“อย่าพูดแบบนั้นเลยครับ ผมพาคุณมาถึงนี่ ถ้าหมอซูบอกว่ามันรักษาได้ มันก็ต้องรักษาได้จริง ๆ” กู้ ลี่พูดพลางขับรถไปด้วย ก่อนเอ่ยถามอย่างสบาย ๆ “มือของคุณบาดเจ็บตั้งแต่เมื่อไหร่?”“เกือบสี่ปีได้แล้วค่ะ” หลิง อี้หรานตอบ‘เกือบ 4 ปี…คงเป็นช่วงที่เธอติดอยู่ที่นั่นสินะ’ กู้ ลี่เฉินนึก ก่อนถามต่อ “คุณบาดเจ็บตั้งแต่ตอนเป็นนักโทษเหรอ?”หลิง อี้หรานนิ่งเงียบ ไม่ได้ตอบอะไร แต่สีหน้าของเธอตอบคำถามเขาทุกอย่างแล้ว“ใครเหรอ? คนที่ทำแบบนี้กับคุณ?” น้ำเสียงของลี่เฉินเจือความโกรธ ‘ใครหน้าไหนมันทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้กับเธอ?’เขารู้ว่าเธอเคยมีสถานะเป็นผู้ต้องขังมาก่อน แต่ลี่เฉินไม่คิดเลยว่าอี้หรานต้องเจอกับอะไรบ้างเพิ่งได้รับรู้ตอนนี้เองว่าเธอคงทรมานมากอี้หรานเอ่ยขึ้นเสียงเบา “มันไม่สำคัญหรอกค่ะ”“ใครทำ?” ลี่เฉินถามย้ำ“ฉันบอกคุณไปแล้วจะได้อะไรขึ้นมา? ฉันจะทำให้คนพวกนั้นทรมานได้ด้วยเหรอ?”“ทำไมจะไม่ได้?” ดวงตาของลี่เฉินฉายแววดุร้าย เขาจะทำให้ทุกคนที่เคยทำร้ายอี้หรานได้ประสบชะตากรรมแบบเดียวกันหลิง อี้หรานมองกู้ ลี่เฉินด้วยความทึ่งรถหยุดลงตามสัญญาณไฟจราจร ลี่เฉินหันมามองคนข้างกายด้วยสายตาจริงจัง
ในตอนนั้น อี้หรานไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับลี่เฉิน หรือสัญญาที่เคยให้กันไว้ตั้งแต่ตอนที่เราเป็นเด็กหญิงสาวตัดแพนเค้กออกมาชิ้นหนึ่งแล้วนำใส่ปาก ‘วันนี้ฉันกำลังทานมื้อเย็นกับเฉินเฉิน’เหมือนที่เราเคยสัญญากันไว้ เธอมาที่เมืองเฉิน และเขาจะพาเธอไปกินอาหารอร่อย ๆ!…ตกดึก รถมาเซราติค่อย ๆ ขับมาหยุดอยู่หน้าหมู่บ้าน หลิง อี้หรานก้าวลงจากรถ เพิ่งออกเดินไปได้เพียงสองก้าวก็ได้ยินเสียงของลี่เฉินดังตามหลัง“รอเดี๋ยว!” เขาวิ่งตามมาพร้อมกล่องในมือ ก่อนยื่นมันให้อี้หราน “นี่แพนเค้กจากร้านที่เราเพิ่งไปด้วยกัน ผมเห็นคุณชอบ เลยสั่งใส่กล่องมาให้อีก”หลิง อี้หรานเม้มปากเล็กน้อยก่อนรับมา “ขอบคุณนะคะ” ไม่อาจปฏิเสธแพนเค้กได้ลงราวกับว่า… เธอไม่สามารถปฏิเสธเฉินเฉินในวัยเด็กคนนั้น เพื่อรักษาคำสัญญาของพวกเราลี่เฉินคว้ามือของอี้หรานเอาไว้ตอนที่อีกฝ่ายยื่นมารับเอากล่องแพนเค้ก เขาเลื่อนสายตาลงมามองที่มือของเธอ “คุณคงทรมานมาก”ร่างกายของหญิงสาวสั่นน้อย ๆ “มันผ่านไปแล้วค่ะ”เขาพึมพำ “ถ้าเพียงแต่เราได้เจอกันก่อน บางทีคุณอาจจะไม่ต้องเจอกับเรื่องแบบนั้น”เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกเสียใจต่อผู้หญิงสักคน! ลี่เฉินถึ
‘ไม่กี่วันมานี้ คุณหลิงกลับบ้านคนเดียวตลอด มันเลยไม่มีปัญหาอะไร แต่พอนายน้อยกู้มาส่งคุณหลิงวันนี้…แถมยังจับมือ จ้องตากันอีก อย่างกับคู่รัก!’เกา ฉงหมิงได้แต่หวังให้กู้ ลี่เฉินและหลิง อี้หรานแยกกันโดยเร็วที่สุด ‘ถ้าพวกเขายังทำแบบนี้ต่อไป ไม่รู้ว่านายน้อยอี้จะว่ายังไงเลยเนี่ย?!’…หลิง อี้หรานเดินตรงไปที่บ้านเช่าพร้อมกล่องแพนเค้กในมือ เธอหยิบกุญแจออกจากกระเป๋าและไขเปิดประตู ในตอนที่กำลังจะผลักประตูเพื่อเข้าไปด้านใน มืออีกคู่หนึ่งก็ยื่นมาดันประตูเปิดออกอี้หรานถูกจับให้หมุนตัวกลับไปกะทันหัน ก่อนพบกับอี้ จิ่นหลีที่ยืนอยู่ด้านหลัง“คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่?” เธอถามอย่างสับสนเขาสวมเพียงเสื้อสเวตเตอร์ตัวบางสีอ่อนและกางเกงขายาวสีดำ เมื่อนำมาประกอบกับใบหน้าที่หล่อเหลา นั่นทำให้จิ่นหลีดูราวกับเจ้าชาย แต่ใบหน้าของชายหนุ่มกลับดูหม่นหมอง อี้หรานสังเกตเห็นการสะกดกลั้น ข่มอารมณ์ และ…ความเกรี้ยวกราดที่อยู่ในสายตาของอีกฝ่ายสัญชาตญาณเตือนภัยของเธอทำงานทันทีราวกับว่าจิ่นหลีคือตัวอันตราย และเธออาจเจ็บตัวได้หากพลาดแม้สักก้าวหนึ่ง!“มีอะไร? จะไม่เชิญผมเข้าไปหน่อยเหรอ?” จิ่นหลีพูดเสียงเย็น“มันดึกแ
จิ่นหลีดึงมือของอี้หรานไปรองไว้ใต้ก๊อก ก่อนจะนำสบู่มาถูจนทั่ว เขาขัดถูฝ่ามือเล็กจนครบทุกซอกทุกมุมราวกับกำลังพยายามจะลบร่องรอยของกู้ ลี่เฉินออกไปหลิง อี้หรานพยายามชักมือกลับแต่ไม่เป็นผลเธอไม่รู้ว่าอี้ จิ่นหลีล้างมือของเธอไปกี่รอบ แต่การโดนน้ำเย็นนาน ๆ ทำให้มือของเธอเริ่มปวด “อี้ จิ่นหลี พอได้แล้ว คุณต้องการอะไร?”ชายหนุ่มปิดน้ำ คว้าเอาผ้าขนหนูที่แขวนอยู่มาเช็ดมือให้เธออย่างทะนุถนอม “อย่าให้กู้ ลี่เฉินจับมือพี่อีก”จิ่นหลีทนไม่ได้เมื่อนึกถึงภาพที่เห็นก่อนหน้านั้น ราวกับว่าความริษยามันท่วมท้นไปทั่วร่างเขากลัวว่าอี้หรานจะตกหลุมรักกู้ ลี่เฉิน!“หยุดพูดจาไม่เข้าหูสักทีได้ไหม” จิ่นหลีเอ่ยหลิง อี้หรานนิ่งงันครู่หนึ่งและหัวเราะออกมา “นี่ฉันยังต้องรักคุณอยู่ทั้ง ๆ ที่เราเลิกกันไปแล้วด้วยเหรอ?”ชายหนุ่มชะงัก เงยหน้ามาสบตากับดวงตากลมรีที่ฉายแววสงบนิ่งไร้ความตื่นกลัวอยู่ในดวงตาที่เขารู้จักเป็นอย่างดีคู่นั้น มีเพียงความเยือกเย็นที่ปรากฏให้เห็นยิ่งเธอนิ่งมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งกระวนกระวายมากขึ้นกลีบปากอิ่มอ้าออกช้า ๆ ตามมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนทว่าเยือกเย็นเช่นเดียวกับแววตา “อี้ จิ่นหลี
หญิงสาวจ้องมองคนตรงหน้าด้วยความสับสน ‘เขาหมายความว่ายังไง?’“ถ้าการเลิกกันมันทำให้เธอเลิกรักฉัน ลืมฉัน ถ้าอย่างนั้น…เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม?”เขากล่าวจิ่นหลีเป็นคนประเภทพูดแล้วไม่คืนคำ แต่ครั้งนี้เขากลับต้องยอมกลืนน้ำลายตัวเอง แทบจะเหมือนกับว่าเขายอมทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเองไว้ข้างหลัง ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเธอ!เพราะว่าความรู้สึกที่ถูกหลงลืมไปจากใจของอี้หรานมันเกินกว่าที่เขาจะทนไหวหลิง อี้หรานหัวเราะออกมาจนน้ำหูน้ำตาไหลไปหมด‘วันดีคืนดีเขาก็บอกเลิกกันในวันเกิดฉัน ทำชีวิตของฉันพัง’‘แล้วตอนนี้กลับมาบอกให้เรากลับไปอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม… เหมือนที่เราเคยเป็น? ฉันจะไปทำแบบนั้นได้ยังไง?’“อะไรของคุณอีก? หรืออยู่ ๆ ก็กลับมารักฉันแล้วเหรอ?” เธอถามจินกะพริบตาเบา ๆ พร้อมแววตาที่หม่นลง ‘ความจริง…ฉันรักเธอมาตลอด’‘ฉันเคยคิดว่าการลืมเธอมันง่าย จนในที่สุดแล้ว เธอต่างหากที่ทำมันได้ง่ายดาย’“ถ้าฉันยังรักเธออยู่ล่ะ? เธอจะรักฉันอีกสักครั้งได้ไหม?” จิ่นหลีถาม เสียงแหบแห้ง เขารักเธอ ชีวิตของเขา ความสุข ความเศร้าทั้งหมดของเขาล้วนอยู่ในกำมือของผู้หญิงคนนี้ตอนนี้เขารู้ตัวแล้วว่าไม่สามารถวิ่งหนีจ
ความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นจนทำให้อี้หรานต้องจำคุกและต้องฝืนทนกับความทุกข์ยากมากมายนั้นอาจทำลายชีวิตและจิตวิญญาณของมนุษย์คนหนึ่งให้ดับสิ้นลงได้เลยแต่อี้หรานยังคงอยู่ ดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดและอนาคตของตัวเองถึงแม้ชีวิตจะต้องเจอกับจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่เพราะถูกความยุติธรรมทอดทิ้ง แต่เธอก็ยังเริ่มต้นใหม่ผู้หญิงที่ดูอ่อนแอบอบบางคนนั้น กลับเป็นคนที่สู้ชีวิตยิ่งกว่าคนทั่วไปเธอทำให้ลี่เฉินนึกถึงเด็กหญิงคนหนึ่งจากความทรงจำในวัยเด็ก… บางครั้งชายหนุ่มอดคิดไม่ได้ว่าเด็กหญิงคนนั้นอาจโตมาเป็นอี้หราน ไม่ใช่หวา ลี่ฟาง!การได้พบหวา ลี่ฟางทำให้เขาเข้าใจว่า บางครั้ง จินตนาการมันช่างแตกต่างจากความเป็นจริงเหลือเกินผู้คนย่อมเปลี่ยนไปสาวน้อยที่เคยเปี่ยมไปด้วยความซื่อตรงและหมายจะผดุงความยุติธรรมในวันนั้น ในตอนนี้ หวา ลี่ฟางกลับต้องการเพียงได้ใช้ชีวิตอย่างหรูหราเท่านั้นถึงอย่างไรแล้วมันก็ไม่สำคัญ ในเมื่อลี่ฟางคือผู้มีพระคุณของเขา แม้แต่ชีวิต เขาก็มอบให้เธอได้หากคำขอนั้นไม่มากจนเกินไปกู้ ลี่เฉินลุกยืน แล้วเดินออกจากห้องทำงานไปยังห้องรับแขกเมื่อหวา ลี่ฟางเห็นชายหนุ่ม เธอก็รีบพูดทันทีด้วยน้ำเสียงติดล
คำพูดของหวา ลี่ฟางถูกกลืนหายไปในลำคอขณะที่ใบหน้าฉายแววอับอาย หญิงสาวไม่รู้จะตอบโต้อย่างไร“ฉัน… ฉันเคย…”กู้ ลี่เฉินกล่าวต่อ “ลี่ฟาง คุณช่วยชีวิตผม และผมเต็มใจที่จะช่วยให้คุณมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่อี้หรานคือคนที่ผมรัก และถ้าเธออยากใช้ผม ผมก็ยินดีช่วยเธอ”ความริษยาพลุ่งพล่านขึ้นมาในกายลี่ฟางทันที!‘หลิง อี้หรานมีดีอะไรนักหนา? ถึงขนาดทำให้ลี่เฉินยอมพูดแบบนี้ได้!’“แต่อี้หรานพูดออกมาเองว่าไม่ได้รักคุณ เสียงที่ฉันอัดมามันก็ชัดมากพอแล้ว!” ลี่ฟางจงใจย้ำชั่ววินาทีต่อมา หญิงสาวเริ่มรู้สึกอึดอัด สัมผัสได้ถึงความรู้สึกชาวาบที่ไล่ขึ้นมาตั้งแต่ปลายเท้า ดวงตาคมกริบคู่นั้นกำลังมองเธออย่างเย็นชา“ลี่ฟาง ผมหวังว่าจะคุณจะไม่ใช้วิธีสกปรกแบบนี้กับผมอีก เข้าใจไหม?” ลี่เฉินยื่นคำเสียงเย็นหวา ลี่ฟางตัวชาทันที! รู้สึกราวกับดวงตาคู่นั้นมองเธอออกอย่างทะลุปรุโปร่ง!…หนึ่งวันก่อนที่อาหยันน้อยจะเข้าโรงเรียนอนุบาลตรงกับวันหยุดพอดี หลิง อี้หรานและชิน เหลียนอีนัดกันมาที่บ้านของโจว เชียนหยุนเพื่อเอาของขวัญมาให้เด็กน้อยที่ได้ขึ้นชั้นอนุบาลอี้หรานให้ชุดสีเทียนและสมุดวาดรูป ส่วนเหลียนอีให้เสื้อผ้าเข้าชุดและร
โจว เชียนหยุนกล่อมลูกชายอย่างอ่อนโยน เด็กน้อยผล็อยหลับไปในไม่ช้า ผู้เป็นแม่อดพึมพำออกมาไม่ได้ว่า “ฉันหวังว่าเขาจะไม่โดนรังแกที่โรงเรียนนะ”“ใครกล้าทำแบบนั้นกับเขา? ฉันจะไปจัดการให้ถึงที่โรงเรียนเลยคอยดู!” ชิน เหลียนอีพูดขึ้นทันที มั่นใจว่าเด็กอนุบาลไม่คณามือตัวเองแน่โจว เชียนหยุนยิ้มออกมา บางครั้งเธอก็นึกอิจฉาเหลียนอี เชียนหยุนเองก็เคยเป็นคนใจกล้าแบบนั้น แต่เธอไม่สามารถกลับไปเป็นคนเดิมได้แล้วอีกหลังจากเรื่องราวทั้งหมดที่ประสบมา“อี้หราน เรื่องสิทธิ์เลี้ยงดู ขอบคุณมากเลยนะ” เชียนหยุนเอ่ย“ฉันคุยกับบริษัทให้แล้ว แล้วทนายกู้ก็ตกลงจะช่วยด้วย พี่โจวอย่าคิดมากเลย” อี้หรานตอบกลับเชียนหยุนพยักหน้า พลางนึกประหลาดใจขึ้นมาที่เย่ เหวินหมิงเลือกฟังผลตัดสินที่ศาลในเมืองเฉิน เธอนึกว่าเขาจะเลือกศาลที่เมืองเอสเสียอีกเมืองเอสคือถิ่นของเหวินหมิงนับตั้งแต่เหวินหมิงเลือกศาลที่เมืองเฉิน เชียนหยุนก็ไม่ต้องเดินทางไป ๆ มา ๆ ข้ามเมืองอีก ซึ่งนั่นช่วยประหยัดเวลาของเธอได้เยอะทีเดียว“ว่าแต่พี่โจวขายร้านอาหารไปแล้ว ตอนนี้จะต้องหางานทำไหม?” อี้หรานเอ่ยถาม“ฉันว่าจะลองเปิดเป็นพวกร้านก๋วยเตี๋ยวดูก่อน แล้
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค