เฉียนเป้าพูดด้วยสีหน้าสำนึกในบุญคุณอย่างสุดซึ้ง เขาเข้าสวามิภักดิ์ต่อฉินหมิงทางอ้อมเพื่อตอบแทนความเมตตาครั้งนี้ของฉินหมิง“ไม่ต้องพูดหนักขนาดนั้นก็ได้ รีบลุกขึ้นเถอะ”ฉินหมิงยิ้มและช่วยประคองเฉียนเป้าให้ลุกขึ้น……ณ ห้องโถงใหญ่ของตระกูลเหลิ่งนายท่านเหลิ่งเรียกบุคคลสำคัญในตระกูลมาหารือเรื่องต่าง ๆ ร่วมกันเมื่อวานนี้ในงานเปิดตัวขายของหมิงเหยากรุ๊ป ฉินหมิงไม่เพียงแต่เลือกที่จะร่วมมือกับตระกูลซูเท่านั้น แต่ยังเอาชนะเหลิ่งหลงเซิงทายาทรุ่นที่สองของตระกูลเหลิ่งที่เข้าสู่ระดับปรมาจารย์แล้วกลางที่สาธารณะอีกด้วย ซึ่งนี่ทำให้ตระกูลเหลิ่งต้องอับอายขายหน้า!นายท่านเหลิ่งและตระกูลเหลิ่งจะกลืนความโกรธนี้ลงไปได้อย่างไร!“ปู่ครับ ไอ้เด็กฉินหมิงนั่นมันหยิ่งผยองมากเกินไปแล้ว!”“เขาต่อต้านตระกูลเหลิ่งของเราหลายครั้ง และตอนนี้ยังไปสมรู้ร่วมคิดกับตระกูลซูอีก พวกเราตระกูลเหลิ่ง จะปล่อยเรื่องนี้ไปง่าย ๆ ไม่ได้เด็ดขาดนะครับ”เหลิ่งจวิ้นพูดด้วยสีหน้าเกลียดชัง“นายน้อยพูดถูกแล้ว!”“นายท่านครับ ตระกูลซูเป็นศัตรูของตระกูลเหลิ่งของเรามาโดยตลอด และตอนนี้ฉินหมิงก็บรรลุความร่วมมือกับตระกูลซูแล้ว ด้วยทักษ
“ระดับการบ่มเพาะของนายท่านใหญ่มาถึงขั้นสูงสุดระดับปรมาจารย์เมื่อหลายปีก่อนแล้ว แม้แต่ในหมู่ยอดฝีมือระดับเดียวกัน คนที่สามารถต่อกรกับเขาได้นั้นก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น!”“ฉินหมิงเด็กคนนั้นย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนายท่านใหญ่อย่างแน่นอน!”“นั่นสิ ระดับการบ่มเพาะของไอ้เด็กฉินหมิงนั่น อยู่แค่ขั้นสูงระดับปรมาจารย์ การที่นายท่านใหญ่จะกำจัดเขามันก็ง่ายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือ!”……บุคคลสำคัญหลายคนของตระกูลเหลิ่ง ต่างตะโกนเชียร์และแสดงความคิดเห็นที่ตรงกันหลังจากจบการประลองระหว่างฉินหมิงและเหลิ่งหลงเซิงในงานเปิดตัวขายเมื่อวานนี้ พวกเขาส่วนใหญ่ก็เห็นแล้วว่าความแข็งแกร่งของฉินหมิงนั้น อย่างมากสุดก็อยู่ที่ขั้นสูงระดับปรมาจารย์เท่านั้น ตราบเท่าที่ตระกูลเหลิ่งสุ่มส่งยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นสูงสุดระดับปรมาจารย์ไปลอบโจมตี ทุกคนล้วนสามารถกำจัดฉินหมิงได้อย่างง่ายดาย!ยิ่งไปกว่านั้น ความแข็งแกร่งของเหลิ่งยงยังยอดเยี่ยมที่สุดในบรรดาขั้นสูงสุดระดับปรมาจารย์ ดังนั้นมันจะไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน!“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันจะฝากเรื่องนี้ไว้กับแก!”“ยงเอ๋อร์ ฉันจะส่งยอดฝีมือขั้นสูงสุดระดับปรมาจารย์ไปกับแกอ
แต่ขับไปได้เพียงครึ่งทาง ก็มีรถยนต์หรูสีดำคันหนึ่งขับตามหลังมาอย่างเงียบ ๆในฐานะลูกสาวของราชาแดนใต้ เฝิงรั่วซวงมีประสบการณ์ในด้านนี้มากกว่าฉินหมิงมาก เธอตระหนักถึงความผิดปกติได้อย่างรวดเร็ว“ฉินหมิง ดูเหมือนว่าเราสองคนจะถูกคนตามมาแล้วล่ะ!”เฝิงรั่วซวงเอ่ยเตือน“อะไรนะ?”“จริงหรือหลอกกัน?”ฉินหมิงสะดุ้ง เขามองผ่านกระจกมองหลังของรถมอเตอร์ไซค์ และในไม่ช้ารถยนต์หรูสีดำคันหนึ่งก็ปรากฏสู่ครรลองสายตา มันขับตามหลังพวกเขามาจริง ๆอย่างไรก็ตาม เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายแค่บังเอิญตามพวกเขามาหรือจงใจติดตามพวกเขา“นายลองดูก็จะรู้เอง”เฝิงรั่วซวงพูดฉินหมิงก็เข้าใจทันที เขาจงใจชะลอรถ จากนั้นก็เร่งความเร็วขึ้นเป็นครั้งคราวแน่นอนว่าทุกครั้งที่เขาชะลอความเร็ว อีกฝ่ายก็ขับช้าลงด้วย และเมื่อเขาเร่งความเร็ว อีกฝ่ายก็เร่งเครื่องตามนี่ไม่ใช่การติดตามยังจะเรียกว่าอะไรได้อีก?“ใครกันที่ตามเรามา?”ฉินหมิงขมวดคิ้ว เดาไม่ออกเลยว่าจุดประสงค์ของพวกเขาคืออะไร?“ใช่คนของราชาแดนเหนือลี่ตั๋วไห่หรือเปล่า?”ความคิดของเฝิงรั่วซวงหมุนวนเมื่อสักครู่นี้ตอนที่ยังอยู่โรงแรม ฉินหมิงได้ลงโทษพยัคฆ์หน้ายิ้มตู่ไฉ และ
“พระเจ้าช่วยเหลือฉันจริง ๆ !”เหลิ่งยงมองอย่างละเอียด และอดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างมีความสุขลงมือในเส้นทางเล็กที่ห่างไกลแบบนี้ ฉินหมิงไม่มีทางหลบหนีได้แม้ว่าเขาจะต้องการก็ตาม นี่ไม่ต่างอะไรกับที่เจ้าตัววิ่งมาตายเองเลย!เขาย่อมคาดหวังให้มันเป็นแบบนี้!หลังจากนั้น เนื่องจากทั้งสองฝ่ายล้วนมีความคิดเป็นของตัวเอง ฝ่ายหนึ่งจงใจล่อลวงอีกฝ่าย และอีกฝ่ายหนึ่งก็ต้องการปิดกั้นเส้นทางของอีกฝ่าย ทั้งสองขับรถเลี้ยวเข้าไปในเส้นทางเล็กที่ห่างไกลออกไปเรื่อย ๆข้างถนนต้นไม้สีเขียวขึ้นเรียงรายฉินหมิงและเฝิงรั่วซวงหยุดรถมอเตอร์ไซค์แล้วลงจากรถ รถยนต์หรูสีดำคันนั้นก็หยุดตาม พวกเขาเดินลงมาจากรถเหมือนกันเมื่อประตูถูกเปิดออก พวกเหลิ่งยงทั้งสามคนที่สวมหน้ากากสีเงินปิดครึ่งหน้าเอาไว้ก็ก้าวลงมา“พวกคุณเป็นใคร?”ฉินหมิงตกใจมากเมื่อเห็นอีกฝ่ายสวมหน้ากากเจิ้งอวี่เพิ่งจะถูกกลุ่มชายลึกลับที่สวมหน้ากากลอบโจมตีไปเมื่อไม่กี่วันก่อนและถูกชิงยาปราณแท้ไปสามเม็ด ตอนนี้เขาได้พบกับกลุ่มชายลึกลับที่สวมหน้ากากอีกครั้ง ไม่รู้ว่าทั้งสามคนที่อยู่ตรงหน้าเขานี้ใช่พวกเดียวกับที่ลอบโจมตีเจิ้งอวี่หรือไม่อย่างไรก็ตาม หลังจ
แม้ว่าเขาอยากจะหลบหนีไปอย่างมาก แต่ก็ไม่มีหนทางให้หลบหนีแล้ว!ควรทำอย่างไรดี?หรือว่าต้องนั่งรอความตายอยู่ตรงนี้อย่างนั้นหรือ?ฉินหมิงวิตกกังวลมาก และทันใดนั้นความคิดหนึ่งก็แวบขึ้นมาในหัวใจของเขา“จริงสิ ฉันยังมียามังกรซ่อนเป็นไพ่ลับช่วยชีวิตอยู่นี่นา!”ฉินหมิงตบหน้าผากของเขา และนึกถึงยามังกรซ่อนที่เขาหลอมเอาไว้ ฉินหมิงไม่กล้าที่จะชักช้าอีก รีบหยิบยามังกรซ่อนออกมาเม็ดหนึ่งแล้วกลืนมันลงไปทันทีในเวลาเดียวกันเหลิ่งยงและเหลิ่งเหยียนไล่ตามเข้ามาในป่าแล้ว มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าฉินหมิงดวงตาของฉินหมิงเปลี่ยนเป็นเย็นชา เขาจับจ้องไปที่เหลิ่งยงและเหลิ่งเหยียนทั้งสองคน ทางหนึ่งลอบระมัดระวังอีกฝ่าย อีกทางก็กำลังรอให้ยามังกรซ่อนออกฤทธิ์ภายใต้อิทธิพลของยามังกรซ่อน ศักยภาพในร่างกายของเขาถูกกระตุ้นในทันที ระดับการบ่มเพาะของเขาเพิ่มขึ้นหนึ่งขั้นเล็กชั่วคราวจากขั้นสร้างรากฐานขั้นต้นไปเป็นขั้นสร้างรากฐานขั้นกลาง!ด้วยความแข็งแกร่งของผู้บ่มเพาะในขั้นสร้างรากฐานขั้นต้น ก็เทียบเท่ากับยอดฝีมือขั้นสูงสุดระดับปรมาจารย์แล้ว!“ฉินหมิง ระวังหลัง!”ในตอนนี้เอง เฝิงรั่วซวงก็อุทานออกมาหลังจากนั้น ฉิน
ท้ายที่สุดแล้ว ความแข็งแกร่งของฉินหมิงนั้นไม่ได้อ่อนแอ เขามาถึงขั้นสูงระดับปรมาจารย์แล้ว ทั้งสามคนจึงต้องเตรียมพร้อม ป้องกันไม่ให้ฉินหมิงหลบหนีไปได้“หนีเหรอ”“ผมไม่หนีไปหรอก!”“พี่ซวง พี่วางใจเถอะครับ พวกเขาทำให้พี่ได้รับบาดเจ็บ วันนี้ผมจะให้พวกเขาชดใช้ด้วยเลือด!”ฉินหมิงพูดด้วยใบหน้าที่เย็นชา ดวงตาของเขาดูอาฆาตพยาบาทอย่างถึงที่สุดเกล็ดย้อนของมังกร ถ้าใครแตะมันก็มีแต่ต้องตายเท่านั้น!ในใจของเขามองเฝิงรั่วซวงว่าเป็นเพื่อนมานานแล้ว เพื่อนและญาติคือเกล็ดย้อนของเขา!ตอนนี้เฝิงรั่วซวงได้รับบาดเจ็บเพื่อปกป้องเขา ใครก็ยากที่จะจินตนาการถึงความโกรธในใจของเขาได้!นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโกรธจัดนับตั้งแต่ที่เขาได้รับมรดกจากบรรพบุรุษตระกูลฉิน!“ฉินหมิง นายช่วยหยุดโง่จะได้ไหม?”“สามคนนี้คงเป็นยอดฝีมือที่ราชาแดนเหนือลี่ตั๋วไห่ส่งมา ตราบเท่าที่นายหลบหนีไปแล้วแจ้งพ่อของฉันได้ทันเวลา พวกเขาจะไม่กล้าทำร้ายฉันอย่างแน่นอน…”เฝิงรั่วซวงพูดด้วยความโกรธระดับการบ่มเพาะของเธอนั้นต่ำเกินไป ถ้าฉินหมิงต้องการพาเธอหลบหนีไปด้วยกัน มันเป็นไปไม่ได้แน่!ในทางกลับกัน ถ้าฉินหมิงทิ้งเธอที่เป็นภาระไว้ข้างหลัง
บูม!สิ้นเสียงปะทะกันอย่างรุนแรง ฉากที่ทำให้ทั้งเหลิ่งยงและเหลิ่งเหยียนตกใจก็เกิดขึ้น คนที่ถูกซัดออกไปด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวนั้นไม่ใช่ฉินหมิง แต่เป็นเหลิ่งชาง!กร๊อบ!เสียงกระดูกหักดังขึ้นอย่างคมชัด แขนทั้งแขนของเหลิ่งชางถูกฉินหมิงหัก เขาส่งเสียงกรีดร้องราวกับหมูที่ถูกเชือด ร่างกายก็ถูกฉินหมิงซัดจนกระเด็นไป“ไปตายซะ!”ดวงตาของฉินหมิงเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า เขากระโดดขึ้นไปในอากาศแล้วโจมตีเป็นครั้งที่สอง เล็งฝ่ามือไปที่หน้าอกของเหลิ่งชางอย่างโหดเหี้ยมเมื่อสักครู่นี้เขาได้พูดไปแล้วว่าเขาจะเอาคืนแทนเฝิงรั่วซวงเป็นสองเท่า เขาพูดได้ทำได้!เหลิ่งชางตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่างโชคดีที่ระดับการบ่มเพาะของเขานั้นใกล้จะทะลวงเข้าสู่ขั้นสูงสุดระดับปรมาจารย์แล้ว ในช่วงเวลาวิกฤต เขาที่ซึ่งไม่ใช่ไก่อ่อนก็เบี่ยงตัวออกไปด้านข้างกว่าสิบเซนติเมตร ทำให้รอดพ้นจากกระบวนท่าสังหารของฉินหมิงอย่างหวุดหวิด ทว่าหน้าอกของเขาก็ยังโดนลมจากฝ่ามือของฉินหมิงกระแทกจนบาดเจ็บอยู่ดีพรวด! พรวด!เหลิ่งชางกระอักเลือดออกมาสองคำติดต่อกัน ร่างใหญ่โตของเขากระแทกเข้ากับต้นไม้สีเขียวที่อยู่ข้างหลัง ล้มมากองกับพื้นอย่าง
แม้ว่าเขาจะไม่คิดว่าระดับการบ่มเพาะของคู่ต่อสู้นั้นจะไปถึงระดับครึ่งก้าวราชาสงครามแล้ว แต่เขาก็ยังไม่กล้าที่จะประมาทอย่างน้อย อีกฝ่ายก็เป็นยอดฝีมือขั้นสูงสุดระดับปรมาจารย์ที่แท้จริงคนหนึ่ง แถมยังมียอดฝีมือขั้นสูงระดับปรมาจารย์อีกสองคนคอยสนับสนุนอยู่ข้าง ๆ ถ้าพวกเขาทั้งสามคนนี้ร่วมมือกัน มันจะเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อเขาอย่างไม่ต้องสงสัยเลยในทางกลับกัน เขายังต้องแบ่งสมาธิส่วนหนึ่งไปที่เฝิงรั่วซวงที่ได้รับบาดเจ็บซึ่งอยู่ข้างหลังเขา เขาสามารถรุกคืบได้ แต่ไม่อาจถอยกลับได้ ไม่อย่างนั้นจะตกเป็นฝ่ายรับอย่างแน่นอนสถานการณ์ของทั้งสองฝ่ายขึ้น ๆ ลง ๆ ขอแค่อีกฝ่ายตระหนักได้และคว้าโอกาสนี้ไว้ เขาก็จะพายแพ้ในที่สุด!สรุปก็คือ จากภาพรวมในปัจจุบัน สถานการณ์ทางฝั่งเขานั้นไม่ค่อยดี เขาจำเป็นต้องตัดสินใจอย่างเด็ดขาดและใช้ประโยชน์จากความประมาทของศัตรูที่ยังประเมินเขาต่ำเกินไป พยายามโจมตีอีกฝ่ายให้บาดเจ็บหนักด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว!ด้วยวิธีนี้เท่านั้น เขาถึงจะสามารถพลิกกระแสของการต่อสู้ได้!“ไปตายซะ!”ดวงตาของเหลิ่งยงมีประกายเย็นเยียบวาบผ่านเขาเชื่อว่าความแข็งแกร่งของเขาสูงกว่าของฉินหมิงมาก