ใบหน้าที่สวยงามของหลินหว่านชิงแดงก่ำ เธอพยักหน้าเบา ๆหานซีเป็นเพื่อนสนิทของเธอ พวกเธอเป็นเหมือนพี่สาวน้องสาวกัน เธอจึงไม่มีอะไรต้องปิดบังจากหานซี แถมนี่ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายด้วย เธอยิ่งไม่จำเป็นต้องซ่อนเรื่องนี้“นี่...”หานซีตกใจมากเรื่องนี้มันกะทันหันมากเกินไปหน่อย แม้ว่าเมื่อสักครู่นี้เธอจะได้ยินมันอย่างคลุมเครือแล้วจากด้านนอกประตู แต่เธอก็ยังตกใจเมื่อได้ยินหลินหว่านชิงยอมรับเรื่องนี้ด้วยตนเอง!“เป็นเพราะฉินหมิงช่วยชีวิตเธอไว้ก่อนหน้านี้ เธอก็เลยยอมรับการจีบของเขาหรือเปล่า?”หานซีดูเหมือนจะเข้าใจบางอย่างได้“อื้ม นั่นก็เป็นส่วนหนึ่ง”“ตอนนั้นที่เขาเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยฉัน ฉันรู้สึกประทับใจในตัวเขามาก”“ต่อมาเมื่อเราได้อยู่ด้วยกันและผ่านเรื่องราวต่าง ๆ รวมกันมากขึ้น ฉันก็รู้สึกว่าเขาดีมากในทุก ๆ ด้าน จึงค่อย ๆ ตกหลุมรักเขาโดยไม่รู้ตัว…”หลินหว่านชิงพูดด้วยใบหน้าแดงก่ำเมื่อนึกย้อนไปถึงทุกรายละเอียดระหว่างเธอและฉินหมิงในตอนที่อยู่ด้วยกัน ตั้งแต่ครั้งแรกที่พวกเขาพบกัน จนถึงคำสารภาพรักของฉินหมิงและจูบที่แสนเผด็จการของเขาเมื่อสองวันก่อน ฯลฯทั้งหมดทั้งมวลนี้ ล้วนเป็นความทรงจ
“ขอบคุณนะ…”“ฉันเองก็ขออวยพรให้เธอเจอแฟนในอุดมคติเร็ว ๆ เหมือนกัน”หลินหว่านชิงพูดด้วยรอยยิ้ม“เรื่องของความรู้สึกแบบนี้ ขึ้นอยู่กับโชคชะตา อยากจะหาคนที่ใช่ จะง่ายขนาดนั้นได้ยังไง…?”หานซีฟุ้งซ่านเล็กน้อย เธออดนึกภาพใบหน้าของฉินหมิงในใจไม่ได้ รวมถึงภาพที่เขาดันเธอให้ไปอยู่ข้างหลังเขาและปกป้องเธอเอาไว้อย่างไรก็ตาม น่าเสียดายที่หลังจากผ่านมาหลายปี ไม่ง่ายเลยกว่าจะพบผู้ชายที่ทำให้เธอใจเต้น แต่เขากลับกลายเป็นแฟนหนุ่มของเพื่อนสนิทของเธอนี่จะต้องเป็นการเล่นตลกของพระเจ้าแน่ ๆ ในใจของเธออดไม่ได้รู้สึกตัดพ้อต่อว่าในที่สุดหลินหว่านชิงก็สังเกตเห็นบางสิ่งแปลก ๆ เกี่ยวกับหานซี เธออดไม่ได้ถามด้วยน้ำเสียงสับสนว่า "ซีซี เธอเป็นอะไรไป? กำลังคิดอะไรอยู่เหรอ?"“อ๋อ ไม่มีอะไร…”“พอดีฉันกำลังคิดถึงเรื่องงานอยู่น่ะ เรามาคุยเรื่องงานกันดีกว่า”หลังจากที่หานซีรู้สึกตัวแล้ว เธอก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างรวดเร็ว……ในอีกด้านหนึ่งหลังจากที่ฉินหมิงออกจากบริษัท เขาก็ขี่มอเตอร์ไซค์ตรงไปที่บลูมูน บาร์บาร์แห่งนี้เป็นถิ่นของเนี่ยอู๋ ภายใต้การนำของลูกน้องหลายคนของเขา ในที่สุดฉินหมิงก็ได้พบกับเนี่ยอู
อย่างไรก็ตาม ปริมาณเม็ดยาหลอมลมปราณชุดแรกที่หลอมโดยหมิงเหยากรุ๊ปนั้นมีจำกัด ท้ายที่สุดแม้แต่คนใหญ่คนโตมากมายก็ยังทำได้เพียงกลับบ้านไปมือเปล่า โอกาสที่จะหลุดมาถึงเขานั้นยิ่งน้อยไปกันใหญ่ ดังนั้นไม่ว่าเขาจะเข้าร่วมหรือไม่จึงไม่มีความหมายเลยแม้แต่น้อยส่วนเฝิงหลุน ได้ยินมาว่าครั้งนี้เขาซื้อยาหลอมลมปราณได้เป็นจำนวนมาก จึงกลับบ้านไปพร้อมกับของเต็มไม้เต็มมือน่าเสียดายที่เขาไม่ใช่ลูกน้องของราชาแดนใต้แต่ถึงแม้ราชาแดนใต้จะแจกจ่ายเม็ดยาหลอมลมปราณเหล่านี้ ก็ตกไม่ถึงมือเขาอยู่ดี!ความหวังเดียวของเขาในตอนนี้ก็คือหมิงเหยากรุ๊ปสามารถหลอมยาหลอมลมปราณชุดที่สองโดยเร็วที่สุด ถึงตอนนั้นเขาอาจจะมีโอกาสซื้อมันได้บ้าง“วางใจเถอะ ยาส่วนของนายฉันเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว!”ฉินหมิงพูดด้วยรอยยิ้ม หยิบขวดบรรจุยาหลอมลมปราณออกมาขวดหนึ่งแล้วมอบให้เนี่ยอู๋“นายน้อยฉิน เป็นไปได้ไหมว่า...นี่คือยาหลอมลมปราณ?”เนี่ยอู๋เปิดฝาขวดกระเบื้องเคลือบและมองดูยาสีขาวที่อยู่ข้างใน สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ“ถูกต้อง มียาหลอมลมปราณระดับหนึ่งทั้งหมดหนึ่งร้อยเม็ดในนี้ ฉันเตรียมไว้ให้นายโดยเฉพาะ”ฉินหมิงยิ้มและพยักหน้
แต่ตอนนี้ เฝิงหลุนกลับใช้เงินมากกว่าสองร้อยล้านหยวนเพื่อซื้อของที่ไร้ประโยชน์กองหนึ่ง นี่ไม่ใช่ทำเรื่องเหลวไหลแล้วจะเป็นอะไรได้อีก?แม้ว่าภูมิหลังทางตระกูลของเขาจะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่อาจทนต่อการใช้จ่ายที่สุรุ่ยสุร่ายขนาดนี้ของเฝิงหลุนลูกชายเขาได้!“พ่อ อย่าเพิ่งโกรธ ฟังสิ่งที่ผมพูดให้จบก่อน…”“ผมเคยบอกพ่อไปก่อนหน้านี้แล้วนี่ว่ายาหลอมลมปราณของหมิงเหยากรุ๊ปนั้นมีประสิทธิภาพมากจริง ๆ”“ครั้งนี้เพื่อที่จะแย่งซื้อยาหลอมลมปราณ พ่อไม่รู้หรอกว่าพวกผู้มีอำนาจตีกันหนักแค่ไหน โชคดีที่นายน้อยฉินบอกข้อมูลภายในกับผมก่อนล่วงหน้า ผมจึงลงมือได้เร็ว นำหน้าคนอื่น ๆ ไปก้าวหนึ่ง…”เฝิงหลุนอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้นอย่างกระชับและรวดเร็ว“แกกำลังบอกฉันว่า ขุมกำลังและตระกูลใหญ่มากมายล้วนแย่งกันซื้อยาหลอมลมปราณนี้?“เรื่องจริงหรือหลอกกัน?”เฝิงเจิ้นเซิงทั้งตกใจและดูสับสนมาก“จริงแท้แน่นอนที่สุด!”“ถ้าพ่อไม่เชื่อ ก็ถามพวกเขาได้เลย”เฝิงหลุนชี้ไปยังคนที่อยู่ข้างหลังเขาแล้วพูด“นายน้อยพูดถูกแล้วครับ”“นายท่าน ครั้งนี้พวกเราเป็นพยานได้จริง ๆ ว่าการขายยาหลอมลมปราณในวันนี้นั้นดุเดือดมาก ทุกตระกูล
“เมื่อก่อนฉันคิดว่าแกยังเด็ก ใจร้อน จึงไม่อาจแบกรับภาระเพียงลำพังได้”“แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าแกจะฉลาดมาก ไม่ทำให้ฉันผิดหวังเลย!”เฝิงเจิ้นเซิงตบไหล่ลูกชายของเขาแล้วชื่นชมอย่างไม่ลังเลใจหลังจากที่ได้รับการยอมรับจากพ่อของเขาแล้ว มุมปากของเฝิงหลุนก็ยกขึ้นเล็กน้อย เขาอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มที่มีความสุขบนใบหน้าของเขาคฤหาสน์ตระกูลหลินนายท่านหลินกำลังรำไทเก๊กอยู่ที่สนามหญ้า ขณะที่หลินเถิงฮุ่ยเดินเข้ามาจากด้านนอกด้วยใบหน้าดำคล้ำ“เถิงฮุ่ย กลับมาแล้วเหรอ เรื่องที่ฉันขอให้แกตรวจสอบเกี่ยวกับตระกูลซูเป็นยังไงบ้าง?”นายท่านหลินหยุดการเคลื่อนไหวของตัวเองแล้วถาม“พ่อครับ ผมตรวจสอบชัดเจนแล้ว คำโฆษณาของตระกูลซูนั้นเป็นของจริง ผลของยาหลอมลมปราณนั้นดีจริง ๆ ดีกว่าที่พวกเราจินตนาการไว้มากโขเลย…”หลินเถิงฮุ่ยสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พยายามระงับความหงุดหงิดในใจลงชั่วคราว จากนั้นจึงเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในพิธีเปิดของหมิงเหยากรุ๊ป รวมถึงการทะลวงระดับของกว่านโม๋ในที่สาธารณะด้วย“แกกำลังบอกฉันว่ายาหลอมลมปราณนี้ไม่เพียงแต่จะสามารถช่วยผู้ฝึกยุทธเร่งความเร็วในการบ่มเพาะได้เท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผู้ฝึกยุทธทะล
เมื่อถึงตอนนั้น บวกกับศักยภาพในการพัฒนาเศรษฐกิจของกลุ่มธุรกิจอานิวสทรี กรุ๊ป การที่ตระกูลหลินจะขึ้นมาเป็นผู้ปกครองเมืองเจียงเฉิงก็อยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้ว!นี่เป็นความฝันของตระกูลหลินมานานหลายปีแล้ว รวมทั้งเป็นความฝันของอีกสามตระกูลใหญ่ด้วยเหมือน!อย่างไรก็ตาม นายท่านหลินและหลินเถิงฮุ่ยคงไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่ายอดปรมาจารย์ที่พวกเขากำลังตามหาอยู่นั้น จะเป็นฉินหมิง!น่ากลัวว่าแม้แต่ฉินหมิงเองก็อาจคิดไม่ถึงเหมือนกันในตอนแรก เขาแค่อยากจะหาเงินจากเม็ดยานี้ แต่เขาไม่รู้เลยว่ายาหลอมลมปราณจะกลายเป็นตัวแปรสำคัญที่สามารถเปลี่ยนสถานการณ์โดยรวมในสายตาของเหล่าผู้มีอำนาจทั้งปวง!ถ้าเขารู้แต่แรกว่าตระกูลหลินจะให้ความสำคัญกับยาหลอมลมปราณมากขนาดนี้ เขาคงใช้มันเพื่อเข้าหาตระกูลหลินไปนานแล้ว จะกังวลอยู่ทุกวันทำไมว่าตระกูลหลินจะยอมรับเรื่องของเขากับหลินหว่านชิงหรือไม่?อย่างไรก็ตาม นี่อาจจะไม่ใช่เรื่องเลวร้ายสำหรับเขาท้ายที่สุดแล้ว หมิงเหยากรุ๊ปคือกิจการแห่งแรกของเขา แทนที่จะพึ่งพาตระกูลหลิน ไม่สู้เขาพัฒนาธุรกิจของตัวเองจะได้มีหลักประกันที่มั่นคงในอนาคตแทนล่ะ!“พ่อครับ เรื่องตรวจสอบยอดปรมาจารย์ยังไม่
“ทำไมต้องแยกพวกเขาออกจากกันด้วย”นายท่านหลินเหลือบมองหลินเถิงฮุ่ยเบา ๆหลินเถิงฮุ่ยถูกคำถามนี้ของพ่อเข้าไป ทำเอานิ่งงันไปแล้ว “พ่อ ฉินหมิงเป็นแค่เด็กกำพร้าและไม่มีภูมิหลังอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเคยผ่านการหย่าร้างมาแล้วด้วย เขาจะคู่ควรกับหว่านชิงได้ยังไง?"“เราจะให้หว่านชิงคบกับเขาไม่ได้เด็ดขาดนะครับ!”“นับแต่โบราณมา วีรบุรุษไม่เคยเอ่ยถึงต้นกำเนิดของพวกเขา!”“ตราบเท่าที่เขามีความสามารถ เป็นเด็กกำพร้ารึเปล่ามันสำคัญด้วยเหรอ?”“ส่วนเรื่องที่ว่าเคยหย่าร้าง นี่เป็นเรื่องปกติในสังคมสมัยใหม่ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเหมือนกัน!”นายท่านหลินไพล่มือไว้ข้างหลังแล้วพูดอย่างใจเย็น“แต่ว่า…”หลินเถิงฮุ่ยตะลึงงันไปแล้ว เขาไม่เคยคิดฝันมาก่อนเลยว่าพ่อของเขาจะไม่คัดค้านเรื่องนี้“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น!”“อย่างที่แกพูดไปเมื่อสักครู่นี้ ระดับการบ่มเพาะของเขาไร้คู่ต่อกรในหมู่คนรุ่นใหม่ของเมืองเจียงเฉิงแล้ว”“เนื่องจากเขายังมีความสามารถอยู่บ้าง ไม่เป็นไรถ้าเราจะให้โอกาสเขาสักครั้ง…”ขณะที่นายท่านหลินกำลังพูด จู่ ๆ เขาก็ตื่นตัวและมองไปรอบ ๆ สายตาอันคมกริบของเขาจับจ้องไปทางมุมด้านหลังแปล
“เธอหมายความว่าเขาจงใจฆ่าคนปิดปากเหรอ?!”สีหน้าของหลินเถิงฮุ่ยเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เข้าใจความหมายในคำพูดของภรรยาทันทีในตอนนี้เอง แม้แต่นายท่านหลินที่นิ่งเฉยมาโดยตลอดก็ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้อีกต่อไป เขาผุดลุกขึ้น คำรามเสียงดังลั่น ใบหน้ามืดมนและน่ากลัว “ไป่จิ้ง ความหมายของเธอก็คือ การลักพาตัวหว่านชิงครั้งล่าสุดนี้น่าจะมีอะไรบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับฉินหมิงงั้นเหรอ?”“ฉันไม่รู้หรอกค่ะ ฉันแค่คิดว่าพฤติกรรมของฉินหมิงคนนี้น่าสงสัยมาก แต่ก็พูดได้ไม่เต็มปากว่าการลักพาตัวหว่านชิงเกี่ยวข้องกับเขาจริง ๆ”ไป่จิ้งพูดอย่างคลุมเครือ“พ่อ มีสัญญาณหลายอย่างมากที่บ่งบอกว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับเขา!”“บางทีเขาอาจเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังแผนการลักพาตัวหว่านชิง!”หลินเถิงฮุ่ยพูดด้วยความโกรธ“ไม่น่าจะเป็นไปได้มั้ง?”“เขาช่วยชีวิตฉันไว้ก่อนหน้านี้ ถ้าเขาเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลัง และมีเจตนาร้ายต่อหว่านชิงหรือตระกูลหลินของเราจริง ๆ แล้วเขาจะช่วยฉันไว้ทำไม?”นายท่านหลินเอ่ยอย่างสับสนและไม่แน่ใจเมื่อนึกถึงว่าฉินหมิงเคยช่วยชีวิตของตัวเองไว้ เขาก็สงบสติอารมณ์ลงมากและรู้สึกอย่างคลุมเครือว่าเขา