ข้าวหมูทอดและข้าวผัดกะเพราหมูกรอบอย่างละจานหมดในเวลาไม่ถึงยี่สิบนาที พาลินเชื่อแล้วว่าที่พี่เขาบอกว่าหิวจนจะกินช้างได้ทั้งตัวก็คงจะเป็นจริงตามนั้น
เขานั่งมองคนตัวโตทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ส่วนตัวเองนั้นทานข้าวแล้วตั้งแต่ก่อนไปบ้านน้องเบจิง จึงสั่งแค่หมูสะเต๊ะมานั่งทานระหว่างรอ
“อร่อยนะครับ พี่กินไหม ร้านนี้น้ำอาจาดอร่อยแตงกว่าก็สดมากเลย” พูดพลางจิ้มแตงกว่าในถ้วยน้ำอาจาดเข้าปากเคี้ยวตุ้ย
“มันต้องกินคู่กันไม่ใช่เหรอทั้งสองน้ำจิ้ม” ดลธรรมจิ้มทั้งอาจาดและน้ำจิ้มอีกถ้วยซึ่งมีเครื่องเทศส่งกลิ่นหอมเข้าปาก
“ครับ แต่ผมไม่ค่อยกล้ากินเท่าไหร่”
“ทำไมไม่กินเผ็ดเหรอ” คนถามเคี้ยวจนแก้มตุ่ย
“เปล่าครับ ผมเคยแพ้ถั่วลิสงครับ กินแล้วผื่นมันจะขึ้นคัน ไปทั้งตัว”
“พี่ขอโทษพี่ไม่รู้ ดูสิเกือบทำน้ำจิ้มสองถ้วยปนกันแล้ว”
“ก็พี่ไม่รู้นี่ครับ แต่ถ้านิดหน่อยแค่นี้ไปไม่เป็นไรหรอกครับ”
“แล้วแพ้อะไรอีกไหม พี่จะได้ระวัง”
“ไม่ครับ” พาลินอยากอยากบอกว่าเขาแพ้คนหล่อและใจดีเหมือนคนตรงหน้า แต่ก็ไม่สนิทพอที่จะพูดออกไปแบบนั้น
พอทานจนอิ่มดลธรรมก็เพิ่งสังเกตว่าคนที่นั่งคุยด้วยมีแผลถลอกที่แขนทั้งสองข้าง คงจะเป็นตอนที่ล้มลงไปในพุ่มดอกเข็ม เขาเอื้อมมาจับแขนของพาลินพลิกไปพลิกมาก่อนจะส่ายหัว
“มีแผลทำไมไม่บอกละครับ” เขาถามอย่างเป็นห่วง
“แผลนิดเดียวเองครับพี่ เดี๋ยวกลับไปทายาก็หายแล้ว” พาลินเองก็เพิ่งเห็นว่าแขนของตัวเองมีรอยข่วน ชายหนุ่มไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด แต่เพราะเป็นคนตัวขาวแผลที่เห็นมันเลยดูชัดเจน
“ที่ห้องมียาใช่ไหม ยาอะไรนะที่ขวดมันเหลืองๆ ส้มๆ”
“เบตาดีนครับ เดี๋ยวผมซื้อที่เซเว่นก็ได้ พี่โดมรอตรงนี้ก่อนเดี๋ยวผมมานะครับ”
“ไปซื้อพร้อมกันเลยพี่อิ่มแล้ว” เขากำลังจะหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาแต่ก็ช้ากว่าอีกคนที่เดินไปจ่ายเงินที่แม่ค้าแล้ว
“มื้อนี้ผมเลี้ยงครับ พี่มาส่งผมสองวันแล้ว”
“แต่พี่กินเยอะกว่าเรานะ ให้พี่จ่ายดีกว่า” ดลธรรมรีบท้วงรู้สึกไม่ดีที่ให้คนอายุน้อยกว่าต้องมาจ่ายค่าอาหารให้ตัวเอง
“ถ้าพี่จ่ายค่าข้าว ผมจะจ่ายค่ารถ” พาลินพูดพลางหันมามองตาแป๋ว จนคนพี่เห็นแล้วต้องยอมใจอ่อน
ทั้งสองพากันเดินไปยังร้านสะดวกซื้อที่อยู่ไม่ไกล พาลินได้เบตาดีนกับสำสีและน้ำเกลือสำหรับล้างแผลมาหนึ่งขวด แต่ครั้งนี้คนที่จ่ายเงินคือดลธรรม ด้วยเหตุผลที่เขาบอกคือเขาเป็นคนทำให้พาลินเจ็บ
“ขอบคุณครับพี่โดม เดี๋ยวผมเดินกลับเองก็ได้ อีกนิดเดียวก็จะถึงหออยู่แล้ว พี่จะได้ไม่ต้องเสียเวลา”
“เดี๋ยวพี่เดินไปส่งนะ”
“โธ่! พี่ผมไม่ใช่เด็กๆ นะครับจะต้องเดินไปส่งทำไม”
“ไม่ใช่เด็กแต่ก็ซุ่มซ่ามไง เกิดเดินไปเตะอะไรหรือไปล้มใส่เท้าใครขึ้นมาจะแย่เอานะ”
“พลาดล้มแค่ครั้งเดียวนี่เหมือนเป็นตราบาปเลยนะครับ” พาลินพูดพลางหัวเราะ แต่ก็ยอมให้เขาเดินมาส่งเพราะขี้เกียจจะเถียง
การได้เดินคู่กันไปบนทางเดินที่ค่อนข้างมืดทำให้เขารู้สึกดี อดจะเปรียบเทียบคนที่เพิ่งรู้จักกับแฟนหนุมไม่ได้
แต่ก่อนกันต์ธีร์ก็อบอุ่นและใจดีแบบนี้ จนเขายอมใจอ่อนตกลงเป็นแฟน แต่โปรโมชั่นก็หมดลงในเวลาอันรวดเร็ว
“ทำไมหอมันเงียบจัง” ดลธรรมเงยหน้ามองไปบนหอพักแทบจะไม่มีห้องไหนเปิดไฟเลย
“ก็ปิดเทอมนี่ครับ บางคนก็ย้ายออกเพราะจบ บางคนก็กลับบ้าน”
“แล้วเราล่ะ อยู่ที่นี่ตลอดเลยเหรอ”
“ครับ ผมไม่มีบ้านให้กลับ”
น้ำเสียงของพาลินฟังดูเหงาจนดลธรรมรู้สึกผิดที่ถามไปแบบนั้น
“พี่ขอโทษ”
“ผมชินกับการอยู่คนเดียวแล้ว ตั้งแต่พ่อกับแม่จากไป ผมก็อยู่คนเดียวมาตลอด”
“นานแล้วเหรอ”
“ห้าปีแล้วครับ ตั้งแต่ผมอยู่ ม.5 ผมกับตายายไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่ก็เลยขอมาอยู่คนเดียว ส่วนปู่กับย่าอยู่อังกฤษครับ ท่านชวนผมไปอยู่ด้วย แต่ผมอยากลองอยู่ด้วยตัวเองครับ”
“ไม่เหงาแย่เหรอ”
“เหงาสิครับ ผมถึงต้องไปสอนที่โรงเรียนสอนภาษา ไปสอนเบจิง อยู่กับเด็กแล้วมันหายเหงาครับ”
“พี่นึกว่าที่ทำงานเพราะอยากได้เงิน”
“ก็ทั้งสองอย่างครับ เด็กๆ เป็นยาชั้นดีเลยครับ เหงา หรือเศร้าแค่ไหน พวกเขาก็ทำให้ยิ้มได้ครับ”
“นั้นสินะ” ดลธรรมคิดถึงหลานชายที่เขาอยู่ใกล้แล้วมีความสุขทุกอย่างมันดูสดใสไปหมด
“ขอบคุณนะครับที่เดินมาส่ง เดินกลับคนเดียวได้ใช่ไหมครับ”
“ถ้าบอกไม่ได้ เราก็จะเดินไปส่ง แล้วก็คงไม่ต้องได้กลับกันล่ะ ส่งกันไปส่งกันมา” ชายหนุ่มหัวเราะก่อนจะเผลอยกมือขึ้นขยี้เรือนผมสีน้ำตาลอ่อนอย่างเอ็นดู
“พี่โดม ยุ่งหมดแล้ว” อีกคนพยายามดึงมือออก เขาไม่ได้กลัวผมยุ่ง แต่เขากลัวใจตัวเองต่างหาก กลัวว่ามันจะไม่รักดีไปชอบเขาทั้งที่ตัวเองมีแฟนอยู่แล้ว
“ไปละ รีบขึ้นหอได้แล้ว ระวังด้วยนะ มืดๆ อย่างนี้น่ากลัวออก”
“ขอโทษครับพี่ผมไม่ใช่เด็ก ที่จะกลัวความมืดหรือกลัวผีนะครับ” พาลินพูดจบก็วิ่งขึ้นบันไดหอพักไปอย่างรวดเร็ว
คนที่มองตามได้แต่หัวเราะก่อนจะเดินยิ้มออกมาจากซอยอย่างมีความสุข
วันนี้เขาเครียดกับงานมากแต่พอมาเจอพาลิน ได้คุยกับชายหนุ่มรุ่นน้องก็รู้สึกดีขึ้น ความเครียดตลอดทั้งวันหายไปอย่างรวดเร็ว รู้ว่าอีกคนมีแฟนแล้วและไม่คิดจะเข้าไปแทรกระหว่างคนทั้งสอง
แค่ได้อยู่ใกล้ได้ดูแลอีกคนในแบบพี่ชายก็คงไม่เสียหายอะไร
ดลธรรมเดินออกไปจากหน้าหอพักแล้ว ถ้าเขาหันหลังกลับมาก็จะเห็นว่าตอนนี้พาลินเดินมายืนดูเขาจนกระทั่งลับสายตา
พาลินคิดว่าที่อีกคนทำก็คงเพราะรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุให้ตัวเขาต้องลงไปนอนเล่นในพุ่มดอกเข็มเมื่อตอนหัวค่ำ
นับว่าวันนี้เป็นอีกวันที่พาลินโชคดีได้เจอกับน้าชายของลูกศิษย์ตัวน้อย เพราะทำให้เขาไม่ต้องนั่งรถเมล์กลับคนเดียว อันที่จริงเขาก็มีเงินมากพอที่จะซื้อรถมาใช้สักคัน แต่เพราะที่หอพักไม่มีที่จอดพาลินจึงยังไม่ซื้อ และระยะทางจากที่นี่ไปมหาวิทยาลัยก็ใกล้แค่นิดเดียว แต่เปิดเทอมหน้าเขาต้องไปฝึกงานก็คงต้องคิดเรื่องซื้อรถและมองหาที่อยู่ใหม่หลังเรียนจบ
บ้านเดิมที่เคยอยู่กับบิดามารดาพาลินขายไปตั้งแต่ปีที่แล้วเพราะมีครอบครัวชาวต่างชาติสนใจและให้ราคาสูงพาลินเลยตัดสินใจขาย เขาคิดว่าจะซื้อคอนโดสักแห่ง เคยลองถามกันต์ธีร์แล้วว่าคอนโดที่เขาอยู่มีห้องว่างไหม เพราะอยากไปอยู่ใกล้ แต่ดูเหมือนว่าทุกห้องจะมีคนซื้อไปหมดแล้ว ส่วนห้องที่กันต์ธีร์อยู่นั้นเขาก็เช่าจากคนอื่นอีกที
พาลินคิดว่าถ้าเรียนจบแล้วได้ย้ายไปอยู่ด้วยกันคงมีความสุขมากกว่านี้ ถึงจะทำงานกันคนละทีแต่พอกลับมาก็ยังมีโอกาสได้เจอกัน ไม่เหมือนอย่างตอนนี้ กว่าจะเจอกันได้ก็ต้องรอให้เขาว่าง จะไปหาก็ต้องรอให้เขาอนุญาต บางครั้งพาลินก็แอบรู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่คนที่สำคัญที่สุดสำหรับแฟนหนุ่มอย่างแต่ก่อน แต่เมื่อได้รักไปแล้วก็อยากประคับประคองความรักให้มันอยู่ได้นานที่สุด
ความรักและความสัมพันธ์ในแบบที่เป็นอยู่นั้น ไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่หรือเรื่องประหลาด ในสังคมปัจจุบันแล้ว มีคู่รักหลายคู่ที่คบหากันถึงขั้นแต่งงาน ทั้งคนธรรมทั่วไปอย่างเขา หรือคนที่มีชื่อเสียงก็ตาม
เขาคิดถึงอนาคตระหว่างตัวเองกับคนรัก อยากอยู่ด้วยกันไปตลอด อยากอุปการะเด็กสักคน อยากมีครอบครัวที่อบอุ่น แม้จะยังไม่เคยคุยเรื่องนี้กับกันต์ธีร์แต่ก็หวังว่าอีกคนจะคิดเหมือนกันกับเขา
แล้วคนที่กำลังคิดถึงก็โทรเข้าในเวลาเกือบห้าทุ่ม พาลินรีบกดรับ และเล่าวันนี้เขาไปทำอะไรมาบ้าง รวมถึงเรื่องที่ล้มลงพุ่มดอกเข็มจนมีแผลที่แขน
“แค่แผลถลอกเอง ทำเป็นเรื่องใหญ่”
“แต่เป็นรอยเลยนะพี่กันต์ ผมเจ็บอะ” เขาทำเสียงอ้อนอยากให้อีกคนรู้ว่าเขาเจ็บ
“อือ คราวหลังก็ระวังหน่อย”
“ถ้าพี่ไปรับ ผมก็คงไม่เจ็บตัว พรุ่งนี้พี่ไปรับผมได้ไหม นะครับ”
“ช่วงนี้พี่ไม่ว่างเลย เราโตแล้วนะ คงไม่ต้องให้พี่คอยรับส่งทุกครั้งหรอกใช่ไหม”
“ครับ ผมโตแล้ว” พูดแล้วก็รู้สึกจุกอยู่ในลำคอ ก็แต่ก่อนเป็นเขาเองไม่ใช่เหรอที่บอกว่าจะรับส่งตลอด ไม่อยากให้ต้องลำบาก
“พาลิน อย่าเพิ่งน้อยใจสิครับ พี่ไปรับเราไม่ได้เพราะตอนนี้รถพี่เสีย”
“เหรอครับ แล้วซ่อมหรือยัง แล้วพี่กันต์ไปทำงานยังไงครับ” พอได้ยินแบบนั้นก็เป็นห่วงจนลืมอาการน้อยใจของตนเองจนหมด
“ซ่อมแล้ว แต่ยังไม่ได้ไปเอาครับ เงินยังขาดอีกนิดหน่อย พี่ว่าจะขอยืมพาลินก่อนถ้าเงินเดือนออกแล้วพี่จะคืนให้นะครับ”
“ขาดอีกเท่าไหร่ครับ”
“ขาดอีกหมื่นกว่าบาทครับ”
“เดี๋ยวผมโอนให้นะครับ”
“ขอบคุณมากครับ เดี๋ยวเงินเดือนออกพี่จะรีบโอนให้นะครับ ช่วงนี้กลับคนเดียวไปก่อนนะครับ พี่ต้องไปดูไซต์งานที่ต่างจังหวัดครับ ถ้าไม่ได้เราช่วยคงต้องนั่งรถทัวร์ไป”
“ไม่เป็นไรครับ มันจำเป็นนี่ครับ”
ไม่ใช่ครั้งแรกที่คนรักยืมเงินแต่ทุกครั้งเขาก็คืนตามปกติ พาลินเลยไม่ได้คิดมากอะไรเพราะสำหรับเขาถือเป็นเรื่องเล็กน้อย
“เอาไว้กลับมาเราไปเที่ยวด้วยกันนะ ไปทะเลดีไหม ไปหาอาหารทะเลกินกันนะครับ”
“ครับ”
“พี่ต้องวางแล้วนะครับ ว่าจะเก็บของสักหน่อยพรุ่งนี้ไปเอารถแล้วจะได้ยาวไปไซต์งานเลย พี่รักพาลินนะครับ”
“ผมก็รักพี่กันต์ครับ”
“คุยกับใครอยู่เหรอกันต์” เสียงหวานถามขึ้นเมื่อเดินเข้ามาในห้องแล้วเห็นกันต์ธีร์เพิ่งวางโทรศัพท์ลงข้างลำตัว“พาลินน่ะครับ”“รุ่นน้องคนนั้นเหรอ”“ใช่ครับ เขามีปัญหานิดหน่อยก็เลยต้องโทรมาปรึกษาครับ”“ดูเหมือนกันต์สนิทกับน้องเขามากเลยนะ มีอะไรมากกว่านั้นที่พี่ไม่รู้หรือเปล่า”“ไม่มีอะไรหรอกครับพี่อร ผมก็แค่สงสารครับ เขาอยู่ตัวคนเดียวพ่อแม่ก็ตายหมด มีอะไรที่ช่วยเหลือได้ผมก็อยากช่วยครับ”“ไม่ใช่ว่าแอบคบกันลับหลังพี่นะกันต์”“แค่น้องจริงๆ ครับ เขาเป็นผู้ชายผมก็ผู้ชายนะครับ พี่อรอย่าคิดมากเลยนะครับ” กันต์ธีร์ดึงรุ่นพี่เข้ามากอด สูดความหอมจากกายสาวด้วยความหลงใหล“ถึงจะเป็นผู้ชายด้วยกันพี่ก็ไม่ชอบให้กันต์ไปสนิทแบบนั้น เกิดน้องเขาไม่ได้คิดว่ากันต์เป็นแค่รุ่นพี่ละ”“เรื่องของเขาสิครับ สำหรับผมเขาคือน้อง”“แล้วพี่ล่ะเป็นอะไรสำหรับกันต์”“พี่อรเป็นทุกอย่างของผม ถ้าไม่มีพี่อรผมคงอยู่ไม่ได้แน่ๆ เลย”“ทำมาเป็นปากหวานนะ”“ก็หวานกับพี่อรคนเดียวครับ” กันต์ธีร์ยืนยันคำพูดของตนเองด้วยการประจบจูบลงไปอย่างเร่าร้อน อีกคนก็ตอบรับอย่างถึงใจกันต์ธีร์มอบความสุขให้กับรุ่นพี่จนเธอได้แต่ร้องครวญครางอย่างสุขสมความส
พาลินติดต่อกับคนรักไม่ได้หลายวันแต่เขาก็ยิ้มออกเมื่อกันต์ธีร์อีเมลมาบอกว่าเสาร์หน้าจะกลับกรุงเทพและจะไปเดินดูรถที่งานมอเตอร์โชว์ด้วยกันวันนี้หลังจากสอนเบจิงเสร็จในเวลาหนึ่งทุ่มพาลินจึงเรียกแกร็ปให้มารับที่หน้าบ้านของลูกศิษย์ เพื่อตรงไปยังคอนโดของแฟนเขาอยากไปทำความสะอาดห้องไว้รอคนรัก ถึงแม้กันต์ธีร์จะมีแม่บ้านแต่ก็อยากไปดูว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีไหมชายหนุ่มมาถึงคอนโดมิเนียมของคนรักก็เกือบจะสองทุ่มเพราะเย็นวันศุกร์รถค่อนข้างติดกว่าวันอื่น พอขึ้นลิฟต์มายังชั้น 22 ก็กดรหัสที่หน้าประตูก่อนจะเปิดเข้าไปด้านในนึกแปลกใจที่ห้องดูสะอาดอีกทั้งยังเหมือนกันว่ามีคนอยู่ในห้องนอนเพราะเขาได้ยินเสียงจากในนั้น พาลินดีใจเพราะคิดว่าแฟนหนุ่มคงกลับมาก่อนเวลาเขารีบเดินไปยังห้องนอนซึ่งประตูห้องเปิดแง้มอยู่เล็กน้อย พอผลักเขาไปด้านในโลกของพาลินก็หยุดหมุนทันทีเพราะคนที่อยู่ในห้องนอนตอนนี้ไม่ใช่มีเพียงกันต์ธีร์แต่ยังมีผู้หญิงอีกคนที่เขาจำได้ว่าเป็นรุ่นพี่ของแฟนหนุ่มทั้งสองกำลังทำกิจกรรมกันอย่างเร่าร้อนอยู่บนเตียง ทั้งภาพและเสียงมันชัดมาก จนพาลินได้แต่มองตาค้าง ไม่คิดว่าจะมาเจอภาพบาดตาแบบนี้ เขาก้าวขาไม่ออก จึง
ชายหนุ่มที่ทำเป็นเข้มแข็งเดินออกมาจากห้องได้ไม่กี่ก้าวก็เข่าทรุด นั่งร้องไห้อยู่ตรงทางเดินอย่างไม่อายใคร ในเมื่อเขาจะไม่มาที่นี่อีกแล้วก็ไม่ต้องสนใจสายตาของคนอื่นพาลินสะอื้นไห้จนตัวโยน น้ำตาไหลพรากราวเขื่อนแตก ไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ โดนคนที่เป็นทุกอย่างในชีวิตหักหลังอย่างไม่น่าให้อภัยทั้งเสียใจ เสียดายเวลาและเสียดายความรู้สึกดีๆ ที่มีให้มาตลอด พาลินไม่คิดมาก่อนเลยว่าความรักของตัวเองจะจบลงอย่างเขาและกันต์ธีร์รู้จักกันมาปีกว่าจากนั้นก็ตกลงคบกันได้หกเดือน รวมเวลาทั้งหมดก็เกือบจะสองปีที่ได้รู้จักกัน พาลินคิดว่าตัวเองรู้จักคนรักของตัวเองดีแล้วถึงทุ่มเททั้งกายและใจให้ไปจนหมด ตั้งแต่คบกันเขาก็มีแต่กันต์ธีร์คนเดียวมาตลอด มีนาและพราวรุ้งเพื่อนสนิททั้งสองก็เคยบอกว่าให้เผื่อใจไว้บ้าง แต่เพราะตลอดเวลาที่คบกันชายหนุ่มทำตัวดีมาตลอด พาลินจึงไม่เคยคิดเผื่อใจเลยแล้วอย่างนี้จะโทษใครได้ ต้องโทษตัวเองที่คิดว่าความรักจะรั้งให้เขาอยู่กับตัวเองได้ โทษตัวเองที่หัวอ่อนจนเกินไป เขาเป็นคนรักคนแรกของพาลิน รักแรกที่พังลงตรงหน้าในเวลาไม่ถึงปียิ่งคิดก็ยิ่งเสียใจ พาลินไม่มีแรงจะลุกยืนด้วยซ้
พาลินกลับมาถึงห้องก็รีบอาบน้ำเรียกความสดชื่น แม้ในใจจะยังไม่เหมือนเดิมร้อยเปอร์เซ็นต์แต่มันก็ดีกว่าเมื่อวานอยู่มากไม่คิดเลยว่าการได้พูด ได้ระบายออกจะทำให้เขารู้สึกดีขึ้นได้ ถ้าเมื่อคืนไม่บังเอิญเจอกับดลธรรมก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะเป็นยังไง จะนอนอยู่ตรงนั้นถึงเช้าหรือจะกลับหอตัวเองได้ตอนไหนพาลินกลับมาให้ความสนใจกับตัวเองอีกครั้ง เขาเก็บของบางอย่างที่เห็นแล้วทำให้นึกถึงคนรักเก่าลงกล่อง เตรียมเอาลงไปทิ้งที่ถังขยะหน้าหอ ในเมื่อถูกเขาทิ้งแล้ว อะไรที่เป็นของกันต์ธีร์ก็ควรจะทิ้งลงขยะเช่นกันเก็บของทิ้งจนเหนื่อยก็ถึงเวลาอาหารกลางวัน พาลินลงไปทานข้าวที่ร้านอาหารตามสั่งหน้าหอพัก ช่วงปิดเทอมแบบนี้ไม่ค่อยมีคนอยู่หอ เขาเลยได้อาหารไว้กว่าที่คิดจัดการกับข้าวผัดปูไปครึ่งจานก็รู้สึกตื้อขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก พยายามสลัดภาพเมื่อคืนออกจากหัวแต่มันก็ยังคงติดตาพาลินปวดขมับทั้งสองข้างจนต้องเดินไปซื้อยาแก้ปวดหัวที่ร้านขายยาหน้าปากซอย จากนั้นก็กลับมาทานยาแล้วนอนพัก หวังว่าตื่นมาก็คงจะดีขึ้นเขานอนหลับยาวตั้งแต่บ่ายจนถึงสายของอีกวัน พาลินนึกขึ้นได้ว่าวันนี้มีงานมอเตอร์โชว์วันสุดท้ายและเขาไม่อยากพลาดชายหนุ่มรีบเป
เพราะเป็นวันสุดท้ายของการจัดงานคนเลยมากกว่าทุกวัน กว่าทั้งสองคนจะหาที่จอดรถได้ก็ผ่านไปเกือบชั่วโมงพาลินเกรงใจดลธรรมมากที่ทำให้ต้องลำบาก แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ออกอาการหงุดหงิดให้เห็นเลยสักนิด“ขอโทษนะครับพี่โดม ผมทำพี่ลำบากเลย”“ลำบากยังไง”“ก็ลำบากที่ต้องวนหาที่จอดรถไงครับ”“ไม่ใช่ความผิดของเรานี่ มางานแบบนี้ก็ต้องเผื่อใจไว้บ้าง แต่เราก็ยังโชคดีที่ได้ที่จอด ต้องขอบคุณเรามากกว่าที่ตาไวเห็นว่าเขากำลังจะกลับ”“พี่พูดอย่างกับว่าผมไปกอบกู้โลกมาเลยนะครับ”ดลธรรมฟังแล้วก็หัวเราะ เห็นว่าพาลินไม่ทำหน้าหงอยแล้วเขาก็เบาใจ“อยากไปบูธไหนก่อน”“ยังไม่รู้เลยครับ แต่ผมอยากได้รถญี่ปุ่นราคาไม่แรงมากครับ”ทั้งสองพากันมาดูแผนที่ก่อนจะเข้าไปในงานเพื่อไม่ให้เสียเวลา“งั้นไปโซนนี้กันก่อนเลย”“เดี๋ยวค่อยไปดูก็ได้ ไปดูรถที่พี่อยากดูก่อน”“พี่ดูมาแล้ว”“ตอนไหนครับ มาแล้วทำไมยังมาอีก”“มาเสาร์ที่แล้ว แต่มาแล้วก็มาอีกได้ใครเขาห้ามกันล่ะ บางคนยังมาทุกวันเลย”“อ๋อ ผมเข้าใจแล้ว พี่มาดูพริตตี้ใช่ไหม” พาลินบอกอย่างรู้ทัน ผู้ชายก็คงไม่มีอะไรมากถ้ามาแล้วมาอีกก็คงไม่พ้นมาดูสาวสวยๆ“พี่มาดูรถ”“ไม่ต้องอายหรอกน่า มาดูหญิ
กลับมาถึงหอก็วิดีโอคอลคุยกับเพื่อนทั้งสองคน พาลินไม่มีอะไรปิดบังเพื่อนทั้งสองคนอยู่แล้ว เขาเลยเล่าทุกอย่างที่ได้เห็นในวันนั้นให้กับทั้งสองคนฟังตั้งแต่เลิกกับกันต์ธีร์หัวใจของพาลินก็ปิดตาย เขาไม่คิดจะคบใครอีกแล้ว เพราะตอนนี้ก็มีความสุขดี การไม่มีแฟนก็ใช่ว่าชีวิตจะดำเนินต่อไปไม่ได้ สองเดือนแล้วที่พาลินไม่มีกันต์ธีร์ในชีวิตชายหนุ่มยังคงไปสอนที่โรงเรียนสอนภาษา ตกเย็นก็ไปสอนเบจิงที่บ้านเหมือนเดิม แต่พาลินไม่ต้องเดินออกมาที่ปากซอยคนเดียวแล้ว เพราะช่วงนี้ดลธรรมมักจะไปทานข้าวเย็นที่บ้านพี่สาวและชวนเขาติดรถมาด้วยทุกครั้งแต่ถ้าวันไหนชายหนุ่มไม่มาพาลินก็จะเรียกแกรปให้มารับ ถ้าเป็นแต่ก่อนก็คงจะกังวลว่ากันต์ธีร์จะมารับไหม แต่พอตัดเขาออกไปจากชีวิตการตัดสินใจทุกอย่างก็ง่ายขึ้นวันนี้พาลินมีนัดกับโชว์รูมรถแห่งหนึ่ง เขาจะไปลองขับดูสักครั้ง ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ“ว่าไง โอเคไหม” ดลธรรมถามหลังจากเขาลองขับรถและพากันมาทานข้าวที่ร้านแห่งหนึ่งบนศูนย์การค้า“ก็ดีครับ คันเล็กคล่องตัวดี”“ก็ดี หมายความว่ายังไม่ค่อยดีใช่ไหม”“พูดไม่ถูกครับ มันก็ชอบอยู่หรอก คันเล็กคล่องตัว การตกแต่งก็โอเค แต่เริ่มลังเลนิดหน่อย
ดลธรรมเดินกลับมาที่รถ เขาก็เห็นปณิชญาออกมาเรียกแท็กซี่จากนั้นก็ขึ้นรถออกไปจากหน้าโรงพยาบาลเขากับหญิงสาวเลิกกันได้สองปีแล้ว สาเหตุก็เพราะปณิชญามีคนอื่นและไม่ใช่ใครที่ไหน ผู้ชายคนนั้นเป็นเพื่อนสนิทของดลธรรมชายหนุ่มยอมรับว่าทั้งโกรธและเสียใจ แต่เวลาผ่านไปก็ทำใจยอมรับได้ อะไรที่มันไม่ใช่ของตัวเองเขาก็ไม่อยากจะรั้งไว้ ถึงตอนนี้เธอก็ไม่มีอิทธิพลกับเขาอีกแล้วแต่คนที่กำลังเข้ามาอิทธิพลกับหัวใจของเขาทีละนิดกลับเป็นพาลิน คุณครูของหลานชายที่ทำให้เขาใจเต้นแรงตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอ แม้ตอนนั้นจะรู้ว่าอีกคนนั้นมีแฟนแล้วแต่ความรู้สึกก็ยังคงเหมือนเดิมเขาไม่รู้ว่าพาลินจะกลับถึงหอพักหรือยังเพราะนี่ก็ผ่านมาเป็นชั่วโมงแล้วที่ดลธรรมออกมาจากศูนย์การค้า เพราะเป็นห่างและรู้สึกผิดที่ปล่อยให้พาลินเดินคนเดียวและกลับคนเดียวเขาจึงรีบโทรหา“ครับพี่โดม ธุระเรียบร้อยแล้วเหรอครับ” ปลายสายถามอย่างเป็นห่วง“ครับ โอเคแล้ว กลับถึงหอหรือยัง”“ยังครับ ผมว่าจะดูหนังแล้วค่อยกลับ”“ดูกับใคร” เขารีบถาม“คนเดียวครับ”“หนังฉายกี่โมง”“หกโมงครับ”“จองตั๋วให้หน่อยสิ เดี๋ยวไปดูด้วย”“อีก 45 นาทีพี่จะมาทันเหรอครับ”“คิดว่าทันนะ
“ขอบคุณนะครับสำหรับวันนี้” พาลินกล่าวขอบคุณเมื่อเขาขับรถมาจอดที่หน้าปากซอย“แล้วไปดูหนังกันอีกนะ ครั้งหน้าพี่จะรีบมาให้ตรงเวลา”“ครับ พี่อยากดูเรื่องอะไรนัดมาเลยครับ ช่วงนี้ผมว่าง”“ไม่ไปทำงานเหรอ”“ไม่ครับ สัปดาห์หน้าก็เปิดเทอมแล้วครับ เลยอยากพักสักหน่อย”“งั้นค่อยนัดกันอีกทีละกันนะ”“ครับ พี่โดมอย่าลืมไก่หลังรถนะ” พาลินรีบเตือนเพราะถ้าเขาลืมพรุ่งนี้มันคงได้กลายเป็นไก่เน่าแน่ๆ“อือ”พาลินลงจากรถแล้วเดินไปยังหอพักวันนี้มีหลายคนเริ่มกลับมากันบ้างแล้ว เพราะอีกไม่กี่วันก็จะเปิดเทอม บรรยากาศก็เลยดูครึกครื้นเป็นพิเศษ พอเขาเดินมาถึงก็โบกมือให้ดลธรรมเพื่อให้ชายหนุ่มจะได้กลับคอนโดของตัวเอง“ลิน ไปไหนมา กลับดึกเชียวนะ” เจหรือเจษฎาเพื่อนร่วมหอพักที่นั่งอยู่ตรงม้าหินอ่อนทักทายขึ้น“ไปดูหนังมา มึงล่ะ เพิ่งมาวันนี้เหรอ”“อือ เพิ่งมาถึงขนของเพิ่งเสร็จกำลังจะขึ้นห้องก็เห็นมึงเดินมา พี่กันต์มาส่งเหรอ” เจษฎาเป็นรุ่นน้องคณะวิศวะจึงรู้จักกับกันต์ธีร์เป็นอย่างดี“ไม่ใช่พี่กันต์หรอก กูเลิกกันแล้ว”“งั้นแฟนใหม่เหรอหาได้เร็วดีนี่”“แฟนใหม่ที่ไหนล่ะ เขาเป็นน้าชายของเด็กที่กูไปสอนพิเศษช่วงปิดเทอม ว่าแต่มึงเถอ
สัมผัสที่เร่าร้อนของเรียวปากหยักจูบแลกลิ้นกันอยู่อย่างนั้น พาลินหลงใหลไปกับรสจูบที่คนรักมอบให้ สองมือดันผนังห้องน้ำเอี้ยวคอมาจูบ สะโพกกลมขาวกดแนบชิดกับท่อนเอ็นร้อนเสียงคนพี่ครางในลำคอ เขาอยากกลืนกินคนช่างยั่วตั้งแต่เห็นรูปที่ส่งไปให้ ดลธรรมไม่ลังเลเลยที่จะรีบขับรถกลับมาที่คอนโด แล้วเขาก็ไม่ผิดหวังเมื่อรู้ว่าพาลินกับเขาต่างมีความต้องการเหมือนกัน“พาลินยั่วพี่เองนะครับ”“ถ้าน้องยั่วแล้วพี่ไม่อยากพี่จะกลับมาเหรอ”“นั่นยั่วอีกแล้ว”“น้องยั่วแล้วพี่อยากไหม”“ไม่ยั่วก็อยากครับ ยันผนังไว้นะครับพี่จะลงโทษคนยั่วแล้ว”ดลธรรมจูบไซร้ไปตามท้ายทอยและซอกคอ กัดติ่งหูคนด้านหน้าเบาๆ เพราะเป็นจุดอ่อน แค่นั้นพาลินก็ร้อนวูบวาบไปทั่วทั้งตัวฝ่ามือร้อนไล้ไปทั้งแผงอกบีบคลึงเบาๆ บนยอดสีสวย สะโพกก็กดลงไปยังบั้นท้าย เสียงหวานครางแผ่วเบา สะโพกแอ่นโค้งเด่นคนตัวโตกดครีมอาบน้ำสูตรอ่อนโยนลงบนปลายนิ้วกลางจากนั้นลากไปตามช่องทางสีสวยกดลงไปช้าๆ ค่อยเพิ่มจำนวนนิ้วเป็นสองและสาม พาลินครางสะท้านรู้สึกถึงความคับแน่นที่กำลังนวดผนังด้านใน“อื้อ...พี่”เขาสะดุ้งเมื่อจุดอ่อนไหวด้านในถูกกระตุ้นเพียงแค่นั้นตัวตนของเขาก็ปวดหนึบ ม
หลังจากตรวจเสร็จและรับยาแล้วรถกระบะคันเดิมก็มาส่งดลธรรมและพาลินที่สนามบิน“พี่หน้าผมยังมีผื่นอยู่ไหม”“ยังมีอีกนิดหน่อย ใส่มาสก์ไปก่อน”“หมอบอกว่าเดี๋ยวมันก็หายไงครับ”“มันต้องใช้เวลาไง เดี๋ยวกลับถึงกรุงเทพถ้าผื่นยังไม่ยุบลงพี่จะพาไปหาหมออีกรอบ”“ไม่เอาแล้วไม่หาแล้ว ไปอีกก็โดนฉีดยาอีก”พาลินทานยาแก้แพ้ตั้งแต่อยู่บนเขาแต่พอมาถึงโรงพยาบาลผื่นก็ยังไม่หายและดูเหมือนจะขึ้นมากกว่าเดิมหมอเลยต้องฉีดยาเพราะมันได้ผลเร็วกว่า รวมถึงให้ยาทาแก้คันมาด้วยตอนนี้พาลินเลยสีชมพูไปทั้งตัว ยังดีที่เขามีเสื้อคลุมแขนยาวเลยไม่ค่อยอายคนเท่าไหร่แต่ที่ต้องอายก็คงจะเป็นคนที่นั่งอยู่ข้างเพราะเขาเป็นคนทายาให้กับตนเองทั้งตัว“ยามันง่วงเดี๋ยวขึ้นเครื่องเราจะหลับเลยก็ได้ ถึงแล้วพี่จะปลุกเอง”“บินนานไหมครับ” เพราะขามาเขานั่งรถมาเพื่อนๆ เลยไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาเท่าไหร่“ไม่นานครับ ประมาณชั่วโมงหนึ่งครับ หลับแป๊บเดียวก็ถึงกรุงเทพแล้ว”“ผมหวังว่าถึงกรุงเทพแล้วผมจะหายนะ”“แต่พี่ว่าอย่าเพิ่งหายเลย ชมพูไปทั้งตัวแบบนี้ก็น่ารักดี”“ไม่ตลกนะครับพี่ มันคันไปทั้งตัวเลย”“อดทนอีกนิดนะครับ ถึงคอนโดจะเอาน้ำเย็นเช็ดให้”พอขึ้นเครื่อง
ดลธรรมไม่อยากให้พาลินพลาดการเข้าค่ายอาสาซึ่งเป็นกิจกรรมที่ชายหนุ่มทำมาทุกปีตั้งแต่เข้าเรียนมหาวิทยาลัย และถ้าปีสุดท้ายมาได้เข้าร่วมคงจะเป็นอะไรที่น่าเสียดายมากถึงแม้จะทั้งหวงทั้งห่วงแต่เขาก็ไม่อยากพรากความทรงจำในวัยเรียนของคนรัก และนั่นก็คือเหตุผลที่ตอนนี้เขามานั่งอยู่ข้างคนขับรถกระบะสีประตูขับเคลื่อนสี่ล้อซึ่งกำลังมุ่งหน้าไปยังจุดที่นักศึกษามาออกค่ายเดิมทีก็ตกลงจะมาด้วยกัน แต่เพราะเขามีงานที่ยังเคลียร์ไม่เรียบร้อยจึงต้องยอมปล่อยให้คนน้องมาเข้าค่ายกับเพื่อนพาลินงอนนิดหน่อยที่เขาไม่ทำตามที่พูด แต่ก็ตัดสินใจมากับเพื่อน เพราะอยากใช้ชีวิตในช่วงเรียนมหาวิทยาลัยให้คุ้มค่าที่สุด ส่วนตัวเขาก็รีบเคลียร์งานแล้วตามมาทีหลังโดยไม่ได้บอกพาลินแค่สองสามที่ต้องนอนอยู่คนเดียวเขาก็ทรมานเกินไปแล้ว“อันที่จริงมันก็ไม่ไกลหรอกนะครับ แต่ทางมันค่อนข้างลำบากมันเลยดูเหมือนไกล” เสียงคนขับรถกระบะทำให้เขาหลุดออกจากภวังค์“ครับ”ดลธรรมให้ลูกน้องที่บริษัทซึ่งบังเอิญเป็นคนพื้นที่ช่วยติดต่อเช่ารถพร้อมคนขับไปส่งที่หมู่บ้านบนเขาชายหนุ่มนั่งเครื่องมาลงที่สนามบินพิษณุโลกตั้งแต่เช้าจากนั้นก็ให้คนขับรถพาไปซื้อไก่ทอด โด
ดลธรรมและพาลินย้ายกลับมาอยู่ที่คอนโดเพราะอยากให้มารดาได้ทำความรู้จักและปรับตัวกับเบจิงได้มากขึ้นแต่เขากับพาลินก็ยังแวะไปทานอาหารเย็นด้วยอยู่บ่อยๆ ดูเหมือนว่าเบจิงจะเข้ากันได้ดีกับคุณยายของตนเองแม้พาลินจะมีรถเป็นของตัวเองแล้ว แต่ดลธรรมก็ยังมารับส่งที่มหาวิทยาลัยเป็นบางวัน“พี่โดม ขอโทษทีครับคุยกับเพื่อนนานไปหน่อย”“ไม่เป็นไร แล้วตกลงเอาไงเราจะไปค่ายกับเพื่อนไหม” ช่วงวันหยุดยาวติดกันชมรมค่ายอาสาจะพากันไปออกค่ายที่พิษณุโลก“กำลังตัดสินใจอยู่ครับ”“ทำไมดูตัดสินใจยากจัง แต่ก่อนเห็นตื่นเต้นจะไป”“ก็ตอนนั้นยังไม่มีแฟน ตอนนี้มีแฟนแล้วติดแฟนครับ”“ฟังคำตอบแล้วชื่นใจจัง”“ถ้าผมไปพี่จะคิดถึงผมไหม”“ถ้าเราไปพี่ก็ไปด้วยครับ ไม่อยากนอนคนเดียว”“ถ้าผมไม่ไปก็เหมือนจะเอาเปรียบคนอื่นอยู่ที่ไม่ช่วยออกแรงอะไรเลย”“แต่พี่ก็ช่วยเรื่องคอมไปตั้ง 10 ชุดแล้วนะครับ”“นั้นมันส่วนของพี่ แต่ผมไม่ได้ทำอะไรเลย”“ถ้าอยากรู้สึกมีส่วนร่วมกับคอมห้าชุดนั่นก็แค่..”“แค่อะไรครับ” พาลินหันมามองคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย พอเห็นหน้าเขาก็เดาออกทันทีว่าตอนนี้สิ่งที่คนพี่ต้องการคืออะไร เพียงแค่คิดพาลินก็หน้าแดงขึ้นมาทันที“นานเ
คุณแพรเพ็ญและจอห์นสามีใหม่บินกลับมาทันทีหลังจากดลธรรมโทรไปบอกว่าย่าของเบจิงจะพาเบจิงไปอยู่ด้วยเธอเสียลูกสาวไปคนหนึ่งแล้วจึงไม่อยากจะเสียหลานชายไปอีกคน เพราะรู้ว่าที่ฝ่ายนั้นอยากพาเบจิงไปก็เพื่อต่อรองกับดลธรรมให้รับผิดชอบเด็กในท้องของปณิชญาเท่านั้น“คุณยายครับ ตาจอห์นบอกว่าที่บ้านตามีหิมะด้วยจริงไหมครับ”“จริงสิ เบจิงอยากไปดูหิมะไหม”“อยากไปครับ แต่เบจิงต้องไปโรงเรียนคงไปกับคุณยายไม่ได้”“ที่นั่นก็มีโรงเรียนครับ เดี๋ยวยายจะให้เบจิงดูนะครับว่าโรงเรียนที่นั่นเป็นยังไงบ้าง อยากดูไหมครับ”“อยากดูครับ พี่ลินมาดูด้วยกันไหม” เบจิงเรียกพาลินที่กำลังเดินถือผลไม้จานใหญ่ให้มาดูด้วยกันอีกคนแพรเพ็ญเปิดคลิปแนะนำโรงเรียนประถมในประเทศออสเตรียให้กับหลานชายดู เพราะเธอกับสามีคุยกันแล้วว่าจะรับเบจิงไปอยู่ที่นั่นในฐานะลูกชายของทั้งสองคนดลธรรมก็เห็นด้วยกันมารดาเพราะอยากให้เบจิงมีอนาคตที่ดี ลำพังเขากับพาลินคนดูแลเด็กชายได้ไม่ดีพอแต่ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับเบจิงว่าอยากจะย้ายไปอยู่ที่นั่นไหม ตอนนี้ทั้งมาลีและป้าสายก็เริ่มฝึกภาษาอังกฤษกับจอห์นเพราะแพรเพ็ญอยากให้สองนั้นย้ายไปอยู่ด้วยกันทุกคนที่นี่เตรียมวางแผนก
สามเดือนแล้วที่แพรรดาจากไปและเบจิงอยู่กับดลธรรมและพาลินในบ้านหลังใหญ่ ชีวิตของเด็กชายกลับมาสดใสอีกครั้ง เสียงหัวเราะดังออกมานอกบ้านจนคนที่เพิ่งมาถึงยิ้มอย่างพอใจ“สวัสดีครับคุณย่า” เบจิงยกมือทักทายผู้เป็นย่าที่เจอกันครั้งสุดท้ายในงานศพของผู้เป็นมารดา“น้าชายเราไปอยู่ไหนแล้วล่ะ”“มีธุระอะไรกับผมเหรอครับแม่” ดลธรรมยังเรียกเธอว่าแม่อย่างเดิมเพราะอยากให้เกียรติในฐานะที่เธอเป็นย่าของเบจิงเขาค่อนข้างแปลกใจที่คุณปราณีมาหาถึงที่บ้าน เพราะตลอดหลายเดือนมานี้ท่านไม่เคยแวะมาที่นี่เลยสักครั้ง“แม่เรากลับไปแล้วใช่ไหม” คุณปราณีถามถึงแพรเพ็ญ“เพิ่งบินกลับไปสองวันก่อนมีธุระอะไรกับท่านหรือเปล่าครับ”“เปล่า แม่แค่อยากคุยกับโดมสักหน่อย”“ได้ครับ เบจิงไปหาพี่ลินก่อนนะครับน้าขอไปคุยธุระกับคุณย่าก่อน”“ครับน้าโดม”ชายหนุ่มพาคุณปราณีมายังห้องทำงานของตนเองที่ครั้งหนึ่งมันเคยเป็นของพี่สาวและพี่เขย“โดม แม่จะคุยกับเราเรื่องเบจิง”“มีอะไรเหรอครับ“แม่จะพาเบจิงไปอยู่ด้วย”“แต่เบจิงอยู่กับผมก็มีความสุขดี แม่ก็เห็นว่าเขากลับมาร่าเริงแล้ว”“แต่แม่อยากให้หลานไปอยู่กับแม่”“ผมว่าแม่ไม่มีสิทธิ์จะทำแบบนั้นนะครับ“มีสิ
งานศพของปรานต์ผ่านมาแล้วสองสัปดาห์ แต่ภรรยาของเขาก็ยังคงนอนไม่ได้สติ แผลจากภายนอกร่างกายนั้นหายดีแล้ว แต่สมองของเธอยังคงบวมอยู่หมอต้องผ่าตัดระบายเลือดออกอีกครั้ง แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมาเลยมารดาของดลธรรมและสามีใหม่บินมาร่วมงานศพของลูกเขยจากนั้นก็อยู่ดูอาการของแพรรดาต่ออีกสองวันจึงบินกลับส่วนครอบครัวของปรานต์ไม่ได้สนใจมาเยี่ยมพี่สาวของเขาเลย ฝ่ายนั้นบอกแต่ว่ายังทำใจไม่ได้ที่เสียลูกชายไปตอนนี้ดลธรรมต้องทำงานทั้งบริษัทตัวเองและบริษัทของพี่สาวซึ่ง นับว่าเป็นงานค่อนข้างหนัก เขาเองเพิ่งมาเริ่มศึกษางานก่อนหน้านี้ไม่นานเท่าไหร่ทางด้านพาลินก็ยุ่งไม่แพ้กันนอกจากจะต้องฝึกงานแล้วยังต้องแบ่งเวลามาดูแลเบจิงและแวะไปเยี่ยมแพรรดาที่โรงพยาบาลทุกวันก่อนหน้านี้เบจิงอาละวาดบ้านแทบแตกเด็กชายไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อถึงทิ้งเขาไปแล้วทำไมแม่ถึงยังไม่ยอมตื่นในทุกวันพาลินต้องพาเด็กชายไปเยี่ยมมารดาที่โรงพยาบาล แม้ว่าหมอจะไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยมเพราะกังวลเรื่องการติดเชื้อ แต่เบจิงก็มองเห็นมารดาของตนเองผ่านกระจก“แม่ครับวันนี้เบจิงมาเยี่ยมแล้วนะครับ แม่หายไวๆ นะครับ รีบตื่นนะครับแม่” ประโยคเดิมที่เด็
บ่ายวันอาทิตย์พาลินและดลธรรมไม่ได้ออกไปไหนทั้งสองสั่งอาหารมาทางที่ห้อง พาลินนั่งตรวจทานตัวเลขในบัญชีของบริษัทซึ่งแพรรดาให้ช่วยกันดูอีกรอบว่ามีจุดไหนผิดพลาดไปบ้างเพราะจะต้องส่งตัวเลขทั้งหมดให้กับสรรพากรในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ส่วนดลธรรมเองก็ได้รับมอบหมายงานจากพี่เขยให้ช่วยดูเอกสารสัญญาต่างๆ ที่บริษัทกำลังจะเซ็นสัญญา“พี่โดมเย็นนี้ผมจะไปเอาของที่หอนะครับ”“ไปกี่โมงเดี๋ยวพี่ไปส่ง”“ไม่เป็นไรผมไปคนเดียวได้พี่ทำงานต่อเถอะ”“ได้ยังไง ต้องไปส่งสิ”“งานตัวเองก็ยุ่งอยู่แล้วจะเสียเวลามาส่งผมอีกทำไม ผมไปเองก็กลับเองได้ ไม่นานหรอกครับ”“ไม่เอาจะไปด้วย ไม่อยากอยู่ห้องคนเดียว ขากลับจะได้หาอะไรกินเลยดีไหม แล้วเรื่องรถเซลล์ว่ายังไงบ้าง”“อาทิตย์หน้าก็ได้แล้วครับ”พาลินตัดสินใจซื้อรถยุโรปราคาเกือบสามล้านเพราะบังเอิญว่าคุณยายของเขาได้ข่าวว่าหลานชายจะซื้อรถก็เลยเป็นคนจ่ายเงินให้ จากรถญี่ปุ่นที่ดูไว้เลยกลายเป็นรถหรูยี่ห้อเดียวกับดลธรรมต่างกันแค่สีและขนาด รถดลธรรมสีดำส่วนของเขานั้นสีขาว“เร็วดีเหมือนกันนะ แต่ได้รถแล้วก็อย่าคิดจะไปไหนคนเดียว ยังไงพี่ก็ต้องไปด้วย”“ถ้าผมไปเรียนล่ะ จะไปด้วยไหม” พาลินแกล้งถามเ
เสียงจูบแลกลิ้นดังอย่างต่อเนื่อง เมื่ออารมณ์ของคนทั้งสองกำลังทะยานขึ้นสูงอีกครั้งตอนนี้พาลินคร่อมอยู่เหลือร่างของดลธรรมที่กึ่งนั่งกึ่งนอนแผ่นหลังพิงอยู่กับหมอนใบใหญ่ ฝามือมือร้อนลูบตามผิวเนียน ก่อนจะนวดบั้นท้ายที่สัมผัสทีไรก็รู้สึกจนไม่อยากจะปล่อยพาลินสั่นสะท้านเมื่อรู้สึกว่าความร้อนของท่อนเอ็นกำลังถูอยู่ตรงช่องทางด้านหลังดลธรรมบีบเจลใส่มือแล้วกดนวดขณะที่ปากก็ยังจูบนัวเนียกันอยู่“อื้อ..”เขายกสะโพกขึ้นให้คนพี่สอดนิ้วเข้าไปทีละนิด สองมือเกาะบ่าดลธรรมไว้แน่น ปากที่จูบประกบอยู่เปลี่ยนเป็นดูดแรงตรงลำคอเพื่อระบายความเสียว ยิ่งเขาเพิ่มจำนวนนิ้วพาลินก็ขาสั่นเห็นท่าทางไม่ไหวของพาลินแล้วดลธรรมรีบหยิบถุงยางสวมให้กับตนเอง พออาวุธพร้อมรบก็ประคองสะโพกคนน้องขึ้นสูง จ่อท่อนเอ็นเข้ายังช่องทางคับแน่น“อื้อ พี่...”พาลินพยายามห้ามเสียงร้องของตัวเองแต่มันก็ยังเล็ดลอดออกมาอยู่ดีเขากดสะโพกลงอย่างช้าๆ เพราะรู้ถ้าทิ้งตัวลงมาคงได้จุกแน่ๆ ก็เจ้ามังกรของคนพี่นั้นไม่ธรรมดาเลยทั้งขนาดและความยาว ไม่รู้ว่าชาติแล้วทำบุญด้วยข้าวหลามหรือยังไงพระเจ้าถึงได้ให้มาทั้งยาวและใหญ่เช่นนี้“อ่าห์..แน่นฉิบ ดีเป็นบ้าเลย”