กลับมาถึงหอก็วิดีโอคอลคุยกับเพื่อนทั้งสองคน พาลินไม่มีอะไรปิดบังเพื่อนทั้งสองคนอยู่แล้ว เขาเลยเล่าทุกอย่างที่ได้เห็นในวันนั้นให้กับทั้งสองคนฟัง
ตั้งแต่เลิกกับกันต์ธีร์หัวใจของพาลินก็ปิดตาย เขาไม่คิดจะคบใครอีกแล้ว เพราะตอนนี้ก็มีความสุขดี การไม่มีแฟนก็ใช่ว่าชีวิตจะดำเนินต่อไปไม่ได้ สองเดือนแล้วที่พาลินไม่มีกันต์ธีร์ในชีวิต
ชายหนุ่มยังคงไปสอนที่โรงเรียนสอนภาษา ตกเย็นก็ไปสอนเบจิงที่บ้านเหมือนเดิม แต่พาลินไม่ต้องเดินออกมาที่ปากซอยคนเดียวแล้ว เพราะช่วงนี้ดลธรรมมักจะไปทานข้าวเย็นที่บ้านพี่สาวและชวนเขาติดรถมาด้วยทุกครั้ง
แต่ถ้าวันไหนชายหนุ่มไม่มาพาลินก็จะเรียกแกรปให้มารับ ถ้าเป็นแต่ก่อนก็คงจะกังวลว่ากันต์ธีร์จะมารับไหม แต่พอตัดเขาออกไปจากชีวิตการตัดสินใจทุกอย่างก็ง่ายขึ้น
วันนี้พาลินมีนัดกับโชว์รูมรถแห่งหนึ่ง เขาจะไปลองขับดูสักครั้ง ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ
“ว่าไง โอเคไหม” ดลธรรมถามหลังจากเขาลองขับรถและพากันมาทานข้าวที่ร้านแห่งหนึ่งบนศูนย์การค้า
“ก็ดีครับ คันเล็กคล่องตัวดี”
“ก็ดี หมายความว่ายังไม่ค่อยดีใช่ไหม”
“พูดไม่ถูกครับ มันก็ชอบอยู่หรอก คันเล็กคล่องตัว การตกแต่งก็โอเค แต่เริ่มลังเลนิดหน่อย”
“ลังเลอะไร เรื่องเงินหรือเปล่า”
“ไม่ใช่เรื่องเงินครับ คือถ้าผมซื้อตอนนี้ก็ยังไม่มีที่จอด พี่เห็นแล้วนี่ครับว่าหอผมเป็นยังไง”
“อือ ก็ว่าจะถามอยู่ว่าจะเอารถไปจอดที่ไหน”
“บางทีผมว่าน่าจะดูก่อนว่าต้องฝึกงานที่ไหน หรือว่าอาจจะซื้อตอนเรียนจบและได้ที่ทำงาน ถึงตอนนั้นก็หาคอนโดสักที่”
“ยังไม่รู้อีกเหรอว่าฝึกงานที่ไหน”
“ยังเลยครับ ว่าจะถามอาจารย์ก็เกรงใจ รอให้เปิดเทอมทีเดียวดีกว่าครับ”
“ถ้าไม่ถามอาจารย์ก็ถามรุ่นพี่สิว่าเขาไปฝึกกันที่ไหน ส่วนใหญ่ก็คงบริษัทเดิมนั่นแหละ”
“ผมจะลองถามดูครับ”
“พี่ยังไม่รู้เลยว่าเราเรียนคณะอะไร”
“บัญชีครับ”
“เหรอ นึกว่าเรียนอักษรศาสตร์เห็นสอนภาษาอังกฤษ”
“เรื่องภาษาได้มาจากพ่อครับ พ่อผมเป็นลูกครึ่งครับ”
“ถ้าพี่รู้มาก่อนจะชวนไปฝึกงานที่บริษัทแล้ว กำลังอยากได้คนช่วยอยู่เลย”
“ผมจะช่วยอะไรพี่ล่ะครับ ยังเรียนไม่จบเลย”
“ถ้าจบแล้วไม่สมัครงานที่บริษัทสิ เงินเดือนอาจไม่สูงเท่าบริษัทใหญ่ แต่รับรองเลยว่าทำงานสบาย”
บริษัทของดลธรรมเปิดได้ไม่ถึงห้าปี พนักงานส่วนใหญ่ก็จะเป็นเด็กที่จบใหม่และเริ่มทำงานพร้อมกับเขาทั้งนั้น
“ผมไม่อยากเป็นเด็กเส้นครับ เอาไว้หางานไม่ได้จริงๆ ค่อยไปให้พี่ช่วย”
“ได้สิ ว่าแต่กินข้าวเสร็จแล้วไปไหนต่อไหม”
“ยังไม่รู้เลย ถ้าพี่มีธุระก็แยกกันตรงนี้ก็ได้เดี๋ยวผมกลับเองได้ ใกล้นิดเดียวเองครับ”
“พี่ก็ไม่มีธุระไปไหนเหมือนกัน ปกติพาลินทำอะไรในวันหยุดล่ะ”
“เล่นเกมกับนอนครับ พี่ล่ะ”
“ถ้าไม่ออกต่างจังหวัดกับเพื่อนก็นอนตายอยู่ที่คอนโดนั่นแหละ”
“ผมคงไม่รบกวนเวลานอนของพี่ใช่ไหม”
“ไม่หรอก แต่ไหนๆ ก็ออกมาแล้วไปเดินเล่นกันดีไหมยังไม่อยากกลับ”
“งั้นไปโซนคอมพิวเตอร์ได้ไหม”
“จะซื้อใหม่เหรอ”
“เปล่าครับ ว่าจะไปสืบราคาดูหน่อย เทอมหน้าชมรมค่ายอาสาจะไปปรับปรุงห้องสมุดครับ”
“อยู่ชมรมอาสาเหรอ”
“ครับ”
“ดูท่าทางไม่น่าจะไปเข้าค่ายไหวนะ” ดลธรรมมองเด็กหนุ่มผิวขาวจัดแล้วนึกภาพไม่ออกว่าจะไปทนอยู่กลางแดดร้อนหรือทนลำบากได้ยังไง
“อย่ามาดูถูกกันนะครับ ผมไปค่ายทุกปีเลย”
พาลินชอบไปออกค่าย ได้ทั้งเพื่อนได้ทั้งประสบการณ์ถึงแม้บางที่จะค่อนข้างใช้ชีวิตลำบากแต่เขาก็ไม่เคยบ่น เพราะคนที่อาศัยอยู่ที่นั่นลำบากกว่าเขาหลายเท่า
“ไม่ได้ดูถูกก็แค่สงสัยครับ ตัวขาวอย่างนี้เวลาออกแดดไม่แย่เลยเหรอ”
“กันแดดก็มีครับจะกลัวอะไรล่ะ”
“ก็จริงนะ”
ทั้งสองคนพากันเดินมายังโซนที่เป็นร้านคอมพิวเตอร์ที่มีทั้งโน้ตบุ๊กและคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะที่มีทั้งแบบประกอบสำเร็จรูปยี่ห้อต่างๆ และแบบที่ซื้อเป็นชิ้นและเอามาประกอบเอง
พาลินไม่ค่อยมีความรู้เรื่องนี้เท่าไหร่ เพราะตัวเองใช้แต่โน้ตบุ๊ก แต่ที่ชมรมบอกว่าอยากแบบตั้งโต๊ะเพราะอยากให้เด็กได้ใช้กันนานและเครื่องหนึ่งก็คงต้องใช้กันหลายคน
“ปีนี้ไปออกค่ายที่ไหนครับ” ดลธรรมถามด้วยความสนใจ
“พิษณุโลกครับ หมู่บ้านที่เราจะไปอยู่ไกลออกจากตัวเมืองไปมากเหมือนกันครับ”
“ไปเมื่อไหร่เหรอ”
“ก็คงจะเป็นช่วงเดือนพฤศจิกาครับ”
“อีกหลายเดือนเลย เอาไว้จะไปเราค่อยมาดูก็ได้”
“ผมแค่อยากได้ราคาคร่าวๆ ครับจะได้กะงบประมาณถูก”
“พาลินรู้ไหม บริษัทพี่ทำอะไร” จู่ๆ เขาก็เปลี่ยนเรื่อง
“พี่แพรเคยบอกว่าบริษัทพี่แพรรับสร้างทุกอย่างครับ คอนโด บ้าน อาคารศูนย์ราชการครับ”
“นั่นมันของพี่แพร พี่หมายถึงของพี่”
“อ้าว ไม่ได้ทำงานด้วยกันเหรอครับ”
“เปล่า พี่เปิดบริษัทเอง”
“เจ๋งอะ บริษัทของพี่โดมทำอะไรครับ”
“นำเข้าอุปกรณ์คอมพิวเตอร์”
“จริงเหรอครับ งั้นผมก็คิดถูกแล้วที่ให้พี่มาช่วยเลือก”
“พี่ถึงบอกว่าอย่าเพิ่งซื้อ พี่จะลองดูนะว่าที่บริษัทมีงบสำหรับช่วยเหลือสังคมไหม” เขาจำได้ว่าถ้าเอาเงินไปบริจาคหรือช่วยเหลือสังคมจะนำมาลดหย่อนภาษีให้บริษัทได้ ซึ่งเรื่องนี้คงต้องถามพี่สาวอีกที เพราะเธอเป็นคนช่วยดูเรื่องนี้ให้ที่บริษัท
“ผมเกรงใจจัง ขอบคุณครับ”
“ยังไม่ได้บอกเลยว่าจะมีงบให้ ไม่ต้องรีบขอบคุณหรอก”
“แค่พี่อยากจะช่วยก็โอเคแล้วครับ”
“จริงสิ ถ้าออกค่ายก็ต้องไปสร้างพวกห้องสมุดห้องน้ำอะไรอย่างนี้ใช่ไหม”
“ครับ ปีนี่เราจะไปปรับปรุงห้องสมุดเดิมปรับปรุงให้ทันสมัยขึ้น แล้วก็สร้างห้องน้ำกับเพิ่มตู้กดน้ำเย็นให้เด็กๆ ครับ”
“ลองเอาโครงการเสนอพี่แพรสิ เผื่อจะได้สนับสนุนพวกวัสดุอุปกรณ์นะ”
“ได้เหรอครับ”
“ได้สิ”
“งั้นผมจะลองไปปรึกษาประธานชมรมดูนะครับ ถ้าได้เรื่องแล้วจะบอกอีกที พี่โดมก็ต้องช่วยผมด้วยนะ”
“แน่นอน” เพราะตอนที่ตัวเองเรียนอยู่ก็ชอบไปออกค่าย แค่ได้ยินเข้าก็นึกสนุกแล้ว บางที่เขาอาจจะขอไปด้วยในฐานะผู้สนับสนุนก็ได้
พาลินไม่ได้หวังจะได้รับความช่วยเหลือ แต่ก็ไม่อยากปล่อยโอกาสดีแบบนี้ไป เขาคงต้องรีบปรึกษาประธานชมรมซึ่งเดิมทีเป็นรุ่นพี่ปีสี่แต่ เปิดเทอมคงต้องเลือกกันใหม่ แต่ตำแหน่งนี้ก็คงจะเป็นรองประธานเพราะดูแล้วเขาน่าจะทำงานนี้ดีที่สุด
ออกมาจากโซนคอมพิวเตอร์พาลินก็ยังไม่รู้จะไปไหน ต่อ จะกลับไปที่หอก็ไม่รู้จะทำอะไรในขณะที่กำลังคิดว่าจะชวนดลธรรมไปร้านหนังสือเขาก็รับโทรศัพท์เสียก่อน
ดลธรรมกลับมาอีกครั้ง สีหน้าของเขาดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“มีอะไรหรือเปล่าครับพี่โดม”
“เพื่อนพี่มีปัญหานิดหน่อย พาลินกลับเองได้ใช่ไหม”
“ได้ครับ พี่โดมมีอะไรให้ช่วยไหม” พาลินถามแล้วก็อยากจะเขกหัวตัวเองเพราะอย่างเขาจะไปช่วยใครได้
“ไม่เป็นไรพี่คิดว่าคงไม่หนักมาก พี่ไปก่อนนะ เดินคนเดียวได้ใช่ไหม”
“สบายมากครับพี่ ไม่ต้องห่วง”
ดลธรรมรีบวิ่งมายังลานจอดรถ ก่อนจะรีบขับตรงไปยังโรงพยาบาลแห่งหนึ่งด้วยความร้อนใจ
มาถึงก็ตรงไปยังแผนกฉุกเฉินทันที
“คุณคะ เข้าไปไม่ได้นะคะ” พยาบาลวัยกลางคนรีบเดินมาห้ามเมื่อดลธรรมจะเดินเข้าไปด้านใน
“ผมมาหาเพื่อนครับ เขาอยู่ในนั้น”
“เพื่อนคุณชื่ออะไรคะ ฉันจะช่วยเข้าไปดูให้”
“ปณิชญาครับ เพื่อนผมชื่อปณิชญา”
คุณพยาบาลเดินเข้าไปในห้องไม่นานก็กลับออกมาบอกเขาว่าคนที่เขากำลังตามหานั้นตอนนี้ไปนั่งรอรับยาอยู่ที่หน้าห้องจ่ายยาแล้ว
“ขอบคุณครับ” ดลธรรมเดินไปที่หน้าห้องจ่ายยาก็เห็นว่าคนที่เขารีบร้อนมาหานั้นไม่ได้เป็นอะไรมากเลยสักนิด
“พี่โดม” ปณิชญาหรือโอปอดีใจที่เห็นดลธรรมรีบมาหา
“ไหนว่าเจ็บหนัก” เขาถามคนที่มีผ้าก็อซปิดแค่ปลายคางอย่างไม่เข้าใจ
“ก็ถ้าโอปอบอกว่าเป็นแค่นี้พี่จะมาหาเหรอคะ”
“ทำแบบนี้เพื่ออะไร”
“ไปหาที่นั่งคุยกันหน่อยได้ไหมครับ ที่คอนโดพี่ก็ได้”
“ร้านกาแฟตรงนั้นก็น่าจะได้ จะคุยไหม ถ้าจะคุยก็ตามมา” เขาเดินตรงไปยังร้านกาแฟของโรงพยาบาลที่ตอนนี้มีคนนั่งอยู่ในร้านแค่สองคน
ปณิชญารับยาแล้วก็เดินตามเขามาด้วยรอยยิ้ม นานแล้วที่ไม่ได้เจอกับดลธรรม นานแล้วที่เขาไม่เห็นหน้าหล่อเหล่าของอดีตคนรัก และตอนนี้เธอก็กำลังคิดว่าจากนี้จะต้องให้ดลธรรมไม่ใช่แค่อดีตอีกต่อไป
“มีอะไรจะคุยกับพี่ ว่ามาสิ”
“โอปอกำลังจะเลิกกับเขาแล้วนะคะ” เธอเพิ่งทะเลาะกับสามีและคิดว่าครั้งนี้คงจะเลิกกันจริงๆ หลังจากทะเลาะกันมาหลายครั้งแล้ว
“แล้วมาบอกพี่ทำไม”
“โอปออยากกลับไปเป็นเหมือนเดิม” ปณิชญาไม่อยากอ้อมค้อม
“แต่พี่ไม่อยาก” ครั้งหนึ่งเคยรักมาก เคยอยากให้ชีวิตด้วยแต่ตอนนี้เขากลับไปเป็นแบบนั้นไม่ได้อีกแล้ว
“พี่โดมอย่าทำเป็นใจแข็ง โอปอรู้นะตั้งแต่เลิกกันพี่ก็ไม่มีคนอื่นเลย พี่รอโอปออยู่ใช่ไหมคะ”
“พี่ไม่มีคนอื่นก็จริง แต่ไม่ใช่เพราะพี่รอโอปอหรอกนะ”
“แล้วเพราะอะไรล่ะคะ”
“เพราะพี่มีความสุขที่อยู่คนเดียวไงล่ะ”
“พี่โดมมีความสุขแน่เหรอ พี่ลืมเรื่องของเราได้จริงๆ เหรอคะ”
“แล้วที่เห็นอยู่ตอนนี้พี่มีความสุขไหมล่ะ”
“ใครจะรู้ว่าที่พี่ยิ้มก็แค่ปิดความเศร้า” หญิงสาวพูดเข้าข้างตัวเอง เพราะตอนที่เลิกกันเธอจำได้ว่าดลธรรมเสียใจมากแค่ไหน
“พี่จะทำอย่างนั้นทำไม”
“พี่โกรธโอปอเหรอที่เลือกคบกับเขาเลือกแต่งงานกับเขา”
“ตอนแรกโกรธ ตอนนี้ไม่คิดอะไรแล้ว”
“แต่พี่ก็รีบมาหาโอปอ ตอนที่โทรบอกว่าเจ็บหนัก”
“ก็เพราะพี่ยังเห็นว่าเราเป็นน้องไงล่ะ อีกอย่างก็เห็นแก่พี่ปรานต์”
“แค่น้องเหรอ พี่คิดแค่นั้นจริงๆ ใช่ไหมคะ”
“อือ คิดแค่นั้น มันจบไปนานแล้วโอปอ อย่าคิดจะกลับมายังไงมันก็เป็นไปไม่ได้” ดลธรรมได้บอกว่าตอนนี้เขาไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว
“โอปอจะทำให้พี่เปลี่ยนใจ”
“อย่าเลย มันจะเสียเวลาเปล่า พี่ไปก่อนนะเจ็บแค่นี้คงดูแลตัวเองได้” อีกเหตุผลหนึ่งที่ดลธรรมรีบมาโรงพยาบาลก็เพราะเห็นแก่ปรานต์พี่เขยของเขาเนื่องจากเธอเป็นน้องสาวของพี่ปรานต์ เขาจึงเห็นว่าปณิชญาเป็นญาติอีกคน
“ไปส่งโอปอหน่อยได้ไหมคะ” ปญิชญาทำเสียงอ้อนอย่างที่เคยทำ แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้ดลธรรมจะไม่ได้ใจอ่อนอย่างเคย
“เรียกแท็กซี่ก็ได้มั้ง”
“โอปอไม่มีเงิน”
ดลธรรมวางธนบัตรสีเทาลงบนโต๊ะก่อนจะเดินออกไปโดยไม่คิดจะหันมามอง เขาเลยไม่รู้ว่าตอนนี้ปณิชญามองตามหลังด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าเสียดายมากแค่ไหน
ดลธรรมเดินกลับมาที่รถ เขาก็เห็นปณิชญาออกมาเรียกแท็กซี่จากนั้นก็ขึ้นรถออกไปจากหน้าโรงพยาบาลเขากับหญิงสาวเลิกกันได้สองปีแล้ว สาเหตุก็เพราะปณิชญามีคนอื่นและไม่ใช่ใครที่ไหน ผู้ชายคนนั้นเป็นเพื่อนสนิทของดลธรรมชายหนุ่มยอมรับว่าทั้งโกรธและเสียใจ แต่เวลาผ่านไปก็ทำใจยอมรับได้ อะไรที่มันไม่ใช่ของตัวเองเขาก็ไม่อยากจะรั้งไว้ ถึงตอนนี้เธอก็ไม่มีอิทธิพลกับเขาอีกแล้วแต่คนที่กำลังเข้ามาอิทธิพลกับหัวใจของเขาทีละนิดกลับเป็นพาลิน คุณครูของหลานชายที่ทำให้เขาใจเต้นแรงตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอ แม้ตอนนั้นจะรู้ว่าอีกคนนั้นมีแฟนแล้วแต่ความรู้สึกก็ยังคงเหมือนเดิมเขาไม่รู้ว่าพาลินจะกลับถึงหอพักหรือยังเพราะนี่ก็ผ่านมาเป็นชั่วโมงแล้วที่ดลธรรมออกมาจากศูนย์การค้า เพราะเป็นห่างและรู้สึกผิดที่ปล่อยให้พาลินเดินคนเดียวและกลับคนเดียวเขาจึงรีบโทรหา“ครับพี่โดม ธุระเรียบร้อยแล้วเหรอครับ” ปลายสายถามอย่างเป็นห่วง“ครับ โอเคแล้ว กลับถึงหอหรือยัง”“ยังครับ ผมว่าจะดูหนังแล้วค่อยกลับ”“ดูกับใคร” เขารีบถาม“คนเดียวครับ”“หนังฉายกี่โมง”“หกโมงครับ”“จองตั๋วให้หน่อยสิ เดี๋ยวไปดูด้วย”“อีก 45 นาทีพี่จะมาทันเหรอครับ”“คิดว่าทันนะ
“ขอบคุณนะครับสำหรับวันนี้” พาลินกล่าวขอบคุณเมื่อเขาขับรถมาจอดที่หน้าปากซอย“แล้วไปดูหนังกันอีกนะ ครั้งหน้าพี่จะรีบมาให้ตรงเวลา”“ครับ พี่อยากดูเรื่องอะไรนัดมาเลยครับ ช่วงนี้ผมว่าง”“ไม่ไปทำงานเหรอ”“ไม่ครับ สัปดาห์หน้าก็เปิดเทอมแล้วครับ เลยอยากพักสักหน่อย”“งั้นค่อยนัดกันอีกทีละกันนะ”“ครับ พี่โดมอย่าลืมไก่หลังรถนะ” พาลินรีบเตือนเพราะถ้าเขาลืมพรุ่งนี้มันคงได้กลายเป็นไก่เน่าแน่ๆ“อือ”พาลินลงจากรถแล้วเดินไปยังหอพักวันนี้มีหลายคนเริ่มกลับมากันบ้างแล้ว เพราะอีกไม่กี่วันก็จะเปิดเทอม บรรยากาศก็เลยดูครึกครื้นเป็นพิเศษ พอเขาเดินมาถึงก็โบกมือให้ดลธรรมเพื่อให้ชายหนุ่มจะได้กลับคอนโดของตัวเอง“ลิน ไปไหนมา กลับดึกเชียวนะ” เจหรือเจษฎาเพื่อนร่วมหอพักที่นั่งอยู่ตรงม้าหินอ่อนทักทายขึ้น“ไปดูหนังมา มึงล่ะ เพิ่งมาวันนี้เหรอ”“อือ เพิ่งมาถึงขนของเพิ่งเสร็จกำลังจะขึ้นห้องก็เห็นมึงเดินมา พี่กันต์มาส่งเหรอ” เจษฎาเป็นรุ่นน้องคณะวิศวะจึงรู้จักกับกันต์ธีร์เป็นอย่างดี“ไม่ใช่พี่กันต์หรอก กูเลิกกันแล้ว”“งั้นแฟนใหม่เหรอหาได้เร็วดีนี่”“แฟนใหม่ที่ไหนล่ะ เขาเป็นน้าชายของเด็กที่กูไปสอนพิเศษช่วงปิดเทอม ว่าแต่มึงเถอ
สายวันอาทิตย์พาลินทำความสะอาดห้องจนสะอาด จากนั้นก็เอาชุดนักศึกษาไปส่งที่ร้านซักรีด วันจันทร์หน้าเขาต้องกลับไปเรียนที่มหาวิทยาลัยก่อนจะเริ่มต้นฝึกงานในสัปดาห์ถัดไปร้านอาหารตามสั่งใกล้ๆ กับหอพักกลับมาคึกคักอีกครั้ง พาลินนั่งทานข้าวกับเพื่อนร่วมหอพักคนหนึ่ง เขาไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวแต่ก็เคยเห็นหน้ากันบ้าง ทั้งที่มหาวิทยาลัยและที่หอพัก เขายิ้มทักทายจากนั้นก็นั่งทานของตัวเองจนอิ่มหอนี้อยู่ใกล้มหาวิทยาลัยมาก ค่าเช่าก็เลยมากตามไปด้วย คนอื่นอาจแชร์กันอยู่สองหรือสามคน แต่พาลินเลือกที่จะอยู่คนเดียวเพราะตอนเข้ามาเรียนที่นี่เขายังไม่ไว้ใจใครถึงขั้นให้มานอนด้วย แม้จะเหงาแต่ก็มีเพื่อนที่ไปมาหาสู่กันตลอดอีกอย่างเรื่องค่าเช่าก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะถึงแม้จะไม่มีบิดามารดาแต่พาลินก็มีเงินจำนวนหนึ่งที่เขาได้จากประกันชีวิตของบิดามารดารวมถึงค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนที่ปู่กับย่าของเขาส่งให้กลับมาบนห้องก็นอนเล่นมือถือจนเบื่อ จึงโทรศัพท์ไปหามีนากับพราวรุ้ง แต่สองคนนั้นยังไม่กลับมาจากบ้าน จะไปคอนโดของดลธรรมก็รู้สึกเกรงใจ“เฮ้อ! เหงาชะมัด” พาลินบ่นก่อนจะล้มตัวลงนอน แล้วเขาก็หลับยาวจนเย็นพอตื่นมาก็คว้าโทรศัพท์มาดู
ทั้งสองออกจากห้องพักและพากันขึ้นลิฟต์มายังชั้นดาดฟ้าซึ่งมีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่อยู่บนนี้“ทำตัวตามสบายไม่ต้องกลัวจะเจอเขาหรอกน่า” ดลธรรมเห็นอีกคนหันซ้ายหันขวามองไปรอบสระก็พูดขึ้น“ผมไม่ได้คิดแบบนั้นสักหน่อย ผมก็แค่สงสัยว่าทำไมคนน้อยจัง” เพราะเป็นเย็นวันอาทิตย์แต่บริเวณสระว่ายน้ำกลับมีคนว่ายน้ำอยู่ไม่กี่คน แถมยังเป็นชาวต่างชาติด้วย“ก็น้อยแบบนี้เป็นปกติอยู่แล้ว ไม่ดีเหรอ”“ดีครับ ผมว่ายไม่เก่งจะได้ไม่อายใคร” ว่าแล้วเขาก็ถอดเสื้อยืนตัวยาวออกจากนั้นก็นั่งห้อยขาอยู่ริมขอบสระดลธรรมถอดเสื้อของตัวเองออกบ้างจากนั้นเขาก็ลงไปในสระ หันมามองพาลินก็ต้องแอบกลืนน้ำลาย เพราะนอกจากผิวขาวแล้วชายหนุ่มคนน้องยังมีกล้ามเล็กสมส่วน ดูก็รู้ว่าคงออกกำลังอยู่บ่อยๆ เขาเห็นว่าชายหนุ่มเป็นคนตัวเล็กแต่ไม่คิดว่าจะมีร่างกายที่สวยงามเช่นนี้“ไม่ลงมาเหรอ” ดลธรรมว่ายมาใกล้ เกยคางกับขอบสระเอียงคอถาม ยิ่งอยู่ใกล้ก็ยิ่งเห็นร่างกายของอีกคนชัดขึ้นลมหายใจเขาสะดุดแต่ต้องรีบปรับสีหน้าเป็นปกติก่อนจะว่ายออกห่างขึ้น พาลินกระโดดแล้วว่ายตามเขาไประหว่างว่ายน้ำกันอยู่นั้นก็มีคนในคอนโดว่ายเข้ามาทักทายดลธรรมเป็นระยะ ดูเหมือนเขาจะเป็นขวั
พาลินรู้สึกตัวในเวลาหกโมงเช้าเพราะเมื่อคืนดื่มไปเยอะจึงอยากเข้าห้องน้ำ พอลืมตามองก็เห็นว่าตอนนี้ตัวเองไม่ได้อยู่ที่หอพักของตนเอง และยังนอนอยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายคนหนึ่งภาพเหตุการณ์เมื่อคืนพาลินจำได้ไม่ทั้งหมดแต่ก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รู้ว่าความสัมพันธ์ไม่ได้ลึกซึ้งแต่เขาก็ไม่คิดว่าระหว่างตัวเองกับดลธรรมจะทำอะไรแบบนั้นที่ผ่านพาลินเข้าใจมาตลอดว่าดลธรรมนั้นเคยมีแฟนเป็นผู้หญิงแต่ความรู้สึกที่รับรู้ได้ เขามั่นใจว่าดลธรรมต้องเคยมีอะไรกับผู้ชายมาก่อนอย่างแน่นอนไม่รู้ว่าที่เกิดขึ้นเพราะเมาด้วยกันทั้งคู่หรือเพราะจริงๆ แล้วต่างฝ่ายต่างมีใจให้กัน แต่พาลินก็อายเกินกว่าจะอยู่สู้หน้าเขา ชายหนุ่มคิดว่าจะถอยไปตั้งหลักที่หอของตนเองก่อน อย่างน้อยก็ได้ทบทวนความรู้สึกของตนเองที่มีต่อดลธรรมอีกครั้งพาลินกลับมาถึงห้องพักก็รีบอาบน้ำแปรงฟัน พอเห็นรอยแดงที่ซอกคอก็อดคิดถึงใบหน้าของคนทำให้เกิดรอยไม่ได้ ร่างกายรู้สึกร้อนขึ้นมาอีกครั้ง ความเป็นชายตื่นตัวอย่างคุมไม่อยู่ พาลินหลับตานิ่งสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามข่มความต้องการ แต่มันไม่ได้ผลเลยสักนิดเขาต้องช่วยตัวเองอย่างที่เคยทำ แต่ครั้งนี้นึกถึงใบหน้าแดงก่ำของดลธรร
ทั้งสามคนพากันมาเดินที่ห้างสรรพสินค้าที่อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นห้างที่พาลินและดลธรรมเคยมาเดินด้วยกัน มันทำให้พาลินคิดถึงเขาอย่างห้ามไม่ได้ ไม่รู้เพราะคิดถึงมากเกินไปหรือเปล่าเพราะตอนนี้พาลินเห็นผู้ชายคนหนึ่งในร้านโทรศัพท์ดูยังไงก็เหมือนดลธรรมเขาหยุดเดินจนเพื่อนที่เดินนำหน้าไปแล้วเดินกลับมาตาม“มีอะไรหรือเปล่า” พราวรุ้งถามขึ้น“เราว่าเราเจอพี่โดม” ชายหนุ่มชี้ไปยังร้านโทรศัพท์ที่ข้างหน้า“เข้าไปทักไหม”“ไม่ดีกว่า เผื่อเขามาทำธุระ” พาลินไม่รู้จะเริ่มต้นคุยกับเขายังไง จึงเลี่ยงจะเดินไปอีกทางแล้วก็รู้สึกถึงแรงสั่นของมือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงพอล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาก็เห็นว่าเป็นสายโทรเข้าจากดลธรรม“รับเลย” มีนารีบบอกพลางมองไปยังคนที่กำลังโทรเข้าซึ่งเพิ่งเดินออกมาจากร้านโทรศัพท์“สวัสดีครับพี่โดม” พาลินทำเสียงเรียบทั้งที่ในใจเต้นแรงเพราะดีใจที่เขาโทรมาหา“ขอโทษนะครับที่เพิ่งโทรมาพอดีโทรศัพท์พังแล้วพี่ก็ต้องรีบไปจีนเพิ่งกลับมาถึง พาลินอยู่ไหน กินข้าวหรือยัง พี่มีเรื่องจะคุยด้วย”“ผมมาเดินเที่ยวกับเพื่อนครับ ยังไม่ได้กินข้าว พี่ล่ะกินหรือยัง” พอรู้เหตุผลที่เขาเงียบไปรู้สึกดีขึ้นจนเผลอ
“พาลิน”“ครับ”“รีบไปไหนหรือเปล่า”“ไม่ครับ”“ขับรถให้พี่ได้ไหม อย่างงีบสักหน่อย”เพราะตั้งแต่ไปจีนก็แทบไม่ได้นอนพักเลย อยู่บนเครื่องเกือบห้าชั่วโมงก็นอนไม่หลับ เพราะไฟล์ทที่เขาบินนั้นมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเกือบทั้งลำ ถึงแม้จะเป็นชั้นธุรกิจแต่ก็ไม่อาจเลี่ยงความวุ่นวายได้“ไปง่วงมาจากไหนครับ” พาลินถามเมื่อเห็นว่าเขาหาวไปหลายรอบแล้ว“งานยุ่งนิดหน่อย”“งั้นก็หลับเลยถ้าถึงแล้วผมจะปลุกเอง คงอีกสักพักใหญ่เลย” พาลินมองไปด้านหน้าห้างสรรพสินค้าซึ่งตอนนี้รถติดยาวเข้ามาถึงลานจอดรถ“ขอบคุณครับ”ดลธรรมปรับเบาะให้เอนลงจากนั้นก็ตะแคงข้างหันหน้ามาทางพาลิน พลางหยิบแว่นกันแดดที่เสียบอยู่ตรงที่บังแดดมาสวมใจอยากนั่งมองหน้าคนที่ทำให้ต้องรีบกลับมาก่อนกำหนด แต่ร่างกายก็สู้ไม่ไหว ชายหนุ่มหลับก่อนที่รถจะออกมาถึงถนนเส้นหลักด้วยซ้ำเพราะรถติดจนแทบไม่ขยับทำให้คนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยแอบมองหน้าอีกคนได้บ่อยขึ้นดลธรรมเป็นคนผิวขาวถึงแม้จะน้อยกว่าตัวเองแต่ถ้าเทียบกับคนอื่นก็ยังขาวอยู่มาก จมูกของเขาโด่งเป็นสัน คิ้วหนาเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบ เขารู้จากพี่แพรรดาว่าทั้งเธอและดลธรรมเป็นลูกเสี้ยวแต่จำไม่ได้ว่าเป็นสัญช
ดลธรรมตื่นนอนตั้งแต่เช้าแต่เพราะวันนี้ไม่ต้องรีบเข้าบริษัทเขาเลยไม่ต้องรีบลุกจากที่นอน อีกอย่างก็รู้สึกดีที่ตอนนี้พาลินยังนอนกอดตนเองอยู่เขาฉวยโอกาสหอมแก้มชายหนุ่มไปหลายทีแต่คนขี้เซาก็ยังคงหลับลึก กว่าพาลินจะรู้สึกตัวตัวก็ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง“มอร์นิ่ง พาลิน”“มอร์นิ่งครับ” พาลินขยับตัวออกแต่ก็โดนอีกคนรั้งไว้“จะรีบไปไหน ไม่มีเรียนไม่ใช่เหรอ”“ไม่มีเรียนครับ พี่ล่ะ ไม่รีบไปทำงานเหรอครับ”“วันนี้ไม่ต้องเขาบริษัทครับ ว่าจะอยู่กับเราทั้งวัน”“อยู่กับผมทำไมครับ”“พาลินบอกเองว่าถ้ามีแฟนก็อยากอยู่กับแฟนตลอด”“ผมบอกอย่างนั้นก็จริง แต่ผมกับพี่เราไม่ได้เป็นแฟนกัน”“ซ้อมไว้ก่อนก็ได้นี่ครับ หรือว่าจะเป็นแฟนกันตอนนี้ก็ได้ สนใจไหม”“ไม่เป็นไรครับผมไม่รีบ”“แต่พี่รีบ” ดลธรรมขยับเข้าใกล้จนปากของทั้งสองเกือบจะชนกัน“พี่โดมอย่า ผมยังไม่แปรงฟัน” พาลินรู้ว่าอีกคนกำลังจะทำอะไร เขารีบยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองย่างรวดเร็ว“พี่ก็ไม่ได้แปรงเหมือนกัน” จบประโยคเขาก็ดึงมือของพาลินออก จากนั้นปากของทั้งสองก็แนบชิด จูบรับวันใหม่ที่อบอุ่นและอ่อนโยนทำให้พาลินหลงไปกับความวาบหวามที่เขามอบให้ กว่าดลธรรมจะยอมปล่อยพาลิน
สัมผัสที่เร่าร้อนของเรียวปากหยักจูบแลกลิ้นกันอยู่อย่างนั้น พาลินหลงใหลไปกับรสจูบที่คนรักมอบให้ สองมือดันผนังห้องน้ำเอี้ยวคอมาจูบ สะโพกกลมขาวกดแนบชิดกับท่อนเอ็นร้อนเสียงคนพี่ครางในลำคอ เขาอยากกลืนกินคนช่างยั่วตั้งแต่เห็นรูปที่ส่งไปให้ ดลธรรมไม่ลังเลเลยที่จะรีบขับรถกลับมาที่คอนโด แล้วเขาก็ไม่ผิดหวังเมื่อรู้ว่าพาลินกับเขาต่างมีความต้องการเหมือนกัน“พาลินยั่วพี่เองนะครับ”“ถ้าน้องยั่วแล้วพี่ไม่อยากพี่จะกลับมาเหรอ”“นั่นยั่วอีกแล้ว”“น้องยั่วแล้วพี่อยากไหม”“ไม่ยั่วก็อยากครับ ยันผนังไว้นะครับพี่จะลงโทษคนยั่วแล้ว”ดลธรรมจูบไซร้ไปตามท้ายทอยและซอกคอ กัดติ่งหูคนด้านหน้าเบาๆ เพราะเป็นจุดอ่อน แค่นั้นพาลินก็ร้อนวูบวาบไปทั่วทั้งตัวฝ่ามือร้อนไล้ไปทั้งแผงอกบีบคลึงเบาๆ บนยอดสีสวย สะโพกก็กดลงไปยังบั้นท้าย เสียงหวานครางแผ่วเบา สะโพกแอ่นโค้งเด่นคนตัวโตกดครีมอาบน้ำสูตรอ่อนโยนลงบนปลายนิ้วกลางจากนั้นลากไปตามช่องทางสีสวยกดลงไปช้าๆ ค่อยเพิ่มจำนวนนิ้วเป็นสองและสาม พาลินครางสะท้านรู้สึกถึงความคับแน่นที่กำลังนวดผนังด้านใน“อื้อ...พี่”เขาสะดุ้งเมื่อจุดอ่อนไหวด้านในถูกกระตุ้นเพียงแค่นั้นตัวตนของเขาก็ปวดหนึบ ม
หลังจากตรวจเสร็จและรับยาแล้วรถกระบะคันเดิมก็มาส่งดลธรรมและพาลินที่สนามบิน“พี่หน้าผมยังมีผื่นอยู่ไหม”“ยังมีอีกนิดหน่อย ใส่มาสก์ไปก่อน”“หมอบอกว่าเดี๋ยวมันก็หายไงครับ”“มันต้องใช้เวลาไง เดี๋ยวกลับถึงกรุงเทพถ้าผื่นยังไม่ยุบลงพี่จะพาไปหาหมออีกรอบ”“ไม่เอาแล้วไม่หาแล้ว ไปอีกก็โดนฉีดยาอีก”พาลินทานยาแก้แพ้ตั้งแต่อยู่บนเขาแต่พอมาถึงโรงพยาบาลผื่นก็ยังไม่หายและดูเหมือนจะขึ้นมากกว่าเดิมหมอเลยต้องฉีดยาเพราะมันได้ผลเร็วกว่า รวมถึงให้ยาทาแก้คันมาด้วยตอนนี้พาลินเลยสีชมพูไปทั้งตัว ยังดีที่เขามีเสื้อคลุมแขนยาวเลยไม่ค่อยอายคนเท่าไหร่แต่ที่ต้องอายก็คงจะเป็นคนที่นั่งอยู่ข้างเพราะเขาเป็นคนทายาให้กับตนเองทั้งตัว“ยามันง่วงเดี๋ยวขึ้นเครื่องเราจะหลับเลยก็ได้ ถึงแล้วพี่จะปลุกเอง”“บินนานไหมครับ” เพราะขามาเขานั่งรถมาเพื่อนๆ เลยไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาเท่าไหร่“ไม่นานครับ ประมาณชั่วโมงหนึ่งครับ หลับแป๊บเดียวก็ถึงกรุงเทพแล้ว”“ผมหวังว่าถึงกรุงเทพแล้วผมจะหายนะ”“แต่พี่ว่าอย่าเพิ่งหายเลย ชมพูไปทั้งตัวแบบนี้ก็น่ารักดี”“ไม่ตลกนะครับพี่ มันคันไปทั้งตัวเลย”“อดทนอีกนิดนะครับ ถึงคอนโดจะเอาน้ำเย็นเช็ดให้”พอขึ้นเครื่อง
ดลธรรมไม่อยากให้พาลินพลาดการเข้าค่ายอาสาซึ่งเป็นกิจกรรมที่ชายหนุ่มทำมาทุกปีตั้งแต่เข้าเรียนมหาวิทยาลัย และถ้าปีสุดท้ายมาได้เข้าร่วมคงจะเป็นอะไรที่น่าเสียดายมากถึงแม้จะทั้งหวงทั้งห่วงแต่เขาก็ไม่อยากพรากความทรงจำในวัยเรียนของคนรัก และนั่นก็คือเหตุผลที่ตอนนี้เขามานั่งอยู่ข้างคนขับรถกระบะสีประตูขับเคลื่อนสี่ล้อซึ่งกำลังมุ่งหน้าไปยังจุดที่นักศึกษามาออกค่ายเดิมทีก็ตกลงจะมาด้วยกัน แต่เพราะเขามีงานที่ยังเคลียร์ไม่เรียบร้อยจึงต้องยอมปล่อยให้คนน้องมาเข้าค่ายกับเพื่อนพาลินงอนนิดหน่อยที่เขาไม่ทำตามที่พูด แต่ก็ตัดสินใจมากับเพื่อน เพราะอยากใช้ชีวิตในช่วงเรียนมหาวิทยาลัยให้คุ้มค่าที่สุด ส่วนตัวเขาก็รีบเคลียร์งานแล้วตามมาทีหลังโดยไม่ได้บอกพาลินแค่สองสามที่ต้องนอนอยู่คนเดียวเขาก็ทรมานเกินไปแล้ว“อันที่จริงมันก็ไม่ไกลหรอกนะครับ แต่ทางมันค่อนข้างลำบากมันเลยดูเหมือนไกล” เสียงคนขับรถกระบะทำให้เขาหลุดออกจากภวังค์“ครับ”ดลธรรมให้ลูกน้องที่บริษัทซึ่งบังเอิญเป็นคนพื้นที่ช่วยติดต่อเช่ารถพร้อมคนขับไปส่งที่หมู่บ้านบนเขาชายหนุ่มนั่งเครื่องมาลงที่สนามบินพิษณุโลกตั้งแต่เช้าจากนั้นก็ให้คนขับรถพาไปซื้อไก่ทอด โด
ดลธรรมและพาลินย้ายกลับมาอยู่ที่คอนโดเพราะอยากให้มารดาได้ทำความรู้จักและปรับตัวกับเบจิงได้มากขึ้นแต่เขากับพาลินก็ยังแวะไปทานอาหารเย็นด้วยอยู่บ่อยๆ ดูเหมือนว่าเบจิงจะเข้ากันได้ดีกับคุณยายของตนเองแม้พาลินจะมีรถเป็นของตัวเองแล้ว แต่ดลธรรมก็ยังมารับส่งที่มหาวิทยาลัยเป็นบางวัน“พี่โดม ขอโทษทีครับคุยกับเพื่อนนานไปหน่อย”“ไม่เป็นไร แล้วตกลงเอาไงเราจะไปค่ายกับเพื่อนไหม” ช่วงวันหยุดยาวติดกันชมรมค่ายอาสาจะพากันไปออกค่ายที่พิษณุโลก“กำลังตัดสินใจอยู่ครับ”“ทำไมดูตัดสินใจยากจัง แต่ก่อนเห็นตื่นเต้นจะไป”“ก็ตอนนั้นยังไม่มีแฟน ตอนนี้มีแฟนแล้วติดแฟนครับ”“ฟังคำตอบแล้วชื่นใจจัง”“ถ้าผมไปพี่จะคิดถึงผมไหม”“ถ้าเราไปพี่ก็ไปด้วยครับ ไม่อยากนอนคนเดียว”“ถ้าผมไม่ไปก็เหมือนจะเอาเปรียบคนอื่นอยู่ที่ไม่ช่วยออกแรงอะไรเลย”“แต่พี่ก็ช่วยเรื่องคอมไปตั้ง 10 ชุดแล้วนะครับ”“นั้นมันส่วนของพี่ แต่ผมไม่ได้ทำอะไรเลย”“ถ้าอยากรู้สึกมีส่วนร่วมกับคอมห้าชุดนั่นก็แค่..”“แค่อะไรครับ” พาลินหันมามองคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย พอเห็นหน้าเขาก็เดาออกทันทีว่าตอนนี้สิ่งที่คนพี่ต้องการคืออะไร เพียงแค่คิดพาลินก็หน้าแดงขึ้นมาทันที“นานเ
คุณแพรเพ็ญและจอห์นสามีใหม่บินกลับมาทันทีหลังจากดลธรรมโทรไปบอกว่าย่าของเบจิงจะพาเบจิงไปอยู่ด้วยเธอเสียลูกสาวไปคนหนึ่งแล้วจึงไม่อยากจะเสียหลานชายไปอีกคน เพราะรู้ว่าที่ฝ่ายนั้นอยากพาเบจิงไปก็เพื่อต่อรองกับดลธรรมให้รับผิดชอบเด็กในท้องของปณิชญาเท่านั้น“คุณยายครับ ตาจอห์นบอกว่าที่บ้านตามีหิมะด้วยจริงไหมครับ”“จริงสิ เบจิงอยากไปดูหิมะไหม”“อยากไปครับ แต่เบจิงต้องไปโรงเรียนคงไปกับคุณยายไม่ได้”“ที่นั่นก็มีโรงเรียนครับ เดี๋ยวยายจะให้เบจิงดูนะครับว่าโรงเรียนที่นั่นเป็นยังไงบ้าง อยากดูไหมครับ”“อยากดูครับ พี่ลินมาดูด้วยกันไหม” เบจิงเรียกพาลินที่กำลังเดินถือผลไม้จานใหญ่ให้มาดูด้วยกันอีกคนแพรเพ็ญเปิดคลิปแนะนำโรงเรียนประถมในประเทศออสเตรียให้กับหลานชายดู เพราะเธอกับสามีคุยกันแล้วว่าจะรับเบจิงไปอยู่ที่นั่นในฐานะลูกชายของทั้งสองคนดลธรรมก็เห็นด้วยกันมารดาเพราะอยากให้เบจิงมีอนาคตที่ดี ลำพังเขากับพาลินคนดูแลเด็กชายได้ไม่ดีพอแต่ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับเบจิงว่าอยากจะย้ายไปอยู่ที่นั่นไหม ตอนนี้ทั้งมาลีและป้าสายก็เริ่มฝึกภาษาอังกฤษกับจอห์นเพราะแพรเพ็ญอยากให้สองนั้นย้ายไปอยู่ด้วยกันทุกคนที่นี่เตรียมวางแผนก
สามเดือนแล้วที่แพรรดาจากไปและเบจิงอยู่กับดลธรรมและพาลินในบ้านหลังใหญ่ ชีวิตของเด็กชายกลับมาสดใสอีกครั้ง เสียงหัวเราะดังออกมานอกบ้านจนคนที่เพิ่งมาถึงยิ้มอย่างพอใจ“สวัสดีครับคุณย่า” เบจิงยกมือทักทายผู้เป็นย่าที่เจอกันครั้งสุดท้ายในงานศพของผู้เป็นมารดา“น้าชายเราไปอยู่ไหนแล้วล่ะ”“มีธุระอะไรกับผมเหรอครับแม่” ดลธรรมยังเรียกเธอว่าแม่อย่างเดิมเพราะอยากให้เกียรติในฐานะที่เธอเป็นย่าของเบจิงเขาค่อนข้างแปลกใจที่คุณปราณีมาหาถึงที่บ้าน เพราะตลอดหลายเดือนมานี้ท่านไม่เคยแวะมาที่นี่เลยสักครั้ง“แม่เรากลับไปแล้วใช่ไหม” คุณปราณีถามถึงแพรเพ็ญ“เพิ่งบินกลับไปสองวันก่อนมีธุระอะไรกับท่านหรือเปล่าครับ”“เปล่า แม่แค่อยากคุยกับโดมสักหน่อย”“ได้ครับ เบจิงไปหาพี่ลินก่อนนะครับน้าขอไปคุยธุระกับคุณย่าก่อน”“ครับน้าโดม”ชายหนุ่มพาคุณปราณีมายังห้องทำงานของตนเองที่ครั้งหนึ่งมันเคยเป็นของพี่สาวและพี่เขย“โดม แม่จะคุยกับเราเรื่องเบจิง”“มีอะไรเหรอครับ“แม่จะพาเบจิงไปอยู่ด้วย”“แต่เบจิงอยู่กับผมก็มีความสุขดี แม่ก็เห็นว่าเขากลับมาร่าเริงแล้ว”“แต่แม่อยากให้หลานไปอยู่กับแม่”“ผมว่าแม่ไม่มีสิทธิ์จะทำแบบนั้นนะครับ“มีสิ
งานศพของปรานต์ผ่านมาแล้วสองสัปดาห์ แต่ภรรยาของเขาก็ยังคงนอนไม่ได้สติ แผลจากภายนอกร่างกายนั้นหายดีแล้ว แต่สมองของเธอยังคงบวมอยู่หมอต้องผ่าตัดระบายเลือดออกอีกครั้ง แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมาเลยมารดาของดลธรรมและสามีใหม่บินมาร่วมงานศพของลูกเขยจากนั้นก็อยู่ดูอาการของแพรรดาต่ออีกสองวันจึงบินกลับส่วนครอบครัวของปรานต์ไม่ได้สนใจมาเยี่ยมพี่สาวของเขาเลย ฝ่ายนั้นบอกแต่ว่ายังทำใจไม่ได้ที่เสียลูกชายไปตอนนี้ดลธรรมต้องทำงานทั้งบริษัทตัวเองและบริษัทของพี่สาวซึ่ง นับว่าเป็นงานค่อนข้างหนัก เขาเองเพิ่งมาเริ่มศึกษางานก่อนหน้านี้ไม่นานเท่าไหร่ทางด้านพาลินก็ยุ่งไม่แพ้กันนอกจากจะต้องฝึกงานแล้วยังต้องแบ่งเวลามาดูแลเบจิงและแวะไปเยี่ยมแพรรดาที่โรงพยาบาลทุกวันก่อนหน้านี้เบจิงอาละวาดบ้านแทบแตกเด็กชายไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อถึงทิ้งเขาไปแล้วทำไมแม่ถึงยังไม่ยอมตื่นในทุกวันพาลินต้องพาเด็กชายไปเยี่ยมมารดาที่โรงพยาบาล แม้ว่าหมอจะไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยมเพราะกังวลเรื่องการติดเชื้อ แต่เบจิงก็มองเห็นมารดาของตนเองผ่านกระจก“แม่ครับวันนี้เบจิงมาเยี่ยมแล้วนะครับ แม่หายไวๆ นะครับ รีบตื่นนะครับแม่” ประโยคเดิมที่เด็
บ่ายวันอาทิตย์พาลินและดลธรรมไม่ได้ออกไปไหนทั้งสองสั่งอาหารมาทางที่ห้อง พาลินนั่งตรวจทานตัวเลขในบัญชีของบริษัทซึ่งแพรรดาให้ช่วยกันดูอีกรอบว่ามีจุดไหนผิดพลาดไปบ้างเพราะจะต้องส่งตัวเลขทั้งหมดให้กับสรรพากรในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ส่วนดลธรรมเองก็ได้รับมอบหมายงานจากพี่เขยให้ช่วยดูเอกสารสัญญาต่างๆ ที่บริษัทกำลังจะเซ็นสัญญา“พี่โดมเย็นนี้ผมจะไปเอาของที่หอนะครับ”“ไปกี่โมงเดี๋ยวพี่ไปส่ง”“ไม่เป็นไรผมไปคนเดียวได้พี่ทำงานต่อเถอะ”“ได้ยังไง ต้องไปส่งสิ”“งานตัวเองก็ยุ่งอยู่แล้วจะเสียเวลามาส่งผมอีกทำไม ผมไปเองก็กลับเองได้ ไม่นานหรอกครับ”“ไม่เอาจะไปด้วย ไม่อยากอยู่ห้องคนเดียว ขากลับจะได้หาอะไรกินเลยดีไหม แล้วเรื่องรถเซลล์ว่ายังไงบ้าง”“อาทิตย์หน้าก็ได้แล้วครับ”พาลินตัดสินใจซื้อรถยุโรปราคาเกือบสามล้านเพราะบังเอิญว่าคุณยายของเขาได้ข่าวว่าหลานชายจะซื้อรถก็เลยเป็นคนจ่ายเงินให้ จากรถญี่ปุ่นที่ดูไว้เลยกลายเป็นรถหรูยี่ห้อเดียวกับดลธรรมต่างกันแค่สีและขนาด รถดลธรรมสีดำส่วนของเขานั้นสีขาว“เร็วดีเหมือนกันนะ แต่ได้รถแล้วก็อย่าคิดจะไปไหนคนเดียว ยังไงพี่ก็ต้องไปด้วย”“ถ้าผมไปเรียนล่ะ จะไปด้วยไหม” พาลินแกล้งถามเ
เสียงจูบแลกลิ้นดังอย่างต่อเนื่อง เมื่ออารมณ์ของคนทั้งสองกำลังทะยานขึ้นสูงอีกครั้งตอนนี้พาลินคร่อมอยู่เหลือร่างของดลธรรมที่กึ่งนั่งกึ่งนอนแผ่นหลังพิงอยู่กับหมอนใบใหญ่ ฝามือมือร้อนลูบตามผิวเนียน ก่อนจะนวดบั้นท้ายที่สัมผัสทีไรก็รู้สึกจนไม่อยากจะปล่อยพาลินสั่นสะท้านเมื่อรู้สึกว่าความร้อนของท่อนเอ็นกำลังถูอยู่ตรงช่องทางด้านหลังดลธรรมบีบเจลใส่มือแล้วกดนวดขณะที่ปากก็ยังจูบนัวเนียกันอยู่“อื้อ..”เขายกสะโพกขึ้นให้คนพี่สอดนิ้วเข้าไปทีละนิด สองมือเกาะบ่าดลธรรมไว้แน่น ปากที่จูบประกบอยู่เปลี่ยนเป็นดูดแรงตรงลำคอเพื่อระบายความเสียว ยิ่งเขาเพิ่มจำนวนนิ้วพาลินก็ขาสั่นเห็นท่าทางไม่ไหวของพาลินแล้วดลธรรมรีบหยิบถุงยางสวมให้กับตนเอง พออาวุธพร้อมรบก็ประคองสะโพกคนน้องขึ้นสูง จ่อท่อนเอ็นเข้ายังช่องทางคับแน่น“อื้อ พี่...”พาลินพยายามห้ามเสียงร้องของตัวเองแต่มันก็ยังเล็ดลอดออกมาอยู่ดีเขากดสะโพกลงอย่างช้าๆ เพราะรู้ถ้าทิ้งตัวลงมาคงได้จุกแน่ๆ ก็เจ้ามังกรของคนพี่นั้นไม่ธรรมดาเลยทั้งขนาดและความยาว ไม่รู้ว่าชาติแล้วทำบุญด้วยข้าวหลามหรือยังไงพระเจ้าถึงได้ให้มาทั้งยาวและใหญ่เช่นนี้“อ่าห์..แน่นฉิบ ดีเป็นบ้าเลย”