ทั้งหมดนี้ ตีเกราะป้องกันทางจิตใจที่เปราะบางของเขาจนพ่ายแพ้ยับเยิน“อ่อนแอซะจริง!”“ต่อให้แกโขกจนหัวแตกมันก็ไม่มีประโยชน์หรอก!”เฝิงหลุนมองนายน้อยโหวด้วยสายตาเย็นชา สีหน้ามีแต่ความดูถูกเหยียดหยามในตอนแรกเขาคิดว่านายน้อยโหวกล้าหาญมากถึงได้กล้าที่จะมีเรื่องกับฉินหมิง กว่าครึ่งคงเป็นตัวตนประเภทยอมหักแต่ไม่ยอมงอ อย่างน้อยก็น่าจะหยิ่งในศักดิ์ศรีแต่ต่อให้เขาฝัน เขาก็ไม่คิดมาก่อนว่าอีกฝ่ายกลับเป็นเพียงคนขี้ขลาด!ในโลกใต้ดิน แต่ไหนแต่ไรมาก็เคารพลูกผู้ชายที่มีจิตใจแข็งแกร่ง ถ้านายน้อยโหวจิตใจเข้มแข็งมากกว่านี้อีกสักนิด เขาอาจจะมองในแง่ดีมากขึ้นแต่นายน้อยโหวไม่สมกับเป็นลูกผู้ชายขนาดนี้ มีแต่จะทำให้เขาดูถูกดูแคลน!เมื่อเห็นว่าเฝิงหลุนไม่สะทกสะท้าน นายน้อยโหวก็หนาวสั่นไปทั้งหัวใจอย่างไรก็ตาม สติปัญญาบังเกิดขึ้นท่ามกลางความร้อนรน เขาตระหนักถึงปมสำคัญของเรื่องนี้ได้อย่างรวดเร็ว ครั้งนี้เฝิงหลุนออกหน้าแทนฉินหมิง ถ้างั้นคนที่จะกำหนดความเป็นความตายของโหวเอนเตอร์ไพรส์ของพวกเขาที่แท้จริงก็คือฉินหมิง!“นายน้อยฉิน เมื่อกี้นี้เป็นผมที่มีตาแต่ไร้แวว ล่วงเกินคุณหลายต่อหลายครั้ง ผมขอโทษครับ…”“ค
อย่างไรก็ตาม เขาเพิ่งตกลงที่จะให้เฝิงหลุนช่วยจัดการกับเรื่องนี้ ถ้าเขากลับกลับคำในตอนนี้ มันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะทำให้เฝิงหลุนเสียหน้า ซึ่งไม่ค่อยเหมาะสมเลยเมื่อเห็นว่าฉินหมิงดูเหมือนจะพูดง่ายกว่าเฝิงหลุนมาก นายน้อยโหวย่อมไม่ละทิ้งโอกาสนี้ ในขณะที่เขาขอร้องอย่างไม่ลดละ เขาก็ลอบขยิบตาให้เฉิงซิ่งอย่างเงียบ ๆ หวังว่าเฉิงซิ่งจะช่วยขอร้องแทนเขาด้วยเฉิงซิ่งเข้าใจในทันทีว่านายน้อยโหวหมายถึงอะไรแม้ว่าเขาอยากจะปกป้องตัวเอง ไม่อยากเข้าไปย่ำในบ่อน้ำโคลนนี้ แต่โหวเอนเตอร์ไพรส์เป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของตระกูลเขา บริษัทเล็ก ๆ ของเขายังจำเป็นต้องพึ่งพาโหวเอนเตอร์ไพรส์เพื่อความอยู่รอดถ้ากิจการของโหวเอนเตอร์ไพรส์ถูกเฝิงหลุนทำลายจริง ๆ บริษัทเล็ก ๆ ของเขาก็จะจบสิ้นไปด้วย!ในทางกลับกัน ถ้าเขาสามารถช่วยนายน้อยโหวให้ผ่านพ้นจากความยากลำบากในครั้งนี้ วันข้างหน้านายน้อยโหวจะไม่ปฏิบัติต่อเขาอย่างเลวร้ายแน่นอน และด้วยความช่วยเหลือจากโหวเอนเตอร์ไพรส์ การที่บริษัทเล็ก ๆ ของเขาจะเจริญรุ่งเรืองก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น!เพื่อผลกำไร เฉิงซิ่งกัดฟันและตัดสินใจลองสักตั้ง!“เยี่ยนเยี่ยน เธอช่วยขอร้อง
“ฉินหมิง นายน้อยโหวคนนี้หัวแตกแล้ว เขาคงรู้ถึงความผิดของตัวเองแล้วล่ะค่ะ”“เรื่องนี้เราพอแค่นี้กันเถอะ?”หลี่เจียฮุ่ยเดินไปหยุดอยู่ข้าง ๆ ฉินหมิงและขอร้องแทนนายน้อยโหว“อืม ได้ครับ”ฉินหมิงลังเลเล็กน้อยและพูดเดิมทีเขาก็ไม่มีความตั้งใจที่จะบีบนายน้อยโหวให้ตายอยู่แล้ว ตอนนี้เมื่อหลี่เจียฮุ่ยออกหน้าขอร้องเอง เขาจึงตอบตกลง“นายน้อยเฝิง ขอบคุณมากจริง ๆ นะครับสำหรับเรื่องนี้ ผมจดจำหนี้น้ำใจของคุณในครั้งนี้ไว้แล้ว”“อย่างไรก็ตาม ให้อภัยได้ก็ให้อภัยไป ตามความเห็นผม นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ครั้งนี้เราไว้ชีวิตเขาสักครั้งเถอะ”ฉินหมิงกล่าวแม้ว่านี่จะเป็นเหมือนการฉีกหน้าเฝิงหลุนเล็กน้อย แต่เขาก็แสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่าเขายอมรับน้ำใจนี้ของเขาแล้ว ดังนั้นเฝิงหลุนคงไม่ถึงกับโกรธเพราะเรื่องเล็กน้อยแบบนี้“ได้ครับ งั้นก็ทำตามที่นายน้อยฉินว่าก็แล้วกัน”เฝิงหลุนตรงไปตรงมามากจุดประสงค์หลักของเขาก็คือการทำให้ฉินหมิงติดหนี้น้ำใจเขา ในเมื่อฉินหมิงรับหนี้น้ำใจนี้ไปแล้ว สิ่งอื่น ก็ล้วนไม่สำคัญ“เอาล่ะ แกไสหัวไปได้แล้ว!”เฝิงหลุนมองไปที่นายน้อยโหวแล้วตวาดอย่างเย็นชา“ครับ ครับ ขอบคุณนายน้อยฉิน
ครั้งที่แล้ว เขาแค่รักษาอาการบาดเจ็บที่ซ่อนเร้นอยู่ในเส้นลมปราณของเนี่ยอู๋ ลมปราณที่สะสมอยู่ในร่างกายของเนี่ยอู๋เป็นเวลาหลายปีก็ระเบิดออกมา เขาจึงสามารถทะลวงผ่านสองระดับในคราวเดียวได้แต่เฝิงหลุนไม่มีอาการบาดเจ็บแอบแฝง แล้วเขาจะช่วยให้เฝิงหลุนทะลวงระดับได้ยังไงนอกจากนี้ ระดับการบ่มเพาะของเขานั้นก็ยังอยู่แค่ขั้นกลางระดับมานะสร้างเท่านั้น ด้อยกว่าเฝิงหลุนซึ่งอยู่ในขั้นต้นระดับสวรรค์ประทานมากแม้ว่าเขาอยากจะให้คำปรึกษาแก่เฝิงหลุน แต่เขาก็ไม่มีความสามารถนั้น“เป็นแบบนี้นี่เอง ดูเหมือนว่าผมจะคิดมากเกินไป...”เฝิงหลุนรู้สึกผิดหวังในความเป็นจริง เขารู้ดีอยู่แล้วว่าการฝึกฝนวรยุทธนั้นจำเป็นต้องค่อย ๆ ฝึกไปทีละขั้นอย่างมั่นคง มันไม่มีทางลัดครั้งก่อนที่ฉินหมิงชี้แนะเนี่ยอู๋ทำให้เขาทะลวงระดับได้นั้น กว่าครึ่งน่าจะมีเรื่องที่คนอื่นไม่รู้แอบแฝงอยู่ สิ่งนี้ไม่สามารถลอกเลียนแบบได้มิฉะนั้น ถ้าฉินหมิงสามารถชี้แนะทุกคนให้ทะลวงระดับได้ตามแต่ที่ต้องการจริง ๆ นั่นมันก็น่าอัศจรรย์เกินไปแล้ว!เมื่อเห็นท่าทางผิดหวังอย่างมากของเฝิงหลุน ฉินหมิงก็ทนไม่ไหวยังไงซะอีกฝ่ายเพิ่งช่วยเขา ตอนนี้เขากลับไม่ส
ฉินหมิงส่ายหัวและปฏิเสธอย่างสุภาพยาหลอมลมปราณบนตัวเขา เป็นยาหลอมลมปราณขั้นสูงสุดที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดเขาต้องการเก็บยานี้ไว้ใช้เองและมอบให้กับหลินหว่านชิงและเซี่ยเสี่ยวเตี๋ย จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะขายให้กับคนอื่นเมื่อสักครู่นี้ที่เขาเต็มใจมอบให้กับเฝิงหลุนหนึ่งเม็ด ก็เพื่อตอบแทนน้ำใจของเฝิงหลุน“ขายให้สักนิดไม่ได้เลยเหรอครับ?”“ความต้องการของผมไม่ได้สูงมาก แค่สามหรือห้าเม็ดก็พอแล้ว…”เฝิงหลุนพูดอย่างไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าฉินหมิงได้รับยาหลอมลมปราณมาจากที่ใด แต่เขารู้ว่ายาหลอมลมปราณเหล่านี้เป็นสิ่งที่วิเศษมากสำหรับผู้ฝึกยุทธ และจะต้องเป็นของหายากและล้ำค่ามาก เป็นเรื่องปกติที่ฉินหมิงจะไม่ขายมันอย่างไรก็ตาม เมื่อสักครู่นี้เขาเห็นลาง ๆ แล้วว่ามียาหลอมลมปราณอย่างน้อยหลายสิบเม็ดในขวดกระเบื้องเคลือบสีขาวหยกของฉินหมิงตราบเท่าที่ฉินหมิงเต็มใจขายยาให้เขาสองสามเม็ด เพียงพอให้เขาทะลวงระดับไปได้อย่างราบรื่นและโดยเร็วที่สุด เขาเองก็ไม่กล้าเรียกร้องมากเกินไป“นายน้อยเฝิง คุณไม่ต้องใจร้อนไปหรอกครับ ถ้าคุณอยากได้ยาหลอมลมปราณจริง ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องยาก”“ตระกูลซูเพิ่งก่อตั
“ฉินหมิง?”หลี่เจียฮุ่ยชะงักกึก ถึงตอนนี้เธอถึงเพิ่งจำได้ว่าก่อนหน้านี้ตัวเองใช้ฉินหมิงเป็นโล่กำบัง“แม่คะ แม่เข้าใจผิดแล้ว ฉินหมิงเป็นเพื่อนของหนูเอง เขาไม่ใช่แฟนของหนู…”“เมื่อกี้นี้หนูแค่ขอให้เขาเล่นบทแฟนเพื่อยกเลิกการหมั้นหมาย”หลี่เจียฮุ่ยยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน“อะไรนะ?”“เขาไม่ใช่แฟนของลูกเหรอ?”เจียงหลานราวกับถูกฟ้าผ่า รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอแข็งทื่อทันที“แม่คะ แม่เป็นอะไรไป?”หลี่เจียฮุ่ยถามอย่างสงสัย“ไม่ นี่เป็นไปไม่ได้!”“เมื่อกี้เขายอมรับอย่างชัดเจนว่าเป็นแฟนลูก นี่จะเป็นการแอบอ้างได้ยังไง!”เจียงหลานส่ายหัวอย่างแรง เธอไม่สามารถยอมรับความจริงที่โหดร้ายนี้ได้“หนูก็บอกแล้วไม่ใช่หรอคะว่าเขาแค่ร่วมมือแสดงละครกับหนู เขาไม่ใช่แฟนของหนูจริง ๆ”หลี่เจียฮุ่ยอธิบายเมื่อเห็นว่าลูกสาวของเธอไม่ได้โกหก อารมณ์ของเจียงหลานก็จมดิ่งลงสู่ก้นบึ้ง เธอไม่อาจไม่ยอมรับเรื่องนี้“เจียฮุ่ย อย่าโง่!”“ไม่ว่าเสี่ยวฉินจะเป็นแฟนของลูกหรือเปล่า เมื่อกี้นี้เขาไม่ได้ปฏิเสธตรง ๆ หมายความว่าในใจเขาต้องสนใจลูกอยู่บ้าง”“ต่อให้ตอนนี้เขาจะไม่ใช่แฟนของลูกแล้ว ลูกก็ต้องรีบคว้าโอกาสไว้ พยายามทำใ
“ไม่…ไม่มีอะไร…”หลี่เจียฮุ่ยหน้าแดงก่ำ เธอไม่กล้ามองเข้าไปในดวงตาของฉินหมิงก่อนหน้านี้เธออาจใกล้ชิดกับฉินหมิงบ้างเป็นครั้งคราว ทว่าก็ไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติแต่ตอนนี้แม่และลูกพี่ลูกน้องของเธอต่างก็พยายามเกลี้ยกล่อมเธอให้คบหากับฉินหมิงอย่างเต็มที่ เธอจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกเล็กน้อยตอนนี้ฉินหมิงมานั่งลงข้าง ๆ เธอ เธอก็สัมผัสถึงกลิ่นอายความเป็นชายที่แข็งแกร่งจากตัวฉินหมิงได้อย่างชัดเจนสิ่งนี้ทำให้เธอรู้สึกถึงการเต้นของหัวใจตัวเองที่ผิดปกติไป“เสี่ยวฉิน พวกเรากำลังพูดเรื่องของเธอกัน”เจียงหลานพูดอย่างไม่ปกปิดแม้ว่าก่อนหน้านี้เธอจะพูดคำพูดที่ไม่น่าฟังกับฉินหมิงมากมาย แต่ฉินหมิงดูเหมือนจะไม่ขุ่นเคืองและไม่มีความตั้งใจที่จะเอาเรื่องใด ๆสิ่งนี้ทำให้เธอรู้สึกสบายใจมาก ขณะเดียวกันเธอก็ชื่นชมในความมีน้ำใจของฉินหมิงมากขึ้น เธอรู้สึกเหมือนเป็นแม่สามีที่กำลังมองดูลูกเขยตัวเอง ยิ่งมองเขามากเท่าไร เธอก็ยิ่งพึงพอใจมากขึ้นเท่านั้น“พูดเรื่องอะไรของผมเหรอครับ”ฉินหมิงแปลกใจมาก“เสี่ยวฉิน ตอนนี้เธอมีแฟนหรือยัง?”เจียงหลานถามมองดูลูกสาวของตัวเองไม่เคลื่อนไหวอะไรเลย เธอก็แอบร้อนรน
เจียงหลานพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ“อืม ที่แม่ของลูกพูดมีเหตุผล เสี่ยวฉินยอดเยี่ยมมากในทุกด้านจริง ๆ…”หลี่เหวินไห่พยักหน้า แสดงออกว่ายอมรับในตัวฉินหมิงเช่นกันฉินหมิงมีอำนาจ แต่กลับไม่เย่อหยิ่งและบ้าอำนาจเหมือนนายน้อยโหว ตรงกันข้ามเขาถ่อมตัวและสุภาพ ไม่อวดดีหรือเอาตัวเองเป็นใหญ่มากเกินไปนี่ถึงจะเป็นผู้ชายที่ดีที่คู่ควรจะฝากทั้งชีวิตของลูกสาวไว้กับเขา!“พ่อคะ แม่คะ เราเปลี่ยนเรื่องพูดไม่ได้เหรอ?”หลี่เจียฮุ่ยปวดหัวมากหลังจากกลับมาจากโรงแรม แม่ของเธอก็เอาแต่ดุเธอจนในหัวเธอยุ่งเหยิงไปหมดแล้ว“ท่าทีแบบนี้ของลูกหมายความว่ายังไง!”“พูดยังไงลูกก็ไม่ฟัง จะทำให้แม่โกรธตายให้ได้เลยใช่ไหม”เจียงหลานตวาดเธอด้วยความโกรธ“ลืมมันไปซะเถอะ หนูออกไปเดินเล่นในสวนสาธารณะดีกว่า…”หลี่เจียฮุ่ยทนแรงกดดันจากแม่ของเธอไม่ไหวจริง ๆ จึงหาข้ออ้างออกไปข้างนอก อยากอยู่คนเดียวเงียบ ๆ สักพักบางทีอาจเป็นเพราะถูกแม่ของเธอกระตุ้นมากเกินไป ความคิดของเธอเริ่มได้รับผลกระทบเล็กน้อยแล้วทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าตัวเองสมควรพิจารณาคำแนะนำของแม่ของเธอ และลองออกเดทกับฉินหมิงสักระยะหนึ่งแม้ว่าเธอจะไม่มีความรู้สึกใจเ