"ขอโทษ...ที่ข้าไม่อาจร่วมเคียงชราไปกับเจ้าได้"
ชายชรากล่าวด้วยเสียงแผ่วเบาที่ฟังคล้ายลมหายใจสุดท้าย เต็มไปด้วยความอาลัยจนแทบขาดใจ
เขายกมือเหี่ยวย่นขึ้นสัมผัสแก้มของนางที่อ่อนนุ่มด้วยความรักอันลึกซึ้ง สัมผัสที่แฝงไปด้วยความเศร้าราวกับคำอำลาอันเจ็บปวดเหลือเกิน ราวกับเขาต้องฝืนใจยอมปล่อยให้นางไป
หญิงสาวผู้นั้นจับมือของเขาไว้ น้ำตาหยาดลงบนหลังมือขาวนวลที่นางพยายามกุมให้แน่นที่สุด แต่มันก็ยิ่งเย็นลง นางสะอื้นออกมาอย่างไม่อาจห้าม ร่างกายสั่นสะท้านไปด้วยความโศกเศร้าอันล้นปรี่ ไม่อาจทำใจได้ว่าครั้งนี้จะเป็นการจากลาตลอดกาล
"อู๋ซวน...ข้าจะตามเจ้าไป ข้ายินดีอยู่เคียงข้างเจ้าในทุกชาติภพ หากจะต้องตายไปพร้อมเจ้า ข้าก็ไม่หวั่น"
เสียงสะอื้นสั่นสะท้านในอก บ่งบอกถึงความอาลัยที่แสนสาหัส ความรักของนางยังยึดแน่น หัวใจยังไม่อาจปล่อยมือเขาให้จากไป
"ข้าอยากให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไป สัญญากับข้า...ว่าจะใช้ชีวิตต่อไป แม้ว่าข้าจะไม่อยู่ตรงนี้แล้ว ข้าสัญญาว่าข้าจะกลับมาหาเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ไหน ข้าจะตามหาเจ้าให้เจอ"
เสียงของเขาแผ่วลงเรื่อยๆ คล้ายจะจมหายไปในความเงียบอันหนาวเหน็บรอบตัว
หญิงสาวนิ่งงัน ใจของนางสั่นไหวในความหวังอันลมๆ แล้งๆ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความเจ็บปวด แต่นางยิ้มให้เขาทั้งน้ำตา
"ข้าจะรอเจ้า...ไม่ว่าอีกกี่ร้อยกี่พันปี ข้าจะอยู่เพื่อรอเจ้า ข้าเชื่อว่าเจ้าจะต้องกลับมาหาข้า"
คำพูดของนางแฝงด้วยความหวังที่แทบหลุดลอย ดวงตาของนางที่แห้งเหือดไปด้วยน้ำตาทอประกายว่างเปล่า ราวกับตระหนักถึงความเป็นไปได้ที่นางต้องเผชิญชีวิตลำพังในความว่างเปล่า
"หลี่เอ๋อร์...ข้ารักเจ้า...ข้าสัญญาว่าจะกลับมาหาเจ้าในสักวันหนึ่ง..."
คำพูดของเขาจบลงด้วยเสียงที่แผ่วหายไป ดวงตาของเขาเริ่มเหม่อลอย น้ำตาของหญิงสาวหลั่งไหลราวกับหยาดน้ำค้างเย็นเฉียบ นางก้มลงจุมพิตที่หน้าผากของเขาอย่างอ่อนโยน หวังให้สัมผัสนั้นซึมซาบลงไปในวิญญาณของเขา ให้เขาจำได้แม้ชั่วนิรันดร์
รอยยิ้มสุดท้ายยังคงอยู่บนใบหน้าของชายชรา ขณะที่ลมหายใจแผ่วเบาก็หยุดลงในอ้อมแขนของหญิงสาว เขาค่อยๆ จางหายไปต่อหน้าต่อตานาง ราวกับควันจากเทียนที่มอดดับ ทิ้งไว้เพียงความทรงจำและคำสัญญาที่เจ็บปวดเกินจะรับไหว
"อู๋ซวน… ข้าก็รักเจ้าเช่นกัน และข้าจะรอเจ้า… ไม่ว่าต้องรออีกนานแค่ไหน"
เสียงกระซิบของนางสะท้อนก้องในความว่างเปล่า ร่างของนางอ่อนแรงจนแทบยืนไม่ไหว ทรุดตัวลงร้องไห้อย่างสิ้นหวัง กลางค่ำคืนที่แสนอ้างว้าง เหลือเพียงสายลมหนาวที่พัดผ่าน ราวกับวิญญาณของเขาที่หายไปแล้ว
นางนั่งอยู่เช่นนั้น น้ำตาไหลลงมาอย่างไร้สิ้นสุดท่ามกลางความเงียบงัน ความหวังสุดท้ายที่นางจับต้องได้ก็เพิ่งสูญหายไปพร้อมกับเขา ทิ้งให้นางจมอยู่ในความอ้างว้าง รอคอยคำสัญญาอันเป็นนิรันดร์ทันใดนั้น ภาพทั้งหมดก็เลือนหายไป...
ฮั่วอู๋ซวนสะดุ้งตื่นขึ้นมาในความมืดกลางดึก ร่างของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อและหัวใจเต้นแรง ราวกับว่าความฝันนั้นเป็นความจริงที่เขาเพิ่งประสบมา เขานั่งนิ่งอยู่บนเตียง ความสับสนและอารมณ์หลายอย่างปะปนกันในใจ
“หลี่เอ๋อร์…” เขาพึมพำชื่อที่หลุดออกมาจากความทรงจำในฝัน เสียงของเขาเต็มไปด้วยความสับสนและความโหยหา ราวกับว่าชื่อนั้นคือชื่อของใครบางคนที่เขาควรจะจำได้แต่กลับไม่อาจนึกออกได้ทั้งหมด
เช้าวันรุ่งขึ้น แสงอ่อนๆ จากดวงอาทิตย์ส่องลอดผ่านร่องไม้ของกระท่อมเข้ามา ฮั่วอู๋ซวนค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น ดวงตาสีดำสนิทของเขาสะท้อนแสงสีทองที่ลอดเข้ามาจากภายนอก
หัวใจของเขากำลังเต้นแรงอยู่ข้างในอก และเมื่อเขาเลื่อนมือลูบหางตาของตน ก็พบคราบน้ำตาที่แห้งกรังติดอยู่บนผิวเบาบางของขอบตา
‘นั่นเป็นเพียงแค่ฝันไปหรือ?’
‘นั่นเป็นเพียงแค่ฝันไปหรือ?’เขาคิดในใจอย่างสับสน ภาพของจิ้งจอกหิมะในความฝันยังคงตราตรึงอยู่ในความคิด แต่มันก็เลือนลางราวกับมีหมอกหนาปกคลุมใบหน้าอันงดงามนั้นเอาไว้นึกไม่ออกว่าปีศาจจิ้งจอกตนนั้นเป็นใคร และทำไมถึงทำให้ชายหนุ่มรู้สึกปวดร้าวในอกได้เช่นนี้ เพียงแค่ฝันหนึ่งฝัน เหตุใดความเจ็บปวดนั้นจึงยังกัดกินหัวใจของเขาอย่างไม่ปล่อย?เมื่อเขามองไปรอบๆ กระท่อม สายตาเริ่มคุ้นกับแสงสว่างและการตกแต่งของสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย เตียงไม้แข็งๆ กับกลิ่นอายของไม้เก่าที่คลุ้งอบอวลอยู่ในอากาศเขายันตัวขึ้นนั่งเพื่อมองสำรวจ แต่ความเจ็บปวดรุนแรงแล่นพล่านไปทั่วร่างทำให้ต้องทรุดตัวกลับไปนอนเช่นเดิม เขาเบ้หน้าด้วยความเจ็บ"นี่ข้าบาดเจ็บอยู่หรือ..." เขาพึมพำทว่าทันใดนั้น เสียงกระซิบหนึ่งกลับดังขึ้นมา"เจ้าตื่นแล้วหรือ?"เมื่อฮั่วอู๋ซวนหันไปมองก็ต้องพบกับภาพที่ทำให้เขาตกตะลึง ในระยะใกล้ๆ ใกล้เตียงของเขา มีจิ้งจอกหิมะสีขาวที่ขนนุ่มฟูขดตัวอยู่บนพื้น!มันนอนขดราวกับหลับลึก แต่ทันทีที่เขาเคลื่อนไหวเล็กน้อย หูของมันก็กระดิกและลืมตาขึ้น สายตาของมันจ้องเขาด้วยความสนใจก่อนที่เขาจะได้พูดอะไร จิ้งจอกหิมะนั้นก็กลายร่าง
"เจ้า…เจ้าเป็นคนช่วยข้าจากปีศาจแมงมุมหรือ?" ฮั่วอู๋ซวนถามด้วยน้ำเสียงสับสนในดวงตาสีทองคู่นั้นปรากฏแววของความผิดหวังอยู่เพียงชั่วขณะ แม้ว่าเพียงแวบเดียว แต่ฮั่วอู๋ซวนรู้สึกถึงความเศร้าผ่านสายตาของนางอย่างชัดเจน"อะ...อื้อ ข้าเป็นคนช่วยเจ้าเอาไว้จากปีศาจแมงมุมตัวนั้น" นางตอบเบาๆ แฝงด้วยความเศร้าเล็กน้อยฮั่วอู๋ซวนพยักหน้าเล็กน้อย และกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "เช่นนั้นข้าขอบใจ หนี้บุญคุณนี้ข้าจะตอบแทนแน่...ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวก่อน" เขาพูดพลางพยายามจะลุกขึ้นจากเตียงความรู้สึกแปลกๆ ในใจทำให้เขารู้สึกอยากหนีไปจากที่นี่โดยเร็ว เขาไม่อาจปล่อยใจให้หวั่นไหวไปกับปีศาจตนนี้ ทั้งๆ ที่ไม่ควรมีอะไรที่ต้องลังเลหรือค้างคาใจหญิงสาวขมวดคิ้วพลางถามด้วยเสียงอ่อนโยน"เจ้าจะรีบไปไหนเล่า? อาการบาดเจ็บของเจ้ายังไม่หายดีนะ...พักรักษาตัวอีกหน่อยเถิด"ฮั่วอู๋ซวนชะงัก สายตาของนางดูเว้าวอน อ้อนวอนให้เขาอยู่ต่อ ความรู้สึกบางอย่างกระตุ้นให้เขารู้สึกใจอ่อนอย่างน่าประหลาด ทันใดนั้นเขารู้สึกว่าการที่นางช่วยเหลือเขามิใช่แค่เรื่องบังเอิญ หัวใจของเขาสั่นไหวอย่างควบคุมไม่อยู่เขาถอนหายใจเบาๆ “ข้าจะอยู่ต่อเพราะเจ้าขอ
“อ๊ะ จริงด้วย!” นางพูดขึ้นมาราวกับนึกแผนการอะไรบางอย่างได้ นางกระโดดลงจากกิ่งสาลี่อย่างสง่างาม ร่างกายเบาลอยมาหยุดตรงหน้าชายหนุ่ม“ข้ามีข้อแลกเปลี่ยน” ฉีเยี่ยนหลี่กล่าวด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยเลศนัย“ข้อแลกเปลี่ยนอะไร?” ฮั่วอู๋ซวนถามกลับทันที ท่าทีของเขาแฝงความระมัดระวังอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาสีทองของนางบ่งบอกว่ามีแผนการบางอย่างซุกซ่อนอยู่ และแน่นอนว่าเขามองออกฉีเยี่ยนหลี่หัวเราะเบาๆ พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อน“ช่วงนี้ข้ารู้สึกว่าพลังบำเพ็ญของข้าไม่ก้าวหน้าเลย เจ้ายอมมาเป็นคู่บำเพ็ญเพียรให้กับข้าดีไหม?” “ไสหัวไป!” เขาตอบอย่างรวดเร็ว พร้อมหมุนตัวเดินกลับเข้ากระท่อมโดยไม่คิดจะอยู่ต่อ ใครกันที่จะยอมเป็นคู่บำเพ็ญเพียรให้กับปีศาจ? หากศิษย์พี่หรือศิษย์น้องคนอื่นๆ ในสำนักรู้เข้า เขาคงถูกขับไล่ออกจากสำนักเป็นแน่ทว่านางไม่ได้ปล่อยให้เขาหนีไปง่ายๆ “นี่เจ้าพูดกับผู้มีพระคุณของเจ้าเช่นนี้เหรอ? ข้าอุตส่าห์ยื่นข้อเสนอให้เจ้า เจ้าไม่อยากช่วยศิษย์พี่ของเจ้าแล้วหรือ?”ฮั่วอู๋ซวนหยุดชะงักทันทีเมื่อได้ยินคำว่า “ศิษย์พี่” ในตอนที่เขาลงจากเขา เขาสาบานไว้แล้วว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ผลอมฤตมาช่วยศิษย์พ
ม่านรัตติกาลโปรยลงมา ภายในกระท่อมหลังเล็กกลางป่าอนธการ ได้มีเสียงร้องครวญคราง และเสียงหนั่นเนื้อกระทบกันพร้อมกับเสียงครางครวญของสองหนุ่มสาวที่ดังระงมเล็ดลอดออกมาเป็นระยะ"อืม... อู๋ซวน ปล่อยออกมา ปล่อยออกมาอีก ข้าต้องการหยวนหยางของเจ้า อ๊า..." คำพูดที่เรียกร้องความปรารถนาของตนเองเปล่งออกมาจากปีศาจจิ้งจอกสาว“เยี่ยนหลีเอ๋อร์” เนื้อตัวของนางมารจิ้งจอกเนียนนุ่มลื่นมือราวกับกำลังลูบไล้หยกเนื้อดี ความรู้สึกของชายหนุ่มที่ส่งริมฝีปากขบกัดไปที่ผิวขาวเนียนละเอียดของนางเขาแทบจะไม่อยากละฝ่ามือหนาไปจากผิวจิ้งจอกสาวที่ขาวนวลราวกับหิมะที่เหมือนปุยนุ่นเลย ไม่ว่าเขาจะมองมุมไหน ฟ้อนเฟ้นสายตา ฝ่ามือ และกลีบปากที่ระร้าย นางช่างเปี่ยมล้นด้วยเสน่ห์อันเย้ายวนชวนหลงใหล ฮั่วอู๋ซวนหายใจแรงกระเส่าเป่ารดเรือนร่างของนาง หากมารจิ้งจอกตนนี้กลายเป็นอากาศธาตุ ชายหนุ่มก็คงสูดกลืนนางลงไปได้ทั้งตัว เขาอยากกอดรัดอีกฝ่ายให้แน่นหนากว่าเดิมร่างหนากว่าในเวลานี้กำลังทาบทับร่างอันบอบบางของนางจิ้งจอก ที่กำลังหายใจแรงด้วยรสพิศวาสที่ถูกปลุกร่างบางกำลังระทดระทวย ความรู้สึกลึกๆ ที่เต็มไปด้วยความกำหนัดถูกขับส่งออกมาเป็นสายธาราท
เขาผละห่างกลีบปากของนางจิ้งจอก พร้อมกับยกมือขึ้นมาเช็ดใบหน้าที่มีเหงื่อชื่น ฮั่วอู๋ซวนได้เห็นน้ำตาของฉีเยี่ยนหลี่ด้วย “เจ้าร้องไห้ทำไม”“ไม่รู้เหมือนกัน ข้าดีใจกระมังที่เราสองคนได้เป็นของกันและกัน ข้ารอคอยเวลานี้มาแสนนาน”ฮั่วอู๋ซวนมิพูดอะไร หัวใจของเขาพองฟูยินดีเช่นเดียวกันกับฉีเยี่ยนหลี่ ชายหนุ่มชิดกลีบปากลงไปพรมจูบซับน้ำตาให้ “โอ้ว...” เสียงของเขาที่อดกลั้นไม่ไหว ร่องของฉีเยี่ยนหลี่บีบรัดท่อนลำของเขาที่กำลังแช่ค้างไว้อยู่ หลีฮั่วอู๋ซวนทนกับความคับแน่นและตอดขมิบไม่ได้ ครางขรมอยู่ในลำคอ “ให้ข้าขยับนะ เจ้าทนได้ไหม”“ได้” ฉีเยี่ยนหลี่ตอบพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้กับฮั่วอู๋ซวน ความรักเบ่งบานอยู่ในสองดวงใจ ฉีเยี่ยนหลี่หลับตาพริ้มขึ้นมาทันทีที่เขาเริ่มขยับท่อนรักและใส่จังหวะเนิบนาบแต่กลีบปากที่ปิดไม่สนิทเริ่มสูดครางรัญจวนเหมือนกินของร้อนๆ พร้อมกับแอ่นเด้งส่วนสงวนของตนเองตามติดแท่งหยกของเขาเหมือนเกรงว่าแท่งบุรุษอันนั้นจะหลุดไปจากตัวเองแรงขยับของเขาหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ ฮั่วอู๋ซวนเปลี่ยนท่าทาง เขาจับขาทั้งสองข้างของฉีเยี่ยนหลี่ขึ้นมาพาดกับลำตัว ยกสะโพกสอบ จัดท่าทาง แล้วจัดการนางแบบเน้น ๆ
แสงอาทิตย์แรกของวันสาดส่องลงมาบนใบไม้สีเขียวขจี ลมพัดเอื่อยๆ พัดพาเอาไอหมอกบางเบาให้ลอยละลิ่วไปตามยอดไม้ฉีเยี่ยนหลี่ลืมตาขึ้น มองไปยังร่างสูงใหญ่ของฮั่วอู๋ซวนที่นอนหลับอยู่ข้างกัน ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเปื้อนยิ้มบางๆ นางอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปลูบแก้มเขา“อู๋ซวน… ในที่สุดเจ้าก็กลับมาหาข้า”ฮั่วอู๋ซวนตื่นขึ้นมาด้วยสัญชาตญาณระแวดระวังตามนิสัย ดวงตาของเขาสอดส่องรอบๆ กระท่อมเล็ก ทันใดนั้น เขาก็เห็นปีศาจจิ้งจอกสาวยืนอยู่ใกล้ๆ นางมองเขาด้วยดวงตาที่เปี่ยมด้วยความสดใสและเจือด้วยความห่วงใย“อู๋ซวน ไปล่าสัตว์กับข้าหน่อยดีไหม?” นางเอ่ยชวนด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแต่ในใจของฮั่วอู๋ซวนยังคงมีความระแวง เขาไม่เคยไว้ใจปีศาจ โดยเฉพาะปีศาจที่ดูอ่อนโยนเกินไปอย่างนาง เขาคิดว่าอาจมีเล่ห์กลอะไรซ่อนอยู่ก็เป็นได้เขาพยักหน้าเพียงเล็กน้อย“ก็ได้ แต่ข้าจะคอยจับตาดูเจ้า” เขาพึมพำคนเดียวในใจ ไม่ให้นางได้ยินความคิดของเขาทั้งสองเดินลัดเลาะไปตามเส้นทางในป่า ฉีเยี่ยนหลี่แปลงกายเป็นจิ้งจอก กระโดดไปมาอย่างคล่องแคล่วเหมือนกับว่านางเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติฮั่วอู๋ซวนยังคงมองฉีเยี่ยนหลี่ด้วยแววตาสงสัย ปกติแล้ว เขาคงจะไม่ร่วมเดิน
ตลอดเวลาที่อยู่ใกล้นาง เขาสัมผัสได้ว่านางไม่ใช่มารที่ชั่วร้าย แม้จะเจ้าเล่ห์และขี้แกล้งอยู่บ้าง แต่กลับมีความอบอุ่นและเอาใจใส่ที่ไม่เหมือนปีศาจใดที่เขาเคยพบหัวใจของเขาเริ่มคล้อยตามนางอย่างช้าๆ เขาสะบัดหัวเบาๆ พยายามดึงความคิดของตนให้กลับมาเป็นปกติ นี่ไม่ใช่จุดประสงค์ที่เขาเข้าป่าอนธการมา เขามาที่นี่เพื่อหาผลอมฤตเพื่อรักษาลั่วอี๋เฟิง แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะหลงลืมความตั้งใจเดิมไปเสียแล้วหลังจากล่าไก่ป่ามาสองตัวและกระต่ายอีกหนึ่งตัว ฮั่วอู๋ซวนก็หาองุ่นป่ามาใส่กระบุงเต็มเพื่อตามใจเจ้าจิ้งจอกหิมะที่ชอบกินมัน เขาอดยิ้มไม่ได้เมื่อนึกถึงใบหน้าดีใจของนางตอนที่นางเคี้ยวองุ่นหวานฉ่ำระหว่างที่เขากำลังกลับกระท่อม จู่ๆ ผีเสื้อสีทองตัวหนึ่งก็บินมาตรงหน้า มันคืออาคมส่งข่าวจากสำนักคุนหลุน ฮั่วอู๋ซวนเผลอขมวดคิ้ว หยุดฝีเท้าแล้วจ้องมองผีเสื้อที่ลอยอยู่ตรงหน้าอย่างสนใจเมื่อผีเสื้อสีทองค่อยๆ สลายกลายเป็นละอองแสง เนื้อความจากศิษย์พี่ก็ปรากฏขึ้นในใจของเขา เนื้อความนั้นชัดเจนว่าซือจุนและศิษย์พี่ทุกคนต่างเป็นห่วงและต้องการให้เจ้ากลับสำนักโดยด่วนฮั่วอู๋ซวนยืนนิ่ง พยายามคิดทบทวนเหตุผลที่เขามาที่นี่ และท
หลังจากที่นั่งนิ่งไปสักพัก เขาจึงถอนหายใจอย่างคิดไม่ตก คิดถึงหน้าที่และความรับผิดชอบที่เขาต้องกลับไปทำที่สำนัก แต่ใจของเขากลับผูกพันกับที่นี่และกับนาง จนไม่อาจทำใจให้จากไปได้“เจ้าดูเงียบไปนะ มีอะไรในใจหรือเปล่า?” ฉีเยี่ยนหลี่เอ่ยถาม นางขยับเข้าใกล้เขา มองดูเขาด้วยสายตาอ่อนโยนและเป็นห่วงฮั่วอู๋ซวนเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบ“ไม่มีอะไร...”เหลือเวลาอีกสามวัน ก็จะครบกำหนดหนึ่งเดือนที่ฮั่วอู๋ซวนได้ตกลงกับเจ้าจิ้งจอก ชายหนุ่มได้แต่นั่งถอนหายใจอย่างคิดไม่ตกไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี เขาไม่อยากไปจากที่นี่ ไม่อยากไปจากฉีเยี่ยนหลี่ แต่ถ้าเขาไม่กลับไปรับรองว่าพวกซือจุนและศิษย์พี่คนอื่นๆ จะต้องออกมาตามหาเขาที่นี่แน่ และนั่นอาจจะทำให้เกิดการต่อสู้ขึ้นได้ เขาไม่อยากให้เจ้าจิ้งจอกของเขาต้องเจอกับอันตรายใดๆฮั่วอู๋ซวนรู้สึกเหมือนหัวใจของเขากำลังแตกออกเป็นสองเสี่ยง เขายืนอยู่ระหว่างความรู้สึกที่ขัดแย้ง ความรักที่มีต่อศิษย์พี่ลั่วอี๋เฟิง ผู้ซึ่งเป็นเสมือนแสงสว่างและที่พึ่งพิงมาตลอดชีวิต กับความรู้สึกอันลึกซึ้งที่เขาเริ่มมีต่อฉีเยี่ยนหลี่ ปีศาจจิ้งจอกผู้ทำให้ชีวิตของเขาในป่าทึบเต็มไปด้วยส
ฤดูกาลผันเปลี่ยน วันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่า ฮั่วอู๋ซวนก็ยังคงอาศัยอยู่ที่กระท่อมแห่งนี้ การตายของคนรักเคี่ยวกำทรมานจิตใจเขาจนแทบอยู่ไม่สู้ตาย โดยเฉพาะข้างในหัวใจ มันช่างเจ็บปวดเหมือนถูกคมมีดกรีดเฉือนเนื้อจนเหวอะหวะ ทุกวันดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ชายหนุ่มก็จะมานั่งเฝ้าต้นสาลี่เก่าแก่ ต้นไม้ที่เคยเป็นสักขีพยานความรักอันบริสุทธิ์ กลายเป็นที่ระลึกถึงความผิดพลาดที่ตามหลอกหลอนเขาจิบสุราขมขื่นพลางจ้องมองไปยังกิ่งก้านที่เคยโอนเอนรับลมไปตามเสียงขลุ่ยหวานของนาง ฉีเยี่ยนหลี่...หญิงสาวผู้ที่จากไปไกลฤดูใบไม้ผลิที่เคยเบ่งบานกลับกลายเป็นฤดูแห่งความโศกเศร้า กลีบดอกสาลี่สีขาวบริสุทธิ์ร่วงหล่นลงมาทับถมบนหลุมศพราวกับน้ำตาที่ไหลไม่หยุด พวกมันล้อเลียนความรักที่โรยราและชีวิตที่ต้องดำเนินต่อไปอย่างโดดเดี่ยวเดิมทีเขาเองก็คิดที่จะปลิดชีวิตแล้วตามไปอยู่กับคนรักในปรโลก แต่ว่า หากเขาตายไปง่ายๆ เช่นนี้ ก็คงไม่สามารถชดเชยอะไรให้ฉีเยี่ยนหลี่ได้แต่อย่างใดอีกอย่างเขากลับอยากรอ... ในใจของฮั่วอู๋ซวนคิดอยู่เสมอว่าสักวันคนรักของเขาจะต้องกลับมาเกิดใหม่แน่ๆ และเมื่อถึงตอนนั้น เขาสัญญาว่าจะต้องทุ่มสุดกำลังเพื่อรักและดูแลนา
ขณะที่เขาพยายามจะผ่านซือจุนไป เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหลัง…"ซวนเอ๋อร์ เจ้ายังจะยืนกรานที่จะทำเช่นนี้จริงหรือ?"น้ำเสียงของคนผู้นี้เต็มเปี่ยมไปด้วยความผิดหวังและเจ็บปวด ฮั่วอู๋ซวนหันกลับไปมอง เห็นศิษย์พี่หญิงของเขายืนอยู่ตรงนั้น นางมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเศร้า"ซวนเอ๋อร์ ข้าไม่อาจปล่อยให้เจ้าทำเช่นนี้ เจ้าเคยเป็นคนที่ข้ารัก เจ้าเคยเป็นคนที่ข้าฝากหัวใจไว้ และข้าไม่อาจยอมเห็นชีวิตของเจ้าต้องพังเพราะปีศาจตนนั้น"ฮั่วอู๋ซวนหันไปสบตากับนาง "ศิษย์พี่ ข้าขอโทษ แต่ข้าไม่อาจหวนกลับไปได้อีกแล้ว ข้าต้องการเพียงหลี่เอ๋อร์ ข้ารักนาง ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยนาง ไม่ว่านางจะเป็นปีศาจหรือสิ่งใดก็ตาม"ศิษย์พี่ของเขาพยายามยื่นมือมาขวางเขาไว้!"อู๋ซวน… เจ้าไม่คิดถึงจิตใจของข้าเลยใช่หรือไม่? ข้ารู้ว่าเจ้าเคยรักข้า ข้ารู้ว่าเจ้ามีหน้าที่ในสำนัก ข้ายินดีจะอยู่เคียงข้างเจ้าในทุกๆ หนทาง แต่ขอให้เจ้าถอนตัวออกมา อย่าให้ความรักต่อปีศาจนั้นทำลายเจ้าลงไป"ฮั่วอู๋ซวนมองนางอย่างอ่อนโยน แม้สายตาของเขาจะเต็มไปด้วยความเจ็บปวด"ศิษย์พี่ ข้าขอโทษ ข้าเคยรักท่าน แต่หัวใจของข้าไม่ใช่ของท่านอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้ข้าต
มือของฮั่วอู๋ซวนกุมไว้ตรงหน้าอก ราวกับว่าความรู้สึกทั้งหมดที่เคยถูกเก็บซ่อนไว้กำลังหลั่งไหลออกมาไม่หยุด... บัดนี้เขาเพิ่งเข้าใจทุกอย่าง ความรู้สึกผูกพันอย่างลึกซึ้งและความรักที่มีต่อฉีเยี่ยนหลี่ไม่ใช่สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นในชาตินี้ หากแต่เป็นสายใยที่โยงใยข้ามภพชาติ ทั้งหมดนี้คือความทรงจำและความรักที่สืบเนื่องมาแต่ชาติที่แล้วฮั่วอู๋ซวนพึมพำเบา ๆ "ที่แท้... ทุกสิ่งที่ข้าเคยฝันถึง ทุกภาพที่ข้าเคยเห็น… นั่นคือข้ากับเจ้าในชาติก่อน" เขานิ่งไปครู่หนึ่ง รู้สึกทั้งอบอุ่นและเจ็บปวดในเวลาเดียวกัน ราวกับว่าสิ่งที่เคยเป็นเงาในความทรงจำได้แปรเปลี่ยนเป็นความจริงที่เขาไม่อาจหลบหนีได้อีกต่อไปเขายืนอยู่ใต้แสงจันทร์ หัวใจอ่อนโยนเมื่อคิดถึงฉีเยี่ยนหลี่ ผู้หญิงที่เขารักอย่างลึกซึ้งแม้ไม่เข้าใจว่าทำไม และในเวลานี้เขารู้แล้วว่าความรักนี้ไม่ใช่เพียงความรู้สึกชั่วคราว แต่เป็นความรู้สึกที่ผูกพันมาเนิ่นนาน ขณะที่เขายืนอยู่ที่นั่น ความคิดหนึ่งก็พลันเกิดขึ้นในใจ“ข้าจะกลับไปหาเจ้า” เขาพูดเบา ๆ ราวกับสัญญากับตัวเองฮั่วอู๋ซวนถือผลึกแก่นวิญญาณในมือ รู้สึกถึงพลังอันอบอุ่นที่แฝงอยู่ในนั้น ราวกับมีสัมผัสของฉีเยี่ยนห
ฉีเยี่ยนหลี่หัวเราะเบา ๆ แม้จะอ่อนแรง "ข้าไม่สนใจหรอกอู๋ซวน… ข้ารู้แค่ว่า เจ้าอยู่เคียงข้างข้าก็พอแล้ว"ทันใดนั้น ฮั่วอู๋ซวนก็คิดถึงผลไม้ในตำนานที่เคยได้ยินเรื่องราวจากชายชราที่เคยพบระหว่างการฝึกฝนเมื่อครั้งยังเป็นศิษย์ เขาหวังว่าผลไม้วิเศษนั้นอาจช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของฉีเยี่ยนหลี่ได้"ข้าจะออกตามหาผลอมฤตในป่าอนธการ ข้าเชื่อว่ามันจะรักษาเจ้าได้" ฮั่วอู๋ซวนกล่าวขึ้นด้วยความมุ่งมั่น"แต่… ป่าอนธการเต็มไปด้วยปีศาจอันตราย ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อข้า""ข้าไม่มีทางเลือกอื่น" ฮั่วอู๋ซวนยิ้มอย่างอบอุ่น "รอข้ากลับมา ข้าสัญญาว่าจะไม่ปล่อยให้เจ้าอยู่เพียงลำพัง"ฮั่วอู๋ซวนเดินผ่านป่าลึก หันมองรอบตัวด้วยสัญชาตญาณนักพรตที่คุ้นเคย ภายในป่าอนธการนี้เต็มไปด้วยอันตราย ไม่เพียงแต่ความมืดที่แฝงอยู่ในหมอกขาว แต่ยังมีปีศาจที่จ้องจะเล่นงานเขาในทุกซอกมุมทันใดนั้น เงาดำพุ่งเข้ามาจากพุ่มไม้ ปีศาจรูปทรงคล้ายหมาป่าโจนเข้าใส่เขาด้วยความดุร้าย ฮั่วอู๋ซวนพลิกตัวหลบอย่างรวดเร็ว มือคว้าเอามีดสั้นจากเอว ฟันเข้าไปที่ด้านข้างของปีศาจอย่างแม่นยำแม้พลังจินตานของเขาจะอ่อนลง แต่วิชาการต่อสู้ที่สั่งสมมาทำให้เ
หลังจากเจ้าสำนักและศิษย์สำนักจากไป ฮั่วอู๋ซวนพยุงร่างที่อ่อนแรงของฉีเยี่ยนหลี่กลับมาที่กระท่อม หญิงสาวบาดเจ็บสาหัส และในใจของเขาก็เจ็บปวดไม่น้อยเมื่อเห็นคนรักในสภาพนี้"ขอโทษนะหลี่เอ๋อร์ ข้าคงไม่มีพลังมากพอที่จะรักษาเจ้าได้แล้ว… ตอนนี้ข้าเองก็ไร้พลังจินตาน กลายเป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น"ฉีเยี่ยนหลี่หัวเราะเบา ๆ แม้จะอ่อนแรง "ข้าไม่สนใจหรอกอู๋ซวน… ข้ารู้แค่ว่า เจ้าอยู่เคียงข้างข้าก็พอแล้ว"ทันใดนั้น ฮั่วอู๋ซวนก็คิดถึงผลไม้ในตำนานที่เคยได้ยินเรื่องราวจากชายชราที่เคยพบระหว่างการฝึกฝนเมื่อครั้งยังเป็นศิษย์ เขาหวังว่าผลไม้วิเศษนั้นอาจช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของฉีเยี่ยนหลี่ได้"ข้าจะออกตามหาผลอมฤตในป่าอนธการ ข้าเชื่อว่ามันจะรักษาเจ้าได้" ฮั่วอู๋ซวนกล่าวขึ้นด้วยความมุ่งมั่น"แต่… ป่าอนธการเต็มไปด้วยปีศาจอันตราย ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อข้า""ข้าไม่มีทางเลือกอื่น" ฮั่วอู๋ซวนยิ้มอย่างอบอุ่น "รอข้ากลับมา ข้าสัญญาว่าจะไม่ปล่อยให้เจ้าอยู่เพียงลำพัง"เพื่อเขียนบรรยายเรื่องราวอย่างละเอียด ฉากนี้สามารถขยายโดยให้ความสำคัญกับการแสดงอารมณ์ของตัวละครและการกระทำที่แฝงด้วยความหมายลึกซึ้ง นอกจากนี
“ท่านพ่อ… ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่?”ฮั่วอู๋ซวนถามด้วยความงุนงง แต่ทันใดนั้น เขาเห็นแววตาของบิดาที่เต็มไปด้วยความผิดหวังและความโกรธ“เจ้าบังอาจกลายเป็นคู่บำเพ็ญเพียรกับปีศาจเช่นนี้ได้อย่างไร?” บิดาของเขาตะคอกออกมาด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว“เจ้ามิได้รู้หรือว่าการเป็นนักพรตต้องรักษาความบริสุทธิ์ เพื่อพลังที่บริสุทธิ์และคงอยู่ในสัจธรรม แต่เจ้ากลับ… กลับเลือกที่จะเสพสมกับปีศาจ!”ฮั่วอู๋ซวนขบกรามแน่น “ท่านพ่อ ข้าไม่สนใจสัจธรรมที่ท่านกล่าว ข้ารู้เพียงว่า นางเป็นคนเดียวที่ทำให้ข้ารู้สึกสงบสุข และนางมิได้มีเจตนาร้ายใด ๆ ท่านอย่าได้โทษนางเลย”หญิงสาวจิ้งจอกที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เริ่มรู้สึกผิดหวังในตัวเอง“ท่านอาจารย์ ข้ามิได้มีเจตนาทำร้ายฮั่วอู๋ซวน ข้ารักเขาจริง ๆ… ข้าจะยอมถอยไปเพื่อไม่ให้ข้าต้องเป็นภาระของเขา…”แต่ฮั่วอู๋ซวนคว้ามือของฉี่เยี่ยนหลีไว้แน่น“ไม่! เจ้าจะไม่ไปไหน ข้าเลือกแล้วที่จะอยู่กับเจ้า หากท่านพ่อไม่อาจเข้าใจ ข้าก็จะไม่กลับไปที่สำนักอีก”เจ้าสำนักนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ก่อนที่เขาจะสูดหายใจลึกและพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น“ในเมื่อเจ้าเลือกเช่นนี้ ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก ข้าจะนับว่าเจ้าไม่ใช่บุ
ฮั่วอู๋ซวนหัวเราะให้กับความไร้เดียงสาของจิ้งจอกสาวแล้วหยิบขลุ่ยไม้จากในห่อสัมภาระของเขา เขามอบขลุ่ยให้กับนาง"ของขวัญจากข้า เจ้าอยากลองเป่าดูไหม?"หญิงสาวรับขลุ่ยมาอย่างงุนงง "ให้ข้าหรือ?"ฮั่วอู๋ซวนยิ้มแล้วสอนนางจับขลุ่ย "นี่ไง จับอย่างนี้ แล้วก็เป่าเบาๆ แบบนี้"เสียงขลุ่ยดังขึ้นแผ่วเบาในป่าหิมะ สร้างบรรยากาศอันเงียบสงบและอบอุ่นในใจของทั้งคู่ฮั่วอู๋ซวนใช้ชีวิตกับจิ้งจอกหิมะในป่าอนธการอย่างสงบสุข ทั้งสองต่างพึ่งพาและเรียนรู้ซึ่งกันและกัน วันแล้ววันเล่า กลางป่ามืดมิดที่เต็มไปด้วยกลิ่นของไอปีศาจ แม้จะเป็นสถานที่ที่อันตราย แต่ฮั่วอู๋ซวนก็กลับรู้สึกอบอุ่นอย่างน่าประหลาดวันหนึ่งขณะที่เขานั่งซ่อมขลุ่ยที่เขามอบให้กับจิ้งจอกหิมะ หญิงสาวจิ้งจอกก็เดินเข้ามาพร้อมกับตะกร้าผลไม้"นี่ ผลไม้สด ข้าเก็บมาจากริมลำธาร ลองกินดูเถิด" ฉี่เยี่ยนหลี่ยิ้มพลางยื่นผลไม้ให้เขา"ขอบใจนะ" ฮั่วอู๋ซวนรับตะกร้ามา รู้สึกถึงความห่วงใยที่อีกฝ่ายมีให้ เขานั่งลงข้างหญิงสาว ก่อนจะเล่าถึงการเดินทางของเขาและชีวิตในสำนัก"ข้าไม่เคยคิดเลยว่า การอยู่ห่างจากสำนักจะทำให้ข้ารู้สึกสงบสุขเช่นนี้ บางที… ข้าก็คิดว่าชีวิตนี้น่าจะใช้ร
ในห้องที่เงียบสงัด ฮั่วอู๋ซวนขังตัวเองอยู่เพียงลำพัง ใจจดจ่ออยู่กับหม้อต้มยาที่ค่อยๆ ร้อนขึ้นทีละน้อย ภายใต้แสงไฟสีส้มที่ส่องวาบจากตะเกียง เขาเพิ่มสมุนไพรทีละชนิดลงไปอย่างระมัดระวัง กำหนดอัตราส่วนอย่างละเอียดอ่อนและแน่นอน ผลอมฤตที่ถูกขบเคี้ยวด้วยความมุ่งมั่นรอคอยขั้นตอนสุดท้ายของการหลอมยาในขณะที่เขาค่อยๆ หย่อนผลอมฤตลงไปในหม้อ แสงสีขาวเจิดจ้าก็วาบสว่างไปทั่วห้อง เขาสะดุ้งเฮือกและปิดตาแน่น หัวใจเต้นรัวขึ้นอย่างหวาดระแวงว่าอาจทำผิดขั้นตอนบางอย่างไป ทันใดนั้น เมื่อแสงหายไป ภาพเหตุการณ์ในอดีตเริ่มพรั่งพรูขึ้นในจิตใจเขาเป็นฉากๆ อย่างกับมันเป็นเศษเสี้ยวของความทรงจำที่คุ้นเคยฮั่วอู๋ซวนเห็นใบหน้าของฉีเยี่ยนหลี่ ทุกภาพล้วนสะท้อนถึงความทรงจำที่แก่นวิญญาณของนางฝากไว้กับผลึกในผลอมฤตนี้ในชาติที่แล้ว ฮั่วอู๋ซวนยังคงเป็นนักพรตผู้มีความสามารถสูงในการปราบปีศาจเช่นเดียวกับในชาตินี้ แต่สิ่งที่แตกต่างอย่างชัดเจนคือเขาเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของเจ้าสำนักใหญ่แห่งคุนหลุน และถูกวางตัวไว้ให้สืบทอดตำแหน่งเจ้าสำนักในอนาคตบิดาของเขาหมายมั่นให้เขาก้าวขึ้นเป็นผู้ดูแลและปกป้องสำนัก คาดหวังในศักดิ์ศรีและหน้าที่ที่
ฮั่วอู๋ซวนก้าวเดินออกมาจากป่าอนธการด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งภาคภูมิใจในความสำเร็จและในขณะเดียวกันเขาก็มีความรู้สึกเจ็บแปลบที่อกข้างซ้ายแสงอาทิตย์สาดส่องลงมาจากท้องฟ้าเมื่อเขาก้าวพ้นจากป่ามืดมิดที่เต็มไปด้วยอันตราย เส้นทางข้างหน้าที่เขาต้องเดินไปยังคงยาวไกล แต่กระนั้นหัวใจของเขากลับยังคงหวนระลึกถึงใครบางคนในป่าแห่งนั้นฮั่วอู๋ซวนก้าวเดินออกมาจากป่าอนธการด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งภาคภูมิใจในความสำเร็จและความรู้สึกหนักอึ้งที่ซ่อนลึกอยู่ภายในใจ แสงอาทิตย์สาดส่องลงมาจากท้องฟ้าเมื่อเขาก้าวพ้นจากป่ามืดมิดที่เต็มไปด้วยอันตราย เส้นทางข้างหน้าที่เขาต้องเดินไปยังคงยาวไกล แต่กระนั้นหัวใจของเขากลับยังคงหวนระลึกถึงใครบางคนในป่าแห่งนั้น“ผลอมฤต” สิ่งล้ำค่าที่เขาเสี่ยงชีวิตไปตามหาจนสำเร็จ บัดนี้ถูกเก็บไว้ในถุงผ้าที่รัดแน่นอยู่ในอกเสื้อ มันเป็นผลไม้ในตำนานที่มีพลังทิพย์ ว่ากันว่าผู้ใดได้ครอบครองจะสามารถรักษาโรคภัยและฟื้นฟูพลังชีวิตได้อย่างมหัศจรรย์บรรดาปีศาจที่เคยคอยรอซุ่มโจมตีและคุกคามตลอดการเดินทางก่อนหน้านี้ ต่างถอยห่างเมื่อเขาถือผลอมฤตไว้อยู่กับตัว ราวกับว่ามันปล่อยพลังที่เป็นเสมือนเขตห