ในเวลานี้เอง จู่ ๆ ชายคนหนึ่งก็เดินออกมาจากด้านหลังของเฝิงหลุนชายคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น เขาก็คือพยัคฆ์ภูเขาเนี่ยอู๋!“นายน้อยเฝิง ได้โปรดใจเย็น ๆ ก่อนเถอะครับ”“ผมขอแนะนำให้คุณรู้จัก นี่คือนายน้อยฉิน เขาก็คือนายน้อยฉินหมิงคนนั้นที่ผมพูดถึงก่อนหน้านี้!”“เขาไม่เพียงแต่เป็นยอดฝีมือระดับปรมาจารย์เท่านั้น ยังมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตระกูลซูซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่อีกด้วย”“คุณชายใหญ่ของตระกูลซูซูห่าวและคุณหนูใหญ่ซูซินเหยา ล้วนเป็นเพื่อนของเขา” เนี่ยอู๋แนะนำ“ว่าไงนะ?”“เขาก็คือนายน้อยฉินคนนั้น!”เฝิงหลุนตกใจมากหลายคนรู้ดีว่าระดับลมปราณของเนี่ยอู๋ก่อนหน้านี้อยู่ที่ขั้นสูงสุดระดับมานะสร้างเท่านั้น แต่ครั้งก่อนที่เขาขัดแย้งกับเสือมีปีกหลัวซื่อฉง ระดับลมปราณของเขากลับพุ่งพรวดขึ้นมา เลื่อนขึ้นไปอยู่ในขั้นกลางระดับสวรรค์ประทานแล้วในเวลาเพียงไม่กี่วัน ระดับการบ่มเพาะของเนี่ยอู๋ก็ทะลวงขึ้นมาถึงสองขั้นติด นี่เป็นสิ่งที่น่าทึ่งมากสำหรับผู้ฝึกยุทธ!หลังจากที่เฝิงหลุนรับรู้เรื่องนี้ เขาก็เริ่มสนใจทันทีเขาโทรหาเนี่ยอู๋อย่างไม่รอช้าเพื่อถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ จากคำบอกเล่าของเนี่ยอู๋ เขารู
นี่น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว?อย่างไรก็ตามเมื่อคิดถึงคำพูดของเนี่ยอู๋ที่เพิ่งใช้แนะนำ พวกเขาก็ได้สติขึ้นมา เมื่อกี้นี้เนี่ยอู๋พูดอย่างชัดเจนแล้วว่าฉินหมิงเป็นยอดฝีมือระดับปรมาจารย์และมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตระกูลซูนายน้อยโหว เจียงหลาน และคนอื่น ๆ ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ ย่อมไม่เข้าใจว่าระดับปรมาจารย์นั้นหมายถึงอะไร แต่ตระกูลซูซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ เป็นตระกูลที่ร่ำรวยอันดับต้น ๆ ของเมืองเจียงเฉิน พวกเขามีชื่อเสียงมานานมากแล้ว!ฉินหมิงถึงกับปีนขึ้นไปเกาะตระกูลซูได้ เขาจะยังไร้ค่าและเป็นขยะในสายตาของพวกตนอีกเหรอ!เป็นไปได้ไหมว่า...จริง ๆ แล้วฉินหมิงคนนี้คือบุคคลที่ทรงอำนาจมากคนหนึ่ง?นายน้อยโหว เจียงหลาน และคนอื่น ๆ ตกตะลึง ในที่สุดพวกเขาก็ได้สติกลับมา แต่ละคนตกใจและโง่งมไปโดยสิ้นเชิง!“นายน้อยเฝิง คุณ...คุณสุภาพมากเกินไปแล้วครับ ผมไม่กล้ารับหรอก”ฉินหมิงไม่คิดว่าเฝิงหลุนจะก้มหัวและขอโทษเขา เขาจึงลนลานนิดหน่อยแต่เขาก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าเฝิงหลุนมีเจตนาที่จะแสดงความเป็นมิตรต่อเขา ไม่คิดที่จะเป็นศัตรูกับเขาอีกต่อไปนี่เป็นสิ่งที่เขาต้องการพอดี!“นายน้อยฉิน ได้รู้จักกับบุคค
“นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย คุณไม่จำเป็นต้องคุกเข่าทำให้เรื่องใหญ่โตขนาดนี้”“แต่ผมอยากจะขอเตือนคุณสักคำ หวังว่าคุณจะไม่ทำตัวเผด็จการขนาดนี้อีกในอนาคต” ฉินหมิงพูดเขาไม่ใช่คนใจแคบ ยิ่งไม่มีความคิดที่จะเอาเรื่องจ้าวหงเซิงยิ่งไปกว่านั้น คำขอโทษของจ้าวหงเซิงนั้นจริงใจมาก เขายิ่งไม่มีทางเอาเรื่องอีกฝ่าย“ขอบคุณครับ ขอบคุณนายน้อยฉินที่ใจกว้าง…”จ้าวหงเซิงเหมือนได้รับการนิรโทษกรรม ตอนนี้ถึงกล้าลุกขึ้นยืน“จ้าวหงเซิง พูดมาสิ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”“ทำไมนายถึงขัดแย้งกับนายน้อยฉินได้?”เฝิงหลุนถามอย่างใจเย็นแม้ว่าฉินหมิงจะให้อภัยจ้าวหงเซิงแล้ว แต่เขาก็ยังอยากรู้ให้แน่ชัดว่ามันเกิดอะไรขึ้นถ้าเกิดจ้าวหงเซิงทำอะไรที่ผิดจรรยาบรรณและชั่วร้ายลงไป แม้ว่าฉินหมิงจะให้อภัยจ้าวหงเซิง แต่เขาจะไม่ปล่อยจ้าวหงเซิงไปง่าย ๆ แน่นอน!“เรื่องเป็นแบบนี้ครับ…”จ้าวหงเซิงไม่กล้าปิดบัง เล่าทุกอย่างออกมาจนหมดตั้งแต่ต้น รวมถึงความขัดแย้งระหว่างฉินหมิงและนายน้อยโหวด้วยเมื่อสักครู่นี้นายน้อยโหวเพิ่งบอกเขาว่า เป็นเพราะลูกน้องของนายน้อยโหวกับฉินหมิงขัดแย้งกัน ถึงได้ทำให้ประตูห้องส่วนตัวพัง“โหวเอนเตอ
ทั้งหมดนี้ ตีเกราะป้องกันทางจิตใจที่เปราะบางของเขาจนพ่ายแพ้ยับเยิน“อ่อนแอซะจริง!”“ต่อให้แกโขกจนหัวแตกมันก็ไม่มีประโยชน์หรอก!”เฝิงหลุนมองนายน้อยโหวด้วยสายตาเย็นชา สีหน้ามีแต่ความดูถูกเหยียดหยามในตอนแรกเขาคิดว่านายน้อยโหวกล้าหาญมากถึงได้กล้าที่จะมีเรื่องกับฉินหมิง กว่าครึ่งคงเป็นตัวตนประเภทยอมหักแต่ไม่ยอมงอ อย่างน้อยก็น่าจะหยิ่งในศักดิ์ศรีแต่ต่อให้เขาฝัน เขาก็ไม่คิดมาก่อนว่าอีกฝ่ายกลับเป็นเพียงคนขี้ขลาด!ในโลกใต้ดิน แต่ไหนแต่ไรมาก็เคารพลูกผู้ชายที่มีจิตใจแข็งแกร่ง ถ้านายน้อยโหวจิตใจเข้มแข็งมากกว่านี้อีกสักนิด เขาอาจจะมองในแง่ดีมากขึ้นแต่นายน้อยโหวไม่สมกับเป็นลูกผู้ชายขนาดนี้ มีแต่จะทำให้เขาดูถูกดูแคลน!เมื่อเห็นว่าเฝิงหลุนไม่สะทกสะท้าน นายน้อยโหวก็หนาวสั่นไปทั้งหัวใจอย่างไรก็ตาม สติปัญญาบังเกิดขึ้นท่ามกลางความร้อนรน เขาตระหนักถึงปมสำคัญของเรื่องนี้ได้อย่างรวดเร็ว ครั้งนี้เฝิงหลุนออกหน้าแทนฉินหมิง ถ้างั้นคนที่จะกำหนดความเป็นความตายของโหวเอนเตอร์ไพรส์ของพวกเขาที่แท้จริงก็คือฉินหมิง!“นายน้อยฉิน เมื่อกี้นี้เป็นผมที่มีตาแต่ไร้แวว ล่วงเกินคุณหลายต่อหลายครั้ง ผมขอโทษครับ…”“ค
อย่างไรก็ตาม เขาเพิ่งตกลงที่จะให้เฝิงหลุนช่วยจัดการกับเรื่องนี้ ถ้าเขากลับกลับคำในตอนนี้ มันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะทำให้เฝิงหลุนเสียหน้า ซึ่งไม่ค่อยเหมาะสมเลยเมื่อเห็นว่าฉินหมิงดูเหมือนจะพูดง่ายกว่าเฝิงหลุนมาก นายน้อยโหวย่อมไม่ละทิ้งโอกาสนี้ ในขณะที่เขาขอร้องอย่างไม่ลดละ เขาก็ลอบขยิบตาให้เฉิงซิ่งอย่างเงียบ ๆ หวังว่าเฉิงซิ่งจะช่วยขอร้องแทนเขาด้วยเฉิงซิ่งเข้าใจในทันทีว่านายน้อยโหวหมายถึงอะไรแม้ว่าเขาอยากจะปกป้องตัวเอง ไม่อยากเข้าไปย่ำในบ่อน้ำโคลนนี้ แต่โหวเอนเตอร์ไพรส์เป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของตระกูลเขา บริษัทเล็ก ๆ ของเขายังจำเป็นต้องพึ่งพาโหวเอนเตอร์ไพรส์เพื่อความอยู่รอดถ้ากิจการของโหวเอนเตอร์ไพรส์ถูกเฝิงหลุนทำลายจริง ๆ บริษัทเล็ก ๆ ของเขาก็จะจบสิ้นไปด้วย!ในทางกลับกัน ถ้าเขาสามารถช่วยนายน้อยโหวให้ผ่านพ้นจากความยากลำบากในครั้งนี้ วันข้างหน้านายน้อยโหวจะไม่ปฏิบัติต่อเขาอย่างเลวร้ายแน่นอน และด้วยความช่วยเหลือจากโหวเอนเตอร์ไพรส์ การที่บริษัทเล็ก ๆ ของเขาจะเจริญรุ่งเรืองก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น!เพื่อผลกำไร เฉิงซิ่งกัดฟันและตัดสินใจลองสักตั้ง!“เยี่ยนเยี่ยน เธอช่วยขอร้อง
“ฉินหมิง นายน้อยโหวคนนี้หัวแตกแล้ว เขาคงรู้ถึงความผิดของตัวเองแล้วล่ะค่ะ”“เรื่องนี้เราพอแค่นี้กันเถอะ?”หลี่เจียฮุ่ยเดินไปหยุดอยู่ข้าง ๆ ฉินหมิงและขอร้องแทนนายน้อยโหว“อืม ได้ครับ”ฉินหมิงลังเลเล็กน้อยและพูดเดิมทีเขาก็ไม่มีความตั้งใจที่จะบีบนายน้อยโหวให้ตายอยู่แล้ว ตอนนี้เมื่อหลี่เจียฮุ่ยออกหน้าขอร้องเอง เขาจึงตอบตกลง“นายน้อยเฝิง ขอบคุณมากจริง ๆ นะครับสำหรับเรื่องนี้ ผมจดจำหนี้น้ำใจของคุณในครั้งนี้ไว้แล้ว”“อย่างไรก็ตาม ให้อภัยได้ก็ให้อภัยไป ตามความเห็นผม นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ครั้งนี้เราไว้ชีวิตเขาสักครั้งเถอะ”ฉินหมิงกล่าวแม้ว่านี่จะเป็นเหมือนการฉีกหน้าเฝิงหลุนเล็กน้อย แต่เขาก็แสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่าเขายอมรับน้ำใจนี้ของเขาแล้ว ดังนั้นเฝิงหลุนคงไม่ถึงกับโกรธเพราะเรื่องเล็กน้อยแบบนี้“ได้ครับ งั้นก็ทำตามที่นายน้อยฉินว่าก็แล้วกัน”เฝิงหลุนตรงไปตรงมามากจุดประสงค์หลักของเขาก็คือการทำให้ฉินหมิงติดหนี้น้ำใจเขา ในเมื่อฉินหมิงรับหนี้น้ำใจนี้ไปแล้ว สิ่งอื่น ก็ล้วนไม่สำคัญ“เอาล่ะ แกไสหัวไปได้แล้ว!”เฝิงหลุนมองไปที่นายน้อยโหวแล้วตวาดอย่างเย็นชา“ครับ ครับ ขอบคุณนายน้อยฉิน
ครั้งที่แล้ว เขาแค่รักษาอาการบาดเจ็บที่ซ่อนเร้นอยู่ในเส้นลมปราณของเนี่ยอู๋ ลมปราณที่สะสมอยู่ในร่างกายของเนี่ยอู๋เป็นเวลาหลายปีก็ระเบิดออกมา เขาจึงสามารถทะลวงผ่านสองระดับในคราวเดียวได้แต่เฝิงหลุนไม่มีอาการบาดเจ็บแอบแฝง แล้วเขาจะช่วยให้เฝิงหลุนทะลวงระดับได้ยังไงนอกจากนี้ ระดับการบ่มเพาะของเขานั้นก็ยังอยู่แค่ขั้นกลางระดับมานะสร้างเท่านั้น ด้อยกว่าเฝิงหลุนซึ่งอยู่ในขั้นต้นระดับสวรรค์ประทานมากแม้ว่าเขาอยากจะให้คำปรึกษาแก่เฝิงหลุน แต่เขาก็ไม่มีความสามารถนั้น“เป็นแบบนี้นี่เอง ดูเหมือนว่าผมจะคิดมากเกินไป...”เฝิงหลุนรู้สึกผิดหวังในความเป็นจริง เขารู้ดีอยู่แล้วว่าการฝึกฝนวรยุทธนั้นจำเป็นต้องค่อย ๆ ฝึกไปทีละขั้นอย่างมั่นคง มันไม่มีทางลัดครั้งก่อนที่ฉินหมิงชี้แนะเนี่ยอู๋ทำให้เขาทะลวงระดับได้นั้น กว่าครึ่งน่าจะมีเรื่องที่คนอื่นไม่รู้แอบแฝงอยู่ สิ่งนี้ไม่สามารถลอกเลียนแบบได้มิฉะนั้น ถ้าฉินหมิงสามารถชี้แนะทุกคนให้ทะลวงระดับได้ตามแต่ที่ต้องการจริง ๆ นั่นมันก็น่าอัศจรรย์เกินไปแล้ว!เมื่อเห็นท่าทางผิดหวังอย่างมากของเฝิงหลุน ฉินหมิงก็ทนไม่ไหวยังไงซะอีกฝ่ายเพิ่งช่วยเขา ตอนนี้เขากลับไม่ส
ฉินหมิงส่ายหัวและปฏิเสธอย่างสุภาพยาหลอมลมปราณบนตัวเขา เป็นยาหลอมลมปราณขั้นสูงสุดที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดเขาต้องการเก็บยานี้ไว้ใช้เองและมอบให้กับหลินหว่านชิงและเซี่ยเสี่ยวเตี๋ย จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะขายให้กับคนอื่นเมื่อสักครู่นี้ที่เขาเต็มใจมอบให้กับเฝิงหลุนหนึ่งเม็ด ก็เพื่อตอบแทนน้ำใจของเฝิงหลุน“ขายให้สักนิดไม่ได้เลยเหรอครับ?”“ความต้องการของผมไม่ได้สูงมาก แค่สามหรือห้าเม็ดก็พอแล้ว…”เฝิงหลุนพูดอย่างไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าฉินหมิงได้รับยาหลอมลมปราณมาจากที่ใด แต่เขารู้ว่ายาหลอมลมปราณเหล่านี้เป็นสิ่งที่วิเศษมากสำหรับผู้ฝึกยุทธ และจะต้องเป็นของหายากและล้ำค่ามาก เป็นเรื่องปกติที่ฉินหมิงจะไม่ขายมันอย่างไรก็ตาม เมื่อสักครู่นี้เขาเห็นลาง ๆ แล้วว่ามียาหลอมลมปราณอย่างน้อยหลายสิบเม็ดในขวดกระเบื้องเคลือบสีขาวหยกของฉินหมิงตราบเท่าที่ฉินหมิงเต็มใจขายยาให้เขาสองสามเม็ด เพียงพอให้เขาทะลวงระดับไปได้อย่างราบรื่นและโดยเร็วที่สุด เขาเองก็ไม่กล้าเรียกร้องมากเกินไป“นายน้อยเฝิง คุณไม่ต้องใจร้อนไปหรอกครับ ถ้าคุณอยากได้ยาหลอมลมปราณจริง ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องยาก”“ตระกูลซูเพิ่งก่อตั