จิ้งจอกหิมะพาฮั่วอู๋ซวนลึกเข้าไปในป่าลึกและในที่สุด พวกเขาก็มาถึงกระท่อมไม้หลังเล็กที่ตั้งอยู่กลางป่า บริเวณโดยรอบมีต้นสาลี่ใหญ่แผ่กิ่งก้านปกคลุม ให้ร่มเงาและกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้ที่กำลังบาน
จิ้งจอกหิมะค่อยๆ วางร่างของฮั่วอู๋ซวนลงบนเตียงไม้ภายในกระท่อมอย่างระมัดระวัง ขนปุกปุยของมันสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนที่ร่างนั้นจะเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นหญิงสาวที่งดงามประหนึ่งเทพธิดา
ดวงตาสีทองเปล่งประกายจ้องมองชายหนุ่มที่ยังคงหมดสติ ใบหน้าของนางแสดงออกถึงความโหยหาและความรักอันลึกซึ้งราวกับมีเรื่องราวมากมายที่ซ่อนอยู่
นางค่อยๆ เอื้อมมืออ่อนโยนไปสัมผัสใบหน้าของฮั่วอู๋ซวนเบาๆ ราวกับกลัวว่าเขาจะหายไปในพริบตา น้ำตาคลอเบ้าในดวงตาสีทองของนาง เอ่อท่วมด้วยความรักที่อัดแน่นมานานแสนนาน
“อู๋ซวน… ในที่สุดเจ้าก็กลับมาหาข้า”
นางเอ่ยด้วยเสียงกระซิบแผ่วเบา ราวกับพูดกับตัวเองมากกว่าที่จะให้เขาได้ยิน
“ข้ารอเจ้า รอคอยเจ้ามานานเหลือเกิน จากนี้ไปข้าจะปกป้องเจ้า ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าจากข้าไปไหนอีกแล้ว ไม่ว่าจะต้องทำสิ่งใดก็ตาม”
ในความมืดมิดของค่ำคืน เสียงลมพัดผ่านใบไม้ดังก้องกังวานแผ่วเบา ฮั่วอู๋ซวนนอนนิ่งอยู่บนเตียงไม้ในกระท่อมกลางป่า เสียงลมหายใจของเขาค่อยๆ สม่ำเสมอ ราวกับจมลงไปในห้วงลึกแห่งความฝันที่กำลังรอให้เขาได้ค้นพบ
ในห้วงลึกของความฝันที่เขาเพิ่งเข้ามา ฮั่วอู๋ซวนพบว่าตนเองยืนอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ เขามองเห็นแต่ท้องทุ่งสีเขียวสดที่ทอดยาวไปสุดสายตา
รอบกายของชายหนุ่มมีดอกไม้ป่าหลากสีที่บานสะพรั่ง กลิ่นหอมของดอกไม้ลอยอบอวลในอากาศ ฮั่วอู๋ซวนรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่แสนจะอบอุ่น
แม้ว่าฮั่วอู๋ซวนนั้นจะไม่เคยรู้จักสถานที่นี้มาก่อน แต่ความรู้สึกคุ้นเคยก็อบอวลในจิตใจ ราวกับเขาเคยมาที่นี่มาก่อน และเป็นสถานที่ที่เขาอยากกลับมาอยู่เสมอ
ฮั่วอู๋ซวนเห็นดรุณีรูปงามนางหนึ่งกำลังวิ่งเล่นไปมาอย่างอารมณ์ดี ใบหน้าของนางเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุข ดวงตาสีทองของนางเปล่งประกายเหมือนดวงดาวยามค่ำคืน นางวิ่งวนรอบๆ ชายหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่ในทุ่งหญ้า ราวกับจะหยอกล้อให้ชายหนุ่มคนนั้นยิ้มออกมา
แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาของเขามากกว่านั้น คือหูสีขาวและหางที่ยาวนุ่มฟู ซึ่งบ่งบอกว่านางมิใช่เพียงมนุษย์ธรรมดา นางคือปีศาจจิ้งจอกที่เพิ่งได้ถอดกระดูกและกลายร่างเป็นมนุษย์ใหม่ๆ
สิ่งนี้ยิ่งทำให้ฮั่วอู๋ซวนรู้สึกถึงความเป็นธรรมชาติและความบริสุทธิ์ในตัวจิ้งจอกสาวตนนี้มากขึ้น ราวกับว่านางคือแสงสว่างที่สามารถขับไล่ความมืดมิดในโลกทั้งใบให้หายไป
ทันใดนั้น สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นชายหนุ่มอีกคนหนึ่งยืนอยู่ในทุ่งหญ้าไกลออกไป ร่างสูงที่ยืนอยู่อย่างสงบและมีท่วงท่าอันสง่า ทำให้ฮั่วอู๋ซวนเกิดความสงสัยว่าเขาเป็นใคร
ทว่าทันทีที่เขาเพ่งมองไปยังใบหน้าของชายหนุ่มคนนั้น ความตกใจและประหลาดใจก็เกิดขึ้นในใจอย่างฉับพลัน
"นั่นมัน...ข้าเองมิใช่หรือ?" ฮั่วอู๋ซวนพึมพำด้วยความไม่เชื่อในสายตาตนเอง
ชายหนุ่มที่เขาเห็นในภาพฝันก็คือตัวเขาเอง?
ร่างในฝันนั้นจ้องมองปีศาจจิ้งจอกสาวด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักและความห่วงใย ราวกับว่าจิ้งจอกสาวตรงหน้านั้นเป็นสิ่งที่เขาต้องการปกป้องไปตลอดชีวิต
รอยยิ้มอบอุ่นแฝงด้วยความอ่อนโยนปรากฏบนใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน และทุกครั้งที่ชายหนุ่มคนนั้นสบสายตากับนาง ความรู้สึกที่มีต่อหญิงสาวก็ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ขณะที่เขากำลังเพลิดเพลินกับความรู้สึกนั้น ทันใดนั้น ภาพในความฝันก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป สายลมที่เคยอบอุ่นและอ่อนโยนกลับค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหนาวเย็นและเงียบสงัด ภาพทุ่งหญ้าสีเขียวสดใสเริ่มหายไป และแทนที่ด้วยความมืดมิดในกระท่อมแห่งหนึ่ง
ในห้วงสว่างหนึ่ง ฮั่วอู๋ซวนได้พบกับชายชราคนหนึ่งนอนหนุนตักของหญิงสาวใบหน้าอ่อนโยนคนเดิม ใบหน้าของนางไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย นางยังดูงดงามราวกับเทพธิดา
ปีศาจจิ้งจอกนั่งอยู่ตรงนั้น ใช้มือเรียวบางของนางลูบไล้เส้นผมสีขาวของชายชรา แววตาของนางเต็มไปด้วยความรักที่ลึกซึ้ง และเศร้าสร้อยราวกับว่ากำลังจะต้องเสียคนรักไปตลอดกาล
"ขอโทษ...ที่ข้าไม่อาจร่วมเคียงชราไปกับเจ้าได้"
ชายชรากล่าวด้วยเสียงแผ่วเบาที่ฟังคล้ายลมหายใจสุดท้าย เต็มไปด้วยความอาลัยจนแทบขาดใจ
"ขอโทษ...ที่ข้าไม่อาจร่วมเคียงชราไปกับเจ้าได้"ชายชรากล่าวด้วยเสียงแผ่วเบาที่ฟังคล้ายลมหายใจสุดท้าย เต็มไปด้วยความอาลัยจนแทบขาดใจเขายกมือเหี่ยวย่นขึ้นสัมผัสแก้มของนางที่อ่อนนุ่มด้วยความรักอันลึกซึ้ง สัมผัสที่แฝงไปด้วยความเศร้าราวกับคำอำลาอันเจ็บปวดเหลือเกิน ราวกับเขาต้องฝืนใจยอมปล่อยให้นางไปหญิงสาวผู้นั้นจับมือของเขาไว้ น้ำตาหยาดลงบนหลังมือขาวนวลที่นางพยายามกุมให้แน่นที่สุด แต่มันก็ยิ่งเย็นลง นางสะอื้นออกมาอย่างไม่อาจห้าม ร่างกายสั่นสะท้านไปด้วยความโศกเศร้าอันล้นปรี่ ไม่อาจทำใจได้ว่าครั้งนี้จะเป็นการจากลาตลอดกาล"อู๋ซวน...ข้าจะตามเจ้าไป ข้ายินดีอยู่เคียงข้างเจ้าในทุกชาติภพ หากจะต้องตายไปพร้อมเจ้า ข้าก็ไม่หวั่น"เสียงสะอื้นสั่นสะท้านในอก บ่งบอกถึงความอาลัยที่แสนสาหัส ความรักของนางยังยึดแน่น หัวใจยังไม่อาจปล่อยมือเขาให้จากไป"ข้าอยากให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไป สัญญากับข้า...ว่าจะใช้ชีวิตต่อไป แม้ว่าข้าจะไม่อยู่ตรงนี้แล้ว ข้าสัญญาว่าข้าจะกลับมาหาเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ไหน ข้าจะตามหาเจ้าให้เจอ"เสียงของเขาแผ่วลงเรื่อยๆ คล้ายจะจมหายไปในความเงียบอันหนาวเหน็บรอบตัวหญิงสาวนิ่งงัน ใจของนางสั่น
‘นั่นเป็นเพียงแค่ฝันไปหรือ?’เขาคิดในใจอย่างสับสน ภาพของจิ้งจอกหิมะในความฝันยังคงตราตรึงอยู่ในความคิด แต่มันก็เลือนลางราวกับมีหมอกหนาปกคลุมใบหน้าอันงดงามนั้นเอาไว้นึกไม่ออกว่าปีศาจจิ้งจอกตนนั้นเป็นใคร และทำไมถึงทำให้ชายหนุ่มรู้สึกปวดร้าวในอกได้เช่นนี้ เพียงแค่ฝันหนึ่งฝัน เหตุใดความเจ็บปวดนั้นจึงยังกัดกินหัวใจของเขาอย่างไม่ปล่อย?เมื่อเขามองไปรอบๆ กระท่อม สายตาเริ่มคุ้นกับแสงสว่างและการตกแต่งของสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย เตียงไม้แข็งๆ กับกลิ่นอายของไม้เก่าที่คลุ้งอบอวลอยู่ในอากาศเขายันตัวขึ้นนั่งเพื่อมองสำรวจ แต่ความเจ็บปวดรุนแรงแล่นพล่านไปทั่วร่างทำให้ต้องทรุดตัวกลับไปนอนเช่นเดิม เขาเบ้หน้าด้วยความเจ็บ"นี่ข้าบาดเจ็บอยู่หรือ..." เขาพึมพำทว่าทันใดนั้น เสียงกระซิบหนึ่งกลับดังขึ้นมา"เจ้าตื่นแล้วหรือ?"เมื่อฮั่วอู๋ซวนหันไปมองก็ต้องพบกับภาพที่ทำให้เขาตกตะลึง ในระยะใกล้ๆ ใกล้เตียงของเขา มีจิ้งจอกหิมะสีขาวที่ขนนุ่มฟูขดตัวอยู่บนพื้น!มันนอนขดราวกับหลับลึก แต่ทันทีที่เขาเคลื่อนไหวเล็กน้อย หูของมันก็กระดิกและลืมตาขึ้น สายตาของมันจ้องเขาด้วยความสนใจก่อนที่เขาจะได้พูดอะไร จิ้งจอกหิมะนั้นก็กลายร่าง
"เจ้า…เจ้าเป็นคนช่วยข้าจากปีศาจแมงมุมหรือ?" ฮั่วอู๋ซวนถามด้วยน้ำเสียงสับสนในดวงตาสีทองคู่นั้นปรากฏแววของความผิดหวังอยู่เพียงชั่วขณะ แม้ว่าเพียงแวบเดียว แต่ฮั่วอู๋ซวนรู้สึกถึงความเศร้าผ่านสายตาของนางอย่างชัดเจน"อะ...อื้อ ข้าเป็นคนช่วยเจ้าเอาไว้จากปีศาจแมงมุมตัวนั้น" นางตอบเบาๆ แฝงด้วยความเศร้าเล็กน้อยฮั่วอู๋ซวนพยักหน้าเล็กน้อย และกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "เช่นนั้นข้าขอบใจ หนี้บุญคุณนี้ข้าจะตอบแทนแน่...ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวก่อน" เขาพูดพลางพยายามจะลุกขึ้นจากเตียงความรู้สึกแปลกๆ ในใจทำให้เขารู้สึกอยากหนีไปจากที่นี่โดยเร็ว เขาไม่อาจปล่อยใจให้หวั่นไหวไปกับปีศาจตนนี้ ทั้งๆ ที่ไม่ควรมีอะไรที่ต้องลังเลหรือค้างคาใจหญิงสาวขมวดคิ้วพลางถามด้วยเสียงอ่อนโยน"เจ้าจะรีบไปไหนเล่า? อาการบาดเจ็บของเจ้ายังไม่หายดีนะ...พักรักษาตัวอีกหน่อยเถิด"ฮั่วอู๋ซวนชะงัก สายตาของนางดูเว้าวอน อ้อนวอนให้เขาอยู่ต่อ ความรู้สึกบางอย่างกระตุ้นให้เขารู้สึกใจอ่อนอย่างน่าประหลาด ทันใดนั้นเขารู้สึกว่าการที่นางช่วยเหลือเขามิใช่แค่เรื่องบังเอิญ หัวใจของเขาสั่นไหวอย่างควบคุมไม่อยู่เขาถอนหายใจเบาๆ “ข้าจะอยู่ต่อเพราะเจ้าขอ
“อ๊ะ จริงด้วย!” นางพูดขึ้นมาราวกับนึกแผนการอะไรบางอย่างได้ นางกระโดดลงจากกิ่งสาลี่อย่างสง่างาม ร่างกายเบาลอยมาหยุดตรงหน้าชายหนุ่ม“ข้ามีข้อแลกเปลี่ยน” ฉีเยี่ยนหลี่กล่าวด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยเลศนัย“ข้อแลกเปลี่ยนอะไร?” ฮั่วอู๋ซวนถามกลับทันที ท่าทีของเขาแฝงความระมัดระวังอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาสีทองของนางบ่งบอกว่ามีแผนการบางอย่างซุกซ่อนอยู่ และแน่นอนว่าเขามองออกฉีเยี่ยนหลี่หัวเราะเบาๆ พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อน“ช่วงนี้ข้ารู้สึกว่าพลังบำเพ็ญของข้าไม่ก้าวหน้าเลย เจ้ายอมมาเป็นคู่บำเพ็ญเพียรให้กับข้าดีไหม?” “ไสหัวไป!” เขาตอบอย่างรวดเร็ว พร้อมหมุนตัวเดินกลับเข้ากระท่อมโดยไม่คิดจะอยู่ต่อ ใครกันที่จะยอมเป็นคู่บำเพ็ญเพียรให้กับปีศาจ? หากศิษย์พี่หรือศิษย์น้องคนอื่นๆ ในสำนักรู้เข้า เขาคงถูกขับไล่ออกจากสำนักเป็นแน่ทว่านางไม่ได้ปล่อยให้เขาหนีไปง่ายๆ “นี่เจ้าพูดกับผู้มีพระคุณของเจ้าเช่นนี้เหรอ? ข้าอุตส่าห์ยื่นข้อเสนอให้เจ้า เจ้าไม่อยากช่วยศิษย์พี่ของเจ้าแล้วหรือ?”ฮั่วอู๋ซวนหยุดชะงักทันทีเมื่อได้ยินคำว่า “ศิษย์พี่” ในตอนที่เขาลงจากเขา เขาสาบานไว้แล้วว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ผลอมฤตมาช่วยศิษย์พ
ม่านรัตติกาลโปรยลงมา ภายในกระท่อมหลังเล็กกลางป่าอนธการ ได้มีเสียงร้องครวญคราง และเสียงหนั่นเนื้อกระทบกันพร้อมกับเสียงครางครวญของสองหนุ่มสาวที่ดังระงมเล็ดลอดออกมาเป็นระยะ"อืม... อู๋ซวน ปล่อยออกมา ปล่อยออกมาอีก ข้าต้องการหยวนหยางของเจ้า อ๊า..." คำพูดที่เรียกร้องความปรารถนาของตนเองเปล่งออกมาจากปีศาจจิ้งจอกสาว“เยี่ยนหลีเอ๋อร์” เนื้อตัวของนางมารจิ้งจอกเนียนนุ่มลื่นมือราวกับกำลังลูบไล้หยกเนื้อดี ความรู้สึกของชายหนุ่มที่ส่งริมฝีปากขบกัดไปที่ผิวขาวเนียนละเอียดของนางเขาแทบจะไม่อยากละฝ่ามือหนาไปจากผิวจิ้งจอกสาวที่ขาวนวลราวกับหิมะที่เหมือนปุยนุ่นเลย ไม่ว่าเขาจะมองมุมไหน ฟ้อนเฟ้นสายตา ฝ่ามือ และกลีบปากที่ระร้าย นางช่างเปี่ยมล้นด้วยเสน่ห์อันเย้ายวนชวนหลงใหล ฮั่วอู๋ซวนหายใจแรงกระเส่าเป่ารดเรือนร่างของนาง หากมารจิ้งจอกตนนี้กลายเป็นอากาศธาตุ ชายหนุ่มก็คงสูดกลืนนางลงไปได้ทั้งตัว เขาอยากกอดรัดอีกฝ่ายให้แน่นหนากว่าเดิมร่างหนากว่าในเวลานี้กำลังทาบทับร่างอันบอบบางของนางจิ้งจอก ที่กำลังหายใจแรงด้วยรสพิศวาสที่ถูกปลุกร่างบางกำลังระทดระทวย ความรู้สึกลึกๆ ที่เต็มไปด้วยความกำหนัดถูกขับส่งออกมาเป็นสายธาราท
เขาผละห่างกลีบปากของนางจิ้งจอก พร้อมกับยกมือขึ้นมาเช็ดใบหน้าที่มีเหงื่อชื่น ฮั่วอู๋ซวนได้เห็นน้ำตาของฉีเยี่ยนหลี่ด้วย “เจ้าร้องไห้ทำไม”“ไม่รู้เหมือนกัน ข้าดีใจกระมังที่เราสองคนได้เป็นของกันและกัน ข้ารอคอยเวลานี้มาแสนนาน”ฮั่วอู๋ซวนมิพูดอะไร หัวใจของเขาพองฟูยินดีเช่นเดียวกันกับฉีเยี่ยนหลี่ ชายหนุ่มชิดกลีบปากลงไปพรมจูบซับน้ำตาให้ “โอ้ว...” เสียงของเขาที่อดกลั้นไม่ไหว ร่องของฉีเยี่ยนหลี่บีบรัดท่อนลำของเขาที่กำลังแช่ค้างไว้อยู่ หลีฮั่วอู๋ซวนทนกับความคับแน่นและตอดขมิบไม่ได้ ครางขรมอยู่ในลำคอ “ให้ข้าขยับนะ เจ้าทนได้ไหม”“ได้” ฉีเยี่ยนหลี่ตอบพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้กับฮั่วอู๋ซวน ความรักเบ่งบานอยู่ในสองดวงใจ ฉีเยี่ยนหลี่หลับตาพริ้มขึ้นมาทันทีที่เขาเริ่มขยับท่อนรักและใส่จังหวะเนิบนาบแต่กลีบปากที่ปิดไม่สนิทเริ่มสูดครางรัญจวนเหมือนกินของร้อนๆ พร้อมกับแอ่นเด้งส่วนสงวนของตนเองตามติดแท่งหยกของเขาเหมือนเกรงว่าแท่งบุรุษอันนั้นจะหลุดไปจากตัวเองแรงขยับของเขาหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ ฮั่วอู๋ซวนเปลี่ยนท่าทาง เขาจับขาทั้งสองข้างของฉีเยี่ยนหลี่ขึ้นมาพาดกับลำตัว ยกสะโพกสอบ จัดท่าทาง แล้วจัดการนางแบบเน้น ๆ
แสงอาทิตย์แรกของวันสาดส่องลงมาบนใบไม้สีเขียวขจี ลมพัดเอื่อยๆ พัดพาเอาไอหมอกบางเบาให้ลอยละลิ่วไปตามยอดไม้ฉีเยี่ยนหลี่ลืมตาขึ้น มองไปยังร่างสูงใหญ่ของฮั่วอู๋ซวนที่นอนหลับอยู่ข้างกัน ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเปื้อนยิ้มบางๆ นางอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปลูบแก้มเขา“อู๋ซวน… ในที่สุดเจ้าก็กลับมาหาข้า”ฮั่วอู๋ซวนตื่นขึ้นมาด้วยสัญชาตญาณระแวดระวังตามนิสัย ดวงตาของเขาสอดส่องรอบๆ กระท่อมเล็ก ทันใดนั้น เขาก็เห็นปีศาจจิ้งจอกสาวยืนอยู่ใกล้ๆ นางมองเขาด้วยดวงตาที่เปี่ยมด้วยความสดใสและเจือด้วยความห่วงใย“อู๋ซวน ไปล่าสัตว์กับข้าหน่อยดีไหม?” นางเอ่ยชวนด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแต่ในใจของฮั่วอู๋ซวนยังคงมีความระแวง เขาไม่เคยไว้ใจปีศาจ โดยเฉพาะปีศาจที่ดูอ่อนโยนเกินไปอย่างนาง เขาคิดว่าอาจมีเล่ห์กลอะไรซ่อนอยู่ก็เป็นได้เขาพยักหน้าเพียงเล็กน้อย“ก็ได้ แต่ข้าจะคอยจับตาดูเจ้า” เขาพึมพำคนเดียวในใจ ไม่ให้นางได้ยินความคิดของเขาทั้งสองเดินลัดเลาะไปตามเส้นทางในป่า ฉีเยี่ยนหลี่แปลงกายเป็นจิ้งจอก กระโดดไปมาอย่างคล่องแคล่วเหมือนกับว่านางเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติฮั่วอู๋ซวนยังคงมองฉีเยี่ยนหลี่ด้วยแววตาสงสัย ปกติแล้ว เขาคงจะไม่ร่วมเดิน
ตลอดเวลาที่อยู่ใกล้นาง เขาสัมผัสได้ว่านางไม่ใช่มารที่ชั่วร้าย แม้จะเจ้าเล่ห์และขี้แกล้งอยู่บ้าง แต่กลับมีความอบอุ่นและเอาใจใส่ที่ไม่เหมือนปีศาจใดที่เขาเคยพบหัวใจของเขาเริ่มคล้อยตามนางอย่างช้าๆ เขาสะบัดหัวเบาๆ พยายามดึงความคิดของตนให้กลับมาเป็นปกติ นี่ไม่ใช่จุดประสงค์ที่เขาเข้าป่าอนธการมา เขามาที่นี่เพื่อหาผลอมฤตเพื่อรักษาลั่วอี๋เฟิง แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะหลงลืมความตั้งใจเดิมไปเสียแล้วหลังจากล่าไก่ป่ามาสองตัวและกระต่ายอีกหนึ่งตัว ฮั่วอู๋ซวนก็หาองุ่นป่ามาใส่กระบุงเต็มเพื่อตามใจเจ้าจิ้งจอกหิมะที่ชอบกินมัน เขาอดยิ้มไม่ได้เมื่อนึกถึงใบหน้าดีใจของนางตอนที่นางเคี้ยวองุ่นหวานฉ่ำระหว่างที่เขากำลังกลับกระท่อม จู่ๆ ผีเสื้อสีทองตัวหนึ่งก็บินมาตรงหน้า มันคืออาคมส่งข่าวจากสำนักคุนหลุน ฮั่วอู๋ซวนเผลอขมวดคิ้ว หยุดฝีเท้าแล้วจ้องมองผีเสื้อที่ลอยอยู่ตรงหน้าอย่างสนใจเมื่อผีเสื้อสีทองค่อยๆ สลายกลายเป็นละอองแสง เนื้อความจากศิษย์พี่ก็ปรากฏขึ้นในใจของเขา เนื้อความนั้นชัดเจนว่าซือจุนและศิษย์พี่ทุกคนต่างเป็นห่วงและต้องการให้เจ้ากลับสำนักโดยด่วนฮั่วอู๋ซวนยืนนิ่ง พยายามคิดทบทวนเหตุผลที่เขามาที่นี่ และท
ฤดูกาลผันเปลี่ยน วันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่า ฮั่วอู๋ซวนก็ยังคงอาศัยอยู่ที่กระท่อมแห่งนี้ การตายของคนรักเคี่ยวกำทรมานจิตใจเขาจนแทบอยู่ไม่สู้ตาย โดยเฉพาะข้างในหัวใจ มันช่างเจ็บปวดเหมือนถูกคมมีดกรีดเฉือนเนื้อจนเหวอะหวะ ทุกวันดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ชายหนุ่มก็จะมานั่งเฝ้าต้นสาลี่เก่าแก่ ต้นไม้ที่เคยเป็นสักขีพยานความรักอันบริสุทธิ์ กลายเป็นที่ระลึกถึงความผิดพลาดที่ตามหลอกหลอนเขาจิบสุราขมขื่นพลางจ้องมองไปยังกิ่งก้านที่เคยโอนเอนรับลมไปตามเสียงขลุ่ยหวานของนาง ฉีเยี่ยนหลี่...หญิงสาวผู้ที่จากไปไกลฤดูใบไม้ผลิที่เคยเบ่งบานกลับกลายเป็นฤดูแห่งความโศกเศร้า กลีบดอกสาลี่สีขาวบริสุทธิ์ร่วงหล่นลงมาทับถมบนหลุมศพราวกับน้ำตาที่ไหลไม่หยุด พวกมันล้อเลียนความรักที่โรยราและชีวิตที่ต้องดำเนินต่อไปอย่างโดดเดี่ยวเดิมทีเขาเองก็คิดที่จะปลิดชีวิตแล้วตามไปอยู่กับคนรักในปรโลก แต่ว่า หากเขาตายไปง่ายๆ เช่นนี้ ก็คงไม่สามารถชดเชยอะไรให้ฉีเยี่ยนหลี่ได้แต่อย่างใดอีกอย่างเขากลับอยากรอ... ในใจของฮั่วอู๋ซวนคิดอยู่เสมอว่าสักวันคนรักของเขาจะต้องกลับมาเกิดใหม่แน่ๆ และเมื่อถึงตอนนั้น เขาสัญญาว่าจะต้องทุ่มสุดกำลังเพื่อรักและดูแลนา
ขณะที่เขาพยายามจะผ่านซือจุนไป เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหลัง…"ซวนเอ๋อร์ เจ้ายังจะยืนกรานที่จะทำเช่นนี้จริงหรือ?"น้ำเสียงของคนผู้นี้เต็มเปี่ยมไปด้วยความผิดหวังและเจ็บปวด ฮั่วอู๋ซวนหันกลับไปมอง เห็นศิษย์พี่หญิงของเขายืนอยู่ตรงนั้น นางมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเศร้า"ซวนเอ๋อร์ ข้าไม่อาจปล่อยให้เจ้าทำเช่นนี้ เจ้าเคยเป็นคนที่ข้ารัก เจ้าเคยเป็นคนที่ข้าฝากหัวใจไว้ และข้าไม่อาจยอมเห็นชีวิตของเจ้าต้องพังเพราะปีศาจตนนั้น"ฮั่วอู๋ซวนหันไปสบตากับนาง "ศิษย์พี่ ข้าขอโทษ แต่ข้าไม่อาจหวนกลับไปได้อีกแล้ว ข้าต้องการเพียงหลี่เอ๋อร์ ข้ารักนาง ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยนาง ไม่ว่านางจะเป็นปีศาจหรือสิ่งใดก็ตาม"ศิษย์พี่ของเขาพยายามยื่นมือมาขวางเขาไว้!"อู๋ซวน… เจ้าไม่คิดถึงจิตใจของข้าเลยใช่หรือไม่? ข้ารู้ว่าเจ้าเคยรักข้า ข้ารู้ว่าเจ้ามีหน้าที่ในสำนัก ข้ายินดีจะอยู่เคียงข้างเจ้าในทุกๆ หนทาง แต่ขอให้เจ้าถอนตัวออกมา อย่าให้ความรักต่อปีศาจนั้นทำลายเจ้าลงไป"ฮั่วอู๋ซวนมองนางอย่างอ่อนโยน แม้สายตาของเขาจะเต็มไปด้วยความเจ็บปวด"ศิษย์พี่ ข้าขอโทษ ข้าเคยรักท่าน แต่หัวใจของข้าไม่ใช่ของท่านอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้ข้าต
มือของฮั่วอู๋ซวนกุมไว้ตรงหน้าอก ราวกับว่าความรู้สึกทั้งหมดที่เคยถูกเก็บซ่อนไว้กำลังหลั่งไหลออกมาไม่หยุด... บัดนี้เขาเพิ่งเข้าใจทุกอย่าง ความรู้สึกผูกพันอย่างลึกซึ้งและความรักที่มีต่อฉีเยี่ยนหลี่ไม่ใช่สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นในชาตินี้ หากแต่เป็นสายใยที่โยงใยข้ามภพชาติ ทั้งหมดนี้คือความทรงจำและความรักที่สืบเนื่องมาแต่ชาติที่แล้วฮั่วอู๋ซวนพึมพำเบา ๆ "ที่แท้... ทุกสิ่งที่ข้าเคยฝันถึง ทุกภาพที่ข้าเคยเห็น… นั่นคือข้ากับเจ้าในชาติก่อน" เขานิ่งไปครู่หนึ่ง รู้สึกทั้งอบอุ่นและเจ็บปวดในเวลาเดียวกัน ราวกับว่าสิ่งที่เคยเป็นเงาในความทรงจำได้แปรเปลี่ยนเป็นความจริงที่เขาไม่อาจหลบหนีได้อีกต่อไปเขายืนอยู่ใต้แสงจันทร์ หัวใจอ่อนโยนเมื่อคิดถึงฉีเยี่ยนหลี่ ผู้หญิงที่เขารักอย่างลึกซึ้งแม้ไม่เข้าใจว่าทำไม และในเวลานี้เขารู้แล้วว่าความรักนี้ไม่ใช่เพียงความรู้สึกชั่วคราว แต่เป็นความรู้สึกที่ผูกพันมาเนิ่นนาน ขณะที่เขายืนอยู่ที่นั่น ความคิดหนึ่งก็พลันเกิดขึ้นในใจ“ข้าจะกลับไปหาเจ้า” เขาพูดเบา ๆ ราวกับสัญญากับตัวเองฮั่วอู๋ซวนถือผลึกแก่นวิญญาณในมือ รู้สึกถึงพลังอันอบอุ่นที่แฝงอยู่ในนั้น ราวกับมีสัมผัสของฉีเยี่ยนห
ฉีเยี่ยนหลี่หัวเราะเบา ๆ แม้จะอ่อนแรง "ข้าไม่สนใจหรอกอู๋ซวน… ข้ารู้แค่ว่า เจ้าอยู่เคียงข้างข้าก็พอแล้ว"ทันใดนั้น ฮั่วอู๋ซวนก็คิดถึงผลไม้ในตำนานที่เคยได้ยินเรื่องราวจากชายชราที่เคยพบระหว่างการฝึกฝนเมื่อครั้งยังเป็นศิษย์ เขาหวังว่าผลไม้วิเศษนั้นอาจช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของฉีเยี่ยนหลี่ได้"ข้าจะออกตามหาผลอมฤตในป่าอนธการ ข้าเชื่อว่ามันจะรักษาเจ้าได้" ฮั่วอู๋ซวนกล่าวขึ้นด้วยความมุ่งมั่น"แต่… ป่าอนธการเต็มไปด้วยปีศาจอันตราย ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อข้า""ข้าไม่มีทางเลือกอื่น" ฮั่วอู๋ซวนยิ้มอย่างอบอุ่น "รอข้ากลับมา ข้าสัญญาว่าจะไม่ปล่อยให้เจ้าอยู่เพียงลำพัง"ฮั่วอู๋ซวนเดินผ่านป่าลึก หันมองรอบตัวด้วยสัญชาตญาณนักพรตที่คุ้นเคย ภายในป่าอนธการนี้เต็มไปด้วยอันตราย ไม่เพียงแต่ความมืดที่แฝงอยู่ในหมอกขาว แต่ยังมีปีศาจที่จ้องจะเล่นงานเขาในทุกซอกมุมทันใดนั้น เงาดำพุ่งเข้ามาจากพุ่มไม้ ปีศาจรูปทรงคล้ายหมาป่าโจนเข้าใส่เขาด้วยความดุร้าย ฮั่วอู๋ซวนพลิกตัวหลบอย่างรวดเร็ว มือคว้าเอามีดสั้นจากเอว ฟันเข้าไปที่ด้านข้างของปีศาจอย่างแม่นยำแม้พลังจินตานของเขาจะอ่อนลง แต่วิชาการต่อสู้ที่สั่งสมมาทำให้เ
หลังจากเจ้าสำนักและศิษย์สำนักจากไป ฮั่วอู๋ซวนพยุงร่างที่อ่อนแรงของฉีเยี่ยนหลี่กลับมาที่กระท่อม หญิงสาวบาดเจ็บสาหัส และในใจของเขาก็เจ็บปวดไม่น้อยเมื่อเห็นคนรักในสภาพนี้"ขอโทษนะหลี่เอ๋อร์ ข้าคงไม่มีพลังมากพอที่จะรักษาเจ้าได้แล้ว… ตอนนี้ข้าเองก็ไร้พลังจินตาน กลายเป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น"ฉีเยี่ยนหลี่หัวเราะเบา ๆ แม้จะอ่อนแรง "ข้าไม่สนใจหรอกอู๋ซวน… ข้ารู้แค่ว่า เจ้าอยู่เคียงข้างข้าก็พอแล้ว"ทันใดนั้น ฮั่วอู๋ซวนก็คิดถึงผลไม้ในตำนานที่เคยได้ยินเรื่องราวจากชายชราที่เคยพบระหว่างการฝึกฝนเมื่อครั้งยังเป็นศิษย์ เขาหวังว่าผลไม้วิเศษนั้นอาจช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของฉีเยี่ยนหลี่ได้"ข้าจะออกตามหาผลอมฤตในป่าอนธการ ข้าเชื่อว่ามันจะรักษาเจ้าได้" ฮั่วอู๋ซวนกล่าวขึ้นด้วยความมุ่งมั่น"แต่… ป่าอนธการเต็มไปด้วยปีศาจอันตราย ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อข้า""ข้าไม่มีทางเลือกอื่น" ฮั่วอู๋ซวนยิ้มอย่างอบอุ่น "รอข้ากลับมา ข้าสัญญาว่าจะไม่ปล่อยให้เจ้าอยู่เพียงลำพัง"เพื่อเขียนบรรยายเรื่องราวอย่างละเอียด ฉากนี้สามารถขยายโดยให้ความสำคัญกับการแสดงอารมณ์ของตัวละครและการกระทำที่แฝงด้วยความหมายลึกซึ้ง นอกจากนี
“ท่านพ่อ… ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่?”ฮั่วอู๋ซวนถามด้วยความงุนงง แต่ทันใดนั้น เขาเห็นแววตาของบิดาที่เต็มไปด้วยความผิดหวังและความโกรธ“เจ้าบังอาจกลายเป็นคู่บำเพ็ญเพียรกับปีศาจเช่นนี้ได้อย่างไร?” บิดาของเขาตะคอกออกมาด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว“เจ้ามิได้รู้หรือว่าการเป็นนักพรตต้องรักษาความบริสุทธิ์ เพื่อพลังที่บริสุทธิ์และคงอยู่ในสัจธรรม แต่เจ้ากลับ… กลับเลือกที่จะเสพสมกับปีศาจ!”ฮั่วอู๋ซวนขบกรามแน่น “ท่านพ่อ ข้าไม่สนใจสัจธรรมที่ท่านกล่าว ข้ารู้เพียงว่า นางเป็นคนเดียวที่ทำให้ข้ารู้สึกสงบสุข และนางมิได้มีเจตนาร้ายใด ๆ ท่านอย่าได้โทษนางเลย”หญิงสาวจิ้งจอกที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เริ่มรู้สึกผิดหวังในตัวเอง“ท่านอาจารย์ ข้ามิได้มีเจตนาทำร้ายฮั่วอู๋ซวน ข้ารักเขาจริง ๆ… ข้าจะยอมถอยไปเพื่อไม่ให้ข้าต้องเป็นภาระของเขา…”แต่ฮั่วอู๋ซวนคว้ามือของฉี่เยี่ยนหลีไว้แน่น“ไม่! เจ้าจะไม่ไปไหน ข้าเลือกแล้วที่จะอยู่กับเจ้า หากท่านพ่อไม่อาจเข้าใจ ข้าก็จะไม่กลับไปที่สำนักอีก”เจ้าสำนักนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ก่อนที่เขาจะสูดหายใจลึกและพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น“ในเมื่อเจ้าเลือกเช่นนี้ ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก ข้าจะนับว่าเจ้าไม่ใช่บุ
ฮั่วอู๋ซวนหัวเราะให้กับความไร้เดียงสาของจิ้งจอกสาวแล้วหยิบขลุ่ยไม้จากในห่อสัมภาระของเขา เขามอบขลุ่ยให้กับนาง"ของขวัญจากข้า เจ้าอยากลองเป่าดูไหม?"หญิงสาวรับขลุ่ยมาอย่างงุนงง "ให้ข้าหรือ?"ฮั่วอู๋ซวนยิ้มแล้วสอนนางจับขลุ่ย "นี่ไง จับอย่างนี้ แล้วก็เป่าเบาๆ แบบนี้"เสียงขลุ่ยดังขึ้นแผ่วเบาในป่าหิมะ สร้างบรรยากาศอันเงียบสงบและอบอุ่นในใจของทั้งคู่ฮั่วอู๋ซวนใช้ชีวิตกับจิ้งจอกหิมะในป่าอนธการอย่างสงบสุข ทั้งสองต่างพึ่งพาและเรียนรู้ซึ่งกันและกัน วันแล้ววันเล่า กลางป่ามืดมิดที่เต็มไปด้วยกลิ่นของไอปีศาจ แม้จะเป็นสถานที่ที่อันตราย แต่ฮั่วอู๋ซวนก็กลับรู้สึกอบอุ่นอย่างน่าประหลาดวันหนึ่งขณะที่เขานั่งซ่อมขลุ่ยที่เขามอบให้กับจิ้งจอกหิมะ หญิงสาวจิ้งจอกก็เดินเข้ามาพร้อมกับตะกร้าผลไม้"นี่ ผลไม้สด ข้าเก็บมาจากริมลำธาร ลองกินดูเถิด" ฉี่เยี่ยนหลี่ยิ้มพลางยื่นผลไม้ให้เขา"ขอบใจนะ" ฮั่วอู๋ซวนรับตะกร้ามา รู้สึกถึงความห่วงใยที่อีกฝ่ายมีให้ เขานั่งลงข้างหญิงสาว ก่อนจะเล่าถึงการเดินทางของเขาและชีวิตในสำนัก"ข้าไม่เคยคิดเลยว่า การอยู่ห่างจากสำนักจะทำให้ข้ารู้สึกสงบสุขเช่นนี้ บางที… ข้าก็คิดว่าชีวิตนี้น่าจะใช้ร
ในห้องที่เงียบสงัด ฮั่วอู๋ซวนขังตัวเองอยู่เพียงลำพัง ใจจดจ่ออยู่กับหม้อต้มยาที่ค่อยๆ ร้อนขึ้นทีละน้อย ภายใต้แสงไฟสีส้มที่ส่องวาบจากตะเกียง เขาเพิ่มสมุนไพรทีละชนิดลงไปอย่างระมัดระวัง กำหนดอัตราส่วนอย่างละเอียดอ่อนและแน่นอน ผลอมฤตที่ถูกขบเคี้ยวด้วยความมุ่งมั่นรอคอยขั้นตอนสุดท้ายของการหลอมยาในขณะที่เขาค่อยๆ หย่อนผลอมฤตลงไปในหม้อ แสงสีขาวเจิดจ้าก็วาบสว่างไปทั่วห้อง เขาสะดุ้งเฮือกและปิดตาแน่น หัวใจเต้นรัวขึ้นอย่างหวาดระแวงว่าอาจทำผิดขั้นตอนบางอย่างไป ทันใดนั้น เมื่อแสงหายไป ภาพเหตุการณ์ในอดีตเริ่มพรั่งพรูขึ้นในจิตใจเขาเป็นฉากๆ อย่างกับมันเป็นเศษเสี้ยวของความทรงจำที่คุ้นเคยฮั่วอู๋ซวนเห็นใบหน้าของฉีเยี่ยนหลี่ ทุกภาพล้วนสะท้อนถึงความทรงจำที่แก่นวิญญาณของนางฝากไว้กับผลึกในผลอมฤตนี้ในชาติที่แล้ว ฮั่วอู๋ซวนยังคงเป็นนักพรตผู้มีความสามารถสูงในการปราบปีศาจเช่นเดียวกับในชาตินี้ แต่สิ่งที่แตกต่างอย่างชัดเจนคือเขาเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของเจ้าสำนักใหญ่แห่งคุนหลุน และถูกวางตัวไว้ให้สืบทอดตำแหน่งเจ้าสำนักในอนาคตบิดาของเขาหมายมั่นให้เขาก้าวขึ้นเป็นผู้ดูแลและปกป้องสำนัก คาดหวังในศักดิ์ศรีและหน้าที่ที่
ฮั่วอู๋ซวนก้าวเดินออกมาจากป่าอนธการด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งภาคภูมิใจในความสำเร็จและในขณะเดียวกันเขาก็มีความรู้สึกเจ็บแปลบที่อกข้างซ้ายแสงอาทิตย์สาดส่องลงมาจากท้องฟ้าเมื่อเขาก้าวพ้นจากป่ามืดมิดที่เต็มไปด้วยอันตราย เส้นทางข้างหน้าที่เขาต้องเดินไปยังคงยาวไกล แต่กระนั้นหัวใจของเขากลับยังคงหวนระลึกถึงใครบางคนในป่าแห่งนั้นฮั่วอู๋ซวนก้าวเดินออกมาจากป่าอนธการด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งภาคภูมิใจในความสำเร็จและความรู้สึกหนักอึ้งที่ซ่อนลึกอยู่ภายในใจ แสงอาทิตย์สาดส่องลงมาจากท้องฟ้าเมื่อเขาก้าวพ้นจากป่ามืดมิดที่เต็มไปด้วยอันตราย เส้นทางข้างหน้าที่เขาต้องเดินไปยังคงยาวไกล แต่กระนั้นหัวใจของเขากลับยังคงหวนระลึกถึงใครบางคนในป่าแห่งนั้น“ผลอมฤต” สิ่งล้ำค่าที่เขาเสี่ยงชีวิตไปตามหาจนสำเร็จ บัดนี้ถูกเก็บไว้ในถุงผ้าที่รัดแน่นอยู่ในอกเสื้อ มันเป็นผลไม้ในตำนานที่มีพลังทิพย์ ว่ากันว่าผู้ใดได้ครอบครองจะสามารถรักษาโรคภัยและฟื้นฟูพลังชีวิตได้อย่างมหัศจรรย์บรรดาปีศาจที่เคยคอยรอซุ่มโจมตีและคุกคามตลอดการเดินทางก่อนหน้านี้ ต่างถอยห่างเมื่อเขาถือผลอมฤตไว้อยู่กับตัว ราวกับว่ามันปล่อยพลังที่เป็นเสมือนเขตห