่กวาน ลี่หลี่ด้วยสายตาเล็กน้อย จากนั้นเขาก็หันไปมองหลิง อี้หราน“อี้หราน ฉันขอโทษสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอด้วยนะ แล้วเรื่องนี้ ทางบริษัทจะชดเชยค่าเสียหายให้คุณ คุณมาแจ้งรายละเอียดได้ภายหลัง” เจ้านายกล่าวหลิง อี้หรานพูดเบา ๆ “ไม่ล่ะค่ะ ฉันยังต้องทำงานอยู่!”เธอหายใจเข้าลึก ๆ และมองไปที่กู้ ลี่เฉิน ก่อนจะถอดเสื้อสูทออกแล้วส่งคืนให้เขา “ขอบคุณค่ะ” เสื้อของเธอยังเปียกอยู่และอยู่ในสภาพบางเฉียบอย่างไรก็ตาม หลิง อี้หรานอยากจะออกไปจากที
กวาน ลี่หลี่พูดอะไรไม่ออกทันใดนั้น เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งที่มักจะอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับกวาน ลี่หลี่ก็เย้ยหยันและกล่าวว่า “นี่ ใครบางคนตั้งใจจะทำให้อดีตเพื่อนร่วมงานอับอายแต่กลับต้องอับอายเสียเอง บางทีพรุ่งนี้เธออาจจะไม่ได้เป็นทนายแล้ว เช่นเดียวกับอดีตเพื่อนร่วมงาน นี่เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับทนายมือใหม่!” ใบหน้าของกวาน ลี่หลี่ซีดลงทันที ปากที่เคยพูดพล่อย ๆ กลับนิ่งเงียบ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกถ้ามันเกิดขึ้นจริง เธอคงกลายเป็นเรื่องตลกสำหรับพวกทนายคนอื่น ๆ ต่อจากนี้ไป!ถ้าเธอรู้ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น เธอจะไม่มีวันลงมือทำมัน!...หลิง อี้หรานเดินลงมาถึงชั้นล่างของอาคาร แต่ก่อนที่เธอจะเดินไปถึงจักรยานไฟฟ้า กู้ ลี่เฉินก็วิ่งมาคว้าแขนของเธอไว้ “ทำไมคุณถึงอยากเตร็ดเตร่ไปทั่วบนถนนในชุดเสื้อขาวบางเฉียบแบบนี้มากกว่ายอมรับน้ำใจจากผม? คุณเกลียดผมเหรอ? นั่นเป็นเหตุผลที่คุณไม่อยากแตะต้องข้าวของของผมเลยงั้นเหรอ?”หลิง อี้หรานพยายามดึงแขนออกจากมือของเขา แต่มันกลับไม่เป็นผล เขาจับแขนเธอแน่นขึ้น“ฉันแค่คิดว่ามันคงจะยุ่งยากถ้าต้องคืนเสื้อสูทให้คุณ ตอนนี้อากาศร้อน อีกไม่นานเสื้อฉันก็คงจะแห้ง”
“อยู่... ตรงนั้นไง” เธอชี้ไปที่ร้านขายเสื้อผ้าเธอรู้สึกประหลาดใจที่กู้ ลี่เฉินเดินตามเธอเข้าไปในร้านโดยบอกว่าตอนนี้เธอกำลังสวมเสื้อสูทของเขาอยู่และเขาจะเอามันคืนเมื่อเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วหลิง อี้หรานรีบเปลี่ยนเสื้อเป็นเสื้อยืดราคาถูกที่สุดของร้านขณะที่หลิง อี้หรานหยิบเสื้อผ้าของเธอออกมา อี้ จิ่นหลีที่อยู่ในห้องทำงานที่บริษัทอี้ กรุ๊ป กำลังฟังเลขาส่วนตัวของเขารายงานด้วยใบหน้ามืดมน“ครับ เราได้พูดคุยกับสื่อข่าวทั้งหมดแล้ว พวกเขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้เผยแพร่ข่าวใด ๆ เกี่ยวกับ คุณหลิงทั้งนั้น ทั้งสามสื่อหลักจะไม่เผยแพร่ข่าวในครั้งนี้” เกา ฉงหมิงกล่าวเรื่องมันเริ่มต้นหลังจากสื่อทั้งสามได้รับอีเมลที่ไม่ระบุชื่อพร้อมรูปถ่ายของหลิง อี้หรานและกู้ ลี่เฉิน“ใครเป็นคนทำ? หาตัวคนทำเจอหรือยัง?” อี้ จิ่นหลีถาม“เรากำลังตรวจสอบอยู่ครับ เหมือนพวกเขากำลังพยายามป้องกันไม่ให้เราหาเจอ เพราะพวกเขาให้การไม่ตรงกัน” เกา ฉงหมิงกล่าว“ค้นหาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฉันอยากรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้” อี้ จิ่นลีกล่าวอย่างเย็นชา“ครับ!” เกา ฉงหมิงตอบกลับอย่างรวดเร็ว“ออกไปได้แล้ว” อี้ จิ่นหลีกล
เขาอยากได้ยินเสียงของเธอเพราะการได้ยินเสียงของเธอจะทำให้เขารู้สึกมั่นใจ!ครู่ต่อมา เธอก็รับสาย แต่สิ่งที่เขาได้ยินกลับไม่ใช่เสียงของเธอ“จิ่นหลี?”นั่นคือ... เสียงของกู้ ลี่เฉินหัวใจของเขาหล่นไปถึงตาตุ่ม เขาพูด “ฉันเอง ทำไมนายถึงมารับโทรศัพท์ของอี้หราน?”“เธอกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า โทรศัพท์และกระเป๋าของเธออยู่ข้างนอก... ฉันจะบอกให้เธอโทรกลับหานายทีหลัง ดีไหม?” เสียงของกู้ ลี่เฉินกล่าวเบา ๆ“ไม่เป็นไร” อี้ จิ่นหลีวางสายเมื่อวางสาย กู้ ลี่เฉินก็หลุบตามองโทรศัพท์ที่อยู่ในมือหลังจากที่เห็นหมายเลขเบอร์โทรศัพท์ของหลิง อี้หรานที่เมมชื่อว่า ‘จิน’ เขารับสายราวกับว่าเขาถูกครอบงำอยู่ชั่วขณะปกติเขาจะไม่รับสายแทนคนอื่นแต่... เขากลับเพิ่งทำมันลงไปเมื่อกี้นี้เพียงเพราะอี้ จิ่นหลีที่โทรมาแค่นั้นเหรอ?ผู้ชายที่เขาเคยคิดว่าจะไม่มีวันตกหลุมรักผู้หญิงคนไหน กลับตกหลุมรักผู้หญิงคนเดียวกันกับที่เขาสนใจสุดท้ายเขาก็เลือกที่จะปล่อยเธอไป ไม่ใช่เพราะเขากลัวที่จะต้องต่อสู้กับจิ่นหลีแต่เพราะคนที่เขาต้องการจริง ๆ ไม่ใช่หลิง อี้หรานเมื่อพูดอย่างนั้น ทุกครั้งที่เขาเห็นหลิง อี้หราน เขาก็อดไม่ได้ที่จะ
เขาเคยสงสัยว่าเธอจะงดงามขนาดไหนเมื่อสวมชุดที่เขาซื้อให้อย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยรู้สึกตกตะลึงขนาดนี้มาก่อน ผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขาสวมชุดเดรสธรรมดาราคาถูก เธอเดินช้า ๆ ไปที่กระจกแล้วมองดู การกระทำง่าย ๆ นี้ทำให้ดวงตาของเขาแดงก่ำหลิง อี้หรานยืนอยู่หน้ากระจกมองดูชุดที่เธอกำลังใส่อยู่ เธอชอบชุดเดรสชุดนี้มากเพราะมันดูเหมือนชุดเดรสลายดอกไม้ที่คุณยายของเธอซื้อให้เธอเมื่อตอนที่เธอยังเป็นเด็กน่าเสียดายที่ชุดเดรสลายดอกไม้นั้นขาดและถูกโยนทิ้งตอนนั้นเธอยังร้องไห้เพราะมันด้วยซ้ำ!โชคดีที่ชุดค่อนข้างยาว ทำให้เธอไม่ต้องกังวลว่าจะกระโปรงจะเปิดตอนเธอขี่จักรยาทไฟฟ้า นอกจากนั้น ชุดเดรสนี้ก็ไม่แพง เพียง 280 ดอลลาร์เท่านั้น เธอสามารถต่อราคาในร้านค้าแบบนี้ได้ ทำให้ราคาถูกลงไปอีก“เป็นไงคะคุณผู้หญิง? ชอบไหมชุดนี้ไหมคะ?” เจ้าของร้านถามขึ้น“ก็ชอบค่ะ แต่คุณช่วยลดราคาอีกหน่อยได้ไหมคะ?” หลิง อี้หรานถาม“อืม... เราขายในราคาที่ถูกที่สุดแล้ว และราคา...” ก่อนที่เจ้าของร้านจะพูดจบ เธอกลับหยุดพูดกะทันหันขณะที่เธอจ้องไปข้างหลังหลิง อี้หรานอย่างว่างเปล่าหลิง อี้หรานตกตะลึงเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะรู้ว่าเกิดอะไร
เขากอดเธอแน่นจนเธอแทบจะหายใจไม่ออก“ฉันไม่... ไม่...” เธอพูดออกมาอย่างลำบากหลิง อี้หรานคิดว่าเธอจะเป็นลมเพราะขาดอากาศหายใจ ทันใดนั้น แรงกระชากก็ดึงเธอออกมาจากอ้อมแขนของกู้ ลี่เฉิน จากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงหมัด ตามมาด้วยเสียงของหนักตกลงมา เก้าอี้และชั้นวางของก็พังลงมาหลิง อี้หรานสูดหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้น สิ่งที่เธอเห็นคือใบหน้าของอี้ จิ่นหลีเขาดึงเธอออกจากอ้อมแขนของกู้ ลี่เฉิน! หลิง อี้หรานจ้องไปที่อี้ จิ่นหลีที่ยืนอยู่ข้างเธออย่างว่างเปล่า เธอสงสัยว่าทำไมเขาถึงมาที่นี่ใบหน้าเย็นชาของอี้ จิ่นหลีจ้องมองกู้ ลี่เฉินที่เพิ่งถูกชกลงไปกองกับพื้นกู้ ลี่เฉินลุกขึ้นมาเอนตัวพิงที่ชั้นวางของ เขาถูกรายล้อมไปด้วยชั้นวางของที่ล้มลงมาริมฝีปากของเขามีเลือดไหลออกมา“นายรู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่?” อี้ จิ่นหลีถามออกไปด้วยใบหน้าที่น่ากลัว น้ำเสียงของเขาเย็นเยียบราวกับลมเหน็บ และเสียงของเขาทำให้คนทั่วไปสั่นสะท้านกู้ ลี่เฉินจ้องมองอี้ จิ่นหลีด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “ฉันรู้”“นายรู้? แต่ก็ยังจะทำ นายอยากให้ตระกูลกู้มีปัญหากับตระกูลอี้ใช่ไหม ลี่เฉิน?” อี้ จิ่นหลีกล่าวอย่างประชดประชันกู้ ลี่เฉินเ
ร่างกายของเขาสั่นสะท้านขึ้นอีกครั้ง เขาหันมามองเธอด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย นัยน์ตาของเขาดูมืดมนแต่มันกลับเต็มไปด้วยความรักที่เธอไม่วันเข้าใจ“ให้ฉันคุยกับเขาเถอะ จิน” เธอพูดและจับมือเขาแน่นราวกับจะปลอบโยนเขาอี้ จิ่นหลี้มองเธอโดยไม่ขยับไปไหน ริมฝีปากบางของเขาเม้มเข้าหากันแน่น เขากำลังลังเล เขาลังเลเพราะเขาไม่รู้ว่าเขาควรจะทำอย่างไรหลิง อี้หรานก้าวไปข้างหน้าและเดินผ่านอี้ จิ่นหลีไปเธอมองไปที่กู้ ลี่เฉินที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว “ฉันไม่ใช่คนที่คุณกำลังตามหาหรอก ฉันไม่รู้สึกประทับใจกับสิ่งที่คุณเพิ่งพูดไปสักนิด ฉันคิดว่าคุณกำลังเข้าใจผิดว่าฉันเป็นคนอื่น!”ดวงตาของอี้ จิ่นหลีเป็นประกายในขณะที่เธอพูด ในขณะที่กู้ ลี่เฉินดูไม่เชื่อ “เป็นไปไม่ได้ เธอ... ลืมไปแล้วเหรอ? หรือเพราะมันนานมาแล้ว?”“ฉันเป็นคนความจำดีนะคะ แต่ฉันจำอะไรที่คุณเพิ่งพูดไปไม่ได้เลย ถ้าฉันดูเหมือนเด็กผู้หญิงที่คุณจำได้จริง ๆ และถ้าชุดที่ฉันเลือกวันนี้ดูคล้ายกัน ฉันคงบอกได้แค่ว่า มันคงเป็นเรื่องบังเอิญทั้งหมด” หลิง อี้หรานกล่าวกู้ ลี่เฉินเม้มริมฝีปากขณะดวงตาฟีนิกซ์ของเขาจ้องมองตรงมาที่หลิง อี้หรานหลิง อี้หร