พาลินรีบเปิดประตูขึ้นมานั่งข้างคนขับ คาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยเจ้าของรถถึงได้เหยียบคันเร่ง
“หอพักอยู่ที่ไหน” คนตัวโตหันมาถาม
“ส่งผมที่ป้ายรถเมล์ก็ได้ครับ เดี๋ยวผมกลับเองได้”
“ลองบอกมาก่อนว่าหออยู่ที่ไหน เผื่อเป็นทางผ่านจะได้ไปส่ง” เขาตั้งใจว่าถึงแม้จะไม่ใช่ทางผ่านแต่ก็จะไปส่งคุณครูของหลานชายเพราะเวลาดึกอย่างนี้ให้นั่งรถเมล์กลับก็อดเป็นห่วงไม่ได้
“อยู่หน้ามหาลัยxx ครับ”
“งั้นก็ทางเดียวกัน คอนโดพี่อยู่เลยไปอีกนิด” ดลธรรมไม่ได้โกหกคอนโดของเขาอยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยไม่ถึงสองกิโล
“ครับ งั้นก็ต้องรบกวนด้วย” พาลินดีใจที่ไม่ต้องนั่งรถเมล์กลับ เขาไม่ชอบการไปยืดเบียดกันบนรถเมล์และยิ่งในเวลาดึกแบบนี้รถเมล์บางสายก็หยุดวิ่งไปแล้ว แต่จะให้นั่งแท็กซี่แถวนี้ก็เรียกรถยากพอจะเรียกแกรปก็ต้องรอคิวเกือบชั่วโมง
พาลินรู้สึกเกร็งที่ต้องนั่งรถมากับผู้ชายที่เพิ่งเจอกันแค่วันแรก แต่อีกคนคงไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นเพราะดูเขาผ่อนคลาย ฮัมเพลงมาตลอดทาง
พาลินแอบมองเสี้ยวหน้าของดลธรรมเป็นระยะ นับว่าเขาเป็นผู้ชายที่หล่อมากคนหนึ่ง ใบหน้าออกไปทางลูกครึ่งผมสีน้ำตาลเข้ม ตาคม คิ้วเฉียงขึ้นเสริมเสน่ห์ให้ดูน่าค้นหา รูปร่างสูงโปร่ง ไหล่กว้างแต่ลำตัวไม่หนา ดูจากสายตาคงสูงไม่ว่า 185 แน่ๆ เพราะขนาดเขาที่สูง 170 ยังดูตัวเล็กเมื่อเทียบกับอีกคน
“ถ้าใกล้ถึงแล้วบอกนะ” เสียงทุ่มฟังแล้วหัวใจของคนฟังเต้นแรง
“ครับ” พาลินต้องพยายามกดความรู้สึกของตัวเองไว้ เขาต้องท่องอยู่ในใจว่า ‘เรามีแฟนแล้ว’
“ปกติเวลาสอนเสร็จแล้วกลับยังไง”
“นั่งรถเมล์ครับ บางครั้งแฟนก็มารับครับ”
ดลธรรมชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะถามต่อ
“แล้ววันนี้แฟนไปไหนทำไมถึงไม่มารับ เขารู้ไหมว่าเราจะกลับดึกอย่างนี้”
“ไม่ว่างครับ” พาลินไม่แน่ใจว่าทำไมกันต์ธีร์ถึงไม่ว่าง เขาไม่กล้าถามเพราะกลัวอีกคนจะโกรธ
“มันดึกมากเลยนะ เขาไม่ห่วงเราเลยเหรอ”
“เขาคงมีธุระสำคัญจริงๆ นั่นแหละครับ ปกติผมไม่ได้กลับดึกแบบนี้ แต่วันนี้มาช้าไปหน่อย” ถึงไม่รู้ว่าอีกคนทำอะไรอยู่ถึงมารับไม่ได้แต่ก็ไม่อยากให้เขาดูแย่ในสายตาคนอื่น
ดลธรรมชำเลืองมองคนที่นั่งข้างๆ ถ้าเป็นเขาคงไม่ปล่อยให้แฟนต้องกลับเองเป็นอันขาด ถึงจะเป็นผู้ชายแต่บางครั้งพวกโจรผู้ร้ายมันก็ไม่เลือกเพศ
แม้จะแอบผิดหวังที่อีกคนมีแฟนแล้ว แต่เขาก็ยังอดห่วงไม่ได้ ไม่รู้จะห่วงในฐานะอะไรหรือบางทีเขาก็แค่ห่วงเพราะอีกคนเป็นคุณครูของหลานชาย
“พี่โดมจอดข้างหน้าเลยครับ หอผมเข้าไปในซอยอีกนิดเดียว มันกลับรถยาก” ชายหนุ่มคนน้องชี้ไปยังปากซอยที่อยู่ข้างหน้า
“ไม่ไกลแน่นะ” ไหนๆ ก็มาส่งแล้วก็อยากจะส่งให้ถึงที่หมาย
“แน่ครับ เดี๋ยวไปถึงแล้วผมโบกมือให้”
“ขอเบอร์ไว้หน่อยได้ไหม”
“ได้ครับ”
เขากรอกตัวเลขสิบหลักลงบนโทรศัพท์หรู แล้วเจ้าของก็รับไปแล้วกดโทรออก แต่ก็ยังไม่ได้ยินเสียง
“ผมเปิดสั่นไว้ครับ เบอร์นี้ใช่ไหมครับ” พาลินยกโทรศัพท์ของตัวเองให้ดลธรรมดู
“อือ เมมไว้ด้วยนะ เผื่อวันไหนต้องกลับดึกแล้วแฟนไม่ว่างก็โทรตามพี่ได้” ไม่รู้อะไรดลใจให้พูดออกแบบนั้น
“ได้เหรอครับ”
“ได้สิ เราเป็นครูของเบจิงนี่”
“ครับ ขอบคุณครับ” พาลินยิ้มกว้าง เพิ่งรู้ว่าสถานะคุณครูของน้องเบจิงมีสิทธิ์โทรให้น้าชายของเด็กน้อยมารับได้ด้วย
พาลินเดินไปยังหอพักพอถึงก็โบกมือให้เขาอย่างที่บอก แต่รถคันหรูก็ยังไม่ออกไปสักที ชายหนุ่มจึงกดโทรศัพท์ไปยังเบอร์เมื่อครู่
“พี่โดม ผมถึงหอแล้ว โบกมือแล้วนะ”
“อือเห็นแล้ว”
“อ้าว ผมก็นึกว่าไม่เห็นแล้วทำไมพี่ยังไม่กลับล่ะ”
“ก็รอให้ขึ้นหอไปก่อน หน้าหอเรามันมืดมาก”
“ครับ ขอบคุณอีกครั้งนะครับที่มาส่ง” พาลินกดวางสายแล้วเดินเข้าหอพักไป
เขารู้สึกอบอุ่นที่มีคนเป็นห่วงแบบนี้ ถ้าเป็นกันต์ธีร์เขาก็แค่มาส่งแล้วก็กลับ ไม่เคยมีสักครั้งที่รอให้พาลินเข้าหอไปก่อน และไม่เคยขึ้นไปบนหอของเขาเลยสักครั้ง
แต่เป็นพาลินเองที่ต้องไปค้างกับเขาที่คอนโดเวลาที่เขามารับ แม้จะเป็นแฟนกันมาหกเดือนและมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันแล้ว แต่ความรู้สึกกลับไม่เหมือนกันแรกที่ได้รู้จักกัน
ตอนเขามาจีบกับตอนที่เป็นแฟนกันมันต่างกันจนเห็นได้ชัด ยิ่งมีอะไรกันแล้วเขาก็ไม่ค่อยเอาใจอย่างเดิม วันไหนอยากให้ไปนอนด้วยก็มารับ วันไหนไม่มีความต้องการก็เงียบหาย
พาลินพยายามจะเข้าใจเขาเพราะตอนนี้แฟนหนุ่มเรียนจบและเพิ่งได้เข้าทำงานในบริษัทขนาดใหญ่ เขาจึงไม่ค่อยเวลาอย่างเคย
และที่เขาไปสอนน้องเบจิงช้าก็เพราะวันนี้เขาไปรอกันต์ธีร์ที่บริษัท แต่พอถึงเวลาเลิกงานชายหนุ่มกลับบอกว่าไม่ว่างและมาส่งพาลินไม่ได้
เขาไม่โกรธแต่รู้สึกน้อยใจมากกว่า ถ้าบอกเขาก่อนสักนิดว่าไม่ว่างมาส่งเขาจะได้ไม่ต้องไปนั่งรอให้เสียเวลา
ที่มาเป็นครูสอนพิเศษก็เริ่มจากอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยให้ไปช่วยสอนลูกของคนรู้จัก จากนั้นก็เริ่มสอนมาเรื่อยๆ เขารับลูกศิษย์แค่ครั้งละคนเท่านั้นเพราะยังต้องแบ่งเวลาไปเรียน แต่ตอนนี้เป็นช่วงปิดเทอมกำลังจะขึ้นปีสี่ พาลินเลยไปสมัครเป็นผู้ช่วยสอนที่โรงเรียนสอนภาษาแห่งหนึ่ง
พาลินวางเป้ลงบนโต๊ะกลางห้อง จากนั้นรีบอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะโทรหาคนรัก แต่อีกฝ่ายปิดเครื่องเขาจึงได้แต่ทิ้งข้อความไว้ในไลน์
เที่ยงคืนกว่าพาลินก็เริ่มง่วง เขาเก็บหนังสือเข้าที่จากนั้นโทรหาแฟนหนุ่มอีกครั้ง แต่ก็เหมือนเดิมคือเขาปิดเครื่อง หรือบางทีแบตก็อาจจะหมด พาลินจึงเข้านอนโดยไม่ได้คุยกับกันต์ธีร์อย่างเคย
ก่อนหน้าที่จะตกลงเป็นแฟนกัน เขาโทรหาทุกวัน วันละหลายรอบ การได้คุยกับกันต์ธีร์ก่อนนอนถือเป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งที่ทำให้เขานอนหลับอย่างมีความสุข รู้สึกอบอุ่น รู้สึกดีที่มีคนคุยก่อนนอน แต่ตอนนี้ทุกอย่างกำลังเปลี่ยนไป ชายหนุ่มเย็นชาขึ้น และมีเวลาให้เขาน้อยลง
ทุกอย่างคงจะดีขึ้นถ้าหากงานของกันตฺธีร์ลงตัวมากกว่านี้ และถึงตอนนั้นพาลินก็หวังว่าเขาจะมีความสุขมากกว่านี้
กำลังจะล้มตัวลงนอนโทรศัพท์ในมือก็สั่น เขารีบยกขึ้นมาดู คนที่โทรเข้ามาไม่ใช่แฟนหนุ่มที่เขากำลังรออยู่ แต่เป็นชายอีกคนที่มาส่งเขาเมื่อครู่
“สวัสดีครับพี่โดม”
“ขอโทษที่โทรมาดึกนะ พี่จะถามว่าเฟรชไดร์ฟรูปกระดูกหมาเป็นของเราหรือเปล่าที่เห็นมันอยู่บนเบาะ”
“ครับของผมเอง มันคงร่วงตอนที่ล้วงโทรศัพท์ ผมฝากพี่ไว้ก่อนนะครับ”
“ไม่มีงานสำคัญในนี้ใช่ไหม รีบใช้หรือเปล่า”
“ไม่มีครับ”
“ถ้าอย่างนั้นพี่เอาไปฝากไว้ที่บ้านพี่แพรนะ เราต้องมาสอนเบจิงทุกวันอยู่แล้วใช่ไหม”
“ครับ สอนจันถึงศุกร์ครับ ขอบคุณนะครับ”
“อือ งั้นพี่ไม่กวนแล้วรีบไปนอนเถอะดึกแล้ว”
“พี่เพิ่งถึงคอนโดเหรอครับ ไหนว่าอยู่เลยไปหน่อยเดียวทำไม่เพิ่งถึง” เพราะตั้งแต่เขาส่งจนถึงตอนนี้ก็เกือบจะสามชั่วโมงแล้ว
“แวะดื่มกับเพื่อนครับ เลยกลับดึกหน่อย แต่เดี๋ยวก็นอนแล้ว”
“งั้นผมไปนอนแล้วนะครับ”
“ครับ”
วางสายไปแล้วมือก็ยังถือโทรศัพท์อยู่ ใบหน้าสวยยิ้มเมื่อคิดถึงใบหน้าของคนที่โทรมาหา
“ท่องไว้สิพาลิน เรามีแฟนแล้ว” พาลินย้ำกับตัวเองอีกครั้ง ถึงแม้จะรู้สึกดีที่ได้คุยกับเขาแต่มันไม่ถูกต้องเพราะนี้ตัวเองมีแฟนอยู่แล้วและก็ไม่ควรรู้สึกอะไรแบบนี้กับผู้ชายคนอื่น
แต่พอจะหลับใบหน้าของดลธรรมก็เข้ามากวนใจอยู่เรื่อย พาลินเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูรูปถ่ายของตนเองคู่กับกันต์ธีร์เพื่อย้ำว่าตอนนี้คนที่ควรคิดถึงคือคนที่อยู่ในรูปมากกว่าคนที่เพิ่งวางสายไป
พาลินมาทำงานตั้งแต่เช้ากว่าจะได้พักก็เที่ยงพอดี เขารีบโทรศัพท์ไปหากันต์ธีร์เพราะอยากชวนมาทานอาหารกลางวันด้วยกัน บริษัทของแฟนหนุ่มอยู่ใกล้โรงเรียนสอนภาษาเพียงสองป้ายรถเมล์“พี่กันต์ให้ผมไปกินแถวบริษัทก็ได้”“จะกินอะไร พี่จะได้สั่งไว้รอ” อีกคนถามอย่างเอาใจเพราะเมื่อวานเขาไม่ได้ไปรับและยังปิดโทรศัพท์ทั้งคืน“ข้าวผัดก็ได้ง่ายดีครับ พี่กันต์ส่งพิกัดร้านมาด้วยนะครับ”“ครับเดี๋ยวพี่ส่งให้”พาลินรีบไปรอรถเมล์แต่ช่วงเที่ยงคนแน่นทุกคันเขาเลยนั่งวินมอเตอร์ไซค์ไปแทนพอไปถึงแฟนหนุ่มก็นั่งรออยู่แล้ว แต่ที่โต๊ะตอนนี้ไม่ได้มีแค่กันต์ธีร์คนเดียวเพราะยังมีผู้หญิงอีกคนนั่งอยู่ด้วย“นั่งสิ พี่สั่งข้าวให้แล้ว จะเอาน้ำอะไรไหม”“มีน้ำแตงปั่นไหมครับ” เขาหันไปถามเด็ดเสิร์ฟที่ยกข้าวผัดมาให้พอดี“มีครับ”“งั้นผมเอาน้ำแตงโมปั่นครับ”พอสั่งของตนเองเสร็จก็หันมาทางคนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะพร้อมส่งยิ้มหวานให้อย่างเคยแต่วันนี้พี่กันต์ของเขากลับไม่ยิ้มรับ“พี่อรครับนี่พาลิน เพื่อนรุ่นน้องผมเองครับ พาลินนี่พี่อร เป็นรุ่นพี่ที่ทำงาน”“สวัสดีครับพี่อร” พาลินสะดุดกับคำว่าเพื่อนรุ่นน้องแต่ก็ไม่ลืมที่ยกมือไหว้ทักทายรุ่นพี่ของแฟน
ข้าวหมูทอดและข้าวผัดกะเพราหมูกรอบอย่างละจานหมดในเวลาไม่ถึงยี่สิบนาที พาลินเชื่อแล้วว่าที่พี่เขาบอกว่าหิวจนจะกินช้างได้ทั้งตัวก็คงจะเป็นจริงตามนั้นเขานั่งมองคนตัวโตทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ส่วนตัวเองนั้นทานข้าวแล้วตั้งแต่ก่อนไปบ้านน้องเบจิง จึงสั่งแค่หมูสะเต๊ะมานั่งทานระหว่างรอ“อร่อยนะครับ พี่กินไหม ร้านนี้น้ำอาจาดอร่อยแตงกว่าก็สดมากเลย” พูดพลางจิ้มแตงกว่าในถ้วยน้ำอาจาดเข้าปากเคี้ยวตุ้ย“มันต้องกินคู่กันไม่ใช่เหรอทั้งสองน้ำจิ้ม” ดลธรรมจิ้มทั้งอาจาดและน้ำจิ้มอีกถ้วยซึ่งมีเครื่องเทศส่งกลิ่นหอมเข้าปาก“ครับ แต่ผมไม่ค่อยกล้ากินเท่าไหร่”“ทำไมไม่กินเผ็ดเหรอ” คนถามเคี้ยวจนแก้มตุ่ย“เปล่าครับ ผมเคยแพ้ถั่วลิสงครับ กินแล้วผื่นมันจะขึ้นคัน ไปทั้งตัว”“พี่ขอโทษพี่ไม่รู้ ดูสิเกือบทำน้ำจิ้มสองถ้วยปนกันแล้ว”“ก็พี่ไม่รู้นี่ครับ แต่ถ้านิดหน่อยแค่นี้ไปไม่เป็นไรหรอกครับ”“แล้วแพ้อะไรอีกไหม พี่จะได้ระวัง”“ไม่ครับ” พาลินอยากอยากบอกว่าเขาแพ้คนหล่อและใจดีเหมือนคนตรงหน้า แต่ก็ไม่สนิทพอที่จะพูดออกไปแบบนั้นพอทานจนอิ่มดลธรรมก็เพิ่งสังเกตว่าคนที่นั่งคุยด้วยมีแผลถลอกที่แขนทั้งสองข้าง คงจะเป็นตอนที่ล้มลงไปในพุ
“คุยกับใครอยู่เหรอกันต์” เสียงหวานถามขึ้นเมื่อเดินเข้ามาในห้องแล้วเห็นกันต์ธีร์เพิ่งวางโทรศัพท์ลงข้างลำตัว“พาลินน่ะครับ”“รุ่นน้องคนนั้นเหรอ”“ใช่ครับ เขามีปัญหานิดหน่อยก็เลยต้องโทรมาปรึกษาครับ”“ดูเหมือนกันต์สนิทกับน้องเขามากเลยนะ มีอะไรมากกว่านั้นที่พี่ไม่รู้หรือเปล่า”“ไม่มีอะไรหรอกครับพี่อร ผมก็แค่สงสารครับ เขาอยู่ตัวคนเดียวพ่อแม่ก็ตายหมด มีอะไรที่ช่วยเหลือได้ผมก็อยากช่วยครับ”“ไม่ใช่ว่าแอบคบกันลับหลังพี่นะกันต์”“แค่น้องจริงๆ ครับ เขาเป็นผู้ชายผมก็ผู้ชายนะครับ พี่อรอย่าคิดมากเลยนะครับ” กันต์ธีร์ดึงรุ่นพี่เข้ามากอด สูดความหอมจากกายสาวด้วยความหลงใหล“ถึงจะเป็นผู้ชายด้วยกันพี่ก็ไม่ชอบให้กันต์ไปสนิทแบบนั้น เกิดน้องเขาไม่ได้คิดว่ากันต์เป็นแค่รุ่นพี่ละ”“เรื่องของเขาสิครับ สำหรับผมเขาคือน้อง”“แล้วพี่ล่ะเป็นอะไรสำหรับกันต์”“พี่อรเป็นทุกอย่างของผม ถ้าไม่มีพี่อรผมคงอยู่ไม่ได้แน่ๆ เลย”“ทำมาเป็นปากหวานนะ”“ก็หวานกับพี่อรคนเดียวครับ” กันต์ธีร์ยืนยันคำพูดของตนเองด้วยการประจบจูบลงไปอย่างเร่าร้อน อีกคนก็ตอบรับอย่างถึงใจกันต์ธีร์มอบความสุขให้กับรุ่นพี่จนเธอได้แต่ร้องครวญครางอย่างสุขสมความส
พาลินติดต่อกับคนรักไม่ได้หลายวันแต่เขาก็ยิ้มออกเมื่อกันต์ธีร์อีเมลมาบอกว่าเสาร์หน้าจะกลับกรุงเทพและจะไปเดินดูรถที่งานมอเตอร์โชว์ด้วยกันวันนี้หลังจากสอนเบจิงเสร็จในเวลาหนึ่งทุ่มพาลินจึงเรียกแกร็ปให้มารับที่หน้าบ้านของลูกศิษย์ เพื่อตรงไปยังคอนโดของแฟนเขาอยากไปทำความสะอาดห้องไว้รอคนรัก ถึงแม้กันต์ธีร์จะมีแม่บ้านแต่ก็อยากไปดูว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีไหมชายหนุ่มมาถึงคอนโดมิเนียมของคนรักก็เกือบจะสองทุ่มเพราะเย็นวันศุกร์รถค่อนข้างติดกว่าวันอื่น พอขึ้นลิฟต์มายังชั้น 22 ก็กดรหัสที่หน้าประตูก่อนจะเปิดเข้าไปด้านในนึกแปลกใจที่ห้องดูสะอาดอีกทั้งยังเหมือนกันว่ามีคนอยู่ในห้องนอนเพราะเขาได้ยินเสียงจากในนั้น พาลินดีใจเพราะคิดว่าแฟนหนุ่มคงกลับมาก่อนเวลาเขารีบเดินไปยังห้องนอนซึ่งประตูห้องเปิดแง้มอยู่เล็กน้อย พอผลักเขาไปด้านในโลกของพาลินก็หยุดหมุนทันทีเพราะคนที่อยู่ในห้องนอนตอนนี้ไม่ใช่มีเพียงกันต์ธีร์แต่ยังมีผู้หญิงอีกคนที่เขาจำได้ว่าเป็นรุ่นพี่ของแฟนหนุ่มทั้งสองกำลังทำกิจกรรมกันอย่างเร่าร้อนอยู่บนเตียง ทั้งภาพและเสียงมันชัดมาก จนพาลินได้แต่มองตาค้าง ไม่คิดว่าจะมาเจอภาพบาดตาแบบนี้ เขาก้าวขาไม่ออก จึง
ชายหนุ่มที่ทำเป็นเข้มแข็งเดินออกมาจากห้องได้ไม่กี่ก้าวก็เข่าทรุด นั่งร้องไห้อยู่ตรงทางเดินอย่างไม่อายใคร ในเมื่อเขาจะไม่มาที่นี่อีกแล้วก็ไม่ต้องสนใจสายตาของคนอื่นพาลินสะอื้นไห้จนตัวโยน น้ำตาไหลพรากราวเขื่อนแตก ไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ โดนคนที่เป็นทุกอย่างในชีวิตหักหลังอย่างไม่น่าให้อภัยทั้งเสียใจ เสียดายเวลาและเสียดายความรู้สึกดีๆ ที่มีให้มาตลอด พาลินไม่คิดมาก่อนเลยว่าความรักของตัวเองจะจบลงอย่างเขาและกันต์ธีร์รู้จักกันมาปีกว่าจากนั้นก็ตกลงคบกันได้หกเดือน รวมเวลาทั้งหมดก็เกือบจะสองปีที่ได้รู้จักกัน พาลินคิดว่าตัวเองรู้จักคนรักของตัวเองดีแล้วถึงทุ่มเททั้งกายและใจให้ไปจนหมด ตั้งแต่คบกันเขาก็มีแต่กันต์ธีร์คนเดียวมาตลอด มีนาและพราวรุ้งเพื่อนสนิททั้งสองก็เคยบอกว่าให้เผื่อใจไว้บ้าง แต่เพราะตลอดเวลาที่คบกันชายหนุ่มทำตัวดีมาตลอด พาลินจึงไม่เคยคิดเผื่อใจเลยแล้วอย่างนี้จะโทษใครได้ ต้องโทษตัวเองที่คิดว่าความรักจะรั้งให้เขาอยู่กับตัวเองได้ โทษตัวเองที่หัวอ่อนจนเกินไป เขาเป็นคนรักคนแรกของพาลิน รักแรกที่พังลงตรงหน้าในเวลาไม่ถึงปียิ่งคิดก็ยิ่งเสียใจ พาลินไม่มีแรงจะลุกยืนด้วยซ้
พาลินกลับมาถึงห้องก็รีบอาบน้ำเรียกความสดชื่น แม้ในใจจะยังไม่เหมือนเดิมร้อยเปอร์เซ็นต์แต่มันก็ดีกว่าเมื่อวานอยู่มากไม่คิดเลยว่าการได้พูด ได้ระบายออกจะทำให้เขารู้สึกดีขึ้นได้ ถ้าเมื่อคืนไม่บังเอิญเจอกับดลธรรมก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะเป็นยังไง จะนอนอยู่ตรงนั้นถึงเช้าหรือจะกลับหอตัวเองได้ตอนไหนพาลินกลับมาให้ความสนใจกับตัวเองอีกครั้ง เขาเก็บของบางอย่างที่เห็นแล้วทำให้นึกถึงคนรักเก่าลงกล่อง เตรียมเอาลงไปทิ้งที่ถังขยะหน้าหอ ในเมื่อถูกเขาทิ้งแล้ว อะไรที่เป็นของกันต์ธีร์ก็ควรจะทิ้งลงขยะเช่นกันเก็บของทิ้งจนเหนื่อยก็ถึงเวลาอาหารกลางวัน พาลินลงไปทานข้าวที่ร้านอาหารตามสั่งหน้าหอพัก ช่วงปิดเทอมแบบนี้ไม่ค่อยมีคนอยู่หอ เขาเลยได้อาหารไว้กว่าที่คิดจัดการกับข้าวผัดปูไปครึ่งจานก็รู้สึกตื้อขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก พยายามสลัดภาพเมื่อคืนออกจากหัวแต่มันก็ยังคงติดตาพาลินปวดขมับทั้งสองข้างจนต้องเดินไปซื้อยาแก้ปวดหัวที่ร้านขายยาหน้าปากซอย จากนั้นก็กลับมาทานยาแล้วนอนพัก หวังว่าตื่นมาก็คงจะดีขึ้นเขานอนหลับยาวตั้งแต่บ่ายจนถึงสายของอีกวัน พาลินนึกขึ้นได้ว่าวันนี้มีงานมอเตอร์โชว์วันสุดท้ายและเขาไม่อยากพลาดชายหนุ่มรีบเป
เพราะเป็นวันสุดท้ายของการจัดงานคนเลยมากกว่าทุกวัน กว่าทั้งสองคนจะหาที่จอดรถได้ก็ผ่านไปเกือบชั่วโมงพาลินเกรงใจดลธรรมมากที่ทำให้ต้องลำบาก แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ออกอาการหงุดหงิดให้เห็นเลยสักนิด“ขอโทษนะครับพี่โดม ผมทำพี่ลำบากเลย”“ลำบากยังไง”“ก็ลำบากที่ต้องวนหาที่จอดรถไงครับ”“ไม่ใช่ความผิดของเรานี่ มางานแบบนี้ก็ต้องเผื่อใจไว้บ้าง แต่เราก็ยังโชคดีที่ได้ที่จอด ต้องขอบคุณเรามากกว่าที่ตาไวเห็นว่าเขากำลังจะกลับ”“พี่พูดอย่างกับว่าผมไปกอบกู้โลกมาเลยนะครับ”ดลธรรมฟังแล้วก็หัวเราะ เห็นว่าพาลินไม่ทำหน้าหงอยแล้วเขาก็เบาใจ“อยากไปบูธไหนก่อน”“ยังไม่รู้เลยครับ แต่ผมอยากได้รถญี่ปุ่นราคาไม่แรงมากครับ”ทั้งสองพากันมาดูแผนที่ก่อนจะเข้าไปในงานเพื่อไม่ให้เสียเวลา“งั้นไปโซนนี้กันก่อนเลย”“เดี๋ยวค่อยไปดูก็ได้ ไปดูรถที่พี่อยากดูก่อน”“พี่ดูมาแล้ว”“ตอนไหนครับ มาแล้วทำไมยังมาอีก”“มาเสาร์ที่แล้ว แต่มาแล้วก็มาอีกได้ใครเขาห้ามกันล่ะ บางคนยังมาทุกวันเลย”“อ๋อ ผมเข้าใจแล้ว พี่มาดูพริตตี้ใช่ไหม” พาลินบอกอย่างรู้ทัน ผู้ชายก็คงไม่มีอะไรมากถ้ามาแล้วมาอีกก็คงไม่พ้นมาดูสาวสวยๆ“พี่มาดูรถ”“ไม่ต้องอายหรอกน่า มาดูหญิ
กลับมาถึงหอก็วิดีโอคอลคุยกับเพื่อนทั้งสองคน พาลินไม่มีอะไรปิดบังเพื่อนทั้งสองคนอยู่แล้ว เขาเลยเล่าทุกอย่างที่ได้เห็นในวันนั้นให้กับทั้งสองคนฟังตั้งแต่เลิกกับกันต์ธีร์หัวใจของพาลินก็ปิดตาย เขาไม่คิดจะคบใครอีกแล้ว เพราะตอนนี้ก็มีความสุขดี การไม่มีแฟนก็ใช่ว่าชีวิตจะดำเนินต่อไปไม่ได้ สองเดือนแล้วที่พาลินไม่มีกันต์ธีร์ในชีวิตชายหนุ่มยังคงไปสอนที่โรงเรียนสอนภาษา ตกเย็นก็ไปสอนเบจิงที่บ้านเหมือนเดิม แต่พาลินไม่ต้องเดินออกมาที่ปากซอยคนเดียวแล้ว เพราะช่วงนี้ดลธรรมมักจะไปทานข้าวเย็นที่บ้านพี่สาวและชวนเขาติดรถมาด้วยทุกครั้งแต่ถ้าวันไหนชายหนุ่มไม่มาพาลินก็จะเรียกแกรปให้มารับ ถ้าเป็นแต่ก่อนก็คงจะกังวลว่ากันต์ธีร์จะมารับไหม แต่พอตัดเขาออกไปจากชีวิตการตัดสินใจทุกอย่างก็ง่ายขึ้นวันนี้พาลินมีนัดกับโชว์รูมรถแห่งหนึ่ง เขาจะไปลองขับดูสักครั้ง ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ“ว่าไง โอเคไหม” ดลธรรมถามหลังจากเขาลองขับรถและพากันมาทานข้าวที่ร้านแห่งหนึ่งบนศูนย์การค้า“ก็ดีครับ คันเล็กคล่องตัวดี”“ก็ดี หมายความว่ายังไม่ค่อยดีใช่ไหม”“พูดไม่ถูกครับ มันก็ชอบอยู่หรอก คันเล็กคล่องตัว การตกแต่งก็โอเค แต่เริ่มลังเลนิดหน่อย
สัมผัสที่เร่าร้อนของเรียวปากหยักจูบแลกลิ้นกันอยู่อย่างนั้น พาลินหลงใหลไปกับรสจูบที่คนรักมอบให้ สองมือดันผนังห้องน้ำเอี้ยวคอมาจูบ สะโพกกลมขาวกดแนบชิดกับท่อนเอ็นร้อนเสียงคนพี่ครางในลำคอ เขาอยากกลืนกินคนช่างยั่วตั้งแต่เห็นรูปที่ส่งไปให้ ดลธรรมไม่ลังเลเลยที่จะรีบขับรถกลับมาที่คอนโด แล้วเขาก็ไม่ผิดหวังเมื่อรู้ว่าพาลินกับเขาต่างมีความต้องการเหมือนกัน“พาลินยั่วพี่เองนะครับ”“ถ้าน้องยั่วแล้วพี่ไม่อยากพี่จะกลับมาเหรอ”“นั่นยั่วอีกแล้ว”“น้องยั่วแล้วพี่อยากไหม”“ไม่ยั่วก็อยากครับ ยันผนังไว้นะครับพี่จะลงโทษคนยั่วแล้ว”ดลธรรมจูบไซร้ไปตามท้ายทอยและซอกคอ กัดติ่งหูคนด้านหน้าเบาๆ เพราะเป็นจุดอ่อน แค่นั้นพาลินก็ร้อนวูบวาบไปทั่วทั้งตัวฝ่ามือร้อนไล้ไปทั้งแผงอกบีบคลึงเบาๆ บนยอดสีสวย สะโพกก็กดลงไปยังบั้นท้าย เสียงหวานครางแผ่วเบา สะโพกแอ่นโค้งเด่นคนตัวโตกดครีมอาบน้ำสูตรอ่อนโยนลงบนปลายนิ้วกลางจากนั้นลากไปตามช่องทางสีสวยกดลงไปช้าๆ ค่อยเพิ่มจำนวนนิ้วเป็นสองและสาม พาลินครางสะท้านรู้สึกถึงความคับแน่นที่กำลังนวดผนังด้านใน“อื้อ...พี่”เขาสะดุ้งเมื่อจุดอ่อนไหวด้านในถูกกระตุ้นเพียงแค่นั้นตัวตนของเขาก็ปวดหนึบ ม
หลังจากตรวจเสร็จและรับยาแล้วรถกระบะคันเดิมก็มาส่งดลธรรมและพาลินที่สนามบิน“พี่หน้าผมยังมีผื่นอยู่ไหม”“ยังมีอีกนิดหน่อย ใส่มาสก์ไปก่อน”“หมอบอกว่าเดี๋ยวมันก็หายไงครับ”“มันต้องใช้เวลาไง เดี๋ยวกลับถึงกรุงเทพถ้าผื่นยังไม่ยุบลงพี่จะพาไปหาหมออีกรอบ”“ไม่เอาแล้วไม่หาแล้ว ไปอีกก็โดนฉีดยาอีก”พาลินทานยาแก้แพ้ตั้งแต่อยู่บนเขาแต่พอมาถึงโรงพยาบาลผื่นก็ยังไม่หายและดูเหมือนจะขึ้นมากกว่าเดิมหมอเลยต้องฉีดยาเพราะมันได้ผลเร็วกว่า รวมถึงให้ยาทาแก้คันมาด้วยตอนนี้พาลินเลยสีชมพูไปทั้งตัว ยังดีที่เขามีเสื้อคลุมแขนยาวเลยไม่ค่อยอายคนเท่าไหร่แต่ที่ต้องอายก็คงจะเป็นคนที่นั่งอยู่ข้างเพราะเขาเป็นคนทายาให้กับตนเองทั้งตัว“ยามันง่วงเดี๋ยวขึ้นเครื่องเราจะหลับเลยก็ได้ ถึงแล้วพี่จะปลุกเอง”“บินนานไหมครับ” เพราะขามาเขานั่งรถมาเพื่อนๆ เลยไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาเท่าไหร่“ไม่นานครับ ประมาณชั่วโมงหนึ่งครับ หลับแป๊บเดียวก็ถึงกรุงเทพแล้ว”“ผมหวังว่าถึงกรุงเทพแล้วผมจะหายนะ”“แต่พี่ว่าอย่าเพิ่งหายเลย ชมพูไปทั้งตัวแบบนี้ก็น่ารักดี”“ไม่ตลกนะครับพี่ มันคันไปทั้งตัวเลย”“อดทนอีกนิดนะครับ ถึงคอนโดจะเอาน้ำเย็นเช็ดให้”พอขึ้นเครื่อง
ดลธรรมไม่อยากให้พาลินพลาดการเข้าค่ายอาสาซึ่งเป็นกิจกรรมที่ชายหนุ่มทำมาทุกปีตั้งแต่เข้าเรียนมหาวิทยาลัย และถ้าปีสุดท้ายมาได้เข้าร่วมคงจะเป็นอะไรที่น่าเสียดายมากถึงแม้จะทั้งหวงทั้งห่วงแต่เขาก็ไม่อยากพรากความทรงจำในวัยเรียนของคนรัก และนั่นก็คือเหตุผลที่ตอนนี้เขามานั่งอยู่ข้างคนขับรถกระบะสีประตูขับเคลื่อนสี่ล้อซึ่งกำลังมุ่งหน้าไปยังจุดที่นักศึกษามาออกค่ายเดิมทีก็ตกลงจะมาด้วยกัน แต่เพราะเขามีงานที่ยังเคลียร์ไม่เรียบร้อยจึงต้องยอมปล่อยให้คนน้องมาเข้าค่ายกับเพื่อนพาลินงอนนิดหน่อยที่เขาไม่ทำตามที่พูด แต่ก็ตัดสินใจมากับเพื่อน เพราะอยากใช้ชีวิตในช่วงเรียนมหาวิทยาลัยให้คุ้มค่าที่สุด ส่วนตัวเขาก็รีบเคลียร์งานแล้วตามมาทีหลังโดยไม่ได้บอกพาลินแค่สองสามที่ต้องนอนอยู่คนเดียวเขาก็ทรมานเกินไปแล้ว“อันที่จริงมันก็ไม่ไกลหรอกนะครับ แต่ทางมันค่อนข้างลำบากมันเลยดูเหมือนไกล” เสียงคนขับรถกระบะทำให้เขาหลุดออกจากภวังค์“ครับ”ดลธรรมให้ลูกน้องที่บริษัทซึ่งบังเอิญเป็นคนพื้นที่ช่วยติดต่อเช่ารถพร้อมคนขับไปส่งที่หมู่บ้านบนเขาชายหนุ่มนั่งเครื่องมาลงที่สนามบินพิษณุโลกตั้งแต่เช้าจากนั้นก็ให้คนขับรถพาไปซื้อไก่ทอด โด
ดลธรรมและพาลินย้ายกลับมาอยู่ที่คอนโดเพราะอยากให้มารดาได้ทำความรู้จักและปรับตัวกับเบจิงได้มากขึ้นแต่เขากับพาลินก็ยังแวะไปทานอาหารเย็นด้วยอยู่บ่อยๆ ดูเหมือนว่าเบจิงจะเข้ากันได้ดีกับคุณยายของตนเองแม้พาลินจะมีรถเป็นของตัวเองแล้ว แต่ดลธรรมก็ยังมารับส่งที่มหาวิทยาลัยเป็นบางวัน“พี่โดม ขอโทษทีครับคุยกับเพื่อนนานไปหน่อย”“ไม่เป็นไร แล้วตกลงเอาไงเราจะไปค่ายกับเพื่อนไหม” ช่วงวันหยุดยาวติดกันชมรมค่ายอาสาจะพากันไปออกค่ายที่พิษณุโลก“กำลังตัดสินใจอยู่ครับ”“ทำไมดูตัดสินใจยากจัง แต่ก่อนเห็นตื่นเต้นจะไป”“ก็ตอนนั้นยังไม่มีแฟน ตอนนี้มีแฟนแล้วติดแฟนครับ”“ฟังคำตอบแล้วชื่นใจจัง”“ถ้าผมไปพี่จะคิดถึงผมไหม”“ถ้าเราไปพี่ก็ไปด้วยครับ ไม่อยากนอนคนเดียว”“ถ้าผมไม่ไปก็เหมือนจะเอาเปรียบคนอื่นอยู่ที่ไม่ช่วยออกแรงอะไรเลย”“แต่พี่ก็ช่วยเรื่องคอมไปตั้ง 10 ชุดแล้วนะครับ”“นั้นมันส่วนของพี่ แต่ผมไม่ได้ทำอะไรเลย”“ถ้าอยากรู้สึกมีส่วนร่วมกับคอมห้าชุดนั่นก็แค่..”“แค่อะไรครับ” พาลินหันมามองคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย พอเห็นหน้าเขาก็เดาออกทันทีว่าตอนนี้สิ่งที่คนพี่ต้องการคืออะไร เพียงแค่คิดพาลินก็หน้าแดงขึ้นมาทันที“นานเ
คุณแพรเพ็ญและจอห์นสามีใหม่บินกลับมาทันทีหลังจากดลธรรมโทรไปบอกว่าย่าของเบจิงจะพาเบจิงไปอยู่ด้วยเธอเสียลูกสาวไปคนหนึ่งแล้วจึงไม่อยากจะเสียหลานชายไปอีกคน เพราะรู้ว่าที่ฝ่ายนั้นอยากพาเบจิงไปก็เพื่อต่อรองกับดลธรรมให้รับผิดชอบเด็กในท้องของปณิชญาเท่านั้น“คุณยายครับ ตาจอห์นบอกว่าที่บ้านตามีหิมะด้วยจริงไหมครับ”“จริงสิ เบจิงอยากไปดูหิมะไหม”“อยากไปครับ แต่เบจิงต้องไปโรงเรียนคงไปกับคุณยายไม่ได้”“ที่นั่นก็มีโรงเรียนครับ เดี๋ยวยายจะให้เบจิงดูนะครับว่าโรงเรียนที่นั่นเป็นยังไงบ้าง อยากดูไหมครับ”“อยากดูครับ พี่ลินมาดูด้วยกันไหม” เบจิงเรียกพาลินที่กำลังเดินถือผลไม้จานใหญ่ให้มาดูด้วยกันอีกคนแพรเพ็ญเปิดคลิปแนะนำโรงเรียนประถมในประเทศออสเตรียให้กับหลานชายดู เพราะเธอกับสามีคุยกันแล้วว่าจะรับเบจิงไปอยู่ที่นั่นในฐานะลูกชายของทั้งสองคนดลธรรมก็เห็นด้วยกันมารดาเพราะอยากให้เบจิงมีอนาคตที่ดี ลำพังเขากับพาลินคนดูแลเด็กชายได้ไม่ดีพอแต่ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับเบจิงว่าอยากจะย้ายไปอยู่ที่นั่นไหม ตอนนี้ทั้งมาลีและป้าสายก็เริ่มฝึกภาษาอังกฤษกับจอห์นเพราะแพรเพ็ญอยากให้สองนั้นย้ายไปอยู่ด้วยกันทุกคนที่นี่เตรียมวางแผนก
สามเดือนแล้วที่แพรรดาจากไปและเบจิงอยู่กับดลธรรมและพาลินในบ้านหลังใหญ่ ชีวิตของเด็กชายกลับมาสดใสอีกครั้ง เสียงหัวเราะดังออกมานอกบ้านจนคนที่เพิ่งมาถึงยิ้มอย่างพอใจ“สวัสดีครับคุณย่า” เบจิงยกมือทักทายผู้เป็นย่าที่เจอกันครั้งสุดท้ายในงานศพของผู้เป็นมารดา“น้าชายเราไปอยู่ไหนแล้วล่ะ”“มีธุระอะไรกับผมเหรอครับแม่” ดลธรรมยังเรียกเธอว่าแม่อย่างเดิมเพราะอยากให้เกียรติในฐานะที่เธอเป็นย่าของเบจิงเขาค่อนข้างแปลกใจที่คุณปราณีมาหาถึงที่บ้าน เพราะตลอดหลายเดือนมานี้ท่านไม่เคยแวะมาที่นี่เลยสักครั้ง“แม่เรากลับไปแล้วใช่ไหม” คุณปราณีถามถึงแพรเพ็ญ“เพิ่งบินกลับไปสองวันก่อนมีธุระอะไรกับท่านหรือเปล่าครับ”“เปล่า แม่แค่อยากคุยกับโดมสักหน่อย”“ได้ครับ เบจิงไปหาพี่ลินก่อนนะครับน้าขอไปคุยธุระกับคุณย่าก่อน”“ครับน้าโดม”ชายหนุ่มพาคุณปราณีมายังห้องทำงานของตนเองที่ครั้งหนึ่งมันเคยเป็นของพี่สาวและพี่เขย“โดม แม่จะคุยกับเราเรื่องเบจิง”“มีอะไรเหรอครับ“แม่จะพาเบจิงไปอยู่ด้วย”“แต่เบจิงอยู่กับผมก็มีความสุขดี แม่ก็เห็นว่าเขากลับมาร่าเริงแล้ว”“แต่แม่อยากให้หลานไปอยู่กับแม่”“ผมว่าแม่ไม่มีสิทธิ์จะทำแบบนั้นนะครับ“มีสิ
งานศพของปรานต์ผ่านมาแล้วสองสัปดาห์ แต่ภรรยาของเขาก็ยังคงนอนไม่ได้สติ แผลจากภายนอกร่างกายนั้นหายดีแล้ว แต่สมองของเธอยังคงบวมอยู่หมอต้องผ่าตัดระบายเลือดออกอีกครั้ง แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมาเลยมารดาของดลธรรมและสามีใหม่บินมาร่วมงานศพของลูกเขยจากนั้นก็อยู่ดูอาการของแพรรดาต่ออีกสองวันจึงบินกลับส่วนครอบครัวของปรานต์ไม่ได้สนใจมาเยี่ยมพี่สาวของเขาเลย ฝ่ายนั้นบอกแต่ว่ายังทำใจไม่ได้ที่เสียลูกชายไปตอนนี้ดลธรรมต้องทำงานทั้งบริษัทตัวเองและบริษัทของพี่สาวซึ่ง นับว่าเป็นงานค่อนข้างหนัก เขาเองเพิ่งมาเริ่มศึกษางานก่อนหน้านี้ไม่นานเท่าไหร่ทางด้านพาลินก็ยุ่งไม่แพ้กันนอกจากจะต้องฝึกงานแล้วยังต้องแบ่งเวลามาดูแลเบจิงและแวะไปเยี่ยมแพรรดาที่โรงพยาบาลทุกวันก่อนหน้านี้เบจิงอาละวาดบ้านแทบแตกเด็กชายไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อถึงทิ้งเขาไปแล้วทำไมแม่ถึงยังไม่ยอมตื่นในทุกวันพาลินต้องพาเด็กชายไปเยี่ยมมารดาที่โรงพยาบาล แม้ว่าหมอจะไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยมเพราะกังวลเรื่องการติดเชื้อ แต่เบจิงก็มองเห็นมารดาของตนเองผ่านกระจก“แม่ครับวันนี้เบจิงมาเยี่ยมแล้วนะครับ แม่หายไวๆ นะครับ รีบตื่นนะครับแม่” ประโยคเดิมที่เด็
บ่ายวันอาทิตย์พาลินและดลธรรมไม่ได้ออกไปไหนทั้งสองสั่งอาหารมาทางที่ห้อง พาลินนั่งตรวจทานตัวเลขในบัญชีของบริษัทซึ่งแพรรดาให้ช่วยกันดูอีกรอบว่ามีจุดไหนผิดพลาดไปบ้างเพราะจะต้องส่งตัวเลขทั้งหมดให้กับสรรพากรในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ส่วนดลธรรมเองก็ได้รับมอบหมายงานจากพี่เขยให้ช่วยดูเอกสารสัญญาต่างๆ ที่บริษัทกำลังจะเซ็นสัญญา“พี่โดมเย็นนี้ผมจะไปเอาของที่หอนะครับ”“ไปกี่โมงเดี๋ยวพี่ไปส่ง”“ไม่เป็นไรผมไปคนเดียวได้พี่ทำงานต่อเถอะ”“ได้ยังไง ต้องไปส่งสิ”“งานตัวเองก็ยุ่งอยู่แล้วจะเสียเวลามาส่งผมอีกทำไม ผมไปเองก็กลับเองได้ ไม่นานหรอกครับ”“ไม่เอาจะไปด้วย ไม่อยากอยู่ห้องคนเดียว ขากลับจะได้หาอะไรกินเลยดีไหม แล้วเรื่องรถเซลล์ว่ายังไงบ้าง”“อาทิตย์หน้าก็ได้แล้วครับ”พาลินตัดสินใจซื้อรถยุโรปราคาเกือบสามล้านเพราะบังเอิญว่าคุณยายของเขาได้ข่าวว่าหลานชายจะซื้อรถก็เลยเป็นคนจ่ายเงินให้ จากรถญี่ปุ่นที่ดูไว้เลยกลายเป็นรถหรูยี่ห้อเดียวกับดลธรรมต่างกันแค่สีและขนาด รถดลธรรมสีดำส่วนของเขานั้นสีขาว“เร็วดีเหมือนกันนะ แต่ได้รถแล้วก็อย่าคิดจะไปไหนคนเดียว ยังไงพี่ก็ต้องไปด้วย”“ถ้าผมไปเรียนล่ะ จะไปด้วยไหม” พาลินแกล้งถามเ
เสียงจูบแลกลิ้นดังอย่างต่อเนื่อง เมื่ออารมณ์ของคนทั้งสองกำลังทะยานขึ้นสูงอีกครั้งตอนนี้พาลินคร่อมอยู่เหลือร่างของดลธรรมที่กึ่งนั่งกึ่งนอนแผ่นหลังพิงอยู่กับหมอนใบใหญ่ ฝามือมือร้อนลูบตามผิวเนียน ก่อนจะนวดบั้นท้ายที่สัมผัสทีไรก็รู้สึกจนไม่อยากจะปล่อยพาลินสั่นสะท้านเมื่อรู้สึกว่าความร้อนของท่อนเอ็นกำลังถูอยู่ตรงช่องทางด้านหลังดลธรรมบีบเจลใส่มือแล้วกดนวดขณะที่ปากก็ยังจูบนัวเนียกันอยู่“อื้อ..”เขายกสะโพกขึ้นให้คนพี่สอดนิ้วเข้าไปทีละนิด สองมือเกาะบ่าดลธรรมไว้แน่น ปากที่จูบประกบอยู่เปลี่ยนเป็นดูดแรงตรงลำคอเพื่อระบายความเสียว ยิ่งเขาเพิ่มจำนวนนิ้วพาลินก็ขาสั่นเห็นท่าทางไม่ไหวของพาลินแล้วดลธรรมรีบหยิบถุงยางสวมให้กับตนเอง พออาวุธพร้อมรบก็ประคองสะโพกคนน้องขึ้นสูง จ่อท่อนเอ็นเข้ายังช่องทางคับแน่น“อื้อ พี่...”พาลินพยายามห้ามเสียงร้องของตัวเองแต่มันก็ยังเล็ดลอดออกมาอยู่ดีเขากดสะโพกลงอย่างช้าๆ เพราะรู้ถ้าทิ้งตัวลงมาคงได้จุกแน่ๆ ก็เจ้ามังกรของคนพี่นั้นไม่ธรรมดาเลยทั้งขนาดและความยาว ไม่รู้ว่าชาติแล้วทำบุญด้วยข้าวหลามหรือยังไงพระเจ้าถึงได้ให้มาทั้งยาวและใหญ่เช่นนี้“อ่าห์..แน่นฉิบ ดีเป็นบ้าเลย”