เขากอดเธอแน่นจนเธอแทบจะหายใจไม่ออก“ฉันไม่... ไม่...” เธอพูดออกมาอย่างลำบากหลิง อี้หรานคิดว่าเธอจะเป็นลมเพราะขาดอากาศหายใจ ทันใดนั้น แรงกระชากก็ดึงเธอออกมาจากอ้อมแขนของกู้ ลี่เฉิน จากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงหมัด ตามมาด้วยเสียงของหนักตกลงมา เก้าอี้และชั้นวางของก็พังลงมาหลิง อี้หรานสูดหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้น สิ่งที่เธอเห็นคือใบหน้าของอี้ จิ่นหลีเขาดึงเธอออกจากอ้อมแขนของกู้ ลี่เฉิน! หลิง อี้หรานจ้องไปที่อี้ จิ่นหลีที่ยืนอยู่ข้างเธออย่างว่างเปล่า เธอสงสัยว่าทำไมเขาถึงมาที่นี่ใบหน้าเย็นชาของอี้ จิ่นหลีจ้องมองกู้ ลี่เฉินที่เพิ่งถูกชกลงไปกองกับพื้นกู้ ลี่เฉินลุกขึ้นมาเอนตัวพิงที่ชั้นวางของ เขาถูกรายล้อมไปด้วยชั้นวางของที่ล้มลงมาริมฝีปากของเขามีเลือดไหลออกมา“นายรู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่?” อี้ จิ่นหลีถามออกไปด้วยใบหน้าที่น่ากลัว น้ำเสียงของเขาเย็นเยียบราวกับลมเหน็บ และเสียงของเขาทำให้คนทั่วไปสั่นสะท้านกู้ ลี่เฉินจ้องมองอี้ จิ่นหลีด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “ฉันรู้”“นายรู้? แต่ก็ยังจะทำ นายอยากให้ตระกูลกู้มีปัญหากับตระกูลอี้ใช่ไหม ลี่เฉิน?” อี้ จิ่นหลีกล่าวอย่างประชดประชันกู้ ลี่เฉินเ
ร่างกายของเขาสั่นสะท้านขึ้นอีกครั้ง เขาหันมามองเธอด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย นัยน์ตาของเขาดูมืดมนแต่มันกลับเต็มไปด้วยความรักที่เธอไม่วันเข้าใจ“ให้ฉันคุยกับเขาเถอะ จิน” เธอพูดและจับมือเขาแน่นราวกับจะปลอบโยนเขาอี้ จิ่นหลี้มองเธอโดยไม่ขยับไปไหน ริมฝีปากบางของเขาเม้มเข้าหากันแน่น เขากำลังลังเล เขาลังเลเพราะเขาไม่รู้ว่าเขาควรจะทำอย่างไรหลิง อี้หรานก้าวไปข้างหน้าและเดินผ่านอี้ จิ่นหลีไปเธอมองไปที่กู้ ลี่เฉินที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว “ฉันไม่ใช่คนที่คุณกำลังตามหาหรอก ฉันไม่รู้สึกประทับใจกับสิ่งที่คุณเพิ่งพูดไปสักนิด ฉันคิดว่าคุณกำลังเข้าใจผิดว่าฉันเป็นคนอื่น!”ดวงตาของอี้ จิ่นหลีเป็นประกายในขณะที่เธอพูด ในขณะที่กู้ ลี่เฉินดูไม่เชื่อ “เป็นไปไม่ได้ เธอ... ลืมไปแล้วเหรอ? หรือเพราะมันนานมาแล้ว?”“ฉันเป็นคนความจำดีนะคะ แต่ฉันจำอะไรที่คุณเพิ่งพูดไปไม่ได้เลย ถ้าฉันดูเหมือนเด็กผู้หญิงที่คุณจำได้จริง ๆ และถ้าชุดที่ฉันเลือกวันนี้ดูคล้ายกัน ฉันคงบอกได้แค่ว่า มันคงเป็นเรื่องบังเอิญทั้งหมด” หลิง อี้หรานกล่าวกู้ ลี่เฉินเม้มริมฝีปากขณะดวงตาฟีนิกซ์ของเขาจ้องมองตรงมาที่หลิง อี้หรานหลิง อี้หร
อี้ จิ่นหลีไม่ได้พูดอะไร เขานิ่งเงียบและขับรถต่อไปเขาไม่รู้ว่าเขากำลังกลัวอะไร เขากลัวกู้ ลี่เฉินรู้ว่าอี้หรานเป็นคนที่เขากำลังตามหาหรือกลัวว่า อี้หรานจะมีความรู้สึกดี ๆ ต่อกู้ ลี่เฉิน?ไม่ กู้ ลี่เฉิน… จะไม่มีทางรู้ความจริง เพราะเขาได้ดัดแปลงหลักฐานไว้หมดแล้วอี้หราน... ดูเหมือนจะจำเหตุการณ์ในปีนั้นไม่ได้จริง ๆ หลังจากตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว เขาได้รู้ว่าอี้หรานล้มป่วยหลังจากพบกู้ ลี่เฉินเพียงไม่กี่วัน เธอถูกส่งกลับมาที่เมืองเฉินด้วยไข้สูงอาจเป็นเพราะอาการป่วยในครั้งนั้น ทำให้เธอจำเหตุการณ์อะไรไม่ได้แม้ว่าเขา... จะเตรียมพร้อมรับมือแล้ว แต่ทำไมเขาถึงยังกระสับกระส่ายอยู่?เพราะทุกอย่างล้วนมีข้อยกเว้น บางสิ่งอาจจะเกิดขึ้นโดยที่เขาไม่รู้ก็ได้เช่นเดียวกับภาพที่เขาเห็นกู้ ลี่เฉินกอดเธอไว้ขณะร้องไห้ ตอนนั้นเธอคิดอะไรอยู่? ทำไมเธอถึงไม่เคยบอกอะไรกับเขาเลย?เธอพยายามปิดบังอะไร?“จิน คุณกำลังขับรถไปไหน? ฉันต้องกลับไปที่ร้านอาหารตอนบ่ายเพื่อไปส่งอาหาร” หลิง อี้หรานกล่าวแต่ดูเหมือนว่าอี้ จิ่นหลีจะไม่ได้ฟังที่เธอพูดหลิง อี้หรานกัดริมฝีปากของเธอ จากนั้นเธอก็หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรหาโจ
“ทำไมเราถึงมาที่นี่?” หลิง อี้หรานถามด้วยความสงสัยอี้ จิ่นหลีเม้มริมฝีปากบางของเขาเข้าด้วยกันและมองรอดผ่านหน้าต่างรถไปที่วิวเมืองเฉินพ่อของเขาพาเขามาที่นี่เมื่อตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่และพูดกับเขาว่า “ลูกรู้อะไรไหม จิน? เมื่อไหร่ก็ตามที่ลูกได้ยืนอยู่บนจุดสูงสุด ลูกจะเข้าใจว่าความโดดเดี่ยวมันเป็นยังไง แต่ถ้าลูกไม่ได้ยืนอยู่บนจุดสงสุด ลูกจะไม่สามารถแม้แต่จะควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้”ดังนั้น ถ้าเขาต้องการที่จะควบคุมโชคชะตาของเขา เขาจะต้องปีนขึ้นไปบนยอดเขาต่อไป!และเมื่อใดก็ตามที่เขาอารมณ์เสีย เขาจะมาที่นี่และมองดูที่เส้นขอบฟ้าที่ตัดกับเมืองเฉิน เขาบอกตัวเองว่าสักวันหนึ่งเขาจะเป็นผู้ควบคุมโชคชะตาของตัวเองนานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้มาที่นี่ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งที่อี้ กรุ๊ป?ย้อนกลับไปในตอนนั้น เขาคิดว่าเขาสามารถควบคุมโชคชะตาของเขาได้แล้วและจะไม่มีใครผลักเขาลงมาอีกแต่เมื่อเขาขับรถมาที่นี่อีกครั้ง มันทำให้เขาเริ่มคิดว่าเขาเป็นผู้ควบคุมโชคชะตาของเขาจริง ๆ หรือโชคชะตาของเขาอยู่ในมือของคนอื่นกันแน่?บุคคลนั้นสามารถควบคุมอารมณ์ทั้งหมดของเขา ทำให้เขากระวนกระวายใจและแม้กระทั่ง... ทำให้เข
ทำไม... เธอต้องพูดออกไปใช่ไหม?ราวกับว่าเขาพยายามเค้นให้เธอตอบคำถามของเขา“บอกผมสิ ทำไม? บอกผมทีว่าทำไมพี่ถึงจะไม่ตกหลุมรักกู้ ลี่เฉิน” เขาถามเธอซ้ำใบหน้าของหลิง อี้หรานแดงก่ำ ขณะที่เธอตะเบ่งเสียงออกมาว่า “เพราะคุณเป็นคนที่ฉันตกหลุมรักไง ไม่มีอะไรเลยจริง ๆ ระหว่างฉันกับกู้ ลี่เฉิน จิน ฉันไม่อยากให้คุณเข้าใจฉันผิด” ไม่มีอะไรจริง ๆ เหรอ?เขายังจำรูปถ่ายในกล่องจดหมายอีเมลของเขาได้ รูปถ่ายของกู้ ลี่เฉินที่อุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนรูปที่... กู้ ลี่เฉินร้องไห้ต่อหน้าเธอภาพถ่ายเหล่านั้นเหมือนกำลังเยาะเย้ยเขาอยู่ แม้ว่าเขาจะพยายามทำทุกอย่าง แต่เขากลับไม่สามารถทำลายสายสัมพันธ์ระหว่างเธอกับกู้ ลี่เฉินได้“ไม่มีอะไรเหรอ? พี่ไม่มีอะไรปิดบังผมอยู่เหรอ?” เขาถามด้วยเสียงพึมพำ“ฉันทำทุกอย่างชัดเจนแล้ว เรื่องระหว่างฉันกับกู้ ลี่เฉิน ไม่มีอะไรทั้งนั้น” เธอคิดว่าเขากำลังถามถึงเหตุการณ์ในวันนี้“ถ้าอย่างนั้น… อี้หราน พี่คลั่งรักผมมากแค่ไหนล่ะ?” ลมหายใจร้อนของเขาปะทะเข้ากับใบหน้าของเธอ ริมฝีปากของทั้งสองเกือบสัมผัสกันความกำกวมชัดเจนมากยิ่งขึ้นใบหน้าของหลิง อี้หรานแดงขึ้นเล็กน้อย เธอ... ควรจะตอบ
หลิง อี้หรานตกตะลึง ‘พิสูจน์? แล้วฉันจะพิสูจน์ได้ยังไง?’เธอมองดูเขาที่กำลังจ้องมาที่เธอ จู่ ๆ เธอก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ เธอลังเล จากนั้นจึงใช้ความคิดริเริ่มที่จะยกมือขึ้นแล้วโอบรอบคอของอี้ จิ่นหลีเธอก็ยกคางขึ้นเล็กน้อยแล้วประกบจูบเขาที่ริมฝีปากริมฝีปากของเขาเย็นเฉียบและกลิ่นของเขาทำให้เธอมั่นใจ ริมฝีปากของเธอค่อย ๆ กดทับริมฝีปากของเขาแน่นขึ้น การบรรจงจูบต่อเขาเต็มไปด้วยความรัก... มันเป็นข้อพิสูจน์ว่าเธอคลั่งรักเขามากแค่ไหนแต่แค่จูบนั้น ไม่เพียงพอต่อเขาขณะที่เธอกำลังจะถอนจูบออก มือขวาของเขาก็จับเข้าที่ด้านหลังศีรษะของเธอ ริมฝีปากของเขากดลงอย่างแรง เขาเริ่มสอดแทรกลิ้นเข้าไปหยอกล้อกับลิ้นร้อนของเธอ เขาต้องการลิ้มรสความหวานทั้งหมดในปากของเธอเธอตกใจกับการจูบที่รุนแรงของเขา แต่เธอกลับไม่อยากถอนตัวกลับจูบนั้นรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ดูเหมือนว่าเขาต้องการจะขโมยลมหายใจไปจากเธอ เธอรู้สึกราวกับว่าเธอแทบจะหายใจไม่ออกหลิง อี้หรานอยากจะถอนตัวออกมา แต่เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอเมื่อเธอถอนตัวออกเล็กน้อย เราก็ก้มลงจูบเธออีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับอ่อนโยนกว่าครั้งแรกเธอรู้สึกเจ็บที่ริมฝีปากและ
เธอตกใจกับความคิดที่อันตรายของเขาความปรารถนาในดวงตาของเขาเหมือนกำลังกลืนกินเธอทั้งตัวเขายังคงไล่จูบผิวหนังของเธอ เรียวนิ้วยาวของเขาขยับไปมาทั่วร่างกายเธอ เธอรู้สึกราวกับว่าเธอกำลังเสียการทรงตัว“จิน... จิน... อย่า... อย่าทำแบบนี้...” หลิง อี้หรานพูดตะกุกตะกักขณะที่เธอพยายามจะหยุดการกระทำของเขาแต่เธอกลับไม่สามารถทำอะไรได้เขาฉีกชุดลายดอกไม้ของเธอจนขาดออกจากกัน จากนั้นเขาก็ยืดตัวขึ้นเพื่อมองลงมาที่เธอและถอดเสื้อแจ็กเก็ตออก...หลิง อี้หรานตัวสั่น ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป พวกเขาคงจะ...ไม่ เธอไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบนี้!ตอนนี้เมื่อเขาดูแตกต่างไปจากปกติ เขาเอาแต่อยากให้เธอพิสูจน์อะไรบางอย่างเธอเริ่มดิ้นรนเมื่อเห็นว่าเขาถอดเสื้อออกไป “ฉันไม่ได้ต้องการพิสูจน์ด้วยวิธีนี้ จิน การทำแบบนี้... มันพิสูจน์อะไรไม่ได้เลย”“พิสูจน์อะไรไม่ได้เหรอ?” เขาถามด้วยเสียงพึมพำ “พี่ต้องการผมใช่ไหม? พี่ปรารถนาในตัวผม และพี่ก็รักผม!”“ใช่ ฉันรักคุณ ฉันรักคุณแม้ว่าเราจะไม่ได้มีอะไรกัน แต่ถ้าฉันไม่ได้รักคุณ ต่อให้พวกเราทำแบบนี้ ฉันก็จะไม่รักคุณ และการกระทำแบบนี้คงไม่มีอะไรไปมากกว่าความสัมพันธ์ทางกาย” หลิง อ
เธอเคยพูดว่า “เรียกฉันว่าพี่สิ”เธอถือว่าเขาเป็นครอบครัวตั้งแต่ตอนนั้นเธอมักจะเรียกเขาว่า “จิน จิน...”การที่เธอเรียกเขาว่าจินเป็นคำพูดที่อ่อนโยนที่สุด ทำให้เขาเสพติดเธอ เขาอยากได้ยินเธอเรียกเขาแบบนั้นไปตลอดชีวิต“จิน... จิน...” เธอเรียกเขาอีกครั้ง... ทำไมเสียงร้องของเธอเหมือนเสียงสะอื้นล่ะ?เธอ... ร้องไห้?อี้ จิ่นหลีค่อย ๆ ดึงสติของตัวเองกลับมา เขาเห็นใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาของหลิง อี้หรานเธอ… กำลังร้องไห้เหรอ?เขาทำร้ายเธอเหรอ? ใช่ เขาต้องการให้เธอพิสูจน์ให้เขาเห็นว่าเธอคลั่งรักเขาแค่ไหนและเธอต้องการเขามากขนาดไหนเขาถึงพาเธอขับรถมาที่นี่ตอนนี้ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา ผิวขาวเนียนเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำและดวงตาของเธอดูหวาดกลัวเขา... ทำให้เธอกลัวหรือเปล่า?ทั้งหมดเป็นเพราะกู้ ลี่เฉินที่เขาไม่มีความเป็นตัวเอง!“พี่กลัวผมเหรอ?” เขาถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาร่างกายของเธอสั่นเทา กลัวอย่างนั้นเหรอ? ใช่ เธอกลัว ไม่ว่าเธอจะร้องไห้และดิ้นรนอย่างไร ทั้งหมดกลับดูไร้ประโยชน์เธอรู้สึกว่าไม่คุ้นเคยกับเขาเลยสักนิดเธอมองออกไปด้านนอกแล้วเห็นแต่ความมืดมิด มีเพียงลมหนาวที่พัดผ่าน ตอนนี้เธอ