แชร์

พิศวาส 3000 ปี
พิศวาส 3000 ปี
ผู้แต่ง: จ้าวฮุ่ยอิง

บทนำ 1.1

ผู้เขียน: จ้าวฮุ่ยอิง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-03 06:32:53

ท่ามกลางเทือกเขาสูงเสียดฟ้าเต็มไปด้วยม่านหมอกหนาลงปกคลุมบนยอดเขา เบื้องล่างคือหุบเหวลึกมีแต่ความเงียบสงัดและป่าดงดิบเขียวครึ้ม มองไปแห่งหนใดไร้สิ้นแสงแห่งตะวันและสิ่งมีชีวิต บริเวณก้นเหวลึกเต็มไปด้วยหมอกบางเบาปกคลุมไปทั่วบริเวณ

ปลายเท้าเรียวสวยสวมรองเท้าสีแดงกำลังยืนโดดเดี่ยวเพียงลำพังอยู่ภายในก้นเหวดังกล่าว ร่างงามระหงในชุดเจ้าสาวสีแดงเพลิงปักลวดลายหงส์กางปีกผงาดสีทองอร่ามลงบนเนื้อผ้าราคาแพงลิบลิ่ว เส้นผมสีดำสนิทถูกเกล้าสูงรับกับมงกุฎหงส์ ซึ่งทำมาจากทองคำแท้อันเป็นเครื่องประดับเลอค่ามีราคาอย่างยิ่งยวด ใบหน้างดงามลึกล้ำอย่างประหลาดถูกแต่งเติมอย่างประณีตจนความงามบรรเจิดยากนักที่ผู้ใดได้ยลรูปโฉมจะลืมเลือนนางได้ลง

“ฉันอยู่ที่ไหน!ทำไมจู่ๆ ก็มายืนอยู่กลางป่ากลางเขาแบบนี้... อะไรกันนี่... ผู้คนหายไปไหนกันหมด!” แม่สาวน้อยในชุดเจ้าสาวรำพึงด้วยความตื่นตระหนก ร่างงามหมุนกายพลางสำรวจไปทั่วบริเวณ

“ฟิ้วววว!!!” กระแสลมแรงพัดถูกใบหน้างามและเรือนกายขึ้นมาฉับพลัน

หญิงสาวหันกลับไปมองทิศทางที่ถูกกระแสลมต้องผิวกายทันใด ดวงตากลมโตคู่สวยมองไปรอบกายก่อนจะหยุดนิ่งครั้นสายตาเห็นเถาวัลย์มากมายเลื้อยปกคลุมอยู่บนหินผาแต่ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่าเถาวัลย์และวัชพืชมากมายปกคลุมเฉพาะจุดเท่านั้น ราวกับว่ากำลังปิดบังอำพรางอะไรบางอย่างภายใต้ขุนเขานั้น

“แปลกจังทำไมถึงมีลมแรงมาจากทางนั้น ละ... แล้ว... นั่นมันปากทางเข้าถ้ำมิใช่เหรอ” คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัยพร้อมสองขาก้าวเดินตรงไปเบื้องหน้าทันใด

มือเรียวค่อยๆ สัมผัสกับเหล่าวัชพืชที่ขึ้นปกคลุมไปจนทั่ว ครั้นสัมผัสด้านหลังเป็นหินผาแต่ก็ยังไม่ละความพยายามเพราะแน่ใจว่าลักษณะการปกคลุมของสิ่งมีชีวิตจำพวกวัชพืชพวกนี้บ่งบอกให้ล่วงรู้ว่าภายในบริเวณดังกล่าวเป็นปากทางเข้าไปภายในเทือกเขานั่นเอง มือเรียวของนางพยายามคลำไปเรื่อยๆ จนกระทั่งแตะถูกวัชพืชตรงหน้ายุบตัวลง

“ตรงนี้แหละ!” หญิงสาวกล่าวออกมาด้วยความดีใจเมื่อสัมผัสถูกลมที่เล็ดลอดออกมาจากด้านใน

นิ้วเรียวงามแหวกเถาวัลย์มากมายออกอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งเห็นช่องขนาดใหญ่ขนาดตัวคนพอที่จะเข้าไปได้ ร่างระหงในชุดเจ้าสาวรีบลอดเข้าไปภายในทันทีโดยมิรั้งรอ ครั้นเข้ามาภายในถ้ำได้เป็นผลสำเร็จ คิ้วเรียวได้รูปสวยกลับต้องขมวดเข้าหากันอีกครั้ง

“กลิ่นอะไร... หอมจัง!” หญิงสาวสูดกลิ่นหอมดังกล่าวเข้าไปจนเต็มปอด

ดวงตาคู่งามพยายามเพ่งมองไปยังทางเดินที่ทอดยาวไปเบื้องหน้า กลิ่นหอมโรยรื่นยังคงฟุ้งกระจายตลบอบอวลไปทั่วบริเวณราวกับว่ากำลังนำทางเธอให้เดินตามกลิ่นหอมดังกล่าว ในขณะที่หญิงสาวก้มมองลงที่พื้นดินซึ่งแลดูแปลกตาไปจากที่เคยเห็น เพราะพื้นดินซึ่งเป็นเส้นทางที่ทอดยาวมีประกายแสงสว่างอยู่ตลอดเวลา ทำให้เห็นทุกอย่างได้อย่างชัดเจน โดยมิอาจมองเห็นเส้นเขตแดนบางอย่างเอาไว้

และแล้วปลายเท้าของเธอก็ก้าวข้ามผ่านเส้นเขตแดนพร้อมร่างงามก้าวเดินตรงไปเบื้องหน้าตามกลิ่นหอมรวยรื่นที่ยังคงอยู่ไม่เลือนหาย สองขาก้าวเดินตรงไปอย่างมั่นคง หญิงงามหามีใจหวาดหวั่นแต่อย่างใด สิ่งที่อยู่ภายในใจคือความอยากรู้อยากเห็นสถานที่แปลกประหลาดซึ่งเธอกำลังประสบพบเจออยู่ในขณะนี้

เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วธูป หญิงสาวมาหยุดยืนอยู่ภายในห้องโถงขนาดใหญ่พร้อมดวงตากลมโตดั่งตากวางเบิกกว้างขึ้นมาโดยพลัน เมื่อภายในแก่นของเทือกเขาปรากฏรูปปั้นหินของบุรุษตั้งอยู่โดดเดี่ยวเพียงลำพังอยู่บนแท่นหินสีดำสนิทราวกับนิลกาฬตรงหน้าเธอในขณะนี้

“ทำไมภายในถ้ำลึกแบบนี้ ถึงมีรูปปั้นหินตั้งเอาไว้เดียวดายด้วยนะ... หรือคนโบราณปั้นเอาไว้เพื่อกราบไหว้เทพเจ้าอย่างนั้นเหรอ” เสียงหวานรำพึงออกมาเบาๆ คิ้วสวยขมวดมุ่นเข้าหากันอีกคราด้วยความสงสัยอย่างยิ่งยวด ก่อนจะเดินตรงไปยังจุดที่ตั้งรูปปั้นโบราณดังกล่าว

ดวงตาคู่สวยมองพินิจพิเคราะห์รูปปั้นหินตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย มิอาจบรรยายออกมาได้ สาเหตุเพราะรูปปั้นนั้น เปรียบดั่งมนุษย์ที่กลายร่างเป็นหินฉันใดก็ฉันนั้น ร่างระหงค่อยๆ เดินวนไปรอบๆ แท่นหินพร้อมสังเกตอย่างละเอียดก่อนจะมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้ารูปปั้น

“แปลกจังเลย รูปปั้นหินนี้ดูยังไงก็เหมือนคน ช่างสมัยโบราณมีฝีมือมากจริงๆ แกะสลักหินมีรูปร่างคล้ายคนมาก!!! ดูสิจมูกโด่งซะขนาดนี้ ปากสวยเชียว ปล่อยผมยาวสยายเป็นหนุ่มเซอร์ด้วย... รูปปั้นอะไรหล่อจัง... คนโบราณหล่อขนาดนี้ก็มีด้วย... โห่ไม่อยากเชื่อ นี่ถ้าได้มาเป็นเจ้าบ่าวละก็... วาวารักตายเลย” หญิงสาวพูดพลางยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ พร้อมเอียงคอมองไปมา ก่อนจะหยุดนิ่งเมื่อได้กลิ่นหอมของดอกไม้ฟุ้งกระจาย

“กลิ่นดอกไม้!กลิ่นทำไมออกมาจากรูปปั้นตรงหน้านี้ล่ะ” หญิงสาวพูดพลางทำจมูกฟุดฟิดพร้อมค่อยๆ ก้มตัวสูดกลิ่นหอมของดอกไม้ไปทั่วรูปปั้นหินดังกล่าว

จมูกโด่งสวยค่อยๆ ดมหากลิ่นหอมไปทั่วรูปปั้น นับตั้งแต่บริเวณหน้าอก สูดกลิ่นหอมตรงซอกคอ ก่อนจะดมไปเรื่อยๆ จนถึงใบหน้ารูปปั้นบุรุษหนุ่มหล่อเหลา ตั้งแต่ริมฝีปาก จมูกโด่งสันเป็นคม ดวงตาที่ปิดสนิททั้งสองข้าง จวบจนกระทั่งกลางหน้าผากที่มีรูปร่างคล้ายไฟอัคคีอยู่ตรงกลางและแม่สาวนักดมกลิ่นก็หยุดนิ่งทันที

“กลิ่นหอมของดอกไม้มาจากกลางหน้าผากนี่เอง” สาวเจ้าพึมพำพร้อมก้มลงสูดกลิ่นหอมตรงกลางหน้าผากนั้นอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจ

“ใช่!จริง ๆ ด้วยไม่ผิดแน่นอน กลิ่นออกมาจากรูปสลักที่อยู่ตรงกลางหน้าผากนี้นี่เอง” หญิงสาวกล่าวออกมาด้วยความมั่นใจ ดวงตาคู่สวยหยุดนิ่งอยู่ที่กลางหน้าผากของรูปปั้นที่สลักร่างคล้ายไฟอัคคี

“อยากรู้จังว่าทำไมถึงมีกลิ่นหอมออกมาจากปานรูปไฟอัคคีนี้ด้วยนะ คนโบราณเขาทำน้ำหอมใส่ไว้ในนี้อย่างนั้นหรอกเหรอ” สาวเจ้าคิดเองเออเอง พลางก้มหน้าลงไปพร้อมนิ้วเรียวสวยค่อยๆ ยื่นไปสัมผัสรูปปานไฟอัคคีดังกล่าว

ทันใดนั้นเอง

“พรึ่บ!” ปานรูปไฟอัคคีที่อยู่ตรงกลางหน้าผากของรูปปั้นหินแปรเปลี่ยนไปโดยพลัน ทันทีที่นิ้วเรียวสวยของเธอสัมผัสแตะต้อง

รูปปั้นหินโบราณค่อยๆ คืนสภาพกลายร่างกลับมาเป็นมนุษย์ตามเดิม เปลือกตาที่ปิดสนิทมาอย่างยาวนานนับหลายหมื่นปีเริ่มมีปฏิกิริยาและกำลังจะค่อยๆ เปิดขึ้นมาอีกครั้ง ท่ามกลางอาการตกตะลึงของหญิงสาวที่เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างอัศจรรย์ปรากฏขึ้นต่อหน้าอยู่ในขณะนี้

“คะ... คะ... คน!” เสียงหวานกล่าวตะกุกตะกัก

ใบหน้างดงามลึกล้ำอย่างประหลาดอยู่ในระยะใกล้ชิดที่มองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างชัดเจน ลมหายใจของเธอเป่ารดใบหน้าหล่อเหลาของรูปปั้นที่แปรเปลี่ยนร่างกลายเป็นมนุษย์ พร้อมดวงตาที่ปิดสนิทเริ่มกลอกกลิ้งไปมาเป็นสัญญาณชีพของการมีชีวิตก่อนจะเปิดขึ้นทันที

“พรึ่บ!”

“เฮือกกก!!!” คนงามสะดุ้งจนสุดตัวเมื่อเห็นดวงตาดังกล่าว

บทที่เกี่ยวข้อง

  • พิศวาส 3000 ปี   บทนำ 1.2

    ดวงเนตรสีเลือดจ้องใบหน้างามลึกล้ำอย่างประหลาดที่อยู่ตรงหน้าในขณะนี้ ต่างฝ่ายชะงักงันไปชั่วขณะด้วยความตื่นตะลึงด้วยกันทั้งสองฝ่าย รูปปั้นที่เพิ่งกลับกลายเป็นมนุษย์ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนจากแท่นหินอย่างช้าๆ ดวงตาสีเลือดยังคงจับจ้องใบหน้างามประหลาดลึกล้ำอยู่เช่นนั้นตลอดเวลา ท่ามกลางกลิ่นหอมของดอกไม้รัญจวนจิตและกระแสลมที่พาดผ่านเรือนกาย จนเส้นผมสีเงินยวงของบุรุษตรงหน้าปลิวสยายต้องสายลม ในขณะที่หญิงสาวค่อยๆ แหงนหน้าขึ้นมองร่างสูงใหญ่ทะมึนในอาภรณ์สีดำนิลกาฬ ครั้นร่างนั้นลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ร่างองอาจผึ่งผายแฝงเร้นอำนาจยิ่งใหญ่ จนทำให้หญิงสาวยืนนิ่งไม่ไหวติงด้วยความตกตะลึงอย่างยิ่งยวด นิ้วยาวเรียวสวยของบุรุษเจ้าของเส้นผมสีเงินยวงค่อยๆ ยกขึ้น ก่อนจะลูบไล้ใบหน้าของนางขึ้นลงเบาๆ ดวงตาสีเลือดยังคงมองดวงหน้างามเฉิดฉายอยู่เช่นนั้น ก่อนจะค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมาบางๆ อย่างพึงพอใจพร้อมเอ่ยถ้อยคำที่เธอมิเคยลืมเลือนไปจากความทรงจำได้เลย “เจ้าเป็นของข้าเยว่วาวา!” เสียงทุ้มนุ่มนวลแต่เต็มไปด้วยอำนาจและแฝงเร้นพลังอันยิ่งใหญ่บอกกับเธอ “เฮือกกก!!!” หญิงสาวสะดุ้งเฮือกจนสุดตัว ร่างงามของแม่สาวน้อยลุกพรวดพราดขึ้นจาก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-03
  • พิศวาส 3000 ปี   เหวลึกพลิกชะตา 1.1

    ประเทศจีนท่าอากาศยานนานาชาติหางโจวเซียวซาน กระเป๋าเดินทางใบเขื่องนับสิบใบถูกลำเลียงลงบนรถเข็นขนาดใหญ่ สัมภาระมากมายของสองสาวเพื่อนคู่ซี้เดินทางจากประเทศสิงคโปร์สู่จีนแผ่นดินใหญ่ อันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนอันแท้จริงของลูกหลานเชื้อสายจีน ถ้านับการมาเยือนประเทศที่ขึ้นชื่อได้ว่ากำลังก้าวขึ้นสู่การเป็นมหาอำนาจในทศวรรษนี้ ไม่มีใครปฏิเสธความยิ่งใหญ่ของจีนได้เลย นับตั้งแต่โบราณกาล จีนเจริญรุ่งเรืองมาอย่างยาวนานนับหลายศตวรรษ นับตั้งแต่สร้างแผ่นดินจากยุคโบราณผ่านการก่อตั้งราชวงศ์มาอย่างต่อเนื่องจนเข้าสู่ระบบการปกครองในรูปแบบคอมมิวนิสต์ แม้จะเป็นการปกครองแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดจากรัฐบาลโดยตรง แต่ประเทศจีนก็มีความสามารถจนพัฒนาตนเองกำลังก้าวขึ้นสู่การเป็นมหาอำนาจ ซึ่งโลกทางตะวันตกเคยครอบครองดั่งเช่นสหรัฐอเมริกา ยังต้องพรั่นพรึงในศักยภาพและการเจริญเติบโตของประเทศนี้ สำหรับสองสาวคู่ซี้อู๋ชิงเหยียนและเฉินวาวา เป็นเพื่อนสนิทมาตั้งแต่เด็ก เติบโตมาด้วยกันเป็นเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงและมาจากครอบครัวที่พ่อแม่ต่างแยกทางกันเดิน สองสาวจึงเป็นมากกว่าเพื่อนและรักกันเหมือนพี่น้อง จะว่าไปแล้วการเดินทางมาจีนแผ่นดิ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-03
  • พิศวาส 3000 ปี   เหวลึกพลิกชะตา 1.2

    เมืองเหิงเตี้ยนHengdian World Studiosโรงถ่ายทำที่เมืองเหิงเตี้ยนถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำซีรีส์ย้อนยุคใหญ่ที่สุดในประเทศจีนและในโลกเลยก็ว่าได้ สถานที่ถ่ายทำในเมืองเหิงเตี้ยนนั้นกว้างใหญ่เท่ากับเมืองหนึ่งในยุคอดีต แต่ละสถานที่ใช้เวลานานนับสัปดาห์กว่าจะไปครบทุกจุด ซึ่งภายในนั้นจะสร้างเป็นเมืองในยุคโบราณทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือนของผู้คนในสมัยโบราณทั้งนี้เพื่อสะท้อนการใช้ชีวิตและความเป็นอยู่ของคนในยุคอดีต ตลอดจนถึงพระราชวังหลวงในสมัยโบราณ วังหลังซึ่งแยกเป็นตำหนักต่างๆ อุทยานหลวง จวนของเหล่าขุนนางและคหบดีผู้ร่ำรวย ตลอดจนถึงสร้างเมืองในยุคเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ ก็อยู่ในโรงถ่ายนี้ด้วยเช่นกัน ทุกอย่างเหมือนจริงดั่งเช่นยุคโบราณไม่มีผิดเพี้ยนและสถานที่ถ่ายทำเหิงเตี้ยนก็ได้เปิดเมืองเพื่อต้อนรับการถ่ายทำซีรีส์เรื่องยาว “นางมารร้ายตำหนักบูรพา” ฝีมือผู้กำกับชื่อดังเกาหยวนจาง ซึ่งได้ฉายาว่าผู้กำกับหมื่นล้าน เพราะลงมือกำกับเรื่องไหนเรื่องนั้นดังเป็นพลุแตก มียอดวิวในระดับหมื่นล้านวิวทุกเรื่อง ส่งผลให้ทัพดารานักแสดงจนถึงตัวประกอบต่างโด่งดังกันทั่วหน้ากองทัพนักข่าวต่างเฝ้ารอทำข่าวซีรีส์เร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-03
  • พิศวาส 3000 ปี   เหวลึกพลิกชะตา 1.3

    “อย่าบ่นเลยวาวา... ตรงกันข้ามแกโคตรสวยเลยว่ะ ขนาดฉันเป็นผู้หญิงแท้ๆ เห็นแกอยู่ในชุดแบบนี้อยากแต่งงานด้วยขึ้นมาทันที ไม่ต้องบอกนะว่า พ่อพระเอกเรื่องนี้พอเห็นแกแล้วจะไม่ตะลึงตาค้าง เห็นว่ากำลังดังมาแรงแซงทางโค้งเลยไม่ใช่เหรอ อายุก็เพิ่งจะยี่สิบห้าเองมันน่า...” ชิงเหยียนกล่าวยังไม่ทันจบก็ต้องเงียบเสียงลงไปทันที เมื่อถูกสายตาพิฆาตของเพื่อนรักกำราบเธอจนดวงตากลมโตแทบจะถลนออกมาเลยทีเดียว ก่อนจะได้ยินเสียงของเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวแทรกขึ้น “คุณวาวาจะไม่หนักได้ยังไงล่ะคะ ก็ในเมื่อมงกุฎหงส์ทำมาจากทองคำแท้ๆ เครื่องประดับของตัวละครหลักของเรื่องนี้โดยเฉพาะวังหลัง มีสปอนเซอร์สนับสนุนเรื่องเสื้อผ้าและเครื่องประดับตลอดทั้งเรื่อง และเครื่องประดับทุกชิ้นที่อยู่บนตัวคุณวาวาได้รับการออกแบบและถูกจัดส่งมาจาก JCS GOLD MASTER บริษัทจิวเอลรียักษ์ใหญ่ที่อยู่ในเครือของ JCS โพรดักชันค่ะ” เจ้าหน้าที่ฝ่ายดูแลเสื้อผ้านักแสดงบอกเธอก่อนจะเอี้ยวตัวพร้อมเปิดกล่องกำมะหยี่หยิบป้ายหยกสีเขียวมรกตยื่นส่งให้หญิงสาว “ป้ายหยกที่จะต้องใช้เข้าฉากค่ะ เป็นหยกจักรพรรดิของแท้นะคะรักษาให้ดี สลักชื่อตัวละครที่คุณวาวาสวมบทบาท สนับสนุ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-03
  • พิศวาส 3000 ปี   เหวลึกพลิกชะตา 1.4

    บริเวณสถานที่เกิดเหตุรถกู้ภัยและรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมทีมค้นหาต่างมารวมตัวกันอย่างคับคั่งเพื่อช่วยเหลือผู้รอดชีวิตจากอุบัติเหตุรถตกเขาในครั้งนี้ ซึ่งรถของทีมงานถ่ายทำเป็นรถตู้วิ่งตามหลังมาจึงเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างตั้งแต่แรกเริ่ม ทำให้มีการแจ้งทีมกู้ภัยและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้อย่างรวดเร็ว และผลจากอุบัติเหตุในครั้งนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตสองศพ เป็นคนขับรถ SUV คนดังกล่าวและบอดี้การ์ดซึ่งนั่งคู่กับคนขับมีผู้รอดชีวิตสามราย ซึ่งล้วนแล้วแต่บาดเจ็บสาหัสและหายสาบสูญหนึ่งรายซึ่งผู้สาบสูญเป็นดาราระดับซูเปอร์สตาร์จากประเทศสิงคโปร์และยังเป็นนักแสดงนำในซีรีส์เรื่องดังที่ทุ่มทุนสร้างกว่าหนึ่งร้อยล้านหยวน ร่างของอู๋ชิงเหยียนค่อยๆ ถูกช่วยขึ้นมาจากชะง่อนผา นำขึ้นเฮลิคอปเตอร์ของทีมกู้ภัยที่เต็มไปด้วยประสบการณ์ ทีมกู้ภัยใช้เวลาในการค้นหาสามวันจึงพบจุดที่รถตกลงไป ทันทีที่พบซากรถและมีผู้รอดชีวิตทางการจีนระดมเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายช่วยเหลือผู้รอดชีวิตอย่างรวดเร็วและสามารถนำผู้รอดชีวิตขึ้นมาจากชะง่อนผาดังกล่าวได้ภายในวันที่สองหลังจากค้นพบ อุบัติเหตุร้ายแรงในครั้งนี้เป็นข่าวดังไปทั่วประเทศและสะเทือนวงการบันเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-03
  • พิศวาส 3000 ปี   เจ้าสาวในชุดขาว 1.1

    ในเวลาต่อมาเวลาผ่านไปนานกว่าหนึ่งชั่วโมง กิ่งไม้แห้งอยู่เต็มอ้อมแขนของหญิงสาว ร่างระหงก้าวเดินไปเรื่อยๆ เพื่อหาทางกลับไปยังจุดเดิมที่เธอตกลงมา ด้วยกลัวว่าหากทีมค้นหาลงมาช่วยจะสามารถพบได้อย่างง่ายดายไม่ต้องเดินหาแต่อย่างใด แต่แล้วในเวลานี้เธอรู้สึกว่ายิ่งเดินทุกอย่างเริ่มแปรเปลี่ยนไม่เหมือนเดิม ทั้งๆ ที่ไม่ได้เดินไปไหนไกลจากจุดเดิมแม้แต่น้อย ก่อนจะแหงนหน้ามองเบื้องบนเมื่อความมืดเข้ามาเยือน “จะมืดแล้วทำไงดีล่ะฉัน จะไปปักหลักอยู่ตรงไหนทำไมยิ่งเดินเหมือนยิ่งห่างไกลจากจุดเดิมด้วยนะ แปลกจัง” หญิงสาวบ่นพึมพำก่อนจะเหลือบไปเห็นชะง่อนผาที่ยื่นออกมาพอที่จะเข้าไปหลบได้ ใบหน้างามคลี่ยิ้มกว้างด้วยความดีใจออกมาทันที เมื่อเห็นสถานที่พอจะใช้หลบและหลับนอนได้ในคืนนี้ “เข้าไปหลบในนี้ก่อนแล้วกัน!” หญิงสาวกล่าวพร้อมเดินตรงไปเบื้องหน้าทันที เพียงไม่นานกองไฟก็ปรากฏขึ้นท่ามกลางความมืดมิดที่แผ่เข้ามาปกคลุมโดยรอบ ทั่วบริเวณมืดสนิทไม่สามารถมองเห็นแม้แต่เงาของต้นไม้ด้านนอกแม้แต่น้อย แสงสว่างจากกองไฟสะท้อนเงาของเฉินวาวาในชุดเจ้าสาวทาบทับลงบนผนังหินผา ในขณะที่เจ้าตัวนั่งสัปหงกอยู่ที่พื้นด้วยความเหนื่อย “โฮกกก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-03
  • พิศวาส 3000 ปี   เจ้าสาวในชุดขาว 1.2

    ฉับพลัน! หินศิลารูปไฟอัคคีหลุดติดมือของหญิงสาวออกมาทันใด “เฮ้ยยย!!!” วาวาอุทานออกมาได้เพียงแค่นั้นหินศิลารูปไฟอัคคีหลุดตกมาอยู่ในอุ้งมือของหญิงสาว ก่อนจะพุ่งทะยานตรงเข้าสถิตกลางหน้าผากของเธอโดยพลัน เปล่งแสงสว่างสีแดงสาดแสงอยู่บนกลางหน้าผาก ก่อนจะเลือนหายไปเพียงชั่วพริบตา เหลือเพียงรอยปานคล้ายหยดน้ำเข้ามาแทนที่ พร้อมการเปลี่ยนแปลงปรากฏขึ้นกับเฉินวาวาใบหน้างามลึกล้ำปรากฏเส้นเลือดสีแดงแผ่ขยายดังเถาวัลย์ป่าเลื้อยขึ้นเต็มดวงหน้างามเต็มไปหมด ก่อนจะลามเลียลงไปถึงลำคอขาวผ่องและค่อยๆ แผ่กระจายไปทั่วเรือนร่างงาม มองแล้วช่างน่าสะพรึงกลัวเสียนี่กระไร เป็นผลจากไฟอัคคีย้ายไปสถิตอยู่ภายในร่างของเธอ ท่ามกลางความตกตะลึงของหญิงสาว ร่างระหงถูกตรึงอยู่กับที่มิอาจขยับเขยื้อนกายได้แม้แต่น้อย ในขณะที่หินศิลาที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวตรงหน้าเริ่มแปรเปลี่ยนต่อหน้าต่อตาให้เธอได้เห็นจากก้อนหินตั้งโดดเดี่ยวค่อยๆ กลับกลายเป็นมนุษย์ขึ้นมาโดยพลัน หินศาลาค่อยๆ มลายเลือนหายไปอย่างช้าๆ พร้อมร่างบุรุษเข้ามาแทนที่ อาภรณ์สีนิลกาฬพร้อมเกศาสีเงินยวงปล่อยยาวสยายเริ่มปรากฏให้เห็นทีละน้อยและคืนสภาพกลับมาเป็นมนุษย์ดั่งเดิม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-03
  • พิศวาส 3000 ปี   โจวชินซาง 1.1

    แคว้นเทียนโจวรัชสมัยโจวเฉินกงฮ่องเต้อาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล อุดมสมบูรณ์ไปด้วยที่ราบลุ่ม สามารถเพาะปลูกได้พืชผลทางการเกษตรเป็นอย่างดี พื้นดินอุดมสมบูรณ์ปลูกอะไรก็ออกดอกผลมากมาย เทือกเขาน้อยใหญ่เต็มไปด้วยป่าดงดิบ แม่น้ำสายใหญ่ไหลผ่านเป็นภูมิประเทศที่ถือได้ว่าหายากอย่างยิ่งยวด เป็นพื้นที่มหามงคลเพราะด้วยมังกรทั้งตัวสถิตอยู่ในแคว้นเทียนโจว ก่อให้เกิดพื้นที่สวยงามและสภาพอากาศที่เหมาะสม อากาศหนาวจัดด้วยหิมะปกคลุมก็มีระยะเวลาเพียงแค่สี่เดือนเท่านั้นไม่ยาวนานดั่งเช่นแคว้นอื่นๆ พากันประสบและด้วยเพราะความสมบูรณ์ของแคว้นเทียนโจว จึงเป็นสาเหตุทำให้แคว้นน้อยใหญ่ต้องการยึดครองเอามาเป็นของตน พืชผลมหาศาล พื้นที่ทางการเกษตรเป็นอู่ข่าวอู่น้ำเลยทีเดียว มิหนำซ้ำยังอุดมไปด้วยสายแร่ทองคำและเหมืองหยกชั้นดี ความสมบูรณ์ของแคว้นกลับเป็นดาบสองคมที่ทำให้เผชิญปัญหากับสงครามที่แคว้นอื่นต้องการแย่งชิงดินแดนแคว้นเทียนโจวในเวลานี้ถูกแคว้นฉู่ที่เป็นแคว้นพื้นบ้าน บุกประชิดชายแดนตีเมืองในอาณาเขตของแคว้นเทียนโจวไปแล้วถึงห้า เมือง โจวเฉินกงฮ่องเต้ มีพระบัญช

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-04

บทล่าสุด

  • พิศวาส 3000 ปี   เจ้าสาวจากแคว้นฉู่ 1.4

    ฟางหยางฮ่องเต้ทรงคิดหาวิธีที่จะทดสอบความจงรักภักดีของพระอนุชาขึ้นมาทันที ก่อนจะนึกวิธีทดสอบที่พระองค์เคยมองข้ามนั่นก็คือสมรสพระราชทานนั่นเอง เป็นวิธีที่สามารถทำให้พระองค์หยั่งรู้ว่าพระอนุชาจงรักภักดีด้วยใจจริงหรือไม่ “ถ้าเช่นนั้นก็ดี! ไหนๆ ก็พำนักอยู่ในวังหลวง อีกทั้งเจ้าเองก็อายุเข้าสู่ปีที่ยี่สิบเก้าแล้ว จนถึงป่านนี้ยังไม่ยอมอภิเษกสมรสมีพระชายาเสียที มิสู้ให้ข้าช่วยจัดการหาองค์หญิงจากต่างแคว้นที่เดินทางมาแต่งงานตามสัญญาสงบศึกให้เจ้าได้มีพระชายาดั่งเช่นผู้อื่นบ้างมิดีหรือไร เจ้ามัวแต่ทำศึกสงครามจะหาเวลาใดพึงใจสตรีได้จริงหรือไม่” ฟางหยางฮ่องเต้เริ่มต้นแผนการทันที “จริงด้วยพ่ะย่ะค่ะเสด็จอา ตอนนี้หลานๆ ทั้งหมดของพระองค์ที่ถึงวัยแต่งงานต้องรับพระราชทานองค์หญิงเหล่านั้นมาเป็นพระชายา จนตอนนี้ตำหนักแน่นไปหมดแล้ว เสด็จอามาประทับอยู่เช่นนี้มิสู้รับองค์หญิงจากต่างแคว้นไปเป็นพระชายาบ้างหรือพ่ะย่ะค่ะ เป็นการแบ่งเบาภาระเสด็จพ่อไปพร้อมกันด้วย” องค์รัชทายาทรับสั่งสนับสนุนตามประสาซื่อโดยมิล่วงรู้อะไรแม้แต่น้อย และถ้อยรับสั่งขององค์รัชทายาทสร้างความพึงพอพระทัยให้แก่ฟางหยางฮ่องเ

  • พิศวาส 3000 ปี   เจ้าสาวจากแคว้นฉู่ 1.3

    พระราชวังหลวงเทียนฮุยภายในท้องพระโรง ท้องพระโรงขนาดใหญ่ถูกสร้างขึ้นและออกแบบอย่างสวยงาม เป็นหน้าเป็นตาของแคว้นเทียนโจว เหมืองแร่ทองคำและเหมืองหยก ทำให้เทียนโจวมั่งคั่งและร่ำรวยกว่าแคว้นอื่นๆ การสรรสร้างพระตำหนักต่างๆ จึงเต็มไปด้วยศิลปะเฉพาะของแคว้น ทองคำและหยกสูงค่าจึงถูกนำมาประดับประดาภายในท้องพระโรงเพื่อประกาศศักดาและความยิ่งใหญ่ที่ต่างแคว้นล้วนริษยาในความอุดมสมบูรณ์และมั่งคั่งของเทียนโจวเป็นยิ่งนัก ในยามนี้เป็นเวลาที่โจวฟางหยางฮ่องเต้ ทรงออกว่าราชการตามปกติ ฮ่องเต้หนุ่มฉกรรจ์ในพระชนมายุสี่สิบพรรษา ยังคงหนุ่มแน่นและมีพระสิริโฉมคมคายถอดแบบมาจากหวงไทเฮาพระมารดา ซึ่งพระองค์เป็นพระโอรสองค์ใหญ่ประสูติจากฮองเฮา และมีพระอนุชาต่างพระมารดาประสูติจากพระสนมระดับฟูเหรินด้วยกันอีกสี่พระองค์ ซึ่งเดิมทีพระอนุชาทั้งสี่ คือองค์ชายรอง องค์ชายสามสิ้นพระชนม์ไปตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ส่วนองค์ชายห้าเพิ่งจะสิ้นพระชนม์เมื่อห้าปีก่อน ส่วนองค์ชายสี่โจวชินซางหายสาบสูญไปพร้อมกับพระมารดาตั้งแต่ทรงมีชันษาได้เพียงหกเดือน แต่แล้วจู่ๆ องค

  • พิศวาส 3000 ปี   เจ้าสาวจากแคว้นฉู่ 1.2

    องครักษ์ลู่เหอรีบลุกออกจากที่นั่งดังกล่าวทันทีพร้อมถวายคำนับองค์หญิงของตนเป็นการขออภัย “ผ่านด่านแล้วพ่ะย่ะค่ะองค์หญิง” ลู่เหอกล่าวพร้อมเงยหน้าขึ้นมององค์หญิงของตนทันที แต่แล้วกลับต้องหยุดชะงักเมื่อสายตาเห็นพระพักตร์งดงามลึกล้ำอย่างแปลกประหลาดขององค์หญิงเยว่วาวาไร้สิ้นรอยอัปลักษณ์ที่เห็นอยู่เป็นประจำแต่อย่างใดปรากฏอยู่ตรงหน้าในขณะนี้ องครักษ์หนุ่มได้แต่นั่งนิ่งอยู่เช่นนั้นไม่ขยับเขยื้อนกายแม้แต่น้อย จนเฉินวาวาผิดสังเกต “ลู่เหอ! ลู่เหอ! นี่เจ้าเป็นอะไร ทำไมถึงจ้องหน้าข้าแบบนี้” หญิงสาวถามกลับไปด้วยความแปลกใจพลางยกมือขึ้นจับใบหน้าของเธอ “นี่เจ้าอย่าบอกนะว่ายังไม่ชินกับรอยอัปลักษณ์ที่อยู่บนหน้าข้า อันที่จริงก็เห็นจนชินตาแล้วไม่ใช่เหรอ” หญิงสาวถามกลับไปก่อนจะได้ยินเสียงขององครักษ์ลู่เหอตอบกลับมา “มะ... ไม่ชินพ่ะย่ะค่ะ… พระพักตร์ขององค์หญิงตอนนี้มะ... ไม่มีรอยอัปลักษณ์แล้ว” “หา!” เฉินวาวาอุทานเสียงหลงขึ้นมาทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้น มือเรียวยกขึ้นจับใบหน้าของเธอไปโดยรอบ ก่อนจะหันซ้ายหันขวาเพื่อหาสิ่งที่จะสามารถสะท้อนเงาแทนกระจกสัมฤทธิ์และสิ่งที่มาแทน

  • พิศวาส 3000 ปี   เจ้าสาวจากแคว้นฉู่ 1.1

    5 วันผ่านไปเมืองหลวงเทียนฮุย (เมืองหลวงตะวันออก)รถม้าขนาดบรรจุคนได้ประมาณสามสี่คนกำลังยืนรอการตรวจค้นเพื่อผ่านเข้าประตูเมืองเทียนฮุย อันเป็นเมืองหลวงตะวันออกและเป็นเมืองหลวงเอกของแคว้นเทียนโจว เฉินวาวาในขณะนี้สวมบทบาทเป็นหญิงสามัญชนกำลังอุ้มท้องอายุครรภ์เจ็ดเดือนนั่งอยู่บนรถม้าพร้อมด้วยองครักษ์ลู่เหอซึ่งสวมบทบาทเป็นสามีจำเป็นของเธอใบหน้าขององครักษ์ลู่เหอซึ่งติดหนวดปลอมนั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับองค์หญิงของตน ในขณะที่เฉินวาวายังคงสวมหน้ากากทองคำปิดบังใบหน้าของเธอเอาไว้ตลอดเวลา“เออ...องค์หญิงทรงเล่นพิเรนทร์อะไรเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ ให้กระหม่อมแสร้งเป็นพระสวามีหากฮ่องเต้ของเทียนโจวล่วงรู้หัวต้องหลุดออกจากบ่าเป็นแน่แท้ ทรงคิดอะไรอยู่... บอกได้ไหม” ลู่เหอบ่นรำพึงรำพันเฉินวาวาที่กำลังใช้พัดที่ถืออยู่ในมือโบกไปมาเพื่อคลายความร้อนในขณะนั้นอย่างสบายใจเฉิบ มีอันต้องหุบพัดดังกล่าวลงทันที“เพียะ!” เสียงพัดกระทบเข้ากับหน้าขาขององครักษ์หนุ่มจนตัวลีบตัวงอเข้าหากันทันใดด้วยความกลัว“ทำไมจะต้องคิ

  • พิศวาส 3000 ปี   เย่ววาวา 1.2

    โรงเตี๊ยมอาชาตัวมหึมาห้อตะบึงมาอย่างสุดฝีเท้า ติดตามด้วยกองทหารอารักขานับสิบนาย เสียงฝีเท้าม้าดังกระหึ่มมาตลอดเส้นทางสายหลักเมื่อม้าจำนวนหลายสิบตัวกำลังวิ่งมุ่งหน้าไปทางถนนใจกลางเมืองซึ่งเป็นสถานที่จัดงานเทศกาลลอยโคมประทีปที่เพิ่งจะสิ้นสุดลงก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงบริเวณหน้าโรงเตี๊ยมที่ยังเปิดให้บริการในขณะนั้นพระวรกายสูงใหญ่ทะมึนของจอมมารเสด็จลงจากหลังม้าอย่างรวดเร็ว พระพักตร์หล่อเหลาปราศจากหน้ากากทองคำปิดบังอำพรางแต่อย่างใด ด้วยทรงรีบร้อนเสด็จออกมาจากจวนเพื่อติดตามเยว่วาวาของพระองค์ พระวรกายใหญ่พระดำเนินเข้าไปภายในโรงเตี๊ยมดังกล่าวในขณะที่ชั้นล่างยังเต็มไปด้วยชาวเมืองที่มาเปิดห้องพักค้างคืนและดื่มกินอาหารอยู่ชั้นล่างเต็มทุกโต๊ะ“ชินอ๋องเสด็จ!!!” เสียงทหารอารักขาตะโกนออกมาเป็นทอดๆ ก่อนจะกระจายกำลังแยกย้ายกันค้นหาไปทั่วพระวรกายสูงใหญ่ทะมึนสวมอาภรณ์สีนิลกาฬก้าวเข้ามาภายในโรงเตี๊ยมดังกล่าวทันที ท่ามกลางสายตาของชาวเมืองเทียนจิ้นและต่างแคว้นที่ได้มีโอกาสพานพบพระพักตร์ที่แท้จริง แต่ละคนตกตะลึงอ้าปากค้างกันทุกคนก่อนจะรีบพากันลงนั่งคุก

  • พิศวาส 3000 ปี   เย่ววาวา 1.1

    ยามห้ายบริเวณหน้าโรงเตี๊ยมร่างสูงตระหง่านของจอมมารหนุ่มกับหนุ่มน้อยเสี่ยววาวา บัดนี้มาหยุดยืนอยู่ตรงทางเข้าด้านหน้าของโรงเตี๊ยม ภายหลังที่ทั้งสองเดินเที่ยวชมงานจนย่างเข้าสู่ยามห้ายใกล้จะถึงเวลาที่งานเทศกาลจะจบสิ้นลง ครั้นเมื่อถึงเวลาที่จะกล่าวคำอำลาจริงๆ คนที่รู้สึกใจหายกลับเป็นองค์จอมมารที่ยืนทอดพระเนตรหนุ่มน้อยสหายใหม่ที่เพิ่งรู้จักอยู่ในขณะนี้“ถ้าหากเจ้าไม่รีบกลับพรุ่งนี้ข้าจะมาหาที่โรงเตี๊ยมเพื่อส่งเจ้าเดินทางกลับแคว้นอย่างปลอดภัย” รับสั่งด้วยความเป็นห่วงพร้อมยื่นบางอย่างส่งให้เฉินวาวาท่ามกลางความแปลกใจของเธอก่อนจะยื่นมือรับเอาไว้อย่างงงๆป้ายทองสลักตัวอักษรนำหน้าว่า ชิน ของพระองค์ยื่นส่งให้หญิงสาวเก็บไว้ติดตัว“นี่คือของที่ระลึกจากข้าเก็บเอาไว้ติดตัว ยามใดที่เจ้าต้องการความช่วยเหลือให้แสดงป้ายทองนี้ออกมา แล้วเจ้าจะได้รับการช่วยเหลือจากข้าและคนของข้าทันที” รับสั่งอธิบายกลับไป“โอ้โฮ! ของสำคัญขนาดนี้ท่านให้ข้าเก็บติดตัวไว้ทำไม เหตุใดจึงไม่เก็บไว้กับตัวเองล่ะพี่ชาย”

  • พิศวาส 3000 ปี   คำสัญญา 1.4

    เพียงครู่จอมมารชินซางและเฉินวาวามาหยุดยืนอยู่ริมแม่น้ำ อันเป็นสถานที่ซึ่งนิยมพากันมาปล่อยโคมประทีปที่แม่น้ำ เพื่อขอพรได้สมดั่งใจหวัง อีกทั้งเห็นพระจันทร์กลมโตได้อย่างชัดเจน โคมประทีปค่อยๆ ถูกจุดจากอุปกรณ์ที่ได้มาพร้อมกับโคมประทีปเตรียมพร้อมที่จะปล่อยขึ้นท้องฟ้าเบื้องบน“พี่ชายอธิษฐานเลยสิ! ท่านกำลังตามหาคนรักอยู่มิใช่เหรอ อธิษฐานแล้วท่านจะได้ปล่อยโคมออกไป” หญิงสาวบอกจอมมารที่ทรงยืนฟังเธอด้วยความแปลกพระทัย“เจ้าซื้อโคมประทีปนี้ให้ข้าอธิษฐานอย่างนั้นเหรอเสี่ยววาวา ข้านึกว่าเจ้าจะปล่อยเองเสียอีก” รับสั่งถามกลับไป“โคมประทีปนี้เป็นของท่าน ข้าแค่อำนวยความสะดวกและมาเป็นเพื่อนเฉยๆ รู้ไหมอธิษฐานเรื่องความรักและลอยโคมประทีปไปด้วยต่อหน้าพระจันทร์ คำอธิษฐานเป็นจริงนะพี่ชาย ไม่เชื่ออย่าลบหลู่” หญิงสาวใช้คำปัจจุบันสอดแทรกออกมาตลอดจอมมารทรงยืนทอดพระเนตรเด็กหนุ่มตรงพระพักตร์สลับทอดพระเนตรโคมประทีป ก่อนจะเอื้อมพระหัตถ์จับมือเรียวสวยของสหายน้อยให้จับโคมประทีปพร้อมกับพระองค์“ถ้าเช่นนั้นเจ้ากับข้ามาอธิษฐานพร้อมกันเถอะหลังจากนั้นจะได้

  • พิศวาส 3000 ปี   คำสัญญา 1.3

    พระองค์ส่ายพระเศียรไปมาติดๆ กันพร้อมเปล่งเสียงพระสรวลออกมาเบาๆ กับท่าทางดังกล่าวของสหายน้อยมือเรียวของหญิงสาววางถ้วยชาลงทันทีพร้อมเปล่งเสียงหัวเราะร่วนเลยทีเดียว“แหม... พี่ชายท่านช่างมีอามรณ์ขันเสียจริง ปกติคนเราไม่ว่าสตรีหรือบุรุษถ้าไม่มีอะไรผิดปกติบนใบหน้าจะปิดบังอำพรางความงดงามหรือความหล่อเหลาของตนเอาไว้ทำไมจริงไหม คนที่ใช้หน้ากากปิดบังใบหน้าตัวเองก็มีอยู่แค่สองประเภทเท่านั้นแหละ” เฉินวาวากล่าวแสดงความคิดเห็น“อย่างไรรึ! เจ้าคาดเดาออกอย่างนั้นหรือว่าข้ามีสาเหตุอื่นอีกที่ใช้หน้ากากปิดบังอำพรางใบหน้าของตัวเอง” รับสั่งถามหยั่งเชิงกลับไป“ข้าก็พอจะเดาได้คร่าวๆ บ้างหรอกนะพี่ชาย ประเภทแรกคืออัปลักษณ์ ขี้เหร่เกินคำบรรยายไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใดก็ตามทีเถอะเช่นข้าเป็นต้น จึงจำเป็นต้องใช้หน้ากากอำพรางใบหน้าของตัวเองเพื่อมิให้กลายเป็นจุดสนใจของผู้คนรอบข้าง” หญิงสาวกล่าวอธิบายอย่างชัดถ้อยชัดคำ“และกับอีกประเภทยกตัวอย่างพี่ชายก็แล้วกัน สาเหตุที่ท่านสวมหน้ากากนอกจากต้องการปิดบังความหล่อเหลาดั่งคำที่ท่านว่าแล้ว ซึ่งเป็นไป

  • พิศวาส 3000 ปี   คำสัญญา 1.2

    ในขณะที่ใบหน้าซีกซ้ายถูกหญิงสาวนำเครื่องสำอางในยุคปัจจุบันที่ติดตัวมาด้วยทาหน้าจนสีเข้มขึ้นจากผิวจริง พร้อมทำรอยจุดด่างดำไปทั่วบริเวณราวกับว่าเป็นช่างเมกอัปมืออาชีพที่สามารถสรรสร้างใบหน้าให้ออกมาแบบไหนก็ได้ ผิวหน้านวลเนียนขาวอมชมพูของวัยสาวมลายหายไปสิ้นคงเหลือเพียงใบหน้าที่มีแต่รอยจุดด่างดำเต็มไปหมด รวมไปถึงบริเวณลำคอที่มีรอยไฟอัคคีก็ถูกหญิงสาวใช้ครีมรองพื้นในยุคปัจจุบันทาทับกลบจนไม่เห็นร่องรอยแต่อย่างใดไม่สามารถปรากฏร่องรอยให้จอมมารชินซางได้ทอดพระเนตรแม้แต่น้อยพระเนตรสีนิลกาฬชะงักงันไปชั่วขณะเมื่อหนุ่มน้อยร่างบอบบางสวมหน้ากากทองคำซ่อนเร้นใบหน้าอันแท้จริงเฉกเช่นเดียวกับพระองค์ จอมมารเฝ้าทอดพระเนตรเสี่ยววาวาหนุ่มน้อยที่พระองค์ทรงเพิ่งรู้จักด้วยความสงสัยอย่างยิ่งยวดเมื่อได้ทรงทอดพระเนตรหน้ากากทองคำที่มีลักษณะเดียวกับพระองค์แตกต่างตรงที่ลวดลายสลักเท่านั้นสายพระเนตรจับจ้องที่ใบหน้าของเสี่ยววาวาที่กำลังก้มหน้าก้มตากินบะหมี่ตรงหน้าด้วยความหิวโหย ชนิดที่ว่าไม่เงยหน้าขึ้นมองผู้คนรอบข้างแม้แต่น้อย หากเธอแหงนหน้ามองขึ้นมาสักนิดจะต้องพบสายพระเนตรที่กำลังทอดพระเนตรเธอด้วยความแ

DMCA.com Protection Status