“คุยกับใครอยู่เหรอกันต์” เสียงหวานถามขึ้นเมื่อเดินเข้ามาในห้องแล้วเห็นกันต์ธีร์เพิ่งวางโทรศัพท์ลงข้างลำตัว
“พาลินน่ะครับ”
“รุ่นน้องคนนั้นเหรอ”
“ใช่ครับ เขามีปัญหานิดหน่อยก็เลยต้องโทรมาปรึกษาครับ”
“ดูเหมือนกันต์สนิทกับน้องเขามากเลยนะ มีอะไรมากกว่านั้นที่พี่ไม่รู้หรือเปล่า”
“ไม่มีอะไรหรอกครับพี่อร ผมก็แค่สงสารครับ เขาอยู่ตัวคนเดียวพ่อแม่ก็ตายหมด มีอะไรที่ช่วยเหลือได้ผมก็อยากช่วยครับ”
“ไม่ใช่ว่าแอบคบกันลับหลังพี่นะกันต์”
“แค่น้องจริงๆ ครับ เขาเป็นผู้ชายผมก็ผู้ชายนะครับ พี่อรอย่าคิดมากเลยนะครับ” กันต์ธีร์ดึงรุ่นพี่เข้ามากอด สูดความหอมจากกายสาวด้วยความหลงใหล
“ถึงจะเป็นผู้ชายด้วยกันพี่ก็ไม่ชอบให้กันต์ไปสนิทแบบนั้น เกิดน้องเขาไม่ได้คิดว่ากันต์เป็นแค่รุ่นพี่ละ”
“เรื่องของเขาสิครับ สำหรับผมเขาคือน้อง”
“แล้วพี่ล่ะเป็นอะไรสำหรับกันต์”
“พี่อรเป็นทุกอย่างของผม ถ้าไม่มีพี่อรผมคงอยู่ไม่ได้แน่ๆ เลย”
“ทำมาเป็นปากหวานนะ”
“ก็หวานกับพี่อรคนเดียวครับ” กันต์ธีร์ยืนยันคำพูดของตนเองด้วยการประจบจูบลงไปอย่างเร่าร้อน อีกคนก็ตอบรับอย่างถึงใจ
กันต์ธีร์มอบความสุขให้กับรุ่นพี่จนเธอได้แต่ร้องครวญครางอย่างสุขสม
ความสัมพันธ์ของคนทั้งสองเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เดือนแรกที่ชายหนุ่มเข้ามาทำงานที่นี่ ความเร่าร้อนของอรณิชาทำให้กันต์ธีร์ไม่คิดจะกลับไปหาพาลินอีกเลย แต่ที่ยังติดต่อก็ยังเห็นว่าชายหนุ่มรุ่นน้องพอจะมีประโยชน์อยู่บ้าง อย่างน้อยก็มีเงินให้เขาหยิบยืมเวลาที่เงินขาดมือ
แต่ก่อนคิดว่าตัวเองคงรักใครไม่ได้อีกแล้วนอกจากพาลิน แต่มาเจอรุ่นพี่คนสวยเขาก็เปลี่ยนใจในทันที
อรณิชาทั้งสวยและฉลาด และยังเป็นถึงหลานสาวของประธานบริษัท ถ้าเขาปล่อยผู้หญิงคนนี้หลุดมือไปก็คงจะโง่เต็มที
กันต์ธีร์เดินมาสูบบุหรี่ที่ระเบียงห้องนอน มองเงินในบัญชีแล้วก็ยิ้ม ถึงแม้เขาจะทำงานและมีเงินเดือนแล้วแต่เพราะช่วงนี้ชายหนุ่มมักพารุ่นพี่ไปทานอาหารตามร้านหรู อยู่บ่อยๆ เงินจึงขาดมือไปบ้าง แม้ว่าอรณิชายินดีจะเป็นคนจ่ายแต่เขาก็ไม่อยากให้เธอมองว่าเขากำลังเอาเปรียบเธอ
ชายหนุ่มคิดไปไกลกว่านั้น ช่วงนี้เขาจึงเป็นฝ่ายลงทุนก่อนเพราะมองเห็นอนาคตว่าตนเองจะสุขสบายแค่ไหน
พรุ่งนี้หลังเลิกงานแล้วเขาคิดว่าจะพาอรณิชาไปเที่ยวหัวหินและค้างที่นั่นสักคืน ไม่ใช่เพราะอยากไปเที่ยวแต่กลัวว่าพาลินจะมาหาที่คอนโด
กันต์ธีร์ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนเห็นแก่ตัว แต่มีใครบ้างที่ไม่เป็นแบบนี้ ทุกคนก็รักตัวเองกันทั้งนั้น
เขามองไม่เห็นอนาคตของตัวเอง ถ้าหากยังคบกับหนุ่มรุ่นน้องอยู่แม้ที่ผ่านมาจะมีความสุข แต่มันเป็นความสุขของเขาเพียงคนเดียว เพราะทางบ้านของเขายังไม่รู้เรื่องนี้และกันต์ธีร์ก็คิดว่าคงไม่มีใครรับได้
ครอบครัวของเขาค่อนข้างหัวโบราณและมักจะพูดเสมอว่าเขาเป็นลูกผู้ชายคนเดียวในบ้าน เป็นหลานชายคนเดียวของตระกูลและอยากให้เขาหาผู้หญิงที่เหมาะสมเพื่อสร้างครอบครัว รวมถึงอยากให้เขามีลูกชายไว้สืบสกุล
ชายหนุ่มบล็อกเบอร์โทรของพาลิน เขาไม่อยากรับสายของแฟนหนุ่มในช่วงที่เขาอยู่กับผู้หญิงอีกคน เรื่องความสัมพันธ์ในอดีตกันต์ธีร์จะให้อรณิชาหรือใครอื่นในบริษัทรู้ไม่ได้
เช้านี้พาลินตื่นเช้ากว่าทุกวัน เขาโทรหากันต์ธีร์จะถามว่าเรื่องรถเป็นยังไงบ้างเรียบร้อยดีไหม แต่ก็ติดต่อไม่ได้ แล้วก็โล่งใจเมื่อเห็นเขาส่งอีเมลมาบอกว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีและกำลังเดินทางไปไซต์งานและอาจจะติดต่อไปได้อีกพักใหญ่เพราะที่นั่นค่อนข้างอับสัญญาณ ถ้าพาลินอยากติดต่อก็ให้ใช้การส่งอีเมลแทน
หลังจากจัดการตัวเองแล้วพาลินก็ไปทำงานอย่างเคย วันนี้รุ่นพี่ที่ทำงานด้วยกันเอาบัตรเข้างานมอเตอร์โชว์มาให้พาลินตามที่ชายหนุ่มเคยพูดไว้
“อยากไปไม่ใช่เหรอ”
“ครับพี่มิริน”
“เหมือนไม่ดีใจเลยนะพาลิน”
“ผมไม่แน่ใจว่าคนที่อยากไปด้วยจะกลับมาทันไหม งานเริ่มสัปดาห์หน้าใช่ไหมครับ”
“จ้า ถ้าคนที่อยากไปด้วยเขาไม่ว่างก็ไปกับคนอื่นสิ ไม่เห็นเป็นไรเลย ไปกับเจมส์ไหมล่ะ พี่ได้ยินว่าเขาก็อยากไปอยู่เหมือนกันนะ”
“ไม่ดีกว่าครับ” พาลินไม่กล้าไปกับหุ้นส่วนโรงเรียนอย่างแน่นอน เขาคงทำตัวไม่ถูกแน่ๆ
ชายหนุ่มเก็บบัตรสองในลงกระเป๋าโดยสอดไว้กับสมุดโน้ตเล่มเล็กที่ด้านในเป็นแผนการสอนที่เขาเตรียมให้กับเบจิง
พอถึงเวลาเลิกงานเขาก็มายังบ้านของเบจิง วันนี้เด็กชายไม่ค่อยร่าเริงเท่าไหร่
“เบจิงครับ ทำไมวันนี้ไม่ดีใจเลยที่พี่ลินมา ไม่อยากเรียนด้วยกันแล้วเหรอครับ หรือพี่ลินสอนไม่สนุก”
“พี่ลินสอนสนุกค้าบ”
“แล้วเป็นอะไรล่ะครับ บอกพี่ได้นะ”
“เบจิงไม่อยากไปโรงเรียนใหม่”
“ทำไมล่ะครับพี่ได้ยินมาว่าที่โรงเรียนใหม่ มีเพื่อนเยอะเลย มีของเล่นชิ้นใหญ่ ขนมก็อร่อยมากๆ ด้วยนะครับ”
“มีขนมด้วยเหรอครับ” เด็กชายดีใจเพราะอยู่โรงเรียนเดิมไม่ค่อยทานขนมส่วนใหญ่อาหารว่างเป็นผลไม้เสียมากกว่า
“ครับ พี่ลินได้ยินมาแบบนั้น แต่ไม่รู้จริงไหม อันที่จริงก็อยากเข้าไปเรียนโรงเรียนแบบนั้นเหมือนกันครับ”
“พี่ลินไปเรียนกับเบจิงไหมครับ เบจิงจะบอกคุณแม่ให้” พอได้ยินว่าคุณครูจะไปเรียนด้วยเด็กน้อยก็ดีใจจนหน้าบาน
“ไม่ได้หรอกครับ พี่ลินโตแล้วโรงเรียนเขาไม่ให้คนโตไปเรียนครับ เขาให้แต่เด็กๆ ไปเรียนครับ พี่เลยอยากให้เบจิงไปเรียนแล้วก็กลับมาเล่าให้พี่ลินฟังว่าเป็นยังไงบ้าง เบจิงทำได้ใช่ไหมครับ”
“ทำได้ครับ เบจิงจะไปโรงเรียนใหม่ แล้วจะกลับมาเล่าให้พี่ลินฟังนะครับ”
“ดีมากครับ ถ้าอย่างนั้นวันนี้เราไปเรียนกันดีกว่า เตรียมตัวสำหรับโรงเรียนใหม่เพื่อนใหม่ เบจิงว่าดีไหมครับ”
“ดีครับ เบจิงไปเรียนแล้วนะครับคุณแม่”
แพรรดาเห็นลูกชายร่าเริงก็เบาใจ วันนี้เธอเลิกงานเร็วกว่าทุกวัน เลยมีเวลาให้กับลูกชาย แต่ไม่คิดว่าการบอกเรื่องโรงเรียนใหม่จะทำให้เด็กชายต่อต้าน
เธอกำลังคิดไม่ตกว่าจะทำยังไงเบจิงถึงยอม แต่ไม่คิดว่าพาลินพูดแค่ไม่กี่คำเด็กชายก็ยอมแต่โดยดี
ตั้งแต่พาลินมาช่วยสอนเบจิงถึงวันนี้ก็เกือบจะสองเดือนแล้ว นับว่าเป็นคุณครูที่อยู่กับลูกชายของเธอนานกว่าคนไหน ที่ผ่านมาเธอเปลี่ยนครูมาแล้วก็หลายคน
ไม่มีใครทนความแสบของลูกชายเธอได้นานเท่ากับพาลินเลย ถ้าหากพาลินเรียนจบและเขาได้ทำงานประจำเธอก็ยังมองไม่ออกแล้วว่าจะหาใครที่เข้าใจและรักเบจิงได้เหมือนกับพาลิน
“พี่แพร วันนี้กลับบ้านเร็วนะครับ” เสียงทักทายของน้องชายดังมาก่อนที่เจ้าตัวจะเดินเข้านั่งลงข้างๆ พี่สาว
“จ้ะ วันนี้งานไม่ยุ่งเท่าไหร่ แล้วเราล่ะ มีธุระอะไรหรือเปล่า มาบ้านพี่สามวันติดๆ แล้วนะ” แพรรดาพอเดาออกว่าน้องชายของตนเองกำลังสนใจคุณครูของเบจิงอยู่
“ไม่มีธุระมาไม่ได้เหรอครับ”
“มาได้สิ แต่พักนี้มันแปลก พี่รู้นะว่าคิดอะไรอยู่”
“ผมไม่ได้คิดอะไรเลย”
“เอาความจริงสิโดม ชอบเหรอ”
“ครับ แต่ก็ได้แค่ชอบครับ เขามีแฟนแล้ว”
“รู้ว่าเขามีแฟนแล้วจะมาทำไมบ่อยๆ” แพรรดาไม่อยากให้น้องชายของตนเองเป็นมือที่สามของใคร
“พี่แพรครับ ผมไม่ได้คิดจะแย่งคนรักของใครเลยผมก็แค่อยากคุยกับเขา อยากไปส่งเขาก็แค่นั้นเอง”
“แล้วเขารู้ไหมว่าเราชอบเขา”
“ไม่หรอกครับเด็กนั่นซื่อบื้อจะตาย”
“ไปว่าเขาอย่างนั้นได้ยังไง”
“ก็จริงนี่ครับ ทั้งซื่อบื้อทั้งซุ่มซ่ามเมื่อวานผมแค่บีบแตรเรียกตกใจจนล้มไปในพุ่มดอกเข็มที่เลยครับ” ดลธรรมนึกภาพเมื่อวานแล้วก้หัวเราอย่างอารมณ์ดี
“ตายจริง แล้วเจ็บมากไหม”
“ไม่หรอกครับแค่แผลถลอก ผมสงสารเลยขับรถไปส่ง หอเขาอยู่ใกล้ๆ คอนโดครับ”
“พี่ไม่รู้เลยว่าพาลินต้องเดินออกไปขึ้นรถที่หน้าปากซอย”
“แต่ก่อนแฟนเขาคงมารับครับ แต่ช่วงนี้เขาบอกว่าแฟนไม่ว่าง”
“อย่าคิดจะเข้ามาแทรกกลางเชียวนะ พี่ยังอยากให้พาลินสอนเบจิงต่อ”
“ผมไม่ใช่คนร้ายกาจแบบนั้นนะครับพี่ ผมกับเขาก็แค่พี่ชายน้องชาย”
“เขาไม่รู้เหรอว่าโดมชอบผู้ชาย”
“คิดว่าไม่รู้ครับ ผมก็ตีเนียนไปก่อน”
“พี่ชักไม่ไว้ใจแล้วสิ”
“โธ่พี่ครับ เชื่อใจผมเถอะ ถ้าเขาไม่เลิกกับแฟนผมก็ไม่มีทางเข้าไปยุ่งหรอกครับ”
“ขอให้มันแน่เถอะ พี่เห็นสายตาเราแล้วไม่ไว้ใจเลย”
ทำไมแพรรดาจะดูไม่ออกว่าน้องชายสนใจพาลินตั้งแต่วันแรกที่เจอ ถ้าได้พาลินมาเป็นคนในครอบครัวก็คงดีเพราะเธอเองก็อยากเห็นดลธรรมมีความสุข ไม่ใช่ลอยไปลอยมาแบบนี้ แต่ถ้าต้องไปแย่งของคนอื่นหรือทำให้คนรักต้องผิดใจกันเธอก็คงไม่เห็นด้วย
พาลินติดต่อกับคนรักไม่ได้หลายวันแต่เขาก็ยิ้มออกเมื่อกันต์ธีร์อีเมลมาบอกว่าเสาร์หน้าจะกลับกรุงเทพและจะไปเดินดูรถที่งานมอเตอร์โชว์ด้วยกันวันนี้หลังจากสอนเบจิงเสร็จในเวลาหนึ่งทุ่มพาลินจึงเรียกแกร็ปให้มารับที่หน้าบ้านของลูกศิษย์ เพื่อตรงไปยังคอนโดของแฟนเขาอยากไปทำความสะอาดห้องไว้รอคนรัก ถึงแม้กันต์ธีร์จะมีแม่บ้านแต่ก็อยากไปดูว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีไหมชายหนุ่มมาถึงคอนโดมิเนียมของคนรักก็เกือบจะสองทุ่มเพราะเย็นวันศุกร์รถค่อนข้างติดกว่าวันอื่น พอขึ้นลิฟต์มายังชั้น 22 ก็กดรหัสที่หน้าประตูก่อนจะเปิดเข้าไปด้านในนึกแปลกใจที่ห้องดูสะอาดอีกทั้งยังเหมือนกันว่ามีคนอยู่ในห้องนอนเพราะเขาได้ยินเสียงจากในนั้น พาลินดีใจเพราะคิดว่าแฟนหนุ่มคงกลับมาก่อนเวลาเขารีบเดินไปยังห้องนอนซึ่งประตูห้องเปิดแง้มอยู่เล็กน้อย พอผลักเขาไปด้านในโลกของพาลินก็หยุดหมุนทันทีเพราะคนที่อยู่ในห้องนอนตอนนี้ไม่ใช่มีเพียงกันต์ธีร์แต่ยังมีผู้หญิงอีกคนที่เขาจำได้ว่าเป็นรุ่นพี่ของแฟนหนุ่มทั้งสองกำลังทำกิจกรรมกันอย่างเร่าร้อนอยู่บนเตียง ทั้งภาพและเสียงมันชัดมาก จนพาลินได้แต่มองตาค้าง ไม่คิดว่าจะมาเจอภาพบาดตาแบบนี้ เขาก้าวขาไม่ออก จึง
ชายหนุ่มที่ทำเป็นเข้มแข็งเดินออกมาจากห้องได้ไม่กี่ก้าวก็เข่าทรุด นั่งร้องไห้อยู่ตรงทางเดินอย่างไม่อายใคร ในเมื่อเขาจะไม่มาที่นี่อีกแล้วก็ไม่ต้องสนใจสายตาของคนอื่นพาลินสะอื้นไห้จนตัวโยน น้ำตาไหลพรากราวเขื่อนแตก ไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ โดนคนที่เป็นทุกอย่างในชีวิตหักหลังอย่างไม่น่าให้อภัยทั้งเสียใจ เสียดายเวลาและเสียดายความรู้สึกดีๆ ที่มีให้มาตลอด พาลินไม่คิดมาก่อนเลยว่าความรักของตัวเองจะจบลงอย่างเขาและกันต์ธีร์รู้จักกันมาปีกว่าจากนั้นก็ตกลงคบกันได้หกเดือน รวมเวลาทั้งหมดก็เกือบจะสองปีที่ได้รู้จักกัน พาลินคิดว่าตัวเองรู้จักคนรักของตัวเองดีแล้วถึงทุ่มเททั้งกายและใจให้ไปจนหมด ตั้งแต่คบกันเขาก็มีแต่กันต์ธีร์คนเดียวมาตลอด มีนาและพราวรุ้งเพื่อนสนิททั้งสองก็เคยบอกว่าให้เผื่อใจไว้บ้าง แต่เพราะตลอดเวลาที่คบกันชายหนุ่มทำตัวดีมาตลอด พาลินจึงไม่เคยคิดเผื่อใจเลยแล้วอย่างนี้จะโทษใครได้ ต้องโทษตัวเองที่คิดว่าความรักจะรั้งให้เขาอยู่กับตัวเองได้ โทษตัวเองที่หัวอ่อนจนเกินไป เขาเป็นคนรักคนแรกของพาลิน รักแรกที่พังลงตรงหน้าในเวลาไม่ถึงปียิ่งคิดก็ยิ่งเสียใจ พาลินไม่มีแรงจะลุกยืนด้วยซ้
พาลินกลับมาถึงห้องก็รีบอาบน้ำเรียกความสดชื่น แม้ในใจจะยังไม่เหมือนเดิมร้อยเปอร์เซ็นต์แต่มันก็ดีกว่าเมื่อวานอยู่มากไม่คิดเลยว่าการได้พูด ได้ระบายออกจะทำให้เขารู้สึกดีขึ้นได้ ถ้าเมื่อคืนไม่บังเอิญเจอกับดลธรรมก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะเป็นยังไง จะนอนอยู่ตรงนั้นถึงเช้าหรือจะกลับหอตัวเองได้ตอนไหนพาลินกลับมาให้ความสนใจกับตัวเองอีกครั้ง เขาเก็บของบางอย่างที่เห็นแล้วทำให้นึกถึงคนรักเก่าลงกล่อง เตรียมเอาลงไปทิ้งที่ถังขยะหน้าหอ ในเมื่อถูกเขาทิ้งแล้ว อะไรที่เป็นของกันต์ธีร์ก็ควรจะทิ้งลงขยะเช่นกันเก็บของทิ้งจนเหนื่อยก็ถึงเวลาอาหารกลางวัน พาลินลงไปทานข้าวที่ร้านอาหารตามสั่งหน้าหอพัก ช่วงปิดเทอมแบบนี้ไม่ค่อยมีคนอยู่หอ เขาเลยได้อาหารไว้กว่าที่คิดจัดการกับข้าวผัดปูไปครึ่งจานก็รู้สึกตื้อขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก พยายามสลัดภาพเมื่อคืนออกจากหัวแต่มันก็ยังคงติดตาพาลินปวดขมับทั้งสองข้างจนต้องเดินไปซื้อยาแก้ปวดหัวที่ร้านขายยาหน้าปากซอย จากนั้นก็กลับมาทานยาแล้วนอนพัก หวังว่าตื่นมาก็คงจะดีขึ้นเขานอนหลับยาวตั้งแต่บ่ายจนถึงสายของอีกวัน พาลินนึกขึ้นได้ว่าวันนี้มีงานมอเตอร์โชว์วันสุดท้ายและเขาไม่อยากพลาดชายหนุ่มรีบเป
เพราะเป็นวันสุดท้ายของการจัดงานคนเลยมากกว่าทุกวัน กว่าทั้งสองคนจะหาที่จอดรถได้ก็ผ่านไปเกือบชั่วโมงพาลินเกรงใจดลธรรมมากที่ทำให้ต้องลำบาก แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ออกอาการหงุดหงิดให้เห็นเลยสักนิด“ขอโทษนะครับพี่โดม ผมทำพี่ลำบากเลย”“ลำบากยังไง”“ก็ลำบากที่ต้องวนหาที่จอดรถไงครับ”“ไม่ใช่ความผิดของเรานี่ มางานแบบนี้ก็ต้องเผื่อใจไว้บ้าง แต่เราก็ยังโชคดีที่ได้ที่จอด ต้องขอบคุณเรามากกว่าที่ตาไวเห็นว่าเขากำลังจะกลับ”“พี่พูดอย่างกับว่าผมไปกอบกู้โลกมาเลยนะครับ”ดลธรรมฟังแล้วก็หัวเราะ เห็นว่าพาลินไม่ทำหน้าหงอยแล้วเขาก็เบาใจ“อยากไปบูธไหนก่อน”“ยังไม่รู้เลยครับ แต่ผมอยากได้รถญี่ปุ่นราคาไม่แรงมากครับ”ทั้งสองพากันมาดูแผนที่ก่อนจะเข้าไปในงานเพื่อไม่ให้เสียเวลา“งั้นไปโซนนี้กันก่อนเลย”“เดี๋ยวค่อยไปดูก็ได้ ไปดูรถที่พี่อยากดูก่อน”“พี่ดูมาแล้ว”“ตอนไหนครับ มาแล้วทำไมยังมาอีก”“มาเสาร์ที่แล้ว แต่มาแล้วก็มาอีกได้ใครเขาห้ามกันล่ะ บางคนยังมาทุกวันเลย”“อ๋อ ผมเข้าใจแล้ว พี่มาดูพริตตี้ใช่ไหม” พาลินบอกอย่างรู้ทัน ผู้ชายก็คงไม่มีอะไรมากถ้ามาแล้วมาอีกก็คงไม่พ้นมาดูสาวสวยๆ“พี่มาดูรถ”“ไม่ต้องอายหรอกน่า มาดูหญิ
กลับมาถึงหอก็วิดีโอคอลคุยกับเพื่อนทั้งสองคน พาลินไม่มีอะไรปิดบังเพื่อนทั้งสองคนอยู่แล้ว เขาเลยเล่าทุกอย่างที่ได้เห็นในวันนั้นให้กับทั้งสองคนฟังตั้งแต่เลิกกับกันต์ธีร์หัวใจของพาลินก็ปิดตาย เขาไม่คิดจะคบใครอีกแล้ว เพราะตอนนี้ก็มีความสุขดี การไม่มีแฟนก็ใช่ว่าชีวิตจะดำเนินต่อไปไม่ได้ สองเดือนแล้วที่พาลินไม่มีกันต์ธีร์ในชีวิตชายหนุ่มยังคงไปสอนที่โรงเรียนสอนภาษา ตกเย็นก็ไปสอนเบจิงที่บ้านเหมือนเดิม แต่พาลินไม่ต้องเดินออกมาที่ปากซอยคนเดียวแล้ว เพราะช่วงนี้ดลธรรมมักจะไปทานข้าวเย็นที่บ้านพี่สาวและชวนเขาติดรถมาด้วยทุกครั้งแต่ถ้าวันไหนชายหนุ่มไม่มาพาลินก็จะเรียกแกรปให้มารับ ถ้าเป็นแต่ก่อนก็คงจะกังวลว่ากันต์ธีร์จะมารับไหม แต่พอตัดเขาออกไปจากชีวิตการตัดสินใจทุกอย่างก็ง่ายขึ้นวันนี้พาลินมีนัดกับโชว์รูมรถแห่งหนึ่ง เขาจะไปลองขับดูสักครั้ง ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ“ว่าไง โอเคไหม” ดลธรรมถามหลังจากเขาลองขับรถและพากันมาทานข้าวที่ร้านแห่งหนึ่งบนศูนย์การค้า“ก็ดีครับ คันเล็กคล่องตัวดี”“ก็ดี หมายความว่ายังไม่ค่อยดีใช่ไหม”“พูดไม่ถูกครับ มันก็ชอบอยู่หรอก คันเล็กคล่องตัว การตกแต่งก็โอเค แต่เริ่มลังเลนิดหน่อย
ดลธรรมเดินกลับมาที่รถ เขาก็เห็นปณิชญาออกมาเรียกแท็กซี่จากนั้นก็ขึ้นรถออกไปจากหน้าโรงพยาบาลเขากับหญิงสาวเลิกกันได้สองปีแล้ว สาเหตุก็เพราะปณิชญามีคนอื่นและไม่ใช่ใครที่ไหน ผู้ชายคนนั้นเป็นเพื่อนสนิทของดลธรรมชายหนุ่มยอมรับว่าทั้งโกรธและเสียใจ แต่เวลาผ่านไปก็ทำใจยอมรับได้ อะไรที่มันไม่ใช่ของตัวเองเขาก็ไม่อยากจะรั้งไว้ ถึงตอนนี้เธอก็ไม่มีอิทธิพลกับเขาอีกแล้วแต่คนที่กำลังเข้ามาอิทธิพลกับหัวใจของเขาทีละนิดกลับเป็นพาลิน คุณครูของหลานชายที่ทำให้เขาใจเต้นแรงตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอ แม้ตอนนั้นจะรู้ว่าอีกคนนั้นมีแฟนแล้วแต่ความรู้สึกก็ยังคงเหมือนเดิมเขาไม่รู้ว่าพาลินจะกลับถึงหอพักหรือยังเพราะนี่ก็ผ่านมาเป็นชั่วโมงแล้วที่ดลธรรมออกมาจากศูนย์การค้า เพราะเป็นห่างและรู้สึกผิดที่ปล่อยให้พาลินเดินคนเดียวและกลับคนเดียวเขาจึงรีบโทรหา“ครับพี่โดม ธุระเรียบร้อยแล้วเหรอครับ” ปลายสายถามอย่างเป็นห่วง“ครับ โอเคแล้ว กลับถึงหอหรือยัง”“ยังครับ ผมว่าจะดูหนังแล้วค่อยกลับ”“ดูกับใคร” เขารีบถาม“คนเดียวครับ”“หนังฉายกี่โมง”“หกโมงครับ”“จองตั๋วให้หน่อยสิ เดี๋ยวไปดูด้วย”“อีก 45 นาทีพี่จะมาทันเหรอครับ”“คิดว่าทันนะ
“ขอบคุณนะครับสำหรับวันนี้” พาลินกล่าวขอบคุณเมื่อเขาขับรถมาจอดที่หน้าปากซอย“แล้วไปดูหนังกันอีกนะ ครั้งหน้าพี่จะรีบมาให้ตรงเวลา”“ครับ พี่อยากดูเรื่องอะไรนัดมาเลยครับ ช่วงนี้ผมว่าง”“ไม่ไปทำงานเหรอ”“ไม่ครับ สัปดาห์หน้าก็เปิดเทอมแล้วครับ เลยอยากพักสักหน่อย”“งั้นค่อยนัดกันอีกทีละกันนะ”“ครับ พี่โดมอย่าลืมไก่หลังรถนะ” พาลินรีบเตือนเพราะถ้าเขาลืมพรุ่งนี้มันคงได้กลายเป็นไก่เน่าแน่ๆ“อือ”พาลินลงจากรถแล้วเดินไปยังหอพักวันนี้มีหลายคนเริ่มกลับมากันบ้างแล้ว เพราะอีกไม่กี่วันก็จะเปิดเทอม บรรยากาศก็เลยดูครึกครื้นเป็นพิเศษ พอเขาเดินมาถึงก็โบกมือให้ดลธรรมเพื่อให้ชายหนุ่มจะได้กลับคอนโดของตัวเอง“ลิน ไปไหนมา กลับดึกเชียวนะ” เจหรือเจษฎาเพื่อนร่วมหอพักที่นั่งอยู่ตรงม้าหินอ่อนทักทายขึ้น“ไปดูหนังมา มึงล่ะ เพิ่งมาวันนี้เหรอ”“อือ เพิ่งมาถึงขนของเพิ่งเสร็จกำลังจะขึ้นห้องก็เห็นมึงเดินมา พี่กันต์มาส่งเหรอ” เจษฎาเป็นรุ่นน้องคณะวิศวะจึงรู้จักกับกันต์ธีร์เป็นอย่างดี“ไม่ใช่พี่กันต์หรอก กูเลิกกันแล้ว”“งั้นแฟนใหม่เหรอหาได้เร็วดีนี่”“แฟนใหม่ที่ไหนล่ะ เขาเป็นน้าชายของเด็กที่กูไปสอนพิเศษช่วงปิดเทอม ว่าแต่มึงเถอ
สายวันอาทิตย์พาลินทำความสะอาดห้องจนสะอาด จากนั้นก็เอาชุดนักศึกษาไปส่งที่ร้านซักรีด วันจันทร์หน้าเขาต้องกลับไปเรียนที่มหาวิทยาลัยก่อนจะเริ่มต้นฝึกงานในสัปดาห์ถัดไปร้านอาหารตามสั่งใกล้ๆ กับหอพักกลับมาคึกคักอีกครั้ง พาลินนั่งทานข้าวกับเพื่อนร่วมหอพักคนหนึ่ง เขาไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวแต่ก็เคยเห็นหน้ากันบ้าง ทั้งที่มหาวิทยาลัยและที่หอพัก เขายิ้มทักทายจากนั้นก็นั่งทานของตัวเองจนอิ่มหอนี้อยู่ใกล้มหาวิทยาลัยมาก ค่าเช่าก็เลยมากตามไปด้วย คนอื่นอาจแชร์กันอยู่สองหรือสามคน แต่พาลินเลือกที่จะอยู่คนเดียวเพราะตอนเข้ามาเรียนที่นี่เขายังไม่ไว้ใจใครถึงขั้นให้มานอนด้วย แม้จะเหงาแต่ก็มีเพื่อนที่ไปมาหาสู่กันตลอดอีกอย่างเรื่องค่าเช่าก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะถึงแม้จะไม่มีบิดามารดาแต่พาลินก็มีเงินจำนวนหนึ่งที่เขาได้จากประกันชีวิตของบิดามารดารวมถึงค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนที่ปู่กับย่าของเขาส่งให้กลับมาบนห้องก็นอนเล่นมือถือจนเบื่อ จึงโทรศัพท์ไปหามีนากับพราวรุ้ง แต่สองคนนั้นยังไม่กลับมาจากบ้าน จะไปคอนโดของดลธรรมก็รู้สึกเกรงใจ“เฮ้อ! เหงาชะมัด” พาลินบ่นก่อนจะล้มตัวลงนอน แล้วเขาก็หลับยาวจนเย็นพอตื่นมาก็คว้าโทรศัพท์มาดู
สัมผัสที่เร่าร้อนของเรียวปากหยักจูบแลกลิ้นกันอยู่อย่างนั้น พาลินหลงใหลไปกับรสจูบที่คนรักมอบให้ สองมือดันผนังห้องน้ำเอี้ยวคอมาจูบ สะโพกกลมขาวกดแนบชิดกับท่อนเอ็นร้อนเสียงคนพี่ครางในลำคอ เขาอยากกลืนกินคนช่างยั่วตั้งแต่เห็นรูปที่ส่งไปให้ ดลธรรมไม่ลังเลเลยที่จะรีบขับรถกลับมาที่คอนโด แล้วเขาก็ไม่ผิดหวังเมื่อรู้ว่าพาลินกับเขาต่างมีความต้องการเหมือนกัน“พาลินยั่วพี่เองนะครับ”“ถ้าน้องยั่วแล้วพี่ไม่อยากพี่จะกลับมาเหรอ”“นั่นยั่วอีกแล้ว”“น้องยั่วแล้วพี่อยากไหม”“ไม่ยั่วก็อยากครับ ยันผนังไว้นะครับพี่จะลงโทษคนยั่วแล้ว”ดลธรรมจูบไซร้ไปตามท้ายทอยและซอกคอ กัดติ่งหูคนด้านหน้าเบาๆ เพราะเป็นจุดอ่อน แค่นั้นพาลินก็ร้อนวูบวาบไปทั่วทั้งตัวฝ่ามือร้อนไล้ไปทั้งแผงอกบีบคลึงเบาๆ บนยอดสีสวย สะโพกก็กดลงไปยังบั้นท้าย เสียงหวานครางแผ่วเบา สะโพกแอ่นโค้งเด่นคนตัวโตกดครีมอาบน้ำสูตรอ่อนโยนลงบนปลายนิ้วกลางจากนั้นลากไปตามช่องทางสีสวยกดลงไปช้าๆ ค่อยเพิ่มจำนวนนิ้วเป็นสองและสาม พาลินครางสะท้านรู้สึกถึงความคับแน่นที่กำลังนวดผนังด้านใน“อื้อ...พี่”เขาสะดุ้งเมื่อจุดอ่อนไหวด้านในถูกกระตุ้นเพียงแค่นั้นตัวตนของเขาก็ปวดหนึบ ม
หลังจากตรวจเสร็จและรับยาแล้วรถกระบะคันเดิมก็มาส่งดลธรรมและพาลินที่สนามบิน“พี่หน้าผมยังมีผื่นอยู่ไหม”“ยังมีอีกนิดหน่อย ใส่มาสก์ไปก่อน”“หมอบอกว่าเดี๋ยวมันก็หายไงครับ”“มันต้องใช้เวลาไง เดี๋ยวกลับถึงกรุงเทพถ้าผื่นยังไม่ยุบลงพี่จะพาไปหาหมออีกรอบ”“ไม่เอาแล้วไม่หาแล้ว ไปอีกก็โดนฉีดยาอีก”พาลินทานยาแก้แพ้ตั้งแต่อยู่บนเขาแต่พอมาถึงโรงพยาบาลผื่นก็ยังไม่หายและดูเหมือนจะขึ้นมากกว่าเดิมหมอเลยต้องฉีดยาเพราะมันได้ผลเร็วกว่า รวมถึงให้ยาทาแก้คันมาด้วยตอนนี้พาลินเลยสีชมพูไปทั้งตัว ยังดีที่เขามีเสื้อคลุมแขนยาวเลยไม่ค่อยอายคนเท่าไหร่แต่ที่ต้องอายก็คงจะเป็นคนที่นั่งอยู่ข้างเพราะเขาเป็นคนทายาให้กับตนเองทั้งตัว“ยามันง่วงเดี๋ยวขึ้นเครื่องเราจะหลับเลยก็ได้ ถึงแล้วพี่จะปลุกเอง”“บินนานไหมครับ” เพราะขามาเขานั่งรถมาเพื่อนๆ เลยไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาเท่าไหร่“ไม่นานครับ ประมาณชั่วโมงหนึ่งครับ หลับแป๊บเดียวก็ถึงกรุงเทพแล้ว”“ผมหวังว่าถึงกรุงเทพแล้วผมจะหายนะ”“แต่พี่ว่าอย่าเพิ่งหายเลย ชมพูไปทั้งตัวแบบนี้ก็น่ารักดี”“ไม่ตลกนะครับพี่ มันคันไปทั้งตัวเลย”“อดทนอีกนิดนะครับ ถึงคอนโดจะเอาน้ำเย็นเช็ดให้”พอขึ้นเครื่อง
ดลธรรมไม่อยากให้พาลินพลาดการเข้าค่ายอาสาซึ่งเป็นกิจกรรมที่ชายหนุ่มทำมาทุกปีตั้งแต่เข้าเรียนมหาวิทยาลัย และถ้าปีสุดท้ายมาได้เข้าร่วมคงจะเป็นอะไรที่น่าเสียดายมากถึงแม้จะทั้งหวงทั้งห่วงแต่เขาก็ไม่อยากพรากความทรงจำในวัยเรียนของคนรัก และนั่นก็คือเหตุผลที่ตอนนี้เขามานั่งอยู่ข้างคนขับรถกระบะสีประตูขับเคลื่อนสี่ล้อซึ่งกำลังมุ่งหน้าไปยังจุดที่นักศึกษามาออกค่ายเดิมทีก็ตกลงจะมาด้วยกัน แต่เพราะเขามีงานที่ยังเคลียร์ไม่เรียบร้อยจึงต้องยอมปล่อยให้คนน้องมาเข้าค่ายกับเพื่อนพาลินงอนนิดหน่อยที่เขาไม่ทำตามที่พูด แต่ก็ตัดสินใจมากับเพื่อน เพราะอยากใช้ชีวิตในช่วงเรียนมหาวิทยาลัยให้คุ้มค่าที่สุด ส่วนตัวเขาก็รีบเคลียร์งานแล้วตามมาทีหลังโดยไม่ได้บอกพาลินแค่สองสามที่ต้องนอนอยู่คนเดียวเขาก็ทรมานเกินไปแล้ว“อันที่จริงมันก็ไม่ไกลหรอกนะครับ แต่ทางมันค่อนข้างลำบากมันเลยดูเหมือนไกล” เสียงคนขับรถกระบะทำให้เขาหลุดออกจากภวังค์“ครับ”ดลธรรมให้ลูกน้องที่บริษัทซึ่งบังเอิญเป็นคนพื้นที่ช่วยติดต่อเช่ารถพร้อมคนขับไปส่งที่หมู่บ้านบนเขาชายหนุ่มนั่งเครื่องมาลงที่สนามบินพิษณุโลกตั้งแต่เช้าจากนั้นก็ให้คนขับรถพาไปซื้อไก่ทอด โด
ดลธรรมและพาลินย้ายกลับมาอยู่ที่คอนโดเพราะอยากให้มารดาได้ทำความรู้จักและปรับตัวกับเบจิงได้มากขึ้นแต่เขากับพาลินก็ยังแวะไปทานอาหารเย็นด้วยอยู่บ่อยๆ ดูเหมือนว่าเบจิงจะเข้ากันได้ดีกับคุณยายของตนเองแม้พาลินจะมีรถเป็นของตัวเองแล้ว แต่ดลธรรมก็ยังมารับส่งที่มหาวิทยาลัยเป็นบางวัน“พี่โดม ขอโทษทีครับคุยกับเพื่อนนานไปหน่อย”“ไม่เป็นไร แล้วตกลงเอาไงเราจะไปค่ายกับเพื่อนไหม” ช่วงวันหยุดยาวติดกันชมรมค่ายอาสาจะพากันไปออกค่ายที่พิษณุโลก“กำลังตัดสินใจอยู่ครับ”“ทำไมดูตัดสินใจยากจัง แต่ก่อนเห็นตื่นเต้นจะไป”“ก็ตอนนั้นยังไม่มีแฟน ตอนนี้มีแฟนแล้วติดแฟนครับ”“ฟังคำตอบแล้วชื่นใจจัง”“ถ้าผมไปพี่จะคิดถึงผมไหม”“ถ้าเราไปพี่ก็ไปด้วยครับ ไม่อยากนอนคนเดียว”“ถ้าผมไม่ไปก็เหมือนจะเอาเปรียบคนอื่นอยู่ที่ไม่ช่วยออกแรงอะไรเลย”“แต่พี่ก็ช่วยเรื่องคอมไปตั้ง 10 ชุดแล้วนะครับ”“นั้นมันส่วนของพี่ แต่ผมไม่ได้ทำอะไรเลย”“ถ้าอยากรู้สึกมีส่วนร่วมกับคอมห้าชุดนั่นก็แค่..”“แค่อะไรครับ” พาลินหันมามองคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย พอเห็นหน้าเขาก็เดาออกทันทีว่าตอนนี้สิ่งที่คนพี่ต้องการคืออะไร เพียงแค่คิดพาลินก็หน้าแดงขึ้นมาทันที“นานเ
คุณแพรเพ็ญและจอห์นสามีใหม่บินกลับมาทันทีหลังจากดลธรรมโทรไปบอกว่าย่าของเบจิงจะพาเบจิงไปอยู่ด้วยเธอเสียลูกสาวไปคนหนึ่งแล้วจึงไม่อยากจะเสียหลานชายไปอีกคน เพราะรู้ว่าที่ฝ่ายนั้นอยากพาเบจิงไปก็เพื่อต่อรองกับดลธรรมให้รับผิดชอบเด็กในท้องของปณิชญาเท่านั้น“คุณยายครับ ตาจอห์นบอกว่าที่บ้านตามีหิมะด้วยจริงไหมครับ”“จริงสิ เบจิงอยากไปดูหิมะไหม”“อยากไปครับ แต่เบจิงต้องไปโรงเรียนคงไปกับคุณยายไม่ได้”“ที่นั่นก็มีโรงเรียนครับ เดี๋ยวยายจะให้เบจิงดูนะครับว่าโรงเรียนที่นั่นเป็นยังไงบ้าง อยากดูไหมครับ”“อยากดูครับ พี่ลินมาดูด้วยกันไหม” เบจิงเรียกพาลินที่กำลังเดินถือผลไม้จานใหญ่ให้มาดูด้วยกันอีกคนแพรเพ็ญเปิดคลิปแนะนำโรงเรียนประถมในประเทศออสเตรียให้กับหลานชายดู เพราะเธอกับสามีคุยกันแล้วว่าจะรับเบจิงไปอยู่ที่นั่นในฐานะลูกชายของทั้งสองคนดลธรรมก็เห็นด้วยกันมารดาเพราะอยากให้เบจิงมีอนาคตที่ดี ลำพังเขากับพาลินคนดูแลเด็กชายได้ไม่ดีพอแต่ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับเบจิงว่าอยากจะย้ายไปอยู่ที่นั่นไหม ตอนนี้ทั้งมาลีและป้าสายก็เริ่มฝึกภาษาอังกฤษกับจอห์นเพราะแพรเพ็ญอยากให้สองนั้นย้ายไปอยู่ด้วยกันทุกคนที่นี่เตรียมวางแผนก
สามเดือนแล้วที่แพรรดาจากไปและเบจิงอยู่กับดลธรรมและพาลินในบ้านหลังใหญ่ ชีวิตของเด็กชายกลับมาสดใสอีกครั้ง เสียงหัวเราะดังออกมานอกบ้านจนคนที่เพิ่งมาถึงยิ้มอย่างพอใจ“สวัสดีครับคุณย่า” เบจิงยกมือทักทายผู้เป็นย่าที่เจอกันครั้งสุดท้ายในงานศพของผู้เป็นมารดา“น้าชายเราไปอยู่ไหนแล้วล่ะ”“มีธุระอะไรกับผมเหรอครับแม่” ดลธรรมยังเรียกเธอว่าแม่อย่างเดิมเพราะอยากให้เกียรติในฐานะที่เธอเป็นย่าของเบจิงเขาค่อนข้างแปลกใจที่คุณปราณีมาหาถึงที่บ้าน เพราะตลอดหลายเดือนมานี้ท่านไม่เคยแวะมาที่นี่เลยสักครั้ง“แม่เรากลับไปแล้วใช่ไหม” คุณปราณีถามถึงแพรเพ็ญ“เพิ่งบินกลับไปสองวันก่อนมีธุระอะไรกับท่านหรือเปล่าครับ”“เปล่า แม่แค่อยากคุยกับโดมสักหน่อย”“ได้ครับ เบจิงไปหาพี่ลินก่อนนะครับน้าขอไปคุยธุระกับคุณย่าก่อน”“ครับน้าโดม”ชายหนุ่มพาคุณปราณีมายังห้องทำงานของตนเองที่ครั้งหนึ่งมันเคยเป็นของพี่สาวและพี่เขย“โดม แม่จะคุยกับเราเรื่องเบจิง”“มีอะไรเหรอครับ“แม่จะพาเบจิงไปอยู่ด้วย”“แต่เบจิงอยู่กับผมก็มีความสุขดี แม่ก็เห็นว่าเขากลับมาร่าเริงแล้ว”“แต่แม่อยากให้หลานไปอยู่กับแม่”“ผมว่าแม่ไม่มีสิทธิ์จะทำแบบนั้นนะครับ“มีสิ
งานศพของปรานต์ผ่านมาแล้วสองสัปดาห์ แต่ภรรยาของเขาก็ยังคงนอนไม่ได้สติ แผลจากภายนอกร่างกายนั้นหายดีแล้ว แต่สมองของเธอยังคงบวมอยู่หมอต้องผ่าตัดระบายเลือดออกอีกครั้ง แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมาเลยมารดาของดลธรรมและสามีใหม่บินมาร่วมงานศพของลูกเขยจากนั้นก็อยู่ดูอาการของแพรรดาต่ออีกสองวันจึงบินกลับส่วนครอบครัวของปรานต์ไม่ได้สนใจมาเยี่ยมพี่สาวของเขาเลย ฝ่ายนั้นบอกแต่ว่ายังทำใจไม่ได้ที่เสียลูกชายไปตอนนี้ดลธรรมต้องทำงานทั้งบริษัทตัวเองและบริษัทของพี่สาวซึ่ง นับว่าเป็นงานค่อนข้างหนัก เขาเองเพิ่งมาเริ่มศึกษางานก่อนหน้านี้ไม่นานเท่าไหร่ทางด้านพาลินก็ยุ่งไม่แพ้กันนอกจากจะต้องฝึกงานแล้วยังต้องแบ่งเวลามาดูแลเบจิงและแวะไปเยี่ยมแพรรดาที่โรงพยาบาลทุกวันก่อนหน้านี้เบจิงอาละวาดบ้านแทบแตกเด็กชายไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อถึงทิ้งเขาไปแล้วทำไมแม่ถึงยังไม่ยอมตื่นในทุกวันพาลินต้องพาเด็กชายไปเยี่ยมมารดาที่โรงพยาบาล แม้ว่าหมอจะไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยมเพราะกังวลเรื่องการติดเชื้อ แต่เบจิงก็มองเห็นมารดาของตนเองผ่านกระจก“แม่ครับวันนี้เบจิงมาเยี่ยมแล้วนะครับ แม่หายไวๆ นะครับ รีบตื่นนะครับแม่” ประโยคเดิมที่เด็
บ่ายวันอาทิตย์พาลินและดลธรรมไม่ได้ออกไปไหนทั้งสองสั่งอาหารมาทางที่ห้อง พาลินนั่งตรวจทานตัวเลขในบัญชีของบริษัทซึ่งแพรรดาให้ช่วยกันดูอีกรอบว่ามีจุดไหนผิดพลาดไปบ้างเพราะจะต้องส่งตัวเลขทั้งหมดให้กับสรรพากรในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ส่วนดลธรรมเองก็ได้รับมอบหมายงานจากพี่เขยให้ช่วยดูเอกสารสัญญาต่างๆ ที่บริษัทกำลังจะเซ็นสัญญา“พี่โดมเย็นนี้ผมจะไปเอาของที่หอนะครับ”“ไปกี่โมงเดี๋ยวพี่ไปส่ง”“ไม่เป็นไรผมไปคนเดียวได้พี่ทำงานต่อเถอะ”“ได้ยังไง ต้องไปส่งสิ”“งานตัวเองก็ยุ่งอยู่แล้วจะเสียเวลามาส่งผมอีกทำไม ผมไปเองก็กลับเองได้ ไม่นานหรอกครับ”“ไม่เอาจะไปด้วย ไม่อยากอยู่ห้องคนเดียว ขากลับจะได้หาอะไรกินเลยดีไหม แล้วเรื่องรถเซลล์ว่ายังไงบ้าง”“อาทิตย์หน้าก็ได้แล้วครับ”พาลินตัดสินใจซื้อรถยุโรปราคาเกือบสามล้านเพราะบังเอิญว่าคุณยายของเขาได้ข่าวว่าหลานชายจะซื้อรถก็เลยเป็นคนจ่ายเงินให้ จากรถญี่ปุ่นที่ดูไว้เลยกลายเป็นรถหรูยี่ห้อเดียวกับดลธรรมต่างกันแค่สีและขนาด รถดลธรรมสีดำส่วนของเขานั้นสีขาว“เร็วดีเหมือนกันนะ แต่ได้รถแล้วก็อย่าคิดจะไปไหนคนเดียว ยังไงพี่ก็ต้องไปด้วย”“ถ้าผมไปเรียนล่ะ จะไปด้วยไหม” พาลินแกล้งถามเ
เสียงจูบแลกลิ้นดังอย่างต่อเนื่อง เมื่ออารมณ์ของคนทั้งสองกำลังทะยานขึ้นสูงอีกครั้งตอนนี้พาลินคร่อมอยู่เหลือร่างของดลธรรมที่กึ่งนั่งกึ่งนอนแผ่นหลังพิงอยู่กับหมอนใบใหญ่ ฝามือมือร้อนลูบตามผิวเนียน ก่อนจะนวดบั้นท้ายที่สัมผัสทีไรก็รู้สึกจนไม่อยากจะปล่อยพาลินสั่นสะท้านเมื่อรู้สึกว่าความร้อนของท่อนเอ็นกำลังถูอยู่ตรงช่องทางด้านหลังดลธรรมบีบเจลใส่มือแล้วกดนวดขณะที่ปากก็ยังจูบนัวเนียกันอยู่“อื้อ..”เขายกสะโพกขึ้นให้คนพี่สอดนิ้วเข้าไปทีละนิด สองมือเกาะบ่าดลธรรมไว้แน่น ปากที่จูบประกบอยู่เปลี่ยนเป็นดูดแรงตรงลำคอเพื่อระบายความเสียว ยิ่งเขาเพิ่มจำนวนนิ้วพาลินก็ขาสั่นเห็นท่าทางไม่ไหวของพาลินแล้วดลธรรมรีบหยิบถุงยางสวมให้กับตนเอง พออาวุธพร้อมรบก็ประคองสะโพกคนน้องขึ้นสูง จ่อท่อนเอ็นเข้ายังช่องทางคับแน่น“อื้อ พี่...”พาลินพยายามห้ามเสียงร้องของตัวเองแต่มันก็ยังเล็ดลอดออกมาอยู่ดีเขากดสะโพกลงอย่างช้าๆ เพราะรู้ถ้าทิ้งตัวลงมาคงได้จุกแน่ๆ ก็เจ้ามังกรของคนพี่นั้นไม่ธรรมดาเลยทั้งขนาดและความยาว ไม่รู้ว่าชาติแล้วทำบุญด้วยข้าวหลามหรือยังไงพระเจ้าถึงได้ให้มาทั้งยาวและใหญ่เช่นนี้“อ่าห์..แน่นฉิบ ดีเป็นบ้าเลย”