พาลินกลับมาถึงห้องก็รีบอาบน้ำเรียกความสดชื่น แม้ในใจจะยังไม่เหมือนเดิมร้อยเปอร์เซ็นต์แต่มันก็ดีกว่าเมื่อวานอยู่มาก
ไม่คิดเลยว่าการได้พูด ได้ระบายออกจะทำให้เขารู้สึกดีขึ้นได้ ถ้าเมื่อคืนไม่บังเอิญเจอกับดลธรรมก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะเป็นยังไง จะนอนอยู่ตรงนั้นถึงเช้าหรือจะกลับหอตัวเองได้ตอนไหน
พาลินกลับมาให้ความสนใจกับตัวเองอีกครั้ง เขาเก็บของบางอย่างที่เห็นแล้วทำให้นึกถึงคนรักเก่าลงกล่อง เตรียมเอาลงไปทิ้งที่ถังขยะหน้าหอ ในเมื่อถูกเขาทิ้งแล้ว อะไรที่เป็นของกันต์ธีร์ก็ควรจะทิ้งลงขยะเช่นกัน
เก็บของทิ้งจนเหนื่อยก็ถึงเวลาอาหารกลางวัน พาลินลงไปทานข้าวที่ร้านอาหารตามสั่งหน้าหอพัก ช่วงปิดเทอมแบบนี้ไม่ค่อยมีคนอยู่หอ เขาเลยได้อาหารไว้กว่าที่คิด
จัดการกับข้าวผัดปูไปครึ่งจานก็รู้สึกตื้อขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก พยายามสลัดภาพเมื่อคืนออกจากหัวแต่มันก็ยังคงติดตา
พาลินปวดขมับทั้งสองข้างจนต้องเดินไปซื้อยาแก้ปวดหัวที่ร้านขายยาหน้าปากซอย จากนั้นก็กลับมาทานยาแล้วนอนพัก หวังว่าตื่นมาก็คงจะดีขึ้น
เขานอนหลับยาวตั้งแต่บ่ายจนถึงสายของอีกวัน พาลินนึกขึ้นได้ว่าวันนี้มีงานมอเตอร์โชว์วันสุดท้ายและเขาไม่อยากพลาด
ชายหนุ่มรีบเปิดกระเป๋าเพื่อหาตั๋วเข้างานแต่หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ แล้วเขาก็ถอนหายใจเมื่อคิดได้ว่ามันอยู่ในสมุดเล่มเล็กซึ่งเมื่อวันศุกร์ตัวเองหยิบออกมาตอนที่กำลังจะสอนเบจิง
เขารีบหยิบโทรศัพท์แต่ตัวเครื่องก็ดับสนิท พาลินเสียบสายชาร์ต สิบนาทีผ่านไปเขาจึงเปิดเครื่อง
แล้วก็ต้องตกใจเพราะมี miss call จากดลธรรมสิบกว่าสาย ไม่ใช่แค่นั้น เพราะดลธรรมทั้ง sms ทั้ง line มาอีกหลายสิบข้อความ
พาลินรีบโทรกลับทันที
“พาลิน”
“พี่โดม ทำไมต้องทำเสียงตกใจขนาดนั้นครับ”
“จะไม่ให้ตกใจได้ยังไง โทรไปก็ปิดเครื่อง ส่งทั้งข้อความทั้งไลน์ก็ไม่อ่าน นี่พี่กำลังจะไปตามที่หอแล้วนะ เป็นอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าครับ ผมหลับไปตั้งแต่บ่ายเมื่อวาน แล้วมือถือมันก็แบตหมดไปตอนไหนก็ไม่รู้ พี่มีธุระอะไรกับผมหรือเปล่า”
“ไม่มีหรอก ก็แค่เป็นหห่วง”
“ขอบคุณครับ พี่โดมครับ”
“ว่าไง”
“ปกติแล้ววันอาทิตย์บ้านพี่แพรเขาไปไหนกันหรือเปล่าครับ” พาลินอยากไปเอาตั๋วแต่ก็กลัวจะไปไม่เจอใคร
“ถ้าไม่พาเบจิงไปเที่ยวก็อยู่ตลอด มีอะไรหรือเปล่า”
“ผมลืมของไว้ที่นั่นครับ”
“คงเป็นของสำคัญสินะ ถ้าอย่างนั้นเราคงไปเอาพรุ่งนี้”
“ถ้าพรุ่งนี้คงไม่ทันใช้แล้วครับ”
“บอกได้ไหมว่าอะไร” ดลธรรมหาเรื่องคุยถ่วงเวลาเพราะตอนนี้เขากำลังขับรถมายังหอพักของพาลิน
“ตั๋วเข้างานมอเตอร์โชว์ครับ หมดวันนี้แล้วด้วย”
“อยากไปเหรอ”
“ครับ ว่าจะไปดูรถ”
“ถ้าอยากไปเอาตั๋วก็รีบลงมาสิ”
“ผมยังไม่ได้บอกพี่แพรเลยครับว่าจะเข้าไปเอาตั๋ว”
“ไม่ต้องบอกหรอกน่า ไปพร้อมกัน”
“ไปพร้อมกัน พี่โดมหมายถึงอะไรอย่าบอกนะว่าพี่มาหาผมจริงๆ”
“ก็กำลังบอกอยู่นี่ไง รีบลงมาเลย”
“ครับ”
พาลินรีบวางสายก่อนจะคว้ากระเป๋าคาดอกใบเก่งและถอดโทรศัพท์ออกจากที่ชาร์ตแล้ววิ่งลงมาอย่างรวดเร็ว
พอเห็นรถคุ้นตาก็รีบขึ้นไปนั่งข้างคนขับ
“เหนื่อยไหม”
“นิดหน่อย”
“ทำไมต้องวิ่งมาล่ะ”
“กลัวพี่ไม่รอนี่ครับ”
“ก็พี่มารับเราแล้วจะไม่รอได้ยังไงคิดอะไรประหลาดคน” ดลธรรมมองหน้าคนที่วิ่งมาจนเหนื่อยแล้วก็อดขำไม่ได้
ขับรถออกมาได้นิดเดียวเขาก็จอดที่หน้าร้านสะดวกซื้อแล้วรีบลง ก่อนจะกลับมาอีกครั้งด้วยน้ำเปล่าในมือ
“ดื่มน้ำก่อน เดี๋ยวได้เป็นลมพอดี”
“ขอบคุณครับ” พาลินรีบเปิดน้ำดื่มพรวดเดียวครึ่งขวด
“กินข้าวเช้าหรือยัง” เขาถามคนที่นั่งข้างๆ ขณะกำลังหักพวงมาลัยออกจากข้าง
“ยังเลยครับ พี่กินยัง”
“ยังเลย วันอาทิตย์ร้านข้าวส่วนใหญ่ปิดหมดเลยว่าจะไปขอให้ที่บ้านพี่แพรทำให้กินสักหน่อย พาลินอยากกินอะไร”
“ไม่กินได้ไหมผมเกรงใจ นี่มันเลยเวลาอาหารมาแล้วด้วย”
“ไม่เป็นหรอกน่า ป้าสายแกใจดีจะตาย”
“ก็พี่โดมเป็นเจ้านาย แต่ผมไม่ใช่”
“อยู่กับพี่อย่าคิดมากเลย”
รถหรูแล่นเข้ามายังหน้าบ้าน กดรีโมตประตูก็เปิดกว้าง
พอเข้ามาในบ้านก็ไม่เจอกับเจ้าของ เขาโทรหาจึงได้รู้ว่าแพรรดาพาลูกชายกับสามีไปทำบุญที่วัด
ดลธรรมเลยเดินมาบอกป้าสายที่กำลังทำความสะอาดครัวอยู่ พอเขาบอกว่าหิวบอกว่าหิว ป้าสายก็รีบวางงานในมือแล้วทำข้าวผัดกุ้งและแกงจืดเต้าหู้หมูสับให้อีกชามใหญ่
“ขอบคุณนะครับป้าสาย อร่อยมากครับ” พาลินชิมไปแค่คำเดียวก็รีบบอก
“อร่อยก็ต้องทานเยอะๆ นะคะ ถ้าไม่พอก็บอกนะคะป้าจะตักเพิ่มให้”
“พอแล้วครับ แค่นี้ผมก็อิ่มมากแล้วครับ” พาลินกล่าวด้วยความเกรงใจ
พอทานเสร็จเขาก็ไปเอาตั๋วที่ลืมไว้ในห้องกลับออกมากก็เจอกับเบจิงที่เพิ่งกลับจากไปทำบุญที่วัดกับบิดามารดา
“พี่ลิน” เด็กชายวิ่งเข้าหาอ้อมกอดของคุณครูด้วยความคิดถึง
“สวัสดีครับพี่แพร พี่ปรานต์ ผมขอโทษนะครับที่มารบกวน”
“ไม่รบกวนเลย แล้วได้ตั๋วหรือยังล่ะ” แพรรดารู้จากน้องชายว่าเขาจะพาคุณครูของลูกชายเข้ามาเอาตั๋วที่ลืมไว้ พอได้ยินแบบนั้นก็รีบกลับบ้านเพราะเบจิงอยากเจอคุณครู
“ได้แล้วครับ”
“พี่ลินคร้าบวันนี้อยู่เล่นกับเบจิงได้ไหมคร้าบ” เด็กน้อยทำเสียงอ้อนพลางกอดอย่างประจบ
“เบจิงครับ พี่ลินต้องไปทำธุระต่อนะลูก” แพรรดารีบบอกลูกชาย
“พี่ลินขอโทษนะครับ ที่อยู่เล่นกับเบจิงไม่ได้”
“น่าเสียใจจัง” เบจิงทำหน้าเศร้าจนผู้ใหญ่เห็นแล้วต้องกลั้นหัวเราะ
“เอาอย่างนี้ไหมครับ พรุ่งนี้พี่ลินจะมาสอนก่อนเวลาหนึ่งชั่วโมง พอสอนเสร็จก็จะเล่นกับเบจิงดีไหมครับ”
“สัญญานะครับ” เด็กชายยกนิ้วก้อยขึ้นมาและพาลินก็ยกนิ้วของตัวเองเกี่ยวก่อนจะหอมแก้มสองข้างอย่างเอ็นดู
“พี่ลินสัญญาครับ”
“แล้วจะไปยังไงล่ะ เดินไปขึ้นรถที่หน้าปากซอยอีกเหรอ”
“ว่าจะติดรถพี่โดมไปครับ”
“อ้าว โดมไม่อยู่คุยกับพี่ก่อนเหรอ” แพรรดาแกล้งถามน้องชายทั้งที่รู้ว่ายังไงเขาก็ต้องปฏิเสธ
“เอาไว้วันหลังนะครับพี่แพร เบจิงครับน้าโดมไปก่อนนะครับเดี๋ยวจะแวะมาหาใหม่” เขาตอบพี่สาวก่อนจะหันไปบอกหลานชาย
“คร้าบน้าลิน”
พอลาเจ้าของบ้านทั้งเด็กและผู้ใหญ่แล้วพาลินก็เดินตามหลังดลธรรมมายังรถหรูสัญชาติยุโรปของเขา
“พี่โดมส่งผมที่หน้าปากซอยก็ได้ครับ เดี๋ยวผมขึ้นรถไฟฟ้าเองได้ครับ”
“พี่ว่าพาลินใจร้ายอะ”
“ผมเนี่ยนะใจร้าย” เขาหันไปมองคนที่กล่าวหาอย่างไม่เข้าใจ
“อือ ใจร้ายมากด้วย” ดลธรรมยังคงพูดต่อ
“อย่ามากล่าวหากันสิครับ ผมใจร้ายตรงไหน”
“พี่เห็นนะว่ามีตั๋วสองใบ แต่ไม่คิดจะชวนพี่ไปด้วยเลย”
พาลินก้มมองตั๋วในมือ เขาลืมไปเลยว่าตัวเองมีตั๋วสองใบ
“ขอโทษครับ ผมลืมว่ามีตั๋วสองใบ พี่โดมจะไปกับผมไหม”
“ไปสิ” เขาตอบโดยไม่ต้องใช้เวลาคิด ถึงแม้พาลินจะไม่ชวนเขาก็มีวิธีที่จะตามไปอยู่แล้วเพราะเขาเองก็มีตั๋วเข้างานอยู่เหมือนกัน
“พี่โดมไปด้วยก็ดีเหมือนกันครับ ผมจะได้ไม่ต้องเดินคนเดียว”
“ตอนแรกคิดจะไปกับแฟนเหรอ” แล้วดลธรรมก็แทบอยากจะตบปากตัวเองที่ถามออกไปแบบนั้น
“ครับ” หน้าคนพูดสลดลงอย่างเห็นได้ชัด เขาชวนกันต์ธีร์ไว้แล้ว และอีกฝ่ายก็ตอบตกลง เขาบอกพาลินว่าจะกลับมาเย็นวันเสาร์ ชายหนุ่มเลยคิดจะไปทำความสะอาดห้องไว้รอ แต่ไม่คิดว่าจะเจอคนรักของตัวเองอยู่ที่นั่นกับคนอื่น
“ไปกับพี่แทนได้ใช่ไหม”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ พี่พอรู้เรื่องรถไหม” พาลินอยากหาใครสักคนที่ปรึกษาเรื่องรถได้
“สนใจซื้อรถเหรอ”
“กำลังดูๆ อยู่ครับ เปิดเทอมผมต้องไปฝึกงาน ไม่รู้ว่าจะต้องไปฝึกที่ไหน ก็เลยอยากหาดูรถสักคันเผื่อไว้ครับ”
“ลินมั่นใจได้เลยว่ามากับรับรองไม่ผิดหวัง” ดลธรรมให้ความมั่นใจ เขาไม่ได้หมายถึงแค่เรื่องมาดูรถแต่เขาหมายตัวเขาจะไม่ทำให้พาลินผิดหวัง
เพราะเป็นวันสุดท้ายของการจัดงานคนเลยมากกว่าทุกวัน กว่าทั้งสองคนจะหาที่จอดรถได้ก็ผ่านไปเกือบชั่วโมงพาลินเกรงใจดลธรรมมากที่ทำให้ต้องลำบาก แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ออกอาการหงุดหงิดให้เห็นเลยสักนิด“ขอโทษนะครับพี่โดม ผมทำพี่ลำบากเลย”“ลำบากยังไง”“ก็ลำบากที่ต้องวนหาที่จอดรถไงครับ”“ไม่ใช่ความผิดของเรานี่ มางานแบบนี้ก็ต้องเผื่อใจไว้บ้าง แต่เราก็ยังโชคดีที่ได้ที่จอด ต้องขอบคุณเรามากกว่าที่ตาไวเห็นว่าเขากำลังจะกลับ”“พี่พูดอย่างกับว่าผมไปกอบกู้โลกมาเลยนะครับ”ดลธรรมฟังแล้วก็หัวเราะ เห็นว่าพาลินไม่ทำหน้าหงอยแล้วเขาก็เบาใจ“อยากไปบูธไหนก่อน”“ยังไม่รู้เลยครับ แต่ผมอยากได้รถญี่ปุ่นราคาไม่แรงมากครับ”ทั้งสองพากันมาดูแผนที่ก่อนจะเข้าไปในงานเพื่อไม่ให้เสียเวลา“งั้นไปโซนนี้กันก่อนเลย”“เดี๋ยวค่อยไปดูก็ได้ ไปดูรถที่พี่อยากดูก่อน”“พี่ดูมาแล้ว”“ตอนไหนครับ มาแล้วทำไมยังมาอีก”“มาเสาร์ที่แล้ว แต่มาแล้วก็มาอีกได้ใครเขาห้ามกันล่ะ บางคนยังมาทุกวันเลย”“อ๋อ ผมเข้าใจแล้ว พี่มาดูพริตตี้ใช่ไหม” พาลินบอกอย่างรู้ทัน ผู้ชายก็คงไม่มีอะไรมากถ้ามาแล้วมาอีกก็คงไม่พ้นมาดูสาวสวยๆ“พี่มาดูรถ”“ไม่ต้องอายหรอกน่า มาดูหญิ
กลับมาถึงหอก็วิดีโอคอลคุยกับเพื่อนทั้งสองคน พาลินไม่มีอะไรปิดบังเพื่อนทั้งสองคนอยู่แล้ว เขาเลยเล่าทุกอย่างที่ได้เห็นในวันนั้นให้กับทั้งสองคนฟังตั้งแต่เลิกกับกันต์ธีร์หัวใจของพาลินก็ปิดตาย เขาไม่คิดจะคบใครอีกแล้ว เพราะตอนนี้ก็มีความสุขดี การไม่มีแฟนก็ใช่ว่าชีวิตจะดำเนินต่อไปไม่ได้ สองเดือนแล้วที่พาลินไม่มีกันต์ธีร์ในชีวิตชายหนุ่มยังคงไปสอนที่โรงเรียนสอนภาษา ตกเย็นก็ไปสอนเบจิงที่บ้านเหมือนเดิม แต่พาลินไม่ต้องเดินออกมาที่ปากซอยคนเดียวแล้ว เพราะช่วงนี้ดลธรรมมักจะไปทานข้าวเย็นที่บ้านพี่สาวและชวนเขาติดรถมาด้วยทุกครั้งแต่ถ้าวันไหนชายหนุ่มไม่มาพาลินก็จะเรียกแกรปให้มารับ ถ้าเป็นแต่ก่อนก็คงจะกังวลว่ากันต์ธีร์จะมารับไหม แต่พอตัดเขาออกไปจากชีวิตการตัดสินใจทุกอย่างก็ง่ายขึ้นวันนี้พาลินมีนัดกับโชว์รูมรถแห่งหนึ่ง เขาจะไปลองขับดูสักครั้ง ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ“ว่าไง โอเคไหม” ดลธรรมถามหลังจากเขาลองขับรถและพากันมาทานข้าวที่ร้านแห่งหนึ่งบนศูนย์การค้า“ก็ดีครับ คันเล็กคล่องตัวดี”“ก็ดี หมายความว่ายังไม่ค่อยดีใช่ไหม”“พูดไม่ถูกครับ มันก็ชอบอยู่หรอก คันเล็กคล่องตัว การตกแต่งก็โอเค แต่เริ่มลังเลนิดหน่อย
ดลธรรมเดินกลับมาที่รถ เขาก็เห็นปณิชญาออกมาเรียกแท็กซี่จากนั้นก็ขึ้นรถออกไปจากหน้าโรงพยาบาลเขากับหญิงสาวเลิกกันได้สองปีแล้ว สาเหตุก็เพราะปณิชญามีคนอื่นและไม่ใช่ใครที่ไหน ผู้ชายคนนั้นเป็นเพื่อนสนิทของดลธรรมชายหนุ่มยอมรับว่าทั้งโกรธและเสียใจ แต่เวลาผ่านไปก็ทำใจยอมรับได้ อะไรที่มันไม่ใช่ของตัวเองเขาก็ไม่อยากจะรั้งไว้ ถึงตอนนี้เธอก็ไม่มีอิทธิพลกับเขาอีกแล้วแต่คนที่กำลังเข้ามาอิทธิพลกับหัวใจของเขาทีละนิดกลับเป็นพาลิน คุณครูของหลานชายที่ทำให้เขาใจเต้นแรงตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอ แม้ตอนนั้นจะรู้ว่าอีกคนนั้นมีแฟนแล้วแต่ความรู้สึกก็ยังคงเหมือนเดิมเขาไม่รู้ว่าพาลินจะกลับถึงหอพักหรือยังเพราะนี่ก็ผ่านมาเป็นชั่วโมงแล้วที่ดลธรรมออกมาจากศูนย์การค้า เพราะเป็นห่างและรู้สึกผิดที่ปล่อยให้พาลินเดินคนเดียวและกลับคนเดียวเขาจึงรีบโทรหา“ครับพี่โดม ธุระเรียบร้อยแล้วเหรอครับ” ปลายสายถามอย่างเป็นห่วง“ครับ โอเคแล้ว กลับถึงหอหรือยัง”“ยังครับ ผมว่าจะดูหนังแล้วค่อยกลับ”“ดูกับใคร” เขารีบถาม“คนเดียวครับ”“หนังฉายกี่โมง”“หกโมงครับ”“จองตั๋วให้หน่อยสิ เดี๋ยวไปดูด้วย”“อีก 45 นาทีพี่จะมาทันเหรอครับ”“คิดว่าทันนะ
“ขอบคุณนะครับสำหรับวันนี้” พาลินกล่าวขอบคุณเมื่อเขาขับรถมาจอดที่หน้าปากซอย“แล้วไปดูหนังกันอีกนะ ครั้งหน้าพี่จะรีบมาให้ตรงเวลา”“ครับ พี่อยากดูเรื่องอะไรนัดมาเลยครับ ช่วงนี้ผมว่าง”“ไม่ไปทำงานเหรอ”“ไม่ครับ สัปดาห์หน้าก็เปิดเทอมแล้วครับ เลยอยากพักสักหน่อย”“งั้นค่อยนัดกันอีกทีละกันนะ”“ครับ พี่โดมอย่าลืมไก่หลังรถนะ” พาลินรีบเตือนเพราะถ้าเขาลืมพรุ่งนี้มันคงได้กลายเป็นไก่เน่าแน่ๆ“อือ”พาลินลงจากรถแล้วเดินไปยังหอพักวันนี้มีหลายคนเริ่มกลับมากันบ้างแล้ว เพราะอีกไม่กี่วันก็จะเปิดเทอม บรรยากาศก็เลยดูครึกครื้นเป็นพิเศษ พอเขาเดินมาถึงก็โบกมือให้ดลธรรมเพื่อให้ชายหนุ่มจะได้กลับคอนโดของตัวเอง“ลิน ไปไหนมา กลับดึกเชียวนะ” เจหรือเจษฎาเพื่อนร่วมหอพักที่นั่งอยู่ตรงม้าหินอ่อนทักทายขึ้น“ไปดูหนังมา มึงล่ะ เพิ่งมาวันนี้เหรอ”“อือ เพิ่งมาถึงขนของเพิ่งเสร็จกำลังจะขึ้นห้องก็เห็นมึงเดินมา พี่กันต์มาส่งเหรอ” เจษฎาเป็นรุ่นน้องคณะวิศวะจึงรู้จักกับกันต์ธีร์เป็นอย่างดี“ไม่ใช่พี่กันต์หรอก กูเลิกกันแล้ว”“งั้นแฟนใหม่เหรอหาได้เร็วดีนี่”“แฟนใหม่ที่ไหนล่ะ เขาเป็นน้าชายของเด็กที่กูไปสอนพิเศษช่วงปิดเทอม ว่าแต่มึงเถอ
สายวันอาทิตย์พาลินทำความสะอาดห้องจนสะอาด จากนั้นก็เอาชุดนักศึกษาไปส่งที่ร้านซักรีด วันจันทร์หน้าเขาต้องกลับไปเรียนที่มหาวิทยาลัยก่อนจะเริ่มต้นฝึกงานในสัปดาห์ถัดไปร้านอาหารตามสั่งใกล้ๆ กับหอพักกลับมาคึกคักอีกครั้ง พาลินนั่งทานข้าวกับเพื่อนร่วมหอพักคนหนึ่ง เขาไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวแต่ก็เคยเห็นหน้ากันบ้าง ทั้งที่มหาวิทยาลัยและที่หอพัก เขายิ้มทักทายจากนั้นก็นั่งทานของตัวเองจนอิ่มหอนี้อยู่ใกล้มหาวิทยาลัยมาก ค่าเช่าก็เลยมากตามไปด้วย คนอื่นอาจแชร์กันอยู่สองหรือสามคน แต่พาลินเลือกที่จะอยู่คนเดียวเพราะตอนเข้ามาเรียนที่นี่เขายังไม่ไว้ใจใครถึงขั้นให้มานอนด้วย แม้จะเหงาแต่ก็มีเพื่อนที่ไปมาหาสู่กันตลอดอีกอย่างเรื่องค่าเช่าก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะถึงแม้จะไม่มีบิดามารดาแต่พาลินก็มีเงินจำนวนหนึ่งที่เขาได้จากประกันชีวิตของบิดามารดารวมถึงค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนที่ปู่กับย่าของเขาส่งให้กลับมาบนห้องก็นอนเล่นมือถือจนเบื่อ จึงโทรศัพท์ไปหามีนากับพราวรุ้ง แต่สองคนนั้นยังไม่กลับมาจากบ้าน จะไปคอนโดของดลธรรมก็รู้สึกเกรงใจ“เฮ้อ! เหงาชะมัด” พาลินบ่นก่อนจะล้มตัวลงนอน แล้วเขาก็หลับยาวจนเย็นพอตื่นมาก็คว้าโทรศัพท์มาดู
ทั้งสองออกจากห้องพักและพากันขึ้นลิฟต์มายังชั้นดาดฟ้าซึ่งมีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่อยู่บนนี้“ทำตัวตามสบายไม่ต้องกลัวจะเจอเขาหรอกน่า” ดลธรรมเห็นอีกคนหันซ้ายหันขวามองไปรอบสระก็พูดขึ้น“ผมไม่ได้คิดแบบนั้นสักหน่อย ผมก็แค่สงสัยว่าทำไมคนน้อยจัง” เพราะเป็นเย็นวันอาทิตย์แต่บริเวณสระว่ายน้ำกลับมีคนว่ายน้ำอยู่ไม่กี่คน แถมยังเป็นชาวต่างชาติด้วย“ก็น้อยแบบนี้เป็นปกติอยู่แล้ว ไม่ดีเหรอ”“ดีครับ ผมว่ายไม่เก่งจะได้ไม่อายใคร” ว่าแล้วเขาก็ถอดเสื้อยืนตัวยาวออกจากนั้นก็นั่งห้อยขาอยู่ริมขอบสระดลธรรมถอดเสื้อของตัวเองออกบ้างจากนั้นเขาก็ลงไปในสระ หันมามองพาลินก็ต้องแอบกลืนน้ำลาย เพราะนอกจากผิวขาวแล้วชายหนุ่มคนน้องยังมีกล้ามเล็กสมส่วน ดูก็รู้ว่าคงออกกำลังอยู่บ่อยๆ เขาเห็นว่าชายหนุ่มเป็นคนตัวเล็กแต่ไม่คิดว่าจะมีร่างกายที่สวยงามเช่นนี้“ไม่ลงมาเหรอ” ดลธรรมว่ายมาใกล้ เกยคางกับขอบสระเอียงคอถาม ยิ่งอยู่ใกล้ก็ยิ่งเห็นร่างกายของอีกคนชัดขึ้นลมหายใจเขาสะดุดแต่ต้องรีบปรับสีหน้าเป็นปกติก่อนจะว่ายออกห่างขึ้น พาลินกระโดดแล้วว่ายตามเขาไประหว่างว่ายน้ำกันอยู่นั้นก็มีคนในคอนโดว่ายเข้ามาทักทายดลธรรมเป็นระยะ ดูเหมือนเขาจะเป็นขวั
พาลินรู้สึกตัวในเวลาหกโมงเช้าเพราะเมื่อคืนดื่มไปเยอะจึงอยากเข้าห้องน้ำ พอลืมตามองก็เห็นว่าตอนนี้ตัวเองไม่ได้อยู่ที่หอพักของตนเอง และยังนอนอยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายคนหนึ่งภาพเหตุการณ์เมื่อคืนพาลินจำได้ไม่ทั้งหมดแต่ก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รู้ว่าความสัมพันธ์ไม่ได้ลึกซึ้งแต่เขาก็ไม่คิดว่าระหว่างตัวเองกับดลธรรมจะทำอะไรแบบนั้นที่ผ่านพาลินเข้าใจมาตลอดว่าดลธรรมนั้นเคยมีแฟนเป็นผู้หญิงแต่ความรู้สึกที่รับรู้ได้ เขามั่นใจว่าดลธรรมต้องเคยมีอะไรกับผู้ชายมาก่อนอย่างแน่นอนไม่รู้ว่าที่เกิดขึ้นเพราะเมาด้วยกันทั้งคู่หรือเพราะจริงๆ แล้วต่างฝ่ายต่างมีใจให้กัน แต่พาลินก็อายเกินกว่าจะอยู่สู้หน้าเขา ชายหนุ่มคิดว่าจะถอยไปตั้งหลักที่หอของตนเองก่อน อย่างน้อยก็ได้ทบทวนความรู้สึกของตนเองที่มีต่อดลธรรมอีกครั้งพาลินกลับมาถึงห้องพักก็รีบอาบน้ำแปรงฟัน พอเห็นรอยแดงที่ซอกคอก็อดคิดถึงใบหน้าของคนทำให้เกิดรอยไม่ได้ ร่างกายรู้สึกร้อนขึ้นมาอีกครั้ง ความเป็นชายตื่นตัวอย่างคุมไม่อยู่ พาลินหลับตานิ่งสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามข่มความต้องการ แต่มันไม่ได้ผลเลยสักนิดเขาต้องช่วยตัวเองอย่างที่เคยทำ แต่ครั้งนี้นึกถึงใบหน้าแดงก่ำของดลธรร
ทั้งสามคนพากันมาเดินที่ห้างสรรพสินค้าที่อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นห้างที่พาลินและดลธรรมเคยมาเดินด้วยกัน มันทำให้พาลินคิดถึงเขาอย่างห้ามไม่ได้ ไม่รู้เพราะคิดถึงมากเกินไปหรือเปล่าเพราะตอนนี้พาลินเห็นผู้ชายคนหนึ่งในร้านโทรศัพท์ดูยังไงก็เหมือนดลธรรมเขาหยุดเดินจนเพื่อนที่เดินนำหน้าไปแล้วเดินกลับมาตาม“มีอะไรหรือเปล่า” พราวรุ้งถามขึ้น“เราว่าเราเจอพี่โดม” ชายหนุ่มชี้ไปยังร้านโทรศัพท์ที่ข้างหน้า“เข้าไปทักไหม”“ไม่ดีกว่า เผื่อเขามาทำธุระ” พาลินไม่รู้จะเริ่มต้นคุยกับเขายังไง จึงเลี่ยงจะเดินไปอีกทางแล้วก็รู้สึกถึงแรงสั่นของมือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงพอล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาก็เห็นว่าเป็นสายโทรเข้าจากดลธรรม“รับเลย” มีนารีบบอกพลางมองไปยังคนที่กำลังโทรเข้าซึ่งเพิ่งเดินออกมาจากร้านโทรศัพท์“สวัสดีครับพี่โดม” พาลินทำเสียงเรียบทั้งที่ในใจเต้นแรงเพราะดีใจที่เขาโทรมาหา“ขอโทษนะครับที่เพิ่งโทรมาพอดีโทรศัพท์พังแล้วพี่ก็ต้องรีบไปจีนเพิ่งกลับมาถึง พาลินอยู่ไหน กินข้าวหรือยัง พี่มีเรื่องจะคุยด้วย”“ผมมาเดินเที่ยวกับเพื่อนครับ ยังไม่ได้กินข้าว พี่ล่ะกินหรือยัง” พอรู้เหตุผลที่เขาเงียบไปรู้สึกดีขึ้นจนเผลอ
สัมผัสที่เร่าร้อนของเรียวปากหยักจูบแลกลิ้นกันอยู่อย่างนั้น พาลินหลงใหลไปกับรสจูบที่คนรักมอบให้ สองมือดันผนังห้องน้ำเอี้ยวคอมาจูบ สะโพกกลมขาวกดแนบชิดกับท่อนเอ็นร้อนเสียงคนพี่ครางในลำคอ เขาอยากกลืนกินคนช่างยั่วตั้งแต่เห็นรูปที่ส่งไปให้ ดลธรรมไม่ลังเลเลยที่จะรีบขับรถกลับมาที่คอนโด แล้วเขาก็ไม่ผิดหวังเมื่อรู้ว่าพาลินกับเขาต่างมีความต้องการเหมือนกัน“พาลินยั่วพี่เองนะครับ”“ถ้าน้องยั่วแล้วพี่ไม่อยากพี่จะกลับมาเหรอ”“นั่นยั่วอีกแล้ว”“น้องยั่วแล้วพี่อยากไหม”“ไม่ยั่วก็อยากครับ ยันผนังไว้นะครับพี่จะลงโทษคนยั่วแล้ว”ดลธรรมจูบไซร้ไปตามท้ายทอยและซอกคอ กัดติ่งหูคนด้านหน้าเบาๆ เพราะเป็นจุดอ่อน แค่นั้นพาลินก็ร้อนวูบวาบไปทั่วทั้งตัวฝ่ามือร้อนไล้ไปทั้งแผงอกบีบคลึงเบาๆ บนยอดสีสวย สะโพกก็กดลงไปยังบั้นท้าย เสียงหวานครางแผ่วเบา สะโพกแอ่นโค้งเด่นคนตัวโตกดครีมอาบน้ำสูตรอ่อนโยนลงบนปลายนิ้วกลางจากนั้นลากไปตามช่องทางสีสวยกดลงไปช้าๆ ค่อยเพิ่มจำนวนนิ้วเป็นสองและสาม พาลินครางสะท้านรู้สึกถึงความคับแน่นที่กำลังนวดผนังด้านใน“อื้อ...พี่”เขาสะดุ้งเมื่อจุดอ่อนไหวด้านในถูกกระตุ้นเพียงแค่นั้นตัวตนของเขาก็ปวดหนึบ ม
หลังจากตรวจเสร็จและรับยาแล้วรถกระบะคันเดิมก็มาส่งดลธรรมและพาลินที่สนามบิน“พี่หน้าผมยังมีผื่นอยู่ไหม”“ยังมีอีกนิดหน่อย ใส่มาสก์ไปก่อน”“หมอบอกว่าเดี๋ยวมันก็หายไงครับ”“มันต้องใช้เวลาไง เดี๋ยวกลับถึงกรุงเทพถ้าผื่นยังไม่ยุบลงพี่จะพาไปหาหมออีกรอบ”“ไม่เอาแล้วไม่หาแล้ว ไปอีกก็โดนฉีดยาอีก”พาลินทานยาแก้แพ้ตั้งแต่อยู่บนเขาแต่พอมาถึงโรงพยาบาลผื่นก็ยังไม่หายและดูเหมือนจะขึ้นมากกว่าเดิมหมอเลยต้องฉีดยาเพราะมันได้ผลเร็วกว่า รวมถึงให้ยาทาแก้คันมาด้วยตอนนี้พาลินเลยสีชมพูไปทั้งตัว ยังดีที่เขามีเสื้อคลุมแขนยาวเลยไม่ค่อยอายคนเท่าไหร่แต่ที่ต้องอายก็คงจะเป็นคนที่นั่งอยู่ข้างเพราะเขาเป็นคนทายาให้กับตนเองทั้งตัว“ยามันง่วงเดี๋ยวขึ้นเครื่องเราจะหลับเลยก็ได้ ถึงแล้วพี่จะปลุกเอง”“บินนานไหมครับ” เพราะขามาเขานั่งรถมาเพื่อนๆ เลยไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาเท่าไหร่“ไม่นานครับ ประมาณชั่วโมงหนึ่งครับ หลับแป๊บเดียวก็ถึงกรุงเทพแล้ว”“ผมหวังว่าถึงกรุงเทพแล้วผมจะหายนะ”“แต่พี่ว่าอย่าเพิ่งหายเลย ชมพูไปทั้งตัวแบบนี้ก็น่ารักดี”“ไม่ตลกนะครับพี่ มันคันไปทั้งตัวเลย”“อดทนอีกนิดนะครับ ถึงคอนโดจะเอาน้ำเย็นเช็ดให้”พอขึ้นเครื่อง
ดลธรรมไม่อยากให้พาลินพลาดการเข้าค่ายอาสาซึ่งเป็นกิจกรรมที่ชายหนุ่มทำมาทุกปีตั้งแต่เข้าเรียนมหาวิทยาลัย และถ้าปีสุดท้ายมาได้เข้าร่วมคงจะเป็นอะไรที่น่าเสียดายมากถึงแม้จะทั้งหวงทั้งห่วงแต่เขาก็ไม่อยากพรากความทรงจำในวัยเรียนของคนรัก และนั่นก็คือเหตุผลที่ตอนนี้เขามานั่งอยู่ข้างคนขับรถกระบะสีประตูขับเคลื่อนสี่ล้อซึ่งกำลังมุ่งหน้าไปยังจุดที่นักศึกษามาออกค่ายเดิมทีก็ตกลงจะมาด้วยกัน แต่เพราะเขามีงานที่ยังเคลียร์ไม่เรียบร้อยจึงต้องยอมปล่อยให้คนน้องมาเข้าค่ายกับเพื่อนพาลินงอนนิดหน่อยที่เขาไม่ทำตามที่พูด แต่ก็ตัดสินใจมากับเพื่อน เพราะอยากใช้ชีวิตในช่วงเรียนมหาวิทยาลัยให้คุ้มค่าที่สุด ส่วนตัวเขาก็รีบเคลียร์งานแล้วตามมาทีหลังโดยไม่ได้บอกพาลินแค่สองสามที่ต้องนอนอยู่คนเดียวเขาก็ทรมานเกินไปแล้ว“อันที่จริงมันก็ไม่ไกลหรอกนะครับ แต่ทางมันค่อนข้างลำบากมันเลยดูเหมือนไกล” เสียงคนขับรถกระบะทำให้เขาหลุดออกจากภวังค์“ครับ”ดลธรรมให้ลูกน้องที่บริษัทซึ่งบังเอิญเป็นคนพื้นที่ช่วยติดต่อเช่ารถพร้อมคนขับไปส่งที่หมู่บ้านบนเขาชายหนุ่มนั่งเครื่องมาลงที่สนามบินพิษณุโลกตั้งแต่เช้าจากนั้นก็ให้คนขับรถพาไปซื้อไก่ทอด โด
ดลธรรมและพาลินย้ายกลับมาอยู่ที่คอนโดเพราะอยากให้มารดาได้ทำความรู้จักและปรับตัวกับเบจิงได้มากขึ้นแต่เขากับพาลินก็ยังแวะไปทานอาหารเย็นด้วยอยู่บ่อยๆ ดูเหมือนว่าเบจิงจะเข้ากันได้ดีกับคุณยายของตนเองแม้พาลินจะมีรถเป็นของตัวเองแล้ว แต่ดลธรรมก็ยังมารับส่งที่มหาวิทยาลัยเป็นบางวัน“พี่โดม ขอโทษทีครับคุยกับเพื่อนนานไปหน่อย”“ไม่เป็นไร แล้วตกลงเอาไงเราจะไปค่ายกับเพื่อนไหม” ช่วงวันหยุดยาวติดกันชมรมค่ายอาสาจะพากันไปออกค่ายที่พิษณุโลก“กำลังตัดสินใจอยู่ครับ”“ทำไมดูตัดสินใจยากจัง แต่ก่อนเห็นตื่นเต้นจะไป”“ก็ตอนนั้นยังไม่มีแฟน ตอนนี้มีแฟนแล้วติดแฟนครับ”“ฟังคำตอบแล้วชื่นใจจัง”“ถ้าผมไปพี่จะคิดถึงผมไหม”“ถ้าเราไปพี่ก็ไปด้วยครับ ไม่อยากนอนคนเดียว”“ถ้าผมไม่ไปก็เหมือนจะเอาเปรียบคนอื่นอยู่ที่ไม่ช่วยออกแรงอะไรเลย”“แต่พี่ก็ช่วยเรื่องคอมไปตั้ง 10 ชุดแล้วนะครับ”“นั้นมันส่วนของพี่ แต่ผมไม่ได้ทำอะไรเลย”“ถ้าอยากรู้สึกมีส่วนร่วมกับคอมห้าชุดนั่นก็แค่..”“แค่อะไรครับ” พาลินหันมามองคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย พอเห็นหน้าเขาก็เดาออกทันทีว่าตอนนี้สิ่งที่คนพี่ต้องการคืออะไร เพียงแค่คิดพาลินก็หน้าแดงขึ้นมาทันที“นานเ
คุณแพรเพ็ญและจอห์นสามีใหม่บินกลับมาทันทีหลังจากดลธรรมโทรไปบอกว่าย่าของเบจิงจะพาเบจิงไปอยู่ด้วยเธอเสียลูกสาวไปคนหนึ่งแล้วจึงไม่อยากจะเสียหลานชายไปอีกคน เพราะรู้ว่าที่ฝ่ายนั้นอยากพาเบจิงไปก็เพื่อต่อรองกับดลธรรมให้รับผิดชอบเด็กในท้องของปณิชญาเท่านั้น“คุณยายครับ ตาจอห์นบอกว่าที่บ้านตามีหิมะด้วยจริงไหมครับ”“จริงสิ เบจิงอยากไปดูหิมะไหม”“อยากไปครับ แต่เบจิงต้องไปโรงเรียนคงไปกับคุณยายไม่ได้”“ที่นั่นก็มีโรงเรียนครับ เดี๋ยวยายจะให้เบจิงดูนะครับว่าโรงเรียนที่นั่นเป็นยังไงบ้าง อยากดูไหมครับ”“อยากดูครับ พี่ลินมาดูด้วยกันไหม” เบจิงเรียกพาลินที่กำลังเดินถือผลไม้จานใหญ่ให้มาดูด้วยกันอีกคนแพรเพ็ญเปิดคลิปแนะนำโรงเรียนประถมในประเทศออสเตรียให้กับหลานชายดู เพราะเธอกับสามีคุยกันแล้วว่าจะรับเบจิงไปอยู่ที่นั่นในฐานะลูกชายของทั้งสองคนดลธรรมก็เห็นด้วยกันมารดาเพราะอยากให้เบจิงมีอนาคตที่ดี ลำพังเขากับพาลินคนดูแลเด็กชายได้ไม่ดีพอแต่ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับเบจิงว่าอยากจะย้ายไปอยู่ที่นั่นไหม ตอนนี้ทั้งมาลีและป้าสายก็เริ่มฝึกภาษาอังกฤษกับจอห์นเพราะแพรเพ็ญอยากให้สองนั้นย้ายไปอยู่ด้วยกันทุกคนที่นี่เตรียมวางแผนก
สามเดือนแล้วที่แพรรดาจากไปและเบจิงอยู่กับดลธรรมและพาลินในบ้านหลังใหญ่ ชีวิตของเด็กชายกลับมาสดใสอีกครั้ง เสียงหัวเราะดังออกมานอกบ้านจนคนที่เพิ่งมาถึงยิ้มอย่างพอใจ“สวัสดีครับคุณย่า” เบจิงยกมือทักทายผู้เป็นย่าที่เจอกันครั้งสุดท้ายในงานศพของผู้เป็นมารดา“น้าชายเราไปอยู่ไหนแล้วล่ะ”“มีธุระอะไรกับผมเหรอครับแม่” ดลธรรมยังเรียกเธอว่าแม่อย่างเดิมเพราะอยากให้เกียรติในฐานะที่เธอเป็นย่าของเบจิงเขาค่อนข้างแปลกใจที่คุณปราณีมาหาถึงที่บ้าน เพราะตลอดหลายเดือนมานี้ท่านไม่เคยแวะมาที่นี่เลยสักครั้ง“แม่เรากลับไปแล้วใช่ไหม” คุณปราณีถามถึงแพรเพ็ญ“เพิ่งบินกลับไปสองวันก่อนมีธุระอะไรกับท่านหรือเปล่าครับ”“เปล่า แม่แค่อยากคุยกับโดมสักหน่อย”“ได้ครับ เบจิงไปหาพี่ลินก่อนนะครับน้าขอไปคุยธุระกับคุณย่าก่อน”“ครับน้าโดม”ชายหนุ่มพาคุณปราณีมายังห้องทำงานของตนเองที่ครั้งหนึ่งมันเคยเป็นของพี่สาวและพี่เขย“โดม แม่จะคุยกับเราเรื่องเบจิง”“มีอะไรเหรอครับ“แม่จะพาเบจิงไปอยู่ด้วย”“แต่เบจิงอยู่กับผมก็มีความสุขดี แม่ก็เห็นว่าเขากลับมาร่าเริงแล้ว”“แต่แม่อยากให้หลานไปอยู่กับแม่”“ผมว่าแม่ไม่มีสิทธิ์จะทำแบบนั้นนะครับ“มีสิ
งานศพของปรานต์ผ่านมาแล้วสองสัปดาห์ แต่ภรรยาของเขาก็ยังคงนอนไม่ได้สติ แผลจากภายนอกร่างกายนั้นหายดีแล้ว แต่สมองของเธอยังคงบวมอยู่หมอต้องผ่าตัดระบายเลือดออกอีกครั้ง แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมาเลยมารดาของดลธรรมและสามีใหม่บินมาร่วมงานศพของลูกเขยจากนั้นก็อยู่ดูอาการของแพรรดาต่ออีกสองวันจึงบินกลับส่วนครอบครัวของปรานต์ไม่ได้สนใจมาเยี่ยมพี่สาวของเขาเลย ฝ่ายนั้นบอกแต่ว่ายังทำใจไม่ได้ที่เสียลูกชายไปตอนนี้ดลธรรมต้องทำงานทั้งบริษัทตัวเองและบริษัทของพี่สาวซึ่ง นับว่าเป็นงานค่อนข้างหนัก เขาเองเพิ่งมาเริ่มศึกษางานก่อนหน้านี้ไม่นานเท่าไหร่ทางด้านพาลินก็ยุ่งไม่แพ้กันนอกจากจะต้องฝึกงานแล้วยังต้องแบ่งเวลามาดูแลเบจิงและแวะไปเยี่ยมแพรรดาที่โรงพยาบาลทุกวันก่อนหน้านี้เบจิงอาละวาดบ้านแทบแตกเด็กชายไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อถึงทิ้งเขาไปแล้วทำไมแม่ถึงยังไม่ยอมตื่นในทุกวันพาลินต้องพาเด็กชายไปเยี่ยมมารดาที่โรงพยาบาล แม้ว่าหมอจะไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยมเพราะกังวลเรื่องการติดเชื้อ แต่เบจิงก็มองเห็นมารดาของตนเองผ่านกระจก“แม่ครับวันนี้เบจิงมาเยี่ยมแล้วนะครับ แม่หายไวๆ นะครับ รีบตื่นนะครับแม่” ประโยคเดิมที่เด็
บ่ายวันอาทิตย์พาลินและดลธรรมไม่ได้ออกไปไหนทั้งสองสั่งอาหารมาทางที่ห้อง พาลินนั่งตรวจทานตัวเลขในบัญชีของบริษัทซึ่งแพรรดาให้ช่วยกันดูอีกรอบว่ามีจุดไหนผิดพลาดไปบ้างเพราะจะต้องส่งตัวเลขทั้งหมดให้กับสรรพากรในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ส่วนดลธรรมเองก็ได้รับมอบหมายงานจากพี่เขยให้ช่วยดูเอกสารสัญญาต่างๆ ที่บริษัทกำลังจะเซ็นสัญญา“พี่โดมเย็นนี้ผมจะไปเอาของที่หอนะครับ”“ไปกี่โมงเดี๋ยวพี่ไปส่ง”“ไม่เป็นไรผมไปคนเดียวได้พี่ทำงานต่อเถอะ”“ได้ยังไง ต้องไปส่งสิ”“งานตัวเองก็ยุ่งอยู่แล้วจะเสียเวลามาส่งผมอีกทำไม ผมไปเองก็กลับเองได้ ไม่นานหรอกครับ”“ไม่เอาจะไปด้วย ไม่อยากอยู่ห้องคนเดียว ขากลับจะได้หาอะไรกินเลยดีไหม แล้วเรื่องรถเซลล์ว่ายังไงบ้าง”“อาทิตย์หน้าก็ได้แล้วครับ”พาลินตัดสินใจซื้อรถยุโรปราคาเกือบสามล้านเพราะบังเอิญว่าคุณยายของเขาได้ข่าวว่าหลานชายจะซื้อรถก็เลยเป็นคนจ่ายเงินให้ จากรถญี่ปุ่นที่ดูไว้เลยกลายเป็นรถหรูยี่ห้อเดียวกับดลธรรมต่างกันแค่สีและขนาด รถดลธรรมสีดำส่วนของเขานั้นสีขาว“เร็วดีเหมือนกันนะ แต่ได้รถแล้วก็อย่าคิดจะไปไหนคนเดียว ยังไงพี่ก็ต้องไปด้วย”“ถ้าผมไปเรียนล่ะ จะไปด้วยไหม” พาลินแกล้งถามเ
เสียงจูบแลกลิ้นดังอย่างต่อเนื่อง เมื่ออารมณ์ของคนทั้งสองกำลังทะยานขึ้นสูงอีกครั้งตอนนี้พาลินคร่อมอยู่เหลือร่างของดลธรรมที่กึ่งนั่งกึ่งนอนแผ่นหลังพิงอยู่กับหมอนใบใหญ่ ฝามือมือร้อนลูบตามผิวเนียน ก่อนจะนวดบั้นท้ายที่สัมผัสทีไรก็รู้สึกจนไม่อยากจะปล่อยพาลินสั่นสะท้านเมื่อรู้สึกว่าความร้อนของท่อนเอ็นกำลังถูอยู่ตรงช่องทางด้านหลังดลธรรมบีบเจลใส่มือแล้วกดนวดขณะที่ปากก็ยังจูบนัวเนียกันอยู่“อื้อ..”เขายกสะโพกขึ้นให้คนพี่สอดนิ้วเข้าไปทีละนิด สองมือเกาะบ่าดลธรรมไว้แน่น ปากที่จูบประกบอยู่เปลี่ยนเป็นดูดแรงตรงลำคอเพื่อระบายความเสียว ยิ่งเขาเพิ่มจำนวนนิ้วพาลินก็ขาสั่นเห็นท่าทางไม่ไหวของพาลินแล้วดลธรรมรีบหยิบถุงยางสวมให้กับตนเอง พออาวุธพร้อมรบก็ประคองสะโพกคนน้องขึ้นสูง จ่อท่อนเอ็นเข้ายังช่องทางคับแน่น“อื้อ พี่...”พาลินพยายามห้ามเสียงร้องของตัวเองแต่มันก็ยังเล็ดลอดออกมาอยู่ดีเขากดสะโพกลงอย่างช้าๆ เพราะรู้ถ้าทิ้งตัวลงมาคงได้จุกแน่ๆ ก็เจ้ามังกรของคนพี่นั้นไม่ธรรมดาเลยทั้งขนาดและความยาว ไม่รู้ว่าชาติแล้วทำบุญด้วยข้าวหลามหรือยังไงพระเจ้าถึงได้ให้มาทั้งยาวและใหญ่เช่นนี้“อ่าห์..แน่นฉิบ ดีเป็นบ้าเลย”